<h2>Elon Musk เอาชนะคู่แข่งมหาเศรษฐีทั่วโลก และในปีเดียวกันนั้นเรายังเห็นเขาปูทางสู่การสร้างอิทธิพลทางการเมืองอย่างแข็งแกร่ง </h2> &nbsp; &nbsp; ช่วงที่ผ่านมาแม้จะอยู่ตำแหน่งอันดับ 2 มาตลอด แต่ล่าสุด Elon Musk ขึ้นครองแชมป์มหาเศรษฐีอันดับ 1 และกลายเป็นบุคคลผู้มั่งคั่งที่สุดในโลกของปี 2025 ภายใต้การจัดอันดับของ Forbes&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นักธุรกิจวัย 53 ปี ผู้มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างโดดเด่นจนทั่วโลกต้องจับตามอง และเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาคนสนิทของประธานาธิบดี Donald Trump โดย Elon Musk มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 342,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ณ 7 มี.ค. 2025) ไม่เพียงแต่เป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่ยังเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดเท่าที่ Forbes มีการจัดอันดับมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของ Elon Musk ยังสูงมหาเศรษฐีอันดับ 2 อย่าง Mark Zuckerberg ถึง 118,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมูลค่าส่วนต่างทรัพย์สินที่เราเห็นกันนี้ยังมากกว่ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิของ Bill Gates และใกล้เคียงกับมูลค่าทางการตลาดของบริษัท Spotify&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วน Bernard Arnault แห่ง LVMH ผู้เคยครองตำแหน่งมหาเศรษฐีโลกอันดับ 1 ของโลกในปี 2023-2024 ปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิราวครึ่งหนึ่งของ Elon Musk อยู่ที่ 178,000 ล้านเหรียญสหรัฐ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นับตั้งแต่การจัดอันดับมหาเศรษฐีโลกในปีที่ผ่านมา มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของ Elon Musk เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 75% หรือกว่า 147,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่ของเขามูลค่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้แต่ Tesla ที่มูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 90% ภายในคืนก่อนการเลือกตั้ง ถึงแม้จะปรับตัวลงในช่วงสิ้นเดือน ธ.ค. แต่ในเชิงมูลค่ายังเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับการจัดอันดับครั้งก่อนหน้า ทว่าล่าสุด SpaceX ถือเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงสุดโดยตัวบริษัทมูลค่าสูงถึง 350,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจากปีที่ผ่านมา (Elon Musk ถือหุ้นใน SpaceX ราว 42% และ Tesla ราว 13% ยกเว้นสัญญา options)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนของธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของ Elon Musk บริษัท xAI ได้ระดมทุนจากนักลงทุนกว่า 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และในเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา บริษัทนี้ยังมีมูลค่าสูงถึง 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนก่อนหน้า แม้แต่บริษัทด้านโซเชียลมีเดียอย่าง X เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว ผ่านการปรับโครงสร้างด้านการเงิน และวันศุกร์ที่ผ่านมา Musk ยังประกาศว่า xAI กำลังเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ X ซึ่งมูลค่าสุทธิของกิจการอยู่ที่ 45,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นส่วนหุ้น 33,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หนี้สิน 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยตัวเลข 45,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือว่ามูลค่าสูงกว่าตอนที่ Musk เข้าซื้อ Twitter ในปี 2022 ที่มูลค่าราว 44,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อคำนวณจากมูลค่าของดีลนี้คาดว่า xAI เมื่อรวมบริษัทใหม่อาจมีมูลค่าสุทธิของกิจการกว่า 113,000 ล้านเหรียญสหรัฐ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อย้อนกับไปดูจุดเริ่มต้นที่ Elon&nbsp;Musk เข้าสู่ทำเนียบมหาเศรษฐีโลกของ Forbes ติดต่อกันในช่วง 14 ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มจากปี 2012 ที่เขามีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงนั้น SpaceX มีมูลค่าเพียง 1,800 ล้านเหรียญสหรัฐ และ Tesla มีมูลค่าตลาดน้อยกว่า 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นับตั้งแต่ปี 2015 ถึงช่วงต้นปี 2020 ความมั่งคั่งของ Musk เติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปแต่สม่ำเสมอ จากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตสู่ 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กระทั่งเข้าสู่ช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 มูลค่าหุ้นที่เขาถืออยู่กลับพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว จากการที่นักลงทุนกระหน่ำเข้าซื้อหุ้น Tesla จนราคาเรียกว่าพุ่งทะยานไปถึงดวงจันทร์ และทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของ Musk แตะ 151,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2021 และเพิ่มขึ้นสู่ 219,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปีถัดมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความร่ำรวยย่อมมาพร้อมกับอำนาจ ระหว่างที่ความมั่งคั่งของ Musk เพิ่มพูนขึ้น เขาเริ่มใช้สิ่งที่มีอยู่มาสร้างอิทธิพลทางการเมืองและกลายเป็นผู้เล่นในสนามการเมืองสหรัฐฯ ที่หลายคนจับตามอง โดย Musk เป็นผู้บริจาครายใหญ่ให้กับแคมเปญหาเสียงของ Donald Trump ซึ่งใช้เม็ดเงินเกือบ 300 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงการเลือกตั้งปี 2024 ขณะเดียวกันยังใช้ X ให้กลายเป็นกระบอกเสียงที่สนับสนุนของ MAGA (Make America Great Again) และนี่ได้สร้างผลตอบแทนให้เขาอย่างมากเมื่อ Musk กลายเป็นบุคคลที่ความมั่งคั่งสูงถึง 400,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในเดือน ธ.ค. 2024 เมื่อมูลค่าตลาดของ Tesla สร้างสถิติ All-Time High กว่า 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แน่นอนว่าในฐานะที่ปรึกษาอันดับต้นๆ ของ Trump และตำแหน่งผู้บริหารของหน่วยานที่ตั้งขึ้นใหม่อย่าง Department of Government Efficiency (DOGE) ทำให้ Elon Musk ได้สร้างอิทธิพลทางการเมืองในวงกว้าง ครอบคลุมรัฐบาลกลาง รวมถึงเส้นทางที่อาจจะสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจที่เขามีอยู่ในมือ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Starlink บริษัทที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของ SpaceX มีการรายงานว่า จะเซ็นสัญญากับสำนักงานการบินแห่งสหพันธรัฐ (FAA) ในมูลค่าดีลกว่า 2,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐมีแผนที่จะซื้อรถหุ้นเกราะจาก Tesla ในเดือนก.ย. แต่หลังจากนั้นก็ถูกพับแผนไปเมื่อเจอเสียงคัดค้านจากประชาชน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Elon Musk ยังไม่มีท่าทีจะลดบทบาททางการเมืองลง เห็นได้จากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาเดินทางไปที่รัฐ Wisconsin พยายามทุ่มเม็ดเงินเพื่อใช้อิทธิพลของเขาในการเลือกตั้งศาลสูงสุดรัฐวิสคอนซิน โดยในวันอาทิตย์ Musk ประกาศให้เช็ค 1 ล้านเหรียญสหรัฐแก่ 2 บุคคลที่หนุนการเคลื่อนไหวทางการเมืองของเขา (ลงชื่อสนับสนุนในคำร้องที่ Elon Musk ต้องการ) ซึ่งโดยรวมแล้ว Musk และกลุ่มผู้สนับสนุนของเขาได้ทุ่มเม็ดเงินกว่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อมีอำนาจเหนือการเลือกตั้งครั้งนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Elon Musk อาจเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก และหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลของโลก แต่สายตาของยังคงจับจ้องไปยังอวกาศที่กว้างใหญ่สู่เป้าหมายที่วางไว้อย่าง ดาวอังคาร จากสุนทรพจน์ในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งที่ Trump ให้คำมั่นว่าจะนำนักบินอวกาศสหรัฐไปสู่ดาวอังคาร ซึ่ง Elon Musk ได้เพิ่มเติมว่า ‘เราจะพา DOGE ไปให้ถึงดาวอังคาร’ เรื่อง: John Hyatt ภาพ:&nbsp;Forbes​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/kresearch-earthquake-mar-2025" alt="วิจัยกสิกรฯ คาดแผ่นดินไหวปี 68 กระทบเศรษฐกิจไทยลบ 0.06% เสี่ยงโตต่ำ 2.4% จากความเสียหายเกิน 20,000 ล้าน"></a><a href="https://forbesthailand.com/forbes-lists/world-billionaire/world-billionaires-list-2025" alt="10 อันดับมหาเศรษฐีโลก ประจำปี 2025">10 อันดับมหาเศรษฐีโลก ประจำปี 2025</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘Elon Musk’ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกประจำปี 2025

<h2>ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวางตลอดปี 2024 และบรรดาผู้นำในแวดวงเทคต่างก็มองว่าเทคโนโลยีนี้จะพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นในปี 2025 นี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อวิถีชีวิตและการทำงานของผู้คน ไม่ว่าจะในเชิงบวกหรือเชิงลบก็ตาม</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มุมมองการคาดคะเนของเหล่าผู้นำแวดวงเทคชี้ว่า ภาพรวมของ AI ในปี 2025 ยังคงไม่แน่นอน อย่างไรก็ตาม หลายคนยืนยันตรงกันว่า การปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ซึ่งมีแนวโน้มจะกระทบกับงานต่างๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Sam Altman ซีอีโอ OpenAI บริษัทผู้พัฒนา ChatGPT เผยทางบล็อกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า ผู้ช่วย AI จะรุกเข้าสู่ตลาดแรงงานในปีนี้ และจะ “เปลี่ยนแปลงการทำงานของบริษัทต่างๆ อย่างมาก” โดยนับตั้งแต่ Generative AI เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้น ทำให้ความวิตกกังวลด้านความมั่นคงทางอาชีพของคนทำงานก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/sgVbB4hi3o9XrVsp33fV.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="sgVbB4hi3o9XrVsp33fV.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" data-rotatex="" data-rotatey="" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Agentic AI คือเทคโนโลยีที่บริษัทพัฒนา AI ทั้งหลายมองว่าสามารถเข้ามาทำงานเคียงข้างพนักงานในฐานะเพื่อนร่วมงานดิจิทัล โดย Agentic AI เป็นโมเดลปัญญาประดิษฐ์อัจฉริยะที่ทำงานซับซ้อนได้อัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องป้อน prompt หลายๆ ครั้งแบบ Generative AI&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เรายังคงเชื่อว่าการส่งมอบเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมแก่ผู้คนอย่างต่อเนื่องจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่และทั่วถึง” Altman กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปีนี้ยังเป็นปีที่เราจะได้รู้กันว่า หนึ่งในการคาดคะเนของ Bill Gates จะเป็นจริงได้หรือไม่ เขาเคยพูดเอาไว้ในหลายๆ โอกาสที่ผ่านมา ว่า 2 ใน 3 ของงานต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาต้องการบุคลากรที่มีความรู้สูงกว่าระดับมัธยมปลายในปี 2025​แรงงานกำลังวิวัฒน์สู่ยุคใหม่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ADP บริษัทให้บริการเครื่องมือด้านทรัพยากรบุคคลมีการใช้ AI มาสนับสนุนงานตัวแทนขาย ใช้ Generative AI ช่วยเหลือในการเตรียมข้อมูลสำหรับนักลงทุน และอื่นๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Don McGuire ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ ADP เผยกับสำนักข่าว The Wall Street Journal ว่าบริษัทจะยังคงลงทุนใน AI และจะนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ต่อไปในปี 2025&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน Werner Vogels ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Amazon เผยแพร่บล็อกเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งกล่าวถึงการใช้เทคโนโลยีอย่างมีเป้าหมายมากขึ้นและกำลัง “พลิกโฉมความสัมพันธ์ที่มีต่อโลกดิจิทัล” ซึ่งผู้คนต่างก็หันมาให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีเหนือการเรียกร้องความสนใจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“แรงงานในวันพรุ่งนี้จะไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยความสำเร็จทางการเงินและความก้าวหน้าในอาชีพเท่านั้น แต่ยังมีความต้องการที่ลึกซึ้งกว่า ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกแก่โลกใบนี้” Vogels เผย <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/Z88V9sZdw3ztPgEbohb8.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="Z88V9sZdw3ztPgEbohb8.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยิ่งเทคโนโลยีอัจฉริยะต่างเข้ามามีส่วนร่วมกับแรงงาน Vogels กล่าวว่า “การปฏิวัติเงียบ” กำลังเกิดขึ้นในหมู่คนทำงานที่ให้คุณค่ากับการสร้างผลกระทบที่มีความหมายต่อสังคมเหนือความสำเร็จทางการเงิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การนำเทคโนโลยีมาใช้สำหรับสิ่งดีๆ กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญทั้งในแง่จริยธรรมและแง่ผลกำไร” Vogels กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ชาวมิลเลนเนียลและ Gen Z ต่างเป็นผู้นำในการมุ่งแสวงหาเป้าหมายในการทำงาน แต่ Vogels มองว่าเทรนด์นี้มีแรงขับเคลื่อนมาจากกลุ่มคนรุ่นอื่นๆ และตลาดงานด้วยเช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Clement Delangue ซีอีโอ Hugging Face บริษัทสตาร์ทอัพ AI คาดการณ์ในสิ่งที่ท้าทายยิ่งกว่า เขาเผยบนแพลตฟอร์ม LinkedIn ว่า “การต่อต้านใหญ่ของสาธารณชนในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ AI ครั้งแรก” จะมาถึงในปี 2025 นี้ ผู้บริโภคหลุดพ้นเทคโนโลยีดูดเวลา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากการคาดการณ์ของ Vogels พบว่า ผู้ใช้งานเทคโนโลยีจะมองหาวิธีการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ อย่างมีจุดประสงค์มากขึ้น ในปี 2015 เขากล่าวว่าความเชื่อมโยงระหว่างการใช้งานโซเชียลมีเดียและปัญหาด้านสุขภาพจิตในวัยรุ่น เป็นตัวชี้วัดที่สะท้อนว่าทุกคนต้องหันกลับมาคิดทบทวนเรื่องความสัมพันธ์ที่มีต่อกับเทคโนโลยี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ทุกๆ การเลื่อนดู พาดหัว และการแจ้งเตือนต่างก็ถูกออกแบบมาอย่างรอบคอบเพื่อเหนี่ยวรั้ง (เวลา) เราเอาไว้” Vogels ชี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยิ่งผู้คนมีความรอบคอบเรื่องเวลาการใช้งานหน้าจอ (Screen Time) มากขึ้น หลายคนก็หันมาตั้งกฎกติกาสำหรับตัวเองหรือลูกๆ ของพวกเขา โดยมีบางส่วนมองหาตัวเลือกอื่นๆ เช่น มือถือแบบเก่าที่ใช้งานได้แค่โทร.เข้า-ออก ไม่สามารถเล่นอินเทอร์เน็ตท่องเว็บไซต์ต่างๆ ได้​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/hUrJrXe4DfikwWaQcksM.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-file-name="hUrJrXe4DfikwWaQcksM.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px;" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วน Delangue คาดการณ์ว่า ผู้บริโภคบางกลุ่มจะซื้ออุปกรณ์ที่มีความล้ำสมัยมากขึ้น เช่น หุ่นยนต์ที่พัฒนาโดย Tesla และบริษัทนวัตกรรมหุ่นยนต์อื่นๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“จะมีการสั่งซื้อหุ่นยนต์ AI ส่วนตัวอย่างน้อย 100,000 ตัวล่วงหน้า” Delangue เผยผ่าน LinkedIn แผนภาษีอาจส่งผลกระทบเอกชนจนต้องพับโครงการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Donald Trump จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 มกราคมนี้ และเขาก็มีนโยบายปรับกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าต่างๆ ให้สูงขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Jacob Channel นักเศรษฐศาสตร์จาก LendingTree เคยให้สัมภาษณ์กับ Business Insider ว่า หาก Trump ดำเนินนโยบายด้านภาษีดังที่เคยลั่นวาจาไว้ ผู้บริโภคก็เตรียมตัวเผชิญกับราคาสินค้าต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นได้เลย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Michael Perica ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินบริษัทซอฟต์แวร์ Rimini Street เผยกับ The Journal ว่า บริษัทต่างๆ อาจมีตัดค่าใช้จ่ายบางส่วนออกเพื่อชดเชยผลกระทบจากภาษี และธุรกิจมากมายจะต้องปรับกลยุทธ์เตรียมพร้อมสำหรับปัญหาด้านซัพพลายเชน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“แน่นอนว่าเรากำลังร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เพื่อช่วยเหลือพวกเขา พิจารณา และประเมินว่าโครงการไหนที่ ‘อยากให้มี’ โครงไหนที่ ‘จำเป็นต้องมี’” Perica กล่าว แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.businessinsider.com/tech-leaders-bill-gates-amazon-cto-share-2025-predictions-2025-1" alt="Bill Gates, Sam Altman, and other tech leaders share their predictions for 2025">Bill Gates, Sam Altman, and other tech leaders share their predictions for 2025</a>​ภาพ: Solen Feyissa, Julian Christ &amp; Austin Distel on Unsplash เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/hr/time-management-of-successful-leaders" alt="‘เวลา’ คือทรัพย์ล้ำค่า เปิด 4 วิธีบริหารเวลา แบบฉบับนักธุรกิจระดับโลก">‘เวลา’ คือทรัพย์ล้ำค่า เปิด 4 วิธีบริหารเวลา แบบฉบับนักธุรกิจระดับโลก</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เปิดมุมมองอนาคตปี 2025 จากสายตาบรรดาผู้นำในวงการเทคระดับโลก

