สภาอุตฯ เปิดยอดขายรถยนต์ไทย เม.ย. ร่วง 21.49% เหตุเศรษฐกิจชะลอ - สินเชื่อกู้ยาก หวังรัฐออกมาตรการกระตุ้นซื้อรถ - Forbes Thailand

สภาอุตฯ เปิดยอดขายรถยนต์ไทย เม.ย. ร่วง 21.49% เหตุเศรษฐกิจชะลอ - สินเชื่อกู้ยาก หวังรัฐออกมาตรการกระตุ้นซื้อรถ

เมื่อรายได้ของคนส่วนใหญ่ยังไม่ฟื้นคืน ภาวะหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงส่งผลให้ช่วงปี 2567 ที่ผ่านมา ยอดขายรถยนต์ยังปรับลดลง ล่าสุดเดือน เม.ย. นี้พบว่ายอดขายรถยนต์ในไทยลดลง 21.49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ท่ามกลางตลาดที่ยังซบเซานี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยระบุสาเหตุว่าเกิดจาก กำลังซื้อยังเปราะบาง และสถาบันการเงินเข้มงวดการให้สินเชื่อ รวมถึงเศรษฐกิจที่โตต่ำ จึงหวังให้รัฐออกมาตรการกระตุ้นคนซื้อรถน้ำมันเพิ่ม


    นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือน เม.ย. 2567 มีจำนวน 46,738 คัน ลดลง 21.49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ถ้าเทียบกับเดือนก่อนหน้ายังลดลง 16.69% สาเหตุเพราะการเข้มงวดในการอนุมุติสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของสถาบันการเงิน และเศรษฐกิจของประเทศเติบโตในระดับต่ำจากความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ทำให้การใช้จ่ายการลงทุนของรัฐบาลลดลงมากจนทำให้กำลังซื้อของประชาชนอ่อนแอลง ยอดขายรถยนต์จึงลดลงจากปีที่ผ่านมาถึง 21.49% จนตกไปเป็นอันดับ 3 รองจากประเทศมาเลเซียแล้ว

    นอกจากนี้ ในเดือน เม.ย. 67 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจำแนกประเภทพบว่า ส่วนใหญ่ยังปรับตัวลดลง เช่น
    - รถนั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) อยู่ที่ 3,900 คัน (คิดเป็น 8.34% ของยอดขายทั้งหมด) ยังลดลง 7.21%YoY
    - รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 132 คัน (คิดเป็น 0.28% ของยอดขายทั้งหมด) ลดลง 24.57%YoY
    - มีเพียง รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 10,289 คัน (คิดเป็น 22.01% ของยอดขายทั้งหมด) ที่เพิ่มขึ้น 59.10%YoY

    ขณะที่ภาพรวม 4 เดือนแรก (ม.ค.- เม.ย.) ปี 2567 พบว่า รถยนต์มียอดขาย 210,494 คัน ลดลง 23.90%YoY โดยภาพรวมรถยนต์นั่งฯ สันดาปภายใน ยอดขายยังลดลง (36.09%YoY) ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น เช่น BEV เพิ่มขึ้น 31.43%YoY และ HEV เพิ่มขึ้น 66.76%YoY มีเพียง PHEV ที่ปรับลดลง 22.69%YoY

    ทั้งนี้ ในระยะต่อไปเมื่องบประมาณปี 2567 มีผลแล้ว หวังว่ารัฐบาลจะเร่งรัดการเบิกจ่ายและการลงทุนรวมทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการด้านอสังหาริมทรัพย์ จึงขอรัฐบาลช่วยกระตุ้นการซื้อรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์สันดาปภายในและรถกระบะที่ใช้ชิ้นส่วนผลิตในประเทศกว่า 90% ซึ่งมี Supply Chain จำนวนมากเพื่อให้อุตสาหกรรมเหล่านี้มีการผลิตเพิ่มขึ้น จ้างงานเพิ่มขึ้น ประชาชนมีงานทำมากขึ้น รัฐบาลเก็บภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่มรวมทั้งภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา เศรษฐกิจเติบโตในอัตราที่สูงขึ้น

    นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดที่น่าสนใจ ในเดือน ม.ค.- เม.ย. 2567 ได้แก่
    - จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ มีจำนวนทั้งสิ้น 518,790 คัน ลดลง 17.05%YoY
    - ยอดผลิตของรถยนต์นั่ง มีจำนวน 193,239 คัน เท่ากับ 37.25% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 12.11%YoY
    - ยอดผลิตรถประเภทอื่นๆ ยังปรับลดลงเช่นกัน เช่น รถยนต์โดยสาร (ลดลง 78.26%YoY) และรถยนต์บรรทุก (ลดลง 19.72%YoY) รถกระบะขนาด 1 ตัน (ลดลง 20.08%YoY)
    - ยอดการผลิตเพื่อส่งออกอยู่ที่ 345,608 คัน คิดเป็น 66.62% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลง 2.93%YoY (รถยนต์นั่ง เพิ่มขึ้น 4.25%YoY, รถกระบะขนาด 1 ตัน ลดลง 5.67%YoY)
    - ภาพรวมส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปอยู่ที่ 340,685 คัน ลดลง 3.66%YoY



Image by tawatchai07 on Freepik



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : NEX ผนึก Dayun เล็งผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Mini SUV ตั้งเป้าขายราคาต่ำ 490,000 บาท

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine