‘ยุทธชัย จรณะจิตต์’ กางแผน ONYX ลุยขยาย Amari-OZO-Shama รวมเป็น 70 แห่งในอีก 3 ปี พร้อมเตรียมตั้งกองทรัสต์ ONYXRT สร้างการเติบโต - Forbes Thailand

‘ยุทธชัย จรณะจิตต์’ กางแผน ONYX ลุยขยาย Amari-OZO-Shama รวมเป็น 70 แห่งในอีก 3 ปี พร้อมเตรียมตั้งกองทรัสต์ ONYXRT สร้างการเติบโต

ทายาทรุ่น 3 ของครอบครัว ‘ยุทธชัย จรณะจิตต์’ เข้ามารับตำแหน่งซีอีโอของ ONYX บริษัทเครืออิตัลไทยที่ทำธุรกิจบริหารแบรนด์โรงแรมอย่าง Amari และ OZO ตั้งแต่ช่วงโควิด-19 เป็นต้นมา ภายใต้ความท้าทาย ‘ยุทธชัย’ พา ONYX ฝ่าฟันปัญหา พร้อมๆ กับขยายพอร์ตสร้างการเติบโตจนมีโครงการรวมกว่า 7,700 ห้องในปัจจุบัน ล่าสุดเขายังเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้บริษัทด้วยการเตรียมตั้งกองทรัสต์ ONYXRT เตรียมลงทุนโปรเจ็กต์ใหม่รวม 5,000 ล้านบาท


    นอกจากธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและวิศวกรรม ‘อิตัลไทย’ ยังมีธุรกิจฮอสพิทาลิตี้อย่าง “ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป” หรือ ONYX Hospitality Group ที่ดำเนินธุรกิจด้านบริหารจัดการโรงแรม รีสอร์ต และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์แบรนด์ดังที่หลายคนคุ้นเคยอย่าง Amari, OZO, Shama รวมถึงแบรนด์โอเรียนเต็ล เรสซิเดนซ์

    เส้นทางกว่า 5 ทศวรรษของ ONYX เรียกได้ว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถดึงจุดเด่นของแต่ละแบรนด์มาสร้างเอกลักษณ์ จนตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี

    จนตอนนี้ ONYX นั้นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้นำของอุตสาหกรรมบริการและท่องเที่ยวของเอเชียก็ว่าได้ โดยมีโครงการที่เปิดให้บริการทั้งสิ้น 42 แห่ง รวมกว่า 7,700 ห้อง ครอบคลุมทั้งในประเทศไทย มาเลเซีย จีน ฮ่องกง บังกลาเทศ ศรีลังกา และ สปป.ลาว

    “เรามองว่า ONYX Hospitality Group เป็นผู้เล่นที่เงียบๆ ไม่ได้โฉ่งฉ่างอะไร แต่ก็มี back bone ที่แข็งแรง มีแลนด์แบงก์ และมี knowhow ที่จะบริหารจัดการ asset ต่างๆ ซึ่งพอร์ตโฟลิโอของเรา นอกจากโรงแรมแล้วเรามีเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ มีร้านอาหารในโรงแรมและสแตนด์อะโลน และสปาแบรนด์” คำกล่าวของ ยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ทายาทรุ่น 3 ที่เดิมบริหารแค่ที่อิตัลไทย ก่อนจะเข้ามาดูแล ONYX ควบคู่ด้วยตั้งแต่ช่วงโควิด-19 เป็นต้นมา


    “ปีที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่ดีของออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป จากการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม ส่งผลให้อัตราการเข้าพักของโรงแรมในกลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะแบรนด์ อมารี (Amari) และ โอโซ่ (OZO) มีอัตราการเข้าพักที่โดดเด่น นำไปสู่ผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม โดยมีรายได้กว่า 8,700 ล้านบาท และกำไรจากการดำเนินงานรวม (GOP) กว่า 3,400 ล้านบาท”


    ยุทธชัย กล่าวต่อว่า ขณะที่ปี 2025 ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ยังคงดำเนินการขยายการเติบโตผ่านการขยายพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยล่าสุดได้เปิดตัวโรงแรมใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ อมารี โคลัมโบ ประเทศศรีลังกา (Amari Colombo, Sri Lanka) เปิดให้บริการเดือน ธันวาคม 2024, อมารี เวียงจันทน์ ประเทศลาว (Amari Vientiane, Laos) เปิดให้บริการเดือน มีนาคม 2025, อมารี บางแสน (Amari Bangsaen) เปิดให้บริการเดือน มิถุนายน 2025 และ โอโซ่ เมดินี ประเทศมาเลเชีย (OZO Medini, Malaysia) เป็นต้น

