She-Shopper นักช็อปหญิงผู้ขับเคลื่อนอีคอมเมิร์ซไทยที่อาจช่วยดันยอดขายสินค้าแฟชั่นโต 21.5% ในปีนี้

<h2>ลาซาด้า ยกระดับประสบการณ์ช้อปปิงกับ LazTravel บริการจองตั๋วเครื่องบินและที่พัก เสริมแกร่งธุรกิจอีคอมเมิร์ซผ่านหมวดหมู่สินค้าไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยว ครอบคลุมเที่ยวบินและโรงแรมทั้งในไทยและต่างประเทศ ตอกย้ำจุดยืนด้านความคุ้มค่าในราคาที่ดีที่สุด พร้อมความสะดวก ครบจบในแอปเดียว โดยหลังจากเปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 ยอดการจองบน LazTravel เติบโต 2 หลักต่อเนื่องตลอดทุกไตรมาส ล่าสุดในแคมเปญ 11.11 ที่ผ่านมา LazTravel ดันยอดขายรวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 200% เมื่อเทียบกับช่วงปกติ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า “ด้วยความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอันดับหนึ่งในใจนักช้อป ลาซาด้าให้ความสำคัญกับการส่งมอบประสบการณ์ช้อปปิงที่ดีที่สุด ด้วยหมวดหมู่สินค้าที่ครอบคลุม และราคาที่คุ้มค่า บริการ LazTravel จึงเข้ามาเสริมจุดแข็งของเราในการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์นักช้อปให้ครบวงจรยิ่งขึ้น ผ่านสินค้าในหมวดการท่องเที่ยว ทั้งตั๋วเครื่องบิน ที่พัก กิจกรรมและแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงดีลพิเศษต่างๆ ช่วยให้นักท่องเที่ยวยุคใหม่สามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทริปภายในประเทศที่มาพร้อมดีลสุดคุ้ม จบครบในที่เดียว นอกจากนี้ LazTravel ยังเป็นการเพิ่มช่องทางให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น จากฐานผู้ใช้งานของลาซาด้าที่มีอยู่ทั่วประเทศ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความต้องการด้านการท่องเที่ยวยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับศักยภาพในการเติบโตผ่านช่องทางออนไลน์ รายงาน Thailand Travel and Tourism Market Report 2024 โดย Mintel ระบุว่า คนไทยราว 44% เดินทางท่องเที่ยวในปีที่ผ่านมา โดยนักท่องเที่ยวไทยกว่าครึ่งค้นหาดีลพิเศษต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ สอดคล้องกับยอดการจองทริปผ่านฟีเจอร์ LazTravel ในประเทศไทยที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา โดยมีจุดหมายปลายทางยอดนิยมในประเทศ ได้แก่ เชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ต ในขณะที่จุดหมายปลายทางในต่างประเทศอย่าง จีน และ ฮ่องกง ก็ติดอันดับต้นๆ ของการจองบนแอปลาซาด้า​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/xT9hVyXgYcDQXqDYTX18.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="xT9hVyXgYcDQXqDYTX18.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," origin-size="3240,2161" style="width: 100%;" data-index="0"></figure></div> <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/3igDHLj3TksrNfbXxS8N.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="3igDHLj3TksrNfbXxS8N.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," origin-size="3241,2161" style="width: 100%;" data-index="1"></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;LazTravel ฟีเจอร์ให้บริการการจองตั๋วเครื่องบิน ห้องพัก กิจกรรมและแหล่งท่องเที่ยว ผ่านแอปพลิเคชันลาซาด้า เป็นความร่วมมือกับ Fliggy แพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์ในเครือ อาลีบาบา กรุ๊ป ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจองบริการด้านการเดินทางทั้งภายในประเทศและนอกประเทศได้อย่างสะดวกสบาย ครบจบในแอปเดียว อีกทั้งมอบความคุ้มค่า ด้วยการเปรียบเทียบราคาจากหลากหลายสายการบินและโรงแรม พร้อมโปรโมชันและส่วนลดพิเศษตามแคมเปญต่างๆ ของลาซาด้าตลอดทั้งปี โดยบริการ LazTravel ครอบคลุมตั๋วเครื่องบินจากกว่า 200 สายการบิน และการเดินทางกว่า 50,000 เส้นทาง พร้อมมีโรงแรมให้เลือกกว่า 100,000 โรงแรม ใน 7,000 เมือง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ลาซาด้า ยังเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งของ LazTravel อย่างต่อเนื่อง ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำต่าง ๆ อาทิ ความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวสำคัญในแต่ละภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นนครศรีธรรมราช อุดรธานี น่าน และเชียงราย ผ่านแคมเปญสุขทันที ที่เที่ยวไทย กับ LazTravel ความร่วมมือกับการท่องเที่ยวฮ่องกง (HKTB) ในการสร้างสรรค์แคมเปญเพื่อโปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่น รวมถึงดีลพิเศษต่างๆ และล่าสุด ลาซาด้า ได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวมาเก๊า (MGTO) นำเสนอดีลสุดเอ็กซ์คลูซีฟในการจองเที่ยวบินและโรงแรมในราคาที่ดีที่สุด ตลอดไตรมาสสี่ของปีนี้ ภาพ: ลาซาด้า เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/tcg-transforns-to-nacga" alt="บสย. พร้อม Transforms สู่ สถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ NaCGA">บสย. พร้อม Transforms สู่ สถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ NaCGA</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

อยากเที่ยวก็จองผ่านลาซาด้า! ฟีเจอร์ LazTravel โตแรงต่อเนื่อง 11.11 ยอดขายสูงกว่าช่วงปกติ 200%

<h2>ซิตี้ (Citi) เปิดตัว 7-Day Sweeps บริการบริหารสภาพคล่องเรียลไทม์แบบใหม่ ขยายขีดการบริหารสภาพคล่องด้วยระบบอัตโนมัติ 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน ช่วยลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเงินสำหรับองค์กร โดยเฉพาะธุรกิจอีคอมเมิร์ซ นำร่องใช้งานในประเทศไทย โดยลาซาด้า (Lazada) เป็นบริษัทแรกที่ได้ใช้งาน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นฤมล จิวังกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย กล่าวว่า “ภูมิทัศน์การชำระเงินของประเทศไทยได้พัฒนาสู่ระดับเรียลไทม์ ทำให้โมเดลธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลง องค์กรหลายแห่งมีการดำเนินงาน 24 ชั่วโมง ตลอดสัปดาห์ โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีและอีคอมเมิร์ซซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย เพื่อสอดรับเทรนด์การดำเนินธุรกิจล่าสุด ซิตี้จึงนำเสนอบริการ 7-Day Sweeps โซลูชันบริหารสภาพคล่องทางการเงิน ด้วยระบบรวมศูนย์เงินสด (Cash Concentration) จากบัญชีธนาคารย่อยของบริษัทสู่บัญชีหลัก และโอนเงินอัตโนมัติ (Sweeps) ปลอดภัยสูงตลอด 24 ชั่วโมง แม้ในวันหยุด”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;7-Day Sweeps จะช่วยลดความเสี่ยงยอดเงินในบัญชีติดลบ (Negative Balance) รวมถึงทำให้ธุรกิจในประเทศไทยสามารถจัดการเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ซิตี้ยังคงมุ่งมั่นนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ และเทคโนโลยีการเงิน ที่ให้ประสิทธิภาพและความแม่นยำสูงขึ้น ภายใต้ระยะเวลาการดำเนินงานที่ลดลง เพื่อตอบรับความต้องการล่าสุดของลูกค้าภาคองค์กรธุรกิจอย่างต่อเนื่อง​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/KmPg5FEvh9RHvJ1WvfDo.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="KmPg5FEvh9RHvJ1WvfDo.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,500"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ลาซาด้าเป็นองค์กรแรกในประเทศไทยที่ได้ใช้บริการ 7-Day Sweeps ซึ่งเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีคำสั่งซื้อสินค้าตลอดเวลา และมักเกิดขึ้นในช่วงนอกเวลาทำการปกติ โดยเฉพาะช่วงแคมเปญ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยความมุ่งมั่นของลาซาด้าในการสร้างประสบการณ์การช้อปที่เหนือกว่า พร้อมเพิ่มศักยภาพให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจบนโลกออนไลน์ได้อย่างมืออาชีพ ระบบ 7-Day Sweeps จึงช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้มีความคล่องตัว ส่งผลให้ผู้ขายสามารถบริหารจัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างโอกาสในการเติบโตมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซของไทยในภาพรวม เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/uob-q-3-2024" alt="กลุ่ม UOB เผยกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 67 แตะ 1,600 ล้านเหรียญสิงคโปร์ เติบโต 11%">กลุ่ม UOB เผยกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 67 แตะ 1,600 ล้านเหรียญสิงคโปร์ เติบโต 11%</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Citi เปิดตัวบริการ 7-Day Sweeps ช่วยบริหารสภาพคล่อง 24 ชม.ทุกวัน นำร่องใช้งานกับ Lazada เป็นบริษัทแรก

<h2>ลาซาด้าไม่หวั่นอีคอมเมิร์ซจีน ติด 3 อาวุธลับ ดันธุรกิจโตยั่งยืนระยะยาว มัดใจขาช็อปด้วยประสบการณ์ช็อปเฉพาะบุคคล ขยายแบรนด์เอ็กซ์คลูซีฟ เพิ่มลักชัวรีแบรนด์ พร้อม AI ให้ช็อปทั้งสะดวกและสนุก</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซในเมืองไทยมีการเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคตลอด 2 ปีที่ผ่านมา และในปี 2566 ยังเติบโตสูงกว่าปีก่อนหน้าถึง 20% และมีมูลค่าสูงถึง 9.8 แสนล้านบาท เป็นอันดับที่ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซียที่มีมูลค่าตลาด 2.73 ล้านล้านบาท ส่วนที่เหลือฟิลิปปินส์และเวียดนามมีมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซเท่ากันที่ 7 แสนล้านบาท ขณะที่มาเลเซียและสิงคโปร์มีมูลค่าตลาดที่ 5.6 แสนล้านบาท และ 3.5 แสนล้านบาท ตามลำดับ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยศักยภาพดังกล่าว ลาซาด้า ยังคงเดินหน้าลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะตลาดอีคอมเมิร์ซเมืองไทยมีความ maturity มากกว่าประเทศอื่นๆ เพราะความพร้อมของระบบโลจิสติกส์ บริษัทจะเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ด้วยกลยุทธ์ 3 ด้าน ได้แก่ การยกระดับประสบการณ์นักช็อป เน้นสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยี และสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราพบว่า สัดส่วนนักช็อปหญิงและผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z เข้ามามีบทบาทขับเคลื่อนธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทยมากขึ้น และ 35% ของนักช็อป Gen Z รับหน้าที่สั่งซื้อสินค้าให้สมาชิกทั้งครอบครัวด้วย นอกเหนือจากสินค้าแฟชั่น พรีเมียม และความงามของตัวเองแล้ว ยังมีการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ในครัวเรือนและเครื่องใช้ไฟฟ้ามากขึ้น” วาริสฐา บอก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดังนั้น การเพิ่มประสบการณ์การช็อปที่แตกต่าง ภายใต้แนวคิด “Customer-First” จึงถูกวางเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคลได้ดียิ่งขึ้นทั้งยี่ห้อและราคา เพื่อเพิ่มอัตราการซื้อซ้ำและความเหนียวแน่นของนักช็อป โดยเฉพาะในหมวดหมู่ของสินค้าพรีเมียม แฟชั่น และความงาม ที่เป็นจุดแข็งของแพลตฟอร์ม เพื่อสร้างการเติบโตของลาซาด้าในระยะยาว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/zLY2dnijHKQX66JBCfVd.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="zLY2dnijHKQX66JBCfVd.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภาพสะท้อนจากยอดขายรวมของ LazMall ช่วงเมกะแคมเปญ ซึ่งโตก้าวกระโดดมากกว่า 7 เท่าเทียบกับการขายในวันปกติ ทำให้ในโค้งสุดท้ายของปี 2567 ลาซาด้าจะเน้นเปิดตัวแบรนด์เอ็กซ์คลูซีฟเสริมความแข็งแกร่งของ LazMall และรุกเซ็กเมนต์สินค้าลักชัวรี ผ่านหมวดสินค้า LazMall Premium Brand มากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ยังตอกย้ำ LazLOOK ในฐานะจุดหมายสินค้าแฟชั่น ผ่านแคมเปญรายสัปดาห์ที่จะเข้ามาสร้างความตื่นเต้นและสีสันให้แก่นักช้อปอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และเพื่อให้การช็อปเป็นเรื่องสะดวกและสนุกยิ่งขึ้น ลาซาด้าจะนำเทคโนโลยี AI มาพัฒนานวัตกรรมและฟีเจอร์ต่างๆ โดยมี Gamification เป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างการมีส่วนร่วมกับนักช็อป ที่ผ่านมา LazGame ได้รับผลตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากในไทย โดยมีผู้เล่นเกมกว่า 1 ล้านคนต่อวัน ซึ่งนักช็อปกลุ่มนี้มีการใช้งานแอปพลิเคชั่นนานกว่าค่าเฉลี่ยของแพลตฟอร์มถึง 3 เท่า และราว 82% กลับมาใช้งานแอปพลิเคชั่นเป็นประจำทุกวัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่สะท้อนถึงความสำเร็จของการลงทุนด้านนวัตกรรมของลาซาด้า คือฟีเจอร์ “ถามผู้ใช้งานจริง (Ask the Buyer)” ซึ่งนำเทคโนโลยี AI มาช่วยตั้งคำถามเชิญชวนให้ผู้ซื้อรายก่อนๆ มาร่วมรีวิวสินค้า เพื่อช่วยให้ผู้ซื้อรายใหม่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น โดยปัจจุบันมีการตอบคำถามจากผู้ซื้อจริงไปแล้วกว่า 1.5 ล้านครั้ง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/iwDnrAHhMXaRG247mwEq.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="iwDnrAHhMXaRG247mwEq.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับการส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพผู้ขายไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนนั้น บริษัทจะพัฒนาโซลูชั่นการตลาดที่สนับสนุนผู้ขายให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมืออาชีพ เช่น เครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยี AI ช่วยปรับแต่งรูปภาพ เขียนคำอธิบายสินค้า รวมทั้งส่งเสริมผู้ขายไทยให้ประสบความสำเร็จในตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศอื่นๆ อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การเข้ามาของอีคอมเมิร์ซจากจีน ทำให้การแข่งขันมากขึ้น ซึ่งดีกับทั้งเราและผู้บริโภคทั้งเรื่องโปรโมชั่นและราคา เราไม่เพียงแต่จะ innovate ประสบการณ์การช็อปที่ดียิ่งขึ้นในทุกการจับจ่าย เรายังให้สิทธิพิเศษผู้ประกอบการไทยซึ่งมีสัดส่วนการขายสูงสุด และร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อปกป้องผู้ซื้อด้วย” วาริสฐากล่าวทิ้งท้าย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/newsfinance-and-investment/kkp-research-chinese-goods-flooded-thai-market" alt="KKP ชี้ e-Commerce โตแรงเร่งสินค้าจีนทะลักเข้าไทย กระตุ้นเสี่ยงขาดดุลการค้า">KKP ชี้ e-Commerce โตแรงเร่งสินค้าจีนทะลักเข้าไทย กระตุ้นเสี่ยงขาดดุลการค้า</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘ลาซาด้า’ ไม่หวั่นอีคอมเมิร์ซจีน ติด 3 อาวุธลับ ดันธุรกิจโตยั่งยืนระยะยาว

<h2>​บริษัทอีคอมเมิร์ซ "ลาซาด้า" ปลดพนักงานท่ามกลางกระแสคาดการณ์ IPO ที่จะเกิดขึ้นในปี 2567 นี้ เพื่อความคล่องตัวในการบริหารงานของบริษัทและรองรับการเติบโตในอนาคต </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เริ่มต้นปีใหม่ในวันที่ 3 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ในระดับภูมิภาคอย่าง “Lazada” (ลาซาด้า) ได้ออกประกาศเลิกจ้างพนักงานในสิงคโปร์ในจำนวนที่ไม่เปิดเผยตัวเลข โดยโฆษกของลาซาด้าเองยังได้ตอบคำถามกับทางสืื่อ The Straits Times ว่า "เรากำลังทำการปรับเปลี่ยนเชิงรุกด้านพนักงานและวิธีการทำงานให้มีความคล่องตัวมากขึ้น เพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าธุรกิจของลาซาด้าจะเติบโตไปในตำแหน่งที่ดีกว่าในการรองรับธุรกิจและบุคลากรในอนาคต"&nbsp; &nbsp; แม้ประเด็นเรื่องจำนวนคนงานในสิงคโปร์ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกเลิกจ้างรวมถึงทางบริษัทจะจ่ายเงินแพ็กเกจค่าชดเชยให้แก่พนักงานหรือไม่นั้น จะยังไม่มีใครออกมาให้ข้อมูลได้อย่างชัดแจ้ง แต่ทาง&nbsp;The Straits Times เองก็มีการเปิดเผยข้อมูลว่าช่วงเดือนตุลาคม 2023 ที่ผ่านมาทางลาซาด้าก็มีการเลิกจ้างพนักงานไปแล้วก่อนหน้าด้วยเช่นกัน&nbsp;&nbsp; &nbsp; ทั้งนี้ ลาซาด้า ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 2555 และมีการดำเนินงานใน 6 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม ปัจจุบัน ลาซาด้า&nbsp;กลายเป็นบริษัทในเครือของ Alibaba Group Holding หลังจากที่ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีนได้เข้าซื้อหุ้นในปี 2559 เพื่อขยายอาณาจักรเพิ่มขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้&nbsp;&nbsp; &nbsp; หลังจากช่วงเดือนมีนาคม 2566 ที่อาลีบาบาได้แยกธุรกิจออกเป็น 6 หน่วยธุรกิจหลักตามรายงานเพื่อปลดล็อกมูลค่าผู้ถือหุ้นและการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยสาเหตุของการปรับลดตำแหน่งของพนักงานลงครั้งล่าสุดนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางการคาดเดาเกี่ยวกับการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรกของ AIDC ในสหรัฐอเมริกาของปี 2567 ซึ่งได้รายงานข้อมูลครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา&nbsp; &nbsp; อย่างไรก็ตาม Chan Ih-Ming ผู้อำนวยการบริหาร Digital Industry Singapore (DISG) กล่าวถึงการเลิกจ้างงานว่า "DISG ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Lazada และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือพนักงานที่ได้รับผลกระทบในการแสวงหาโอกาสการจ้างงานทางเลือก&nbsp;ในขณะที่บริษัทแต่ละแห่งต้องตัดสินใจว่าจะวางตำแหน่งธุรกิจและพนักงานของตนให้ดีที่สุดอย่างไรภายใต้ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ท่ามกลางเศรษฐกิจดิจิทัลของเอเชียยังคงขยายตัว เรามั่นใจในศักยภาพการเติบโตในระยะยาวของภาคเทคโนโลยีของสิงคโปร์" แปลและเรียบเรียงจากบทความ&nbsp;<a href="https://www.straitstimes.com/business/companies-markets/lazada-cuts-staff-amid-speculation-of-upcoming-ipo" alt="Lazada cuts staff amid speculation of upcoming IPO">Lazada cuts staff amid speculation of upcoming IPO</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/informa-markets-plans-15-exhibition-show-revenue-target-1-180-millions-bath" alt="อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ตั้งเป้าปี 67 รายได้ 1,180 ล้านบาท รุกจัดงาน 15 งานแสดงสินค้า">อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ตั้งเป้าปี 67 รายได้ 1,180 ล้านบาท รุกจัดงาน 15 งานแสดงสินค้า</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ลาซาด้า ฉลองปีใหม่ด้วยการปลดพนักงานในสิงคโปร์คาดเป็นผลจากการเตรียม IPO ปี 2567

วีระพงศ์ โก แม่ทัพ Lazada คนรุ่นใหม่ขับเคลื่อนธุรกิจ

ลาซาด้า เจาะลึก "อีคอมเมิร์ซ เซาท์อีสเอเชีย" มูลค่า 5.5 ล้านล้านบาท

<h2>การทวีความรุนแรงของโรคระบาดโควิด-19 รวมถึงมาตรการล็อกดาวน์ ผลักดันให้อีคอมเมิร์ซกลายมาเป็นช่องทางสำคัญสำหรับผู้บริโภค และ "นักช้อปออนไลน์" ที่หันมาพึ่งช่องทางออนไลน์มากขึ้น ขณะเดียวกัน อีคอมเมิร์ซยังกลายเป็นช่องทางหลักสำหรับผู้ประกอบการในการประคับประคองธุรกิจให้ไปต่อได้</h2>
ลาซาด้า ผู้สร้างการเติบโตให้วงการอีคอมเมิร์ซไทยอย่างต่อเนื่องมากว่า 9 ปี รวบรวมสถิติน่าสนใจจากผู้บริโภคบนแพลตฟอร์ม พร้อมเผยทิศทางอีคอมเมิร์ซเพื่อเป็นแนวทางให้แบรนด์และร้านค้าปรับตัวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค โดยอินไซต์ที่น่าสนใจของผู้บริโภคและนัก นักช้อปออนไลน์ ในช่วงนี้ เช่น

ซื้อถี่ขึ้น และใช้เวลาอยู่บนแพลตฟอร์มยาวนานขึ้นอีกด้วย ลาซาด้า พบว่าปัจจุบัน ผู้บริโภคใช้เวลาเฉลี่ยบนแอปฯ ต่อเดือน มากกว่า 70 นาที และความถี่ในการเข้ามาใช้งานเฉลี่ยเดือนละ 7 ครั้งต่อคน

ซื้อเป็นเซ็ตคุ้มกว่าจูงใจมากกว่า เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันที่ทำให้ยอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครั้ง (Average budget size spending) ของผู้บริโภคลดลงถึงร้อยละ 30 เมื่อเปรียบเทียบกับยอดการใช้จ่ายในปี 2563 การจัดผลิตภัณฑ์เป็นเซ็ตพร้อมโปรโมชั่นช่วยเพิ่มความคุ้มค่าให้กับสินค้าและบริการ จูงใจให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ผู้หญิงยังครองแชมป์ แต่นักช้อปชายมาแรงไม่แพ้กัน ลาซาด้ามียอดนักช้อปหญิงมากถึงร้อยละ 52 ทำให้สินค้าสำหรับผู้หญิง อย่าง สกินแคร์ เครื่องสำอาง เสื้อผ้า ยังคงเป็นที่ต้องการในตลาดอีคอมเมิร์ซ ส่วนนัก ช้อปชายก็หันมาซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้น และจำนวนร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าสำหรับผู้ชายก็เติบโตกว่าร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับปี 2563

อยู่ที่ไหนก็ซื้อได้ คนต่างจังหวัดก็ซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น แรกเริ่มสัดส่วนนักช้อปลาซาด้าอยู่ที่กรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ๆ เป็นหลัก แต่ปัจจุบัน ยอดนักช้อปบนแอปฯ มากถึงร้อยละ 85 อาศัยอยู่ต่างจังหวัด เนื่องจากผู้บริโภคชาวไทยได้ปรับตัวหันมาช้อปออนไลน์จากการล็อกดาวน์ครั้งแรกจนเกิดปรากฏการณ์ New Normal และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน

สัดส่วนอายุของนักช้อปออนไลน์ โดยพบว่าผู้บริโภคในกลุ่ม Gen Y มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 70 ของผู้ใช้งานทั้งหมด

มั่นใจในแบรนด์ที่มีทั้งออนไลน์และออฟไลน์ จากรายงาน Future Shopper 2021 ของวันเดอร์แมน ธอมสัน คนไทยร้อยละ 82 นิยมซื้อของจากแบรนด์ที่มีร้านทั้งออฟไลน์และออนไลน์ การมีร้านทั้งสองช่องทางจะช่วยให้แบรนด์ชนะใจผู้บริโภคง่ายขึ้น โดยเฉพาะการขยายไปอีคอมเมิร์ซ ซึ่งช่วยให้สามารถเข้าถึงนักช้อปได้ทั่วประเทศ โดยที่ผ่านมา หลายแบรนด์ประสบความสำเร็จในการเข้าถึงผู้บริโภคจากการเปิดร้านบน LazMall ปัจจุบัน ลาซาด้ามีแบรนด์บน LazMall มากกว่า 9,000 แบรนด์ เพิ่มขึ้น 350 เปอร์เซ็นต์ จากปี 2563

สินค้ายอดฮิตยังคงเกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 รวมไปถึงอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการทำ Home Isolation เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิ เครื่องวัดออกซิเจนจากปลายนิ้ว ถุงขยะสีแดงมีหูผูกสำหรับขยะติดเชื้อ เป็นต้น โดยตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สินค้าในกลุ่มเหล่านี้มีความต้องการเพิ่มมากถึงร้อยละ 70

สินค้าดิจิทัล (Digital Goods) มาแรง เช่น บัตรเติมเงินมือถือ บัตรกำนัล ประกัน แพ็กเกจตรวจสุขภาพ ใบจองคอนโด โดยที่ผ่านมายอดขายแพ็กเกจตรวจสุขภาพของโรงพยาบาลต่างๆ บนลาซาด้าเติบโตขึ้นถึง 1,000 เปอร์เซ็นต์ สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพ และนั่นหมายความว่าในอนาคตไม่ว่าอะไรก็สามารถขายบนช่องทางออนไลน์ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นสินค้าที่จับต้องได้อีกต่อไป

นักช้อปคาดหวังในบริการด้านการจัดส่งมากขึ้น การจัดส่งสินค้าฟรีจึงเป็นแต้มต่อให้กับร้านค้า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา นักช้อปใช้คูปองจัดส่งสินค้าฟรีบนแอปฯ ลาซาด้าไปแล้วถึง 117 ล้านครั้ง ช่วยผู้บริโภคประหยัดเงินค่าขนส่งไปได้มากถึง 350 ล้านบาท ส่วนผู้ขายที่มีโปรโมชั่นส่งสินค้าฟรีพบว่ามียอดขายเพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ 40

นอกจากนี้ โครงการอื่นๆ ของลาซาด้า เช่น แคมเปญเลขคู่ หรือฟีเจอร์ช้อป 9 บาททุกวัน ก็ช่วยดันยอดขายให้ร้านค้าได้เติบโต 560 เปอร์เซ็นต์ ลาซาด้าจึงจัดโปรโมชั่นส่งสินค้าฟรีในแคมเปญต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงแคมเปญ 9 Mega Brands Sale เมกะแคมเปญที่จะมาถึงในเดือนกันยายนนี้ พร้อมระบบลาซาด้าโลจิสติกส์ที่รวดเร็วและครอบคลุมเพื่อช่วยผู้ขายตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและสนับสนุนให้คนไทยก้าวผ่านช่วงเวลาที่ท้าทายนี้ไปด้วยกัน

<img class="alignnone size-full wp-image-49810" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/08/นักช้อปออนไลน์_004.jpg" alt="" width="600" height="600" />

<img class="alignnone size-full wp-image-49809" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/08/นักช้อปออนไลน์_003.jpg" alt="" width="600" height="600" />

<img class="alignnone size-full wp-image-49811" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/08/นักช้อปออนไลน์_005.jpg" alt="" width="600" height="600" />

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/gs-retail-%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A5-yogiyo-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5.html">GS Retail ปิดดีล Yogiyo เสริมทัพค้าปลีก ชิงส่วนแบ่งในตลาดส่งอาหารเกาหลีใต้</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ลาซาด้า เปิดอินไซต์ "นักช้อปออนไลน์" เผยเทรนด์สำคัญอีคอมเมิร์ซไทย

<h2 class="p1">ลาซาด้า เผยห้างปิดจากโควิด-19 แต่ดีมานด์ยังมีอยู่ ทำช็อปออนไลน์ไทยเติบโต 80% ผุดสารพัดแผนสนับสนุน SMEs สู้วิกฤต</h2>
ภารดี สินธวณรงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดโควิด-19 ทำให้ห้างร้านต้องปิดดำเนินการลงชั่วคราว ผู้บริโภคจึงหันไปซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทยในเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีการเติบโตสูงขึ้นถึง 80% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน
สำหรับในส่วนของลาซาด้า จำนวนนักช็อปที่ซื้อสินค้าบนแพลตฟอร์มลาซาด้าเพิ่มขึ้นกว่า 60% ทั้งยังพบว่าลูกค้าใช้เวลาเฉลี่ยในการใช้งานต่อครั้ง 11 นาที ซึ่งนานขึ้นถึง 11%
นอกจากนี้ยังพบว่า จำนวนผู้ขายบนลาซาด้าเพิ่มขึ้นกว่า 26,000 รายในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดยปัจจุบันลาซาด้ามีผู้ขายที่เป็นร้านค้าและแบรนด์ทั้งหมดกว่า 200,000 ราย ส่งผลให้ภาพรวมความสำเร็จของลาซาด้าเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงกลางเดือนมีนาคมถึงกลางเดือนเมษายน
โดยยอดคำสั่งซื้อในลาซาด้าพุ่งขึ้น 100% และมูลค่าการซื้อ-ขายสินค้าสูงขึ้นถึง 130% เมื่อเทียบระหว่างต้นเดือนกุมภาพันธ์ และต้นเดือนเมษายน
“เรามองว่าสถิติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ อย่างเช่น ยอดคำสั่งซื้อที่เพิ่มสูงขึ้นมาก จะกลายเป็น new normal ในช่วงหลังสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากการสถานการณ์นี้ได้ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป”
สำหรับสินค้าที่ขายดีในช่วงนี้ มีการปรับเปลี่ยนจากสินค้าแฟชั่น และสินค้ากลุ่มโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต มาเป็นสินค้ากลุ่มชุดอยู่บ้าน, สินค้าอุปโภคบริโภคอย่างสบู่ แชมพู, เครื่องฟอกอากาศ และอาหารเสริม ซึ่งตอบรับกับชีวิตความเป็นอยู่และความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป


<figure><img class="size-full wp-image-28802" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/lazada.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> (ซ้าย) ธนิดา ซุยวัฒนา, (ขวา) ภารดี สินธวณรงค์</figcaption></figure>

&nbsp;
<h2 class="p1">เปิดแผนหนุนภาคธุรกิจให้ไปต่อได้</h2>
ธนิดา ซุยวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารฝ่ายธุรกิจ กล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 เราพบว่าความต้องการของผู้บริโภคยังมีอยู่ สะท้อนจากแคมเปญในช่วง Birthday ของลาซาด้าที่ยอดขายเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากแคมเปญเดียวกันในปีก่อน เราจึงคิดว่าจะทำอย่างไรเพื่อสนับสนุนให้แบรนด์ต่างๆ ยังดำเนินธุรกิจและเติบโตไปได้ จึงเปิดตัวมาตรการพิเศษที่จะเข้ามาช่วยเหลือและช่วยสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นให้กับธุรกิจ SMEs และแบรนด์ต่างๆ เพิ่มเติม ดังนี้
-O2O Promoter &amp; Affiliate Program: จากการที่ห้างสรรพสินค้าที่ต้องหยุดให้บริการชั่วคราว ทำให้พนักงานจากร้านค้าต่างๆ ในห้างสรรพสินค้าไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่นจากการขาย จึงเปิดโอกาสให้พนักงานเหล่านี้ได้เข้ามาขายของผ่านสื่อโซเชียลมีเดียของตนเอง โดยลาซาด้าจะทำการติด Tracking link ให้ และมีระบบตรวจสอบข้อมูลยอดขายจาก Link ของแต่ละคน
อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ใช้ฟังก์ชั่น  LazLive ไลฟ์สตรีมบนแอปพลิเคชันลาซาด้าฟรีอีกด้วย โดยพนักงานจะได้รับค่าคอมมิชชั่นจากแบรนด์และลาซาด้า
ทั้งนี้ ขณะนี้มีแบรนด์ชั้นนำบน LazMall ตอบรับเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 20 แบรนด์ อาทิ Samsung, OPPO, Vivo, L'Oréal, Garnier, Maybelline มีพนักงานขายเข้าร่วมโครงการมากถึง 15,000 คน ซึ่งจากการดำเนินงานในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สามารถสร้างจำนวนคนเข้าร้านค้าได้มากขึ้นกว่า 100% มีจำนวนลูกค้าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นกว่า 37% และยอดขายโดยรวมพุ่งขึ้นกว่า 42%
<img class="alignnone size-full wp-image-28801" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/SME-Stimulus-Package.jpg" alt="" width="600" height="527" />
-SME Stimulus Package: ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายน - 15 พฤษภาคม 2563 มุ่งช่วยเหลือ SME ไทยกว่า 50,000 ราย ไม่ว่าจะเป็นผู้ขายเดิมหรือผู้ขายใหม่ ด้วยสิทธิประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ฟรี 0% ค่าคอมมิชชั่น และค่าธรรมเนียมการชำระเงิน โดยลาซาด้าเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมด, เปิดร้านออนไลน์ได้รวดเร็วทันใจภายใน 3 นาที และสามารถเข้าถึงบริการสนับสนุนอื่นๆ เพิ่มเติมฟรี
รวมถึงใช้ประโยชน์จากทราฟฟิกและเครื่องมือทางการตลาดที่ลาซาด้ามอบให้โดยเฉพาะ อาทิ LazLive ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นไลฟ์สตรีมที่ลาซาด้าเปิดให้บริการมาราวปีครึ่ง เพื่อให้ผู้บริโภคมีความสนุกในการช็อปปิ้ง ซึ่งเป็นบริการที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จ โดยมีคอนเทนต์ที่หลากหลายให้ได้รับชมกว่า 500 คอนเทนต์ต่อสัปดาห์
ปัจจุบันมีผู้ขายกว่า 2,500 รายลงทะเบียนทำคอนเทนต์ LazLive โดยผู้ขายมากกว่า 150 ราย ทำคอนเทนต์ผ่าน LazLive เป็นประจำทุกวัน ซึ่งลาซาด้ามอบคูปองส่วนลด 20% ให้ผู้ขายที่เริ่มไลฟ์สตรีมบน LazLive โดยปัจจุบันมีจำนวนยอดการรับชมรวมกว่า 10 ล้านครั้งใน 2 เดือนที่ผ่านมา และสามารถสร้างคำสั่งซื้อได้มากกว่า 20,000 รายการ
“LazLive ไม่เพียงแต่สนับสนุนผู้ขายเท่านั้น แต่ลาซาด้ายังมี LazTalent ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าทำไลฟ์สตรีมรีวิวสินค้าที่ชื่นชอบ และสามารถเปลี่ยนความชอบเป็นรายได้ในช่วงวิกฤตนี้ได้ โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 240 รายที่หันมาสร้างคอนเทนต์มากกว่า 450 คอนเทนต์ต่อสัปดาห์” ธนิดากล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ลาซาด้าตั้งเป้าจำนวนผู้ขายและผู้บริโภคทำคอนเทนต์บน LazLive มากขึ้นเฉลี่ย 40% ต่อเดือน มีจำนวนคอนเทนต์เพิ่มขึ้น 1.5 เท่า หรือประมาณ 1,800 คอนเทนต์ต่อสัปดาห์ และเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจ SME ได้ถึง 20%
&nbsp;
<h2 class="p1">ออกแคมเปญสำหรับผู้บริโภค</h2>
ภารดี ระบุเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้บริโภค ลาซาด้าได้ออกแคมเปญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าลดราคาพิเศษ, แคมเปญส่งฟรีตลอดเดือนเมษายน เมื่อซื้อสินค้า 3 ชิ้นขึ้นไป เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้บริโภค
“เรายังยึดมั่นในความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงาน จึงมีมาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และรักษามาตรฐานความสะอาดทั้งในคลังสินค้า รวมไปถึงพนักงานส่งสินค้าทุกคน โดยมีมาตรการวัดอุณหภูมิ, มอบหน้ากากและเจลแอลกอฮอล์ให้กับพนักงานด้วย” ภารดี กล่าว
&nbsp;
<h2 class="p1">แผนสนับสนุนสังคมไทยของ ลาซาด้า</h2>
ภารดีกล่าวว่า ลาซาด้าไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับผู้ค้าและลูกค้า แต่ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญและปัญหาต่างๆ ในสังคมไทย โดยลาซาด้าพร้อมให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ผ่านแคมเปญและกิจกรรมต่างๆ อาทิ
ลาซาด้ามอบเงินบริจาครวม 3 ล้านบาท ให้แก่โรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อการจัดซื้อเวชภัณฑ์ เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น
เปิดช่องทางการบริจาคออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มลาซาด้า เพื่อสนับสนุนองค์กรไม่แสวงกำไร ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส และองค์กรสาธารณกุศลต่างๆ
แคมเปญ #LazHappyHeart สนันสนุนให้คนอยู่บ้าน เว้นระยะห่างทางสังคม แต่ยังสามารถส่งต่อความรักให้แก่กันได้ ผ่านการโพสต์ภาพท่ามินิฮาร์ทขณะ Video Call กับเพื่อนๆ พร้อมติดแฮชแท็ก #LazHappyHeart ผ่านทางโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือ Twitter ระหว่างวันที่ 17 เมษายน - 1 พฤษภาคมนี้
ทุกๆ หนึ่งแฮชแท็ก ลาซาด้าจะนำเงินไปจัดซื้อของใช้ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต เพื่อบริจาคให้คนไร้บ้านผ่านทางมูลนิธิอิสระชน และหากโพสต์ใดไอเดียโดนใจคณะกรรมการ รับเงิน 1,000 บาท จำนวน 3 รางวัล แจกรางวัลทุกสัปดาห์เข้าบัญชีลาซาด้าวอลเล็ต
&nbsp;
<ul>
 	<li>อ่านเพิ่มเติม <a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94-%e0%b8%9e%e0%b8%a4%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%83%e0%b8%8a%e0%b9%89%e0%b8%88%e0%b9%88%e0%b8%b2.html">เปิด “พฤติกรรมการใช้จ่าย” ของคนไทยในช่วงโควิด-19 สิ่งที่แบรนด์ควรรู้และรับมือ</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

โควิด-19 ทำช็อปออนไลน์ไทยพุ่ง 80% ลาซาด้า งัดสารพัดแผนหนุน SMEs

<h2>ลาซาด้า ประเทศไทย วางแผนขยายอาณาจักร เปิด “Laz Mart” เป็น “ออนไลน์ ซูเปอร์มาร์เก็ต” ขายสินค้าของใช้ประจำวัน เริ่มกันยายนนี้ เฟสแรกจำหน่ายเฉพาะของแห้งทดลองตลาด ก่อนขยับไปสู่วัตถุดิบอาหารสดส่งตรงถึงบ้าน ด้านการเติบโต 7 เดือนแรกปี 2562 ผู้ซื้อเพิ่มขึ้น 105% ผู้ขายโต 90%</h2>
Jack Zhang รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลาซาด้า ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ในเดือนกันยายนนี้ ลาซาด้าไทยจะเปิดฟีเจอร์ใหม่ในแอพพลิเคชั่น คือ Laz Mart ซึ่งจะขายสินค้าของกินของใช้แบบเดียวกับในซูเปอร์มาร์เก็ต (Grocery Products) และมีความท้าทายคือจะต้องจัดส่งสินค้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม

ด้าน Yann Fontaine ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ ลาซาด้า ประเทศไทย อธิบายว่า บริการนี้เกิดขึ้นเนื่องจากลาซาด้าเห็นโอกาสจากขนาดตลาดของสินค้าอุปโภคบริโภคกลุ่ม FMCG (Fast-Moving Consumer Goods) ในไทย และสินค้าเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้ซื้อต้องใช้เป็นประจำทุกสัปดาห์ ทำให้เกิด Laz Mart ขึ้น เป็นคอนเซปท์ค้าปลีกออนไลน์ที่ผู้ซื้อได้ซื้อตรงจากแบรนด์นั้นๆ

Fontaine กล่าวว่า ในเฟสแรกนี้บริษัทจะจำหน่ายเฉพาะสินค้าแห้งก่อน ยังไม่มีวัตถุดิบอาหารสด เพื่อทดลองการตอบรับของตลาด แต่ในอนาคตจะพัฒนาไปสู่การขายอาหารสดแน่นอน ปัจจุบันบริษัทเตรียมแบรนด์ที่จะจำหน่ายเบื้องต้นแล้วโดยมีทั้งแบรนด์ระดับสากลและของไทย

<figure><img class="wp-image-13929 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/08/Supermarket.jpg" alt="ออนไลน์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ลาซาด้า" width="800" height="476" /><figcaption> ลาซาด้าเตรียมเปิด Laz Mart ในเดือนกันยายน 2562 บุกหนักขายของกินของใช้เป็น "ออนไลน์ ซูเปอร์มาร์เก็ต" เฟสแรกเริ่มที่ของแห้งก่อนขยับไปสู่การขายของสดต่อไป</figcaption></figure>

Forbes Thailand รายงานว่า ลาซาด้ามีการจัดจำหน่ายสินค้ากลุ่ม Grocery อยู่แล้วโดยอยู่ในหมวด 'ซุปเปอร์มาร์เก็ตและสัตว์เลี้ยง' และหลายรายการเป็นการจัดจำหน่ายโดยตรงจากแบรนด์ผ่านกลุ่มร้านค้าทางการ LazMall เช่น เนสท์เล่ เลย์ เด็กสมบูรณ์ เครือยูนิลีเวอร์ ไลออน ฯลฯ รวมถึงจำหน่ายผ่านร้านค้าทางการของซูเปอร์มาร์เก็ตออฟไลน์อย่าง เทสโก้ โลตัส

และลาซาด้าก็เคยทดลองตลาดออนไลน์ ซูเปอร์มาร์เก็ตมาแล้วครั้งหนึ่งผ่านแคมเปญ Supermart ให้ซื้อสินค้าน้ำหนักสูงสุด 20 กิโลกรัมต่อครั้ง ด้วยค่าจัดส่ง 99 บาททั่วประเทศ เมื่อเดือนมีนาคม 2561 และอีกครั้งเมื่อเดือนมีนาคมปีนี้ที่ร่วมกับเทสโก้ โลตัสจัดเทศกาลลดราคาเฉพาะกลุ่มของกินของใช้ พร้อมโปรโมชันซื้อขั้นต่ำ 800 บาทส่งฟรี

ทั้งนี้ ทางลาซาด้ายังไม่เปิดเผยรายละเอียดว่า Laz Mart จะมีความแตกต่างจากการขายของร้านค้าทั้งร้านค้าทั่วไปและร้านค้าทางการอย่างไรบ้าง
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/tesco-%e0%b8%82%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2.html">Tesco เปิดแผน 3 ปีเปิดร้านสะดวกซื้อในไทยเพิ่ม 750 สาขา สร้างงานกว่า 10,000 ตำแหน่ง</a></li>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/%e0%b9%81%e0%b8%a1%e0%b9%87%e0%b8%84%e0%b9%82%e0%b8%84%e0%b8%a3-%e0%b8%95%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%88%e0%b8%b5%e0%b8%99-%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%b4.html">สยามแม็คโครปักหมุดจีน-เมียนมา ขยาย ‘สาขาดิจิทัล’ แห่งแรกที่ลาดกระบัง</a></li>
</ul>
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวระดับภูมิภาคนั้น Lazada Group ได้เทกโอเวอร์แอพฯ ออนไลน์ ซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อดังของสิงคโปร์อย่าง RedMart มาตั้งแต่ปี 2559 และเพิ่งจะทำการควบรวมบริการทั้งหมดของ RedMart เข้ามาไว้ในแอพฯ Lazada ที่สิงคโปร์เมื่อเดือนมีนาคม 2562 โดย James Chang ซีอีโอของ Lazada Singapore กล่าวกับสำนักข่าว ZDnet ว่าบริการของ RedMart ที่เข้ามาอยู่ในแอพฯ เดียวนี้จะยังเหมือนเดิม คือผู้ซื้อจะได้รับสินค้าภายใน 2 ชั่วโมง และมีระบบจัดเก็บประวัติการซื้อเพื่อให้การซื้อซ้ำง่ายขึ้น

&nbsp;
<h2>ครึ่งปี 2562 ผู้ซื้อ-ผู้ขายโตเท่าตัว</h2>
สำหรับการเติบโตของลาซาด้า ประเทศไทย Zhang กล่าวว่า ช่วงเดือนมกราคม-กรกฎาคม 2562 บริษัทมีจำนวนผู้ซื้อเพิ่มขึ้น 105% และผู้ขายเพิ่มขึ้น 90% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากแคมเปญไตรมาสสุดท้ายของปี เขาเชื่อว่าตัวเลขการเติบโตจะสูงกว่านี้

<figure><img class="size-full wp-image-13930" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/08/ออนไลน์-ซูเปอร์มาร์เก็ต-ลาซาด้า-ผู้บริหาร.jpg" alt="ออนไลน์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ลาซาด้า" width="800" height="470" /><figcaption> (จากซ้าย) ทีมผู้บริหารลาซาด้า ประเทศไทย: สุพัชเชษฐ์ เภาวะนิต รองประธานฝ่ายบริหารและพัฒนาธุรกิจผู้ประกอบการ, Jack Zhang รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ Yann Fontaine ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ</figcaption></figure>

“ทั้งปี 2562 จะโตมากกว่านี้ ครึ่งปีแรกเราถือว่าเป็นแค่การอุ่นเครื่อง เพราะปกติหน้าขายของเราจะเป็นช่วงปลายปีอยู่แล้ว จะมีการจัดโปรโมชันมากมาย และเป็นหน้าเทศกาลที่คนจะซื้อของด้วย” Zhang กล่าว โดยแคมเปญ 4 เดือนสุดท้ายของลาซาด้าจะจัดต่อเนื่องทุกเดือน คือแคมเปญลดราคา 9.9 เดือนกันยายน ที่จัดขึ้นเป็นปีแรก, 10.10 เดือนตุลาคม เน้นขายสินค้าผู้หญิง, 11.11 วันคนโสด ซึ่งเป็นเทศกาลลดราคาครั้งใหญ่ที่สุดทุกปี และ 12.12 ลดราคาส่งท้ายปีเก่า
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/people/james-dong-%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%a1%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b8%b5%e0%b9%89%e0%b8%a2%e0%b8%a7%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b9%87%e0%b8%9a-lazada-%e0%b8%a2%e0%b9%89%e0%b8%b3%e0%b9%80%e0%b8%9a.html">James Dong เสริมเขี้ยวเล็บ Lazada ย้ำเบอร์ 1 ยักษ์อี-คอมเมิร์ซไทย</a></li>
</ul>
ด้านการลงทุนของลาซาด้า Zhang กล่าวโดยภาพรวมว่าบริษัทมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งปีทั้งในแง่เทคโนโลยีและโลจิสติกส์ ในส่วนการขนส่งนั้นปัจจุบันลาซาด้ามีพาร์ทเนอร์กระจายสินค้าหลายราย แต่กำลังอยู่ระหว่างสร้างศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทเองในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ เพื่อให้ส่งสินค้าได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะโจทย์การส่งของสดถึงบ้านจะต้องจัดส่งได้เร็วกว่าปัจจุบัน

&nbsp;

ที่มาข้อมูลเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://www.zdnet.com/article/lazada-to-integrate-redmart-app-in-bid-for-sea-online-grocery-market/">Lazada to integrate RedMart app in bid for SEA online grocery market</a></li>
 	<li><a href="https://promotions.co.th/supermarket/lazada-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7-supermart-%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD.html">LAZADA เปิดตัว “SUPERMART” สั่งของกินของใช้เข้าบ้าน ส่งฟรี 800</a></li>
 	<li><a href="http://mobileocta.com/lazada-is-open-super-mart-its-easy-to-shop-for-everyday-items/">ลาซาด้าเปิดบริการ ซุปเปอร์มาร์ท ให้การช้อปของใช้ประจำวันเป็นเรื่องง่ายขึ้น</a></li>
</ul>

ลาซาด้า เตรียมเปิด “ออนไลน์ ซูเปอร์มาร์เก็ต” แผนอนาคตจัดส่ง “ของสด” ถึงบ้าน

<h2>James Dong ซีอีโอป้ายแดงแห่ง LAZADA Thailand เป็นหนุ่มร่างสูงที่มีรูปลักษณ์คล้ายหนุ่มนักบริหารคนไทยมาก แต่เขาคือคนหนุ่มรุ่นใหม่จากจีนแผ่นดินใหญ่ ที่มาพร้อมรอยยิ้มอย่างเป็นกันเอง</h2>
ซีอีโอหนุ่มวัย 39 ปี ผู้นี้มีโปรไฟล์ไม่ธรรมดา ร่ำเรียนมาทางด้านวิศวกรรมและเป็นศิษย์เก่า MBA ในรั้วการศึกษาชั้นนำของโลกอย่าง University of Cambridge เป็น young blood แห่ง อาลีบาบา กรุ๊ป ยักษ์อี-คอมเมิร์ซชื่อกระฉ่อนโลกของมหาเศรษฐี Jack Ma

Dong เรียนรู้งานด้านการพัฒนาธุรกิจในอาลีบาบามากกว่า 4 ปี แม้จะเป็นเวลาไม่นาน หากเขาก็เก็บเกี่ยวความเชี่ยวชาญในโลกดิจิทัลออนไลน์ช็อปปิ้งในระดับที่ถูกวางตัวให้ขึ้นมาเป็นซีอีโอของ LAZADA Thailand ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอี-คอมเมิร์ซเบอร์ 1 และเป็นขุมทรัพย์สำคัญของ “อาลีบาบา กรุ๊ป” เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยเป้าหมายและวิสัยทัศน์ที่ “น่าสนใจ” ท่ามกลางการขับเคี่ยวในสมรภูมิอี-คอมเมิร์ซที่ดุเดือด

“ผมรู้ล่วงหน้าไม่กี่วันว่าต้องมารับตำแหน่งซีอีโอ LAZADA Thailand ซึ่งผมดีใจมากขายอะพาร์ตเมนต์ ขายรถทันที เพื่อมาเริ่มงานที่นี่ และตอนนี้ผมกำาลังมองหาอะพาร์ตเมนต์ที่นี่อยู่” เขาเล่าพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม เมื่อถูกยิงคำถามว่ารู้ล่วงหน้านานแค่ไหนว่าต้องมากุมบังเหียนธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในตลาดที่อาลีบาบายกให้เป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพมากที่สุดในภูมิภาคนี้ก่อนมาร่วมงานกับอาลีบาบา กรุ๊ป

“ตอนอยู่อาลีบาบา หนึ่งในหน้าที่ต้องทำคือการดูแลอี-คอมเมิร์ซในตลาดต่างประเทศไม่ว่าจะเป็น LAZADA, Tmall และอีกหลายแบรนด์ที่อาลีบาบาเป็นเจ้าของอยู่จะเน้นดูแลกลยุทธ์ของการทำอี-คอมเมิร์ซในระดับโลกของอาลีบาบาเป็นหลัก”

<img class="alignnone size-full wp-image-2824" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/12/ผลประกอบการ-ลาซาด้า.jpg" alt="" width="638" height="379" />
<h2>ไทยเปรียบดั่ง “เพชรงาม”</h2>
Dong บอกว่า หากมอง LAZADA ไทยในสายตาของคนภายนอก จะรู้ได้ทันทีว่า LAZADA เป็นบริษัทที่สำคัญมากสำหรับอาลีบาบา ถ้ามองเป็นเพชร 1 เม็ด LAZADA เป็นเพชรที่สำคัญที่สุดของอาลีบาบาเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ตัวบริษัทแบรนด์ อิมเมจ การทำแบรนด์ดิ้งต่างๆ ของ LAZADA ค่อนข้างชัดเจน และมีความสำคัญกับอาลีบาบามาก

ทั้งนี้ ซีอีโอวัย 39 ปี ดูเหมือนจะแอบทึ่งเล็กๆ ที่คนไทยเป็นชนชาติที่ใช้เวลาบนออนไลน์มากที่สุดติดอันดับโลก เวลาส่วนใหญ่จะใช้อยู่บนโซเชียลเน็ตเวิร์กซึ่งเหนือกว่าคนจีนแต่กลับยังช็อปปิ้งออนไลน์ไม่มากเท่าคนจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ตัวเลขล่าสุดที่เขามีข้อมูลคนไทยนิยมช็อปปิ้งออนไลน์มากขึ้นแล้วพร้อมๆ ไปกับการใช้เวลาอยู่บนออนไลน์เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน

“คนไทยเรียกได้ว่าเป็น super fans ใช้เวลาบนโลกออนไลน์เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นบน Instagram, Facebook เราเริ่มเห็นชัดเจนมากขึ้นในปีที่ผ่านมามีการช็อปปิ้งออนไลน์เพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้นหนึ่งในกลยุทธ์ของ LAZADA คือการเข้าไปเติมเต็มการทำงานร่วมกับแบรนด์สินค้าและบริการในแบบเอ็กซ์คลูซีฟมากขึ้น รวมถึงการหันไปทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ในโซเชียลเช่น Instagram เราดึงอินฟลูเอนเซอร์ที่ขายสินค้าบนโซเชียลมาขายบนแพลตฟอร์ม LAZADA” ซีอีโอหนุ่มขยายความยาวๆ ถึงกลยุทธ์การร่วมกับแบรนด์และอินฟลูเอนเซอร์ซึ่งเขาเชื่อว่าจะสร้างผลดีให้กับแบรนด์และลูกค้า

เมื่อถามถึงเป้าหมายหลังรั้งตำแหน่งสูงสุด Dong ยิ้มพร้อมเอ่ยว่า “ผมเป็นคนที่ไม่มีเป้าหมายในระยะสั้นผมจะมองอะไรที่ไกลๆ และการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกค้าคือสิ่งสำคัญมาก ถ้ามอง LAZADA กับคู่แข่งคนอื่น คู่แข่งคนอื่นจะเปลี่ยนทุกปี แต่สำหรับ LAZADA เราลงทุนหลายเรื่องที่คู่แข่งไม่สามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นคลังเก็บสินค้า การดูแลลูกค้า บริการลูกค้าที่ดีเยี่ยมที่คู่แข่งไม่สามารถทำในสเกลใหญ่แบบเราได้ LAZADA อาจไม่ได้ลงทุนเรื่องการโปรโมท การทำพีอาร์ หรือการตลาดอะไรมากมาย เพราะผมเชื่อและมั่นใจว่าถ้าเรามอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ลูกค้าจะเป็นคนแนะนำคนอื่นให้มาใช้บริการของเราต่อไป สิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องทำต่อไปเรื่อยๆ”

ที่ผ่านมา LAZADA ใส่เม็ดเงินลงทุนระบบหลังบ้านและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ต่อเนื่องทั้งศูนย์กระจายสินค้า รถขนส่งสินค้า ระบบการชำระเงิน รวมทั้งเรื่อง Customer Service อีกเป้าหมายสาคัญของผู้บริหารหนุ่มผู้นี้คือต้องการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ของอาลีบาบามาใช้ในไทยด้วย เพื่อเปิดโอกาสความร่วมมือที่กว้างขึ้นระหว่างออฟไลน์รีเทล ให้ทำงานร่วมกับ LAZADA ได้อย่างไร้รอยต่อสิ่งที่ Dong ตั้งใจจะทำให้เกิดขึ้นในไทย

ภาพ: มังกร สรพล

<hr />

<a href="http://bit.ly/2zv4aIX">คลิกอ่านบทความฉบับเต็มของ "James Dong เสริมเขี้ยวเล็บ LAZADA ย้ำเบอร์ 1 ยักษ์อี-คอมเมิร์ซไทย" ได้จากนิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2561</a>

<img class="alignnone size-full wp-image-2348" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/12/ปก-NOV-2018.jpg" alt="" width="250" height="328" />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events