<h2>ผู้จัดงาน FAST AUTO SHOW THAILAND 2024 ระหว่าง 3-7 กรกฎาคม นี้ มั่นใจตลาดรถมือสองของไทยยังไม่อิ่มตัว มีโอกาสโตอีก 4-5% พร้อมตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถคุณภาพดีราคาย่อมเยา ด้วยการจับมือผู้ประกอบการยกระดับมาตรฐาน ‘รถใช้แล้ว คุณภาพดี มีรับประกัน’ </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วิชัย สุวรรณศิลา นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว เผยถึงภาพรวมของธุรกิจรถยนต์ใช้แล้วว่า “ตลาดรถยนต์ใช้แล้วจะมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนขึ้นช่วงครึ่งหลังปี 2567 เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศมีการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป สถาบันการเงินเริ่มปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เร่งช่วยลูกหนี้ในการปรับโครงสร้างหนี้ ทำให้คุณภาพสินเชื่อปรับดีขึ้น และลดโอกาสหนี้เสียน้อยลงเพราะถูกคัดกรองตั้งแต่แรก ประกอบกับราคารถมือสองเริ่มนิ่ง หลังจากมีการปรับราคาลงมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 ทำให้เป็นโอกาสดีของผู้บริโภคที่ต้องการใช้รถยนต์เพราะจะได้รถมือสองในราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับในอดีต”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/V9UiG7d7JBmnTkN1zE35.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="V9UiG7d7JBmnTkN1zE35.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ ประธาน บริษัท คิง ออฟ ออโต้ โปรดักท์ จำกัด ในฐานะประธานการจัดงาน FAST AUTO SHOW THAILAND 2024 เผยว่า การจัดงานปีนี้ถือเป็นปีที่ 12 ที่จะช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์ช่วงกลางปีได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะยอดขายภายในงานของกลุ่มรถใช้แล้วในปีที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ เพราะผู้บริโภคที่เลือกซื้อรถในงานเป็นลูกค้ากลุ่มมีกำลังซื้อ มีความพร้อม อีกทั้งการรับประกันซื้อคืนยังสร้างความมั่นใจ และส่งเสริมให้เลือกซื้อรถยนต์มือสองได้ง่ายขึ้น โดยที่มาของการรับประกันรถยนต์ใช้แล้วในงาน “ฟาสต์ ออโต โชว์ ไทยแลนด์” เริ่มตั้งแต่การจัดงานครั้งแรกในปี 2012 เกิดจากแนวคิดที่ต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและสร้างมาตรฐานการรับประกันของธุรกิจรถยนต์ใช้แล้วให้เป็นที่แพร่หลาย จึงได้ตกลงทำสัญญากับกลุ่มผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภค ด้วยการรับประกันซื้อคืน 100% หากรถมือสองที่ซื้อในงานผิดเงื่อนไขที่กำหนดไว้ใน 5 ข้อ ได้แก่ ไฟไหม้ จมน้ำ ตัดต่อ ชนหนัก และไม่สามารถจดทะเบียนได้ถูกต้องตามกฎหมาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“สำหรับปีนี้ นอกจากผู้ประกอบการจะคัดกรองรถสภาพนางฟ้า รุ่นใหม่ ๆ ไมล์น้อยมาจำหน่ายเหมือนเช่นทุกๆ ปีที่ผ่านมาแล้ว ทุกคันยังต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากทีมงานที่มากประสบการณ์ของผมอีกด้วย เพราะเรามีการออกใบรับประกัน ระบุคุณภาพเกรดของรถยนต์ใช้แล้วทุกคันภายในงาน ซึ่งมีรายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับตัวรถอย่างครบถ้วน เพื่อให้คนที่มาซื้อรถยนต์ใช้แล้วมั่นใจและตัดสินใจซื้อได้ทันที ผมมั่นใจว่าตลาดรถยนต์มือสองในไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เพราะผู้บริโภคยังมีความต้องการมาเรื่อยๆ” พัฒนเดช กล่าว &nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/jXPnck8E62SWPwb937WY.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="1" data-file-name="jXPnck8E62SWPwb937WY.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ อัษฎาวุธ อาสาสรรพกิจ รองประธานจัดงานฝ่ายรถใช้แล้ว ยังให้ความเห็นด้วยว่า “โดยปกติแล้วช่วงเศรษฐกิจไม่ดี ‘ตลาดรถยนต์มือสอง’ จะคึกคักเป็นพิเศษ เพราะผู้บริโภคมักเลือกซื้อรถยนต์ใช้แล้วที่มีราคาถูกกว่ารถป้ายแดง ดังนั้นในช่วงที่ซัพพลายรถใช้แล้วอยู่ระหว่างการระบายออก จึงเป็นโอกาสทองที่ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อรถมือสองได้หลากหลายในราคาย่อมเยา เช่น รถยุโรปบางรุ่นราคาลดลงไปถึง 300,000-400,000 บาท จากราคาที่เคยตั้งไว้&nbsp; ซึ่งปัจจุบันถือว่าสถานการณ์เริ่มทรงตัว ราคารถมือสองเริ่มนิ่ง และตลาดมีโอกาสเติบโต 4-5%” <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/ykMGbDMGBKfihDN8yrdf.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="2" data-file-name="ykMGbDMGBKfihDN8yrdf.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ตลาดรถยนต์ใช้แล้ว หรือ ตลาดรถมือสอง ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมรถยนต์เมืองไทย&nbsp; ด้วยมูลค่าหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท มีผู้ประกอบการทั้งรายเล็ก และรายใหญ่เข้ามาทำธุรกิจเป็นจำนวนมาก แม้ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ตลาดรถใช้แล้วก็ยังเติบโตประมาณ 3-5% ส่งผลให้ตลาดรถมือสองเติบโตสวนกับภาวะเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับงาน FAST AUTO SHOW THAILAND 2024 ในปีนี้ จะจัดขึ้นตลอด 5 วันเต็ม ระหว่าง 3-7 กรกฎาคม 2567 ณ ไบเทค บางนา โดยผู้ที่สนใจ สามารถเข้าชมฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/m2xoo9PXLKdCmABK9Bpm.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="3" data-file-name="m2xoo9PXLKdCmABK9Bpm.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a href="https://www.forbesthailand.com/news/motoring/causesof-subaru-suzuki-stop-production-in-thailand" alt="ทำตลาดยากขึ้น-ขาดทุนสะสม สาเหตุ Subaru-Suzuki หยุดผลิตในไทย">ทำตลาดยากขึ้น-ขาดทุนสะสม สาเหตุ Subaru-Suzuki หยุดผลิตในไทย</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/?locale=th_TH" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ผู้จัดงาน FAST AUTO SHOW 2024 มั่นใจ ‘ตลาดรถมือสอง’ ยังคึกคักโตสวนเศรษฐกิจ 4-5%

<h2>​CARS24 แพลตฟอร์มขายรถมือสองผ่านออนไลน์สัญชาติอินเดีย ต้องปิดกิจการลงหลังขาดทุนกว่า 2.2 พันล้าน ด้านพนักงานในไทยตกงานแบบฟ้าผ่าจำนวน 313 คน </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;CARS24 แพลตฟอร์มธุรกิจจำหน่ายรถมือสองผ่านออนไลน์สัญชาติอินเดีย ถือเป็นสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์น ที่ก่อตั้งขึ้น ณ ประเทศสิงคโปร์ ในปี 2558 โดยธุรกิจได้ดำเนินกิจการหลักในประเทศอินเดียและมีการเติบโตอย่างรวดเร็วหลังจากเปิดตัวไปได้เพียง 3 ปี หลังจากนั้นจึงได้ขยายกิจการไปยังประเทศต่างๆ อาทิ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และออสเตรเลีย ก่อนที่จะเข้ามาจัดตั้งดำเนินกิจการในประเทศไทยเมื่อปี 2564​ &nbsp; &nbsp; ทว่าภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี บริษัทก็ต้องประสบกับปัญหาขาดทุนอย่างหนักกว่า 2.2 พันล้านบาท โดยภาวะเศรษกิจโลกและเศรษฐกิจภายในประเทศถือเป็นปัจจัยสำคัญ เนื่องจากผู้บริโภคมีไม่มีกำลังจ่ายเงินค่างวดรถ จึงทำให้รถถูกยึดเป็นจำนวนมาก รถใหม่ป้ายแดงมีการจัดทำโปรโมชั่นขายตัดราคากัน ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ธุรกิจการขายรถยนต์มือสองต้องได้รับผลกระทบมีรถเหลือคงค้างสต็อกอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งทางผู้บริหาร (สัญชาติอินเดีย) ของบริษัท คาร์ส24 กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ได้เล็งเห็นแล้วว่า หากยังยื้อดำเนินธุรกิจต่อไปก็อาจจะเสี่ยงขาดทุนมากขึ้นกว่าเดิมจึงได้ตัดสินใจปิดตัวกิจการในไทยลงเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวยังได้ส่งผลกระทบต่อพนักงานที่ต้องตกงานในทันทีจำนวน 313 คน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ในส่วนของลูกค้าที่ได้ทำการซื้อรถไปก่อนหน้านี้ ทางแอดมิน Line Official ของ CARS 24 Thailand ได้ให้ข้อมูลว่า รถที่ซื้อกับทางบริษัทยังคงมีประกัน และยังมีศูนย์บริการลูกค้าเปิดให้บริการที่ลาดกระบังตามปกติ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับข้อมูลการดำเนินธุรกิจของ&nbsp;บริษัท คาร์ส24 กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ที่แสดงผ่านระบบ datawarehouse กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ณ วันที่ 29 เม.ย. 67 ได้แสดงให้เห็นว่า เป็นเลขทะเบียนนิติบุคคล: 0105564059670&nbsp;วันที่จดทะเบียนจัดตั้ง วันที่ 2 เม.ย. 2564 ด้วยทุนจดทะเบียน 920,339,700.00 บาท&nbsp; ประเภทธุรกิจ การขายยานยนต์เก่าชนิดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรถกระบะรถตู้และรถขนาดเล็กที่คล้ายกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่อยู่ที่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค อาคารฟีนิกซ์ แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร โดยมีรายชื่อกรรมการประกอบด้วย นายรุชิท อการ์วัล นายคามัล คีชอร์ อวุทาพัลลี และนายอภิจิส ดาร์บัส ปีที่ส่งงบการเงินล่าสุดคือปี 2566และ 2565 โดยมีรายละเอียดดังนี้ปี 2565สินทรัพย์รวม 1,725,982,807.30 บาทหนี้สินรวม 154,184,336.83 บาทรายได้รวม 487,864,098.32 บาทรายจ่ายรวม 487,601,279.61 บาทขาดทุน 1,300,899.53 บาท&nbsp;ปี 2566สินทรัพย์รวม 812,469,864.66 บาทหนี้สินรวม 180,720,134.40 บาทรายได้รวม 1,704,697,782.79 บาทรายจ่ายรวม 2,641,748,344.47 บาทขาดทุน 940,048,740.21 บาท เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a href="https://www.forbesthailand.com/news/motoring/banpu-next-partnered-with-durapower" alt="ผนึกกำลังขับเคลื่อนรถบัสไฟฟ้า ‘บ้านปู เน็กซ์’ จับมือ ‘ดูราเพาเวอร์’ ส่งมอบแบตเตอรี่ ‘เชิดชัยมอเตอร์เซลส์’">ผนึกกำลังขับเคลื่อนรถบัสไฟฟ้า ‘บ้านปู เน็กซ์’ จับมือ ‘ดูราเพาเวอร์’ ส่งมอบแบตเตอรี่ ‘เชิดชัยมอเตอร์เซลส์’</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

CARS24 ขาดทุนหนัก 2.2 พันล้าน  ธุรกิจปิดตัวลง พนง.ตกงาน 313 คน 

<h2>กรุงไทย คาร์เร้นท์ฯ โชว์กำไรสูงสุดในอุตสาหกรรมรถเช่า รถมือสอง สวนกระแสตลาดภาพรวม 30,000 ล้านบาท หดตัวลงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ชูกลยุทธ์ “Service and Quality Exellence” สร้างความต่าง สร้างความมั่นใจลูกค้า ขณะที่แนวโน้มตลาดรถมือสองราคาตกลงต่อเนื่อง ถูกรถอีวีแย่งตลาด คาดปี 2568 ฟื้นตัว เตรียมงบลงทุนอีก 2,000 ล้านบาท ขยายพอร์ตรถยนต์เพิ่ม คาดรายได้-กำไรโตต่อเนื่อง</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พิชิต จันทรเสรีกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงไทย คาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) หรือ KCAR ผู้ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมรถเช่าและรถมือสองกว่า 20 ปี เปิดเผยว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมรถเช่าและรถมือสองในปีที่ผ่านมาหดตัวลง โดยอุตสาหกรรมรถเช่ามีมูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มขนส่ง (Logistics) แต่มีการเติบโตในกลุ่มลูกค้าที่ธุรกิจฟื้นตัวจากโควิด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ตลาดรถยนต์มือสองได้รับผลกระทบจากสถาบันการเงินเพิ่มความเข้มงวดในการให้สินเชื่อ หนี้เสียและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งแนวโน้มการขยายตัวของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ทำให้ตลาดรถยนต์มือสองขายยากขึ้น และราคาตกลงถึง 30%​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/CsboAGUahjJ2RtN7fWTd.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="CsboAGUahjJ2RtN7fWTd.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“รถอีวีเข้ามาเปลี่ยนโครงสร้างของตลาดรถในประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง ปีนี้ รถอีวียังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอีก จากแนวโน้มราคาที่ลดลง รวมถึงเทคโนโลยี และความประหยัดเรื่องราคาพลังงาน ทำให้คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจเพิ่มขึ้น รวมถึงเซกเมนต์ระดับบน ก็ถูกรถอีวีอย่างเทสล่าแย่งตลาดไปพอสมควร ทำให้ตลาดรถมือสองได้รับผลกระทบ” พิชิตกล่าว&nbsp;“อย่างไรก็ตาม การใช้รถอีวียังมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาทั้งเรื่องสถานีชาร์จ ระยะทาง และการการันตี ยังมีภาพที่ไม่ชัดเจนนัก ต้องรออีก 3 – 5 ปี ว่าเทคโนโลยีและความต้องการของผู้บริโภคจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม คนรุ่นใหม่ในปัจจุบันให้ความสนใจเช่ารถยนต์ไฟฟ้าสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่าซื้อ ด้วยเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ในตลาดรถมือสองอีวียังน้อย โดยมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาเรื่องการรับประกัน โดยเฉพาะแบตเตอรี่ที่มีราคาสูง ทำให้ผู้ซื้อกังวลภาระที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สำหรับในธุรกิจรถเช่าสำหรับองค์กรมีความต้องการพอสมควร แต่ยังไม่มากนัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พิชิต กล่าวว่า สำหรับตลาดรถยนต์มือสองน่าจะตกลงไปต่ำสุดแล้ว โดยราคาตกลงถึง 30% คาดว่าในปี 2568 ตลาดจะกลับมาฟื้นตัว และมีดีมานด์กลับเข้ามา เพราะหากเทียบค่าครองชีพของคนไทยกับราคารถใหม่ ยังมีช่องว่างที่ค่อนข้างสูง จึงเป็นโอกาสของตลาดรถยนต์มือสอง ซึ่งในปีนี้บริษัทเตรียมงบลงทุนราว 2,000 ล้านบาท สำหรับขยายพอร์ตรถยนต์ทั้งธุรกิจให้เช่า