ดุสิตธานี เกียวโต ตอกย้ำความสำเร็จระดับโลก โรงแรมไทยแห่งแรกในญี่ปุ่นที่ได้รับ ‘กุญแจมิชลิน’ - Forbes Thailand

ดุสิตธานี เกียวโต ตอกย้ำความสำเร็จระดับโลก โรงแรมไทยแห่งแรกในญี่ปุ่นที่ได้รับ ‘กุญแจมิชลิน’

FORBES THAILAND / ADMIN
01 Aug 2024 | 04:30 PM
READ 1614

กลุ่มดุสิตธานีประกาศความสำเร็จในระดับโลกอีกขั้น หลังจาก ‘โรงแรมดุสิตธานี เกียวโต (Dusit Thani Kyoto)’ สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ ด้วยการเป็นโรงแรมสัญชาติไทยแห่งแรกและแห่งเดียวในญี่ปุ่น ที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในโรงแรมที่ได้รับรางวัล ‘กุญแจมิชลิน (Michelin Key)’ อันทรงเกียรติจากคู่มือ มิชลิน ไกด์ (Michelin Guide) ประจำปี 2567 ตอกย้ำความเป็นโอเอซิสระดับลักชัวรี ใจกลางอดีตเมืองหลวงเก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่น


    จิลล์ เครตัลเลช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่า กลุ่มดุสิตธานี และโรงแรมดุสิตธานี เกียวโต (Dusit Thani Kyoto) รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นหนึ่งในโรงแรมที่ได้รับรางวัลกุญแจมิชลิน 1 ดอก ในด้านคุณภาพการบริการและประสบการณ์อันโดดเด่น ที่สามารถมอบให้ผู้เข้าพักทุกท่าน โดยโรงแรมดุสิตธานี เกียวโต นับเป็นโรงแรมสัญชาติไทยแห่งแรกและแห่งเดียวในญี่ปุ่นที่ได้รับรางวัลดังกล่าว ซึ่งเป็นผลจากความทุ่มเทของทีมงานในโรงแรม รวมถึงความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละของกลุ่มดุสิตธานีในการสร้างมาตรฐานที่สูงเกินความคาดหวังของแขกผู้เข้าพักในทุกมิติ



    สำหรับกุญแจมิชลิน เป็นตราสัญลักษณ์พิเศษที่มอบให้กับโรงแรมที่นำเสนอประสบการณ์การเข้าพักอันยอดเยี่ยม ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ระดับเหมือนรางวัลอาหารในมิชลินไกด์ คือกุญแจตั้งแต่ 1-3 ดอก โดยจะต้องผ่านเกณฑ์การประเมินคุณภาพ 5 ปัจจัย ได้แก่ การออกแบบภายในและสถาปัตยกรรมอันยอดเยี่ยม คุณภาพและความสม่ำเสมอในบริการ ความสะดวกสบาย และการบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพดี ตัวตนที่สะท้อนถึงบุคลิกโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ความเป็นเลิศในการส่งมอบประสบการณ์ที่คุ้มค่าหรือมากกว่าราคาที่จ่าย และสถานที่ที่เป็นจุดหมายในตัวเอง โดยเป็นที่พักที่เพิ่มอรรถรสให้กับประสบการณ์ท้องถิ่น

    ปัจจุบันโรงแรมต่างๆ ในประเทศฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และบางแห่งในสหรัฐอเมริกา ต่างได้รับรางวัลกุญแจมิชลินไปแล้ว ขณะที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกในทวีปเอเชียที่ได้รับรางวัลนี้ และโรงแรมดุสิตธานี เกียวโต เป็นโรงแรมไทยเพียงแห่งเดียวจากทั้งหมด 85 แห่งในประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับเลือกให้เป็นโรงแรมที่ได้รับรางวัลกุญแจมิชลิน 1 ดอก และยังเป็นโรงแรมแรกของเครือดุสิตที่ได้รับรางวัลนี้


    ทั้งนี้ โรงแรมดุสิตธานี เกียวโต เปิดให้บริการเมื่อเดือนกันยายน 2566 ตั้งอยู่ในย่านฮันกันจิ มอนเซนมาจิ ในจังหวัดเกียวโต ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าอันเงียบสงบ ห่างจากสถานีรถไฟเกียวโตเพียง 850 เมตร โดดเด่นด้วยการออกแบบในโรงแรมที่ผสมผสานมรดกอันล้ำค่าของเกียวโตเข้ากับสถาปัตยกรรมของไทย โดยได้บันดาลใจจากอยุธยา อดีตเมืองหลวงของไทยซึ่งเต็มไปด้วยวัฒนธรรม ซึ่งจะเห็นได้จากลวดลายเจดีย์ที่อยู่ในโรงแรม และรูปลักษณ์การออกแบบอื่นๆที่ยังสามารถพบได้ในห้องพักทั้ง 147 ห้อง ที่ได้รับการตกแต่งอย่างพิถีพิถัน มอบความสมดุลอันลงตัวระหว่างความสง่างามเหนือกาลเวลาและเสน่ห์แบบร่วมสมัย

    โรงแรมดุสิตธานี เกียวโต ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบและสวยงาม เปรียบเสมือนโอเอซิสสำหรับนักเดินทางทั้งเพื่อการทำธุรกิจ และพักผ่อน นอกจากพื้นที่จัดงานที่ตกแต่งอย่างหรูหราซึ่งรองรับแขกได้มากถึง 240 คนแล้ว ยังมี เทวารัณย์ เวลเนส เซ็นเตอร์ ที่เป็นเอกลักษณ์ของโรงแรม ซึ่งเธอราปิสต์จะนำเสนอการนวดแบบผสมผสานระหว่างการแบบนวดไทยโบราณและพิธีกรรมแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านดูแลสุขภาพอีกมากมาย ได้แก่ ศูนย์ออกกำลังกายพร้อมอุปกรณ์ครบครัน และสระว่ายน้ำในร่ม


    อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้โรงแรมดุสิตธานี เกียวโต ได้รับกุญแจมิชลิน คือ ประสบการณ์การรับประทานอาหารที่หลากหลาย และโดดเด่นกว่าใคร ซึ่งผู้เข้าพักสามารถลิ้มลองมื้อพิเศษแบบ โอมากาเสะเพื่อเติมความสุขผ่านอาหารชั้นเลิศที่ห้องอาหารโคโยโดยทีมเชฟจะเลือกใช้วัตถุดิบสดใหม่ระดับพรีเมียม สื่อถึงการเฉลิมฉลอง ‘ฤดูกาลพิเศษ’ ทั้ง 24 ฤดูย่อยของเกียวโต

    สำหรับผู้เข้าพักที่มองหาประสบการณ์หลังรับประทานดินเนอร์สุดลักชัวรี บาร์ เดน เกียวโต สามารถตอบสนองความต้องการได้ทันที ทั้งจากการตกแต่งอันงดงาม และค็อกเทลสูตรพิเศษ

    ขณะที่ห้องอาหารอายตนะอีกหนึ่งห้องอาหารของโรงแรม พร้อมที่จะสร้างประสบการณ์แบบไม่ซ้ำใคร นำเสนออาหารไทยแบบไฟน์ไดนิ่งผ่านพหุประสาทสัมผัส โดยได้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมที่หลากหลายของทั้งประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น โดยเชฟโบ - ดวงพร ทรงวิศวะ และเชฟดีแลน โจนส์ สองสามีภรรยาซึ่งเป็นที่ยอมรับในวงการอาหารระดับโลก เป็นผู้วางคอนเซ็ปต์ และสร้างสรรค์เมนูต่างๆ ให้กับห้องอาหารนี้ การันตีคุณภาพจากร้าน Bo.Ian ซึ่งคว้ารางวัลดาวมิชลินมาแล้ว



    โรงแรมแห่งนี้ยังได้รับการยกระดับประสบการณ์การรับประทานอาหารขึ้นไปอีกขึ้น จากความมุ่งมั่นของกลุ่มดุสิตธานีที่ต้องการสนับสนุนผู้ผลิตท้องถิ่น และริเริ่มโครงการต่างๆ ในเกียวโต อาทิ ความร่วมมือกับ TeaRoom Inc. บริษัทผลิตชาแบบยั่งยืนเพื่อจัดตั้งสวนชาดุสิตในวาซูกะซึ่งเป็นเมืองทางตอนใต้ของจังหวัดเกียวโต เพื่อผลิตชาออร์แกนิกสำหรับใช้ในร้านอาหารและห้องพักของโรงแรม

    นอกจากนี้ ดุสิตยังได้ร่วมมือกับ OHARA FARMY ซึ่งสนับสนุนการพัฒนาฟาร์มออร์แกนิกและการใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน เพื่อสร้าง ดุสิตฟาร์ม ฟาร์มออร์แกนิกขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างจากเกียวโตเพียง 20 นาทีโดยรถยนต์ นอกจากการปลูกผักเพื่อใช้ในร้านอาหารของโรงแรมแล้ว ฟาร์มแห่งนี้ยังจะเป็นสถานที่สำหรับการทำกิจกรรมอันน่าประทับใจ และมีคุณค่าสำหรับแขกผู้เข้าพัก เช่น กิจกรรมการเก็บผักด้วยตัวเอง เป็นต้น


    “รางวัลกุญแจมิชลินที่โรงแรมดุสิตธานี เกียวโต ได้รับในครั้งนี้ ยังถือเป็นเครื่องพิสูจน์ต่อแบรนด์ดุสิตธานีที่ผ่านการปรับโฉมใหม่ และยังเป็นคำมั่นสัญญาของเราที่จะคงมาตรฐานระดับสูงเช่นเดียวกับโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ที่กำลังจะเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 27 กันยายน 2567 รวมโรงแรมดุสิตธานีที่อื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งเราหวังว่าจะสร้างความสำเร็จต่อไปในจุดหมายปลายทางอื่นๆ ของดุสิตธานีในอนาคต” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.ดุสิตธานี กล่าว

    ปัจจุบันกลุ่มดุสิตธานีมีโรงแรมและรีสอร์ทในเครือรวม 298 แห่ง ใน 18 ประเทศทั่วโลก แบ่งเป็น โรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิต 57 แห่ง และวิลล่าหรู 241 ภายใต้แบรนด์ อีลิท เฮเวนส์ (Elite Havens) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเช่าวิลล่าระดับลักชัวรีชั้นนำในเอเชีย ซึ่งดุสิตเข้าซื้อกิจการเมื่อเดือนกันยายน 2561 ปัจจุบันมีโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตมากกว่า 60 แห่งที่กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : OR พา ‘คาเฟ่ อเมซอน’ บุกบังกลาเทศ ตั้งเป้าเปิดสาขาแรกไตรมาส 4 ปีนี้

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine