<h2>ก่อนที่ Beson Tsai จะมีร้าน Stellar Pizza สิ่งแรกที่พ่อแม่ของเขาทำหลังจากที่อพยพจากไต้หวันมายังอเมริกาคือเปิดร้านฟิชแอนด์ชิป แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมที่สนใจเรื่องการกินไม่ใช่น้อยของพวกเขา</h2>
ร้านนั้นตราตรึงอยู่ในใจ และเป็นความทรงจำไว้เด็กของ Beson Tsai ที่ทำให้เขาก้าวเข้าสู่วงการร้านอาหารโดยเปิดร้านพิซซ่าที่ล้ำเหนือใครอย่าง Stellar Pizza หลังจากทำงานเป็นวิศวกรมาหลายปี โดยสถานที่ทำงานล่าสุดของเขาก็คือ SpaceX นั่นเอง

Tsai บอกลาบริษัทในปี 2019 พร้อมด้วยความปรารถนาที่จะค้นหาทางออกสำหรับปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าธุรกิจส่งอาหารที่เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นค่าคอมมิชชั่นที่สูงลิ่ว หรือกำไรที่ยากที่จะเอื้อมถึงก็ตาม ทั้งหมดนั่นก่อนที่จะมีสถานการณ์โควิด-19 จะแสดงให้เห็นว่าธุรกิจส่งอาหารจะจำเป็นขนาดไหนสำหรับทั้งตัว ผู้ประกอบและลูกค้าด้วยซ้ำ 

การเติบโตถึงเลขสามหลักของธุรกิจส่งอาหารในช่วงปีครึ่งที่ผ่านมา เป็นเครื่องยืนยันว่าเขาต้องหาโมเดลที่ดีกว่าให้ได้

ดังนั้น เขาจึงได้ว่าจ้างเพื่อนวิศวะจาก SpaceX มา 23 คน และผู้เชี่ยวชาญจากแวดวงธุรกิจบริการอาหาร มาอีกจำนวนหนึ่ง (มี Ted Cizma หัวหน้าเชฟจาก SpaceX และที่ปรึกษาด้านพิซซ่าอย่าง Noel Brohner อยู่ในกลุ่มบุคคลเหล่านี้ด้วย) มาช่วยกันสร้าง Stellar Pizza บริษัทลูกของ Serve Automation

คอนเซ็ปต์ของร้านพิซซ่ายุคใหม่นี้ มีครัวอัตโนมัติเคลื่อนที่ได้ที่สามารถทำพิซซ่าได้มากกว่า 100 ชิ้นต่อชั่วโมง กระบวนการนี้เริ่มจากแป้งพิซซ่าสดหนึ่งก้อน ที่ต่อมาโดนกดและทำให้ขอบนั้นกลมๆ หลังจากนั้นก็ทาซอสสูตรเฉพาะและใส่ท็อปปิ้งต่างๆ ลงไป และสุดท้ายก็นำไปเข้าหนึ่งในเตาอบอุณหภูมิสูงที่ออกแบบโดยเฉพาะของทางร้าน

<figure><img class="size-full wp-image-54966" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Stellar_Pizza.jpg" alt="Stellar Pizza" width="567" height="756" /><figcaption> พิซซ่าของทางร้าน (​Photo Credit: PMQ Pizza Magazine)</figcaption></figure>

“โดยเนื้อแท้แล้ว เราคือทีมนักวิทยาศาสตร์ด้านจรวดที่กำลังพยายามแก้ไขปัญหาการส่งอาหาร ระบบปัจจุบันมันพัง ร้านอาหารทั้งหลายทำเงินได้ไม่มากพอ ลูกค้าต้องจ่ายเงินมากเกินไป และ บริษัทส่งอาหาร third-party ทั้งหลายที่ไม่ได้ทำกำไรเยอะแยะอะไรเลย” Tsai กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆ นี้ “เราอยากใช้ความเชี่ยวชาญของเรา และทางออกของเราก็คือการสร้างครัวอัตโนมัติไร้คนเคลื่อนที่ หรือไม่ก็หุ่นยนต์ครัวเคลื่อนที่”

จนถึงตอนนี้ร้านพิซซ่าล้ำโลกได้ระดมทุนไปกว่า 9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากนักลงทุนมากมาย และคาดว่ารอบต่อไปจะมีอีกในเร็วๆ นี้ ทางบริษัทวางแผนที่จะใช้เงินทุนนี้ขยายทีม และสร้างกองทัพห้องครัวเคลื่อนที่ไร้คน โดยครัวอัตโนมัติเคลื่อนที่นี้คาดว่าจะวิ่งไปบนถนนเมือง Los Angeles ในฤดูใบไม้ผลิที่จะมาถึง

Tsai ยังได้กล่าวด้วยว่า ตอนนี้เป็นเวลาที่เพอร์เฟ็คที่จะเดินหน้าใช้โมเดลนี้ เพราะปัจจุบันแรงกดดันเรื่องแรงงานกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผู้ประกอบร้านอาหาร เมื่อตอนนี้มีลูกจ้างหายไปจากอุตสาหกรรมถึง 1 ล้านคนเมื่อเทียบกับปี 2019 และมีอัตราการลาออกสูงที่สุดอีกด้วย สถานการณ์นี้ส่งผลให้ราคาทุกอย่างสูงขึ้นไปตามๆ กัน

“ระบบอัตโนมัติทำให้เราสามารถคงต้นทุนที่ต่ำไว้ได้ ในขณะที่ก็ยังสามารถเสิร์ฟอาหารคุณภาพเยี่ยม ราคาเอื้อมถึง” Tsai กล่าว 

Tsai ยังกล่าวไว้ด้วยว่า “นอกจากนั้น ภาวะแรงงานขาดแคลนยังทำให้ปัญหาต่างๆ ในธุรกิจร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นงานต่างๆ ที่ทำให้คนรู้สึกด้อยค่าชัดเจนขึ้นอีกด้วย และด้วยระบบอัตโนมัติเรากำลังฝึกให้พนักงานของเราทำมากกว่าอริยาบทเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา และเราก็จ่ายพวกเขาอย่างงามอีกต่างหาก ส่งผลให้ประสบการณ์ในการทำงานของพวกเขาและประสบการณ์ของลูกค้าดีขึ้น สิ่งที่เราสร้างไม่ได้ส่งผลให้การบริการหายไปหรอก มันแค่ทำให้เราสามารถโฟกัสไปยังคอมมิวนิตี้ที่เราอยู่ และพิซซ่าที่เราขายได้มากขึ้น”

เพื่อให้คุณมั่นใจในระบบอัตโนมัติ ระบบนี้ไม่ใช่สิ่งใหม่และ Stellar Pizza ก็ไม่ใช่บริษัทเดียวที่กำลังเกลี่ยทางอยู่ แต่ Tsai บอกไว้ว่าบริษัทของเขากำลังขับเคลื่อนไปในถนนอีกเส้นหนึ่งโดยใช้วิธีการ “เคลื่อนตัวและเข้าครัว” ไปพร้อมๆ กัน

“มันเป็นวิวัฒนาการของโลก Food truck หากคุณสามารถนำระบบอัตโนมัติมาใช้ และนำมันมาอยู่ในรูปแบบที่เคลื่อนที่ได้ และใส่มันเข้าไปในรถกระบะ นั่นคือสิ่งที่ผมเห็นว่าเป็นวิวัฒนาการก้าวต่อไปของ Food truck เลยล่ะ” เขากล่าว

ด้วยทีมงานที่เขาได้จ้างมาและความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมเครื่องยนต์ของทีมงานนี้ ที่ทำให้สามารถสร้างครัวอัตโนมัติน้ำหนักเบา และต้นทุนต่ำนี้ขึ้นมาได้ และส่งผลให้ Tsai มั่นใจในโมเดลธุรกิจนี้อย่างมากทีเดียว 

“มีการพยายามที่จะทำใช้ระบบอัติโนมัติกับอาหารหลายครั้งแล้วล่ะ แต่ผมคิดว่าเรากำลังทำอะไรที่ค่อนข้างแตกต่างอยู่ และก็หวังว่าจะเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมากกว่าด้วย” เขากล่าว

พิซซ่าสุดล้ำนี้วางขายผ่านแอปของทางบริษัท และทางบริษัทเองก็หวังว่าจะมี “จำนวนรถบนถนนประมาณหนึ่ง” ในปี 2022 และยังเล็งเป้าทางการตลาดไปยัง San Diego, Orange County, California และ Texas อีกด้วย  และยังได้มีการวางแผนที่จะนำกลยุทธ์กรตลาดเชิงท้องถิ่นมาใช้เพื่อให้ทั้งผลิตภัณฑ์ และเทคโนโลยีของเขาเป็นที่พูดถึงมากขึ้น

“ด้วยอุปกรณ์ที่เป็นระบบอัติโนมัติของเรา ผมเห็นเราไปตามโรงเรียนต่างๆ เพื่อทำการสาธิต STEM ให้พวกเขาดู อะไรประมาณนี้” Tsai กล่าว “เราอยากจะให้คนรู้สึกตื่นเต้นไปกับระบบอัตโนมัติและวิทยาศาสตร์มากๆ เลย”

