<h2>Forbes เผยทำเนียบ สตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ประจำปี 2024 (Forbes Powerful Women 2024) ซึ่งมีสตรีชาวไทยปรากฏอยู่หนึ่งคนในอันดับที่ 29 นั่นคือ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทำเนียบ สตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ของ Forbes รวบรวมรายชื่อผู้หญิงจากวงการต่างๆ เช่น การเงิน เทคโนโลยี สื่อ และอื่นๆ อีกมากมายจากทั่วโลก โดยพวกเธอเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีผลงานอันเป็นที่ประจักษ์และยืนหยัดอย่างโดดเด่นในฐานะสตรี&nbsp;เกณฑ์หลักที่ Forbes ใช้คัดเลือกมีทั้งหมด 4 ข้อ ได้แก่ ทรัพย์สิน สื่อ ผลกระทบต่อสังคม และขอบเขตของอิทธิพล สำหรับสตรีที่เป็นผู้นำทางการเมือง ทีมงาน Forbes ได้มีการนำค่าจีดีพีและจำนวนประชากรมาร่วมคำนวณด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แพทองธาร ชินวัตร ได้ก้าวขึ้นมาเป็นนายกฯ คนที่ 31 ของไทยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แทนที่เศรษฐา ทวีสิน โดยเธอยังเป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประเทศไทย บิดาของเธอคือทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ 2 สมัยช่วงปี 2001 - 2006 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แพทองธาร ชินวัตร เคยมีบทบาทหลายอย่างในอาณาจักรธุรกิจของครอบครัว แต่เธอได้สละตำแหน่งทั้งหมดก่อนขึ้นเป็นนายกฯ ตามกฎหมาย แหล่งที่มา:&nbsp;<a href="https://www.forbes.com/lists/power-women/" alt="The World’s Most Powerful Women 2024">The World’s Most Powerful Women 2024</a>​ ภาพ: AFP เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/travel/traveloka-survey-travel-redefined-apac-travellers-trend" alt="ผลสำรวจ Traveloka ชี้คนไทยชอบเที่ยวในประเทศ ทะเลและภูเขาคือจุดหมายยอดนิยม">ผลสำรวจ Traveloka ชี้คนไทยชอบเที่ยวในประเทศ ทะเลและภูเขาคือจุดหมายยอดนิยม</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘แพทองธาร ชินวัตร’ หญิงไทยหนึ่งเดียวติดอันดับ Forbes Powerful Women 2024

<h2>จบลงไปแล้วกับ The Eras Tour ทัวร์คอนเสิร์ตครั้งใหญ่ของนักร้องสาวอัจฉริยะ Taylor Swift ที่นอกจากจะตราตรึงในความทรงจำของแฟนคลับทั่วโลก เธอยังฝากร่องรอยอิทธิพลอันแรงกล้าของตนไว้ในระบบเศรษฐกิจนานาประเทศที่ได้ไปเยี่ยมเยือน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตั้งแต่เริ่มต้นเวทีแรกเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2023 ในสหรัฐอเมริกา กระทั่งจบลงบนเวทีสุดท้ายเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2024 ที่ผ่านมาในแคนาดา นับเป็นระยะเวลา 632 วันที่ Taylor Swift ออกเดินทางทัวร์คอนเสิร์ตใน The Eras Tour ทั้งสิ้น 149 โชว์ ใน 51 เมือง จาก 5 ทวีปทั่วโลก หากนับเฉพาะเวลาที่เธอใช้บนเวที รวมทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 484 ชั่วโมง หรือเทียบเท่ากับ 20 วัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำนักข่าว New York Times เผยตัวเลขรายได้รวมที่บริษัทของนักร้องสาวสร้างจากทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้อยู่ที่ 2,077,618,725 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กลายเป็นทัวร์คอนเสิร์ตที่ประสบความสำเร็จด้านรายได้ที่สุดตลอดกาลในปัจจุบัน โดยตัวเลขนี้ยังไม่รวมยอดขายสินค้าต่างๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Swift ไม่เพียงสร้างประวัติศาสตร์จากการแสดงสดเท่านั้น ภาพยนตร์บันทึกการแสดง Taylor Swift: The Eras Tour ที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อเดือนตุลาคม 2023 ก็กวาดรายได้รวมจากทั่วโลก 261 ล้านเหรียญ และ Forbes ก็ประเมินว่าเธอเป็นนักดนตรีคนแรกที่ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีพันล้านจากเพลงและการแสดงเป็นหลัก ในขณะที่นิตยสาร Time ก็ยกย่องให้เธอเป็น Person of the Year 2023 สะท้อนความสามารถและอิทธิพลของเธอ​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/iQr8nmkq9NDsNeR3YUpk.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="iQr8nmkq9NDsNeR3YUpk.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> Swiftonomics เมื่อทัวร์คอนเสิร์ตสะเทือนเศรษฐกิจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นักร้องสาววัย 35 คนนี้ยังสร้างแรงกระเพื่อมอย่างยิ่งใหญ่ต่อเศรษฐกิจของเมืองและประเทศต่างๆ ที่เป็นจุดหมายของการแสดง ซึ่งมีคำเรียกว่า Swiftnonomics โดยการไปเยือนของเธอถือเป็นการดึงดูดเหล่า Swifties (แฟนคลับของ Taylor Swift) ที่ต้องการไปชมคอนเสิร์ตเข้าสู่พื้นที่ ก่อให้เกิดการใช้จ่ายของผู้บริโภค บรรดาร้านอาหาร โรงแรม และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวต่างได้รับอานิสงส์จากเธอ ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาจากโควิด-19 มาหลายปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ลำพังเพียงสหรัฐฯ ผลสำรวจของ Question Pro ประเมินว่า Swifties ใช้จ่ายเงินราว 5 พันล้านเหรียญ อย่างไรก็ตาม สมาคมท่องเที่ยวสหรัฐฯ ประเมินว่าตัวเลขอาจทะลุ 1 หมื่นล้านเหรียญหากคำนวณการใช้จ่ายทางอ้อมและแฟนๆ ที่มีส่วนร่วมแม้ไม่ได้ซื้อตั๋วชมคอนเสิร์ต อีกทั้งพฤติกรรมของแฟนๆ ที่มาชมคอนเสิร์ตนั้น ยังมีการท่องเที่ยวและเข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆ ในเมือง สร้างกระแสรายได้แก่ธุรกิจในท้องที่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“คอนเสิร์ตและกิจกรรมเหล่านี้ช่วยคืนชีพให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในท้องที่รวมถึงตัวเมืองที่ยังคงดิ้นรนจากผลกระทบของโควิด-19” California Center for Jobs &amp; The Economy รายงาน และประเมินว่าคอนเสิร์ตทั้งหมด 6 คืนในลอสแอนเจลิสทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น 3,300 ตำแหน่ง ส่วนเมืองพิตตส์เบิร์กซึ่งเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ต 2 คืนรายงานว่า ณ สุดสัปดาห์ที่มีการแสดง ยอดจองโรงแรมพุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 สงบลง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ฝั่งยุโรปที่มีการแสดง The Eras Tour รวม 51 โชว์ใน 18 เมืองก็ได้รับอานิงส์ไม่น้อยเช่นกัน ราคาโรงแรมตามเมืองต่างๆ เพิ่มขึ้น ณ ช่วงเวลาที่ Swift ไปเยี่ยมเยือน สำหรับ 3 อันดับเมืองในยุโรปที่มีราคาโรงแรมเพิ่มขึ้นสูงสุด ได้แก่ อันดับ 1 วอร์ซอพุ่งขึ้นถึง 154% ตามด้วยอันดับ 2 สตอกโฮล์มที่ 119% และอันดับ 3 ลิเวอร์พูล 115%​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/GPk8hBfxd6xkZ9PKSf7U.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="1" data-file-name="GPk8hBfxd6xkZ9PKSf7U.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับฝั่งเอเชีย น่าเสียดายที่ Swift กำหนดจุดหมายปลายทางเพียง 2 ประเทศเท่านั้น คือ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ซึ่งแฟนๆ ชาวไทยคงได้ข่าวที่ Swift เลือกจัดคอนเสิร์ตที่สิงคโปร์เมื่อต้นปี 2024 ที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เผยว่า เขาเจรจาให้เธอทำการแสดงที่ประเทศนี้เพียงแห่งเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ร้อนแรงในโลกออนไลน์ กระนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า คอนเสิร์ตของเธอนำผลประโยชน์มาสู่เศรษฐกิจของสิงคโปร์มหาศาล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ช่วงเวลาตั้งแต่ก่อนเริ่มจนจบคอนเสิร์ตของ Swift ที่สิงคโปร์ Trip.com เผยว่ามียอดจองเครื่องบินเข้าประเทศเพิ่มขึ้น 186% และยอดจองที่พักเพิ่มขึ้นถึง 462% จากช่วงเวลาปกติ อีกทั้งนักเศรษฐศาสตร์ยังคาดการณ์กันว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ช่วยเพิ่มจีดีพีประจำไตรมาสแรกของสิงคโปร์ราว 222 - 296 ล้านเหรียญ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของ Swiftonomics เท่านั้น ซึ่งแม้นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าผลกระทบนี้จะดำรงอยู่แค่ชั่วคราว ก็ต้องยอมรับว่า The Eras Tour ช่วยชุบชีวิตธุรกิจในหลายพื้นที่ และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ จริง แม้เพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็ตาม แหล่งที่มา:​<a href="https://edition.cnn.com/2024/12/08/business/taylor-swift-eras-tour-economy/index.html" alt="The end of an era: How Taylor Swift boosted the US economy">The end of an era: How Taylor Swift boosted the US economy</a>​ ​<a href="https://www.euronews.com/business/2024/06/06/swiftonomics-how-taylor-swifts-tours-boost-the-economy" alt="Swiftonomics: How Taylor Swift's tours boost the economy">Swiftonomics: How Taylor Swift's tours boost the economy</a><a href="https://www.bbc.com/news/articles/czd88lxe8p2o" alt="Swift tour to boost UK spending by £1bn - report">Swift tour to boost UK spending by £1bn - report</a>​ ​<a href="https://www.theguardian.com/music/2024/dec/09/taylor-swifts-eras-tour-smashes-touring-revenue-record-with-more-than-2bn-in-ticket-sales" alt="Taylor Swift’s Eras tour smashes touring revenue record with more than $2bn in ticket sales">Taylor Swift’s Eras tour smashes touring revenue record with more than $2bn in ticket sales</a>​ ​<a href="https://www.forbes.com/sites/conormurray/2024/12/06/these-cities-reported-the-biggest-economic-boosts-from-taylor-swifts-eras-tour-as-tour-wraps-up-in-vancouver/" alt="These Cities Reported The Biggest Economic Boosts From Taylor Swift’s Eras Tour—As Tour Wraps Up In Vancouver">These Cities Reported The Biggest Economic Boosts From Taylor Swift’s Eras Tour-As Tour Wraps Up In Vancouver</a>​ ​<a href="https://theconversation.com/swiftonomics-what-we-can-learn-from-singapore-multiplying-millions-from-taylor-swifts-eras-tour-228289" alt="Swiftonomics: what we can learn from Singapore multiplying millions from Taylor Swift’s Eras tour">Swiftonomics: what we can learn from Singapore multiplying millions from Taylor Swift’s Eras tour</a>​ ​<a href="https://www.businessinsider.com/taylor-swift-eras-tour-facts-earnings-profit-2024-12" alt="Taylor Swift spent 484 hours — the equivalent of over 20 straight days — singing onstage during the Eras Tour">Taylor Swift spent 484 hours - the equivalent of over 20 straight days - singing onstage during the Eras Tour</a>​ ภาพ: AFP และ @taylorswift13 เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/global-world/marketing-brilliance-of-taylor-swift" alt="เจาะลึกการตลาดฉบับ Taylor Swift">เจาะลึกการตลาดฉบับ Taylor Swift</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

สิ้นสุด The Eras Tour ทัวร์คอนเสิร์ตรายได้สูงสุดตลอดกาล “Swiftonomics” คืนชีพเศรษฐกิจท่องเที่ยว

<h2>เข้าสู่ปีที่ 3 สำหรับการจัดทำเนียบ 50 Over 50 Asia ซึ่งได้รวบรวมยอดสตรีอายุมากกว่า 50 ปีจากทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผู้มีผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ และทรงอิทธิพลต่อแวดวงต่างๆ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในปีนี้มีผู้หญิงชาวไทยปรากฏชื่อในทำเนียบทั้งหมด 4 คนด้วยกัน คนหนึ่งเป็นนักเขียนรางวัลซีไรต์ผู้ขับเคลื่อนสังคม คนหนึ่งเป็นนักวิจัยชีววิทยาผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับยุง ส่วนอีกสองคนเป็นนักธุรกิจมากความสามารถผู้เป็นกำลังสำคัญเบื้องหลังกลุ่มธุรกิจใหญ่ของประเทศ&nbsp; &nbsp;&nbsp;เชิญพบกับพวกเธอได้ ณ บัดนี้​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/w4RTWnr6DV5JTYt9Wc1i.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="w4RTWnr6DV5JTYt9Wc1i.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="300,300"></figure></div>วีรพร นิติประภา อายุ: 61 ปีอาชีพ: นักเขียน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วีรพร นิติประภา สตรีคนแรกที่ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน หรือรางวัลซีไรต์ ถึงสองครั้ง ในปี 2015 และปี 2018 นวนิยายเรื่องที่สองของเธอ “พุทธศักราชอัสดงกับทรงจำของทรงจำของแมวกุหลาบดำ” นำเสนอความซับซ้อนและอัตลักษณ์ของชาวจีนที่อพยพมาไทย ซึ่งมีการแปลเป็นภาษาอังกฤษในปี 2022&nbsp; &nbsp;&nbsp;นวนิยายแจ้งเกิดของเธอ “ไส้เดือนตาบอดในเขาวงกต” มียอดขายถึง 200,000 ฉบับ และกลายเป็นสื่อสะท้อนอารมณ์อันเข้มข้นบนภูมิทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทย โดยสไตล์การเล่าเรื่องของวีรพรเป็นที่ยกย่องในด้าน “ความตื่นเต้น” และ “ความเหนือจริง”​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/cd2Q3oPRce2eNGNNzyL9.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="cd2Q3oPRce2eNGNNzyL9.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="300,300"></figure></div>รำภา รัตนฤทธิกุล อายุ: 84 ปีอาชีพ: นักกีฏวิทยา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดร.รำภา รัตนฤทธิกุล เป็นนักกีฏวิทยาผู้เป็นที่รู้จักจากผลงานเกี่ยวกับยุง เธอเริ่มต้นจากการเป็นนักเทคนิคห้องปฏิบัติการในโครงการวิจัยควบคุมโรคมาลาเรียให้กับองค์การบริหารวิเทศกิจแห่งสหรัฐฯ (USOM) รำภาค้นพบยุงสปีชีส์ใหม่กว่า 20 สายพันธุ์ โดยสองสปีชีส์ได้รับการตั้งชื่อเป็นเกียรติแก่การค้นพบของเธอ ได้แก่ Anopheles rampae และ Uranotaenia rampae&nbsp; &nbsp;&nbsp;เธอได้รับรางวัล John N. Belkin Memorial Award จากองค์กร American Mosquito Control Association ในปี 2011&nbsp; &nbsp;&nbsp;นอกจากนี้รำภาและสามีของเธอยังก่อตั้งพิพิธภัณฑ์แมลงโลกและสิ่งมหัศจรรย์ธรรมชาติที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อปี 1999​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/aNmHRm4hfSs5ck9LDfvA.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="aNmHRm4hfSs5ck9LDfvA.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2" origin-size="300,300"></figure></div>ศุภจี สุธรรมพันธุ์ อายุ: 59 ปีอาชีพ: นักธุรกิจ&nbsp; &nbsp;&nbsp;ศุภจี สุธรรมพันธุ์ คือกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนโปรเจ็กต์มูลค่า 4.6 หมื่นล้านบาทที่เปลี่ยนโฉมโรงแรม Dusit Thani Bangkok อันโด่งดัง เป็นโครงการมิกซ์ยูสสุดทันสมัย&nbsp; &nbsp;&nbsp;โครงการ Dusit Central Park ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร ประกอบไปด้วยโรงแรม ที่อยู่อาศัยหรู ห้างร้าน และพื้นที่สำนักงาน โดยจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในปี 2025&nbsp; &nbsp;&nbsp;นับตั้งแต่ศุภจีก้าวขึ้นรับตำแหน่งซีอีโอเครือดุสิตธานีในปี 2016 โรงแรมและรีสอร์ตของบริษัทก็เติบโตจาก 27 แห่งใน 8 ประเทศ สู่ราว 340 แห่งใน 20 ประเทศ เธอยังเปิดไลน์ธุรกิจใหม่มากมาย หนึ่งในนั้นคือการผลิตอาหารและบริการจัดเลี้ยง โดยเธอตั้งเป้าพา Dusit Foods เข้าตลาดหลักทรัพย์ช่วงต้นปี 2025​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/kKb6HCGrm745w6P5HhDA.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="kKb6HCGrm745w6P5HhDA.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3" origin-size="300,300"></figure></div>ศุภลักษณ์ อัมพุช อายุ: 68 ปีอาชีพ: นักธุรกิจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ศุภลักษณ์ อัมพุช คือแม่ทัพหญิงแห่ง The Mall Group หนึ่งในเครือห้างสรรพสินค้าชั้นนำของเมืองไทย ผู้ตั้งเป้ายกระดับความลักชัวรีบนโครงสร้างการค้าขายของประเทศที่กำลังเติบโต และดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาให้มากขึ้น&nbsp; &nbsp;&nbsp;Forbes ประเมินว่าเธอมีมูลค่าความมั่งคั่งสุทธิ 7 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากตำแหน่งผู้ถือหุ้นบริษัทที่ก่อตั้งโดยบิดาของเธอ ศุภชัย อัมพุช สำหรับสินทรัพย์ที่ครอบครัวของเธอครอบครอง เช่น Siam Paragon, The Emporium และ Bluport หัวหิน&nbsp; &nbsp;&nbsp;ศูนย์การค้าระดับลักชัวรีแห่งล่าสุดของเธอ The Emsphere เพิ่งเปิดตัวในเดือนธันวาคม 2023 ที่ผ่านมา โดยมูลค่าของโครงการนี้อยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.forbes.com/sites/ranawehbe/2024/01/16/50-over-50-asia-2024/?sh=55e0101d183a" alt="50 OVER 50: Asia 2024">50 OVER 50: Asia 2024</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/global/apple-offers-iphone-discount-in-china" alt="Apple หั่นราคา iPhone ท้าชิงตลาดในจีน">Apple หั่นราคา iPhone ท้าชิงตลาดในจีน</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

4 สตรีชาวไทย ผงาดยิ่งใหญ่บนทำเนียบ 50 Over 50 Asia 2024

Barbie จากตุ๊กตาเติมฝันวัยเด็ก สู่ทำเนียบสตรีทรงอิทธิพลของโลก

<h2>ด้วยทัวร์คอนเสิร์ตทุบสถิติ ความสามารถในการสั่นคลอนเศรษฐกิจ และมูลค่าความมั่งคั่ง 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซูเปอร์สตาร์วัย 33 ปีผู้นี้จึงผงาดอย่างสง่างามบนทำเนียบสตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลกประจำปี 2023</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“พวกคุณทำให้ฉันรู้สึกยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ” Taylor Swift มักเอ่ยประโยคนี้กับแฟนๆ ในทุกๆ เวทีคอนเสิร์ต Eras Tour ที่ตั๋วหมดเกลี้ยง ก่อนเริ่มแสดงเพลงชาติเฟมินิสต์อย่าง The Man&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ท่ามกลางเสียงร้องชื่นชม นักร้องสาววัย 33 ปีผู้นี้จะยกแขนขึ้นและก้มลงจูบกล้ามของตัวเอง เรียกเสียงเชียร์อย่างบ้าคลั่งจากบรรดาผู้ชม “พวกคุณทำให้ฉันรู้สึก” เธอกล่าวยามคลี่ยิ้มกว้าง “ทรงพลัง”&nbsp; &nbsp;&nbsp;แม้ดูเป็นการแสดงที่ออกจะเวอร์วังไปสักหน่อย แต่ชาวสวิฟตี้ต่างเข้าใจดีว่าขุมพลังของ Taylor Swift คือตัวเธอเอง และเป็นเช่นนี้เสมอมา ตลอด 17 ปีในฐานะนักร้อง วันนี้คือวันที่เธอทรงอิทธิพลยิ่งทั้งด้านเศรฐกิจ วัฒนธรรม ไปจนกระทั่งการเมือง พาให้เธอทะยานจากอันดับ 79 บนทำเนียบสตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลกประจำปี 2022 สู่อันดับ 5 ในปีนี้​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/H2Hpbk31UV29TvK774fP.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="H2Hpbk31UV29TvK774fP.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp; &nbsp;&nbsp;ต้องขอบคุณความสำเร็จถล่มทลายของ Eras Tour ที่ทำให้ Swift กลายเป็นมหาเศรษฐีนีพันล้านในเดือนตุลาคม โดยเป็นหนึ่งในศิลปินจำนวนเพียงสิบรายที่ได้รับเกียรตินี้ ตามหลัง Jay-Z (มูลค่าทรัพย์สิน 2.5 พันล้านเหรียญ) และ Rihanna (1.4 พันล้านเหรียญ)&nbsp; &nbsp;&nbsp;คอนเสิร์ตยาวสามชั่วโมงครึ่งสะท้อนความเป็นศิลปินมืออาชีพของเธอ กวาดรายได้เกือบ 850 ล้านเหรียญจากทุกรอบการแสดงในสหรัฐฯ ทัวร์คอนเสิร์ตช่วงแรกนี้เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินแก่ Swift ราว 190 ล้านเหรียญหลังหักภาษีแล้ว ทำให้เธอมีความมั่งคั่งสุทธิที่ 1.1 พันล้านเหรียญ สำหรับปีถัดไป เธอจะเดินหน้าขึ้นเวทีที่ยุโรปและเอเชียต่อ&nbsp; &nbsp;&nbsp;อิทธิพลของเธอทรงพลังมากเสียจนส่งผลกระทบด้านการเงินในวงกว้างและเกิดนิยามใหม่ว่า Taylor Swift Effect การแสดงในเดนเวอร์เพียงสองคืนเติมจีดีพีแก่รัฐโคโลราโด 140 ล้านเหรียญ ต้องขอบคุณแฟนคลับที่จ่ายเงินกันคนละราว 1,300 เหรียญเป็นค่าโรงแรม ร้านอาหาร และชอปปิ้ง&nbsp; &nbsp;&nbsp;ธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟียยังกล่าวถึง Swift ในรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจเมื่อเดือนมิถุนายน ชี้ว่าในเดือนพฤษภาคมอันเป็นเดือนที่นักร้องสาวดาวเด่นมาขึ้นแสดงคอนเสิร์ตที่ Lincoln Financial Field ในฟิลาเดลเฟีย 3 คืน นับเป็นช่วงเวลาที่โรงแรมต่างๆ ในเมืองมีรายได้สูงสุดตั้งแต่ก่อนโควิด-19 แพร่ระบาด​&nbsp; &nbsp; สมาคมการท่องเที่ยวแห่งสหรัฐฯ ประเมินว่า โดยรวมแล้ว รอบการแสดง Eras Tour ที่จัดขึ้นภายในประเทศจะอัดฉีดเงินกว่า 5 พันล้านเหรียญแก่เศรษฐกิจของรัฐต่างๆ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/QXX7ZjAdbvakQAjBEYTz.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-file-name="QXX7ZjAdbvakQAjBEYTz.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px;" data-index="1"></figure></div>​ &nbsp; &nbsp;&nbsp;“เธอเป็นเหมือนกับบริษัทขนาดใหญ่ มีบทบาทสำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนหลายภาคส่วน” Carolyn Sloan นักเศรษฐศาสตร์แรงงานและศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโกกล่าว “นานแล้วที่ผู้ชมของเธอมีอายุน้อยและเป็นผู้หญิงจนทุกคนอาจประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจต่ำเกินไป ฉันไม่คิดว่าวันนี้จะมีใครนึกกังขาอีกแล้ว”&nbsp; &nbsp;&nbsp;ผู้ชมเพศหญิงอายุน้อยทรงอิทธิพลเหล่านี้ยังตามไปดันยอดขายตั๋วชมภาพยนตร์ของ Swift ในปีนี้ด้วยเช่นกัน เป็นอีกครั้งที่เธอฉายแววความเป็นนักธุรกิจในการปล่อยภาพยนตร์บันทึกคอนเสิร์ต The Eras Tour กับทางโรงภาพยนตร์ AMC โดยตรงไม่ผ่านสตูดิโอใน Hollywood แม้เธอจะไม่มีทีมการตลาดแบบดั้งเดิมคอยสนับสนุนก็ตาม เพราะไม่ว่าอย่างไร ตัวเธอก็คือพลังแห่งการตลาดอันเหนือชั้นอยู่แล้ว&nbsp; &nbsp;&nbsp;Stacy Jones ผู้ก่อตั้งเอเจนซีด้านการตลาด Hollywood Branded ประเมินว่านักร้องสาวผู้นี้สร้างมูลค่าการตลาดจากการถูกพูดถึงบนโซเชียล (Earned Media) มากกว่า 1.3 แสนล้านเหรียญตลอดสองปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว ถึงการคาดคะเนมูลค่าของสื่อแบบฟรีจะค่อนข้างดูเป็นการมโนก็ตาม&nbsp; &nbsp;&nbsp;คำพูดแบบปากต่อปากและการปรากฏตัวอย่างมีชั้นเชิงในการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลของทีม Kansas City Chiefs นั้นชัดเจนเกินพอที่จะเรียกให้แฟนๆ ต้องยอมเสียเงินซื้อตั๋ว ซึ่งภาพยนตร์ของ Swift ก็ทำรายได้ 93 ล้านเหรียญในสัปดาห์เปิดตัว และกวาดรายได้กว่า 250 ล้านเหรียญทั่วโลก&nbsp; &nbsp;&nbsp;เช่นเดียวกับทัวร์และภาพยนตร์คอนเสิร์ต อิทธิพลส่วนมากของ Swift กำเนิดจากอำนาจควบคุมธุรกิจโดยตรงของเธอเอง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 440px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/eXZwr5N7wE78YYoLWhmS.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="440px,440px" data-align="center" data-file-name="eXZwr5N7wE78YYoLWhmS.jpg" data-file-size="0" origin-size="440,440" data-origin="440px,440px" style="width: 440px; height: 440px;" data-index="2"></figure></div>​ &nbsp; &nbsp;&nbsp;การทวงคืนสิทธิ์ความเป็นเจ้าของเพลงโดยการอัดอัลบั้มใหม่นั้นถือว่าน่าประทับใจและสร้างกำไรอย่างงดงาม หลังผลงานเหล่านั้นถูกนำไปขายด้วยมูลค่า 300 ล้านเหรียญซึ่งเธอไม่ได้รับผลประโยชน์ด้วย​&nbsp; &nbsp; ตอนนี้เธออัดและปล่อยผลงานเก่าของตนออกมา 4 อัลบั้มแล้ว (จากทั้งหมด 6 อัลบั้ม) ล่าสุดคือ 1989 (Taylor’s Version) ที่สร้างสถิติศิลปินที่มีการสตรีมเพลงมากที่สุดในวันเดียวบน Spotify ณ วันที่ปล่อยออกมาช่วงปลายเดือนตุลาคม&nbsp; &nbsp;&nbsp;หากลองพิจารณาว่า Katy Perry และ Justin Bieber ขายลิขสิทธิ์เพลงของตนเป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านเหรียญในปี 2023 นี้แล้ว มูลค่าเพลงของ Swift มีแต่จะเติมความมั่งคั่งให้เธอในช่วงเวลานับจากนี้&nbsp; &nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม Swift ยังไม่ใช่สตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ตำแหน่งนั้นเป็นของประธานกรรมาธิการยุโรป Ursula von der Leyen เจ้าของนโยบายและการตัดสินใจด้านงบประมาณที่ส่งผลต่อชาวยุโรป 450 ล้านคน ตัวเลขนี้จะทะลุ 500 ล้านในไม่ช้า&nbsp;ในการแถลงนโยบายประจำปีเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา von der Leyen กล่าวย้ำว่า เธอตั้งใจจะรับยูเครนและประเทศอื่นๆ ทางตะวันตกของบอลข่านเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการ&nbsp; &nbsp;&nbsp;ส่วนสตรีทรงอิทธิพลอันดับ 2 ประจำปีนี้คือ Christine Lagarde ประธานธนาคารกลางยุโรป ผู้ก่อร่างสร้างนโยบายทางการเงินของยุโรป ณ ช่วงเวลาที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูง อีกสองคนที่มีอันดับเหนือ Swift คือรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ Kamala Harris (อันดับ 3) และนายกรัฐมนตรีอิตาลี Giorgi Meloni (อันดับ 4)&nbsp; &nbsp;&nbsp;ทั้งสองต่างเป็นสตรีคนแรกที่ได้รับตำแหน่งที่กำลังถือครองอยู่ โดย Meloni ได้ใช้อิทธิพลของตนเสนอการปฏิรูปรัฐธรรมนูญของอิตาลีเพื่อให้ประชาชนสามารถเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีได้โดยตรง จากเดิมที่ต้องผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภา&nbsp; &nbsp;&nbsp;“สตรีที่มีอำนาจทางการเมือง (Hard Power) เหล่านั้นคือสตรีทรงอิทธิพลโดยแท้จริง” Stacey Jones ผู้เชี่ยวชาญด้านแบรนด์อธิบาย “แต่พวกเธอก็ไม่สามารถเปลี่ยนโลกไปในทิศทางเดียวกับที่ Taylor Swift ทำได้”&nbsp; &nbsp;&nbsp;สำหรับ Taylor Swift เธอคือสตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลกอันดับ 5 จากการจัดอันดับของ Forbes ในปีนี้ และล่าสุดนิตยสาร Time ได้ยกย่องให้เธอเป็นบุคคลแห่งปี 2023 พิสูจน์ให้เห็นว่าอำนาจทางวัฒนธรรม (Soft Power) ก็ทรงพลังมากพอจะสะเทือนโลกในด้านต่างๆ ด้วยเช่นกัน แปลและเรียบเรียงจาก <a href="https://www.forbes.com/sites/maggiemcgrath/2023/12/05/taylor-swifts-power-era-why-the-billionaire-pop-star-is-one-of-the-worlds-most-powerful-women/?sh=15c6b1e75c14" alt="Taylor Swift’s Power Era: Why The Billionaire Pop Star Is One Of The World’s Most Powerful Women">Taylor Swift’s Power Era: Why The Billionaire Pop Star Is One Of The World’s Most Powerful Women</a>​ อ้างอิงเพิ่มเติม&nbsp;<a href="https://time.com/6342806/person-of-the-year-2023-taylor-swift/" alt="2023 Person of the Year Taylor Swift">2023 Person of the Year Taylor Swift</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/global-world/world-most-powerful-women-2023" alt="10 อันดับ สตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ประจำปี 2023">10 อันดับ สตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ประจำปี 2023</a> ​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

Taylor Swift ป๊อปสตาร์ มหาเศรษฐีนี และสตรีทรงอิทธิพลของโลก

10 อันดับ สตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ประจำปี 2023

<h2>ในวาระการอำลาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีของ Angela Merkel สตรีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของ Forbes ผู้ครองตำแหน่งผู้นำประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ทรงอิทธิพลที่สุดของยุโรปมายาวนานถึง 16 ปี ได้นำมาซึ่งพลวัตของอำนาจครั้งใหญ่ ดังปรากฎให้เห็นในทำเนียบการจัดอันดับ 100 สตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ประจำปี  2021</h2>
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้หญิงทั่วโลกยังคงต้องแบกรับภาระของโรคระบาดใหญ่ และเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลาย ท่ามกลางความอุตสาหะของผู้บริหารประเทศ ซีอีโอ ผู้ก่อตั้งธุรกิจ ผู้มีวิสัยทัศน์ และผู้นำบนเวทีโลก ที่พยายามใช้อิทธิพลในมือไม่มากก็น้อยอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างผลกระทบในรูปแบบที่แปลกใหม่

โฉมหน้าใหม่ของขั้วอำนาจ

<figure><img class="wp-image-55250" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-61af0c9f36a940ac31f1ca96-MacKenzie-Scott-0x0.jpgfitscale.jpg" alt="100 สตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลก" width="720" height="515" /><figcaption> MacKenzie Scott</figcaption></figure>

ปีนี้ อันดับ 1 ของทำเนียบตกเป็นของ MacKenzie Scott สตรีผู้มั่งคั่งที่สุดอันดับ 3 ของโลก ผู้เป็นแบบอย่างที่ชัดเจนในฐานะนักการกุศลรุ่นเฮฟวี่เวท

“ในช่วงเวลาที่มหาเศรษฐี เช่น อดีตสามีของเธอ (Jeff Bezos) เดินหน้าเข้าลงทุนในธุรกิจอวกาศยาน Scott ได้ใช้ทรัพย์สินมหาศาลของเธอไม่เพียงแต่สนับสนุนองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ทำงานได้ดีเท่านั้น แต่ยังท้าทายวิธีสะสมความมั่งคั่งและอำนาจในประเทศนี้อีกด้วย” Maggie McGrath บรรณาธิการ ForbesWomen กล่าว

เช่นเดียวกับการตัดสินใจที่กล้าหาญของ Frances Haugen อดีตนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลของ Facebook ที่เปิดเผยข้อบกพร่องทางจริยธรรมของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ และนำมาซึ่งการตรวจสอบความโปร่งใสในอุตสาหกรรมที่ถูกละเลยมาเป็นเวลานาน 

Wall Street ไปจนถึง Hollywood 

‘Female first’ อาจเป็นมารยาทสากลที่ได้รับการปฏิบัติมาช้านาน ทว่าประเด็นสำคัญในปี 2021 อยู่ที่ว่า ขณะนี้อิทธิพลของสตรีกำลังถูกใช้ไปในทิศทางที่มีอำนาจมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา โดยความสำเร็จของผู้ได้รับรางวัลในปีนี้มาจากน้ำพักน้ำแรงของพวกเขาเอง เพื่อรุกเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ผู้ชายมักจะเป็นใหญ่

ดังจะเห็นได้จากการที่ Jane Fraser (อันดับที่ 14) ทำลายเพดานกระจกที่ทนทานของธนาคารเมื่อเธอเข้ารับตำแหน่งซีอีโอหญิงคนแรกของ Citigroup เมื่อต้นปีนี้ ขณะที่ Reese Witherspoon (อันดับที่ 74) และมหาเศรษฐีหน้าใหม่ Rihanna (อันดับที่ 68) มหาเศรษฐีที่เพิ่งสร้างใหม่ (#68) ขึ้นแท่นศิลปินหญิงที่มีรายได้สูงสุดในสังเวียนของตน จากการพลิกโฉมรูปแบบธุรกิจแบบดั้งเดิมและกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมใหม่ 

ด้านนักลงทุนระดับซูเปอร์สตาร์ Cathie Wood (อันดับที่ 53) ผู้ก่อตั้ง Ark Invest ได้สร้างพลังพิเศษขึ้นด้วยการคาดการณ์และความเข้าใจอันเฉียบแหลมของเธอในการค้นพบความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในอนาคต (ลองนึกถึงการลงทุนช่วงแรกๆ ใน Bitcoin และ Tesla)

ลางสังหรณ์อีกประการหนึ่งเกี่ยวกับอนาคตคือการได้เห็นจำนวนสตรีที่เพิ่มขึ้นในเวทีธุรกิจในสังคมที่การปรากฏตัวของพวกเขาขาดไป เช่น รัสเซีย (ธนาคารกลาง), ญี่ปุ่น (ผู้ว่าการโตเกียว) สิงคโปร์ (กองทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาล) อินโดนีเซีย (บริษัทน้ำมันและก๊าซของรัฐ), อาบูดาบี (การธนาคาร), ตุรกี (กลุ่มอุตสาหกรรมและการเงิน) และจีน (ยานยนต์)

แนวหน้าโรคระบาด

ด้วยการจัดลำดับความสำคัญของโลกที่ยังคงเน้นที่การแพร่ระบาด ทำให้ผู้นำด้านการดูแลสุขภาพมีบทบาทอย่างมากตั้งแต่การพัฒนาวัคซีนไปจนถึงการใช้งาน ซึ่ง Ozlem Tureci (อันดับที่ 48) ผู้ร่วมก่อตั้งและหัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของ BioNTech ได้สร้างประวัติศาสตร์แห่งปีเมื่อวัคซีนโควิด-19 ของ Pfizer ที่เธอพัฒนาร่วมกับสามีของเธอ ได้รับการอนุมัติเป็นรายแรกในสหรัฐอเมริกา

ด้าน Emma Walmsley (อันดับที่ 13) จาก GlaxoSmithKine ยักษ์ใหญ่ด้านเภสัชกรรมยังคงเดินหน้าหาแนวทางรักษาแอนติบอดีที่มีแนวโน้มว่าจะสามารถต่อกรกับโควิดสายพันธุ์โอไมครอนต่อไป 

<figure><img class="wp-image-55262" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-6011edef10f0b6ce949b63f3-Roz-Brewer-1960x0.jpgfitscale.jpg" alt="100 สตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลก" width="720" height="487" /><figcaption> Roz Brewer ซีอีโอ Walgreens ในปี 2018 ขณะดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Starbucks</figcaption></figure>

นอกเหนือจากการเป็นผู้หญิงคนแรกที่เป็นผู้นำองค์กรแล้ว Karen Lynch แห่ง CVS Health (อันดับที่ 11) และ Rosalind Brewer แห่ง Walgreens Boots Alliance (อันดับที่ 17) ยังเป็นซีอีโอหญิงในบริษัท S&amp;P และเป็นซีอีโอหญิงผิวดำเพียงคนเดียว ซึ่งพวกเขาไม่เพียงแต่กำหนดมาตรฐานสำหรับการใช้วัคซีนเท่านั้น แต่ยังทำงานเพื่อแก้ไขความไม่เท่าเทียมด้านการรักษาพยาบาลจากการระบาดใหญ่ที่แพร่ระบาด

เกมการเมือง

การปรากฏตัวของผู้หญิงที่จุดสูงสุดของอำนาจทางการเมืองยังคงเป็นส่วนน้อยในทุกพื้นที่ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการจากไปของ Merkel แต่ผู้นำสตรีที่อยู่ในแนวหน้าก็ต่างพยายามที่จะเสนอพิมพ์เขียวสำหรับการนำทางในช่วงเวลาวิกฤต 

ในขณะที่ความตึงเครียดระหว่างไต้หวันและจีนเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ ประธานาธิบดี Tsai Ing-wen ของไต้หวัน มีรายชื่อปรากฎอยู่ในอันดับที่ 9 ของทำเนียบจากความพยายามปกป้องประชาธิปไตยในเกมหมากรุกระดับภูมิรัฐศาสตร์ที่ดังก้องไปทั่วโลก 

ขณะที่ในฝั่งยุโรปนำโดย Christine Lagarde (อันดับที่ 3) หัวหน้าธนาคารกลางยุโรป (#3) และ Ursula von der Leyen ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อันดับที่ 8) ตามมาด้วย Kamala Harris (อันดับที่ 2) ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งในปีนี้ในฐานะนักการเมืองหญิงที่มีตำแหน่งสูงสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

ด้วยเหตุนี้ หากเราขยายคำจำกัดความของอำนาจให้เหนือกว่าการวัดความมั่งคั่งและศักยภาพขององค์กร ให้ครอบคลุมถึงวิธีที่น่าเกรงขามซึ่งผู้นำกำลังใช้อิทธิพลในรูปแบบใหม่จะสะท้อนให้เห็นว่าแทบจะไม่มีผู้หญิงที่มีอำนาจว่างเปล่าเลย ขณะที่รายชื่อสตรีที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกประจำปี 2021 ซึ่งจะกลายเป็นแสงสว่างและแรงผลักดันให้กับเส้นทางใหม่ที่กำลังก่อตัวและอาจมีศักยภาพเพียงพอที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าของอำนาจสำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป

แปลและเรียบเรียง ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ The World’s 100 Most Powerful Women: Redefining The Face Of Power In 2021 เผยแพร่บน ​Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://www.forbes.com/power-women/#1088bf945e25">100 สตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ประจำปี 2021</a>

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/forbes-under-30-hall-of-fame-2022-สุดยอดหนุ่มสาวดา.html">“Forbes Under 30” Hall of Fame 2022 : สุดยอดหนุ่มสาวดาวรุ่งตลอดกาล</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events