เทศกาลปลายปีหวนกลับมาอีกครั้ง เชื่อว่าจุดหมายปลายทางสำหรับใครหลายคนก็ยังคงเป็นการ “แอ่วเหนือ” โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ ด้วยอากาศที่เย็นสบาย โอบล้อมด้วยธรรมชาติ และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ทำให้ได้รับความนิยมสูงในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ จึงเป็นที่มาของการจับมือระหว่าง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ Traveloka แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้การร่วมมือจากพันธมิตรในภูมิภาคกว่า 1,000 ราย ครอบคลุมจังหวัดเชียงราย แม่ฮ่องสอน น่าน สุโขทัย เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก
เชียงใหม่ Top 5 เที่ยวในประเทศ - ดันเที่ยวเหนือได้ทุกฤดู
จากผลสำรวจของ Traveloka และ YouGov พบว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยกว่า 70% นิยมเดินทางภายในประเทศ สะท้อนความต้องการท่องเที่ยวที่เน้นวัฒนธรรม ธรรมชาติ และทริประยะสั้น นอกจากนี้ ข้อมูลภายในของ Traveloka ยังระบุว่า เชียงใหม่ติดหนึ่งในห้าเมืองที่ถูกค้นหามากที่สุดบนแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง
ขจรเดช อภิชาติตรากุล ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อธิบายว่าโดยปกติการท่องเที่ยวภาคเหนือจะมีความนิยมสูงในช่วง High season แต่เป้าหมายของแคมเปญ “Season of North สุขทันที... ฤดูนี้ฤดูเหนือ” ในครั้งนี้ต่างออกไป โดยต้องการแสดงให้เห็นว่า ภาคเหนือสามารถเที่ยวในทุกฤดูกาลตลอดทั้งปี ประกอบด้วย 3 ฤดูหลัก
1.ฤดูแห่งการให้รางวัลแก่ชีวิตหลังจากที่ทำงานตลอดทั้งปี (Rewarding Season) เพื่อกระตุ้นค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวภาคเหนือและขยายฐานตลาดเฉพาะกลุ่ม
2.ฤดูแห่งการเฉลิมฉลอง (Healing Season) ความสุข สนุกสนาน ฮีลใจ ผ่อนคลาย ค้นหาตัวเอง เพื่อกระตุ้นความถี่ในการเดินทางช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวภาคเหนือ
3.ฤดูแห่งการแบ่งปัน (Celebrating Season) บอกเล่าเรื่องราวของความเป็นเหนือ หรือ Northern Stories เพื่อกระตุ้นการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวสู่พื้นที่เมืองน่าเที่ยว
นอกจากนี้ ททท. และ Traveloka ยังได้จัดแคมเปญ 12.12 Super Sale ระหว่างวันที่ 3-12 ธันวาคม มอบส่วนลดสูงสุดถึง 50% สำหรับตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และกิจกรรมท่องเที่ยว เพื่อสนับสนุนการวางแผนทริปปลายปีให้สะดวกและคุ้มค่ายิ่งขึ้น
คาดสิ้นปีนักท่องเที่ยวเยือนภาคเหนือ 25 ล้านคน
ขจรเดช กล่าวถึงสัดส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาภาคเหนือว่ามีประมาณหนึ่งในสามของประชากรทั้งหมด หรือราว 25 ล้านคน ซึ่งมาจากหลายภูมิภาค ทั้งภาคกลาง ภาคใต้ ภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคตะวันออก พร้อมยอมรับว่า การท่องเที่ยวไทยยังคงเผชิญกับปัจจัยลบที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด ได้แก่ 3 ปัจจัย ดังนี้
1.ปัญหาภัยธรรมชาติและสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดน ปัญหาเหล่านี้สร้างความไม่มั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวบางส่วน แม้ยังไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็เป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
2.ต้นทุนการเดินทางและค่าขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้น มูลค่าทางเศรษฐกิจและภาวะการเงินส่งผลให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงสูงขึ้น นักท่องเที่ยวที่นิยมขับรถท่องเที่ยวในภาคเหนือได้รับผลกระทบโดยตรง ขณะเดียวกันราคาตั๋วเครื่องบินเพิ่มสูงขึ้น และจำนวนเที่ยวบินยังไม่กลับสู่ระดับปกติ
3.การแข่งขันจากการท่องเที่ยวต่างประเทศ การเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่น ซึ่งมีค่าเงินอ่อนลงมาก ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งหันไปเลือกท่องเที่ยวต่างประเทศ เป็นอุปสรรคต่อการบรรลุเป้าหมายของตลาดในประเทศ
อย่างไรก็ตาม ททท. ยังคงมั่นใจในตลาดในประเทศ โดยคาดการณ์ว่า ในสิ้นปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้าสู่ภาคเหนือประมาณ 24-25 ล้านคน ซึ่งในช่วงเดือนมกราคมถึงตุลาคม ปี 2568 มีจำนวนนักท่องเที่ยวแล้วกว่า 20.4 ล้านคน แบ่งเป็นชาวไทย 76.61% และชาวต่างชาติ 23.39%

สำหรับปี 2569 หากสถานการณ์ต่างๆ ไม่ส่งผลกระทบรุนแรง คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะสูงถึง 25.77 ล้านคน และมีรายได้อยู่ที่ 178,170 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากปี 2568 ซึ่งถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายท่ามกลางวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่กล่าวมา
ขจรเดช กล่าวว่า “ททท.พยายามเปลี่ยนภาพลักษณ์ของภาคเหนือ ไม่ใช่เพียงแค่จุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลเท่านั้น แต่ยังมองไปภาพรวมของการเดินทางนอกฤดูกาล และใช้เมืองหลักเชื่อมไปยังเมืองรอง ททท.ไม่ได้ทำคนเดียว แต่เป็นการร่วมมือของพันธมิตรทั้งหมด เช่น สายการบิน โรงแรม OTA หรือชุมชน เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเมืองท่องเที่ยวหลักและรองด้วย”
ธุรกิจท้องถิ่นผนึกกำลัง สร้างไฮไลต์ดึงดูด
สิทธิพงษ์ เนติพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมฟลอรา ครีก หนึ่งในพันธมิตรภาคเหนือที่ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการของ ททท.และ Traveloka กล่าวว่า กฤษฎาดอย คือ ตำนานไม้เมืองเหนือในเมืองหางดง โดยปัจจุบันพยายามปรับการออกแบบให้ทันสมัยมากขึ้น ทั้งตึก เฟอร์นิเจอร์ หรือกิจกรรม พร้อมเชื่อมต่อคอนเซปต์ใหม่และเก่าเข้าด้วยกันเพื่อสร้างความแตกต่าง รับเทรนด์การท่องเที่ยวทุกช่วงวัยในอนาคต
สิทธิพงษ์เผยว่า โรงแรมฟลอร่า ครีก เชียงใหม่ มีศักยภาพด้านภาพลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร นอกจากเป็นที่พักแล้ว ยังเปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้มาผ่อนคลาย และฟื้นฟูจิตใจอย่างแท้จริง พร้อมตั้งเป้าหมายว่า โรงแรมฟอลร่า ครีก เชียงใหม่แห่งนี้ มีความพร้อมในการร่วมมือกับผู้ประกอบการรายอื่นในพื้นที่เพื่อให้เกิดเส้นทางท่องเที่ยวแห่งใหม่ๆ โดยพยายามเอาจุดเด่นของแต่ละผู้ประกอบการมาโปรโมท และแลกเปลี่ยนโปรโมชั่นกันภายในย่านหางดง

สำหรับโรงแรมฟลอร่า ครีก เชียงใหม่ ได้เปิดพื้นที่สำหรับบุคคลทั่วไป ให้สามารถเข้าเยี่ยมชมธรรมชาติที่สวยงาม หรือพักผ่อนผ่านการรับชมภาพยนต์ที่ฉายผ่านจอยักษ์บนสนามหญ้าอันกว้างขวางท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นมิตรโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ ยังเปิดให้บริการศูนย์อาหารเฟื่องฟ้าระดับตำนานที่มีไลน์อาหารครบครัน ทั้งเหนือ ไทย และนานาชาติ
สิทธิพงษ์ เผยว่ามองเชียงใหม่เป็นภาพรวมกว้างๆ โดยจะคิดเสมอว่าทำอย่างไรถึงสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกซึ่งต้องอาศัยแรงสนับสนุนจากภาครัฐ

ที่ผ่านมา ‘ฝุ่นควัน’ กลายเป็นปัญหารุนแรงที่แก้ไม่ตกสำหรับภาคเหนือ แต่ในปีที่แล้วช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม รัฐบาลสามารถจัดการปัญหานี้ได้ดี ทำให้เกิดการเผาไหม้น้อยลง
ทั้งนี้ เขายังได้สื่อสารไปยังรัฐบาลว่า ประสงค์ให้ภาครัฐโปรโมทการท่องเที่ยวภาคเหนือนอกจากฤดูหนาว โดยเน้นฤดูฝน และฤดูร้อน เช่น สงกรานต์ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก พร้อมระบุว่า ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวจีนในภาคเหนือนั้นลดลงจริง แต่ก็มีนักท่องเที่ยวจากทวีปอื่นมาทดแทน เช่น ตะวันออกกลางที่มักเดินทางมาพักผ่อนในช่วงฤดูฝน
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : AWC เปิดตัว Skyflyers เครื่องเล่นลอยฟ้าสูงสุดในเอเชีย-แปซิฟิก ปักหมุดแลนด์มาร์กใหม่เอเชียทีค ชมวิวกรุงเทพฯ แบบพาโนรามา
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine

