<h2>มีคำกล่าวที่ว่า “เงินซื้อความสุขไม่ได้” แต่จากงานวิจัยล่าสุด สำหรับมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งแล้ว เงินสามารถซื้อความสุขได้จริง</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Dr. Matt Killingsworth นักวิชาการอาวุโสจาก Wharton School, University of Pennsylvania ผู้เชี่ยวชาญการศึกษาเกี่ยวกับความสุขของมนุษย์ เคยเผยรายงานเมื่อปี 2023 ซึ่งบอกว่าความสุขของมนุษย์เพิ่มขึ้นตามรายได้ และยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหากรายได้สูงถึง 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี อ้างอิงจากกลุ่มตัวอย่าง 33,391 คนในสหรัฐอเมริกา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุด Killingsworth ได้อัปเดตความคืบหน้าการศึกษาของเขา ที่พบชี้ว่าบุคคลที่มีความมั่งคั่งสูงจนเข้าขั้นมหาเศรษฐีนั้น มีความสุขมากกว่าผู้ที่ทำงานได้เงินเดือนหกหลักเสียอีก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผลการศึกษาชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงเชิงบวกระหว่างเงินกับสุขภาวะยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากเมื่อพิจารณาขั้นบันไดทางเศรษฐกิจ (Economic Ladder) อีกทั้งขนาดของความแตกต่างก็อาจใหญ่มากด้วย” Killingsworth เขียน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รายงานล่าสุดเผยว่า ผู้ที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1 ล้านเหรียญ หรือ 1,000 ล้านเหรียญ มีคะแนนความพึงพอใจต่อชีวิตเฉลี่ยอยู่ที่ 5.5-6 จากคะแนนเต็ม 7 ในขณะที่ผู้มีรายได้ 100,000 เหรียญต่อปีมีคะแนนอยู่ที่ 4.6 ส่วนผู้มีรายได้ 15,000-30,000 เหรียญมีคะแนนเกิน 4 ขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นั่นหมายความว่าความสุขแตกต่างกันตามรายได้ที่แต่ละคนได้รับ และผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูงก็มีความสุขมากกว่าผู้มีรายได้ปานกลางถึงต่ำเกือบ 3 เท่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผู้มีรายได้สูงและต่ำนั้นแตกต่างกันมหาศาลเลยครับ” Killingsworth ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg “ภายในขอบเขตที่สามารถอธิบายด้วยเงิน ความต่างอย่างใหญ่หลวงนั้นปรากฏเหนือค่าเฉลี่ยของรายได้”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับรายงานฉบับอัปเดตล่าสุด Killingsworth ใช้ข้อมูลจากรายงานฉบับก่อน ตัวเลขจากการศึกษาเกี่ยวกับมหาเศรษฐีเมื่อปี 2018 และการจัดอันดับมหาเศรษฐีอเมริกันปี 1985 ของ Forbes ซึ่งทาง Bloomberg เผยว่า แหล่งอ้างอิงเหล่ามีการถามคำถามแนวเดียวกัน และมีข้อมูลการให้คะแนนความพึงพอใจต่อชีวิตของผู้คน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในอดีต นักวิจัยหลายคนกล่าวถึง ‘ที่ราบแห่งความสุข (Happiness Plateau)’ หรือกราฟที่เป็นแนวราบแสดงว่าความสุขและรายได้หยุดเพิ่มขึ้นไปพร้อมๆ กัน รายงานในปี 2010 ระบุที่ราบดังกล่าวไว้ ณ มูลค่ารายได้ที่ 60,000-90,000 เหรียญต่อปี แม้ตัวเลขมากกว่านี้ระดับความสุขก็ไม่เพิ่มขึ้น ทว่าเมื่อปีที่ผ่านมา Killingsworth ทำงานร่วมกับ Daniel Kahneman ผู้เขียนรายงานฉบับนั้น และพบว่าที่ราบแห่งความสุข แท้จริงอาจอยู่ใกล้ๆ 500,000 เหรียญต่อปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ รายงานล่าสุดของเขาแสดงให้เห็นว่า ที่ราบดังกล่าวนั้นอาจไม่มีอยู่จริง หากบรรดามหาเศรษฐีต่างมีความสุขกว่าผู้ที่มีรายได้น้อย เป็นไปได้ว่าเลขศูนย์ที่เพิ่มขึ้นในบัญชีธนาคารต่างหากที่มีผลต่อความสุข อย่างไรก็ตาม แม้เงินอาจมีผลต่อระดับความสุข แต่ยังไม่มีผลการศึกษาใดยืนยันว่าเงินสามารถซื้อความรักได้ด้วยเหรือเปล่า แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://robbreport.com/lifestyle/news/money-can-buy-happiness-research-1235777881/" alt="New Research Suggests That Money Actually Can Buy You Happiness">New Research Suggests That Money Actually Can Buy You Happiness</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/global/asian-younger-generation-spending-more-on-arts" alt="คนรุ่นใหม่หัวใจศิลปะ ชาวเอเชียน Gen Z ใช้จ่ายเฉลี่ย 56,000 เหรียญซื้องานศิลป์ในครึ่งแรกของปี 2023">คนรุ่นใหม่หัวใจศิลปะ ชาวเอเชียน Gen Z ใช้จ่ายเฉลี่ย 56,000 เหรียญซื้องานศิลป์ในครึ่งแรกของปี 2023</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘เงินอาจซื้อความสุขได้’ ผลการศึกษาใหม่ชี้ มหาเศรษฐีมีความสุขมากกว่าผู้มีรายได้ 6 หลัก

<h2>ปัจจุบันประเทศไทยมี Influencer ราวๆ กว่า 2 ล้านคน สภาพัฒน์ฯ หวั่นการสร้างค่านิยมผิดชี้นำสังคม โดยที่ผ่านมากลุ่มคนทำอาชีพดังกล่าวนิยมทำคอนเทนต์อวดรวย ชักจูงใจให้คนหันมาเล่นพนันผ่านออนไลน์เพิ่มขึ้น จนยอดนักพนันคนรุ่นใหม่พุ่งสูงขึ้นถึง 3 ล้านคน </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เผยถึงภาวะเศรษฐกิจและสังคมไทยในภาพรวมปี 2566 ที่ผ่านมา โดยเนื้อหาบางส่วนแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการใช้และเสพสื่อจากผู้คนในสังคม โดยหยิบยกเอาข้อมูลจาก Nielsen ในปี 2565 มาแสดงให้เห็นว่า ประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) มีจำนวน Influencer รวมกันมากถึง 13.5 ล้านคน&nbsp;&nbsp; &nbsp; ประเทศไทยมีจำนวน Influencer ราวๆ กว่า 2 ล้านคน ถือเป็นอันดับสองรองจากประเทศอินโดนีเซีย โดยการขยายตัวเพิ่มขึ้นของ Influencer สาเหตุหลักส่วนหนึ่งมาจากการเป็นช่องทางสร้างรายได้ ทั้งจากการโฆษณาหรือรีวิวสินค้า&nbsp;ทั้งนี้ ภาพรวมของปี 2566 ที่ผ่านมา อาชีพ Influencer สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับทั่วโลกได้สูงถึง 1.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2573 หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 7.4 เท่า ภายใน 7 ปี โดยการเป็น Influencer ในไทย ผู้คนต่างให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสามารถสร้างรายได้ค่อนข้างสูง เพราะมีราคาโดยเฉลี่ยต่อโพสต์นับตั้งแต่ 800-700,000 บาทขึ้นไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม การแข่งขันผลิต Content และการให้ความสำคัญกับ Engagement ของ Influencer บางราย มักมีการสร้าง Content ให้เป็นกระแสโดยไม่ได้คำนึงถึงความถูกต้องเหมาะสมก่อนเผยแพร่จึงอาจสร้างผลกระทบเชิงลบต่อสังคมได้หลายประการ อาทิ การนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง&nbsp;ตัวอย่างเช่น ในปี 2566 มีจำนวนผู้โพสต์ที่เข้าข่ายเป็นข่าวปลอมมากถึง 7,394 บัญชี สร้างจำนวนข่าวปลอมและข่าวบิดเบือนรวมกันสูงถึง 5,061 เรื่อง อีกทั้งยังมีการชวนเชื่อชักจูงทำในสิ่งผิดกฎหมาย อาทิ การใช้ Influencer โฆษณาเชิญชวนเว็บพนันออนไลน์ผ่าน ซึ่งในปี 2566 พบว่า คนรุ่นใหม่เล่นพนันออนไลน์สูงถึงประมาณ 3 ล้านคน โดย 1 ใน 4 เป็นนักพนันฯ หน้าใหม่ หรือคิดเป็นจำนวนราว 7.4 แสนคน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ Influencer บางกลุ่ม ยังนิยมสร้าง content เนื้อหาบางประเภทที่แม้จะไม่ได้กระทำผิดกฎหมาย แต่ก็อาจนำไปสู่การสร้างค่านิยมที่ผิดต่อสังคมได้ อาทิ Content “การอวดความร่ำรวย” เป็นต้น และจากการศึกษาของวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า กลุ่ม Gen Z ร้อยละ 74.8 เป็นผู้ที่ชอบแสดงตัวตนในรูปแบบนี้มากที่สุด รวมถึงการนำเสนอภาพบุคคลที่ได้รับการปรับแต่งให้ดูดี จนกลายเป็นมาตรฐานความงามที่ไม่แท้จริง&nbsp;โดยทั้งหมดนี้อาจส่งผลกระทบในการสร้างค่านิยมที่ผิดให้แก่เด็กและเยาวชนในสังคม เช่น การก่อสร้างหนี้เพื่อหาเงินมาซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ที่กำลังเป็นกระแสนิยมผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ ซึ่งตัวอย่างข้างต้น คือตัวสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลเชิงลบของ Influencer ต่อสังคมในหลายแง่มุม&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp; ​​​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/global/millennials-to-become-richest-generation-in-history" alt="Knight Frank เผยอีก 20 ปี ‘ชาวมิลเลนเนียล’ จะกลายเป็นเศรษฐี รับมรดกจนมั่งคั่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา">Knight Frank เผยอีก 20 ปี ‘ชาวมิลเลนเนียล’ จะกลายเป็นเศรษฐี รับมรดกจนมั่งคั่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ไทยมี Influencer 2 ล้านคน หวั่น 'คอนเทนต์อวดรวย' สร้างค่านิยมผิดชี้นำสังคม

NFL หรือ National Football League ของสหรัฐอเมริกา แม้อาจจะไม่ได้รับความนิยมในไทยเท่ากับลีกฟุตบอลอังกฤษ แต่ถ้าวัดฐานผู้ชมทั่วโลกเปรียบเทียบทุกกีฬา NFL ถือเป็นลีกกีฬาที่มีผู้เข้าชมในสนามเฉลี่ยต่อแมตช์การแข่งขันมากที่สุดในโลก (68,400 คนต่อแมตช์) โดยการแข่งขัน The Super Bowl หรือการแข่งขันชิงแชมป์ลีกเป็นแมตช์ชูโรงที่ดึงดูดผู้ชมได้อย่างล้นหลามทั้งในสนามและหน้าจอโทรทัศน์

เมื่อฐานแฟนๆ กีฬาอเมริกันฟุตบอลมากมายขนาดนี้ การแข่งขันจึงดุเดือดและนักกีฬาฝีมือดีย่อมได้รับรายได้สูง ทั้งจากค่าเหนื่อยของสโมสร รวมถึงรายได้จากการเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณา

มาดูกันว่า “10 นักกีฬา NFL ที่ทำรายได้สูงที่สุดประจำปี 2017” จะเป็นใคร

&nbsp;

อันดับ 1 Matthew Stafford
DETROIT LIONS
รายได้รวม: 52.5 ล้านเหรียญ
ค่าเหนื่อย/โบนัส: 51 ล้านเหรียญ
รายได้จากการโฆษณา: 1.5 ล้านเหรียญ

<img style="width: 680px; height: 451px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/50e1d3a80c1709ab571a08295d29d197.png" alt="" />

&nbsp;

อันดับ 2 Cam Newton
CAROLINA PANTHERS
รายได้รวม: 34.7 ล้านเหรียญ
ค่าเหนื่อย/โบนัส: 23.7 ล้านเหรียญ
รายได้จากการโฆษณา: 11 ล้านเหรียญ

<img style="width: 680px; height: 459px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/9ce55dfb775bc25c40bad6832a340a1c.png" alt="" />

&nbsp;

อันดับ 3 Andrew Luck
INDIANAPOLIS COLTS
รายได้รวม: 30 ล้านเหรียญ
ค่าเหนื่อย/โบนัส: 27 ล้านเหรียญ
รายได้จากการโฆษณา: 3 ล้านเหรียญ

<img style="width: 680px; height: 454px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/0fe41e4bb000c5b7e456b58ba66155ec.png" alt="" />

&nbsp;

อันดับ 4 Derek Carr
OAKLAND RAIDERS
รายได้รวม: 27.2 ล้านเหรียญ
ค่าเหนื่อย/โบนัส: 25.2 ล้านเหรียญ
รายได้จากการโฆษณา: 2 ล้านเหรียญ

<img style="width: 680px; height: 451px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/971edca551b411be09cd66da7c0f76d3.png" alt="" />

&nbsp;

อันดับ 5 Kawann Short
CAROLINA PANTHERS
รายได้รวม: 26.1 ล้านเหรียญ
ค่าเหนื่อย/โบนัส: 26 ล้านเหรียญ
รายได้จากการโฆษณา: 75,000 เหรียญ

<img style="width: 680px; height: 512px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/0cc08da13883b8d62ba43f0e5ba388a8.png" alt="" />

&nbsp;

อันดับ 6 Drew Brees
NEW ORLEANS SAINTS
รายได้รวม: 26 ล้านเหรียญ
ค่าเหนื่อย/โบนัส: 13 ล้านเหรียญ
รายได้จากการโฆษณา: 13 ล้านเหรียญ

<img style="width: 680px; height: 518px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/d5753bdf2342572d9bfa58d6a9bb640e.png" alt="" />

&nbsp;

อันดับ 7 Josh Norman
WASHINGTON REDSKINS
รายได้รวม: 25.7 ล้านเหรียญ
ค่าเหนื่อย/โบนัส: 24.5 ล้านเหรียญ
รายได้จากการโฆษณา: 1.2 ล้านเหรียญ

<img style="width: 680px; height: 465px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/6ae1a962a7455a8c21bfe72b364f0928.png" alt="" />

&nbsp;

อันดับ 8 Kirk Cousins
WASHINGTON REDSKINS
รายได้รวม: 25.4 ล้านเหรียญ
ค่าเหนื่อย/โบนัส: 23.9 ล้านเหรียญ
รายได้จากการโฆษณา: 1.5 ล้านเหรียญ

<img style="width: 680px; height: 454px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/c70315b3b31c25a8e750881a47d129a7.png" alt="" />

&nbsp;

อันดับ 9 DeAndre Hopkins
HOUSTON TEXANS
รายได้รวม: 25 ล้านเหรียญ
ค่าเหนื่อย/โบนัส: 24 ล้านเหรียญ
รายได้จากการโฆษณา: 1 ล้านเหรียญ

<img style="width: 680px; height: 452px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/60798adace688bf9ef70ababc4e1306f.png" alt="" />

&nbsp;

อันดับ 10 Stephon Gilmore
NEW ENGLAND PATRIOTS
รายได้รวม: 23.2 ล้านเหรียญ
ค่าเหนื่อย/โบนัส: 23 ล้านเหรียญ
รายได้จากการโฆษณา: 200,000 เหรียญ

<img style="width: 680px; height: 512px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/8e34f59c37cd0c8b4b6e4741e2b5d57c.png" alt="" />

&nbsp;

<hr />

<a href="http://goo.gl/u2N4Vq">อ่านเพิ่มเติม "ทีมมูลค่าสูงสุดใน NFL" และผลงานนอกสนามของ Russell Wilson ซูเปอร์สตาร์คนดังของ NFL ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ ธันวาคม 2560 ในรูปแบบ E-Magaizne</a>

<a href="https://goo.gl/u2N4Vq"><img style="width: 250px; height: 327px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/9892ea8dd2d1ef0f1da34a50a8317e02.jpg" alt="" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events