<h2>รู้หรือไม่ว่า O&amp;B (โอแอนด์บี) แบรนด์รองเท้าสตรีทรงบัลเลต์ซึ่งผลิตจากหนังแกะคุณภาพสูง ซึ่งมี บริษัท ริช สปอร์ต จำกัด (มหาชน) เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์นั้น ปัจจุบันแบรนด์ย่างเข้าสู่ปีที่ 14 แล้ว และเรียกได้ว่าไม่ใช่เพียงแค่ครองอันดับ 1 ในตลาดรองเท้าประเภทรองเท้าสตรีทรงบัลเลต์ แต่ได้กลายเป็นรองเท้าที่เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์และสามารถสวมใส่ได้ในทุกโอกาส</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พาพิชญ์ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ริช สปอร์ต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 14 ปีที่ผ่านมา O&amp;B ถือว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่สามารถเข้าไปครองใจลูกค้าในตลาดรองเท้าสตรี โดยยึดมั่นในการผลิตรองเท้าที่มีคุณภาพ นิ่มสบาย ไม่กัดเท้า และเสริมความมั่นใจในการสวมใส่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกค้ามั่นใจ และติดตามซื้อสินค้า รวมถึงเป็นกระบอกเสียงที่สำคัญให้กับแบรนด์ในการบอกต่อมาโดยตลอด อีกทั้งแบรนด์ยังมุ่งเน้นการยกระดับมาตรฐานการบริการให้เทียบเท่ากับแบรนด์ในระดับสากล โดยมีความมุ่งมั่นคัดสรรพนักงานที่มีความรู้และเข้าใจในตัวสินค้าเพื่อให้สามารถเป็น Personal Shopper เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้รับประสบการณ์อย่างแท้จริงจากการลองสวมใส่ผลิตภัณฑ์​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/2kHmxUh93hAoDM2Fz2d8.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="2kHmxUh93hAoDM2Fz2d8.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"><figcaption><div>พาพิชญ์ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“โดยเราเดินหน้าขยายจุดขายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ของฐานลูกค้า รวมไปถึงการพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างนวัตกรรมบน Cushion ที่รับประกันว่าลูกค้าจะสามารถสวมใส่ได้นานกว่า 12 ชั่วโมงจนไม่อยากถอดกันเลยทีเดียว”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ในปี 2024 ที่ผ่านมาแบรนด์ O&amp;B เติบโตขึ้นถึง 70% ด้วยประสบการณ์ในวงการ Retail และตลาดรองเท้ากว่า 30 ปีของบริษัท ริช สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ RSP ในการจัดจำหน่าย International brands อย่าง Converse, Havaianas, Barrel, ADLV และ GEOX ทำให้ RSP มีความชำนาญด้านการจัดจำหน่ายและการตลาด รวมไปถึงการรังสรรค์ผลงานคอลเล็กชั่นยอดนิยมในปี 2024 อาทิ O&amp;B x Ploy Chava, O&amp;B x Wiggle Wiggle&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และที่เป็นไฮไลต์ของปี 2024 เลยคงจะไม่พ้น O&amp;B x Chompoo Araya ที่ทาง O&amp;B ได้ใช้เทคนิคการตัดเย็บและ Design ขั้นสูงเทียบเท่ากับ Brand ระดับโลก จึงคาดว่าสำหรับกิจกรรมการตลาดรวมถึงการคอลลาบอเรชันกับคนดัง และ Character Brand ที่แปลกใหม่ จะเป็นตัวช่วยสร้างกระแสความนิยมของแบรนด์อย่างตัวเนื่อง เพื่อกระตุ้นความสนใจของกลุ่มลูกค้า <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/BNukM33skYS2KYK3Yj42.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="BNukM33skYS2KYK3Yj42.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"><figcaption><div>O&amp;B x Monchhichi</div></figcaption></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยในปี 2025 เริ่มเปิดความร้อนแรงตั้งแต่ต้นปีด้วยคอลเล็กชั่น O&amp;B x Monchhichi และในปีนี้ O&amp;B ตั้งเป้าที่จะ Collaboration ถึง 6 คอลเล็กชั่น เพื่อพาแบรนด์ O&amp;B ให้เติบโตขึ้น 40% ตามเป้าของปี 2025&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจาก 6 Collaborations ข้างต้น ในปี 2025 ยังมีคอลเล็กชั่น “Spring-Summer 2025” และ “Fall-Winter 2025” ที่เป็นคอลเล็กชั่นใหญ่ของ O&amp;B โดยเน้นการเล่าเรื่องผ่านการเดินทางของสาวๆ ซึ่งคอลเล็กชั่นล่าสุดอย่าง “Spring-Summer 2025” CIAO Collection มาในคอนเซ็ปต์ “A Taste of Italian Summer” การเดินทางของกลุ่มเพื่อนสาวที่ได้กลับมารวมตัวกัน โดยจุดหมายปลายทางของพวกเธอคือ Positano เมืองแห่งมนต์เสน่ห์ที่มีทุกอย่างครบครันสำหรับวันพักผ่อนในฝันของประเทศอิตาลี​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/ATNggBiCs5t5ngCZQ9sQ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ATNggBiCs5t5ngCZQ9sQ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ถูกถ่ายทอดผ่านลายปริ๊นท์และงานปักลงบนรองเท้าทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ Audrey Ciao ทรงรองเท้าที่ไม่เคยตกยุคด้วยทรงคลาสสิกซิกเนเจอร์ของแบรนด์ที่มีความนุ่มของหนังแกะพรีเมี่ยม กับคุณภาพวัสดุและการออกแบบที่ทำให้สวมใส่สบาย เพื่อให้รองรับกับทุกอิริยาบถของผู้สวมใส่, LA COSTA SANDALS รองเท้าแตะหนังแพะแท้ดีไซน์สายคาดแบบ T-Bar ที่ให้ลุคเรียบง่ายแต่แฝงด้วยรายละเอียดสุดพิเศษ รวมไปถึง Romeo Loafers รองเท้า Boyish Style ที่เปิดตัวไปในปีที่แล้ว ในรูปลักษณ์แบบใหม่ โดยในปีนี้มีแผนเปิดตัวสีใหม่ดพิ่มขึ้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าตลาด Boyish ซึ่งตอบโจทย์สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีคาแรคเตอร์​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/8ibqp3xKRQE8oQDZYkbt.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="8ibqp3xKRQE8oQDZYkbt.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน O&amp;B มีช่องการการจัดจำหน่ายทั้งหมด 3 แห่ง ประกอบด้วย Flagship Store ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, Concept Store ศูนย์การค้าเมกะบางนา, Concept Store ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์, ช่องทางออนไลน์ 4 แห่งได้แก่ Website: https://oandb.store, Line Official, Lazada และ Shopee​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/CssYBAahTqW7eSANWUu3.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="CssYBAahTqW7eSANWUu3.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="4"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พร้อมด้วยเคาน์เตอร์แผนกรองเท้าในห้างสรรพสินค้าจำนวน 7 แห่ง ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล แอด เซ็นทรัลเวิลด์ , ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลชิดลม, ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว, ห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียม, ห้างสรรพสินค้าสยาม พารากอน, ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ และศูนย์การค้าสเปล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านและแถบเอเชีย อาทิ ประเทศกัมพูชา ที่วางแผนจะเปิดในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ เพื่อเดินหน้าสู่การเติบโตในอนาคตอย่างมั่นคง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายงานผลการดำเนินงานของบริษัท ริช สปอร์ต จำกัด (มหาชน) ไว้ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ปี 2567 รายได้ 1,570 ล้านบาท กำไร 133 ล้านบาท &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ปี 2566 รายได้ 1,521 ล้านบาท กำไร 103 ล้านบาท &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ปี 2565 รายได้ 1,294 ล้านบาท กำไร 111 ล้านบาท ภาพ: O&amp;B เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/people/thriving-30s/raya-wannapinyo-the-way-of-gentlewoman" alt="รยา วรรณภิญโญ GENTLEWOMAN แฟชั่นไทยพันล้าน ที่ใช้ทีมเวิร์คและดาต้าดีไซน์ความสำเร็จ">รยา วรรณภิญโญ GENTLEWOMAN แฟชั่นไทยพันล้าน ที่ใช้ทีมเวิร์คและดาต้าดีไซน์ความสำเร็จ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

O&B รองเท้าสตรีสัญชาติไทย เข้าสู่ปีที่ 14 แล้ว ลุยใช้การคอลแล็บขยายฐานลูกค้า พร้อมเตรียมโกอินเตอร์สู่ประเทศเพื่อนบ้าน

<h2>เพราะยอดขายไม่เป็นที่น่าพึงพอใจต่อเนื่อง บริษัทรองเท้าชั้นนำอย่าง Nike จึงประกาศเปลี่ยนตัวซีอีโอไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ปัจจุบันผ่านไปราวสองเดือนแล้วนับตั้งแต่ซีอีโอคนใหม่ของ Nike เข้ารับตำแหน่ง เขาเผยว่ากำลังพยายามแก้ไขข้อผิดพลาด 3 ประการที่บริษัทสร้างขึ้นตลอดหลายปีมานี้</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Elliott Hill ก้าวขึ้นรับตำแหน่งซีอีโอของ Nike เมื่อเดือนตุลาคม 2024 ที่ผ่านมา แม้เขาจะเป็นซีอีโอมือใหม่ แต่ก็มีประสบการณ์ทำงานร่วมกับ Nike มากว่า 30 ปี เขาเริ่มจากการเป็นเด็กฝึกงานฝ่ายขายในปี 1988 และขยับตำแหน่งขึ้นมาเรื่อยๆ โดยก่อนเกษียณในปี 2020 เขาทำหน้าที่เป็นประธานฝ่ายลูกค้าและมาร์เก็ตเพลส&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Hill กลับมาในช่วงเวลาสำคัญของ Nike ที่นอกจากยอดขายจะตกลงมหาศาลแล้ว เขายังต้องรับมือกับผลกระทบจากกลยุทธ์การพยายามขายสินค้าตรงกับลูกค้า แทนที่จะขายผ่านร้านรีเทลต่างๆ เหมือนในอดีต โดยหุ้นของบริษัทดิ่งหนักกว่า 36% ในปี 2023&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม 2024 ที่ผ่านมา Nike เผยรายได้ประจำไตรมาสที่สิ้นสุดลง ณ เดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 1.24 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ตกลง 8% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่ง Hill ก็ได้ออกมากล่าวในการประชุมรายงานผลประกอบการถึงข้อผิดพลาด 3 ประการของบริษัทที่เขากำลังพยายามแก้ไข ดังนี้​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/W4NBrc758oaEAfdZ68Wg.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="W4NBrc758oaEAfdZ68Wg.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,480"></figure></div> 1. โปรโมชั่นเยอะเกินไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Hill ชี้ว่า ในระยะหลังมานี้ Nike มีการลดราคาและออกโปรโมชั่นมากจนเกินไป โดยตั้งแต่เข้าปีนี้มา การขาย 50% บนแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ ของ Nike มีการลดราคาหรือมีโปรโมชั่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การลดราคาในระดับนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อแบรนด์ของเรา แต่ยังกระทบกับภาพรวมของตลาดและความสามารถในการทำกำไรของพาร์ทเนอร์ของเราด้วย” Hill กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซีอีโอคนใหม่ยังเผยว่า Nike ตั้งใจจะควบคุมตัวเลขการขายเพื่อรับมือกับสถานการณ์ในปัจจุบัน “การเป็นแบรนด์พรีเมียมหมายถึงการขายในราคาเต็ม เราจะโฟกัสที่โปรโมชั่นตามช่วงเวลาปกติที่ควรเป็น ไม่ใช่ถี่แบบที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้” 2. สูญเสียความหลงใหลในกีฬา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Hill เน้นย้ำเรื่องการปรับทิศทางโดยภาพรวมของแบรนด์ด้วยเช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราสูญเสียความหลงใหลในกีฬาไปครับ” Hill กล่าวระหว่างการประชุม “ในการมุ่งไปข้างหน้าต่อจากนี้ เราจะใช้กีฬาเป็นตัวนำและวางนักกีฬาไว้ตรงกลางของทุกการตัดสินใจ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เขาเสริมว่า Nike จะกลับไปให้ความสำคัญกับการยกระดับข้อมูลเชิงลึกของนักกีฬาเพื่อเร่งนวัตกรรม การออกแบบ การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และการเล่าเรื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน Nike มุ่งเน้นใน 5 หมวดหมู่ ได้แก่ การวิ่ง บาสเกตบอล เทรนนิ่ง ฟุตบอล และสปอร์ตแวร์ โดยเทรนนิ่งจะเน้นไปยังเครื่องแต่งกายสำหรับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนกีฬา ในขณะที่สปอร์ตแวร์จะเป็นชุดกีฬาลำลอง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์หลายคนได้วิจารณ์ว่านวัตกรรมของ Nike กำลังหยุดชะงัก หนึ่งในนั้นคือ Jim Duffy นักวิเคราะห์จาก Stifel Institutional ที่เผยกับสำนักข่าว Business Insider ในเดือนกันยายน 2024 ที่ผ่านมาว่า Nike กำลังล้าหลัง และเอาแต่พึ่งพาไลน์สินค้า Retro ในขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคได้เปลี่ยนไปแล้ว​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/BpvfbAbY9zFQ6eNmDNHi.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-file-name="BpvfbAbY9zFQ6eNmDNHi.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px;" data-index="1"></figure></div> 3. สัมพันธ์ร้าวกับร้านรีเทล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับข้อผิดพลาดประการที่ 3 ของบริษัท คือความสัมพันธ์อันไม่ค่อยจะสู้ดีนักที่ Nike มีกับบรรดามาร์เก็ตเพลสและร้านรีเทลต่างๆ โดยตั้งแต่ก่อนโควิด-19 ระบาด บริษัทก็เริ่มผลักดันการขายสินค้าตรงสู่ลูกค้า และตัดสัมพันธ์ที่มีกับร้านกีฬาและร้านรองเท้ารายย่อย ทั้งยังลดจำนวนสินค้าที่แบ่งสรรให้รีเทลรายใหญ่อย่าง Foot Locker และ Dick’s Sporting Goods&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“สิ่งสุดท้ายที่เราเลือกให้ความสำคัญคือการฟื้นคืนความสัมพันธ์และความไว้ใจจากพาร์ทเนอร์ขายส่ง พาร์ทเนอร์หลายรายรู้สึกว่าเราหันหลังให้กับพวกเขา” Hill เผย พร้อมเสริมว่าเขามีคอนเนคชั่นกับบรรดาผู้บริหารระดับสูงของรีเทลต่างๆ เช่น Dick's Sporting Goods, Foot Locker และ JD Sports&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นักวิเคราะห์ Duffy เคยบอกกับ Business Insider ว่า การที่ Nike ลดความสำคัญของการขายส่งให้ร้านรีเทลลง เป็นการเปิดโอกาสให้คู่แข่งชิงพื้นที่ว่างบนชั้นวางและสร้างการรับรู้แก่ลูกค้าแทน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รายได้จากการขายส่งของ Nike อยู่ที่ 6.9 พันล้านเหรียญในไตรมาสที่ผ่านมา ตกลง 3% จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม Poonam Goyal นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence มองว่า ผลประกอบการไตรมาสก่อนของ Nike ในส่วนของการขายส่งและสินค้าเครื่องแต่งกายนั้นยังคงสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.businessinsider.com/nike-new-ceo-elliott-hill-change-sport-sales-wholesalers-turnaround-2024-12" alt="Nike's new CEO said the company messed up 3 key areas that he's trying to fix">Nike's new CEO said the company messed up 3 key areas that he's trying to fix</a>​ภาพ: Nike และ <a href="https://unsplash.com/photos/a-display-of-shoes-in-a-shoe-store-Mw9JbxuQPjI" alt="Unsplash">Unsplash</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/global/iata-predicts-2025-global-airline-industry-revenue-surpass-1-trillion-usd" alt="IATA คาดอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก รายได้ทะลุ 1 ล้านล้านเหรียญในปี 2025">IATA คาดอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก รายได้ทะลุ 1 ล้านล้านเหรียญในปี 2025</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

กลยุทธ์ผิดพาหลงทิศ-รายได้ตก ซีอีโอใหม่ Nike เผย 3 แนวทาง คืนชีพบริษัทสู่แบรนด์กีฬาพรีเมียม

<h2>Scholl แบรนด์รองเท้าจากอิตาลีเข้ามาทำตลาดในไทยได้ 35 ปี และเป็นที่รู้จักว่าเป็นรองเท้าเพื่อสุขภาพ ปรับลุคใหม่สู่แบรนด์แฟชั่น พร้อมเป็นฮับในเอเชีย-แปซิฟิก ตั้งเป้ารายได้ปีนี้กว่า 700 ล้านบาท </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Scholl (สกอลล์) ถือกำเนิดขึ้นในปี 1899 โดย Dr. William Mathias Scholl ที่ต้องการรังสรรค์รองเท้าเพื่อแก้ปัญหาสุขภาพเท้า ลดความเมื่อยล้าระหว่างเดิน สามารถซัพพอร์ตการทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอดทั้งวัน พร้อมยังออกแบบรองเท้าให้สวยงามตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในทุกยุคทุกสมัย และได้รับการยอมรับจากตลาดทั่วโลกด้วยจุดแข็งด้านเทคโนโลยีพื้นรองเท้าที่ตอบโจทย์สรีระเท้า ปัจจุบันวางจำหน่ายกว่า 90 ประเทศทั่วโลก ในประเทศไทยมีการจำหน่ายรองเท้า Scholl ตั้งแต่ปี 2532 และเป็นแบรนด์แรกๆ ที่เข้ามาบุกเบิกตลาดรองเท้าสุขภาพในเมืองไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จิณณา อัศวเหม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอช แอนด์ เอฟ ชูส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ให้สัมภาษณ์ Forbes Thailand ในวันแถลงข่าวเปิดตัวคอลเล็กชันใหม่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2567 ซึ่งทีมงานแต่งกายคล้ายๆ กันคือ สวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้า ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนส์ และสวมรองเท้าสนีกเกอร์สีน้ำเงินขาวรุ่นที่เพิ่งนำเข้าจากอิตาลีซึ่งนำมาจัดแสดงภายในงานด้วย &nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ก่อนจะมาเป็นผู้บริหารที่นี่จิณณาทำงานในสายงานตรวจสอบบัญชีและงานด้านบัญชี มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปีในธุรกิจหลายประเภท อาทิ เครื่องสุขภัณฑ์&nbsp; เครื่องมือแพทย์ และธุรกิจอาหารเสริม โดยปลายปี 2563 เข้ามาทำงานในตำแหน่ง Chief Operation Officer (COO) ดูแลหน่วยงานการเงิน เทคโนโลยีสารสนเทศ ทรัพยากรบุคคล และโลจิสติกส์ อีก 1 ปีต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ดูแลภาพรวมของบริษัท เธอบอกว่า ตอนที่ได้รับการโปรโมตไม่รู้สึกหนักใจ เพราะทำงานมาแล้ว 1&nbsp; ปี เห็นภาพว่าต้องมีการปรับปรุงอะไร ด้านไหนบ้าง แม้จะไม่เคยมีประสบการณ์ในธุรกิจรองเท้า แต่โดยส่วนตัวชอบเรื่องแฟชั่นและอุ่นใจว่ายังมีบริษัทแม่คอยซัพพอร์ต “บริษัทแม่เน้นผลประกอบการ ซึ่งเป็นจุดแข็งของเราๆ มาจาก finance“&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ตอนมา join ปี 2563 ช่วงนั้นมีโควิด (รายได้) เป็นไปตามภาวะตลาด แต่บริษัทยังโตมากกว่าตลาดทั่วไป พอปี 2021 ขยับขึ้นและ 2022 โตเยอะ 2023 ยังคงที่แต่มีอัตราเติบโตอยู่ บริษัทวัดผลการดำเนินงานจากผลกำไร ยอดขายไม่เท่าไร ปี 2565 รายได้ 600 กว่าล้าน กำไร 10% กว่า ปีล่าสุดอยู่ที่ 13%” ผู้บริหาร Scholl ตอบสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล &nbsp; <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/8UT6oXm1VUxiHcm24nqn.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="1" data-file-name="8UT6oXm1VUxiHcm24nqn.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div>​ เจาะตลาดคนรุ่นใหม่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภายใต้การนำทัพของเธอในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีความเปลี่ยนแปลงอย่างน่าสนใจ เริ่มจากการปรับรูปแบบสินค้าให้ดูเด็กลง นำเข้ารองเท้าแฟชั่นรุ่นใหม่จากอิตาลีเพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าคนหนุ่มสาวด้วย จากเดิมที่ลูกค้าส่วนใหญ่อายุ 35 ปีขึ้นไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ประมาณปี 2564-2565 เราทำวิจัยร่วมกับ Nielsen ดูว่าผู้บริโภคเลือกซื้อรองเท้าด้วยปัจจัยไหน อายุเท่าไร พอได้ข้อมูลมาจะทำยังอย่างไรให้เด็กลง ถ้ามองดูพัฒนาการของรองเท้าช่วงปี 2564-2567 จะเห็นว่าเราเริ่มทำแบบให้เด็กลง...อิตาลีเน้นสินค้าตอบตลาดยุโรป บางอย่างเราเอาของเขามาใช้ไม่ได้ แต่เอา DNA มาพัฒนาเพื่อตลาดแถบนี้ เราเรียกว่า APAC (Asia-Pacific) แต่แนวทางตรงกัน เมื่อคุยกับอิตาลีเขาจะบอกว่าทำไมมันแตกต่างกัน you ทำให้ใกล้ๆ กันได้ไหม ก็เลยจะเป็นลักษณะที่สอดคล้องกัน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จิณณาขยายความว่า ดีไซน์ของอิตาลีแตกต่างจากไทย อิตาลีเป็นในแนวแฟชั่น ส่วนของไทยเน้นการใช้งานในชีวิตประจำวัน สามารถใส่เดินได้ทั้งวัน โดยรองเท้าที่วางจำหน่ายในไทย 90% ออกแบบและผลิตภายในประเทศ เธอใช้คำว่า “ออกแบบในไทยเพื่อคนเอเชีย” ซึ่งปีที่ผ่านมากลุ่มสินค้าที่ขายดีคือ สไลด์ ซึ่งเป็นรองเท้าแตะแบบสวม แบบคีบ รองเท้ารัดส้น และรองเท้าผ้าใบ และปี 2567 จะมีสินค้าใหม่ประมาณ 30-35 รุ่น โดยแต่ละรุ่นมีสีให้เลือกขั้นต่ำ 3 สี&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราเล็งเห็นว่าคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น แต่มักกลัวว่ารองเท้าสุขภาพจะมีดีไซน์ที่ไม่เข้ากับการใช้งาน เช่น การทำงาน หรือการเที่ยว เราจึงนำ insight ตรงนี้มาผสานกับเทคโนโลยีเพื่อ support สรีระของเท้า บวกกับความเชี่ยวชาญด้านดีไซน์ เพื่อรังสรรค์เป็นคอลเล็กชั่นสำหรับทั้งผู้หญิง ผู้ชาย และ unisex” รุกตลาดในเอเชีย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ บริษัทจัดจำหน่ายผ่าน 3 ช่องทางหลักประกอบด้วย 1. เคาน์เตอร์รีเทลกว่า 150 สาขาในห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ 2. ตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่กว่า 100 ราย 3. ช่องทางอี-คอมเมิร์ซอย่างเป็นทางการ 5 ช่องทาง ได้แก่ Shopee, Lazada, TikTok Shop, Central Online และเว็บไซต์ Scholl “ในปีนี้เราเดินหน้าขยายธุรกิจผ่านการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้ลูกค้าเข้าถึงได้สะดวกขึ้น และขยายตลาดไปในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยประสบการณ์การทำตลาดที่เมืองไทยมานานกว่า 35 ปี มีความเชี่ยวชาญ และศักยภาพทั้งการรุกตลาด การเพิ่มยอดขาย และฐานการผลิตที่ได้มาตรฐานเดียวกันกับที่อิตาลี ทำให้บริษัทได้เป็นเลือกเป็นฮับ (hub) อีกแห่งของรองเท้า Scholl ซึ่งทั่วโลกมี 2 แห่งคือ อิตาลีและไทย ปีที่ผ่านมาจึงเริ่มรุกตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันมีลูกค้ามาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบันมูลค่าอุตสาหกรรมรองเท้าในประเทศอยู่ที่ 9.8 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้ 666 ล้านบาท “เทียบกับรายได้ เรามี room โตขึ้นอีกเยอะ...ถามว่าคู่แข่งเราเป็นใคร เราไม่ได้มองรองเท้าสุขภาพ แต่เป็นรองเท้าทั่วไป Scholl เป็นรองเท้าแตะ สวมแบบลำลอง ตอนนี้แบรนด์ใหญ่ๆ เริ่มเข้ามา เช่น Adidas, Nike และเราจะโตตามตลาดๆ โต 6% ถ้าเทียบผลการดำเนินงาน บริษัทเติบโต 6% ตั้งแต่ปี 2562-2566 เทียบกับการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ในประเทศซึ่งติดลบ แสดงว่าเราโตได้ดีกว่าตลาดในไทย” ผู้บริหารของ Scholl กล่าวทิ้งท้าย ภาพ: วรัชญ์ แพทยานันท์ และ Scholl ​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/people/fabulous-40s-and-50s/suthee-sahatat-strengthens-nat-armed-with-world-class-tech-partners" alt="สุธี อภิชนรัตนกร เสริมแกร่ง NAT ติดอาวุธคู่ค้าไอทีระดับโลก">สุธี อภิชนรัตนกร เสริมแกร่ง NAT ติดอาวุธคู่ค้าไอทีระดับโลก</a>​ <a target="_blank" href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/b16f6311-0750-4ce0-bc84-a71daf4fa879" alt="​​คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมีนาคม 2567 ในรูปแบบ e-magazine"></a><a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/cff663cb-f69a-4970-8286-59647d2b2c12" alt="คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนเมษายน 2567 ในรูปแบบ e-magazine">คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนเมษายน 2567 ในรูปแบบ e-magazine</a><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure><a href="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/cff663cb-f69a-4970-8286-59647d2b2c12/forbes-thailand-april-2024" alt="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/cff663cb-f69a-4970-8286-59647d2b2c12/forbes-thailand-april-2024" data-image-link="image"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/04/GFfZhjRqUM2eoVFJEpkN.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="GFfZhjRqUM2eoVFJEpkN.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="300px,auto" data-rotate="" origin-size="320,420" data-image-link="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/cff663cb-f69a-4970-8286-59647d2b2c12/forbes-thailand-april-2024" style="width: 300px; height: auto;" data-index="0"></a></figure></div>

จิณณา อัศวเหม Scholl ปรับลุค ปักธง “ฮับ” แห่ง APAC

<h2> นิว บาลานซ์ (New Balance) แบรนด์ผลิตภัณฑ์กีฬาระดับโลก เปิดตัวแฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้การบริหารงานของผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายรายใหม่ บริษัท แมพ แอคทีฟ อาดิเพอคาซา จํากัด</h2><h2> </h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยแฟลกชิปสโตร์ของนิว บาลานซ์ แห่งแรกซึ่งตั้งอยู่ในเซ็นทรัลเวิลด์ ศูนย์การค้าชั้นนำใจกลางกรุงเทพฯ นำเสนอ คอนเซ็ปต์ใหม่ของพื้นที่ที่พร้อมต้อนรับทุกคนด้วยความสดใหม่ เติมเต็มทั้งความสนุกสนานและการเข้าถึงได้ง่ายสำหรับลูกค้าผู้หลงใหลในผลิตภัณฑ์สปอร์ตแฟชั่นโดยเฉพาะ&nbsp; &nbsp; แฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ของนิว บาลานซ์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 233 ตารางเมตรภายในเซ็นทรัลเวิลด์ นำเสนอคอนเซ็ปต์การออกแบบและตกแต่งร้านแบบ “Flex” ซึ่งหมายความถึงความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนการตกแต่งเพื่อนำเสนอเรื่องราวของแบรนด์และผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ได้ง่ายและบ่อยเท่าที่ต้องการ โดยมีผนังและอุปกรณ์ติดตั้งอเนกประสงค์ที่สามารถถอดปลี่ยนได้ พร้อมทั้งมีการจัด Energy Zone เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลต์หรือแคมเปญพิเศษในแต่ละช่วงเวลา นอกจากนี้ยังมีโซฟาขนาดใหญ่ให้ลูกค้าสามารถนั่งรอเพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัวลองสินค้าได้อย่างสะดวกสบาย <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/sExqnANsL79cVPMZGdsw.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="sExqnANsL79cVPMZGdsw.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="0" origin-size="2048,1363"></figure></div>​ &nbsp; &nbsp; แฟลกชิปสโตร์แห่งนี้ยังนับว่าเป็นร้านนิว บาลานซ์ สาขาใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่พร้อมสร้างภาพลักษณ์ของวัฒนธรรมสปอร์ตแฟชั่นจากนิว บาลานซ์ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นและยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งด้วยคอลเลกชันคัดสรรสุดพิเศษจากนิว บาลานซ์ ที่มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคอลเลกชัน MADE U.S. เสื้อผ้าไลฟ์สไตล์ รองเท้าผ้าใบ และชุดกีฬา &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มร.ดีพัค โทมา ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย บริษัท แมพ แอคทีฟ อาดิเพอคาซา จำกัด กล่าวว่า “ความนิยมของนิว บาลานซ์ ในหมู่ผู้บริโภคชาวไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และได้รับความสนใจอย่างสูงจากลูกค้าที่ชื่นชอบทั้งแฟชั่นแนวสตรีทและสปอร์ตแฟชั่น การเปิดร้านแฟลกชิปแห่งแรกของนิว บาลานซ์ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเป็นโลเคชันที่ถือว่าอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่สำคัญบนเส้นทางของการเชื่อมต่อกับลูกค้าของเรา พร้อมทั้งยังเป็นการนำเสนอช่องทางใหม่ ให้พวกเขาได้เข้ามาสัมผัสกับประสบการณ์ที่ใกล้ชิดกับผลิตภัณฑ์ของนิว บาลานซ์ มากขึ้น ซึ่งผมมั่นใจว่าร้านแฟลกชิปแห่งใหม่นี้จะเป็นหมุดหมายสำคัญของการนำเสนอแบรนด์นิว บาลานซ์ และมอบประสบการณ์พิเศษให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/XuBqv6YwXLRooiXWu7mK.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="XuBqv6YwXLRooiXWu7mK.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="1" origin-size="4000,3000"></figure></div> &nbsp; &nbsp; การเปิดตัวร้านแฟลกชิปแห่งใหม่นี้ นิว บาลานซ์ ตั้งเป้าหมายที่จะขยายการเติบโตของผลิตภัณฑ์ในหมวด Performance Running ผ่านแคมเปญ “RUN YOUR WAY” ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ระดับสากลที่ใช้กันทั่วโลก (global key message) เพื่อเฉลิมฉลองตัวตนที่เป็นตัวของตัวเองของทุกคน ด้วยแนวคิดที่ว่า ‘หากคุณออกวิ่ง คุณก็คือนักวิ่ง' (if you run, you are a runner.) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นิว บาลานซ์ ยังเผยธีมของแบรนด์ที่ว่า “วัฒนธรรมกีฬาคืออัตลักษณ์ของเรา” (Sport culture is our identity) ซึ่งเป็นธีมที่อยู่ตรงกลางระหว่างวัฒนธรรมกีฬาและวัฒนธรรมรองเท้าผ้าใบ โดยบอกเล่าผ่านเรื่องราวของนักกีฬาในหลากหลายประเภทกีฬา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของนักเทนนิส “โคโค่ กอล์ฟ”, นักกีฬาโอลิมปิก “ซิดนีย์ แมคลาฟลิน”, นักบาสเกตบอล “คาเมรอน บริงค์” และนักเบสบอล “โชเฮอิ โอทานิ” พร้อมยังคงรักษาโมเมนตัมกับสุดยอดผู้เชี่ยวชาญโมเดล Craftmanship ที่เพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/5jQzacFfWewcvefFzYWi.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="5jQzacFfWewcvefFzYWi.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="2" origin-size="3902,3000"></figure></div> <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/7T98mMSqBunPW9pM6YLk.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="7T98mMSqBunPW9pM6YLk.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="3" origin-size="4000,3000"></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ นิว บาลานซ์ ยังได้พัฒนารองเท้าวิ่งที่ดีที่สุด 2 รุ่น ได้แก่ “Fresh Foam X” ที่มาพร้อมคุณสมบัติเด่นของการรองรับแรงกระแทกได้อย่างดีที่สุด จึงเหมาะสำหรับการสวมใส่เพื่อการวิ่งในทุกระยะทาง ในขณะที่รุ่น “FuelCell” เหมาะสำหรับนักกีฬาที่ต้องการเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนเรื่องความเร็วและตอบสนองต่อการส่งพลังงานกลับในทุกท่วงท่า&nbsp; &nbsp;&nbsp;นิว บาลานซ์ ยังมีบทบาทที่โดดเด่นในตลาดรองเท้าในฐานะผู้นำในการนำเสนอผลิตภัณฑ์คลาสสิกผ่านซีรีส์รองเท้าที่ตอบสนองความต้องการตามลำดับความสำคัญ นำโดยรุ่น MADE U.S., 1906, 550, 2002R และรุ่นอื่น ๆ อาทิ 327 และ 574 classic ฯลฯ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แมพ แอคทีฟ อาดิเพอคาซา วางเป้าหมายที่จะเปิดร้านสาขาแบบสแตนด์อโลนของนิว บาลานซ์ จำนวน 8 สาขาในประเทศไทยภายในสิ้นปี 2566 สอดคล้องไปกับกลยุทธ์การเติบโตของนิว บาลานซ์ ที่ต้องการก้าวเข้ามาเป็นผู้นำในตลาดด้วยร้านค้าแบบสแตนด์อโลน 30-35 แห่งภายในปี 2568 และร้านแบบช็อปอินช็อปภายในห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ อีกมากกว่า 100 แห่ง นอกจากนี้ คอนเซ็ปต์การนำเสนอร้านแฟลกชิปแห่งใหม่นี้ยังจะถูกจำลองไปใช้ในร้านสาขาอื่น ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นทั่วประเทศในปีต่อ ๆ ไป โดยบริษัทฯ ยังมีแผนจะเปิดตัวเว็บไซต์ New Balance Thailand ในเดือนธันวาคม 2566 เพื่อยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ให้กับผู้บริโภคในประเทศไทยมากขึ้นด้วย อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%AA-%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%88%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99" alt="ภาวะลงทุนไม่สดใส ปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน" style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">ภาวะลงทุนไม่สดใส ปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน</a>​ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

New Balance เปิดแฟลกชิปสโตร์คอนเซ็ปต์ล้ำแห่งใหม่ในประเทศไทย

<h2 class="p2">แม้จะมีอายุถึง 69 ปี ทว่ารองเท้าผ้าใบพื้นยางสีเขียว “นันยาง” และรองเท้าแตะ “ช้างดาว” ยังคงครองใจลูกค้า บวกการบริหารงานแบบคอนเซอร์เวทีฟทำให้แม้ในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิดยังคงเติบโตในอัตราร้อยละ 3-5</h2>
บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด (เดิมชื่อ บจ.วัฒนสินพาณิชย์) ก่อตั้งในปี 2491 โดย วิชัย ซอโสตถิกุล ประกอบธุรกิจนำเข้าส่งออกสินค้าหลากหลายชนิด รวมถึงร่วมทำธุรกิจกับชาวสิงคโปร์เพื่อนำเข้ารองเท้าผ้าใบยี่ห้อ “หนำเอี๊ย” จากสิงค์โปร์มาจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งขาดทุนในช่วง 2 ปีแรก
<img class="alignnone size-full wp-image-65407" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/IMG_4288.jpg" alt="" width="720" height="480" />
ภายหลังธุรกิจไปได้ดีจึงหันมาจำหน่ายเฉพาะรองเท้าและเปลี่ยนชื่อเป็น “นันยาง ตราช้างดาว” ต่อมาได้ซื้อกิจการและกรรมวิธีการผลิตจากสิงคโปร์ ก่อตั้ง บริษัท ผลิตยาง นันยาง (ไทย) จำกัด และเริ่มผลิตครั้งแรกในปี 2496
ปัจจุบันรองเท้าผ้าใบนันยางและรองเท้าแตะตราช้างดาวผลิตมาแล้วกว่า 300 ล้านคู่ ทั้งยังส่งออกไปประเทศต่างๆ อาทิ จีน เมียนมา ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น
โดยกลุ่มลูกค้าหลักของรองเท้าผ้าใบคือนักเรียน ส่วนรองเท้าแตะเดิมคือวัยผู้ใหญ่ และบริษัทได้ขยายกลุ่มเป้าหมายเป็นคนรุ่นใหม่อายุ 25 ปีขึ้นไป โดยเพิ่มสีสันของสินค้า ทำกิจกรรมที่เป็นยูนีก แม้จะไม่มีการรีแบรนด์แบบทั้งหมด แต่ทำแบบค่อยเป็นค่อยไปด้วยแคมเปญ “ช้างดาวสไตล์”
รองเท้าแตะหูคีบที่เดิมมีเพียง 3 สีคือ สีน้ำเงิน เขียว แดง ก็เพิ่มสีดำ ขาว เหลือง หรือทำเป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นออกมาตามโอกาส เช่น KHYA (ขยะ) โดยนำขยะจากทะเลมาทำรองเท้า เพื่อร่วมมือปลุกจิตสำนึกสังคมไทย ช่วงที่โควิด-19 ระบาดหนักก็ผลิตรุ่น Covid Edition รวมถึงช้างดาว เหลืองแดง และ ช้างดาว ไวท์พิ้งค์ ซึ่งเป็นรุ่นเฉพาะกิจจำหน่ายในกลุ่ม Facebook, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจุฬาฯ
<img class="alignnone size-full wp-image-65406" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/DSCF9199.jpg" alt="" width="720" height="480" />
ดร.จักรพล จันทวิมล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท นันยางมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ทายาทรุ่นที่ 3 กล่าวถึงจุดแข็งของสินค้าว่ามี 2 ส่วนคือ คุณภาพที่สม่ำเสมอ ไม่ว่าจะซื้อคู่ที่เท่าไรคุณภาพก็ยังเหมือนเดิม ทำให้ลูกค้าพึงพอใจบอกกันปากต่อปาก อีกส่วนคือ emotional เป็นเรื่องของการทำตลาด
“แฟชั่นมาๆ ไปๆ แต่สไตล์อยู่ตลอดไป never die...ของเราเป็นสไตล์เหมือนเดิมอยู่ตลอด 70 ปีแล้ว เป็นช้างดาวสไตล์ ทำให้คนรุ่นใหม่กล้าใส่มากขึ้น...รุ่นคลาสสิกเป็นสินค้าขายดี ส่วนรองเท้าผ้าใบกลุ่มลูกค้ามีหลากหลายทั้งนักกีฬา ผู้ใช้งานทั่วไป แต่นักเรียนเยอะสุดร้อยละ 80 กลุ่มเราค่อนข้าง mass มากๆ ไม่ใช่แฟชั่น”
“เหมือนกับว่าเราซ้ำชั้นมา 60 ปี และยังอยู่ ม. 4 perception ของเรา ด.ช.นันยาง เด็ก ม. 4 ที่ผ่านมา 60 ปี ในแต่ละยุคสมัยไม่เหมือนกันเลย แต่เราต้องอยู่ให้ได้ เหมือน dynamic ให้อยู่เฉยๆ 20 ปีก่อนรองเท้านักเรียนมีวิธีการทำตลาดแบบหนึ่ง...ปัจจุบันการทำสื่อ การเข้าถึงผู้บริโภคเปลี่ยนไป สิ่งที่นันยางทำคือ ผู้บริโภคอยู่ตรงไหน เราไปตรงนั้น และทำในสิ่งที่เขาถูกใจ”
<img class="alignnone size-full wp-image-65404" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/DSCF0293.jpg" alt="" width="720" height="480" />
บริษัทจำนวนมากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดในช่วง 2 ปีเศษที่ผ่านมา ทว่า “นันยาง” ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“การบริหารของเราแบบ conservative แบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป การเติบโตของเราร้อยละ 3-5 โดย average ในช่วงเศรษฐกิจดีก็โตแบบนี้ ขณะที่ธุรกิจอื่นอาจโตมากกว่าร้อยละ 20-30...บนพื้นฐานของความลงตัวหรือความพอใจประมาณนี้”
“แต่การบริหารให้เติบโตเหมือนเดิมไม่ง่ายการทำให้ได้เหมือนเดิมไม่ได้แปลว่าย่ำอยู่กับที่ เรายังต้องหมุนตามโลก เดินไปพร้อมกับ dynamic ที่ปลี่ยนแปลงไปตามเหตุการณ์และ advance นิดหน่อยเพื่อให้ถูกใจ stakeholder โดยเฉพาะผู้บริโภค นันยางให้ความสำคัญต่อผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค”
<img class="alignnone size-full wp-image-65405" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/DSCF1752-NEW_.jpg" alt="" width="720" height="480" />
สำหรับกลยุทธ์ที่ใช้ภายใต้สถานการณ์โควิดคือ “survival mode” ทั้งด้านดีมานด์และซัพพลาย โดยประเมินสถานการณ์ในซีนาริโอต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น best-baseworst “หลักการที่เรา action คือ hope for the best, prepare for the worst หาก worst case ดูว่า bottom line เป็นอย่างไรขาดทุนเท่าไร”
จุดต่ำสุดปี 2563 คือ โรงเรียนปิด บริษัทไม่ได้ขายรองเท้าให้นักเรียน ยอดขายตกเท่าไร หากเป็น base case โรงเรียนเปิดเทอม บริษัทมียอดขายกลับมาจะบริหารอย่างไร ด้วยการจำลองสถานการณ์ข้างต้น ทำให้มองเห็นภาพใหญ่ พร้อมๆ กับการเตรียมรับมือด้านดีมานด์ ฟากซัพพลายก็ต้องดูแลอย่างเข้มงวดเพื่อให้การผลิตดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง
“การบริหารคน 1,000 คนช่วงภาวะโควิดมันหนักมาก ช่วง 2-3 ปีที่ทำกันมาผมให้นิยามว่า survival mode ทำตัวให้รอดไว้ก่อน อย่าให้มีการ shut down”
เรื่อง: สินีพร มฤคพิทักษ์  ภาพ: นันยาง
อ่านเพิ่มเติม:
<ul id="crumbs">
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/world/asia/alibaba-%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad-sanrio-%e0%b8%88%e0%b8%b5%e0%b8%99.html">Alibaba จับมือ Sanrio คว้าสิทธิ์จัดจำหน่ายตัวการ์ตูนชื่อดังในจีน</a></li>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/world/asia/ravi-modi-%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87-vedants-fashions.html">Ravi Modi แห่ง Vedant Fashions อาณาจักรค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่ที่สุดของอินเดีย</a></li>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/other/%e0%b9%81%e0%b8%a1%e0%b9%87%e0%b8%84%e0%b9%82%e0%b8%84%e0%b8%a3-%e0%b8%82%e0%b8%a2%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%81%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%b8%e0%b8%81%e0%b8%98%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%b4.html">แม็คโคร ขยับแนวรุกธุรกิจรับการท่องเที่ยวฟื้นตัว</a></li>
</ul>

<hr />

<a href="https://bit.ly/3x7rNE6">คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2565 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<a href="https://bit.ly/3x7rNE6"><img class="alignnone wp-image-65278" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/FB109-EBOOK-RES150-1-780x1024.jpg" alt="" width="300" height="394" /></a>

สวมรองเท้า “นันยาง” ฝ่าโควิด

Heidi Cooley เจ้าแม่การตลาดผู้ชุบชีวิต Crocs

<h2 class="p2">“โกลด์ซิตี้” ฉลองใหญ่ครบรอบ 70 ปี ทรานส์ฟอร์มธุรกิจ 360 องศา รีเทิร์นตลาดทวงบัลลังก์แชมป์รองเท้านักเรียน พร้อมขยายไลน์รุกหนักกลุ่มรองเท้าไลฟ์สไตล์ ปั้นแบรนด์ใหม่เจาะตลาดพรีเมียม มั่นใจสิ้นปีกวาดรายได้ทะลุ  550 ล้านบาทในกลุ่มรองเท้าผ้าใบ</h2>
สุเมธ จินาพันธ์ กรรมการบริหาร บริษัท โกลด์ซิตี้ ฟุตเทค จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้าภายใต้แบรนด์ “โกลด์ซิตี้” (GOLDCITY) เปิดเผยว่า ในวาระครบรอบ 70 ปีของโกลด์ซิตี้ บริษัทมีนโยบายเดินหน้าสร้างแบรนด์โกลด์ซิตี้ เพื่อรุกตลาดรองเท้าเมืองไทยเต็มรูปแบบ ตอกย้ำความเป็นผู้ริเริ่มผลิตรองเท้า และสร้างตลาดรองเท้านักเรียนจนเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยเริ่มตั้งแต่การควบรวมกิจการให้เป็นหนึ่งเดียว ทั้งในส่วนของการผลิต การขาย และการตลาด เพื่อให้บริหารจัดการได้สะดวก รวดเร็ว รวมทั้งเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อรองรับการแข่งขันที่รุนแรงต่อเนื่องในตลาดรองเท้าเมืองไทย
ขณะเดียวกันบริษัทได้ปรับเปลี่ยนตราสินค้า (โลโก้) ใหม่ โดยเปลี่ยนตัวอักษรภาษาอังกฤษ ภายใต้ชื่อ  “GOLDCITY” เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด เพื่อให้ทันสมัย โดดเด่น พร้อมปรับโทนสีให้เหมาะสมกับเทรนด์โลก และปรับการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์และสร้างการรับรู้ถึงศักยภาพและผลิตภัณฑ์ของโกลด์ซิตี้ว่า ไม่ใช่โดดเด่นเฉพาะรองเท้านักเรียนเท่านั้น แต่ปัจจุบันโกลด์ซิตี้เป็นผู้ผลิตรองเท้าแฟชั่น รองเท้ากีฬา และรองเท้าอื่นๆ จำนวนมาก ทั้งภายใต้แบรนด์ของตนเองและการรับจ้างผลิต (OEM) ให้กับแบรนด์อื่นทั้งในไทยและต่างประเทศทั่วโลก อาทิ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา แอฟริกา และประเทศในแถบยุโรป เป็นต้น
<img class="alignnone size-full wp-image-26793" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/goldcity02.jpg" alt="" width="720" height="480" />
โดยปัจจุบัน โกลด์ซิตี้ถือเป็นผู้ผลิตที่ได้รับการยอมรับถึงมาตรฐานระดับโลก โดยมีใบรับรองการผลิตจากหน่วยงานต่างๆ ทั้ง ISO9001 และ มอก. นอกจากนี้ ยังมีแผนกวิจัยและพัฒนา (R&amp;D) เพื่อศึกษาและนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดีไซน์ การผลิต เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย
ด้านกลยุทธ์การตลาดจะมุ่งเน้นการสื่อสารเพื่อสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้แบรนด์ (Brand Identity) ถึงความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตรองเท้าระดับแนวหน้าของประเทศ ด้วยศักยภาพที่เป็นผู้พัฒนาและผลิตรองเท้ารูปแบบต่างๆ มายาวนานที่สุดในประเทศไทย
ซึ่งปัจจุบัน มีแบรนด์สินค้าครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ โกลด์ซิตี้ แบรนด์รองเท้าที่สามารถตอบสนองได้ทุกไลฟ์สไตล์, จี-พลัส แบรนด์รองเท้าสำหรับผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง ตั้งแต่ระดับ  B-A+ หรือตลาดพรีเมียม และฟาสต์ (FAST) แบรนด์รองเท้าสำหรับผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อระดับปานกลาง ตั้งแต่ระดับ C-B+  พร้อมนำเสนอข้อมูลสินค้า ความเคลื่อนไหวขององค์กร ตลอดจนกิจกรรมทางการตลาดให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในวงกว้าง เพราะปัจจุบันบริษัทมีไลน์สินค้า 10 หมวด อาทิ รองเท้านักเรียน, รองเท้าแฟชั่น, รองเท้าฟุตบอล, รองเท้าฟุตซอล, รองเท้าวิ่ง, รองเท้าเพื่อสุขภาพ, รองเท้าแตะ, รองเท้าคัชชู และแอคเซสเซอรี่ต่างๆ อาทิ ถุงเท้า เสื้อ เป็นต้น


<figure><img class="size-full wp-image-26794" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/goldcity03.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> สุเมธ จินาพันธ์ กรรมการบริหาร บริษัท โกลด์ซิตี้ ฟุตเทค จำกัด</figcaption></figure>
“นับจากนี้ไป บริษัทจะมุ่งรุกทำตลาดรองเท้าไลฟ์สไตล์มากขึ้น ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่มีการขยายตัวและเติบโตต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับตลาดรองเท้าในเซกเมนต์อื่นๆ ดังนั้น จึงต้องมุ่งสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ผ่าน 2 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ Sport Marketing การนำแบรนด์โกลด์ซิตี้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการแข่งขันกีฬาต่างๆ และ Entertainment Marketing อย่างการสนับสนุนมหกรรมดนตรี Thailand Band Knockout 2020 เป็นต้น”
อย่างไรก็ดี ในโอกาสครบรอบ 70 ปี บริษัทเตรียมจัดกิจกรรมฉลองความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ และถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะหวนกลับมาทำตลาดเป็นรูปแบบอีกครั้ง โดยในปีนี้ บริษัทเตรียมใช้งบการตลาดกว่า 60 ล้านบาท ซึ่งนอกจากการเป็นผู้สนับสนุนกิจกรรมต่างๆ แล้ว ยังเน้นการสร้างแบรนด์ผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง รวมทั้งการขยายช่องทางการจำหน่ายให้หลากหลายและครอบคลุมทั้งตัวแทนจำหน่ายซึ่งมีอยู่กว่า 300 ร้านทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังเน้นร้านค้าสมัยใหม่หรือโมเดิร์นเทรดด้วย
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้ 550 ล้านบาทในกลุ่มรองเท้าผ้าใบแบรนด์โกลด์ซิตี้ เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 500 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากรองเท้านักเรียนร้อยละ 65 รองเท้าแฟชั่นร้อยละ 30 และอื่นๆ ร้อยละ 5
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/people/asean-biz/%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b8%a1%e0%b9%82%e0%b8%9a%e0%b8%a5-%e0%b8%81%e0%b8%b5%e0%b9%82%e0%b8%95%e0%b9%89-%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b9%81%e0%b8%95.html">“แกมโบล-กีโต้” รองเท้าแตะแบรนด์ไทย ครองใจตลาดอาเซียน</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

70 ปี “โกลด์ซิตี้” ทรานส์ฟอร์มธุรกิจครั้งใหญ่ เดินหน้ารุกตลาดรองเท้าเมืองไทยเต็มรูปแบบ

ภายในเวลา 21 ปี แบรนด์รองเท้าสุดหรูได้ขยายอาณาจักรจากธุรกิจสตาร์ทอัพขนาดเล็กใน London กลายเป็นแบรนด์ระดับโลกซึ่งมีการซื้อขายเมื่อเดือนกรกฎาคม 2017 ที่ราคา 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ต้องขอขอบพระทัยเจ้าหญิง Diana ซีรีส์เรื่อง Sex and the City และบรรดาผู้หญิงหลายล้านคนที่ตกหลุมรักรองเท้าแบรนด์นี้อย่างหัวปักหัวปำจนทำให้ Jimmy Choo ก้าวเดินอย่างแข็งแกร่ง

พบย่างก้าวที่ผ่านของ Jimmy Choo

<img style="width: 463px; height: 680px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/1052d2d0fc9671b7418d877b968e49c5.png" alt="" />
1986
Jimmy Choo ช่างทำรองเท้าชาวมาเลเซียเปิดร้านรับตัดรองเท้าใน East End สำหรับลูกค้าคนพิเศษซึ่งรวมถึงเจ้าหญิง Diana ด้วย

<img style="width: 534px; height: 606px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/cf785b1a30d333fc95d0183f6e3fd34b.png" alt="" />
1996
Tamara Mellon อดีต Accessories Editor ของนิตยสาร Vogue ประเทศอังกฤษกู้ยืมเงิน 150,000 ปอนด์ (เทียบเท่ากับ365,000 เหรียญในปัจจุบัน) จากพ่อมาก่อตั้ง Jimmy Choo Ltd. ร่วมกับ Choo

<img style="width: 416px; height: 671px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/1a49c118803e4481599557c019819afb.png" alt="" />
1997
เปิดร้านจำหน่ายรองเท้าร้านแรก ณ Motcomb Street ใน London ในปีเดียวกันนั้นเองปรากฏภาพของเจ้าหญิง Diana สวมใส่รองเท้า Jimmy Choo แบบรัดส้นเฉิดฉายบนพรมแดงในปี 1998 Jimmy Choo เปิดร้านสาขาแรกในสหรัฐฯ ที่ New York โดยรองเท้ามีราคาเริ่มต้นอยู่ที่คู่ละ 300 เหรียญ

<img style="width: 680px; height: 552px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/e5067daa3d900b719f238de4caa89401.png" alt="" />
2000
ในซีซั่นที่ 3 ของ Sex and the City Carrie Bradshaw ซึ่งรับบทโดย Sarah Jessica Parker ร้องตะโกนว่า “I lost my Choo!” ในฉากที่เธอวิ่งตามเรือ Staten Island Ferry ราวกับลอกมาจากเทพนิยาย Cinderella

<img style="width: 400px; height: 680px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/9e8dbeba9313a7ca38eb2cbe31dc2250.png" alt="" />
2001
Choo ขายหุ้นในสัดส่วน 50% ที่ตนเองถือครองอยู่ให้กับ Equinox Holdings ในราคา 30 ล้านเหรียญ Mellon และ Sandra Choi ซึ่งเป็นหลานสาวของ Choo ยังคงถือครองหุ้นในส่วนของตนเองอยู่

<img style="width: 443px; height: 680px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/2a7d824a7d9c3b77b8ea146bb22ac3ee.png" alt="" />
2004
หนึ่งปีหลังจากที่แตกไลน์สินค้า โดยเริ่มจำหน่ายกระเป๋าถือ ซึ่งในขณะนั้นมีสาขา 23 แห่ง มีการขายต่อให้กับ Lion Capital ไปในราคา 101 ล้านปอนด์ (หรือประมาณ 190 ล้านเหรียญในปัจจุบัน) Tamara Mellon (ผู้ร่วมก่อตั้งในภาพ) ยังคงเป็นเจ้าของหุ้นส่วนน้อยอยู่

<img style="width: 680px; height: 439px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/b29ca99316216cb49a89f5a31f93ef1b.png" alt="" />
2007
มีการขายส่วนแบ่ง 60% ใน Jimmy Choo ซึ่งมีสาขา 60 แห่งให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์อย่าง TowerBrook Capital ไปในราคา 185 ล้านปอนด์ (ประมาณ 430 ล้านเหรียญในปัจจุบัน)

<img style="width: 362px; height: 680px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/0e898737e7c428053ec5d00b75bbf608.png" alt="" />
2009
Michelle Obama อวดโฉมในงานเลี้ยงฉลองการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของ ผู้เป็นสามี โดยสวมใส่รองเท้าส้นสูงปัจจุบันรองเท้าคู่นั้นได้นำมาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ Smithsonian

<img style="width: 432px; height: 472px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/4a69d189011f6ee99ce3d63e11a67c44.png" alt="" />
2011
หลังจากที่เริ่มจำหน่ายสินค้าในกลุ่มน้ำหอมและแว่นตา Jimmy Choo ได้มีการขายต่ออีกครั้งให้กับบริษัทผลิตสินค้าหรูหราสัญชาติเยอรมันอย่าง Labelux ไปในราคา 850 ล้านเหรียญ Mellon ได้ลาออกจากบริษัทไปในเดือนพฤศจิกายน

<img style="width: 453px; height: 680px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/446066f06ff13864f88bf3c7e02bfd67.png" alt="" />
2014
มีสาขา 177 แห่งใน 34 ประเทศ กลายเป็นแบรนด์รองเท้าหรูแบรนด์แรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีการขายส่วนแบ่งความเป็นเจ้าของบริษัทประมาณ 25% เป็นหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์ London ในราคา 140 เพนซ์ หรือ 2.24 เหรียญต่อหุ้น ทำให้บริษัทมี market cap. อยู่ที่ 870 ล้านเหรียญโดยประมาณ

<img style="width: 399px; height: 680px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/5c6f0d9cd6301481db01b010145f30f9.png" alt="" />
2017
ในเดือนกรกฎาคม Michael Kors ซื้อไปในราคา 1.2 พันล้านเหรียญ Sandra Choi ยังคงทำงานกับบริษัทต่อไปปัจจุบันเป็นรองเท้าแบรนด์โปรดของ Kate Middleton พระสุณิสาของเจ้าหญิง Diana

<hr />

<a href="https://goo.gl/NqyVqC">คลิกเพื่ออ่านบทความทางด้านธุรกิจ จาก Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2560 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="https://goo.gl/NqyVqC"><img style="width: 250px; height: 330px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/fa338d6758136ad1b1c9c4bff5c426f6.png" alt="" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events