<h2>Sukhinder Singh Cassidy จาก Xero ผู้เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นวางเดิมพันครั้งใหญ่และเลือกทางเดินครั้งสำคัญที่นำเธอจากแคนาดาไปยัง Silicon Valley ซึ่งเธอช่วยพลิกฟื้นบริษัทซอฟต์แวร์บัญชียักษ์ใหญ่แห่งดินแดนกีวีที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลียให้กลับมามีกำไร</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่กระแสการเลิกจ้างงานครั้งใหญ่ในกลุ่มบริษัทสายเทคโนโลยีกำลังสร้างความกังวลไปทั่วโลก Sukhinder Singh Cassidy ต้องเผชิญหน้ากับการจัดประชุมใหญ่ขององค์กรครั้งแรกในฐานะซีอีโอของ Xero บริษัทซอฟต์แวร์บัญชียักษ์ใหญ่เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 ราคาหุ้นของบริษัทที่เคยเฟื่องฟูปรับตัวลดลงมากกว่าครึ่งในช่วง 12 เดือนก่อนหน้า และพนักงานต้องการคำตอบว่าพวกเขาจะยังมีงานทำอยู่หรือไม่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คงเป็นเรื่องง่ายถ้าวาระการประชุมคือการกล่าวชื่นชมพนักงานราว 4,000 คนของ Xero ว่าพวกเขาทำผลงานได้ยอดเยี่ยมและบริษัทที่พวกเขาร่วมแรงร่วมใจสร้างขึ้นตลอด 16 ปีที่ผ่านมาขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงที่สุดของตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย หรือกระทั่งโยนความรับผิดชอบให้กับซีอีโอ Steve Vamos ที่เพิ่งก้าวลงจากตำแหน่งหลังจากบริหารบริษัทมานานเกือบ 5 ปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“แต่ฉันคิดว่า ว้าว! ฉันจะดูเป็นคนตลบตะแลงแค่ไหนหากมารับตำแหน่งและบอกพนักงานกลางที่ประชุมว่า ทุกอย่างกำลังไปได้ดีแต่พอครึ่งปีผ่านไปกลับประกาศเลิกจ้างงานแบบฟ้าผ่า” Singh Cassidy กล่าวผ่านวีดีโอคอลจาก San Francisco ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานของบริษัท “บางคนอาจบอกว่า นั่นคือการพูดแบบรักษาน้ำใจ แต่ฉันมองว่าเป็นความไม่จริงใจ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่ในความเป็นจริงเธอยังตัดสินใจอะไรไม่ได้จนกว่าจะคิดคำนวณตัวเลขเสร็จสิ้น หลังจากนั้นเธอได้พูดคุยกับ Vamos และบอกว่า หากบริษัทต้องลดจำนวนพนักงานลงให้ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของเธอ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ถ้าฉันเป็นคนตัดสินใจในเรื่องนี้ฉันก็จะเป็นคนรับผิดชอบเอง” เธอกล่าวกับ Vamos และเขายืนยันในภายหลังว่า “เรื่องนี้ไม่ควรเป็นความรับผิดชอบของคุณ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไม่ถึงต้นปี 2023 เป็นที่ชัดเจนว่าแรงกดดันทางเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อบริษัทสัญชาตินิวซีแลนด์แห่งนี้เช่นกัน Singh Cassidy รู้ว่าการดำเนินการอย่างรวดเร็วและเด็ดขาดเป็นวิธีที่ดีที่สุด Xero ปลดพนักงานลง 16% โดยเลิกจ้างพนักงาน 800 คน โดยประกาศข่าวร้ายระหว่างการประชุมใหญ่ครั้งที่ 3 ของเธอ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในงบการเงินที่มีรอบบัญชีสิ้นสุดเดือนมีนาคม ปี 2023 รายได้จากการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้น แต่ Xero มีผลขาดทุนสุทธิมากกว่าเดิมเป็น 113.5 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ (69 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) จาก 9.1 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ในปีก่อนหน้า อันเป็นผลมาจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ในธุรกิจซอฟต์แวร์ 2 แห่งที่บริษัทเพิ่งเข้าซื้อกิจการและค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างบริษัท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ฉันเริ่มต้นด้วยการกล่าวขอโทษ” เธอเล่าถึงการประชุมเมื่อเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา “ฉันบอกว่าต่อไปนี้คือเรื่องที่ฉันลำบากใจที่สุด ฉันแน่ใจว่าตอนนั้นฉันร้องไห้ แต่ไม่ใช่โดยเจตนา” เธอกล่าวเสริม “แต่เพราะเป็นนิสัยของฉันเอง ฉันหยุดพูดไปครู่หนึ่งเพื่อตั้งสติ จากนั้นก็ได้กล่าวสาระสำคัญทั้งหมดที่เตรียมมา” นับเป็นการลดขนาดองค์กรครั้งแรกในประวัติศาสตร์ธุรกิจของ Xero&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือ เย็นวันนั้นมีคนส่งข้อความผ่านแอปพลิเคชัน Slack มาหาฉันมากมายเพื่อถามไถ่ว่าฉันสบายดีหรือไม่” ณ ตอนนั้น Singh Cassidy รู้ว่าได้เจอกับคนที่จะยืนอยู่ข้างเธอแล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2006 โดย Rod Drury ผู้ประกอบการที่ก่อตั้งธุรกิจเทคโนโลยีมาแล้วหลายแห่ง และ Hamish Edwards นักบัญชี หลายเดือนหลังจาก Drury ขาย AfterMail สตาร์ทอัพผู้ให้บริการจัดเก็บอีเมลให้กับ Quest Software ที่จดทะเบียนซื้อขายใน Nasdaq ด้วยมูลค่า 45 ล้านเหรียญ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทสัญชาตินิวซีแลนด์พร้อมด้วย Drury ที่นั่งตำแหน่งซีอีโอมีแนวคิดที่จะตอบโจทย์ธุรกิจขนาดเล็กในการแก้ปัญหาความยุ่งยากด้านการทำบัญชีด้วยแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ช่วยให้ลูกค้าและผู้ทำบัญชีสามารถจัดการงานประจำวัน เช่น การจ่ายเงินเดือนและการชำระเงินต่างๆ รวมถึงการจัดการกระบวนการทำงานและการปฏิบัติตามข้อกำหนด ผู้ก่อตั้งทั้งสองนำ Xero เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวซีแลนด์ในปี 2007 หลังจากนั้นเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลียปี 2012 และถอนบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์ NZX เมื่อปี 2018 (Drury ซึ่งส่งไม้ต่อภารกิจซีอีโอให้กับ Vamos ในปีดังกล่าวได้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัทเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา) เรื่อง: Mark Whittakerเรียบเรียง: นวตา สันติวัฒนา ​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/america/sin-of-ruth-madoff" alt="บาปของ Ruth Madoff ภรรยาอาชญากรแชร์ลูกโซ่สะเทือนโลก">บาปของ Ruth Madoff ภรรยาอาชญากรแชร์ลูกโซ่สะเทือนโลก</a>​ <a href="https://www.mebmarket.com/ebook-324639-Forbes-Thailand-October-2024" alt="คลิกอ่านเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนตุลาคม 2567 ในรูปแบบ e-magazine"></a><a href="https://www.mebmarket.com/ebook-331408-Forbes-Thailand-November-2024" alt="อ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2567 ในรูปแบบ e-magazine">อ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2567 ในรูปแบบ e-magazine</a><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure><a href="https://www.mebmarket.com/ebook-331408-Forbes-Thailand-November-2024" alt="https://www.mebmarket.com/ebook-331408-Forbes-Thailand-November-2024" data-image-link="image"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/UfcR6Cm7DPdgZu71UnuB.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="UfcR6Cm7DPdgZu71UnuB.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="300px,auto" data-rotate="" origin-size="656,865" data-image-link="https://www.mebmarket.com/ebook-331408-Forbes-Thailand-November-2024" style="width: 300px; height: auto;" data-index="0"></a></figure></div>

Sukhinder Singh Cassidy ซีอีโอผู้ฟื้นยักษ์ซอฟต์แวร์แดนกีวี

<h2>มูลค่าของสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เพิ่มขึ้นมหาศาลเรียกความสนใจจากทั่วทุกวงการ ตลอดจนการ IPO ครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดปีที่ผ่านมาคล้ายเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความเปลี่ยนแปลงบนทำเนียบที่รวบรวมเหล่านักลงทุนแนวหน้าแห่งธุรกิจเทคโนโลยีของ Forbes</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Midas List ทำเนียบที่ให้แสงแก่นักลงทุนในธุรกิจเทคน่าจับตามอง 100 คนประจำทุกปี โดย Forbes และพันธมิตร TrueBridge Capital Partners ได้ทำการรวบรวมข้อมูลทั้งจากที่เผยแพร่สาธารณะและที่บรรดาพาร์ทเนอร์บริษัทต่างๆ จากทั่วโลกส่งเข้ามา ทำการจัดอันดับโดยมีเกณฑ์สำคัญคือบริษัทในพอร์ตของนักลงทุนแต่ละคนต้องถูกซื้อด้วยมูลค่าอย่างน้อย 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือไม่ก็ยกระดับเป็นบริษัทเอกชนในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับปี 2024 นี้ Alfred Lin ก็ได้หวนคืนสู่อันดับ 1 อีกครั้งพร้อมบริษัท Sequoia ที่หลุดจากตำแหน่งสูงสุดไป 2 ปี ต้องขอบคุณ OpenAI ที่เติบโตอย่างรวดเร็วตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้อมูล ณ ขณะที่เผยแพร่ Midas List 2024 สตาร์ทอัพผู้สร้าง ChatGPT มีมูลค่าราว 8.6 หมื่นล้านเหรียญ นักลงทุนบนทำเนียบอีกคนที่ได้รับอานิสงส์นี้ด้วยคือ Vinod Khosla เจ้าของ Khosla Ventures&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พบกับ 10 อันดับแรกของนักลงทุนแนวหน้าแห่งธุรกิจเทคบนทำเนียบ Midas List 2024 ดังนี้​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/qUXq5oR5d3Yr8Bd47eo1.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="qUXq5oR5d3Yr8Bd47eo1.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="300,300" style="" data-index="0"></figure></div>อันดับ 1Alfred Linบริษัท: SEQUOIAข้อตกลงธุรกิจที่สำคัญ: OPENAI​ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/mUoJB3LYysQWHDADB7ow.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="mUoJB3LYysQWHDADB7ow.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="300,300" style="" data-index="1"></figure></div>อันดับ 2 Micky Malkaบริษัท: RIBBIT CAPITALข้อตกลงธุรกิจที่สำคัญ: COINBASE​ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/fEs4myjGUmdcM8kyFk7x.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="fEs4myjGUmdcM8kyFk7x.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="300,300" style="" data-index="2"></figure></div>อันดับ 3 Neil Shenบริษัท: HONGSHANข้อตกลงธุรกิจที่สำคัญ: BYTEDANCE​ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/svhZT4EyNLqJbRZkh9Ze.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="svhZT4EyNLqJbRZkh9Ze.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="300,300" style="" data-index="3"></figure></div>อันดับ 4 Navin Chaddhaบริษัท: MAYFIELD FUNDข้อตกลงธุรกิจที่สำคัญ: POSHMARK​ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/bAJYXeNYv2kJwKo8C1m8.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="bAJYXeNYv2kJwKo8C1m8.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="300,300" style="" data-index="4"></figure></div>อันดับ 5 Satish Dharmarajบริษัท: REDPOINT VENTURESข้อตกลงธุรกิจที่สำคัญ: SNOWFLAKE​ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/hcYCh3qsTykeU19mDFVs.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="hcYCh3qsTykeU19mDFVs.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="300,300" style="" data-index="5"></figure></div>อันดับ 6 Chris Dixonบริษัท: ANDREESSEN HOROWITZข้อตกลงธุรกิจที่สำคัญ: COINBASE​ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/AUbGL5VUunRDxX5Xj62D.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="AUbGL5VUunRDxX5Xj62D.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="300,300" style="" data-index="6"></figure></div>อันดับ 7 Fred Wilsonบริษัท: UNION SQUARE VENTURESข้อตกลงธุรกิจที่สำคัญ: COINBASE​ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/meftYe3Tkv988JpnmFgZ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="meftYe3Tkv988JpnmFgZ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="300,300" style="" data-index="7"></figure></div>อันดับ 8 Reid Hoffmanบริษัท: GREYLOCKข้อตกลงธุรกิจที่สำคัญ: AIRBNB​ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/rKPbi4GkdfgGG9kVcsdq.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="rKPbi4GkdfgGG9kVcsdq.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="300,300" style="" data-index="8"></figure></div>อันดับ 9 Vinod Khoslaบริษัท: KHOSLA VENTURESข้อตกลงธุรกิจที่สำคัญ: OPENAI​ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/11KZnVb35eFdm1NoRaY3.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="11KZnVb35eFdm1NoRaY3.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="300,300" style="" data-index="9"></figure></div>อันดับ 10 Hemant Tanejaบริษัท: GENERAL CATALYSTข้อตกลงธุรกิจที่สำคัญ: APPLIED INTUITION เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/america/american-billionaires-forbes-400-2024" alt="10 อันดับมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งที่สุดในอเมริกาแห่งทำเนียบ Forbes 400 ประจำปี 2024">10 อันดับมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งที่สุดในอเมริกาแห่งทำเนียบ Forbes 400 ประจำปี 2024</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

10 นักลงทุนแนวหน้าแห่งธุรกิจเทคบนทำเนียบ Midas List 2024

<h2>Sea Ltd. กลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยีและผู้พัฒนาเกมของสิงคโปร์ ได้ประกาศปรับขึ้นเงินเดือนพนักงาน 5% หลังปีก่อนเข้มงวดในการปรับลดต้นทุนต่างๆ ไปกว่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ พร้อมปลดพนักงานไปราว 3,500 คน วงการธุรกิจไอทีคาด ถือเป็นการส่งสัญญานบวกเพราะบริษัทเริ่มฟื้นกลับมามีกำไรแทนขาดทุน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Forrest Li มหาเศรษฐีชาวสิงคโปร์ผู้ก่อตั้ง Sea Ltd. กลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยีและผู้พัฒนาเกม ได้ประกาศขึ้นค่าจ้าง 5% สำหรับพนักงานส่วนใหญ่ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่ส่งสัญญาณต่อเหล่านักลงทุนว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซและเกมได้พลิกฟื้นกลับมาดีขึ้นหลังจากขาดทุนมาหลายปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำนักข่าว Bloomberg เผยว่า รายงานอ้างอิงภายในบริษัทที่ Li เขียนได้ถึงพนักงานนั้น เหล่าพนักงานที่เข้าร่วมทำงานในองค์กรก่อนวันที่ 31 มีนาคมจะได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้น 5% อีกทั้ง Li ยังย้ำว่า Sea มาถึงจุดที่สามารถพึ่งพาตนเองได้แล้วในขณะนี้ เห็นได้จากบัญชีงบดุลเงินสดที่มีอัตราเพิ่มขึ้นแทนที่จะลดลงทุกไตรมาส ถือเป็นการบรรลุเป้าหมายก่อนเป้าที่ตั้งไว้เมื่อปี 2022 หลายเดือน​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับการปรับขึ้นค่าจ้างของบริษัทครั้งนี้แลดูจะสวนทางกับสถานการณ์ในช่วง 2-3 ไตรมาสที่แล้ว ที่ Li ได้สั่งระงับการจ่ายเงินเดือนทั่วทั้งบริษัทและปลดพนักงานออกจำนวนมากราว 3,500 คนในปี 2022&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/57ytUc8Szf83S4nKeBAS.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="57ytUc8Szf83S4nKeBAS.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp; &nbsp; หลายฝ่ายต่างมองว่าการกระทำของ Li อาจบ่งบอกถึงการฟื้นตัวในวงกว้างสำหรับภาคเทคโนโลยีของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งก่อนหน้านี้ต้องเผชิญกับการเลย์ออฟครั้งใหญ่ไม่ต่างกับภูมิภาคอื่นๆ ของโลก รวมถึงเจอปัญหารายได้ลดลงอย่างรวดเร็ว หลังจากการใช้จ่ายออนไลน์ที่เคยพุ่งกระฉูดในยุคโควิดระบาดเริ่มชะลอลง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ข่าวดีจากปรับขึ้นเงินเดือนพนักงานของ Sea ยังสร้างอานิสงส์ให้หุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดนิวยอร์กของสหรัฐอเมริกาปิดตลาดปรับตัวสูงขึ้น 7.6% อยู่ที่ 84.33 ดอลลาร์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Sea ได้รายงานผลกำไรสุทธิรายไตรมาสเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปีหลังจากการก่อตั้งบริษัท โดยปีที่แล้วบริษัทใช้มาตรการค่อนข้างเด็ดขาด เพื่อโน้มน้าวนักลงทุนถึงความสามารถในการทำกำไร รวมถึงปลดพนักงานหลายพันคน ถอนตัวจากตลาดหลัก และตัดลดรายจ่ายในส่วนการขายและการตลาดกว่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐ อ่านเพิ่มเติม: ​<a href="https://www.forbesthailand.com/world/asia/chow-shing-yuk-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88-lalamove" alt="Chow Shing Yuk จากเซียนไพ่โป๊กเกอร์สู่เครือข่ายโลจิสติกส์สุดยิ่งใหญ่ Lalamove">Chow Shing Yuk จากเซียนไพ่โป๊กเกอร์สู่เครือข่ายโลจิสติกส์สุดยิ่งใหญ่ Lalamove</a> <hr class="__se__solid">​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

 Sea ประกาศขึ้นเงินเดือน 5% หลังปีก่อนปลดพนักงานและลดต้นทุนกว่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐ

10 มหาเศรษฐีสายเทค สูญทรัพย์มหาศาลสังเวยขาลงภาคเทคโนโลยี

<h2>พบ 9 ซีอีโอหญิง แห่งวงการเทคโนโลยีทั่วโลกซึ่งสตาร์ทอัพมูลค่าสูงสุดเหล่านี้ถูกก่อตั้งด้วยผู้หญิงแห่งยุคเป็นทั้งผู้ก่อตั้งและบริหารธุรกิจที่สำนักงานอยู่ใน California ไปจนถึงประเทศจีน</h2>
&nbsp;

พบ 9 รายชื่อ ซีอีโอหญิง แห่งวงการเทคโนโลยีทั่วโลก

<img class="alignnone size-full wp-image-33080" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/001-2.jpg" alt="" width="574" height="630" />

ซีอีโอ: Adi Tatarko
Houzz มูลค่า: 4 พันล้านเหรียญ
สำนักงานใหญ่: Palo Alto, California
ปีที่ก่อตั้ง: 2009
ประเภทธุรกิจ: เว็บไซต์ออกแบบบ้าน

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-33081" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/02.jpg" alt="" width="574" height="630" />

ซีอีโอ: Cindy Mi
VIPKid มูลค่า: 3.5 พันล้านเหรียญ
สำนักงานใหญ่: Beijing
ปีที่ก่อตั้ง: 2013
ประเภทธุรกิจ: ห้องเรียนภาษาออนไลน์

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-33082" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/03.jpg" alt="" width="574" height="630" />

ซีอีโอ: Melanie Perkins
Canva มูลค่า: 3.2 พันล้านเหรียญ
สำนักงานใหญ่: Sydney
ปีที่ก่อตั้ง: 2012
ประเภทธุรกิจ: ซอฟต์แวร์เพื่อการออกแบบ
คลิกอ่าน: <a href="https://forbesthailand.com/world/asia/canva-%e0%b8%aa%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%97%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%9e%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%a5%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%8b%e0%b8%ad.html">Canva แอปออกแบบ จากสตาร์ทอัพพันล้าน</a>

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-33083" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/04.jpg" alt="" width="574" height="630" />

ซีอีโอ: Anne Wojcicki
23andMe มูลค่า: 2.5 พันล้านเหรียญ
สำนักงานใหญ่: Sunnyvale, California
ปีที่ก่อตั้ง: 2006
ประเภทธุรกิจ: วิเคราะห์รหัสพันธุกรรม

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-33084" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/05.jpg" alt="" width="574" height="630" />

ซีอีโอร่วม: Nicole Eagan และ Poppy Gustafsson
Darktrace มูลค่า: 1.61 พันล้านเหรียญ
สำนักงานใหญ่: Cambridge สหราชอาณาจักร
ปีที่ก่อตั้ง: 2013
ประเภทธุรกิจ: ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-33085" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/06.jpg" alt="" width="574" height="630" />

ซีอีโอ: Stefania Mallett
ezCater มูลค่า: 1.25 พันล้านเหรียญ
สำนักงานใหญ่: Boston
ปีที่ก่อตั้ง: 2007
ประเภทธุรกิจ: จัดเลี้ยงออนไลน์

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-33086" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/07.jpg" alt="" width="574" height="630" />

ซีอีโอ: Emily Weiss
Glossier มูลค่า: 1.2 พันล้านเหรียญ
สำนักงานใหญ่: New York City
ปีที่ก่อตั้ง: 2012
ประเภทธุรกิจ: ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและดูแลผิว
อ่านเพิมเติม: <a href="https://forbesthailand.com/leaderboard/global-leaderboard/book-value-emily-weiss-%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%81%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%87%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%b0%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b8%ad%e0%b8%b5%e0%b9%82%e0%b8%ad-glos.html">Book Value: Emily Weiss ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Glossier อดีตสมาชิก Forbes Under 30</a>

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-33087" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/08.jpg" alt="" width="574" height="630" />

ซีอีโอ: Rachel Romer Carlson
Guild Education มูลค่า: 1 พันล้านเหรียญ
สำนักงานใหญ่: Denver
ปีที่ก่อตั้ง: 2015
ประเภทธุรกิจ: สวัสดิการการศึกษา
อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/america/guild-education-%e0%b8%aa%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%97%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%9e%e0%b8%94%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%a8%e0%b8%b6%e0%b8%81%e0%b8%a9.html">Guild Education สตาร์ทอัพด้านการศึกษา ผู้ช่วยหางานให้องค์กร</a>

<hr />

<a href="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/312a837b-0af3-4945-9cac-b7be029798c7/june-2020">คลิกอ่าน บทความด้านธุรกิจได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2563 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="lazy alignnone wp-image-31977 lazy-loaded" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK-.jpg" sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" srcset="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK-.jpg 2400w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK--229x300.jpg 229w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK--768x1008.jpg 768w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK--780x1024.jpg 780w" alt="" width="300" height="394" data-lazy-type="image" data-lazy-src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK-.jpg" data-lazy-srcset="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK-.jpg 2400w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK--229x300.jpg 229w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK--768x1008.jpg 768w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/07/COVER-FORBES-85-OK--780x1024.jpg 780w" data-lazy-sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" />

&nbsp;

9 ซีอีโอหญิง แห่งวงการเทคโนโลยีทั่วโลก

<h2>Wong Ngit Liong ประธานและซีอีโอ Venture Corp หนึ่งดาวเด่นในธุรกิจเทคโนโลยีของสิงคโปร์ในระยะเริ่มแรกต้องเผชิญมรสุมใหญ่เมื่อไม่นานมานี้</h2>
Wong วัย 77 ปี ซึ่งติดทำเนียบบุคคลผู้มั่งคั่งที่สุดในสิงคโปร์ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2009 เฝ้ามองราคาหุ้น Venture ที่ตกลงถึง 1 ใน 3 ภายในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์เศษในช่วงกลางเดือนเมษายนเมื่อหุ้น Venture กลายเป็นเป้าหมายของการขายทำกำไรในระยะสั้นการจู่โจมแบบตลาดหมี

ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากรายงานฉบับหนึ่งจากบล็อกนิรนามที่ระบุว่า Venture พึ่งพาลูกค้าหลักอย่าง Philip Morris ซึ่งเป็นบริษัทบุหรี่ยักษ์ใหญ่มากจนเกินไป และยอดขายบุหรี่ไฟฟ้าของ Philip Morris ที่ผลิตโดย Venture ก็ไม่สู้ดีนัก

ในแถลงการณ์ถึงผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมานั้น Wong กล่าวกับบรรดานักวิเคราะห์ว่าให้พิจารณาถึงแหล่งที่มาและเจตนาของรายงานฉบับดังกล่าวให้ดีส่วนซีเอฟโอของ Venture กล่าวว่าผู้ที่ขายหุ้น Venture เพื่อหวังทำกำไรระยะสั้นซึ่งอยู่เบื้องหลังรายงานดังกล่าวมี “วาระซ่อนเร้นที่ชัดเจน”

หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอย่าง Business Times ได้รายงานคำกล่าวของ Wong ในแถลงการณ์ว่า “คนพวกนี้มีความกล้าหาญพอที่จะเปิดเผยตัวตนหรอกหรือ ขอจงอย่าเชื่อข่าวลือ”

ราคาหุ้น Venture ร่วง 21% นับตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม เมื่อบริษัทได้ซื้อหุ้นคืนจากตลาดและออกแถลงการณ์เกี่ยวกับฐานลูกค้าของบริษัทที่มีอยู่อย่างหลากหลาย โดยกล่าวว่าบริษัทมีลูกค้าที่ยังดำเนินธุรกิจอยู่กว่า100 ราย Venture ยังได้ปกป้องการตัดสินใจของตนเองที่จะไม่เปิดเผยรายชื่อลูกค้าในธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง

Jarick Seet หัวหน้าฝ่ายวิจัยบริษัทมาร์เก็ตแคปขนาดเล็กและขนาดกลางของ RHB Research Institute Singapore กล่าวว่าเป็นเรื่องยากที่หุ้น Venture จะกลับไปยืนที่ราคาสูงสุดเหมือนในอดีต เนื่องจากภาวะซบเซาที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก ถึงแม้ว่า Venture จะมีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 3.4 พันล้านเหรียญ แต่ Wong ซึ่งถือกรรมสิทธิ์ 7% ในบริษัทก็ยังคงไม่มีชื่อติดทำเนียบ 50 บุคคลผู้มั่งคั่งที่สุดอยู่ดี

Wong บัณฑิตสาขาวิศวกรรมศาสตร์และอดีตผู้ได้รับทุน Fulbright จาก UC Berkeley ได้สั่งสมประสบการณ์การทำงานที่ Hewlett-Packard ในสหรัฐอเมริกาและเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการตั้งไข่ธุรกิจของ HP ในสิงคโปร์และมาเลเซีย Wong รับตำแหน่งประธานและซีอีโอของ Venture ใน ปี 1986 สองปีหลังจากที่บริษัทซึ่งแต่เดิมมีชื่อว่า Venture Manufacturing Singapore ได้ก่อตั้งขึ้น

Wong ยังเป็นข่าวใหญ่ในฐานะผู้บริหารที่มีรายได้สูงที่สุดในสิงคโปร์ โดยทำเงินได้ถึง 9 ล้านเหรียญในปีที่แล้ว ซึ่งมากกว่าสองเท่าของเงินเดือนของตนเองในปี 2016 และมากกว่าสุดยอดนายธนาคารของสิงคโปร์อย่าง Piyush Gupta ผู้บริหารสูงสุดของ DBS และ Wee Ee Cheong ซีอีโอ United Overseas Bank (บุตรชายของ Wee Cho Yaw ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 6)

ภายใต้การบริหารงานของ Wong กำไรของ Venture เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าจากปีก่อนเป็น 280 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นผลมาจากการทำรายได้เป็นประวัติการณ์ที่ 3 พันล้านเหรียญ รวมถึงการพัฒนาการออกแบบด้านวิศวกรรมและการปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น Venture ประกาศกำไรสุทธิไตรมาสแรกของปี 2018 จำนวน 62ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.5% หรือคิดเป็น 634 ล้านเหรียญ

<hr />

<a href="http://bit.ly/2vFS9h0">คลิกอ่าน การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดแห่งสิงคโปร์ ประจำปี 2018 ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับเดือนสิงหาคม 2561</a>
<a href="http://bit.ly/2vFS9h0"><img class="" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/3e29361bc2662e0897d1598a25fe6216.jpg" alt="" width="181" height="238" /></a>

กิจการอันแสนผันผวน

<h2>ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี กิจการออกแบบและส่งมอบอุปกรณ์ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ที่คนไทยเป็นเจ้าของรายเดียวของประเทศวางแผนเข้าตลาด mai ระดมทุนสร้างสินค้านวัตกรรมเพื่อขยายตลาดในกลุ่มยานยนต์และไมโครชิพ NFC</h2>
บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 2545 โดยวิศวกรไทยผู้เคยทำงานด้านการออกแบบไมโครชิพในต่างประเทศ ร่วมกับทีมนักวิจัยและคณาจารย์มหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศ ด้วยวัตถุประสงค์เริ่มต้นที่อยากให้มีบริษัทไทยซึ่งมีความสามารถในการออกแบบเทคโนโนยีชั้นสูง สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ และเป็นแหล่งรองรับนิสิตนักศึกษาและบุคลากรที่มีความรู้ด้านการออกแบบไมโครชิพ

ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพคนไทยว่ามีฝีมือไม่แพ้ชาติใด จึงร่วมกันตั้งบริษัทออกแบบไมโครอิเล็กทรอนิกส์ขึ้น โดยเน้นการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน เลือกผลิตกับบริษัทคู่ค้าที่มีคุณภาพเพื่อส่งออกขายภายใต้แบรนด์ซิลิคอนคราฟท์ของบริษัท

<img style="width: 680px; height: 450px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/060c52614473ece874ddee996d6558ca.png" alt="" />

ปรอง กองทรัพย์โต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี จำกัด ฉายภาพว่า บริษัทเปรียบเสมือนดีไซเนอร์ มีแบรนด์ มีสไตล์ มีเทคโนโลยีของตัวเอง จึงมุ่งเน้นที่การพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ โดยร่วมมือกับโรงงานผลิตคู่ค้าในลักษณะที่เป็น fabless หรือ manufacturing less ซึ่งไม่มีโรงงานการผลิตเป็นของตัวเอง เนื่องจากการติดตั้งโรงงานผลิตในอุตสาหกรรมนี้ใช้เงินลงทุนสูงมากหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ

“บริษัทวางตำแหน่งตัวเองเป็น ‘ผู้ออกแบบและส่งมอบไมโครชิพ’ ซึ่งเป็นรากฐานของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย บริษัทไม่ได้ทำเองทั้งห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งกลุ่มบริษัทไฮเทคของโลกที่ไม่ต้องการลงทุนด้วยเงินมหาศาลล้วนใช้การจ้างผลิตเช่นนี้ และผู้รับจ้างผลิตประกาศตัวชัดเจนว่ารับจ้างผลิตโดยมีจรรยาบรรณที่ไม่ลอกเลียนแบบสินค้า”

บริษัทประกอบ 3 ธุรกิจหลัก หนึ่งคือ ธุรกิจ animal ID หรือไมโครชิพฝังที่ใช้เทคโนโลยีตรวจจับชนิดจำแนกความถี่วิทยุ (radio frequency identification หรือ RFID) ในการบ่งบอกตัวตน ไมโครชิพ RFID มีจุดเด่นคือทำงานเองได้ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่เป็นแหล่งพลังงาน ใช้พลังงานในการอ่านตัวตนต่ำ บ่งบอกตัวตนได้โดยมีคามปลอดภัยในระดับหนึ่ง ปัจจุบัน 100% ของธุรกิจนี้คือตลาดส่งออก โดยบริษัทเป็นผู้ผลิตไมโครชิพสำหรับบรรจุใน ป้ายติดหูอิเล็กทรอนิกส์เพื่อระบุตัวตนในสัตว์ (animal ear tag) ที่ครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 20% ในออสเตรเลีย และเป็นผู้ผลิตไมโครชิพ Animal ID รายใหญ่อันดับ 3 จาก 5 รายของโลก

<img style="width: 680px; height: 249px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/13a60495cd8f35a0b2b7a6bb89885f74.png" alt="" />

“ฟาร์มปศุสัตว์ในต่างประเทศเป็นลูกค้ากลุ่มแรก ช่วงที่โรควัวบ้าระบาดในหลายประเทศเมื่อสิบกว่าปีก่อน รัฐบาลออสเตรเลียมีนโยบายให้ระบบปศุสัตว์สำหรับวัวต้องมีระบบระบุตัวตนที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้การติดตามและระบบข้อมูลของทั้งประเทศเชื่อมโยงกันทั้งห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรม

และปี 2560 นี้ แคว้น Victoria ออสเตรเลียซึ่งเป็นพื้นที่หลักในการทำปศุสัตว์ของประเทศ ได้ออกข้อกำหนดให้ขยายการระบุตัวตนด้วยป้ายอิเล็กทรอนิกส์ไปสู่ปศุสัตว์สำหรับแพะและแกะ โดยคาดว่าจะประกาศขยายการบังคับใช้ไปทั่วประเทศในอนาคต ธุรกิจ animal ID จึงเป็นตลาดที่สดใส”

ธุรกิจที่สองคือ ธุรกิจอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีการใส่ไมโครชิพเพื่อระบุตัวตนของกุญแจกับชุดสตาร์ทรถยนต์ เป็นอีกหนึ่งตลาดส่งออกที่สำคัญ ในธุรกิจตลาดรถยนต์มีการระบุถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยของการเข้าถึงระบบสตาร์ทว่า กุญแจสำรองที่ทำขึ้นใหม่ ชิพที่ฝังอยู่ในหัวกุญแจกับชิพที่อยู่ในตัวช่องกุญแจรถต้องถูกต้องตรงกัน ตลาดนี้จึงเป็นอีกตลาดเฉพาะ (niche market) ที่บริษัทเจาะเข้ามาได้โดยใช้ความเชี่ยวชาญในการออกแบบ

ธุรกิจที่สามซึ่งบริษัทเริ่มพัฒนาเทคโนโลยีและสินค้าประมาณ 5 ปี คือ ออกแบบผลิตชิพสำหรับเครื่องอ่าน RFID (reader IC) สำหรับประตูล็อกอิเล็กทรอนิกส์ (electronic door lock) เป็นอีกตลาดเฉพาะที่เริ่มมีความเข้มแข็ง

<img style="width: 340px; height: 680px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/3c8e879e5a44dc764f93c151a626d8d9.png" alt="" />

“โลกอนาคต internet of things หรือ connectivity of everything จะเข้ามามีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของคนมากขึ้น แต่ละคนมีการเชื่อมต่อมากกว่า 1 อุปกรณ์ ทั้งโทรศัพท์เคลื่อนที่ ไอแพด นาฬิกาวัดชีพจร มนุษย์จึงไม่ใช่ศูนย์กลางการเชื่อมต่ออีกต่อไป แต่คอมพิวเตอร์ เครื่องมือเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จะเชื่อมต่อหรือพูดคุยกันเองได้โดยไม่ต้องผ่านการตัดสินใจของมนุษย์เพื่อความสะดวกของชีวิตมนุษย์”

ปัจจุบัน บริษัทมีแผนขยายตลาดเฉพาะเพิ่มเติมในอีก 2 กลุ่ม คือกลุ่มธุรกิจออกแบบไมโครชิพสำหรับธุรกิจยานยนต์ซึ่งเป็นตลาดพิเศษที่มีความเฉพาะตัว และกลุ่มธุรกิจการออกแบบไมโครชิพเพื่อเชื่อมต่อกับเซนเซอร์ต่างๆ เพื่อตรวจวัดสุขภาพ (biosensor interface) โดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารผ่านคลื่นวิทยุระยะสั้น (near field communication chip: NFC) เช่น เซนเซอร์ที่สามารถตรวจวัดสุขภาพได้ด้วยตนเอง โดยผ่านการเชื่อมต่อกับโรงพยาบาลด้วยสมาร์ทโฟน ซึ่งช่วยให้บริษัทเจาะกลุ่มตลาดใหม่ เช่น กลุ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์และสุขภาพ กลุ่มธุรกิจฉลากอัจฉริยะ (smart tag), กลุ่มธุรกิจเครื่องวัดเพื่อการดูแลสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

<figure><img style="width: 680px; height: 413px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/f0e162055288ef6d22834810f8f69033.png" alt="" width="680" height="413" /><figcaption> เซนเซอร์ที่สามารถตรวจวัดสุขภาพได้ด้วยตนเองผ่านการเชื่อมต่อกับโรงพยาบาล โดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารผ่านคลื่นวิทยุระยะสั้น (near field communication chip: NFC)</figcaption></figure>

ปรอง กล่าวว่า บริษัทมีวิสัยทัศน์ในการสร้างสรรค์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แก่โลกด้วยนวัตกรรมอันชาญฉลาดเพื่อเชื่อมโลกเข้าด้วยกันอย่างปลอดภัย โดยเน้นกลุ่มตลาดเฉพาะที่ต้องการนวัตกรรมในการเชื่อมโยงโลก

“บริษัทต้องการสร้างความภูมิใจว่าเป็นบริษัทไทยด้านการออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (IC) ที่เติบโตอย่างยั่งยืน รากฐานของบริษัทไม่ใช่เพียงแค่การออกอุปกรณ์เชื่อมที่ต้องมีความอัจฉริยะเท่านั้น แต่ต้องมีความปลอดภัย (secure) ด้วย เพราะเราคงไม่อยากให้ข้อมูลสุขภาพและข้อมูลตัวตนของเราหลุดไปหาใคร จึงต้องเน้นเรื่องการวิจัยพัฒนา”

ปรอง กล่าวทิ้งท้ายว่า การระดมทุนจากสาธารณชนเป็นคำตอบ ให้บริษัทมีเงินทุนเพื่อซื้อทรัพย์สินทางปัญญา (intellectual property) การขยายทีมนักออกแบบซึ่งเขามั่นใจว่าทีมงานมีความสามารถมากพอ รวมถึงการขยายการเติบโตในแนวตั้งให้เข้าใกล้ลูกค้ามากขึ้น และแนวราบ เช่น การนำเทคโนโลยีอื่นเข้ามาประกอบกัน หรือใช้ในการสร้างพันธมิตรเพื่อเจาะบางตลาดที่เป็นตลาดเฉพาะเจาะจง

&nbsp;

เรื่อง: ดรณ์ มาลัยธรรม
ภาพ: บริษัท ซิลิคอน คราฟท์ เทคโนโลยี จำกัด

<hr />

<a href="https://goo.gl/io14AS">คลิกอ่าน "ซิลิคอน คราฟท์ฯ จ่อเข้า mai ระดมทุนเจาะตลาดไมโครชิพอัจฉริยะ" ได้ที่ Wealth Management &amp; Investing 2017 ฉบับ มิถุนายน 2560 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="https://goo.gl/io14AS"><img style="width: 250px; height: 327px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/89a410029a7f063d5351562a1a476a90.png" alt="" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events