<h2>บ้านปูแต่งตั้ง ‘คนรุ่นใหม่’ นำทัพสู่อนาคตในทศวรรษที่ 5 ‘สินนท์ ว่องกุศลกิจ’ ขึ้นแท่นซีอีโอ เผยกำไรปี 2566 มั่นคง พร้อมสานต่อจุดยืนอนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ แถลงปรับเปลี่ยนตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารตามมติของคณะกรรมการบริษัท ชูความพร้อมในการเปลี่ยนผ่านผู้นำ (Leadership Transformation) โดยเป็นบริษัทพลังงานที่สนับสนุนให้คนรุ่นใหม่ขึ้นนำทัพขับเคลื่อนการบริหารธุรกิจได้อย่างราบรื่น มีผล 2 เมษายนนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ คณะกรรมการได้มีมติแต่งตั้ง “สินนท์ ว่องกุศลกิจ” ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะมีผลในวันที่ 2 เมษายน 2567 เป็นต้นไป ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและสรรหา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยการสรรหาและแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงของบริษัทบ้านปูเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติการกำกับดูแลกิจการที่ดี นอกจากนี้ เพื่อสะท้อนถึงความพร้อมและความเชื่อมั่นของบริษัทฯ ในการเปลี่ยนผ่านผู้นำองค์กร(Leadership Transformation) คณะกรรมการฯ ยังได้กำหนดแนวทางและวางแผนพัฒนาผู้สืบทอดตำแหน่งสำคัญ (Succession Planning and High Performance Management) เพื่อขับเคลื่อนองค์กรในช่วงการเปลี่ยนผ่านธุรกิจ (Business Transformation) มาอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับผลประกอบการในปี 2566 กลุ่มบริษัทบ้านปูรายงานผลกำไรสุทธิจำนวน 160 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 5,343 ล้านบาท) โดยรายงานกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) รวม 1,562 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 54,361 ล้านบาท) ซึ่งในปีที่ผ่านมา แต่ละกลุ่มธุรกิจมีความคืบหน้าที่สำคัญ ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน ด้านธุรกิจเหมือง คงความสามารถในการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างแข็งแกร่ง สำหรับธุรกิจก๊าซธรรมชาติ แม้ว่าราคาก๊าซจะไม่เอื้ออำนวย แต่บริษัทฯ สามารถปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงานและการผลิตให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และบริหารจัดการต้นทุน เพื่อคงความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดได้อย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังมีความคืบหน้าในโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS) ในสหรัฐอเมริกา ที่เริ่มดำเนินการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เรียบร้อยแล้ว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/dJLbYbRMWHk8wNFBkbnD.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="dJLbYbRMWHk8wNFBkbnD.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="900,600"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน สำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อน มีผลการดำเนินงานที่ดีจากการรักษาประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าได้อย่างมั่นคง โดยโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I และ Temple II ในสหรัฐฯ รายงานผลการดำเนินงานที่ดีจากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้อานิสงส์จากราคารับซื้อไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงวิกฤตคลื่นความร้อนในรัฐเท็กซัส&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในขณะที่โรงไฟฟ้าเอชพีซี (HPC) ในประเทศลาว โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี (BLCP) ในประเทศไทย และโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวง (Shanxi Lu Guang: SLG) ในประเทศจีน สามารถเดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีค่าความพร้อมจ่าย (Equivalent Availability Factor: EAF) ในระดับสูง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน มีกำลังผลิตรวมจากพลังงานหมุนเวียน 870 เมกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในทุกประเทศต่างมีผลการดำเนินงานที่ดีจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยและค่าความเข้มของแสงที่สูง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน มีการเติบโตต่อเนื่องของโซลูชันพลังงานฉลาดแบบครบวงจร ผ่านการขยายฐานลูกค้าและการลงทุนสู่พันธมิตรใหม่ ๆ ในธุรกิจแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงาน (Battery &amp; Energy Storage System Solutions: BESS) เพื่อสร้างห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจแบตเตอรี่ที่แข็งแกร่ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อาทิ การลงทุนในโครงการฟาร์มแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ กำลังกักเก็บพลังงานไฟฟ้า 58 เมกะวัตต์ ที่เมืองโตโนะ (Tono) จังหวัดอิวาเตะ (Iwate) ในประเทศญี่ปุ่น และการลงทุนในบริษัท เอส โวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อร่วมกันพัฒนา ผลิต และจัดจำหน่ายแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยานยนต์ 2 ล้อ และ 3 ล้อ รวมไปถึงระบบกักเก็บพลังงาน การรีไซเคิลแบตเตอรี่ และบริการด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยจัดตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในจังหวัดชลบุรี กำลังผลิตราว 2 กิกะวัตต์ชั่วโมง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ธุรกิจพัฒนาเมืองอัจฉริยะและจัดการพลังงาน (Smart Cities &amp; Energy Management) มีความคืบหน้าสำคัญ โดยบริษัท บีเอ็นเอสพี สมาร์ท เทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บ้านปู เน็กซ์ กับเอสพี กรุ๊ป ผู้ให้บริการระบบสาธารณูปโภคด้านพลังงานแห่งชาติในสิงคโปร์และเอเชีย-แปซิฟิก ได้รับคัดเลือกให้ดำเนินการออกแบบ พัฒนา และบริหารจัดการระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลาง (District Cooling System) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ โซนซี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ธุรกิจอี-โมบิลิตี้ (E-Mobility) ยังขยายการให้บริการระบบสัญจรทางเลือกแบบครบวงจรในรูปแบบ Mobility as a Service (MaaS) และการบริหารการเดินทางและขนส่งด้วยยานพาหนะไฟฟ้า (EV Fleet Management) เพื่อส่งเสริมการเดินทางและขนส่งอัจฉริยะให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีจุดบริการไรด์ แชร์ริ่ง 2,500 จุด, คาร์แชร์ริ่งกว่า 1,500 จุด, สถานีชาร์จกว่า 300 สถานีและจุดบริการหลังการขายรถยนต์ไฟฟ้า 20 แห่ง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/RjkWJwDmV1jRokepuVsQ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="RjkWJwDmV1jRokepuVsQ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="900,600"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2567 บริษัทฯ จะเดินหน้าเสริมสร้างความแข็งแกร่งของทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ต่อยอดประโยชน์สูงสุดจาก Banpu Ecosystem เพื่อทำให้บ้านปูเป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานที่สามารถส่งมอบพลังงานที่ยั่งยืนและตอบโจทย์ความต้องการด้านพลังงานของโลกในอนาคต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ดิฉันเชื่อมั่นว่าการนำทัพของผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีความสามารถและความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม พร้อมการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจากคณะผู้บริหารของกลุ่มบ้านปูทั้งหน่วยธุรกิจและหน่วยสนับสนุน จะสามารถนำบ้านปูไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน” สมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวปิดท้าย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/other/bgrim-s-and-p-global-sustainability-yearbook-2024" alt="‘บี.กริม เพาเวอร์’ หนึ่งเดียวในเอเชีย คว้ารางวัลองค์กรยั่งยืนระดับโลก จาก S&amp;P Global ในระดับ Top 10% กลุ่ม Electric Utilities">‘บี.กริม เพาเวอร์’ หนึ่งเดียวในเอเชีย คว้ารางวัลองค์กรยั่งยืนระดับโลก จาก S&amp;P Global ในระดับ Top 10% กลุ่ม Electric Utilities</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘บ้านปู’ ก้าวสู่ยุคใหม่ด้วยคนรุ่นใหม่ แต่งตั้ง ‘สินนท์ ว่องกุศลกิจ’ เป็น CEO

สินนท์ ว่องกุศลกิจ   “บ้านปู เน็กซ์” ผู้นำธุรกิจพลังงานสะอาด

<h2 class="p1">บ้านปู เน็กซ์ ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานฉลาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประกาศลงนามความร่วมมือ 2 พันธมิตรผู้นำทางธุรกิจ เชิดชัยมอเตอร์เซลส์ ผู้ให้บริการรถบัสรายใหญ่ที่สุดในไทย และ ดูราเพาเวอร์ ผู้นำด้านระบบแบตเตอรี่จัดเก็บพลังงานแบบลิเธียมไอออนระดับโลก สร้างโรงงานประกอบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในไทย </h2>
การร่วมมือระหว่าง บ้านปู เน็กซ์ กับเชิดชัยมอเตอร์เซลส์ และดูราเพาเวอร์ครั้งนี้นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของผู้นำธุรกิจจาก 3 อุตสาหกรรม ที่มุ่งมั่นขยายธุรกิจสอดรับไปกับทิศทาง และเทรนด์ของโลกอนาคต โดยเฉพาะเทรนด์การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า และการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยปี 2564 ตลาดรถโดยสารไฟฟ้า (e-Bus) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีมูลค่าประมาณ 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ และคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 13.52 หรือมีมูลค่ากว่า 8.4 หมื่นล้านเหรียญ<a href="https://www.researchandmarkets.com/reports/3440165/asia-pacific-electric-bus-market-by-propulsion">ภายในปี 2570</a> ทั้งยังเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจแบตเตอรี่ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภทอีกด้วย การจัดตั้งโรงงานแห่งนี้จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนแนวทางของภาครัฐที่ต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถ EV
<img class="alignnone size-full wp-image-66469" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/Banpu-NEXT-x-DP-x-CC-MOU-Signing-Ceremony-Battery-Assembly-Plant_1.jpg" alt="" width="720" height="480" />
โรงงานนี้ตั้งอยู่ในจังหวัดนครราชสีมา ใช้ประกอบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจากดูราเพาเวอร์ ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่มีคุณภาพและมาตรฐานระดับโลก มีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยสูง คาดว่าจะเปิดดำเนินการในช่วงต้นปี 2566 โดยแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ออกแบบมานี้ สามารถรองรับการชาร์จที่รวดเร็วและกักเก็บพลังงานสูง เพื่อเพิ่มระยะการใช้งาน e-Bus ของเชิดชัยฯ และกลุ่มลูกค้าในประเทศไทยที่ต้องการใช้แบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ตั้งเป้าจะขยายกำลังการผลิตสู่ 1 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี ภายในปี 2569 เพื่อบุกตลาดในเอเชียแปซิฟิก
สินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “บ้านปู เน็กซ์ มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจสู่อนาคตพลังงานที่ยั่งยืน ตามกลยุทธ์ Greener &amp; Smarter ของบ้านปู บริษัทแม่ การผนึกความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยเสริม ความแข็งแกร่งระบบนิเวศทางธุรกิจ และสามารถต่อยอดขยายพอร์ตฟอลิโอให้กับ 3 กลุ่มธุรกิจของบ้านปู เน็กซ์ ทั้งธุรกิจแบตเตอรี่ ธุรกิจอี-โมบิลิตี้ และธุรกิจพลังงานฉลาด อาทิ โซลูชันฉลาดผลิต หรือระบบโซลาร์ เป็นต้น


<figure><img class="wp-image-66474 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/Mr.-Sinon-Vongkusolkit-Chief-Executive-Officer-of-Banpu-NEXT.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> สินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด</figcaption></figure>
และกล่าวต่อว่า “โดยเรามีบทบาทในการศึกษาตลาด และความเป็นไปได้ในการนำแบตเตอรี่ ไปใช้กับโซลูชันพลังงานฉลาดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์ม การสัญจรแบบครบวงจร หรือ Mobility as a Services (MaaS) สำหรับรถบัส และระบบบริหารจัดการยานพาหนะไฟฟ้า (EV Fleet Management) รวมไปถึงการนำแบตเตอรี่ไปใช้กับตลาดอื่นๆ ในอนาคต เช่น ระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ร่วมกับระบบโซลาร์ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงขยายธุรกิจแบตเตอรี่ในต่างประเทศ”
ด้าน ดร.อัสนี เชิดชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชิดชัยมอเตอร์เซลส์ จำกัด กล่าวว่า “บริษัทเล็งเห็นแนวโน้มของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่แพงขึ้น และเมกะเทรนด์ด้านความยั่งยืน และสิ่งแวดล้อม เราจึงมองหาพันธมิตรเชิงกลยุทธ์อย่างบ้านปู เน็กซ์ และดูราเพาเวอร์ เพื่อรุกตลาดรถบัสไฟฟ้า (e-Bus) เพื่อช่วยสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้ธุรกิจ และขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มธุรกิจใหม่ๆ ที่หลากหลาย
โดยเชิดชัยฯ เป็นผู้ดูแลด้านการจัดการทั้งหมดของโรงงานแห่งนี้ โดยจะนำความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมการประกอบรถบัส และประสบการณ์อันยาวนานกว่า 64 ปี นำแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมาใช้ประกอบรถบัสไฟฟ้าของบริษัท และรถบัสไฟฟ้าสำหรับลูกค้าของ เชิดชัยฯ ทั้งหน่วยงานราชการ ธุรกิจรถทัวร์ เป็นต้น รวมถึงดูแลบริการหลังการขาย และติดตั้งสถานีชาร์จสำหรับรถบัสในอนาคต”


<figure><img class="wp-image-66472 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/Dr.-Assanee-Cherdchai-Chief-Executive-Officer-of-Cherdchai-Motors-Sales.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> ดร.อัสนี เชิดชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชิดชัยมอเตอร์เซลส์ จำกัด</figcaption></figure>
อีกทั้ง Kelvin Lim ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดูราเพาเวอร์ ได้กล่าวว่า “ดูราเพาเวอร์มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศสิงคโปร์ มีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบ การผลิต และการติดตั้งระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า อุปกรณ์การเดินเรือ และพลังงานหมุนเวียน
ตั้งแต่ปี 2552 บริษัทเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ที่มุ่งให้ความสำคัญด้านการวิจัยและพัฒนาวัสดุสำหรับแบตเตอรี่ การผลิตเซลล์แบตเตอรี่ รวมถึงการรวมระบบเข้าด้วยกัน ปัจจุบันมีฐานลูกค้าครอบคลุมทั้งประเทศจีน ยุโรป และเอเชียแปซิฟิก โดยการร่วมมือครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจ เพื่อส่งมอบระบบแบตเตอรี่คุณภาพสูงไปยังลูกค้าทั่วโลก”


<figure><img class="wp-image-66473 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/Mr.-Kelvin-Lim-Chief-Executive-Officer-of-Durapower-Group.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> Kelvin Lim ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดูราเพาเวอร์</figcaption></figure>
“โดยเราเชื่อว่า การร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบ้านปู เน็กซ์ และ เชิดชัยมอเตอร์เซลส์จะทำให้บริษัทสามารถเจาะตลาด และขยายฐานลูกค้าในประเทศไทยและทั่วภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งดูราเพาเวอร์จะเป็นผู้จัดหาเซลล์แบตเตอรี่ ชิ้นส่วน และส่วนประกอบที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงระบบจัดการแบตเตอรี่ (BMS) และใบอนุญาตประกอบแบตเตอรี่สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) สำหรับเรือทุกประเภท (Marine Applications) รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถสามล้อ รถบัส รถบรรทุก และยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่เพื่อการพาณิชย์
ทั้งนี้ ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและความพร้อมด้านการผลิตของบริษัท ทำให้แบตเตอรี่ที่ประกอบจากโรงงานแห่งนี้ กักเก็บพลังงานสูง จ่ายไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเพิ่มระยะการขับขี่ รวมถึงออกแบบให้มีการชาร์จที่รวดเร็ว น้ำหนักเบา และมีมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง” Lim กล่าวต่อ
“การร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งพลังที่จะช่วยสนับสนุน และสอดรับกับนโยบายการผลิต และการใช้ยานยนต์ไร้มลพิษของภาครัฐ (Zero Emission Vehicle: ZEV) ที่มุ่งเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ พร้อมช่วยขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำ” สินนท์ กล่าวสรุป
อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/other/%e0%b9%82%e0%b8%8b%e0%b9%84%e0%b8%8b%e0%b8%95%e0%b8%b5%e0%b9%89-%e0%b8%9e%e0%b8%b2%e0%b8%aa-%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%a2%e0%b8%8b%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%81%e0%b8%b2.html">โซไซตี้ พาส ลุยซื้อกิจการในไทย-อาเซียน</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a style="color: #003300;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events