<h2>สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ปรับลดเป้าผลิตรถยนต์ปี 67 เหลือ 1.7 ล้านคัน จากเดิมที่ 1.9 ล้านคันส่วนครึ่งปีแรก 2567 ยอดผลิตรถยนต์รวม 761,240 คัน ลดลง 17.39%YoY หดตัวตามยอดขายในประเทศที่ลดลง จากสถานการณ์นี้ครัวเรือนสูง และเศรษฐกิจไทยโตต่ำที่ส่งผลให้สถาบันการเงินจึงระมัดระวังในการอนุมัติสินเชื่อโดยเฉพาะรถกระบะและรถบรรทุก ส่วนรถไฟฟ้า BEV - HEV ยอดจดทะเบียนใหม่ยังเพิ่มขึ้น</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ล่าสุดมีการปรับลดเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปี 2567 เหลือ 1.7 ล้านคัน จากเดิมที่ระดับ 1.9 ล้านคัน โดยปรับลดยอดผลิตขายในประเทศลดลงจาก 750,000 คันมาสู่ระดับ 550,000 คัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ สาเหตุที่ปรับยอดผลิตลงมาจาก หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงกว่า 90% ของ GDP ในขณะที่รายได้ครัวเรือนยังต่ำจากเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำ คนงานมีรายได้ลดลง ประชาชนระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น สถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถยนต์โดยเฉพาะรถกระบะ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่ยังคาดว่า ยอดขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของครึ่งปีหลังปี 2567 จะดีขึ้นจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 และ 2568 ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ รวมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นของรัฐบาล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ในเดือน มิ.ย. 67 พบว่า ยอดการผลิตรถยนต์มีจำนวน 116,289 คัน ลดลง 20.11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และยังลดลง 7.82% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า สาเหตุเพราะการผลิตขายในประเทศที่ลดลงถึง 43.08% ตามยอดขายในประเทศที่ลดลง 26% และผลิตส่งออกลดลง 3.70%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ช่วงครึ่งปีแรกเดือน ม.ค. - มิ.ย. 2567 รถยนต์ที่ผลิตได้มีจำนวนรวม 761,240 คัน ลดลง 17.39%YoY โดยมีรถยนต์นั่งมีจำนวน 283,223 คัน ลดลง 11.79%YoY&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ครึ่งปีแรก 2567 มีการผลิตรถกระบะบรรทุกมีจำนวน 78,054 คัน ลดลง 25.98%YoY ส่วนรถกระบะดับเบิลแค็บผลิตได้ 309,130 คัน ลดลง 19.83%YoY และรถกระบะ PPV ผลิตได้ 79,554 คัน ลดลง 14.32%YoY นอกจากนี้มีรถบรรทุกขนาดต่ำกว่า 5 ตัน - มากกว่า 10 ตัน ผลิตได้ 11,269 คัน ลดลง 31.73%YoY&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ช่วงครึ่งปีแรกเดือน ม.ค. - มิ.ย. 2567 มีผลิตเพื่อส่งออกได้ 516,183 คัน ลดลง 2.73%YoY (คิดเป็น 67.81% ของยอดการผลิตทั้งหมด ส่วนการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ในช่วงเวลาเดียวกันผลิตได้ 245,047 คัน ลดลง 37.30%YoY&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านยอดขายตั้งแต่เดือนม.ค. - มิ.ย. 2567 รถยนต์มียอดขาย 308,027 คัน ลดลง 24.16%YoY&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ด้านยานยนต์ไฟฟ้า พบว่า ครึ่งปีแรกในเดือน ม.ค. - มิ.ย. 2567&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 51,911 คัน เพิ่มขึ้น 20.60%YoY&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 71,906 คัน เพิ่มขึ้น 55.84%YoY&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 4,896 คัน ลดลง 21.94%YoY&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ณ 30 มิ.ย. 67 มียอดจดทะเบียนสะสมประเภท BEV 183,221 คัน เพิ่มขึ้น 144.31%YoY ประเภท HEV มีจำนวนทั้งสิ้น 414,894 คัน เพิ่มขึ้น 35.30%YoY และประเภท PHEV มีจำนวนทั้งสิ้น 58,774 คัน เพิ่มขึ้น 20.41%YoY เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/global/lisa-lalisa-new-house-ambassador-of-louis-vuitton" alt="‘ลิซ่า-ลลิษา’ จาก Rockstar สู่ House Ambassador คนใหม่ของ Louis Vuitton"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/digital-wallet-update-july-2024" alt="เกือบ 10 เดือน Digital Wallet เปลี่ยนไปแค่ไหน จากการ ‘ให้ถ้วนหน้า’ สู่ ‘หั่นวงเงิน’">เกือบ 10 เดือน Digital Wallet เปลี่ยนไปแค่ไหน จากการ ‘ให้ถ้วนหน้า’ สู่ ‘หั่นวงเงิน’</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

สภาอุตฯ หั่นเป้าผลิตรถยนต์ปี 67 เหลือ 1.7 ล้านคัน คาดผลิตขายในประเทศลดลง

<h2>เมื่อรายได้ของคนส่วนใหญ่ยังไม่ฟื้นคืน ภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงส่งผลให้ช่วงปี 2567 ที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ยังปรับลดลง ล่าสุดเดือน เม.ย. นี้พบว่ายอดขายรถยนต์ในไทยลดลง 21.49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ท่ามกลางตลาดที่ยังซบเซานี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยระบุสาเหตุว่าเกิดจาก กำลังซื้อยังเปราะบาง และสถาบันการเงินเข้มงวดการให้สินเชื่อ รวมถึงเศรษฐกิจที่โตต่ำ จึงหวังให้รัฐออกมาตรการกระตุ้นคนซื้อรถน้ำมันเพิ่ม</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือน เม.ย. 2567 มีจำนวน 46,738 คัน ลดลง 21.49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ถ้าเทียบกับเดือนก่อนหน้ายังลดลง 16.69% สาเหตุเพราะการเข้มงวดในการอนุมุติสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของสถาบันการเงิน และเศรษฐกิจของประเทศเติบโตในระดับต่ำจากความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ทำให้การใช้จ่ายการลงทุนของรัฐบาลลดลงมากจนทำให้กำลังซื้อของประชาชนอ่อนแอลง ยอดขายรถยนต์จึงลดลงจากปีที่ผ่านมาถึง 21.49% จนตกไปเป็นอันดับ 3 รองจากประเทศมาเลเซียแล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ในเดือน เม.ย. 67 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจำแนกประเภทพบว่า ส่วนใหญ่ยังปรับตัวลดลง เช่น &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- รถนั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) อยู่ที่ 3,900 คัน (คิดเป็น 8.34% ของยอดขายทั้งหมด) ยังลดลง 7.21%YoY &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 132 คัน (คิดเป็น 0.28% ของยอดขายทั้งหมด) ลดลง 24.57%YoY &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- มีเพียง รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 10,289 คัน (คิดเป็น 22.01% ของยอดขายทั้งหมด) ที่เพิ่มขึ้น 59.10%YoY&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ภาพรวม 4 เดือนแรก (ม.ค.- เม.ย.) ปี 2567 พบว่า รถยนต์มียอดขาย 210,494 คัน ลดลง 23.90%YoY โดยภาพรวมรถยนต์นั่งฯ สันดาปภายใน ยอดขายยังลดลง (36.09%YoY) ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น เช่น BEV เพิ่มขึ้น 31.43%YoY และ HEV เพิ่มขึ้น 66.76%YoY มีเพียง PHEV ที่ปรับลดลง 22.69%YoY&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ในระยะต่อไปเมื่องบประมาณปี 2567 มีผลแล้ว หวังว่ารัฐบาลจะเร่งรัดการเบิกจ่ายและการลงทุนรวมทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการด้านอสังหาริมทรัพย์ จึงขอรัฐบาลช่วยกระตุ้นการซื้อรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์สันดาปภายในและรถกระบะที่ใช้ชิ้นส่วนผลิตในประเทศกว่า 90% ซึ่งมี Supply Chain จำนวนมากเพื่อให้อุตสาหกรรมเหล่านี้มีการผลิตเพิ่มขึ้น จ้างงานเพิ่มขึ้น ประชาชนมีงานทำมากขึ้น รัฐบาลเก็บภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่มรวมทั้งภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา เศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่สูงขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดที่น่าสนใจ ในเดือน ม.ค.- เม.ย. 2567 ได้แก่ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ มีจำนวนทั้งสิ้น 518,790 คัน ลดลง 17.05%YoY &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง มีจำนวน 193,239 คัน เท่ากับ 37.25% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 12.11%YoY &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ยอดผลิตรถประเภทอื่นๆ ยังปรับลดลงเช่นกัน เช่น รถยนต์โดยสาร (ลดลง 78.26%YoY) และรถยนต์บรรทุก (ลดลง 19.72%YoY) รถกระบะขนาด 1 ตัน (ลดลง 20.08%YoY) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ยอดการผลิตเพื่อส่งออกอยู่ที่ 345,608 คัน คิดเป็น 66.62% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 2.93%YoY (รถยนต์นั่ง เพิ่มขึ้น 4.25%YoY, รถกระบะขนาด 1 ตัน ลดลง 5.67%YoY) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ภาพรวมส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปอยู่ที่ 340,685 คัน ลดลง 3.66%YoY Image by <a href="https://www.freepik.com/free-photo/row-new-cars-port_13180844.htm#fromView=search&amp;page=1&amp;position=9&amp;uuid=512223d9-a09c-4d5f-b09e-83ac1f60b5e1" alt="tawatchai07 on&nbsp;Freepik">tawatchai07 on&nbsp;Freepik</a><a href="https://www.freepik.com/free-photo/row-new-cars-port_13180844.htm#fromView=search&amp;page=1&amp;position=9&amp;uuid=512223d9-a09c-4d5f-b09e-83ac1f60b5e1" alt="Freepik"></a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/motoring/nex-partnerd-dayun-mini-suv" alt="NEX ผนึก Dayun เล็งผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Mini SUV ตั้งเป้าขายราคาต่ำ 490,000 บาท">NEX ผนึก Dayun เล็งผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Mini SUV ตั้งเป้าขายราคาต่ำ 490,000 บาท</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

สภาอุตฯ เปิดยอดขายรถยนต์ไทย เม.ย. ร่วง 21.49% เหตุเศรษฐกิจชะลอ - สินเชื่อกู้ยาก หวังรัฐออกมาตรการกระตุ้นซื้อรถ

<h2>ท่ามกลางตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการแข่งขันสูงมากในประเทศจีน Li Xiang ผู้ก่อตั้ง Li Auto ปั้นตลาดเฉพาะกลุ่มขึ้นมาด้วยสายผลิตภัณฑ์รถ SUV ไฮบริดสำหรับครอบครัว ความต้องการรถยนต์ที่แข็งแกร่งส่งผลให้ราคาหุ้นของ Li Auto ในตลาด Nasdaq ทะยานกว่าเท่าตัวในรอบปี 2022 พร้อมกับส่ง Li Xiang วัย 42 ปีกลับสู่ทำเนียบ 100 คนที่รวยที่สุดในจีนอีกครั้ง หลังจากห่างหายไป 2 ปี ครั้งนี้เขารั้งอันดับ 34 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 7.4 พันล้านเหรียญ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Li Auto มีผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าที่มีระยะทางวิ่งไกลขึ้น (ซึ่งรวมด้วยเครื่องยนต์แบบที่ใช้น้ำมันที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ขณะเดินทางได้) สามารถเดินทางได้ 175 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และสูงสุดถึง 1,100 กิโลเมตรด้วยพลังงานไฟฟ้าจากน้ำมัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ภายในกว้างขวางเป็นพิเศษรองรับการเดินทางไกลของครอบครัว นำโดย Li L9 รถ SUV 6 ที่นั่ง มาพร้อมกับตู้เย็นขนาดเล็ก Li L8 (6 ที่นั่ง) และ Li L7 (5 ที่นั่ง) สนนราคาระหว่าง 43,000-63,000 เหรียญ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เป็นการออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวจีน” Yale Zhang กรรมการผู้จัดการประจำบริษัทที่ปรึกษา Automotive Foresight จาก Shanghai กล่าว “บริษัทนี้วางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของตนในตลาดแม่นยำเอามากๆ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ข้อมูลจากสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแห่งประเทศจีน (China Passenger Car Association) ระบุว่า เมื่อเดือนกันยายน ปี 2023 Li Auto เกาะกลุ่มผู้ขายรถยนต์พลังงานทางเลือกใหม่อันดับต้นๆ ของจีน ด้วยยอดการส่งมอบรถยนต์กว่า 36,000 คัน สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันนี้ของปี 2022 ถึง 3 เท่า และมียอดขาย 3.9 พันล้านเหรียญในไตรมาสที่ 2 หรือเติบโตกว่า 3 เท่าเช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทกลับมาทำกำไรได้อีกครั้งด้วยกำไรสุทธิ 319 ล้านเหรียญ เมื่อเปรียบเทียบกับผลขาดทุน 95.7 พันล้านเหรียญเมื่อปี 2022&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;China Securities Journal สำนักข่าวของรัฐรายงานว่า Li Auto ตั้งเป้าที่จะส่งมอบรถยนต์ให้ได้ปีละ 1.6 ล้านคันภายในปี 2025&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การผลิตรถยนต์ไม่ใช่ธุรกิจแรกของ Li Xiang ผู้มั่งคั่งผู้เก็บเนื้อเก็บตัว หลังจบชั้นมัธยม Li เปิดเว็บไซต์รีวิวคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เสริมที่มีชื่อว่า pcpop.com แต่เมื่อเห็นโอกาสในตลาดยานยนต์ Li จึงก่อตั้งแพลตฟอร์มด้านข่าวสารและบริการเกี่ยวกับยานยนต์ขึ้นมาในปี 2005 โดยใช้ชื่อว่า Autohome ซึ่งต่อมาเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ New York ในปี 2013 ก่อนที่เขาจะตัดสินใจออกจาก Autohome ในอีก 2 ปีให้หลังเพื่อเริ่มกิจการ Li Auto ซึ่งมี Wang Xing (อันดับ 23 มูลค่าทรัพย์สิน 9.9 พันล้านเหรียญ) ผู้ก่อตั้ง Meituan ธุรกิจส่งอาหารยักษ์ใหญ่เป็นหนึ่งในผู้ลงทุน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เวลานี้ Li Auto กำลังเผชิญบททดสอบครั้งใหญ่ ท่ามกลางความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาสถานีชาร์จเพื่อบรรเทาความวิตกกังวลเรื่องระยะทางวิ่ง Li รู้ดีว่าอะไรจะเป็นจุดเปลี่ยนสุดท้ายสู่การเป็นยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่อไปของบริษัทจึงจะไม่มีเครื่องยนต์ใช้น้ำมันอีกต่อไป Li Mega MPV มีกำหนดเปิดตัวช่วงปลายปี 2023 ด้วยราคาเหนือระดับ 70,000 เหรียญ โดยมีเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้ขับรถยนต์หรู&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ Li Auto ยังวางแผนสร้างสถานีชาร์จ 3,000 แห่งทั่วประเทศในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า โดยมี 100 แห่งที่พร้อมให้บริการปลายเดือนกันยายน ปี 2023&nbsp; &nbsp;&nbsp;Wang Hanyang นักวิเคราะห์บริษัทวิจัย 86Research จาก Shanghai บอกว่า ตลาดรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเต็มรูปแบบนั้นกำลังได้รับความนิยมล้นหลาม “แต่ก็เจาะเข้าตลาดยากกว่ามาก สำหรับ Li Auto นั้นยิ่งพวกเขาพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบออกมาได้เร็วเท่าไรก็จะยิ่งช่วยพลิกโฉมบริษัทให้แล้วเสร็จเร็วขึ้นเท่านั้น” ​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/people/strategies/piti-jarukamjorn-driving-business-one-origin" alt="ปิติ จารุกำจร เสริมแกร่งลมใต้ปีก One Origin">ปิติ จารุกำจร เสริมแกร่งลมใต้ปีก One Origin</a>​ ​<a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/333e2582-58e3-4c33-85a2-84dbc319d262" alt="คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมกราคม 2567 ในรูปแบบ e-magazine">คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมกราคม 2567 ในรูปแบบ e-magazine</a><div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure><a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/333e2582-58e3-4c33-85a2-84dbc319d262" alt="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/333e2582-58e3-4c33-85a2-84dbc319d262" data-image-link="image"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/GYFh4p3aRCf5fGHHD39n.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="GYFh4p3aRCf5fGHHD39n.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="300px,auto" data-rotate="" data-image-link="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/333e2582-58e3-4c33-85a2-84dbc319d262" origin-size="320,420" style="width: 300px; height: auto;" data-index="0"></a></figure></div>

Li Xiang บนถนนสู่ความสำเร็จในเส้นทาง EV อันดุเดือด

<h2 class="p1">นับเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีที่ Toyota ขึ้นครองอันดับ 1 บริษัทรถยนต์ที่ขายดีที่สุดประจำปี 2020 แซงหน้า Volkswagen ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมัน ที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19</h2>
<figure><img class="wp-image-40927" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/960x0-1.jpg" alt="Volkswagen " width="720" height="405" /><figcaption> ภาพร่างที่โชว์โครงสร้างภายในรถยนต์ไฮบริด ของ Toyota</figcaption></figure>
ล่าสุด<a href="https://www.toyota.com/prius/?addisclaimer=awd_e,see&amp;srchid=SEM_700000001483645:GOOGLE:Model_Prius:58700006186212924:toyota%20prius%202021:p55874918650:451112320542&amp;gclsrc=aw.ds&amp;&amp;gclid=Cj0KCQiA6t6ABhDMARIsAONIYyw5u1KXWKGy9UnGt5JJ-Vh-rWeecRToFa4sgH-lML7O8rBF87P_X3caAjdQEALw_wcB&amp;gclsrc=aw.ds"> Toyota </a>เผยผลประกอบการของกลุ่มบริษัท ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทผลิตรถยนต์ในเครืออย่าง Lexus, Daihatsu และ Hino ว่า มียอดขายลดลงร้อยละ 11 หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 9.5 ล้านคันในปี 2020 ขณะที่ยอดขายของทาง Volkswagen (VW) ซึ่งประกอบไปด้วย Porsche, Audi และ Lamborghini ปรับตัวลดลงมากถึงร้อยละ 15.2 หรือราว 9.3 ล้านคัน
ด้านกลุ่มพันธมิตรยานยนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Renault-Nissan-Mitsubishi ครองส่วนแบ่งของตลาดเป็นลำดับที่ 3 ตามมาด้วย General Motors ในลำดับที่ 4
ในปี 2020 ที่ผ่านมา มาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศทั่วโลกได้ส่งผลให้ลูกค้าหลายรายจำเป็นต้องอยู่บ้าน และหลีกเลี่ยงการเข้าชมโชว์รูม จึงเป็นเหตุให้โรงงานผลิตยานยนต์หลายแห่งลดหรือหยุดผลิตรถยนต์บางรุ่นลง
อย่างไรก็ดี จากสถิติการติดเชื้อและอัตราการเสียชีวิตในญี่ปุ่นที่ต่ำกว่าในเชิงเปรียบเทียบกับฝั่งยุโรป ทำให้ Toyota สามารถดำเนินการผลิตและทำยอดขายได้ดีกว่าในยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยหากพิจารณาจำนวนประชากรภายในประเทศทั้งหมด 126 ล้านคน ญี่ปุ่นมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 อยู่ราว 5,000 คน ขณะที่สหราชอาณาจักร ซึ่งมีประชากร 66 ล้านคน มียอดผู้เสียชีวิตมากถึง 100,000 คน
เป็นระยะเวลาหลายทศวรรษที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชียต่างแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อขึ้นเป็นที่ 1 ของอุตสาหกรรม โดยในปี 2013 Toyota ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้า General Motors ที่รั้งอันดับที่ 2 จนกระทั่งถูก VW เข้ามายึดครองตำแหน่งไปในปี 2015 ก่อนที่จะก้าวขึ้นสู่อันดับ 1 ในปี 2017 เป็นต้นมา และเสียแชมป์ให้กับ Toyota ในปี 2021 นี้
ท่ามกลางอุปสงค์ในตลาดรถยนต์ที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้งจากการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ ผนวกกับความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจีน บริษัทผู้ผลิตยานยนต์หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น Toyota, VW, GM และรายอื่นๆ ต่างเริ่มหันมาให้ความสำคัญในการกระตุ้นยอดขายในรถยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้า
แต่ในขณะเดียวกัน ข้อท้าทายของ Toyota ในการรักษาอันดับ 1 ก็คือ ความล่าช้าในการเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ขณะที่ในปัจจุบัน บริษัทผู้ผลิตจากยุโรปและสหรัฐฯ ต่างทยอยนำเสนอไลน์รถยนต์ไฟฟ้าจำนวนมาก แม้ว่าจะเป็นที่ทราบกันว่า ในปี 2021 นี้ Toyota พร้อมเปิดตัวรถยนต์ตระกูล Prius ที่ในคราวนี้ได้ถูกต่อยอด เพื่อเน้นทำการตลาดรถยนต์ไฮบริดโดยเฉพาะ
ในที่นี้ ทาง Toyota Europe ระบุเพิ่มเติมว่า "เทคโนโลยีไฮบริดของทางบริษัท ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ราว 2 ใน 3 ของกำลังผลิต ได้มีส่วนช่วยให้บริษัทผ่านมาตรฐานการควบคุมมลพิษจากสหภาพยุโรป (European Emission Standards) ที่เข้มงวด ทั้งที่ยังไม่ได้เข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว" โดยมาตรฐานดังกล่าวเป็นไปเพื่อควบคุมยานพาหนะที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงให้มีการเผาไหม้ไม่เกินค่ามาตรฐานที่กำหนด ทำให้ผู้ผลิตยานยนต์ทั่วโลกต้องพัฒนาเครื่องยนต์ให้ปล่อยมลพิษออกมาน้อยที่สุด รวมไปถึงค่ามาตรฐานเสียงที่ออกมาจากปลายท่อด้วย
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Toyota Grabs No 1 Spot From Volkswagen In 2020, GM Takes 4th เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/foxconn-technology-%e0%b8%8b%e0%b8%b1%e0%b8%9e%e0%b8%9e%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%82%e0%b8%ad%e0%b8%87-apple.html">Foxconn ซัพพลายเออร์ของ Apple เตรียมสร้างโรงงาน 270 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในเวียดนาม</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events