<h2>‘มัทฉะ’ กลายเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางบนโซเชียลมีเดียด้วยยอดเอ็นเกจเมนต์ (Engagement) สูงถึง 5,219,570 ครั้ง ในเวลาไม่ถึง 2 เดือนตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ร้านค้าหลายแห่งประสบปัญหาสินค้าขาดตลาด จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เทรนด์คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพผลักดันให้มัทฉะกลายเป็นทั้งเครื่องดื่มทางเลือกและสัญลักษณ์ของไลฟ์สไตล์คนทันสมัย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด ได้ทำการรวบรวมข้อมูลผ่านเครื่องมือ DXT360 เพื่อฟังเสียงผู้บริโภคในสังคมออนไลน์ (Social Listening) ในช่วงวันที่ 1 มกราคม - 15 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อนำมาวิเคราะห์หา Insight ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มยอดนิยมที่ต้นกำเนิดจากญี่ปุ่นชนิดนี้ ‘มัทฉะลาเต้’ อันดับ 1 ในใจชาวโซเชียล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผงมัทฉะสามารถนำมารังสรรค์ได้หลายเมนู ตามความชื่นชอบรสสัมผัสของแต่ละคน ด้วยเอกลักษณ์ที่หาได้ยากจากเครื่องดื่มทั่วไป ซึ่งนักดื่มมือใหม่และมือเก่าต่างก็มีเมนูโปรด ดังนี้&nbsp; &nbsp; • Matcha Latte ครองอันดับ 1 ได้รับ Engagement สูงที่สุดบนโลกโซเชียลมีเดียอยู่ที่ 41% ถือเป็นเมนูที่เปิดโลกการดื่มมัทฉะของหน้าใหม่และครองใจใครหลายๆ คนเนื่องจากได้ทั้งประโยชน์และความอร่อยทานง่าย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• รองลงมาคือ Pure Matcha ที่อันดับ 2 ซึ่งมี Engagement อยู่ที่ 35% ถือว่าเป็นเมนูสายสุขภาพที่ทำให้ได้รับสารประโยชน์จากมัทฉะเต็มที่อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ดื่มได้สัมผัสถึงเอกลักษณ์และคุณภาพของมัทฉะแต่ละร้านได้ดีที่สุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ยังมีเมนูสร้างสรรค์อื่นๆ ที่ได้รับความนิยม โดย Matcha Coconut ครองอันดับ 3 ด้วยยอด Engagement 10% ตามมาด้วย Matcha Honey และ Matcha Lemon ที่ได้รับความนิยมเท่ากันที่ 4% ถัดมาคือ Matcha Yuzu 2% และเมนูอื่นๆ รวม 4% <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/X4tq8ttU6tjeyBkZVgU6.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="X4tq8ttU6tjeyBkZVgU6.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" origin-size="1024,768" style="width: 720px; height: auto;" data-index="0"></figure></div> Taste Note ไหน ถูกใจมัทฉะเลิฟเวอร์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจัยสำคัญที่ทำให้มัทฉะเป็นที่นิยมและไม่เอ่ยถึงไม่ได้ นั่นคือ ‘Taste Note ของมัทฉะ’ หรือ เอกลักษณ์ของรสชาติและกลิ่นที่หลากหลาย ซึ่งมาจากความแตกต่างของสายพันธุ์ใบชา แหล่งเพาะปลูก และกระบวนการผลิต ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกมัทฉะที่ตรงกับรสนิยมของตนเองได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อพิจารณาจากข้อมูลใน Social Media พบว่าผู้ใช้โซเชียลมีเดียให้ความสนใจและมี Engagement ต่อ Taste Note ต่างๆ ของมัทฉะ ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• Creamy 38% : จุดเด่นคือช่วยลดความเข้มของรสขมจากใบชา มีความหอมเนย กลมกล่อม นุ่มละมุน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• Nutty 35% : มีความมัน นัว คล้ายถั่วอัลมอนด์อบ บางครั้งอาจได้รสถั่วคั่ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• Seaweed 10% : ให้ความรู้สึกที่สดชื่นแบบน้ำทะเล มีความเค็มเล็กน้อย โดยแสดงถึงรสและกลิ่นของสาหร่ายอย่างชัดเจน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• Chocolate 9% : สัมผัสได้ถึงดาร์คช็อคโกแลตมีการผสมกับความขมเล็กน้อย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• Floral 5% : กลิ่นหอมดอกไม้อ่อนๆ ให้ความรู้สึกสดชื่น และบางเบา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• อื่นๆ รวม 3%มัทฉะแบรนด์ไหน ครองใจชาวโซเชียล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากกระแสมัทฉะที่กำลังมาแรงบนโซเชียล ตลาดเครื่องดื่มมัทฉะแบ่งออกกว้างๆ เป็น 2 กลุ่ม คือ ร้านเครื่องดื่มแบรนด์ดัง (Popular Coffee Chains) ที่เพิ่มเมนูมัทฉะเป็นทางเลือกใหม่ให้ลูกค้า และร้านมัทฉะพรีเมียม (Specialty Matcha Cafes) ที่เน้นเสิร์ฟเครื่องดื่มมัทฉะและชาเขียวโดยเฉพาะ&nbsp; &nbsp; ในแต่ละตลาดมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน สำหรับร้านเครื่องดื่มแบรนด์ดัง มักหาร้านดื่มได้ง่าย ติดตลาด และมีชื่อเสียง เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นดื่มมัทฉะ โดยพบว่า แบรนด์ที่ผู้ใช้โซเชียลมีเดียให้ความสนใจมากที่สุด คือ คาเฟ่ อเมซอน (Cafe Amazon) ด้วยยอด Engagement 29% รองลงมา ฟุกุ มัทชะ (Fuku Matcha) 21%, อินทนิล (Inthanin) 17%, พันธุ์ไทย (Punthai) 15%, สตาร์บัคส์ (Starbucks) 13% และอื่นๆ 5% ตามลำดับ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/2NNngGWybNseFtdqZuaY.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,540px" data-align="center" data-file-name="2NNngGWybNseFtdqZuaY.jpg" data-file-size="0" origin-size="1024,768" data-origin="1024px,768px" style="width: 720px; height: 540px; transform: rotate(0deg);" data-index="1"></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนร้าน Specialty Matcha เหมาะสำหรับชาวมัทฉะเลิฟเวอร์ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพใบชาและประสบการณ์การดื่มที่ลึกซึ้ง โดยพบว่า แบรนด์ MTCH ได้รับความสนใจจากผู้ใช้โซเชียลมีเดียมากที่สุดโดยมี Engagement อยู่ที่ 30%&nbsp;รองลงมาคือ Peace Oriental 23%, Ksana 18%, mini oriental 15%, Homu 10% และอื่นๆ 4% ตามลำดับ มัทฉะกับโอกาสทางการตลาด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มัทฉะมีศักยภาพทางการตลาดสูงด้วยความนิยมที่ยืนยันจากยอด Engagement กว่า 5 ล้านครั้งในโซเชียลมีเดียตามที่กล่าวไปข้างต้น ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ผู้บริโภคหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มรักสุขภาพและกลุ่มชอบทดลองสิ่งใหม่ โดยแบรนด์สามารถสร้างการเติบโตได้ด้วยการพัฒนาเมนูหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ Matcha Latte สำหรับมือใหม่ไปจนถึง Pure Matcha สำหรับผู้ที่ชื่นชอบรสชาติดั้งเดิม โดยใช้คุณค่าทางวัฒนธรรมและประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นจุดขายหลัก ภาพ:&nbsp;ดาต้าเซ็ต เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/specialty-thai-tea-is-so-hot-drink-on-line-man" alt="LINE MAN จับตาเทรนด์ “ชาไทย Specialty” ร้านเปิดใหม่โต 205% ใน 3 ปี">LINE MAN จับตาเทรนด์ “ชาไทย Specialty” ร้านเปิดใหม่โต 205% ใน 3 ปี</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เจาะกระแส ‘มัทฉะ’ มาแรง Matcha Latte คว้าอันดับ 1 เมนูยอดนิยม เพราะอร่อย ดื่มง่าย และมีประโยชน์

<h2>หลังมีข่าวคราวความต้องการ ‘มัทฉะ’ ที่เพิ่มสูงจนสินค้าขาดตลาด ซ้ำยังดันราคาจนแพงขึ้นกว่า 2 เท่าในปี 2024 ที่ผ่านมา ล่าสุด รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาผลักดันเกษตรกรชาเชียวให้ผลิตใบชา ‘เทนฉะ’ ที่เป็นวัตถุดิบสำหรับทำมัทฉะเพิ่มมากขึ้นเพื่อผลักดันการส่งออก</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับคอชาเขียวญี่ปุ่นคงทราบกันมาตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังปีที่แล้วว่าราคามัทฉะ (Matcha) หรือผงชาเขียวญี่ปุ่นค่อยๆ ปรับตัวสูงขึ้น สืบเนื่องมาจากความนิยมดื่มชาเดียวที่มาแรงพาให้ความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นตาม มิหนำซ้ำเกษตรกรยังไม่สามารถผลิตมัทฉะได้ทันจนสินค้าขาดตลาด โดยเฉพาะอุจิมัทฉะ (Uji Matcha) ซึ่งเป็นมัทฉะเกรดพรีเมียมที่นำมาทำเครื่องดื่มอย่างมัทฉะลาเต้และขนมต่างๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รายงานจาก Japan Forward เผยว่า ณ ปลายปี 2024 มีการวางจำหน่ายอุจิมัทฉะจากญี่ปุ่นบนเว็บไซต์ต่างๆ ในไทย เวียดนาม และสิงคโปร์ ในราคาสูงกว่าปกติเกิน 2 เท่าตัว จนบรรดาผู้ผลิตในญี่ปุ่นต้องออกมาประกาศแสดงเจตจำนงว่าไม่ต้องการให้มีการนำผลิตภัณฑ์ของพวกเขาไปขายต่อในราคาสูงเกินจริง ทั้งยังมีการเตือนให้ผู้บริโภคระวังมัทฉะปลอมอีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กระทั่งวันที่ 25 มกราคม 2025 สำนักข่าว Kyodo News เผยว่า ตอนนี้ทางกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น กำลังพิจารณาวางแผนอัดฉีดเงินสนับสนุนพิเศษเพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถผลิตเทนฉะซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับทำมัทฉะได้มากขึ้นในปีนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในการผลิตมัทฉะนั้น เกษตรกรจะเริ่มจากการปลูกต้นชาเขียวโดยมีการคลุมต้นชาป้องกันแสงแดดราว 4 สัปดาห์ มักเก็บเกี่ยวช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ตามด้วยการนำใบชาที่ได้มาผ่านกระบวนการเติมความชื้นและตากให้แห้ง เรียกผลิตภัณฑ์ที่ได้ว่า ‘เทนฉะ’ ซึ่งเมื่อนำไปโม่เป็นผงละเอียดก็จะกลายเป็น ‘มัทฉะ’ นั่นเอง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อุตสาหกรรมชาเขียวญี่ปุ่นนั้นประกอบใบด้วยชาเขียวหลายประเภท ในปี 2023 ญี่ปุ่นส่งออกชาเขียวมากถึง 7,579 ตัน คิดเป็นมูลค่า 2.92 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 6.37 พันล้านบาท) เพิ่มขึ้นราว 9 เท่าตลอดระยะเวลา 15 ปี ซึ่งหลักๆ แล้วคือมัทฉะที่มีแรงส่งจากความนิยมอาหารญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้นในหมู่ผู้บริโภคชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในยุโรปและสหรัฐอเมริกา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น การผลิตชาเขียวญี่ปุ่นไม่ได้มากขึ้นตาม ตรงกันข้าม ผลผลิตที่ได้กลับลดลงกว่า 20% เนื่องจากเกษตรกรญี่ปุ่นเริ่มมีอายุมากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การผลิตชาที่มีมูลค่าสูงพิเศษนับเป็นเรื่องสำคัญ เราจะผลักดันการอภิปรายเพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจที่ตรงกัน” กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่นเผย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับการผลักดันให้ผลิตเทนฉะจะเริ่มจากการกำหนดนโยบายพื้นฐานว่าด้วยการผลิตชา ซึ่งจะมีการปรับปรุงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกเหนือจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นยังยกระดับความพยายามเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับมัทฉะผ่านทางโซเชียลมีเดีย โดยบัญชี Instagram ที่เปิดมาเพื่อโปรโมตชาญี่ปุ่นซึ่งดำเนินการโดยศูนย์ส่งเสริมผลิตภัณฑ์อาหารญี่ปุ่นไปยังต่างประเทศ (JFOODO) นั้น ปัจจุบันมีผู้ติดตามมากกว่า 30,000 คนแล้ว แหล่งที่มา:​<a href="https://english.kyodonews.net/news/2025/01/ed8f08aec023-japan-looks-to-cash-in-on-matcha-boom-to-boost-green-tea-exports.html" alt="Japan looks to cash in on matcha boom to boost green tea exports">Japan looks to cash in on matcha boom to boost green tea exports</a>​ ​<a href="https://japan-forward.com/prized-matcha-from-kyoto-struggles-to-keep-up-with-surging-demand/" alt="Prized Matcha from Kyoto Struggles to Keep Up with Surging Demand">Prized Matcha from Kyoto Struggles to Keep Up with Surging Demand</a>​ Photo by&nbsp;<a href="https://www.pexels.com/photo/person-holding-a-brown-wooden-spoon-with-matcha-powder-8329636/" alt="Anna Pou">Anna Pou</a>&nbsp;from Pexels​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/global-world/7-life-lessons-from-the-little-prince" alt="7 บทเรียนจาก ‘เจ้าชายน้อย’ วรรณกรรมเด็กที่ส่งเสียงสะท้อนถึงหัวใจของผู้ใหญ่">7 บทเรียนจาก ‘เจ้าชายน้อย’ วรรณกรรมเด็กที่ส่งเสียงสะท้อนถึงหัวใจของผู้ใหญ่</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมดันเกษตรกรผลิต ‘มัทฉะ’ เพิ่มมากขึ้น หลังได้รับความนิยมจนสินค้าขาด - ราคาพุ่ง

<h2 class="p1">หลังประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในแคมเปญ “Ichitan X Free Fire รหัสล่าฮายาโตะ” เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่ อิชิตัน ร่วมกับการีนาในการแจกรหัสใต้เครื่องดื่มชาเขียวรสฮันนี่เลมอน แลกไอเทมพิเศษในเกม Free Fire ส่งผลให้ยอดขายของเครื่องดื่มดังกล่าวพุ่งขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง 5 เดือนติดต่อกัน และทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักในหมู่วัยรุ่นมากขึ้น</h2>
ล่าสุด อิชิตัน จับกลยุทธ์นี้มาใช้อีกครั้งในช่วงโค้งท้ายของปี 2562 ด้วยการร่วมกับการีนาเปิดตัวแคมเปญ “อิชิตัน รหัสล่าสกินปืน กาแล็คซี่ดับสูญ” โดยเป็นการใช้รหัสใต้ฝาแลก “สกินปืน” (รูปลักษณ์ภายนอกของปืน) พิเศษในเกม Free Fire จากค่ายการีนา โดยตั้งเป้าเจาะกลุ่ม Gen Z (อายุ 10-24 ปี)
ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทุกวันนี้โลกหมุนเร็ว เด็กสมัยนี้ 90% เติบโตมากับเกม ซึ่งเป็นโลกและคอมมูนิตี้หนึ่งของเขา หรืออาจกล่าวได้ว่าเกมกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเด็กรุ่นใหม่ เกมเป็นแพชชั่นที่ขับเคลื่อนชีวิตเด็ก ดังนั้น เราต้องไม่ปิดกั้น แต่ต้องพยายามทำความเข้าใจ เปิดใจ ก็จะให้เราอยู่ในโลกเดียวกับเขาได้
“อี-สปอร์ตอาจเป็นธุรกิจใหม่แห่งอนาคต เป็นกีฬาระดับโลก และเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอื่นอีกมหาศาล อิชิตันจึงเปิดใจกับเกมและอยากให้วัยรุ่นเล่นให้สนุกและไปให้ถึงเป้าหมาย”
ทั้งนี้ แคมเปญ “อิชิตัน รหัสล่าสกินปืน กาแล็คซี่ดับสูญ” นั้นใช้เครื่องดื่มชาเขียวผสมวุ้นมะพร้าวอิชิตันชิวชิว รสองุ่นเฮียวโค และรสไลม์ ฮันนี่ ซึ่งใต้ฝาขวดจะมีรหัสไอเทมโค้ด เมื่อผู้เล่นสะสมรหัสครบทุก 2 ฝา จะได้รับกล่องอิชิตันเพื่อลุ้นรับไอเทม “สกินปืน กาแล็กซีดับสูญ” เพื่อใช้กับปืน 4 รุ่น ได้แก่ M79 / SCAR / MP5 / M60 และไอเทมอื่นๆ ในเกม Free Fire ระยะเวลาแคมเปญตั้งแต่ 1 ตุลาคม - 15 ธันวาคม 2019
วริทธิ์นันท์ ไตรรัตโนภาส Senior Manager บริษัท การีนา ออนไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า Free Fire เป็นเกมเอาตัวรอดที่การีนาได้พัฒนาขึ้นมาและให้บริการมามากกว่า 1 ปี ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงด้วยยอดดาวน์โหลดจากผู้เล่นกว่า 450 ล้านคนทั่วโลก นอกจากนี้ยังสร้างปรากฏการณ์ออนไลน์พร้อมกันทั่วโลก 50 ล้านคน/วัน
“ตลอดเวลาเราพยายามฟังฟีดแบ็กจากเกมเมอร์ พร้อมๆ กับการทำตลาดที่เข้าใจเกมเมอร์ได้ดี ซึ่งการร่วมมือกับอิชิตันครั้งนี้เชื่อว่าจะสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เล่น และรู้สึกดีใจที่อิชิตันเห็นศักยภาพของเยาวชนไทยในวงการอี-สปอร์ต”


<figure><img class="size-full wp-image-21590" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/ichitan03.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> วริทธิ์นันท์ ไตรรัตโนภาส Senior Manager บริษัท การีนา ออนไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด</figcaption></figure>

&nbsp;
<h2 class="p1">หวังแคมเปญดันยอดขายไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน</h2>
ตัน กล่าวว่า กลยุทธ์ของเราต่อจากนี้คงไม่ทำแคมเปญใหญ่ที่ใช้เงินทีเดียวหลักร้อยล้านบาทแล้ว แต่จะหันมาทำแคมเปญที่ตรงกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนแต่ละเซ็กเมนต์มากขึ้น โดยเราเริ่มทำอีเวนต์เฉพาะกลุ่มโรงเรียน, กลุ่มออฟฟิศ, กลุ่มร้านค้าขายส่ง ซึ่งทำให้เราใช้งบการตลาดลดลง แต่ได้ผลลัพธ์ดีขึ้น ทำให้เรามีกำไรเพิ่มขึ้นจากปีก่อน
“โดยงบการตลาดครึ่งปีที่แล้ว 309 ล้านบาท ครึ่งปีนี้ใช้ไปแค่ 240 ล้านบาท ขณะที่งบการตลาดปีที่แล้วใช้ไป 514 ล้านบาท ส่วนปีนี้ตั้งเป้าไว้ว่าจะใช้ไม่เกิน 410 ล้านบาท ซึ่งหากทำได้จริงจะใช้เม็ดเงินลดลงถึง 104 ล้านบาท”
ทั้งนี้ โพสต์ทูเดย์รายงานผลให้<a href="https://www.posttoday.com/economy/news/597813">ผลประกอบการ 6 เดือนแรกปีนี้</a> อิชิตันมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 251 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,940% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 2.5 ล้านบาท มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 2,964.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 2,654.5 ล้านบาท
กรรมการผู้อำนวยการอิชิตัน ระบุอีกว่า สำหรับสินค้ากลุ่มอิชิตันชิวชิว หรือกลุ่มชาเขียวผสมวุ้นมะพร้าว บริษัทห่างหายจากการทำตลาดไปราว 2 ปี เนื่องจากเมื่อก่อนไม่สามารถผลิตเองได้ จึงต้องจ้างผลิตซึ่งมีต้นทุนสูง แต่ตอนนี้บริษัทมีเครื่องจักรเองจึงหันกลับมาทำตลาดอีกครั้ง โดยตั้งเป้าว่าในช่วงสองเดือนครึ่งของการจัดแคมเปญ จะดันให้ยอดขายของสินค้ากลุ่มอิชิตันชิวชิวขึ้นมาเป็นไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท จากปกติมียอดขายราวเดือนละ 20 ล้านบาท


<figure><img class="size-full wp-image-21589" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/ichitan02.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)</figcaption></figure>
สำหรับชาเขียวผสมวุ้นมะพร้าวนั้นมีสัดส่วนอยู่ที่ 9% ในตลาดชาพร้อมดื่ม โดย 8 เดือนแรกชาเขียวผสมวุ้นมะพร้าวมีมูลค่าประมาณ 760 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2018 มีมูลค่าราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งอิชิตันมองว่าปีนี้ยังมีโอกาสเติบโตตามตลาดชาเขียวพร้อมดื่มที่คาดว่าปีนี้จะเติบโต 8%
&nbsp;
<h2 class="p1">ภาษีน้ำตาลไม่กระทบ</h2>
สำหรับมาตรการภาษีน้ำตาลที่จะมีการปรับขึ้นอีกครั้งในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ซึ่งจะมีผลดังนี้

<ol>
 	<li class="p1">เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลไม่เกิน 6 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เว้นการเก็บภาษี</li>
 	<li class="p1">เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 6 กรัม แต่ไม่เกิน 8 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 0.30 บาทต่อลิตร</li>
 	<li class="p1">เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 10 กรัม แต่ไม่เกิน 14 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 1 บาทต่อลิตร</li>
 	<li class="p1">เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 14 กรัม แต่ไม่เกิน 18 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 3 บาทต่อลิตร</li>
 	<li class="p1">เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 18 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 5 บาทต่อลิตร</li>
</ol>
ตันกล่าวว่า อิชิตันแทบไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับภาษีใหม่และแทบไม่มีการปรับขึ้นราคาสินค้าตัวใดเลย เนื่องจากได้ปรับสูตรไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้สินค้าของบริษัทในปัจจุบันแทบไม่มีตัวใดที่มีน้ำตาลเกิน 10% เลย ส่งผลให้เราเสียภาษีเพียงลิตรละ 0.30 บาท จากที่เคยเสียภาษีในอัตราลิตรละ 0.50 บาท เรียกได้ว่าอัตราภาษีน้ำตาลรอบใหม่นี้ส่งผลบวกกับเรามากกว่า
“ส่วนเครื่องดื่มอื่นๆ ในตลาดที่ได้รับผลกระทบคือน้ำอัดลมที่ได้ปรับราคาไปแล้ว และน้ำผลไม้ก็ปรับราคาขึ้นประมาณ 20% ส่วนฟังชั่นนอลดริงค์ต้องรอผลการประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง”
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/other/%e0%b8%ad%e0%b8%b4%e0%b8%8a%e0%b8%b4%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%99-%e0%b8%a3%e0%b8%b8%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b9%82%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b8%b5%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b8%a2.html">“อิชิตัน” รุกอินโดนีเซีย เบิกทางสู่อาเซียน</a></li>
</ul>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events