ไม่ใช่เรื่องน่าสงสัยเลยที่ระบบอัตโนมัติทั้งหลายกำลังเป็นที่พูดถึงอยู่เมื่อต้นทุนด้านเทคโนโลยีมันตกลง ท่ามกลางระดับความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้น อีกทั้ง <a href="https://www.restaurantdive.com/news/report-50-of-operators-plan-to-deploy-automation-tech-in-2-to-3-years/608201/">ราวๆ ร้อยละ 50 ของผู้ประกอบการร้านอาหารในสหรัฐฯ</a>กล่าวว่าพวกเขามีแผนการที่จะใช้เทคโนโลยีระบบอัตโนมัติในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเพื่อใช้จัดการกับปัญหาแรงงานขาดแคลน

“วงการระบบอัตโนมัติเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมากๆ ตอนนี้” Tsai กล่าว “เราทั้งหมดกำลังพยายามแก้ปัญหาเดียวกัน และมันก็มีพื้นที่มากพอสำหรับเราทุกคน”

แปลและเรียบเรียงโดย ทัตชญา บุษยากิตติกร จากบทความ Former SpaceX Engineer Launches Automated Mobile Kitchen To Help Solve Food Delivery Challenges เผยแพร่บน ​Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/house-of-gucci-%e0%b8%84%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b8%81-%e0%b8%aa%e0%b8%b9%e0%b9%88-gucci-%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%8b.html">House of Gucci: คดีสะเทือนโลก สู่ Gucci ในซูเปอร์มาร์เก็ต</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Stellar Pizza ร้านพิซซ่าอัตโนมัติสุดล้ำจากอดีตวิศวะ SpaceX

<h2>Fly-Food แพลตฟอร์มบริการส่งอาหารให้คนจีนในประเทศไทย ปรับกลยุทธ์ยกระดับความคุ้มค่า ตอบโจทย์ลูกค้าช่วงการแพร่ระบาด</h2>
<img class="alignnone wp-image-44286 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/fly-food_005.jpg" alt="Fly-Food" width="600" height="400" />

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาด บริการดิจิทัลช่วยสร้างมูลค่าและประโยชน์ต่างๆ มากมายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ภาคส่วนต่างๆ จึงรีบเร่งดำเนินการปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัลกันอย่างกว้างขวางทั่วโลก

ภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 78 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคที่มีอายุ 21 ถึง 40 ปี เปิดเผยกับ Deloitte ว่าตนเองใช้บริการดิจิทัลเพิ่มมากขึ้นนับตั้งแต่ที่เกิดการแพร่ระบาด ส่วนในประเทศไทย ผู้บริโภค 58 เปอร์เซ็นต์ระบุว่าตนเองสั่งซื้ออาหารผ่านบริการส่งอาหารเพิ่มมากขึ้น

ภายใต้เทรนด์ดังกล่าว เราเป็นหนึ่งในธุรกิจแพลตฟอร์มบริการส่งออกอาหารที่เติบโตท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาด ด้วยการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลและเทคโนโลยีในรูปแบบที่สร้างสรรค์

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2561 ข้อมูลเชิงลึกที่เกี่ยวกับผู้บริโภคได้จุดประกายไอเดียธุรกิจให้เราเป็นแพลตฟอร์มส่งอาหารเพียงหนึ่งเดียวที่รวบรวมร้านอาหารจีนที่หลากหลายในประเทศไทย

ต้า เผิง ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์ม กล่าวว่า “ผมสังเกตว่านักท่องเที่ยวจีนมีแนวโน้มที่จะเดินทางมายังประเทศไทยในช่วงวันหยุดยาว ในช่วงวันแรกๆ นักท่องเที่ยวมักจะเลือกลิ้มลองอาหารท้องถิ่นเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่แปลกใหม่ แต่หลังจากนั้น ส่วนใหญ่ก็เริ่มมองหาอาหารจีนแท้ๆ ที่คุ้นเคยเพื่อความสบายใจ”

เนื่องจากมีชาวจีนจำนวนมากเข้ามาทำงานและอาศัยอยู่ในประเทศไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวจากจีนอีกกว่า 10 ล้านคนต่อปีในปี 2562 เราจึงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว โดยมีการขยายธุรกิจไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญหลายแห่ง เช่น กรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต และระยอง และให้บริการแก่ชาวจีนที่เข้ามาอาศัยอยู่ในไทย และนักท่องเที่ยวจากจีนโดยเฉพาะ

<img class="alignnone wp-image-44285 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/fly-food_004.jpg" alt="Fly-Food" width="600" height="400" />

เปิดตัวมินิโปรมผ่านอาลีเพย์

ต้า เผิง บอกเล่าเกี่ยวกับมาตรการเบื้องต้นในการรับมือกับการแพร่ระบาด โดยกล่าวว่า “สถานการณ์แพร่ระบาดก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่อลูกค้าของเรา โดยบางคนก็ตกงาน ขณะที่นักท่องเที่ยวบางส่วนไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ ส่งผลให้อำนาจในการใช้จ่ายลดลง เราจึงออกโปรโมชั่นพิเศษเพื่อช่วยเหลือลูกค้าของเราในช่วงเวลาที่ยากลำบาก และเราได้ปรับใช้แนวทางด้านความปลอดภัยเพื่อปกป้องคนส่งอาหารและลูกค้าของเรา”

ขณะเดียวกัน Fly-Food ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการให้บริการแก่ชาวจีนในไทย ด้วยการเปิดตัวมินิโปรแกรมบนอาลีเพย์ (Alipay) โดยคาดการณ์ว่าจะมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากข้อจำกัดเรื่องการเดินทางที่ส่งผลให้ชาวจีนไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้โดยสะดวก และ “อาหารท้องถิ่นของจีน” น่าจะเป็นหนทางหนึ่งในการเยียวยาจิตใจให้ชาวจีนได้หายคิดถึงบ้านเกิดได้เป็นอย่างดี

การดำเนินการที่รวดเร็วภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำเสนอบริการผ่านช่องทางที่ลูกค้าเข้าถึงได้สะดวก ก่อให้เกิดผลดีอย่างเป็นรูปธรรม นับตั้งแต่ที่เปิดตัวมินิโปรแกรม Fly-Food บนอาลีเพย์เราฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รวมถึงยอดสั่งซื้อจากลูกค้าประจำ ตอนนี้เรามียอดสั่งซื้อเฉลี่ยสูงถึง 700 รายการต่อวัน และมีร้านอาหารเข้าร่วมเพิ่มมากขึ้น โดย 40 เปอร์เซ็นต์ของร้านอาหารทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 1,500 ร้านเข้าร่วม หลังจากการแพร่ระบาด และหลายร้านที่มากกว่าครึ่งของยอดขายมาจากออเดอร์ที่สั่งผ่านแพลตฟอร์มของเรา

<img class="alignnone wp-image-44284 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/fly-food_003.jpg" alt="Fly-Food" width="600" height="400" />

ทั้งนี้เราเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่เข้าร่วมแคมเปญที่อาลีเพย์จัดทำร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยภายใต้แคมเปญดังกล่าว มีการแจกคูปองดิจิทัลเพื่อกระตุ้นให้ชาวจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้เดินทางท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในไทยอย่างปลอดภัย

ตามมาตรการการป้องกันของรัฐ ซึ่งนับเป็นการสร้างรายได้และต่อลมหายใจให้กับธุรกิจเล็กๆในท้องถิ่นที่เข้าร่วมโครงการ โดยเรามียอดสั่งอาหารเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15 เปอร์เซ็นต์ในช่วงที่จัดแคมเปญดังกล่าว

ต้า เผิง กล่าวเสริมว่า “ในโลกวิถีใหม่ ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้นกับเรื่องของราคา ซึ่งนั่นหมายความว่า “ความคุ้มค่า” ยังคงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ คูปองดิจิทัลที่ให้ลูกค้าผ่านแพลตฟอร์มอาลีเพย์มอบความคุ้มค่าให้กับลูกค้า

และเรายังพบว่าผู้ใช้อาลีเพย์มีความคุ้นเคยและเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือการตลาดเพื่อให้ได้รับความคุ้มค่าสูงสุดจากการใช้จ่าย ส่งผลให้อัตราการเข้าร่วมของลูกค้าอยู่ในระดับที่ดี และให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

ขณะเดียวกัน สำหรับลูกค้าที่ไม่เคยรู้จักเรามาก่อน อาลีเพย์ก็ช่วยสร้างความเชื่อมั่น และความมั่นใจให้กับลูกค้าในการใช้คูปองดิจิทัลสำหรับบริการของเรา”

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/other/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B5-%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%9A-200-%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99.html">เจ้าสัวซีพี ทุ่มงบ 200 ล้าน เสริมกำลัง รพ.สนาม</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Fly-Food แพลตฟอร์มส่งอาหารเจาะกลุ่มคนจีนในไทย

<h2>"ฟู้ดแพนด้า" ประกาศความพร้อมส่งอาหารทั่วประเทศ โดยเป็นการจัดส่งอาหารออนไลน์ครั้งแรกผ่านแอปพลิเคชันครั้งแรกในประเทศไทยที่ให้บริการครอบคลุม 77 จังหวัด เพื่อผลักดันให้ร้านอาหารท้องถิ่นเข้าถึงเศรษฐกิจดิจิทัลและกระตุ้นยอดสั่งซื้อเพิ่มถึง 10 เท่า</h2>
Alexander Felde กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟู้ดแพนด้า (ประเทศไทย) จำกัด และผู้ร่วมก่อตั้ง foodpanda เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมในการเป็นผู้ให้บริการส่งอาหารเจ้าแรกและเจ้าเดียวที่เปิดให้บริการครบ 77 จังหวัดครอบคลุมทั่วทั้งประเทศไทยในปีนี้ ซึ่งถือเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากปีก่อนหน้าที่ให้บริการส่งอาหารครอบคลุม 27 จังหวัด

