เปิดมุมมอง 3 เชฟมิชลิน เมื่อ ‘วัตถุดิบท้องถิ่น’ คือหัวใจ พาอาหารไทยสู่ความเป็นเลิศ

นราวดี ศรีกาญจนา ปั้น “นาราไทย คูซีน” ไกลข้ามโลก

<h2>“อาหาร” ถือเป็นหนึ่งใน Soft power และอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพสูงในการสร้างโอกาสการเติบโตและมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับไทย</h2> &nbsp; &nbsp; &nbsp;เพราะนอกจากอาหารไทยจะมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วโลกมาอย่างยาวนานแล้ว ประเทศไทยยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งทั้งความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายของวัตถุดิบ มาตรฐานการผลิตซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมทั้งยังมีอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่แข็งแกร่งและครบวงจรอีกด้วย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นต้นทุนที่ดีในการสนับสนุนและต่อยอดการขับเคลื่อนและส่งออก Soft power ด้านอาหารของไทย&nbsp; &nbsp; &nbsp;ทั้งนี้ กลไกในการผลักดันยุทธศาสตร์ Soft power ด้านอาหาร สามารถทำได้หลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการสอดแทรกเนื้อหาเกี่ยวกับวัฒนธรรมการรับประทานอาหารที่น่าสนใจและมีเอกลักษณ์ผ่านสื่อบันเทิงต่าง ๆ เช่น ละคร ซีรีส์ ภาพยนตร์ รวมทั้งการเผยแพร่ผ่านผลงานศิลปะและดนตรี&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;หรือแม้แต่การโปรโมตการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomy tourism) เพื่อสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ที่เชื่อมโยงเข้ากับประเพณี วิถีวัฒนธรรมอาหารท้องถิ่น และกระจายรายได้สู่ชุมชน ซึ่งนอกจากจะส่งผลดีต่อผู้เล่นที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่การผลิตอาหารและเครื่องดื่มแล้ว ยังทำให้ภาคธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้รับอานิสงส์ตามไปด้วย ซึ่งกลไกการผลักดันเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลายประเทศทั่วโลกรวมทั้งไทยดำเนินการอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา&nbsp; &nbsp; &nbsp;ขณะเดียวกัน ต้องไม่ลืมว่ากุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ คือการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เอื้อและสนับสนุนต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านนี้ เพื่อติดอาวุธและสร้างความได้เปรียบให้กับผู้ประกอบการไทย ที่สำคัญประกอบด้วย&nbsp; &nbsp; &nbsp;- การพัฒนาคน ด้วยการยกระดับศักยภาพของคนไทยให้เปลี่ยนจากแรงงานทักษะต่ำเป็นแรงงานทักษะสูง รวมถึงการพัฒนาแรงงานที่มีทักษะความรู้ความสามารถเชิงสร้างสรรค์และทักษะเฉพาะทาง&nbsp; &nbsp; &nbsp;- การจัดตั้งหน่วยงานกลางในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ Soft power ซึ่งปัจจุบันมี THACCA ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการอำนวยความสะดวก ประสานงานกับทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในไทย เพื่อปลดล็อกศักยภาพ แก้ปัญหาอุปสรรคด้านกฎหมาย และสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหาร&nbsp; &nbsp; &nbsp;- การวางยุทธศาสตร์การส่งออกและการตลาด เพื่อประชาสัมพันธ์ จัดทำแผนและกระบวนการด้านการส่งออกของดีของประเทศไทยให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดปลายทาง<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/BtPPnES5JKWpumZMTewi.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="BtPPnES5JKWpumZMTewi.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp; &nbsp; &nbsp;นางสาวโชติกา ชุ่มมี&nbsp;ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการผลิต SCB EIC มองว่า การผลักดัน Soft power ด้านอาหาร จะมีส่วนช่วยสนับสนุนภาคการผลิตและภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอาหารทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น การส่งออกอาหารและผลิตภัณฑ์ ร้านอาหาร โรงเรียนสอนทำอาหาร ร้านของฝากและของที่ระลึก หรือแม้แต่การท่องเที่ยวเชิงอาหาร และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น&nbsp; &nbsp; &nbsp;อย่างไรก็ดี ความท้าทายสำคัญ คือ การสร้างมาตรฐานและกำหนดยุทธศาสตร์การดำเนินงานที่มีความสอดคล้องและมีทิศทางเดียวกันทั้ง Ecosystem รวมถึงการทำการตลาดอย่างต่อเนื่องในระยะยาว เพื่อตอกย้ำภาพจำที่เด่นชัดกับผู้บริโภคในตลาดโลก&nbsp; ภาพ: SCBEIC&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;&nbsp;เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/padkaprao-is-ranked-number-1-on-2024-foodpanda-with-more-than-800-000-orders" alt="'ผัดกะเพรา' ครองแชมป์อันดับ 1 ปี 67 ยอดสั่งซื้อผ่านแอป foodpanda สูงสุดกว่า 800,000 จาน">'ผัดกะเพรา' ครองแชมป์อันดับ 1 ปี 67 ยอดสั่งซื้อผ่านแอป foodpanda สูงสุดกว่า 800,000 จาน</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

SCB EIC เผย Soft power อาหารไทย ฟันเฟืองตัวใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

<h2>foodpanda เผย 15 อันดับ เมนูสตรีทฟู้ดที่มียอดสั่งและยอดเสิร์ชสูงสุดแห่งปี 2567 โดย 'ผัดกะเพรา' กลับมาทวงบัลลังก์ครองอันดับ 1 จากยอดสั่งออเดอร์มากกว่า 800,000 จาน หลังจากที่เคยพลาดท่าเสียแชมป์ให้กับ 'ข้าวผัด' ไปเมื่อปีก่อน </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;foodpanda สรุปสถิติแห่งปี 2567 ในฝั่งบริการฟู้ดเดลิเวอรี่ เผย 15 อันดับ เมนูยอดสั่งและยอดเสิร์ชสูงสุด จากลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ใช้บริการทั่วประเทศไทย โดยเมนูครองแชมป์ 15 อันดับ สองประเภททั้งจากยอดสั่งและยอดเสิร์ช ล้วนเป็นเมนูอาหารไทยตามสั่ง สตรีทฟู้ด หรืออาหารจานเดียวที่ทานง่ายเน้นความสะดวกรวดเร็ว โดยปีนี้ “ผัดกะเพรา” กลับมาเป็นเมนูยืนหนึ่งยอดสั่งเติบโตสูงสุดบน foodpanda อีกครั้ง หลังจากได้อันดับหนึ่งในปี 2565 และเสียแชมป์ให้ “ข้าวผัด” ในปี 2566 ซึ่งการกลับมาทวงตำแหน่งของผัดกะเพราในปีนี้ ถือเป็นการตอกย้ำความอร่อยที่ TasteAtlas เว็บไซต์ให้ข้อมูลด้านอาหารทั่วโลก ได้ยกให้ผัดกะเพราเป็นอาหารจานผัดที่ดีที่สุด <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/VgxJxD6Sa11yvswPKWP6.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="VgxJxD6Sa11yvswPKWP6.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมนูยอดสั่งสูงสุด 15 อันดับ ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. ข้าวกะเพรา 2. ข้าวผัด 3. ตำไทย 4. ข้าวมันไก่ 5. ขนมจีน 6. ชาไทย 7. ลาบ 8. ผัดซีอิ๊ว 9. ตำป่า 10. ราดหน้า&nbsp;11. ไข่เจียว 12. ผัดไทย 13. คอหมูย่าง 14. ไก่ย่าง และ 15. ข้าวขาหมู&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมนูยอดเสิร์ชสูงสุด&nbsp;15 อันดับ ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. ส้มตำ 2. ก๋วยเตี๋ยว 3. ข้าวมันไก่ 4. ยำ 5. ไก่ทอด 6. ขนมจีน 7. โจ๊ก/ ข้าวต้ม 8. โรตี/ เครป 9. ผัดไทย 10. ไก่ย่าง 11. ข้าวขาหมู 12. สุกี้ 13. หมูปิ้ง 14. ก๋วยเตี๋ยวเรือ และ 15. ปลาเผา​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/VwD3EGmUa8GRwwwFqETQ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="VwD3EGmUa8GRwwwFqETQ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผัดกะเพรายอดสั่งอันดับหนึ่ง 800,000 จาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อาหารจานเดียวรสชาติคุ้นเคย ที่คนไทยมักสั่งเสมอเวลาคิดไม่ออกว่ากินอะไรดีช่วงมื้อกลางวัน นอกจากกลิ่นหอมของใบกะเพรา พริก กระเทียม ยังเลือกเนื้อสัตว์ในผัดกะเพราได้ตามชอบทั้ง กะเพราไก่สับ กะเพราหมูชิ้น กะเพราปลาหมึก กะเพราเนื้อ หรือจะเพิ่มทอปปิ้งเป็นไข่ดาวขอบกรอบไข่แดงลาวา หรือไข่เจียวร้อน ๆ ก็ได้เช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ข้าวมันไก่เมนูม้ามืด ติดอันดับต้นทั้งยอดออเดอร์และยอดเสิร์ช&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;‘ข้าวมันไก่’ ครองอันดับต้นๆ ทั้งยอดสั่งและยอดเสิร์ช โดยมียอดสั่งเป็นอันดับ 4 รวมแล้วอยู่ที่ 500,000 จาน และยอดเสิร์ชเป็นอันดับ 3 แม้จะไม่ได้เป็นเมนูฮิตติดเทรนด์ แต่ก็เป็นเมนู Comfort Food ของคนไทยและต่างชาติ องค์ประกอบในจานมีไม่มาก แต่ก็ไม่ง่ายที่จะทำให้อร่อยทั้งถูกใจนักกิน ทั้งข้าวมันที่เรียงเม็ดเงางาม ไก่ต้มเนื้อนุ่มหนังเจลลี่หรือไก่ทอดหนังกรอบ น้ำซุปร้อน ๆ คล่องคอ และที่สำคัญน้ำจิ้มรสเด็ด foodpanda เลือกมาให้ 3 ร้าน พร้อมส่วนลดพิเศษจากแคมเปญ “รวมร้านฮิตถูกยืนหนึ่ง”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส้มตำ เมนูประจำชาติสาวออฟฟิศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ถ้าส้มตำไม่ติดอันดับก็ถือว่าไม่ใช่สถิติจากประเทศไทย! ‘ส้มตำ’ ติดอันดับ 1 ยอดเสิร์ชสูงสุด ในขณะที่ยอดออเดอร์ของ ‘ตำไทย’ อยู่ที่อันดับ 3 และ ‘ตำป่า’ อยู่ที่อันดับ 9 และที่สำคัญส้มตำยังเป็นอาหารที่สามารถนำไปดัดแปลงได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ตำถาด ตำเส้นเล็ก ตำด๊องแด๊ง ตำลิ้นจี่ เป็นต้น ไปลองส้มตำร้านเด็ดจาก foodpanda กันได้เลย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โทมัส วอน โมสเนอร์ กรรมการผู้จัดการ foodpanda ประเทศไทย กล่าวว่า จาก 15 อันดับเมนูสรีทฟู้ดยอดฮิต โดย foodpanda ทั้งยอดออเดอร์และยอดเสิร์ช ทำให้เราพบอินไซต์สำคัญว่า แม้ในปัจจุบันประเทศไทยจะมีอาหารหลากหลายประเภทให้เลือกรับประทาน แต่ลูกค้ายังนิยมสั่งอาหารไทยแบบจานเดียว หรืออาหารตามสั่งที่รสชาติคุ้นเคย ทำให้เราได้ข้อสรุปว่า อาหารไทยยังเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;foodpanda จึงออกแคมเปญ “รวมร้านฮิตถูกยืนหนึ่ง” ที่มีเป้า 3 ด้าน คือ 1.) มุ่งนำเสนอเมนูอาหารไทยฮิตติด เทรนด์เพื่อดึงดูดลูกค้าด้วยเมนูไวรัลจากร้านฮิต 2.) สนับสนุนศักยภาพของพันธมิตรร้านอาหารขนาดเล็กและกลาง ในชุมชนต่าง ๆ ทั่วไทย ให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน และ 3.) คืนกำไรให้กับลูกค้าและกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศช่วงปลายปีจนถึง 31 มกราคม 2568 ด้วย ส่วนลดพิเศษจากแคมเปญ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 550px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/bhNzsYzYtm26GB33yPTx.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="550px,754px" data-align="center" data-file-name="bhNzsYzYtm26GB33yPTx.jpg" data-file-size="0" origin-size="550,754" data-origin="550px,754px" style="width: 550px; height: 754px;" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;"foodpanda ได้คัดสรรร้านอาหารทั่วไทย เข้าร่วมแคมเปญ ‘ร้านรวมฮิตถูกยืนหนึ่ง’ กว่า 2,175 ร้าน รวมแล้วกว่า 200 เมนูเด็ด ครอบคลุมทั้งไทยสตรีทฟู้ด อาหารเพื่อสุขภาพ รวมถึงอาหารนานาชาติทั้งตะวันออกและตะวันตก และยังเมนูเครื่องดื่มยอดฮิตทั้งชา กาแฟ หลากหลายแบรนด์ดังอีกด้วย” โทมัส กล่าว&nbsp; &nbsp; อย่างไรก็ตาม ทาง foodpanda ยังได้มอบของขวัญสุดพิเศษส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ตลอดช่วงเทศกาลนี้ ด้วยส่วนลด&nbsp;20% ทันที่&nbsp;เมื่อสั่งอาหารจากร้านที่ร่วมรายการ และส่วนลด&nbsp;50 บาท ด้วยการใส่โค้ด ‘HIT50’&nbsp;สำหรับเมนูและร้านอาหารที่ร่วมแคมเปญ “รวมร้านฮิตถูกยืนหนึ่ง1” ทั่วประเทศ นับตั้งแต่วันนี้ - 31 มกราคม 2568​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/xbeFgw41e8PFDWNDc6tU.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="xbeFgw41e8PFDWNDc6tU.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div> ภาพ: foodpanda​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/hungry-hub-partner-with-stb-expanding-to-singapore" alt="เจาะความสำเร็จ Hungry Hub ยอดผู้ใช้แอป 1 ล้านคนต่อเดือน ลุยขยายสู่สิงคโปร์ ตั้งเป้าเป็น OTA ร้านอาหารระดับโลก">เจาะความสำเร็จ Hungry Hub ยอดผู้ใช้แอป 1 ล้านคนต่อเดือน ลุยขยายสู่สิงคโปร์ ตั้งเป้าเป็น OTA ร้านอาหารระดับโลก</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

'ผัดกะเพรา' ครองแชมป์อันดับ 1 ปี 67 ยอดสั่งซื้อผ่านแอป foodpanda สูงสุดกว่า 800,000 จาน

“อาหารไทย” ฮิต! คว้าอันดับ 1 อาหารขายดีบน foodpanda แซงไก่ทอด-เบอร์เกอร์-ชานม-พิซซ่า

<h2>การพบกันของ ‘มธรา สตูดิโอ’ และ ‘เจมส์ แกลอรี่’ สองแบรนด์เครื่องประดับอัญมณีไทยโด่งดังไกลถึงระดับโลก ที่ผนึกกำลังเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ‘MARGET’ เครื่องประดับชั้นสูงแรงบันดาลใจจากวัตถุดิบอาหารไทย พร้อมส่งซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่สากลผ่านงานศิลป์หรูหราอันสร้างสรรค์</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;‘มธรา’ (MATARA) แบรนด์ไข่มุกแท้ ดีไซน์สวย ฝีมือดี ที่โด่งดังระดับโลกไปถึงงานพรมแดงที่เมืองคานส์ และ ‘เจมส์ แกลอรี่’ (GEMS GALLERY) แบรนด์เครื่องประดับงานพลอยและอัญมณีไทยสุดหรูหราที่ออกแบบและผลิตอย่างพิถีพิถันโดยช่างฝีมือ อีกทั้งมีโชว์รูมขนาดใหญ่ต้อนรับแขกต่างชาติรวมมากกว่า 120 ประเทศทั่วโลกเป็นเวลามากกว่า 38 ปี ร่วมกันจัดงาน Thai Proud Phenomena&nbsp;เปิดตัว ‘MARGET’ เครื่องประดับชั้นสูงกว่า 25 ดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากวัตถุดิบอาหารไทย &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภัทรภณ หงษ์ศรีสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจมส์ แกลอรี่ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า “ทั้งสองแบรนด์ต่างมีความภาคภูมิใจในความเป็นไทยเช่นเดียวกัน รวมถึงมีวิสัยทัศน์ในการนำ Thai Fine Jewelry ที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก จึงเป็นที่มาของความร่วมมือกันเปิดตัวแบรนด์ MARGET ที่มีการนำวัตถุดิบอาหารไทยมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เครื่องประดับอันล้ำค่า มีความงดงามเหนือกาลเวลา และเปี่ยมไปด้วยรายละเอียดเช่นเดียวกับซอฟต์พาวเวอร์ของไทย ที่คนรักเครื่องประดับควรมีไว้ครอบครอง” <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/X7m3iXkrYd6jfMWVvLnx.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="X7m3iXkrYd6jfMWVvLnx.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภัณฑิรา หงษ์ศรีสุข ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ บริษัท เจมส์ แกลอรี่ กรุ๊ป จำกัด เสริมว่า “เรามีเป้าหมายให้โปรดักส์ของเราถูกพูดถึงทั้งในเรื่องดีไซน์ งานฝีมือที่มีความประณีต ความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงการทำการตลาดอย่างเป็นวงกว้าง และเป็นที่ต้องการของลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติโดยคาดว่าจะมีสัดส่วนลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ 80-90% และชาวไทย 10-20%”&nbsp; &nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ เนื่องจากทั้งมธาราและเจมส์ แกลอรี่มีความตั้งใจที่จะทำให้นานาชาติได้รู้จักและประทับใจในซอฟต์พาวเวอร์ของไทย ขณะเดียวกันชาวไทยเองก็ได้มีความภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่ถูกถ่ายทอดผ่านผลิตภัณฑ์ของ MARGET ด้วย&nbsp; &nbsp;&nbsp;ด้าน สาลิล อันธพันธ์ ผู้บริหารฝ่ายออกแบบ บริษัท มธรา สตูดิโอ จำกัด กล่าวว่า&nbsp;“เราใช้วิธีการดึงศิลปะขององค์ประกอบที่แสดงถึงวัฒนธรรมไทยในเรื่องต่างๆ มาถ่ายทอดผ่านเครื่องประดับชั้นสูงในแต่ละคอลเลกชั่น โดยช่างฝีมือคนไทย ซึ่งคอลเลกชั่นแรกเป็นการหยิบยกวัตถุดิบหลักของอาหารไทย มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ ซึ่งเครื่องประดับแต่ละชิ้นไม่เพียงแต่มีความสวยงาม โดดเด่นสะดุดตา และมาพร้อมคอนเซ็ปต์ที่สนุกสนานเท่านั้น แต่ยังบอกเล่าเรื่องราวได้อย่างมีชั้นเชิง” <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/ukZDZty2PEttYrMAcnoe.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ukZDZty2PEttYrMAcnoe.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1280,1280" style="width: 720px; height: auto;" data-index="1"></figure></div>​<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/7N7fPhyuofSPwNiqdAs2.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="7N7fPhyuofSPwNiqdAs2.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" origin-size="1280,1280" style="width: 720px; height: auto;" data-index="2"></figure></div>​&nbsp; &nbsp;&nbsp;สาลิลอธิบายว่า เอกลักษณ์ของไทยหลายเรื่องนั้นอาจเป็นที่รู้จักกันทั่วไปอยู่แล้ว การหยิบยกองค์ประกอบต่างๆ มาเป็นไอเดียตั้งต้นจึงฟังดูง่าย แต่ความยากคือการนำสิ่งที่คิดว่าง่ายมาดีไซน์ให้เกิดเป็น Fine Jewelry หรือโปรดักส์มีคุณค่างดงามเหนือกาลเวลาและบอกเล่าเรื่องราวในคราวเดียวกัน&nbsp; &nbsp;&nbsp;การตีโจทย์ความภาคภูมิใจในความเป็นไทยนั้นต้องทำให้แคบลงและลงรายละเอียดในแต่ละคอลเล็กชันที่จะนำเสนอ จึงต้องมีการศึกษาเรื่องราวขององค์ประกอบต่างๆ เป็นเวลานานกว่าจะสร้างสรรค์ได้ในแต่ละคอลเล็กชัน โดยเน้นถ่ายทอดออกมาในรูปแบบที่สนุกสนาน มีความ Pop Art ผ่านสัญลักษณ์ Icon หรือ Emoji Style ซึ่งมธาราถนัด Typography และชื่นชอบการออกแบบ Icon อยู่แล้ว ผลิตภัณฑ์ในคราวนี้จึงยิ่งเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นและท้าทายมาก​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/ubUPtJ7XzzJm11r7MbDU.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ubUPtJ7XzzJm11r7MbDU.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จงจินต์ จึงสุระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มธรา สตูดิโอ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในระยะแรกจะวางจำหน่ายแบรนด์ MARGET ที่ Gems Gallery flagship store Bangkok ขณะเดียวกันก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง ที่จะขยายสาขาเพิ่มเติม ซึ่งคงต้องรอดูว่าการกระแสตอบรับทั้งช่องทาง Offline และ Online เป็นอย่างไร และด้วยการร่วมมือกันในโปรเจ็กต์นี้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติซึ่งเป็นลูกค้าส่วนใหญ่ของเจมส์ แกลอรี่&nbsp;อีกทั้งในแต่ละวันมีลูกค้าเข้ามาเป็นจำนวนมาก จึงต้องดูกำลังการผลิตและคอนเซ็ปต์ที่จะนำมาใช้ในแต่ละสาขาด้วย เพื่อสร้างความพิเศษไม่เหมือนใครให้ลูกค้าในแต่ละครั้งที่เข้ามาเยี่ยมชม”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ รายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายแบรนด์ MARGET จะนำไปเปลี่ยนเป็นอาหารในแต่ละมื้อมอบให้กับผู้ด้อยโอกาสในประเทศไทยต่อไป เพื่อสนองเจตนารมณ์ของทั้งสองบริษัทฯ ตั้งแต่แรก ที่ต้องการเปลี่ยนของฝากระดับลักชัวรีให้เป็นเครื่องประดับสุดหรูที่น่าจดจำของประเทศไทย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/forbes-life/the-eye/rolls-royce-new-boutique-at-siam-paragon" alt="บูทีคคอนเซ็ปต์ใหม่ ‘โรลส์-รอยซ์’ ใจกลางสยามพารากอน หรูหรา เป็นส่วนตัว และใกล้ชิดลูกค้ากว่าเดิม">บูทีคคอนเซ็ปต์ใหม่ ‘โรลส์-รอยซ์’ ใจกลางสยามพารากอน หรูหรา เป็นส่วนตัว และใกล้ชิดลูกค้ากว่าเดิม</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

MARGET ฝากเอกลักษณ์ไทยผ่านเครื่องประดับอัญมณีหรู แรงบันดาลใจจาก ‘วัตถุดิบอาหารไทย’

Gen 3 ทิพย์สมัย เตรียมเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ขยายร้านผัดไทยไปเอเชีย

<h2>“THAIFEX-ANUGA ASIA 2023” ยอดเงินสะพัด 120,000 ล้านบาท มั่นใจหนุนส่งออกอาหารไทยปีนี้แตะ 1.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10%</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า การจัดงาน THAIFEX - ANUGA ASIA 2023 ปีนี้ ระหว่างวันที่&nbsp;23-27 พฤษภาคม 2566 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งภายใต้ความร่วมมืออย่างเข้มแข็งของ 3 ฝ่าย ประกอบด้วย กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หอการค้าไทย และโคโลญเมสเซ่ เยอรมนี&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/w9gSyLyEJ7mcNCWfe2Ed.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="w9gSyLyEJ7mcNCWfe2Ed.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยการจัดงาน มีผู้เข้าร่วมงาน 3,034 บริษัท บริษัทไทย 1,109 บริษัทและบริษัทต่างประเทศ 1,925 บริษัท รวมเป็น 5,859 คูหาจาก 45 ประเทศ ประกอบด้วย เอเชียตะวันออก อาเซียน สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ลาตินอเมริกา และตะวันออกกลาง เป็นต้น&nbsp;&nbsp; &nbsp; ตลอดทั้ง 5 วัน มีผู้เข้าชมงานทั้งสิ้น 131,039 คน เพิ่มขึ้น 58% เป็นผู้เข้าร่วมเจรจาการค้า 78,764 ราย เพิ่มขึ้น 53% เป็นชาวต่างประเทศ 16,429 ราย เพิ่มขึ้น 150% เป็นจีน เพิ่มขึ้น 2022% มาเลเซีย เพิ่มขึ้น 127% เวียดนาม เพิ่มขึ้น 79% เกาหลี เพิ่มขึ้น 109% สิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 58% และนักธุรกิจชาวไทย 62,335 ราย เพิ่มขึ้น 39% ซึ่งในส่วนของประชาชนทั่วไปที่เข้าชมงาน เฉพาะวันสุดท้าย มากถึง 52,275&nbsp; คน เพิ่มขึ้น 66%&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/LWjow5G34tWCDxLm82f7.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="LWjow5G34tWCDxLm82f7.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายจากการจัดงานในปีนี้ รวม 120,002.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81.36% เป็นการซื้อขายทันที 1,402.06 ล้านบาท โดยซื้อขายภายใน 1 ปี 118,600.03 ล้านบาท หมวดสินค้าบริการที่ซื้อขายมากที่สุด 5 ลำดับแรก ประกอบด้วย อาหาร (Fine Food)&nbsp; ผักและผลไม้ เทคโนโลยีด้านอาหาร เช่นเครื่องจักรอุปกรณ์การทำอาหาร หมวดชากาแฟ และการให้บริการด้านอาหาร เช่น การให้บริการองค์ความรู้การทำธุรกิจอาหาร และประเทศที่มีการสั่งซื้อมากที่สุด ประกอบด้วย จีน ไทย สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย และญี่ปุ่น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/gyi1F3wohaSgMwPCRUTR.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="gyi1F3wohaSgMwPCRUTR.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2023 ในปีนี้ จะมีส่วนสำคัญให้ตัวเลขการส่งออกอาหารของไทยในปี 2566 มีมูลค่าถึง 1.5 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน โดยมีมูลค่า 1.36 ล้านล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แมธเธียส คูเปอร์ กรรมการผู้จัดการและรองประธาน โคโลญเมสเซ่ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2023 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 19 โดยมีผู้ประกอบการชาวต่างชาติเข้าร่วมแสดงสินค้าเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และจำนวนผู้เข้าร่วมงานที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปีนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกทั้งเสียงตอบรับเชิงบวกอย่างท่วมท้นจากนักธุรกิจต่างประเทศถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญที่สร้างชื่อเสียงให้งานแสดงสินค้า THAIFEX – ANUGA ASIA ในฐานะผู้นำที่โดดเด่นในธุรกิจงานจัดแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มในเอเชียแปซิฟิก อ่านเพิ่มเติม:&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B8%A2-genz-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0-%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD-%E0%B9%82%E0%B8%8B%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A5-%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2-%E0%B9%82%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C" alt="ผลวิจัยเผย Gen Z เสี่ยงขาดทุนเพราะเชื่อโซเชียลมากกว่าโบรกเกอร์"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%98%E0%B9%8C-%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%9B%E0%B8%97%E0%B9%8C-%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99" alt="เจษฎา ยงพิทยาพงศ์&quot; นำทัพ “เวลธ์ คอนเซปท์” ลุยธุรกิจนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน">เจษฎา ยงพิทยาพงศ์" นำทัพ “เวลธ์ คอนเซปท์” ลุยธุรกิจนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน</a><hr class="__se__solid"><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“THAIFEX-ANUGA ASIA 2023” เงินสะพัด 1.2 แสนล้านบาท หนุนส่งออกอาหารไทยปี 66 แตะ 1.5 ล้านล้านบาท

<h2>'พาย' ร้านอาหารโมเดิร์นไทยซีฟู้ด ณ อาคารโบราณสีเหลืองเลขที่ 106 บนถนนสาทร ในรั้วโรงแรม W Bangkok พร้อมอ้าแขนต้อนรับเหล่านักชิมลิ้มรสเสน่ห์อาหารไทยแบบครบเครื่อง</h2>
<a href="https://www.paiibangkok.com/">'พาย'</a> (PAII) ชื่อสั้นๆ และเรียบง่ายนี้ มีแรงบันดาลใจมาจากตึกสีเหลืองสไตล์โคโลเนียลอายุ 132 ปีอย่าง The House on Sathorn ที่ร้านซ่อนอยู่ โดยในปี 2432 ตึกนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นบ้านพักของหลวงสาทรราชายุกต์ นักธุรกิจเชื้อสายจีนผู้เสนอให้ขุดคลองบริเวณถนนสาทรนี้ ดังนั้นเพื่อเป็นการนำประวัติศาสตร์ของสถานที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของร้าน ชื่อ 'พาย' จึงแลดูเหมาะสมที่สุดสำหรับร้านอาหารทะเลแห่งนี้