และรถยนต์มือสอง โดยปัจจุบันมีรถยนต์ในพอร์ตประมาณ 9,000 คัน มีลูกค้าองค์กรเช่าดำเนินงานประมาณ 1,200 คัน โดยบริษัทมีศูนย์บริการทั่วประเทศกว่า 1,000 แห่ง กำไรสูงสุดในอุตสาหกรรม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พิชิต กล่าวว่า แนวโน้มรายได้และกำไรของ KCAR ในปี 2566 คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีรายได้รวม 2,280.2 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 183.2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเดียวกัน KCAR มีอัตรากำไรสุทธิสูงสุดเป็นอันดับ 1 ที่ 4% ขณะที่มีสินทรัพย์รวมเป็นอันดับ 8 มูลค่า 5,700 ล้านบาท โดยสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (DE) ต่ำสุดที่ 1.5 เท่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้กำไรจากการขายรถงวด 9 เดือนของปี 2566 เพิ่มขึ้น 58% สะท้อนถึงการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานที่ดี ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ และองค์ประกอบอื่น ๆ ที่สร้างความแตกต่างจากผู้ดำเนินธุรกิจรายอื่น​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style=""><figure style="margin: auto; width: 900px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/n4iJEjT1ab9WTAPAVgqR.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="n4iJEjT1ab9WTAPAVgqR.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="900px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="4000,2250" style="width: 900px; height: auto;" data-index="1"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;KCAR ผู้ดำเนินธุรกิรรถเช่า ที่มีวิสัยทัศน์มุ่งเน้นการบริการและคุณภาพเป็นเลิศ “Service and Quality Exellence” เน้นกลยุทธ์การบริหารองค์กรแบบ OPTIMUM สร้างการเติบโตอย่างสมดุลระหว่างการเติบโต กำไร การบริหารความเสี่ยง และผู้มีส่วนได้เสียเพื่อมุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ตลาดรถเช่า รถมือสอง เป็นธุรกิจที่เข้ามาง่าย ไม่มีอุปสรรค แต่เป็นตลาดที่มีการแข่งขันอย่างสมบูรณ์ ทำให้ยาก และเป็นธุรกิจที่มีรายละเอียดค่อนข้างมาก เรามองตัวเองว่าเป็นธุรกิจบริการ ไม่ใช่ธุรกิจรถเช่า ดังนั้นจึงให้ความสำคัญกับรายละเอียดต่าง ๆ ในการบริการทุกด้าน ตั้งแต่ต้นทาง ตั้งแต่การซื้อรถ การซ่อมบำรุง การบริหารซัพพลาย ทำให้ลูกค้าเห็นความแตกต่าง ทำให้เราเติบโตต่อเนื่อง และมีกำไรสูงอย่างสม่ำเสมอ” พิชิตอธิบาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน มูลค่าตามราคาตลาดของ KCAR อยู่ที่ 2,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% จากปี 2548 ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยมูลค่าประมาณ 1,100 ล้านบาท โดยราคาหุ้นไม่เคยต่ำกว่า IPO และมีปันผลตอบแทนอยู่ที่ 5% ต่อปี KCAR เป็นบริษัทที่ไม่เคยขาดทุนตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ แม้จะผ่านช่วงวิกฤตเศรษฐกิจและโควิดที่ผ่านมา และมีกำไรสะสมเพิ่มขึ้นทุกปี และปี 2567 นี้ คาดว่ารายได้และกำไรจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10% เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/people/the-trend/nontakorn-jittamanonkul-pe-autotrade-launch" alt="นนทกร จิตตมานนท์กุล ต่อยอด พี.อี. เทคนิค สร้างแบรนด์อะไหล่รองรับ “EV”">นนทกร จิตตมานนท์กุล ต่อยอด พี.อี. เทคนิค สร้างแบรนด์อะไหล่รองรับ “EV”</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