“ในฐานะผู้บุกเบิกตลาดผู้ให้บริการส่งอาหารของประเทศไทย ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นธุรกิจร้านอาหารจำนวนมากมีการเติบโตมากยิ่งขึ้น และไรเดอร์มีรายได้เพิ่มขึ้นผ่านแพลทฟอร์มของฟู้ดแพนด้า และในวันนี้เรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้สร้างโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจเหล่านี้ให้เกิดขึ้นขยายครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” Alexander กล่าวถึงการเปิดตัวธุรกิจ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการส่งอาหารออนไลน์รายแรกของประเทศในปี 2555

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์ Hyperlocalization ที่เน้นการขยายบริการให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคและเพิ่มจำนวนร้านอาหารพันธมิตรให้ได้มากที่สุด รวมถึงการมีส่วนช่วยสร้างรายได้แก่บรรดาไรเดอร์ และเพิ่มยอดขายให้แก่ร้านอาหารและร้านค้าพันธมิตร ให้มีการเติบโตทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น

ผ่านการให้บริการจัดส่งอาหารที่สะดวก รวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัลระดับชุมชนทั่วทั้งประเทศไทยผ่านแพลทฟอร์มของฟู้ดแพนด้า

สำหรับตลอดปีที่ผ่านมาบริษัทมีการเติบโตของจำนวนร้านอาหารพันธมิตรเพิ่มมากขึ้นกว่า 70,000 ร้าน พร้อมสร้างธุรกิจเกิดใหม่ให้เติบโตขึ้นในสภาพแวดล้อมแบบ New Normal และช่วยให้ร้านค้าเล็กๆในชุมชนของทุกจังหวัดมีรายได้เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งการกระตุ้นยอดคำสั่งซื้ออาหารจากผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้น 10 เท่า

ยังช่วยสร้างโอกาสทางรายได้ให้กับไรเดอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ทางธุรกิจแบบ New Normal ที่ทุกธุรกิจต่างต้องปรับตัว ซึ่งฟู้ดแพนด้าเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาการให้บริการให้สอดคล้องกับความต้องการและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทุกชุมชนของประเทศไทย

<figure><img class="wp-image-37204 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/ฟู้ดแพนด้า_03.jpg" alt="" width="600" height="400" /><figcaption> Alexander Felde กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟู้ดแพนด้า (ประเทศไทย) จำกัด</figcaption></figure>

นอกจากนั้น Alexanda กล่าวว่า ในปี 2563 นับเป็นปีแห่งความท้าทายของการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปลงไปจากการระบาดของไวรัส โควิด-19 โดยความต้องการสั่งสินค้าที่มีความสะดวก รวดเร็ว ส่งตรงถึงบ้านมีเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การสั่งอาหารไปจนถึงสินค้าอุปโภคบริโภค

ดังนั้น ฟู้ดแพนด้าจึงได้ยกระดับการให้บริการให้มีหมวดสินค้าเพิ่มมากขึ้นเพื่อสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคตามลำดับ จนส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อของ 4 เดือนแรกในปี 2563 พุ่งสูงกว่ายอดคำสั่งซื้อตลอดทั้งปีของปี 2562 และจากการพัฒนาคุณภาพการบริการส่งสินค้าของฟู้ดแพนด้า ทำให้ระยะเวลาเฉลี่ยของการส่งสินค้าต่อครั้งในปัจจุบันลดลงต่ำกว่า 20 นาที

ขณะเดียวกันในเดือนกันยายนที่ผ่านมา บริษัทยังเปิดตัว PandaMart ร้านค้าสะดวกซื้อออนไลน์ จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคส่งตรงถึงบ้านที่สามารถสั่งได้ง่ายดายผ่านแพลทฟอร์มฟู้ดแพนด้า โดยนำร่องที่กรุงเทพฯ ก่อนจะขยายไปสู่จังหวัดใหญ่ๆ ทั่วประเทศ โดยในปัจจุบันมีการทดลองเริ่มต้นแล้วที่จังหวัดเชียงใหม่

ทั้งนี้ ฟู้ดแพนด้าเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการสั่งซื้อและจัดส่งอาหารเดลิเวอรี่ผ่านแอปพลิเคชันจำนวนมากกว่า 300 เมืองครอบคลุม 12 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก ตั้งแต่ สิงคโปร์ ฮ่องกง ไทย มาเลเซีย ปากีสถาน ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ บังกลาเทศ ลาว กัมพูชา พม่า และญี่ปุ่น พร้อมทั้งเป็นผู้นำร่องระบบ quick-commerce (Q-commerce) อย่างทั่วถึงในระดับภูมิภาคและแพนด้ามาร์ทที่ใช้ระบบ cloud-store model

ส่วนเดลิเวอรี่ ฮีโร่ เป็นผู้นำในการบริการสั่งและจัดส่งอาหารออนไลน์ใน 39 ประเทศ จาก 44 ประเทศ ที่มีบริการครอบคลุมทั้งในทวีปยุโรป ละติน อเมริกา เอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน ซึ่งบริษัทในเครือมีพนักงานมากกว่า 27,000 คน ทั้งยังอยู่ในรายชื่อของตลาดหลักทรัพย์แฟรงค์เฟิร์ต และเป็นส่วนหนึ่งของดัชนีหุ้นเยอรมันในปี 2563

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/other/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%87-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A9%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%A3.html">วิชัย ทองแตง ตั้งบริษัทร่วมทุน แกรนด์ แอสเสทฯ สร้างโรงงานผลิตและส่งออกถุงมือยาง</a>

<header class="entry-header">

<hr />

ไม่พลาดบทความด้านกลยุทธ์องค์กรและธุรกิจ ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a> และ <a href="https://twitter.com/Forbes_TH">ทวิตเตอร์ Forbes Thailand</a>

</header>

"ฟู้ดแพนด้า" ประกาศความพร้อมส่งอาหารทั่วประเทศ

<h2>“โรบินฮู้ด” แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี ในเครือ SCB 10X ชูจุดเด่นด้านโอกาสการขาย ไม่คิดค่าธรรมเนียมบริการ ร้านค้าได้เงินคืนเร็ว</h2>
ธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานกรรมการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า “หน้าที่ของ “โรบินฮู้ด” คือ การเป็นสะพานเชื่อมระหว่างร้านเล็กร้านน้อยกว่า 16,000 ร้านกับลูกค้าของร้านให้เจอกัน เพื่อช่วยให้ร้านอาหารมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายผ่านแพลตฟอร์มส่งอาหาร”

“เรายังตั้งใจที่จะช่วยสร้างงานที่มีผลตอบแทนที่เป็นธรรมอีกนับหมื่นงานให้กับผู้ส่งอาหารหรือไรเดอร์ที่จะเป็นผู้เชื่อมต่อสำคัญในส่งมอบความสุขจากร้านอาหารถึงมือลูกค้า ผู้บริโภคมีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้นจากร้านเล็กๆ ที่เดิมอาจจะไม่มีกำลังพอที่จะไปอยู่บนแพลตฟอร์มส่งอาหารได้ รวมถึงร้านน่าลอง ร้านดังระดับตำนานอีกหลายร้านที่ไม่เคยอยู่บนแพลตฟอร์มส่งอาหารไหนมาก่อนก็ให้เกียรติเข้าร่วมบนแพลตฟอร์มโรบินฮู้ดในครั้งนี้ รวมถึงร้านค้าพันธมิตรอีกมากมาย”

<img class="alignnone wp-image-36373 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/10/โรบินฮู้ด_001.jpg" alt="โรบินฮู้ด" width="600" height="400" />

นอกจากนี้ โรบินฮู้ดแพลตฟอร์มของคนไทยยังมีส่วนช่วยสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนส่งอาหารหรือไรเดอร์อีกกว่า 10,000 คน ท่ามกลางภาวะเปราะบางในตลาดแรงงานที่ตัวเลขอัตราว่างงานเพิ่มสูงขึ้น และช่วยให้ไรเดอร์ได้รับเงินรายได้อย่างเป็นธรรม ไม่ต้องสำรองเงินเพื่อจ่ายค่าอาหารให้กับลูกค้า

ด้วยโรบินฮู้ดกำหนดให้ระบบชำระเงินเป็นดิจิทัลเพย์เมนต์ 100 เปอร์เซ็นต์ ให้ลูกค้าสามารถจ่ายเงินค่าอาหารให้กับร้านค้าได้ผ่านการตัดบัญชีใน SCB EASY หรือตัดบัตรเครดิต บัตรเดบิต บัตรเติมเงิน ปลอดภัยไม่ต้องสัมผัสเงินสด และมีร้านอาหารทางเลือกที่หลากหลายให้กับลูกค้ามากขึ้นโดยเฉพาะร้านเล็กๆ ร้านใกล้บ้าน รวมถึงร้านที่ไม่เคยอยู่บนแพลตฟอร์มส่งอาหารใดมาก่อนอีกด้วย

บริษัทฯ มุ่งมั่นตั้งใจให้ “โรบินฮู้ด” เป็นแอปฯ ที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาแพลตฟอร์มให้ดียิ่งขึ้น จึงได้เปิดทดลองให้บริการสั่งอาหารในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป ก่อนเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในช่วงต้นปี 2564

“ทางโรบินฮู้ดจึงใคร่ขอเชิญร้านค้าที่สนใจค้าขายบนแพลตฟอร์มส่งอาหารเข้าร่วมกับเรา ขอชวนผู้บริโภคเข้าร่วมใช้บริการของแพลตฟอร์มและให้คำแนะนำ ติชมเพื่อทำให้เราสามารถพัฒนาแพลตฟอร์มนี้ให้เติบโตและเป็นประโยชน์กับคนตัวเล็ก ๆ ของประเทศ เป็นกำลังใจให้ทั้งผู้ค้าขายและผู้ขับขี่ส่งอาหารเพื่อช่วยกันให้ผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ไปด้วยกัน" ธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานกรรมการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวทิ้งท้าย

<img class="alignnone wp-image-36374 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/10/โรบินฮู้ด_002.jpg" alt="โรบินฮู้ด" width="600" height="400" />

จุดเด่น “โรบินฮู้ด” แอปเพื่อคนตัวเล็ก ทางเลือกใหม่ฟู้ดเดลิเวอรีไทย
<ol>
 	<li>ไม่เก็บค่าธรรมเนียมการใช้แพลตฟอร์ม (จีพี)</li>
</ol>
<ul>
 	<li>ช่วยผู้ประกอบการรายเล็กให้มีโอกาสเพิ่มรายได้หรือกำไรนอกจากการขายหน้าร้าน โดยไม่ต้องมีต้นทุนเพิ่มเติมจากการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ ลูกค้าได้รับอาหารที่มีคุณภาพราคาและปริมาณเดียวกับการซื้อที่ร้าน</li>
</ul>
<ol start="2">
 	<li>ช่วยเหลือและสนับสนุนร้านค้าในการนำร้านขึ้นสู่แพลตฟอร์มออนไลน์</li>
</ol>
<ul>
 	<li>มีทีมที่คอยดูแลช่วยเหลือร้านค้าโดยเฉพาะร้านเล็ก ๆ ที่อาจจะไม่มีความชำนาญในการใช้         แอปพลิเคชัน ให้สามารถเริ่มรับออเดอร์ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ รวมไปถึงการช่วยเหลือในการสร้างความน่าสนใจให้แก่ร้านอาหารผ่านรูปเมนูที่สวยงามและการเขียนบรรยายอาหาร</li>
</ul>
<ol start="3">
 	<li>เงินสดเข้าร้านทันที</li>
</ol>
<ul>
 	<li>ร้านค้าได้รับเงินทันทีภายใน 1 ชั่วโมง หลังจากที่อาหารและเครื่องดื่มส่งถึงบ้านลูกค้า ช่วยให้ร้านค้ามีสภาพคล่อง มีกระแสเงินหมุนเวียนในการต่อยอดและช่วยให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างราบรื่น</li>
</ul>
<ol start="4">
 	<li>ช่วยร้านค้าเพิ่มรายได้นอกช่วงเวลาขายดี (off-peak)</li>
</ol>
<ul>
 	<li>โดยปกติร้านค้าบนแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีจะมีช่วงเวลาขายดีอยู่สองช่วง คือ มื้อกลางวัน (11.00 – 13.00 น.) และมื้อเย็น (17.00 – 19.00 น.) โดยช่วงเวลาที่เหลือนอกจากนั้น (off-peak) ยอดขายจะลดลง โรบินฮู้ดจึงได้นำเอา dynamic delivery pricing เข้ามาช่วยเพิ่มโอกาสทางการขาย ผ่านการกระตุ้นการสั่งอาหารด้วยราคาค่าส่งที่โดนใจทั้งวัน</li>
</ul>
<ol start="5">
 	<li>ส่วนลดจากร้านค้า 8% ทั้งปีทุกเมนู คืนกำไรให้ผู้บริโภค</li>
</ol>
<ul>
 	<li>ร้านค้าสามารถเลือกเข้าร่วมเพื่อมอบส่วนลด 8% ให้แก่ลูกค้าได้ โดยส่วนลดจะส่งต่อโดยตรงไปให้แก่ลูกค้า เพื่อเพิ่มโอกาสทางการขาย คืนกำไรกลับสู่ลูกค้า และเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว (customer engagement)</li>
</ul>
<ol start="6">
 	<li>ใช้งานง่าย</li>
</ol>
<ul>
 	<li>โรบินฮู้ดให้ความสำคัญกับความต้องการและประสบการณ์การใช้งานที่ลูกค้าจะได้รับ จึงได้ออกแบบการสั่งอาหารผ่านแอปฯ ให้สามารถทำได้อย่างง่าย ๆ ไม่เกิน 3 คลิก รวมถึงมีการนำ AI มาใช้ในการทำ Personalization เพื่อแนะนำร้านอาหารที่น่าสนใจ ตรงกับความชอบของลูกค้าแต่ละคน</li>
</ul>
<ol start="7">
 	<li>ผลักดันและสนับสนุนสังคมไร้เงินสด</li>
</ol>
<ul>
 	<li>เน้นการชำระเงินแบบไร้เงินสดด้วยระบบการชำระเงินแบบดิจิทัลเพย์เมนต์ ที่ให้ลูกค้าสามารถเลือกชำระค่าอาหารผ่านการตัดบัญชีใน SCB EASY หรือตัดบัตรเครดิต บัตรเดบิต บัตรเติมเงิน และได้รับประสบการณ์การชำระเงินแบบไร้รอยต่อ (seamless customer payment experience)</li>
</ul>
<ol start="8">
 	<li>สร้างงานสร้างรายได้ให้คนส่งอาหารหรือไรเดอร์ได้รับผลตอบแทนที่เป็นธรรม</li>
</ol>
<ul>
 	<li>คนส่งอาหารหรือไรเดอร์ได้รับผลตอบแทนที่เป็นธรรม ไม่ต้องกังวลเรื่องการสำรองเงินสำหรับจ่ายค่าอาหารให้กับลูกค้า เมื่อรับงานส่งอาหารจากโรบินฮู้ดคนส่งอาหารจะได้รับประกันอุบัติเหตุและประกันโควิด-19 ฟรีถึงสิ้นปี 2563</li>
</ul>
<ol start="9">
 	<li>โครงการสร้างงานสร้างโอกาสให้กับผู้ที่สนใจส่งอาหาร</li>
</ol>
<ul>
 	<li>เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงอาชีพคนส่งอาหารหรือไรเดอร์ให้กับผู้ที่ไม่มีจักรยานยนต์เป็นของตนเองในช่วงต้นปี 2564 โดยการให้เช่าจักรยานยนต์พร้อมการจ้างงานแบบรายวันจากพาร์ทเนอร์ของ     โรบินฮู้ด</li>
</ul>
<ol start="10">
 	<li>ฟีเจอร์ใหม่ที่เตรียมพร้อมให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในต้นปี 2564</li>
</ol>
อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/america/jason-wang-rice-and-rooster.html">Jason Wang พลิก Food Delivery สู่ Fast Casual Dining</a>

<hr />

ไม่พลาดบทความด้านกลยุทธ์องค์กรและธุรกิจ ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>
และ <a href="https://twitter.com/Forbes_TH">ทวิตเตอร์ Forbes Thailand</a>

“โรบินฮู้ด” เชิญชวนทดสอบระบบก่อนเดินเครื่องต้นปี 64

ชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ยกระดับโลจิสติกส์สู่ซัพพลายเชนแห่งอาเซียน

<h2 class="p3">ในสงครามการแข่งขันของตลาดส่งอาหารเดลิเวอรี่ของประเทศจีน Alibaba ต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยนั่นคือการตกเป็นรองคู่แข่ง ผู้ชนะ (ในขณะนี้) คือ Meituan Dianping แอพฯ ที่ครองใจลูกค้านับร้อยล้านคนไว้ได้</h2>
แปลและเรียบเรียงจาก <a href="https://www.forbes.com/sites/ywang/2019/09/04/food-delivery-tycoon-adds-24-billion-to-fortune-by-beating-out-alibaba/#1628fdd54cf3">Food-Delivery Tycoon Adds $2.4 Billion To Fortune By Beating Out Alibaba</a> เขียนโดย Yue Wang ตีพิมพ์ครั้งแรกที่ forbes.com
แอพพลิเคชั่น Meituan ก่อตั้งและนำทัพโดยมหาเศรษฐี Wang Xing บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ใน Beijing แห่งนี้เพิ่งจะกินส่วนแบ่งทางการตลาดการจัดส่งอาหารเดลิเวอรี่เพิ่มเป็น 65% ของตลาดมูลค่า 8.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในประเทศจีน ทิ้งห่างแอพฯ Ele.me ของ Alibaba ซึ่งมีมาร์เก็ตแชร์ 27% เท่านั้น (ข้อมูลจาก Trustdata บริษัทที่ปรึกษาและข้อมูลทางการตลาด)
ราคาหุ้นของ Meituan Dianping ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงทะยานขึ้นถึง 80% หลังทำเซอร์ไพรส์รายงานผลกำไรในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ นับเป็นการเติบโตที่สวนทิศทางตลาดหุ้นฮ่องกง หลังดัชนีฮั่งเส็งลดลง 9% ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมจากสถานการณ์ประท้วงรัฐบาลที่คุกรุ่น
Wang ผู้สร้างความมั่งคั่งจากแอพฯ Meituan จึงได้อานิสงส์เป็นความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นทันที จากเดิมที่มีทรัพย์สินสุทธิ 3.8 พันล้านเหรียญช่วงต้นปี 2019 ขณะนี้เขามีความมั่งคั่ง 6.2 พันล้านเหรียญ


<figure><img class="size-full wp-image-16229" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/Wang-Xing-Meituan.jpg" alt="Wang-Xing-Meituan Dianping" width="800" height="508" /><figcaption> Wang Xing ผู้ก่อตั้งแอพฯ Meituan (PHOTO CREDIT: AFP)</figcaption></figure>
“หลายคนมองบวกกับ Meituan มากขึ้น เพราะพวกเขาพิสูจน์แล้วว่าตลาดจัดส่งอาหารเดลิเวอรี่นั้นทำเงินได้” Wang Xiaoyan นักวิเคราะห์จาก 86 Research ใน Shanghai กล่าว “จะมีความผันผวนในการทำกำไร แต่บริษัทจะหยุดเลือดที่ไหลออกจากการทุ่มเงินสร้างตลาดได้ดีกว่าเดิม”
เมื่อไตรมาส 2 ที่ผ่านมา Meituan รายงานกำไรสุทธิที่ 877.4 ล้านหยวน ซึ่งพลิกผันอย่างมากเมื่อเทียบกับการขาดทุน 7.7 พันล้านหยวนเมื่อปีก่อน ด้านรายได้ก็เติบโตขึ้น 51% เป็น 2.27 หมื่นล้านหยวน หลังจากที่บริษัทสามารถแย่งมาร์เก็ตแชร์มาจาก Ele.me ได้สำเร็จ รวมถึงได้รายได้เฉพาะงวดมาจากการลงทุนในผลิตภัณฑ์การจัดการสินทรัพย์
ผลของความสำเร็จนี้เกิดจากความสามารถของบริษัทในการให้บริการที่ดีกว่า และกลยุทธ์ให้เงินสนับสนุน (subsidy) ที่ทรงประสิทธิภาพ
Meituan รุกหนักกว่า Alibaba ในการเซ็นสัญญาเป็นพาร์ทเนอร์เอ็กซ์คลูซีฟเพื่อจัดส่งอาหารให้กับบรรดาร้านค้า ขณะเดียวกัน ยังลดเวลาการจัดส่งอาหาร และลดต้นทุนด้วยการจัดการข้อมูลเพื่อให้คนส่งอาหารรับออเดอร์และสินค้าจากหลายร้านได้ในเที่ยวเดียว
สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้ใช้ติดหนึบอยู่กับแอพฯ Meituan แม้ว่า Alibaba จะแจกคูปองส่วนลดมูลค่ารวมหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อจูงใจให้ลูกค้าหันมาใช้ Ele.me ก็ตาม


<figure><img class="size-full wp-image-16230" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/l_5ac3c17ae2356.jpg" alt="" width="800" height="415" /><figcaption> รถขนส่งอาหารของ Ele.me ในเครือ Alibaba</figcaption></figure>
David Dai นักวิเคราะห์จาก Bernstein Research ในฮ่องกง มองว่า ความซื่อสัตย์ต่อแบรนด์ของผู้ใช้ Meituan นั้นแข็งแรงเกินกว่าที่ Alibaba คาดคิด
“หลายคนบอกว่าพวกเขา (ผู้ใช้) มีความอ่อนไหวต่อราคา แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเปิดแอพฯ สองตัวแล้วมาเทียบราคากันก่อนสั่งอาหาร” เขากล่าว “Meituan มีจำนวนร้านอาหารมากกว่า มีผู้ใช้เยอะกว่าซึ่งทำให้การจัดส่งอาหารมีประสิทธิภาพมากกว่า ซึ่งสร้างวัฏจักรเชิงบวกให้กับแอพฯ”
ปัจจุบัน เมื่อการแข่งขันคลายความร้อนแรงลง Meituan จึงเริ่มหันไปมุ่งหารายได้เพิ่มจากการลงโฆษณาบนแพลตฟอร์มที่เข้าถึงผู้ใช้ประจำ (active users) ปีละ 422.6 ล้านคน ร้านอาหารสามารถจ่ายเงินเพื่อแปะโฆษณาแบนเนอร์ของตัวเองไว้ในแอพฯ หรือจ่ายเพื่อให้ร้านอาหารของตนอยู่ในลำดับบนๆ เมื่อลูกค้ากดค้นหา

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/people/entrepreneurs/%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%a5%e0%b8%99%e0%b9%8c-%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%a1%e0%b8%9e%e0%b8%b9%e0%b8%8a.html">สั่งอาหารออนไลน์ ธุรกิจโตไวในกัมพูชา</a></li>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/world/america/ubereats-%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%82%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%a9%e0%b8%b1%e0%b8%97.html">UberEats เหมืองทองลับของบริษัทรถรับส่ง</a></li>
</ul>
แม้ว่าตำแหน่งผู้นำตลาดของ Meituan นั้นยากจะโค่นลงได้ แต่ Alibaba ส่งสัญญาณแล้วว่าพวกเขายังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ นักวิเคราะห์กล่าวว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการอี-คอมเมิร์ซรายนี้มองว่าธุรกิจจัดส่งอาหารเดลิเวอรี่เป็นชิ้นส่วนสำคัญในกลยุทธ์ภาพรวมของเครือ เพราะธุรกิจนี้เป็นบริการที่มีความถี่การใช้งานสูงซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับระบบนิเวศของ Alibaba เพื่อสนับสนุนธุรกิจบริการอื่น เช่น อี-เพย์เมนต์
กลยุทธ์ตีตลาดคู่แข่งของ Alibaba คือการหันไปมุ่งเน้นตลาดในเมืองที่อยู่ในเทียร์ล่างลงมา ซึ่งเป็นป้อมปราการแหล่งรายได้หลักของ Meituan
“ถ้า Ele.me จะก่อสงครามราคา Meituan ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตาม” Steven Zhu นักวิเคราะห์จาก Pacific Epoch ใน Shanghai กล่าว
กลยุทธ์นี้อาจจะได้เห็นในช่วงท้ายปี เมื่อยักษ์ใหญ่ Alibaba เปิดแคมเปญลดกระหน่ำใน ‘วันคนโสด’ และใช้ส่วนลดเป็นตัวดึงดูดนักช็อป ช่วงนั้น Meituan อาจจะต้องอัดฉีดเงินมากขึ้นเพื่อดึงผู้ใช้เอาไว้ โดยเฉพาะเมื่อเป็นช่วงฤดูหนาวที่การใช้งานเดลิเวอรี่ส่งอาหารจะถี่ยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังมองบวกว่าตลาดมีพื้นที่พอให้ทุกบริษัทเติบโต และน่าจะทำให้มาร์จิ้นดีขึ้นในอนาคตด้วย
“การพัฒนาผลกำไรจะมาจากการเพิ่มรายได้มากกว่าการตัดต้นทุน” Dai จาก Bernstein Research กล่าว “พวกเขาสามารถเพิ่มเที่ยวการส่งและพัฒนารายได้จากโฆษณา ดังนั้นพื้นที่การเติบโตของรายได้จึงยังกว้างมาก”
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Meituan Dianping ผู้เอาชนะ Alibaba ในสมรภูมิส่งอาหารเดลิเวอรี่ของจีน หุ้นพุ่ง 80%

<h2 class="p1">แอปพลิเคชัน MealTemple ของ Maxime Rosburger กำลังหาทางชิงตำแหน่งผู้นำในตลาด สั่งอาหารออนไลน์ ของกัมพูชาคืนมา</h2>
Maxime Rosburger ผู้ประกอบการชาวฝรั่งเศสวัย 29 เริ่มบุกเบิกบริการ ส่งอาหารออนไลน์ และสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในบ้านในกัมพูชาด้วยแอปฯ MealTemple ของเขาเมื่อปี 2013 และครองความเป็นผู้นำตลาดก่อนจะเสียท่าให้กับคู่แข่งใหม่ 2 รายที่ดันเขาให้ตกลงไปอยู่ในอันดับที่ 3 (โดยวัดจากจำนวนครั้งในการส่ง)
Rosburger เผยว่า จำนวนครั้งในการส่งของ MealTemple ยังอยู่ที่ 10,000 ครั้งต่อเดือน จากบริการที่ครอบคลุมพื้นที่ Phnom Penh, Siam Reap และ Sihanoukville 
อย่างไรก็ตาม เขาปฏิเสธที่จะเปิดเผยตัวเลขทางการเงินของบริษัท โดยกล่าวเพียงว่า บริษัทอยู่ในสถานะทำกำไรแล้ว และยังบอกอีกด้วยว่าบริษัทของเขาได้รับเงินลงทุนก้อนใหม่เป็นจำนวนตัวเลขหกหลักในช่วงปลายปีที่ผ่านมาจากผู้ลงทุนรายหนึ่งเพื่อขยายตลาดในกัมพูชา รุกตลาด สปป.ลาว และตลาดที่มีศักยภาพอื่นๆ


<figure><img src="https://cdn.dealstreetasia.com/uploads/2019/08/photo7.jpg?fit=1500,1000?resize=940,528" alt="" width="800" height="515" /><figcaption> สตาร์ทอัพบริการ สั่งอาหารออนไลน์ MealTemple นับเป็นรายแรกๆ ที่เข้าไปทำตลาดในกัมพูชา</figcaption></figure>
Rosburger กำลังหาทางรับมือกับการคุกคามของคู่แข่ง โดยปีที่แล้ว เขาเพิ่มบริการส่งสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใช้ในบ้านและบริการเรียกรถรับส่งในกัมพูชา
แม้ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติต่อหัว ที่ 1,485 เหรียญสหรัฐฯ จะทำให้กัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก แต่เศรษฐกิจของประเทศเติบโตกว่า 7% ต่อปีตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา สร้างกลุ่มประชากรชั้นกลางที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่แม้จะเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่ก็กำลังค่อยๆ ขยายตัว
โดยตัวเลขจากสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) ระบุว่ากัมพูชามีประชากรกว่า 1 ใน 3 ที่ใช้อินเทอร์เน็ต
&nbsp;
<h2>ผู้จัดการโรงงานแฟชั่นผันตัวสู่บริการเดลิเวอรี่</h2>
เส้นทางการเข้าสู่ธุรกิจส่งอาหารในกัมพูชาของ Rosburger นั้นผกผันมาจากวงการแฟชั่นของ Paris ในปี 2008 ขณะที่กำลังศึกษาใน Paris เขาทำงานให้กับร้านค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์อย่าง Dolce &amp; Gabbana และ Hermès 
จากนั้นเขาใช้เวลาหนึ่งภาคการศึกษาของปี 2011 ฝึกฝนทักษะด้านธุรกิจที่มหาวิทยาลัย Tongji ใน Shanghai ระหว่างนั้น เขาเริ่มนำเข้าสินค้าแฟชั่นจากยุโรปมาขายในจีน แม้ธุรกิจไม่ได้ทำเงินมากมายนัก แต่ช่วยให้ Rosburger สานสัมพันธ์กับผู้ประกอบการเสื้อผ้าจากฮ่องกง ซึ่งนำพาเขาไปสู่ตำแหน่งงานที่กำลังว่างในกัมพูชาในปีถัดมา


<figure><img src="https://lh5.googleusercontent.com/nGPMsP-VUcEuIAGPoTgj2j-dpEKtLL0nsFClAwj07WrtPFBats8CtnPNTDE2cEhs_BiiG7-ONmuQwZDBgyrw5FcIJdqC3cEV6XUBplz9b8fvCwaCSEOc6X5hpCuOKK1oHdc8czIH" alt="" width="464" height="600" /><figcaption> Maxime Rosburger ผู้ก่อตั้ง MealTemple</figcaption></figure>
Rosburger เข้าทำงานในตำแหน่งผู้จัดการโรงงานชุดชั้นในใน Sihanoukville ซึ่งขณะนั้นยังเป็นจังหวัดที่ค่อนข้างเงียบ ก่อนจะเริ่มคึกคักขึ้นมาเนื่องจากได้รับการส่งเสริมให้เป็นเขตการค้าเสรีและเป็นจุดหมายปลายทางด้านการพนันสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/world/rithy-sear-%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%a5%e0%b8%b5%e0%b9%89%e0%b8%a0%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%aa%e0%b8%b9%e0%b9%88%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a3.html">Rithy Sear จากผู้ลี้ภัยสู่มหาเศรษฐีกัมพูชา ด้วยธุรกิจขนส่ง</a></li>
</ul>
เขาขยายโรงงานที่มีพนักงาน 50 คน เป็น 500 คน ก่อนจะลาออกในปี 2013 พร้อมด้วยเงินเก็บ 30,000 เหรียญ เขานำเงินส่วนใหญ่ไปลงทุนใน MealTemple โดยเริ่มจากรถจักรยานยนต์ 2 คันและคนขับ 2 คน เพื่อส่งอาหารรอบๆ Phnom Penh
ในช่วงแรก ออร์เดอร์การสั่งซื้ออาหาร 70% ของ MealTemple มาจากการสั่งจากโทรศัพท์สั่งแบบเก่าๆ แล้วทางออกของ Rosburger คืออะไร เขายอมให้ร้านอาหารโฆษณาฟรีบนแผ่นพับที่พิมพ์อย่างสวยงามของบริษัท ถ้าร้านเหล่านั้นยอมลงรายละเอียดทางออนไลน์ด้วย ซึ่งทำให้ตอนนี้ลูกค้า MealTemple มากกว่าครึ่งหนึ่งสั่งอาหารจากเว็บไซต์หรือแอปฯ
&nbsp;
<h2>คู่แข่งกำลังชิงส่วนแบ่ง</h2>
สำหรับคู่แข่งของเขาในตลาด Nham24 เข้าสู่ตลาดในปี 2016 จากการก่อตั้งของ Borima Chann ผู้ประกอบการท้องถิ่นที่อดีตเป็นผู้อำนวยการด้านการตลาดของโรงแรมแห่งหนึ่งในกัมพูชา


<figure><img class="size-full wp-image-15608" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/08/สั่งอาหารออนไลน์-Nahm24.jpg" alt="สั่งอาหารออนไลน์-Nahm24" width="800" height="533" /><figcaption> คนขับรถ 100 คนของ Nahm24 ส่งอาหารมากกว่า 21,000 ออร์เดอร์ต่อเดือน</figcaption></figure>
คนขับรถ 100 คนของ Nham24 ส่งอาหารมากกว่า 21,000 ออร์เดอร์ต่อเดือน มากกว่า 2 เท่าของยอดออร์เดอร์ที่ MealTemple ทำได้ Smart Axiata บริษัทลูกของ Axiata ผู้ประกอบการด้านโทรคมนาคมจากมาเลเซียที่ดำเนินธุรกิจในกัมพูชา ได้ซื้อหุ้นส่วนหนึ่งในสัดส่วนที่ไม่มากของ Nham24 เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้วและไม่เปิดเผยจำนวนเงินในการซื้อ
E-Gets Technology ผู้เข้าแข่งขันรายใหม่เติบโตแซงหน้าทั้ง MealTemple และ Nham24 อย่างรวดเร็ว Xiao Hongpei ผู้ประกอบการจากจีนก่อตั้ง E-Gets เมื่อเดือนพฤษภาคมปีก่อน พุ่งเป้าลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่เป็นชาวจีน โดยสามารถเจาะตลาดชาวจีนที่เดินทางมาอาศัยอยู่ใน Phnom Penh และ Sihanoukville ได้อย่างรวดเร็ว บริษัทส่งอาหารเฉลี่ย 30,000 ออร์เดอร์ต่อเดือนให้กับลูกค้ากลุ่มนี้ที่มีอยู่ราว 120,000 คน
Rosburger แห่ง MealTemple กล่าวว่า เขาได้พยายามเจาะกลุ่มลูกค้าในชุมชนชาวจีนที่กำลังเติบโตแต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ไม่ต้องคิดหนักว่าทำไม นั่นเพราะ E-Gets เป็นแอปพลิเคชันที่ใช้ภาษาจีนเป็นหลัก ขณะที่ MealTemple เน้นภาษาอังกฤษ แต่ลูกค้าสามารถเลือกภาษาฝรั่งเศสและกัมพูชาได้ด้วย สำหรับ Nham24 ให้บริการในภาษาอังกฤษและกัมพูชา

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/ghost-kitchen-%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88-%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%ab%e0%b8%99.html">Ghost Kitchen ร้านอาหารที่ ‘ไม่มีหน้าร้าน’ ตอบโจทย์ยุคเดลิเวอรี่</a></li>
</ul>
คาดว่าการแข่งขันจะยังไม่ยุติเพียงเท่านี้ Grab ผู้ประกอบการรายใหญ่จากสิงคโปร์ซึ่งให้บริการส่งอาหารและเรียกรถในตลาดอื่นๆ ได้ริเริ่มบริการเรียกรถรับส่งที่กัมพูชาเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2017 เพียงแต่ยังไม่ได้เข้าสู่ธุรกิจส่งอาหารที่นั่นเท่านั้นเอง
&nbsp;
เรื่อง: Danielle Keeton-Olsen  
เรียบเรียง: เอมวลี อัศวเปรม


<hr />

<a href="https://bit.ly/2XhaPQ1">คลิกอ่านบทความฉบับเต็มของ “สั่งอาหารออนไลน์ ธุรกิจโตไวในกัมพูชา” ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกรกฎาคม 2562 ในรูปแบบ e-Magazine</a>

<img class="lazy alignnone wp-image-10127 lazy-loaded" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/cover-750.jpg" sizes="(max-width: 330px) 100vw, 330px" srcset="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/cover-750.jpg 750w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/cover-750-229x300.jpg 229w" alt="" width="300" height="389" data-lazy-type="image" data-lazy-src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/cover-750.jpg" data-lazy-srcset="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/cover-750.jpg 750w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/cover-750-229x300.jpg 229w" data-lazy-sizes="(max-width: 330px) 100vw, 330px" />

