<h2>การแสดงของศิลปินชื่อดังตั้งแต่ Blackpink, Arctic Monkeys ไปจนถึง Harry Styles ในช่วงต้นปี 2566 ทำให้กรุงเทพฯ กลายเป็น "ศูนย์กลาง" ของการจัดงานคอนเสิร์ต ทราเวลโลก้าเล็งเห็นกระแสบวกที่จะสร้างผลประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจไทยจากคอนเสิร์ตที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้และปี 2567 </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การกลับมาของศิลปินต่างประเทศยอดนิยมและไลฟ์คอนเสิร์ตในกรุงเทพฯ ก่อให้เกิดประโยชน์หลายประการต่อเศรษฐกิจไทย การเดินทางไปยังต่างประเทศเพื่องานดนตรี รับชมกีฬา และร่วมงานสำคัญอื่นๆ มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น และมีการคาดการณ์ว่าตลาดการท่องเที่ยวเชิงดนตรีทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 11.3 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2575 ซึ่งประเทศที่พร้อมในการจัดงานเหล่านี้อย่างประเทศไทยจึงมีโอกาสได้รับประโยชน์จากการเติบโตในด้านนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อมองเจาะลึกมาที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยจำนวนเยาวชนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ได้สร้างอุปสงค์ของการรับชมดนตรีสดที่สูงมากขึ้น จึงได้รับการคาดหวังว่าจะเป็นภูมิภาคที่จะขึ้นเป็นผู้นำในตลาดงานดนตรีระดับโลก ซึ่งคอนเสิร์ตนานาชาตินี้จึงมีโอกาสที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของการท่องเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสามารถดึงดูดแฟนเพลงได้จำนวนมหาศาล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทัวร์คอนเสิร์ต Eras ของ Taylor Swift เป็นตัวอย่างที่ดีว่า คอนเสิร์ตสามารถส่งเสริมการใช้เม็ดเงินในเมืองที่เป็นเจ้าภาพจัดงานได้อย่างไร รายงานจากงานวิจัยออนไลน์ Question Pro คาดว่าเจ้าภาพอย่างสหรัฐฯ จะสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจสูงถึง 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ รายงานฉบับนี้ไม่ได้ศึกษาแค่ยอดขายบัตรคอนเสิร์ต สินค้าที่ระลึก อาหารและเครื่องดื่ม แต่ยังรวมถึงยอดจองเที่ยวบิน ที่พัก และยอดขายของร้านค้าปลีกในเมืองเจ้าภาพจัดงานอีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยการกลับมาของไลฟ์คอนเสิร์ตเกือบเท่าช่วงก่อนสถานการณ์โรคระบาด ซึ่งได้รับการจุดกระแสด้วยศิลปินจากวง Blackpink ที่จัดแสดงสองวันในเดือนมกราคม ตามด้วย Harry Styles และ Arctic Monkeys ในเดือนมีนาคม ประเทศไทยกำลังไต่ระดับเดินหน้ารับผลพลอยได้จาก "การทำธุรกิจที่เน้นการสร้างประสบการณ์ให้แก่ลูกค้า" ทราเวลโลก้าเปิดเผยสถิติการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะเที่ยวบินขาเข้า พบว่าจำนวนธุรกรรมผ่านการจองเที่ยวบินเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นนี้ยังสะท้อนให้เห็นแนวโน้มเทรนด์การจองที่พัก โดยโรงแรมในกรุงเทพฯ มียอดจองเพิ่มขึ้นเกือบ 30%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ทราเวลโลก้า ประเทศไทย มียอดจองเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่มาจากนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ ในบรรดานักท่องเที่ยวขาเข้า พบยอดจองสูงสุดจากนักท่องเที่ยวจีน ไต้หวัน อินโดนีเซีย เวียดนาม อังกฤษ สิงคโปร์ มาเลเซีย และกัมพูชา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวในประเทศก็ได้รับความนิยมสูงขึ้นเช่นกัน ทราเวลโลก้าสังเกตเห็นยอดจองที่เพิ่มขึ้นจากเชียงใหม่ หาดใหญ่ เชียงราย ภูเก็ต ชลบุรี สงขลา และสุราษฎร์ธานี เพื่อเข้ามายังกรุงเทพฯ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยคึกคักในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 และคาดว่าจะส่งผลต่อเนื่องไปถึงปี 2567 ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อความต้องการที่พักและเที่ยวบิน และด้วยทัวร์คนเสิร์ตที่เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ สามารถช่วยยกระดับการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไปอีกระดับ ประโยชน์จากการท่องเที่ยวเชิงดนตรีไม่ได้จำกัดอยู่แค่การแสดงสดเท่านั้น เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวโดยรอบ เช่น ร้านอาหาร และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ยังสามารถได้รับประโยชน์จากการเดินทางเข้าชมดนตรีที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย ไม่รวมถึงการจับจ่ายใช้สอยด้านอื่นๆ อีกมากมาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยคอนเสิร์ต Charlie Puth และ Sam Smith ที่กำลังจะจัดขึ้นในเดือนตุลาคม และบัตรคอนเสิร์ต Coldplay ที่ขายหมดอย่างรวดเร็วซึ่งมีกำหนดจัดแสดงในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ทำให้ประเทศไทยสามารถคาดการณ์ได้ว่าการท่องเที่ยวของประเทศจะสร้างรายได้อย่างมหาศาล ธุรกิจการเดินทางและการท่องเที่ยวที่มีกลยุทธ์และแนวทางที่เหมาะสมเพื่อรองรับเทรนนี้จะได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นอีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อิโก้ พูเทร่า (Iko Putera) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงาน Transport ของทราเวลโลก้า กล่าวว่า “นี่เป็นโอกาสสำหรับผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมการเดินทางและการท่องเที่ยวในการนำเสนอประสบการณ์เสริมสำหรับแฟนเพลงที่มาร่วมงานคอนเสิร์ตและเทศกาลดนตรียอดนิยมต่าง ๆ เช่น การนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมต่างๆ ในเมือง การล่องเรือ ความบันเทิงอื่นๆ สิ่งที่เราเห็นจากข้อมูลของทราเวลโลก้า คือคอนเสิร์ตนานาชาติในกรุงเทพฯ สามารถเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนของกลุ่มคนที่หลากหลาย การเข้าถึงวัฒนธรรมผ่านการแสดงดนตรีและความบันเทิง ควรเป็นส่วนสำคัญของยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทย รายชื่อศิลปินระดับโลกที่พร้อมเดินทัพมาจัดการแสดงต่างๆ ในกรุงเทพฯ ถือเป็นความสำเร็จอันน่าทึ่งของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ ในฐานะแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทราเวลโลก้ามีความยินดีที่ได้มีโอกาศในการสร้างความร่วมมือที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อทำให้การท่องเที่ยวไทยดียิ่งขึ้นและได้รับความนิยมมากขึ้นในภูมิภาค”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ความสำเร็จนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองให้กับธุรกิจในประเทศเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสที่สำคัญสำหรับบริการอื่น ๆ ในประเทศ เช่น ประสบการณ์ด้านอาหาร ประกันการเดินทางที่ผู้ใช้บริการจะได้รับ เป็นต้น