<img class="alignnone size-full wp-image-55817" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/House-on-Sathorn.jpg" alt="" width="628" height="480" />

โครงสร้างของอาคารแห่งนี้ก็ยังคงเป็นโครงสร้างเดิมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นลายเพดาน ขอบบัวกำแพง และองค์ประกอบอาคารอีกมากมาย ซึ่งอาจจะมีการทาสีใหม่บ้าง แต่กลิ่นอายของสถาปัตยกรรมโบราณยังชัดเจนไม่เปลี่ยน แต่อีกหนึ่งกลิ่นอายที่เพิ่มเข้ามาหากคุณก้าวเข้าไปในตึกแห่งนี้คือ กลิ่นของอาหารหอมหวล พาให้ท้องร้อง และเสียงพนักงานที่กำลังตำน้ำพริกบางอย่างดูน่าเอร็ดอร่อยอยู่

และเช่นเดียวกันกับวิธีที่ทางโรงแรมดูแลอาคารแห่งนี้ เชฟโจ วีรเกติ์ นิลายน ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการรังสรรค์เมนูอาหารทะเลที่เป็น Authentic Comfort Food ของคุณมาก เพื่อคงความดั้งเดิมไว้ "ทุกจานจะทำเองตั้งแต่วัตถุดิบตั้งต้น ไม่ว่าจะเป็นพริกแกง หรือน้ำพริกเผา" พร้อมกล่าวทีเล่นทีจริงกับทีมงาน Forbes Thailand ว่า "ถ้าทำน้ำปลาเองได้ ก็อยากทำ" 

ไม่เพียงเท่านี้ เชฟโจยังตั้งใจใช้วัตถุดิบคุณภาพดีที่สุดทั้งจากในท้องถิ่นและนำเข้าจากต่างประเทศ ปรุงรสทุกอย่างด้วยวิธีการที่จะดึงรสชาติออกมาได้อย่างล้ำเลิศ และทำให้เมนูที่เราคุ้นเคยมีความทันสมัยขึ้น

<img class="alignnone wp-image-55803" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/PAII_Hua_Plee_Crab.jpg" alt="ยำหัวปลีเนื้อปู จาก 'พาย'" width="543" height="803" />

เริ่มกันที่เมนูเรียกน้ำย่อยของทางร้านอย่าง ยำหัวปลีเนื้อปู รสชาติครบรส กลิ่นหอมนวล มีกลิ่นมะกรูดสดชื่น โดยน้ำยำทำมาจากน้ำพริกเผาที่เชฟโจทำเองกับมือ ทำให้เผ็ดปลายลิ้นเล็กน้อย ภายใต้ภูเขาหัวปลีนี้ ก็มีเนื้อปูทะเลซ่อนตัวอยู่อีกมากมาย ถือเป็นเมนูตั้งต้นที่ทำให้ต่อมรับรสของคุณพร้อมสำหรับอาหารจานต่อๆ ไป

<img class="alignnone wp-image-55802" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/PAII_XO_SAUCE.jpg" alt="หอยหลอดผัดซอส XO จาก 'พาย'" width="543" height="815" />

เมนูในหมวดหมู่อาหารเรียกน้ำย่อยเมนูต่อมาคือ หอยหลอดผัดซอส XO และแน่นอนว่าเมนูนี้ก็มีความโมเดิร์นตามฉบับของทางร้าน เชฟโจเลือกใช้หอยหลอดฝรั่งเศส อีกทั้งตัวซอส XO ก็เป็นซอสแบบโฮมเมดอีกด้วย โดยใช้หอยเชลล์ กุ้ง และปลาหมึกที่นำไปอบแห้งเอง ผสานให้เข้ากับเอ็นหอยเชลล์ฮอกไกโดอบแห้งเล็กน้อยเพื่อให้ตัวซอสหวานแบบธรรมชาติ ไร้ผงชูรส ปิดท้ายด้วยการเฟลมเบ้โดยใช้เหล้าแม่โขง นำความเป็นไทยกลับคืนสู่อาหารจานนี้อีกครั้ง

<img class="alignnone wp-image-55794" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/PAII_Crab_Fried_Rice.jpg" alt="ข้าวผัดปู จาก พาย" width="543" height="773" />