สั่งอาหารออนไลน์ ธุรกิจโตไวในกัมพูชา

<h2>Heartworks ร่วมกับ Lalamove และ ร้าน KRBB แก้โจทย์ร้านค้าออนไลน์ เปิดตัวบริการ “DeliveryLab” แพลตฟอร์มหน้าร้านบนโลกออนไลน์ที่เชื่อมการจัดส่งจาก “Lalamove” โดยเปิดตัวลูกค้ารายแรก “KRBB” ร้านจำหน่ายเนื้อวัวระดับพรีเมี่ยม หลังเตรียมระบบร่วมกันราวสองเดือนที่ผ่านมา</h2>
พฤติกรรมของผู้บริโภคและร้านค้าต่างๆ ที่เริ่มคุ้นชินและมีประสบการณ์ในการสั่งอาหารผ่านแอพพลิเคชั่น วัดได้จากจำนวนนักขับที่มีให้เห็นบนท้องถนน รวมถึงผู้เล่นยักษ์ใหญ่อย่าง Central ที่เข้ามาลงทุนใน Grab ประเทศไทย รวมไปถึงร้านอาหารจำนวนมากที่เบียดตัวอยู่ในแอพฯ แต่ทำให้ยากต่อการค้นหา ปัญหาเหล่านี้จึงเกิดเป็นแนวคิดสำหรับร้านค้าต่างๆ ที่ต้องการมีหน้าร้านออนไลน์เป็นของตนเอง ผ่านแพลตฟอร์มบริการ “DeliveryLab” ที่พัฒนาโดย Heartworks เอเจนซี่ที่ให้บริการงานด้านดิจิทัลและโซลูชั่น

พลพงศ์ จิระพันธุ์ ซีอีโอ Heartworks กล่าวว่าเทคโนโลยีของเราเข้ามาแก้ปัญหาของร้านค้าต่างๆ ที่ต้องการมีหน้าร้านออนไลน์และสามารถบริหารรายการ เมนู ต่างๆ ได้ด้วยตนเองจากหลังบ้าน

“Heartworks นอกจากให้บริการด้านแพลตฟอร์มแล้ว เรายังเชี่ยวชาญในการนำโซลูชั่นต่างๆ มาเชื่อมต่อ อาทิ ระบบจัดส่งสินค้าจาก Lalamove และเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อระหว่างร้านอย่าง KRBB และระบบจัดส่งสินค้าเข้าไว้ด้วยกัน” พลพงศ์ จิระพันธุ์ ซีอีโอหนุ่มกล่าวและเสริมว่า

“สิ่งที่ลูกค้าได้รับนอกจากบริการหน้าร้านออนไลน์และบริการจัดส่งแล้ว ลูกค้ายังได้รับข้อมูลสรุปและสถิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเมนูอาหารยอดนิยม ตำแหน่งของผู้ใช้บริการ เราถึงข้อมูลของลูกค้า เพื่อนำมาพัฒนาบริการต่อไป”

<figure><img class="wp-image-13462 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/08/deliverlyLab-04.jpg" alt="" width="638" height="425" /><figcaption> ส่วนหนึ่งของเมนูจาก alakrbb.com ที่นำวัตถุดิบจากทางร้านมาเป็นอาหารจานเดียว</figcaption></figure>

ด้าน อิทธิชัย เบญจธนสมบัติ กรรมการผู้จัดการของร้าน KRBB, The Boutique Buther กล่าวเสริมว่าหลังจากที่ KRBB เปิดให้บริการมา 2 ปีกว่า เราเห็นธุรกิจการให้บริการ Delivery เติบโตอย่างต่อเนื่องและขณะที่กลุ่มลูกค้าของเราเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน จึงเป็นที่มาในการเปิดตัวเมนูอาหารจานเดียวจากการใช้เนื้อของ KRBB เองไม่ว่าจะเป็น Himawari Gyu หรือ Hokkaido F1 โดยร่วมกับ DeliveryLab และ Lalamove ทำ website สั่งอาหารเป็นของตัวเองในชื่อ www.alakrbb.com

“การใช้ระบบเดลิเวอรี่แลปและการจัดส่งของลาล่ามูฟนั้น ข้อดีคือเราได้สร้างตลาดใหม่ๆ จากการพัฒนาวัตถุดิบที่เรามีและยังรู้จักลูกค้าของเราจากข้อมูลสรุปที่ระบบส่งตรงถึงเรา แต่มีคำถามว่าแล้วลูกค้าพร้อมที่จะจ่ายค่าส่งที่คิดตามระยะทางตามจริงแล้วหรือยังซึ่งในส่วนนี้ผมเองเชื่อว่าลูกค้าพร้อมหากเทียบกับการเดินทางเพื่อมาซื้อของที่ร้านค้าด้วยตัวเองกับจราจรในกรุงเทพฯ ในขณะที่ประสบการณ์ในการสั่งของออนไลน์ของลูกค้าก็มีมากขึ้นเช่นกัน” อิทธิชัย เบญจธนสมบัติ กล่าว

<figure><img class="wp-image-13459 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/08/deliverlyLab-02.jpg" alt="" width="638" height="404" /><figcaption> จากซ้าย อิทธิชัย เบญจธนสมบัติ แห่งร้าน KRBB, พลพงศ์ จิระพันธุ์ ซีอีโอ Heartworks และ ปาณิศา สุขศิริ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจภูมิภาค Lalamove</figcaption></figure>

ทั้งนี้ พลพงศ์ จิระพันธุ์ ซีอีโอ Heartworks กล่าวเพิ่มเสริมอีกว่า “บริการของเราเริ่มที่ 5 หมื่นบาทต่อร้านค้าหนึ่งร้าน และจ่ายเพิ่มเติมและลักษณะท๊อปอัพต่อจำนวนสาขา ซึ่งระบบของลาลามูฟสามารถช่วยบริหารจัดการระบบการขนส่งสินค้าทำให้กลุ่มธุรกิจ สามารถเลือกส่งจากสาขาที่ใกล้กับลูกค้าได้ และหากร้านค้าต้องการเชื่อมต่อกับธุรกรรมออนไลน์อย่างอื่นๆ การตัดบัตรเครดิต หรือจ่ายโอนเงินผ่านออนไลน์ต่างๆ  ระบบสามารถรับรองได้ ภายในสิ้นปีนี้เราตั้งเป้าที่ 100 ร้านค้า ราว 60 % เป็นร้านค้าในประเทศและสัดส่วนที่เหลือเป็นร้านค้าในประเทศเพื่อนบ้าน จากการเดินทางโรดโชว์ร่วมกับ Lalamove ที่จะมาถึง”

Heartworks จับมือ Lalamove และ KRBB เปิดตัว DeliveryLab

<h2 class="p1">แกร็บ ประเทศไทย ครบ 6 ปี เผยบริการส่งอาหารโตพรวดครึ่งปี'62 ยอดสั่ง 4 ล้านออร์เดอร์ เตรียมรุกตลาดต่างจังหวัดเต็มสูบ พร้อมเปิดตัวระบบเพย์เมนต์ไตรมาสนี้</h2>
ธรินท์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า แกร็บให้บริการในประเทศไทยมา 6 ปีแล้ว และได้รับการตอบรับจากชาวไทยเป็นอย่างดี โดยมีการเรียกใช้บริการการเดินทาง การส่งอาหาร และการส่งของรวมกว่า 320 ล้านครั้ง เชื่อมต่อกับผู้คนใน 16 จังหวัด 18 เมืองของไทย นอกจากนี้ยังให้บริการครอบคลุมไปถึงระบบการจองโรงแรมและระบบรีวอร์ด 
“12 เดือนที่ผ่านมาเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่มีหลายๆ อย่างเข้ามาในแกร็บ ทั้งการเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คือ BNK48 มีการให้บริการแกร็บฟู้ดซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก ทำให้ 6 เดือนหลังจากนี้มองว่าแกร็บฟู้ดจะเป็นตัวหลักในธุรกิจของเรา จากตัวเลขแนวโน้มการเติบโตปีก่อนที่มียอดใช้บริการ 3 ล้านออร์เดอร์ ปีนี้เพียงครึ่งปีมียอดใช้บริการ 4 ล้านออร์เดอร์ซึ่งเร็วกว่าเดิมค่อนข้างมาก เนื่องจากการปรับตัวของผู้บริโภค โดยคาดว่าอาจถึง 20 ล้านออเดอร์ในปีนี้ ซึ่งมั่นใจว่ามาร์เก็ตแชร์ของแกร็บฟู้ดในขณะนี้เป็นเบอร์ 1 และมีสัดส่วนเกินครึ่งของตลาด”


<figure><img class="size-full wp-image-10331" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/grab01.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> ยอดการใช้บริการแกร็บในประเทศไทย</figcaption></figure>
ธรินทร์ กล่าวอีกว่า การแข่งขันในตลาดรับส่งอาหารยังคงรุนแรง และการทำสงครามราคาจะยาวนานไปอีก 1 ปี ส่วนทิศทางของเราในปีนี้นอกจากกรุงเทพฯ แล้ว ก็จะทำการตลาดเชิงรุกในต่างจังหวัดมากขึ้น และจะขยายบริการแกร็บฟู้ดไปในจังหวัดอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการให้บริการส่งอาหารในเชียงใหม่หรือพัทยาก็ได้รับการตอบรับดี และยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก แต่ต้องอาศัยการพูดคุยทำความเข้าใจกับร้านค้าท้องถิ่นมากขึ้น

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b9%87%e0%b8%9a-%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7-bnk48-%e0%b9%81%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b9%8c%e0%b9%81%e0%b8%ad%e0%b8%a1.html">แกร็บ เปิดตัว BNK48 แบรนด์แอมบาสเดอร์ครั้งแรกในไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้</a></li>
</ul>
&nbsp;
<h2 class="p1">เตรียมให้บริการระบบเพย์เมนต์</h2>
ธรินทร์ ระบุว่า ในครึ่งปีหลังนี้เราจะยังเปิดตัวบริการแกร็บเพย์ วอลเล็ต ซึ่งเป็นการร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทย โดยพร้อมให้บริการในระบบนิเวศของแกร็บในไตรมาสนี้ และภายในต้นไตรมาส 4 จะสามารถให้บริการแบบโอเพ่น คือใช้แกร็บเพย์จ่ายเงินกับระบบข้างนอกได้
“เรามองว่าแกร็บเพย์ยังไม่ใช่ธุรกิจที่เจอการแข่งขันหนัก เราไม่ได้แข่งกับใคร แต่ความท้าทายคือทำอย่างไรให้ประชาชนคิดว่าใช้อันนี้แล้วดี อย่างไรก็ตาม ไทยเป็นประเทศที่คนยังไม่มีบัตรเครดิตเยอะมาก เป็นกลุ่มขนาดใหญ่ในสังคม และเรายังมีโอกาสอีกมากในการเข้าถึงตลาดตรงนี้”
&nbsp;
<h2 class="p1">แกร็บคาร์-แกร็บไบค์ รอความชัดเจนรัฐบาล</h2>
ธรินทร์ กล่าวว่า สำหรับบริการเรียกรถอย่างแกร็บไบค์กับแกร็บคาร์ ตอนนี้ถือว่าอิ่มตัวระดับหนึ่งแล้ว ส่วนเรื่องกฎหมายที่ตอนนี้ประเทศไทยเป็นเพียงประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่แกร็บยังไม่ถูกกฎหมายนั้น ต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาลซึ่งต้องรอให้การจัดตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้นก่อน จากนั้นเราก็พร้อมให้ความร่วมมือในการหาทางออกเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย


<figure><img class="size-full wp-image-10333" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/grab04.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> ธรินท์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย</figcaption></figure>
“บริการของแกร็บวันนี้นอกจากตอบโจทย์ผู้โดยสารทั้งเรื่องความปลอดภัย ราคา การสะสมแต้ม ยังส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวของไทยด้วย โดยที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวกว่า 5 ล้านคนที่ใช้บริการในไทย นอกจากนี้เรายังช่วยเหลือผู้ขับขี่ให้มีรายได้อีกด้วย”
“การอยู่ในสถานการณ์ที่ก้ำกึ่งในเรื่องกฎหมายไม่เชิงกระทบกับแกร็บ แต่มองว่าเป็นโอกาสที่เสียไปสำหรับคนไทยมากกว่า บางคนอาจยังไม่กล้ามาขับเพราะกลัวผิดกฎหมาย ทำให้เขาขาดโอกาสในการหารายได้ในส่วนนี้  เรามองว่าการขับแกร็บทำให้ชีวิตของหลายคนดีขึ้นได้ ถ้ากฎหมายยังล่าช้า กลุ่มคนตรงนี้อาจขาดโอกาสในการหารายได้เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ตัวเองให้ดีขึ้น”
ธรินทร์ กล่าวอีกว่า ตัวอย่างที่ จ.บุรีรัมย์ ที่ทั้งจังหวัดมีแท็กซี่อยู่เพียง 15 คัน แต่ในช่วงที่มีการแข่งขันกีฬาต่างๆ มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยอะ ถ้าแกร็บไม่นำระบบตรงนี้ลงไป นักท่องเที่ยวก็ไปไหนไม่ได้ ไม่มีเม็ดเงินกระจายลงไปในพื้นที่ ดังนั้น ถ้าเราปลดล็อกไปเรื่อยๆ ประกอบกับในอนาคตประเทศไทยส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองมากขึ้น ถ้ามีระบบแกร็บก็จะทำให้คนในเมืองรองมีโอกาสหารายได้มากขึ้น
ทั้งนี้ หากเรื่องกฎหมายเรียบร้อย คาดว่าปีหน้าอาจให้บริการเรียกรถและส่งอาหารครบทั่วประเทศไทยได้
&nbsp;
<h2 class="p1">จัดเต็มกิจกรรมและโปรโมชั่นฉลอง 6 ปี</h2>
สำหรับโอกาสครบรอบ 6 ปี แกร็บจัดเต็มส่วนลดสำหรับบริการของแกร็บทั้งการเดินทาง สั่งอาหาร และส่งของ สูงสุด 60% นอกจากนี้ยังมีดีลพิเศษจากแกร็บฟู้ดถึง 666 ดีล และของรางวัลอีกหลายรายการ อาทิ ทริปไป-กลับฮ่องกง สมาร์ทโฟน Huawei เป็นต้น รวมมูลค่าของรางวัลกว่า 17 ล้านบาท
&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

รายงานโดย กนกวรรณ มากเมฆ / Online Content Creator

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

"แกร็บ" เตรียมให้บริการเพย์เมนต์ พร้อมรุกส่งอาหารต่างจังหวัดรับยอดออร์เดอร์พรวด

UberEats เหมืองทองลับของบริษัทรถรับส่ง

<h2 class="p1">Amazon ยักษ์ใหญ่แห่งวงการค้าปลีกออนไลน์ ได้ลงทุนใน Deliveroo สตาร์ทอัพส่งอาหารจากร้านหรู หลัง Deliveroo เปิดระดมทุนรอบ Series G ซึ่งได้เงินระดมทุนไป 575 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมี Amazon เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุด ขณะที่นักลงทุนรายอื่นๆ ได้แก่ T Rowe Price, Fidelity Management และ Greenoaks</h2>
ยูนิคอร์นแห่งวงการสตาร์ทอัพอังกฤษอย่าง Deliveroo นั้นได้รับการระดมทุนจากนักลงทุนไปแล้วกว่า 1.53 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2013 โดยพวกเขาระบุว่าจะนำเงินที่ระดมทุนได้ไปใช้ในการขยายทีมเทคโนโลยีของบริษัทใน London และสร้างบริการ Editions หรือครัวกลางของ Deliveroo ให้มากขึ้น
Will Shu ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของบริษัท กล่าวว่า การลงทุนครั้งใหม่นี้นอกจากช่วยให้ Deliveroo เติบโต และเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าได้มากขึ้น ยังช่วยปรับปรุงการให้บริการ และการปรุงรสชาติเฉพาะตามความต้องการของลูกค้า, เพิ่มโอกาสการเติบโตและขยายธุรกิจของภัตตาคารต่างๆ และสร้างความยืดหยุ่นและรายได้ที่ดีขึ้นแก่คนขับ


<figure><img class=" wp-image-7754" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/deliveroo02.jpg" alt="" width="698" height="466" /><figcaption> Credit Photo : Deliveroo</figcaption></figure>
ขณะที่ Doug Gurr ผู้จัดการ Amazon ดูแลประเทศในสหราชอาณาจักร กล่าวว่า “เรารู้สึกประทับใจในนวัตกรรมและเทคโนโลยีของ Deliveroo และความตั้งใจในการเพิ่มทางเลือกภัตตาคารชั้นเยี่ยมแก่ลูกค้า ด้วยการจัดส่งที่สะดวกสบาย"
จุดเริ่มต้นของ Deliveroo มาจากไอเดียของ Shu หลังเขาย้ายจาก New York มาทำงานที่ London ในตำแหน่งนักวิเคราะห์การธนาคาร และจากการทำงานหลายชั่วโมงต่อวัน เขาต้องผิดหวังจากความจริงที่ว่ามีภัตตาคารเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่มีบริการเดลิเวอรี่ ซึ่งเขาเคยใช้เป็นประจำทุกวันตอนอยู่สหรัฐฯ

<figure><img class=" wp-image-7757" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/shu.jpg" alt="" width="696" height="464" /><figcaption> Will Shu (Credit Photo : Forbes.com)</figcaption></figure>
ทั้งนี้ Deliveroo เป็นผู้ให้บริการรับส่งอาหารรายแรกที่คนขับใช้จักรยานได้ โดยในช่วงเริ่มก่อตั้งนั้นมี Shu เป็นนักขับคนแรก และยังส่วนปัจจุบันมีคนขับมากกว่า 60,000 คน โดยส่วนใหญ่ใช้จักรยานหรือจักรยานยนต์ ส่วน Shu ยังขับอยู่สัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยให้บริการแก่ลูกค้าใน London ซึ่งเขาระบุว่าวิธีนี้ช่วยให้เขาได้ใกล้ชิดกับคนขับคนอื่นๆ ด้วย
ข้อมูลจาก BBC ระบุว่า นอกจาก Deliveroo จะให้บริการในหลายเมืองทั่วสหราชอาณาจักรแล้ว ยังให้บริการในหลายประเทศ คือ ออสเตรเลีย, เบลเยียม, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ฮ่องกง, อิตาลี, ไอร์แลนด์, เนเธอร์แลนด์, สิงคโปร์, สเปน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และไต้หวัน
&nbsp;

แปลและเรียบเรียงโดย กนกวรรณ มากเมฆ / Content Creator

&nbsp;

ที่มา
<ul>
 	<li class="fs-headline speakable-headline font-base"><a href="https://www.forbes.com/sites/carltonreid/2019/05/17/bicycle-based-food-courier-firm-deliveroo-boosted-by-backing-from-amazon/#9bbbea4143bc">Bicycle-Based Food Courier Firm Deliveroo Boosted By Backing From Amazon</a></li>
 	<li class="story-body__h1"><a href="https://www.bbc.com/news/business-48306172">Amazon invests in Deliveroo food courier</a></li>
</ul>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events