เราหวังว่าปรากฏการณ์นี้จะส่งผลดีต่อการส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวขนาดเล็กและขนาดกลางของไทย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยรวมของประเทศไทย” อิโก้ กล่าวเสริม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทราเวลโลก้าพร้อมทำความเข้าใจแนวโน้มของตลาดและความต้องการของลูกค้า จึงทำให้บริษัทคงความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ ทราเวลโลก้านำเสนอฟีเจอร์การวางแผนการเดินทางที่ง่ายและยืดหยุ่น พร้อมวิธีการชำระเงินที่หลากหลาย ซึ่งเปิดโอกาสให้ทราเวลโลก้าได้สร้างคู่ค้าทางธุรกิจการท่องเที่ยวที่มีแนวคิดเดียวกันในประเทศไทย โดยให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก ซึ่งธุรกิจเหล่านี้จะได้รับประโยชน์ในช่วงเทศกาลคอนเสิร์ตที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่น เช่น การเพิ่มรอบแสดงของคอนเสิร์ต Coldplay เนื่องจากความต้องการที่สูงขึ้น แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการวางแผนเดินทางที่ยืดหยุ่น และแนวโน้มที่ข้ามข้อจำกัดในการสร้างประสบการณ์ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เนื่องด้วยอุปสงค์ และความจำเป็นในการเดินทางมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การทำงานร่วมกันระหว่างผู้ให้บริการในอุตสาหกรรม และหน่วยงานภาครัฐจึงสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมต่างกำลังปฏิบัติงานเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์เดียวกัน ความร่วมมือกันของผู้ที่เกี่ยวข้องจะรับประกันว่านักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ราบรื่น เริ่มตั้งแต่การสร้างความรับรู้เกี่ยวกับข้อเสนอต่างๆ การเปรียบเทียบราคา และสถานที่ท่องเที่ยว ไปจนถึงการกำหนดแผนการเดินทาง และการเพิ่มประสบการณ์โดยรวมเมื่อมาถึงกรุงเทพฯ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เสน่ห์ของกรุงเทพฯ อยู่ที่ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ใจกลางเอเชีย ในขณะที่ผู้จัดคอนเสิร์ตเตรียมพร้อมจองวันล่วงหน้าหลายเดือน ประเทศไทยพร้อมที่จะเพิ่มการท่องเที่ยวทางดนตรีเข้าไปในตัวเลือกด้านความบันเทิงของประเทศมากขึ้น ทราเวลโลก้ารู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนระบบโครงสร้างการท่องเที่ยวให้แข็งแกร่ง อันเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตและการพัฒนาโดยรวมของประเทศ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/71090" alt="SCB EIC เตรียมปรับลดมุมมองมูลค่าส่งออกไทยปี 2023 มูลค่าส่งออกสินค้าไทยเดือน ก.ค. หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10">SCB EIC เตรียมปรับลดมุมมองมูลค่าส่งออกไทยปี 2023 มูลค่าส่งออกสินค้าไทยเดือน ก.ค. หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>&nbsp;​

การทำธุรกิจที่เน้นการสร้างประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าช่วยขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยให้เติบโต

<h2 class="p1">แม้จุดเริ่มต้นในปี 2012 ของ Traveloka แพลตฟอร์มเอเจนซี่ท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) สัญชาติอินโดนีเซียรายนี้จะเริ่มต้นจากบริการจองเที่ยวบินและที่พัก แต่วันนี้สตาร์ทอัพท่องเที่ยวออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รายนี้กำลังมุ่งขยายการให้บริการไปสู่การจองกิจกรรมและไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรด้วย</h2>
หลายคนโดยเฉพาะคนที่ชอบการท่องเที่ยวและเดินทางอาจรู้จักแพลตฟอร์ม Traveloka แพลตฟอร์มที่เกิดขึ้นจากความต้องการแก้ปัญหาการชำระเงินในการจองเที่ยวบินหรือโรงแรมที่มักต้องใช้บัตรเครดิต แต่คนอินโดฯ ยังใช้บัตรเครดิตน้อยมาก (ราว 3-4% ของประชากรเท่านั้น) ซึ่งการจองแบบไม่ต้องใช้บัตรเครดิตทำให้แพลตฟอร์มนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากในประเทศ จนสามารถขยายการเติบโตและให้บริการแล้ว 7 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย รวมถึงไทยที่ให้บริการมาตั้งแต่ปี 2015
ปัจจุบัน แอปพลิเคชั่นของสตาร์ทอัพรายนี้มียอดดาวน์โหลดแล้ว 50 ล้านครั้ง มีแอคทีฟยูสเซอร์อยู่ที่ 40 ล้านราย/เดือน มียอดจองบริการบนแพลตฟอร์มรวมแล้วกว่า 500,000 การจอง/วัน และเป็นสตาร์ทอัพที่ได้รับการระดมทุนไปแล้ว 900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีนักลงทุนที่สำคัญคือ Expedia นั่นเอง
<img class="alignnone size-full wp-image-23840" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/11/traveloka02.jpg" alt="" width="720" height="480" />
ขณะที่สตาร์ทอัพรายอื่นมุ่งหน้าไปที่การระดมทุน แต่สตาร์ทอัพรายนี้ระบุว่าขณะนี้พวกเขามุ่งโฟกัสไปที่การพัฒนาโปรดักต์ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ได้มากกว่า โดยในปลายปี 2018 สตาร์ทอัพรายนี้ได้เปิดตัวบริการ Xperience ซึ่งรวบรวมกิจกรรมไลฟ์สไตล์มากมายมาให้บริการผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการจองตั๋วเข้าสวนสนุก, การจองบริการสปา, ดินเนอร์ ฯลฯ โดยเปิดให้บริการในไทยเมื่อเดือนมิถุนายน 2019 ซึ่งล่าสุดได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่คือการจองและซื้อตั๋วภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ได้ล่วงหน้า
“บริการ Xperience ไม่ใช่เป็นเพียงสิ่งที่สร้างความแตกต่างให้กับเราเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนที่ต้องการหาประสบการณ์หรือไลฟ์สไตล์ในช่วงวันหยุด ที่ไม่ใช่แค่การเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่อยากให้เป็นแพลตฟอร์มที่ผู้คนจะใช้หาสิ่งที่เขาต้องการทำในวันหยุดในประเทศของตนเองด้วย ซึ่งรวมถึงการไปดูหนังหรือการไปสวนน้ำกับลูกในช่วงสุดสัปดาห์” Henry Hendrawan ประธานบริหาร Traveloka Group กล่าวกับ Forbes Thailand


<figure><img class="size-full wp-image-23841" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/11/traveloka03.jpg" alt="" width="720" height="481" /><figcaption> Henry Hendrawan</figcaption></figure>
Hendrawan กล่าวอีกว่า ปัจจุบันการเดินทางและการจองที่พักยังเป็นการจองหลักที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มของเรา รองลงมาคือไลฟ์สไตล์ที่ถึงแม้ให้บริการมาไม่นานแต่ก็มีการเติบโตที่แข็งแกร่ง และคาดว่าสัดส่วนยอดจองระหว่างการเดินทางและไลฟ์สไตล์จะบาลานซ์กันได้ในเร็วๆ นี้
ด้าน ธีร์ ฉายากุล ผู้บริหาร Traveloka ประจำประเทศไทย กล่าวว่า เรามั่นใจว่าบริการ Xperience จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคชาวไทย เนื่องจากปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทยที่มากเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือเกือบ 9 ชั่วโมง/วัน และทิศทางการท่องเที่ยวที่ยังมีแนวโน้มเติบโตอยู่ ซึ่งจะส่งเสริมให้บริการ OTA เติบโตขึ้นด้วย