ยุทธชัย จรณะจิตต์


    ซึ่งการเปิดตัวโรงแรมใหม่อย่างต่อเนื่องเช่นนี้ เป็นเครื่องยืนยันได้ถึงการเดินหน้าตามเป้าหมายพันธกิจที่ตั้งไว้ในการบริหารจัดการโรงแรมและที่พักมากกว่า 50 แห่งภายในปี 2568 และเพิ่มขึ้นเป็น 70 แห่งภายในปี 2571 โดยสำหรับปีนี้คาดการณ์รายได้อยู่ที่ 9,000 ล้านบาท

    ทั้งนี้ แบรนด์ “อมารี (Amari)” ซึ่งเป็นโรงแรมระดับบน ให้บริการเต็มรูปแบบที่สามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของนักเดินทางทั้งเพื่อธุรกิจและเพื่อการพักผ่อน โรงแรมตั้งอยู่ในทำเลที่หลากหลาย ครอบคลุมจุดหมายสำคัญในประเทศไทย มาเลเซีย ลาว บังกลาเทศ และศรีลังกา ปัจจุบันโรงแรมภายใต้แบรนด์ “อมารี (Amari)” เปิดให้บริการแล้ว 16 แห่ง ครอบคลุมหลากหลายประเทศในเอเชียแปซิฟิก


    ขณะที่แบรนด์ “โอโซ่ (OZO)” เป็นโรงแรมระดับ Upper-middle scale ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเน้นความสนุกสนานและความลงตัวในทุกรายละเอียดของการเข้าพัก ตอบโจทย์นักเดินทางทั้งกลุ่ม Leisure และ Business ปัจจุบัน OZO มีโรงแรมในหลายเมืองหลักทั้งในประเทศไทยและมาเลเซีย


    นอกจากนี้ เมื่อ 10 ปีก่อนออนิกซ์ฯ ยังขยายการลงทุนด้วยการไปซื้อแบรนด์เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์จากฮ่องกงแบรนด์ Shama ซึ่งปัจจุบันสามารถขยายพอร์ตได้ทั้งในจีน ไทย และเอเชีย ซึ่งยุทธชัยบอกว่า Shama เป็นดั่งทองคำของบริษัทก็ว่าได้

    “Shama คือทองคำ เพราะ GOP Margin สูงถึง 53% ในปี 2567 รวมถึงไตรมาส 1 ของปีนี้ด้วย เนื่องจากมีต้นทุนต่ำ ทำให้สามารถรักษา GOP Margin ได้สูงทั้งปี ขณะที่แบรนด์ที่จะทำยีลด์ให้ได้สูงขึ้นคือ อมารี และโอโซ่” ยุทธชัยกล่าว ก่อนจะบอกอีกว่า ด้วยความหลากหลายของแบรนด์แต่ส่งเสริมกัน ทั้งยังไม่พึ่งพานักท่องเที่ยวตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป ทำให้ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เรียกราคาห้องพักเพิ่มขึ้นได้ในช่วงไฮซีซั่น ไม่ต้องดัมพ์ราคาในช่วงโลว์ซีซั่น สามารถ maintain ราคาสูงได้ตลอดปี และรักษา GOP Margin ของแต่ละโรงแรมได้ตลอดทั้งปีด้วย



    สำหรับปีนี้ โรงแรมในเครือออนิกซ์ฯ ยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง ล่าสุดเตรียมปรับปรุงอมารี ภูเก็ต (Amari Phuket) และ อมารี ดอนเมือง (Amari Don Muang Airport Bangkok) ครั้งใหญ่ เพื่อให้สามารถสร้างความประทับใจในการเข้าพักได้ตามมาตรฐานในระดับสากลที่ตั้งไว้ และสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดให้สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

    ดร.ณัฐกวิน เจียมโชติพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ รีท แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า ได้เดินหน้าจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อลงทุนในโรงแรมที่ศักยภาพของออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป

ดร.ณัฐกวิน เจียมโชติพัฒนกุล


    ล่าสุดได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์ (แบบไฟลิ่ง) และแบบคำขออนุญาตเสนอขายหน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ออนิกซ์ (ONYX Leasehold Real Estate Investment Trust) หรือ ONYXRT แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อสร้างพอร์ตโรงแรมคุณภาพสูง ที่มีโอกาสในการเติบโตระยะยาว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. โดยมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นทรัสตี และมีบริษัท ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ รีท แมเนจเมนท์ จำกัด เป็นผู้จัดการกองทรัสต์

    โดยทรัพย์สินที่ ONYXRT จะเข้าลงทุนครั้งแรก ได้แก่

    1. อมารี กรุงเทพ (Amari Bangkok) ตั้งอยู่ใกล้แยกราชประสงค์ซึ่งเป็นย่านธุรกิจและท่องเที่ยวที่สำคัญของกรุงเทพฯ อีกทั้งการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีส้มในอนาคตจะเพิ่มศักยภาพของโครงการมากยิ่งขึ้น โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในปีที่ผ่านมา 82%

    2. อมารี พัทยา (Amari Pattaya)

    3. โอโซ่ พัทยา (OZO Pattaya)

    ทั้งสองโครงการตั้งอยู่ใจกลางพัทยาเหนือ ติดริมโค้งอ่าวทะเลที่ มีเพียงถนนเลียบชายหาดคั่น ใกล้ร้านอาหารและศูนย์การค้า จึงได้รับความนิยมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในปีที่ผ่านมา 80% และ 89% ตามลำดับ

    และ 4. โอโซ่ ภูเก็ต (OZO Phuket) ใกล้หาดกะตะเพียง 150 เมตร และหาดกะรนเพียง 850 เมตร และห่างจากสนามบินภูเก็ตเพียง 1 ชั่วโมง โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยในปีที่ผ่านมา 86%

    “ONYXRT มีจุดเด่นต่างจาก REIT โรงแรมอื่นๆ โดยเราคัดเลือกทรัพย์สินคุณภาพสูง ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ได้รับความนิยมของผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยและชาวต่างชาติ จากทรัพย์สินซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของออนิกซ์ฯ อีกทั้งการลงทุนของกองทรัสต์มีการกระจายความเสี่ยงในหลากหลายมิติ จาก 4 ทรัพย์สินที่เข้าลงทุน ใน 3 ทำเลยอดนิยม ภายใต้ 2 แบรนด์โรงแรมที่เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง เพื่อให้มั่นใจว่ากองทรัสต์จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาว อีกทั้งยังมีโอกาสขยายการลงทุนในทรัพย์สินของออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ในอนาคตอีกด้วย” ดร.ณัฐกวิน กล่าว

    ด้าน ยุทธชัย กล่าวว่า “เราอยากทำรีท เพราะอยากสร้างโรงแรมต่อ อยากสร้างโรงแรมดีๆ ให้กับประเทศไทย และอยากสร้างเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ความจริงอีกข้อคือเอาเงินไปคืนเจ้าหนี้ เพื่อให้เจ้าหนี้จะให้เงินเรากู้ยืมอีก เป็นอีกไซเคิลในการบริหารเพื่อสร้างการเติบโต”

    ทั้งนี้ แผนการลงทุนขยายพอร์ตที่ยุทธชัยวางไว้นั้นมี 4 โครงการด้วยกัน เม็ดเงินลงทุนรวมไม่เกิน 5,000 ล้านบาท คือ 1.โรงแรม OZO ที่กรุงเทพฯ ซึ่งจะตั้งอยู่ในที่ดินเดียวกันกับ Amari Bangkok มูลค่าการลงทุน 700 ล้านบาท 2.เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ Shama ที่พัทยา มูลค่าการลงทุนประมาณ 700 ล้านบาท และ 3.โครงการ EQ ที่ภูเก็ต มูลค่าลงทุน 2,500 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้ออนิกซ์ฯ ถือหุ้น 51% ขณะที่อีกโครงการหนึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้



ภาพ: ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป

ออกแบบภาพปก: ธัญวดี นิรุตติศาสตร์



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 'อมารี เวียงจันทน์' แลนด์มาร์กแห่งใหม่ สปป.ลาว

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine