<h2>IKEA ท้าชิงตลาดเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านมือ 2 เปิดตัว Ikea Preowned แพลตฟอร์มซื้อขายแบบ Peer-to-peer เพื่อให้ลูกค้าสามารถทำการซื้อขายเฟอร์นิเจอร์มือ 2 กันได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น เผยเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Ikea Preowned เริ่มเปิดให้ทดลองใช้งานในเมืองมาดริด ประเทศสเปน และเมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์แล้ว โดยมีแผนจะขยับขยายบริการไปทั่วโลกภายในสิ้นปี 2024 นี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Jesper Brodin ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Ingka Group ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการหลักในการดูแลร้าน IKEA เผยว่า “นี่เป็นความฝันที่พวกเราตั้งใจทำมาสักพักแล้วครับ เราอยู่ในจุดที่สามารถพา IKEA ให้ทำสิ่งล้ำหน้าและมีประโยชน์ได้ เรามั่นใจอย่างมากในการวิวัฒน์บริษัทสู่ดิจิทัล”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;IKEA เคยเป็นร้านนอกเมืองที่ลูกค้าต้องเดินทางมารับและนำเฟอร์นิเจอร์ไปประกอบเอง ก่อนจะปรับรูปแบบธุรกิจให้มีการขายผ่านช่องทางออนไลน์ มีร้านอยู่ใจกลางเมือง และบริการต่างๆ เช่น การประกอบเฟอร์นิเจอร์ แพลตฟอร์มซื้อขายใหม่นี้นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของก้าวต่อไปของ IKEA ที่ต้องการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ซึ่งพวกเขาก็เริ่มดำเนินการมาหลายปีแล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันที่จริง IKEA มีการซื้อเฟอร์นิเจอร์เก่าจากลูกค้าและนำมาขายเป็นมือ 2 ที่ร้านอยู่แล้ว แต่แพลตฟอร์มใหม่นี้มีความทะเยอทะยานกว่านั้น โดยตั้งเป้าไว้ที่การเข้าร่วมตลาดสินค้ามือ 2 ด้วยการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถขายเฟอร์นิเจอร์ให้กันได้โดยตรง ซึ่ง Brodin มองว่า Ikea มีส่วนแบ่งการตลาดในเฟอร์นิเจอร์มือ 2 สูงกว่ายอดขายสินค้ามือหนึ่งเสียอีก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บน Ikea Preowned ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ ลูกค้าสามารถลงขายสินค้าของตัวเอง อัปโหลดรูปภาพ และตั้งราคา ผู้ซื้อสามารถรับเฟอร์นิเจอร์จากผู้ขายได้โดยตรงไม่ต้องผ่าน IKEA อีกทั้งยังมีตัวเลือกว่าผู้ขายจะรับเงินหรือวอยเชอร์จาก IKEA พร้อมโบนัส 15%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Brodin เผยว่าแพลตฟอร์มบริการซื้อขายมีน้อยรายจนอาจเข้าขั้นผูกขาด เช่น แพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง eBay, Gumtree ในสหราชอาณาจักร และ Finn ในนอร์เวย์ ซึ่ง Finn มีสินค้า IKEA วางขายบนแพลตฟอร์มถึง 8,700 ชิ้นแค่ในเขตเมืองออสโลเพียงเมืองเดียว สำหรับการเปิดตัว Ikea Preowned มีทั้งเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ไปจนสินค้าชิ้นเล็ก การนำสินค้าเหล่านั้นขึ้นขายบนแพลตฟอร์มไม่มีค่าบริการ Brodin เผยว่า IKEA อาจมีการเก็บค่าธรรมเนียมพอเป็นพิธี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;IKEA เคยทดสอบการขายเฟอร์นิเจอร์บนแพลตฟอร์มอื่นมาก่อน เช่น Tmall ของ Alibaba ในจีน แต่ Ikea Preowned นับเป็นก้าวแรกสำหรับตลาดสินค้ามือ 2 นอกจากนี้ยังเป็นหนทางหนึ่งในการผลักดันสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมภายในปี 2030 อันเป็นเป้าหมายที่ IKEA เคยประกาศเอาไว้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ก่อนหน้านี้ในปี 2022 ทาง IKEA เคยมีแผนจะนำเสนอการชอปปิ้งออนไลน์ทั่วโลกภายใน 3 ปี แต่การแพร่ระบาดของ Covid-19 ทำให้พวกเขาต้องเร่งมือเหลือเพียง 6 สัปดาห์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“นั่นเป็นเรื่องของความอยู่รอดของเราเลยครับ” Brodin เล่า “ร้านเราปิดหมด 100 เปอร์เซ็นต์ การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลช่วยเราไว้”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Ingka Group เผยว่าตอนนี้ IKEA ต้องการพัฒนาแพลตฟอร์มที่เป็น “หากจะซื้อเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้าน ก็ต้องนึกถึงที่นี่” โดยแพลตฟอร์มซื้อขายเป็นเพียง “หนึ่งในส่วนที่มีความสำคัญที่สุด” เท่านั้น ส่วนอื่นๆ ที่สำคัญไม่แพ้กัน ได้แก่ บริการ การเงิน การออกแบบบ้าน และประสบการณ์การชอปปิ้ง แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.irishtimes.com/business/2024/08/26/ikea-launches-secondhand-marketplace-to-compete-with-ebay/" alt="Ikea launches second-hand marketplace to compete with eBay">Ikea launches second-hand marketplace to compete with eBay</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/travel/thai-people-visit-japan-repeatedly-the-most" alt="ญี่ปุ่นทั้งใจ! อโกด้าเผยญี่ปุ่นคือจุดหมายปลายทางที่ ‘ชาวไทย‘ กลับไปเที่ยวซ้ำมากสุด">ญี่ปุ่นทั้งใจ! อโกด้าเผยญี่ปุ่นคือจุดหมายปลายทางที่ ‘ชาวไทย‘ กลับไปเที่ยวซ้ำมากสุด</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

IKEA เปิดตัว Ikea Preowned แพลตฟอร์มซื้อขายเฟอร์นิเจอร์มือ 2 นำร่องก่อนที่สเปนและนอร์เวย์

<h2 class="p1">Moov แพลตฟอร์มซื้อขายอุปกรณ์การผลิตมือสอง ระดมทุน 41 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในรอบ Series A นำโดย Tiger Global และนักลงทุนรายใหญ่อย่าง Gavin Baker จาก Atreides Management, Valor Equity Partners, Avenir Growth Fund </h2>
<img class="alignnone wp-image-53955" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/ways-to-moov-background-1024x469.png" alt="Steven Zhou" width="720" height="330" />
ด้าน Steven Zhou และ Maxam Yeung ร่วมก่อตั้ง M<a style="color: #008000;" href="https://www.moov.co/">oov </a>ใน San Francisco เมื่อราวทศวรรษที่แล้ว จากการตระหนักว่าบริษัทต่างๆ ในอุตสาหกรรม เช่น Qualcomm และ Samsung ใช้เงินหลายพันล้านเหรียญต่อปีในการจัดซื้ออุปกรณ์การผลิตเพียงเพื่อให้อุปกรณ์ดังกล่าวถูกทิ้งหรือถูกลืมในคลังสินค้าภายในเวลาไม่กี่ปี แม้จะใช้งานได้นานหลายทศวรรษก็ตาม
"เราคว้าโอกาสที่มีอยู่โดยพิจารณาจากระยะเวลาการใช้อุปกรณ์จริงเทียบกับระยะเวลาที่สามารถใช้งานได้" Steven Zhou ซีอีโอของ Moov กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับ TechCrunch “มีโอกาสหลายพันล้านเหรียญในการนำอุปกรณ์เหล่านี้กลับมาใช้ใหม่ นั่นคือที่มาของแนวคิดของ Moov โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เพื่อหาบ้านใหม่ให้กับอุปกรณ์ที่ไม่ได้ถูกใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพทั่วโลก”
ในที่นี้ Moov ตั้งเป้าที่จะช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กและมหาวิทยาลัยทั่วโลกที่ไม่มีงบประมาณหรือเครือข่ายในการจัดหาอุปกรณ์เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมต่อไป ขณะที่อีกด้านหนึ่งก็สามารถทำให้บริษัทผู้ผลิตสร้างรายได้ชดเชยทุนที่สูญเสียไป
โดยซอฟต์แวร์ของแพลตฟอร์มจะจับคู่อุปกรณ์ที่ผู้ขายระบุไว้กับบริษัทที่สามารถใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวได้โดยอัตโนมัติ และในขณะเดียวกันผู้ซื้อยังสามารถค้นหาด้วยตนเองผ่านรายการอุปกรณ์จำนวนมากเช่นกัน
นอกเหนือจากตลาดเรียลไทม์แล้ว Moov ยังมีบริการเพิ่มเติม เช่น ซอฟต์แวร์ด้านลอจิสติกส์ การตกแต่ง การประกันภัย และซอฟต์แวร์การจัดการสินทรัพย์
สำหรับการระดมทุนครั้งใหม่นี้ Moov วางแผนที่จะนำไปขยายธุรกิจในประเทศไปยังศูนย์เซมิคอนดักเตอร์อื่นๆ เช่น Austin และ New York นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปทั่วโลก เช่น จีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และยุโรป ตลอดจนการว่าจ้างผู้บริหาร การลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนา และดำเนินการจัดซื้อสินค้าคงคลังเพิ่มเติม
ในทำนองเดียวกัน Moov ยังวางแผนที่จะเข้าซื้อกิจการของผู้เล่นรายอื่นๆ ในอุตสาหกรรม เพื่อเชื่อมต่อระบบนิเวศระหว่างกันและกันอีกด้วย
สำหรับการจัดหาเงินทุนรอบ Series A ของ Moov เกิดขึ้นท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอุตสาหกรรมจำนวนมากได้ชะลอการผลิตจากการขาดแคลนชิ้นส่วนที่จำเป็น ซึ่งสำหรับประเด็นนี้ Zhou มองว่า Moov กำลังทำงานเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนในท้องถิ่น และบริษัทสามารถลดระยะเวลาการรอรับอุปกรณ์สำหรับบริษัทต่างๆ จากเดือนเหลือเป็นวันหรือภายในไม่กี่ชั่วโมง
ข้อมูลของบริษัทชี้ให้เห็นว่ามูลค่าของอุปกรณ์ที่ใช้แล้วเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในปีที่ผ่านมา และตัวเลขเหล่านี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าเป็นประมาณ 2 แสนล้านเหรียญต่อปีภายใน 6 ถึง 8 ปีข้างหน้า ซึ่ง Moov ในฐานะที่เป็นแพลตฟอร์มที่มีการซื้อขายอยู่ราว 1.5 พันล้านเหรียญ หวังว่าจะมีบทบาทในการเปลี่ยนความคิดในการจัดซื้ออุปกรณ์ทั่วโลก
ท้ายที่สุด Zhou เผยว่า ทางบริษัทมีความภูมิใจที่ได้สร้างตลาดที่ช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก “เมื่อเราเติบโตขึ้น เรารู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้มีบทบาทเพิ่มขึ้นในการช่วยลดคาร์บอนจากกระบวนการผลิตและบรรเทาปัญหาการขาดแคลนชิปทั่วโลก”
แปลและเรียบเรียงจากบทความ Moov, an online marketplace for used manufacturing equipment, raises $41M from Tiger Global and others เผยแพร่บน Techcrunch.com โดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค 

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/falguni-nayar-%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%81%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%87-nykaa.html">Falguni Nayar ขึ้นแท่นผู้ประกอบการหญิงที่สร้างฐานะด้วยตัวเองที่มั่งคั่งที่สุดในอินเดีย</a>

Moov แพลตฟอร์มซื้อขายอุปกรณ์การผลิตมือสอง ระดมทุน 41 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

<h2 class="p3">Shintaro Yamada เชื่อว่าตลาดจำหน่าย สินค้ามือสอง ออนไลน์ของเขาสามารถประสบความสำเร็จได้ไม่เฉพาะในประเทศบ้านเกิดของเขาอย่างญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในตลาดที่มีการแข่งขันสูงกว่าอย่างอเมริกาอีกด้วย</h2>
เมื่อเดือนที่แล้ว ภายในเวลาเพียง 10 นาที มีการขายสินค้าดังต่อไปนี้ผ่าน Mercari ซึ่งเป็น “ตลาดจำหน่าย สินค้ามือสอง” ออนไลน์ ได้แก่ เสื้อเชิ้ตแขนยาวแบรนด์ Lululemon (22 เหรียญสหรัฐฯ) ตุ๊กตายักษ์ตาเดียวซึ่งเป็นของเล่นในไลน์ Monster High ของบริษัทผู้ผลิตของเล่น Mattel (25 เหรียญ) รองเท้า Naot เบอร์ 9 (50 เหรียญ) และกระเป๋าสตางค์แบรนด์ Coach สีน้ำตาล (8 เหรียญ) ซึ่งผู้ขายยอมรับว่าสินค้าอยู่ในสภาพ “เก่า” และก้นกระเป๋ามี “คราบสกปรก”
มีความต้องการตุ๊กตา Barbie มือสองและกระเป๋าเก่าๆ มากพอในปีที่ผ่านมา จนทำให้บริษัทใน Tokyo อย่าง Mercari ทำายอดขายได้สูงถึง 324 ล้านเหรียญจากการหักส่วนแบ่ง 10% จากการซื้อขายแต่ละครั้ง เป็นที่แน่นอนว่าผู้ก่อตั้ง Shintaro Yamada วัย 41 ปี สามารถซื้อข้าวของทุกอย่างที่เขาต้องการได้ โดยที่ของทุกอย่างเป็นสินค้าใหม่ ปัจจุบันเขาถือหุ้นอยู่ 32% ในบริษัทแห่งนี้ซึ่งมีมูลค่า 1.3 พันล้านเหรียญ ราคาหุ้นของบริษัทอยู่ในช่วงขาขึ้น (โดยราคามีการปรับตัวขึ้นๆ ลงๆ เล็กน้อย) นับตั้งแต่การออกหุ้นไอพีโอในเดือนมิถุนายน 2018
Yamada ให้สัมภาษณ์กับ Forbes Japan เมื่อเดือนพฤศจิกายนว่า “พันธกิจของเราก็คือการสร้างมูลค่าใหม่ เราได้รับการตอบรับค่อนข้างดี นับตั้งแต่ที่ Mercari (คำกริยาในภาษาละตินซึ่งมีความหมายว่า “ซื้อขายแลกเปลี่ยน”) ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 “มีผู้นำสิ่งของมากมายมาขายผ่าน Mercari ก็เพราะเสื้อผ้าหรือข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ที่วางระเกะระกะอยู่รอบบ้านนั้นไม่มีคุณค่าสำหรับเจ้าของอีกต่อไป และ (จะ) ถูกโยนทิ้ง”
การขยายธุรกิจที่กล้าหาญที่สุดของ Yamada น่าจะเป็นการที่เขาตัดสินใจต่อกรกับ eBay โดยตรงภายในระยะเวลา 14 เดือนนับจากที่เริ่มก่อตั้ง Mercari ขึ้นในประเทศญี่ปุ่น Yamada ได้เปิดตัว Mercari ในสหรัฐฯ และสัมผัสได้ถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่ไม่คุ้นเคยในทันใด
“ในองค์กรญี่ปุ่นทุกคนจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีการเตรียมความพร้อมให้กับพนักงานรุ่นใหม่ๆ และบริษัทก็เติบโตขึ้น แต่ใน Silicon Valley มีเพียง “บริษัทที่เหมาะสมที่สุด” เท่านั้นที่จะอยู่รอดได้” จนถึงขณะนี้ Mercari ยังไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นบริษัทที่เหมาะสมที่จะรอดสักเท่าไร ธุรกิจในสหรัฐฯ ของบริษัทคิดเป็น เพียง 6% ของมูลค่าธุรกิจทั้งหมด กระนั้น Yamada ก็ไม่อนาทรร้อนใจว่าแผนกลยุทธ์ของเขาจะได้ผลหรือไม่ เขากล่าวว่า “ความล้มเหลวเป็นก้าวสำคัญซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จ”
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/world/hiroshi-mikitani-rakuten-%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%82%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%a1%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%96%e0%b8%b7%e0%b8%ad.html">Hiroshi Mikitani แห่ง Rakuten ปฏิวัติเครือข่ายมือถือใหม่บนคลาวด์</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

<a href="https://bit.ly/2kmIPNv">คลิกอ่านบทความทางด้านเศรษฐกิจและธุรกิจ ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับกันยายน 2562 ในรูปแบบ e-Magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-15976" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/COVER-76-SEPTEMBER-.jpg" alt="" width="300" height="393" />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events