<figure><img class="size-full wp-image-23842" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/11/traveloka04.jpg" alt="" width="720" height="481" /><figcaption> ธีร์ ฉายากุล</figcaption></figure>
“แม้เศรษฐกิจจะมีความผันผวน แต่ปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น ค่าเงินบาทของไทยที่ดีขึ้น และการที่คนไทยมีนิสัยชื่นชอบท่องเที่ยว เรายังมองว่าภาพรวมการท่องเที่ยวจนถึงสิ้นปีนี้ยังมีทิศทางที่ดีอยู่ ขณะที่ธุรกิจท่องเที่ยวจะเชื่อมโยงกับออนไลน์มากขึ้นเรื่อยๆ โจทย์คือจะทำอย่างไรให้ผู้บริโภคอยากใช้เรา ซึ่งสิ่งที่เรามองต่างจากคนอื่นคือเราไม่ได้มองแค่การเดินทางอย่างเดียว โจทย์ของเราใหญ่กว่านั้น คือเรามองไปที่ไลฟ์สไตล์ของเขามากกว่า เรามองว่าการเดินทางก็เป็นไลฟ์สไตล์หนึ่ง ซึ่งจริงๆ เขาไม่จำเป็นต้องไปไกล ไปดูหนังก็เป็นไลฟ์สไตล์ได้ ดังนั้น ถ้าเราตอบโจทย์เขาได้ เราก็เชื่อว่าเราจะเติบโตไปกับการท่องเที่ยวได้”
Sylvia Gunawan รองผู้อำนวยการฝ่ายรายได้และการเติบโตประจำ Traveloka Xperience กล่าวว่า สำหรับบริการ Xperience บนแพลตฟอร์มของเรานั้นปัจจุบันมีให้บริการทั้งบนแอปพลิเคชั่นและเว็บไซต์ โดยให้บริการด้านการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์มากกว่า 20,000 สินค้าและบริการ ในจุดหมายปลายทางกว่า 300 แห่งทั่วโลก
“การจับมือร่วมกับเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ในครั้งนี้ เราหวังจะเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของยูสเซอร์ชาวไทยผ่านเครือข่ายอันแข็งแกร่งของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ที่ครองมาร์เก็ตแชร์ของตลาดโรงภาพยนตร์ไทยถึง 70% มีสาขาอยู่ 156 แห่งทั่วประเทศไทย ครอบคลุมทุกพื้นที่”
นรุตม์ เจียรสนอง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เป็นโรงภาพยนตร์อันดับ 1 ของประเทศไทย โดยเราขายตั๋วหนังไปแล้วกว่า 40 ล้านใบในปีนี้ และในปีหน้าคาดว่าจะขายได้ประมาณ 43 ล้านใบ ซึ่งหวังว่ามาจาก Traveloka ราว 10% เพราะเชื่อว่านี่จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการของเราได้อย่างง่าย โดยในเร็วๆ นี้จะมีโปรโมชั่นที่ทำร่วมกันเพื่อให้บริการกับลูกค้า
ธีร์ กล่าวว่า เมเจอร์เป็นพาร์ทเนอร์ที่สำคัญ เราไม่ได้อยากมองว่าฟีเจอร์นี้เป็นแค่การขายตั๋วหนัง แต่เราอยากช่วยดึงทราฟิกเข้ามาที่เมเจอร์ให้ได้มากที่สุด จากยูสเซอร์ของเราที่อาจเข้ามาในเว็บเพื่อซื้ออย่างอื่น เขาก็อาจอยากดูหนังขึ้นมาก็ได้ ซึ่งถือเป็นการตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วน
"โจทย์ของเราคือเราอยากเป็นอันดับ 1 ของแพลตฟอร์มท่องเที่ยวและการพักผ่อน ซึ่งเป้าหมายนี้ที่ไม่ใช่แค่ที่ไทย แต่เป็นเป้าหมายของทุกๆ ตลาดที่เราเข้าไปให้บริการ ทั้งยังเป็นแพลตฟอร์ที่สามารถตอบโจทย์ยูสเซอร์แต่ละประเทศให้ได้มากที่สุดด้วย" ธีร์ กล่าวทิ้งท้าย
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/travel/%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%81%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%87-klook.html">Eric Gnock Fah ผู้เปลี่ยนความหลงใหลในการเดินทางสู่บริษัทพันล้านเหรียญ “Klook”</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events