KCAR โชว์กำไรสูงสุด สวนตลาดรถเช่า-มือสองซบ

<h2>Carsome แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสำหรับรถยนต์มือสองครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้นำเสนอวิถีการซื้อรถยนต์รูปแบบใหม่ให้กับกลุ่มผู้บริโภคในประเทศไทย</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-45758" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/05/carsome_003.jpg" alt="" width="600" height="450" />

Carsome ประกาศแต่งตั้ง ปภัสรินทร์ สิริบรรลือยศ ให้ดำรงตำแหน่ง Country Head (หัวหน้าฝ่ายธุรกิจ) ประจำประเทศไทย พร้อมนำประสบการณ์การบริหารงานธุรกิจอีคอมเมิร์ซนานกว่า 12 ปี จากหลายประเทศทั่วเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทย ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาขับเคลื่อนธุรกิจและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในประเทศไทย

พร้อมเดินหน้าปรับโฉม และยกระดับประสบการณ์ในการซื้อรถยนต์มือสองโดยนำเสนอกระบวนการที่เป็นดิจิทัลและโปร่งใส เพื่อแก้ไขปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในการเลือกซื้อรถมือสองนั่นคือ ปัญหาเรื่องความไว้วางใจ

โดยผลสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อรถมือสองของผู้บริโภคคนไทยพบว่าร้อยละ 52 มองหาความโปร่งใสด้านราคาร้อยละ 50 ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสภาพรถยนต์โดยละเอียด และร้อยละ 45 ศึกษาข้อมูลด้านการขยายเวลาการรับประกัน จากความต้องการทั้งหมดนี้ Carsome สามารถตอบโจทย์และพร้อมมอบประสบการณ์การซื้อรถยนต์มือสองที่โดดเด่นและแตกต่างให้กับผู้บริโภคได้

“เรากำลังสร้างบริการที่น่าเชื่อถือตั้งแต่ต้นจนจบ (end-to-end) เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าในการซื้อรถยนต์มือสอง สำหรับผู้บริโภคแล้ว อีคอมเมิร์ซเปรียบเสมือนการรับประกันคุณภาพที่ผ่านกระบวนการที่ไม่ยุ่งยากและให้ผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้ และนั่นคือสิ่งที่ Carsome กำลังดำเนินการอยู่

เป้าหมายของเราคือการสร้างความไว้วางใจและความมั่นใจต่ออุตสาหกรรมรถยนต์มือสอง เริ่มตั้งแต่การจัดหารถยนต์มือสอง บริการด้านสินเชื่อ บริการหน้าร้าน ไปจนถึงบริการหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าซื้อและขายรถยนต์ที่เราได้อย่างสบายใจ” ปภัสรินทร์ สิริบรรลือยศ Country Head ประจำประเทศไทย กล่าว

<img class="alignnone size-full wp-image-45759" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/05/carsome_004.jpg" alt="" width="640" height="480" />

<img class="alignnone size-full wp-image-45760" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/05/carsome_005.jpg" alt="" width="640" height="480" />

กุญแจสำคัญของ “วิถีการซื้อรถยนต์รูปแบบใหม่” คือคำมั่นสัญญาที่เรามอบให้กับลูกค้า ซึ่งประกอบด้วย การรับประกัน 1 ปี และการรับประกันคืนเงินภายใน 5 วัน สำหรับรถที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากCarsome ซึ่งรถยนต์ทุกคันที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจะต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวดถึง 175 จุด ต้องเป็นรถยนต์ที่ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุหนัก ไม่มีปัญหาด้านโครงสร้าง และไม่เคยได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม

ไม่เพียงแค่ส่วนของคุณภาพรถยนต์และการรับประกันเท่านั้น เรายังคำนึงถึงความสะดวกสบายและความสบายใจของลูกค้าเป็นหลักอีกด้วย โดยลูกค้าสามารถเลือกรับบริการที่บ้านได้ในกรณีที่ไม่สะดวกเดินทางมายังศูนย์บริการจะมีบริการส่งรถตรงถึงหน้าประตูบ้านลูกค้า

“วิถีการซื้อรถยนต์รูปแบบใหม่” สำหรับผู้บริโภค เริ่มต้นจากการเลือกดูรถยนต์รุ่นต่างๆ ที่มีให้เลือกมากมายพร้อมข้อมูลโดยละเอียดจากเว็บไซต์ จากนั้นสามารถทำการจองเพื่อทดลองขับผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทันที และสามารถเข้ามาทดลองขับได้ที่ ศูนย์บริการครบวงจรหรือเลือกรับบริการทดลองขับที่บ้าน โดยเราจะส่งรถที่เลือกไปให้ทดลองถึงหน้าประตู

หลังจากยืนยันการสั่งซื้อแล้ว Carsomeยังช่วยอำนวยความสะดวกทุกขั้นตอน รวมถึงขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับงานเอกสารทั้งหมด เพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่นและสะดวกสบาย ทั้งบนช่องทางออนไลน์และการบริการหน้าร้านจากCarsome จากนั้นลูกค้าสามารถรับรถได้ที่ศูนย์บริการครบวงจรของCarsome หรือเลือกรับบริการจัดส่งรถให้ถึงบ้าน

“เมื่อเราทำให้การซื้อรถยนต์มือสองคุณภาพดีเป็นเรื่องง่าย และเพิ่มบริการเสริมที่ทำให้ทุกขั้นตอนในการซื้อรถยนต์มือสองเป็นไปด้วยความราบรื่น เราเชื่อมั่นว่าความเชี่ยวชาญและแนวคิดในการให้บริการลูกค้าของเราจะทำให้Carsome กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ซื้อและผู้ขายรถยนต์มือสองด้วยเช่นกัน” ปภัสรินทร์ กล่าวเสริม

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/other/sharge-%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81.html">SHARGE เล็งขึ้นแท่นผู้นำธุรกิจชาร์จรถ EV สู่เป้าหมาย 3 พันล้านใน 5 ปี</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events