มาต่อกันที่เมนูข้าวกันบ้าง เมนูที่ห้ามหลาดคือ ข้าวผัดปู ที่ใช้ข้าวถึง 1 กิโลกรัม และเนื้อปูอวบอ้วนอีก 500 กรัม โดยข้าวออร์แกนิคจากพะเยาจานนี้จะให้เนื้อสัมผัสที่หนึบกว่าข้าวจากที่อื่น และในส่วนของปูนั้น ทางร้านจะเลือกปูและไข่ออร์แกนิคจากแหล่งที่ดีที่สุดต่างกันไปตามฤดูกาล

<img class="alignnone wp-image-55804" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/PAII_Hoy_Shell_Pad_Phong_Kari.jpg" alt="หอยเชลล์ผัดผงกะหรี่ จาก พาย" width="720" height="455" />

ต่อกันที่ หอยเชลล์ผัดผงกะหรี่ เชฟโจเลือกใช้หอยเชลล์จากฮอกไกโดมาผัดกับซอสผงกะหรี่เข้มข้น ซึ่งตัดกับความหวานธรรมชาติของหอยเชลล์ได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าจัดจ้านแบบครบรสเลยทีเดียว

<img class="alignnone wp-image-55805 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/PAII_Crying_Tiger.jpg" alt="เนื้อเสือร้องไห้ย่าง จาก พาย" width="720" height="420" />

เมนูต่อมา คือ เนื้อเสือร้องไห้ย่าง เมนูที่ 1 ในใจใครหลายคน ทว่าเนื้อเสือร้องไห้ของ 'พาย' กลับไม่ได้ใช้เนื้อส่วน Brisket เช่นที่อื่น แต่ใช้เนื้อส่วน Flank จากออสเตรเลียที่โดยธรรมชาติจะค่อนข้างเหนียว แต่เชฟโจมีเคล็ดลับที่ทำให้เนื้อจานนี้นุ่มเหมือนเคี้ยวเมฆ ด้วยการนำไปหมักสามเกลอที่ใช้น้ำตาลโตนด 1 คืน แล้วนำไป slow cook ในอุณหภูมิ 58 องศาถึง 2 ชั่วโมง ทำให้น้ำที่หมักไว้เข้าเนื้อกำลังดี นุ่มละมุน แถมได้เนื้อเสือร้องไห้ย่างที่ไล่สีสวยงาม ก่อนจะนำไปย่างเตาถ่านหอมกรุ่น

<img class="alignnone wp-image-55800 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/PAII_Fish_Sauce_Cabbage.jpg" alt="กะหล่ำปลีอบน้ำปลา จาก พาย" width="720" height="458" />

เครื่องเคียงที่ทางร้านแนะนำในวันนี้ คือ เมนูที่คุ้นหน้าคุ้นตาใครหลายคนอย่างกะหล่ำปลีผัดน้ำปลา แต่ทางร้านก็ได้พลิกโฉม พลิกสูตรเมนูคู่ร้านอาหารไทยนี้ให้แปลกใหม่ขึ้น โดยกะหล่ำปลีอบน้ำปลาจานนี้ เชฟโจเลือกสรรกะหล่ำปลีหัวใจลูกโตที่มีเนื้อสัมผัสดีกว่ากะหล่ำพันธุ์อื่นๆ นำมาอบกับน้ำปลาในหม้อดินทำให้หวาน เค็ม และกรุบกรอบ พร้อมปิดท้ายด้วยการโรยหอมเจียวสีเหลืองทอง

<img class="alignnone wp-image-55806 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/PAII_Thai_Tea_Tiramisu.jpg" alt="ทิรามิสุชาไทย จาก พาย" width="720" height="480" />

ปิดท้ายกันด้วยของหวานอย่าง ทิรามิสุชาไทย ซึ่งเป็นการผสมผสานขนมสัญชาติอิตาเลียนชื่อดังอย่างทิรามิสุ กับ ชาไทย เครื่องดื่มสีส้มที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย มีรสชาติหวานกำลังดี ด้วยชั้นเค้กรสชาไทยสลับกับมาสคาโปน เป็นเมนูที่บ่งบอกถึงความเป็ยไทยแบบโมเดิร์นของทางร้านได้อย่างสวยงาม
ชื่อร้าน: พาย
สไตล์: ไทยโมเดิร์น
พิกัด: 106 ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร
วัน/เวลาทำการ: เปิดบริการทุกวัน 12.00-24.00 น. (ทางร้านพร้อมให้บริการห้องอาหารส่วนตัว และบริการสั่งกลับบ้านเช่นกัน)
ราคา: 300-2,200 บาท
อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/news/other/forbes-holiday-guide-cartier-art-de-vivre-%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b8%87%e0%b8%b2.html">Holiday Guide: Cartier Art de Vivre เปลี่ยนบ้านเป็นงานศิลป์</a>

<hr />

<a style="color: #003300;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

'พาย' ร้านโมเดิร์นไทยซีฟู้ด ที่คัดสรรสุดยอดจากทะเลเพื่อคุณ

<h2>‘เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป’ หรือ ZEN เปิดตัวแบรนด์ ‘โต้รุ่ง’ รวมเมนูซิกเนเจอร์จากร้านอาหารดังพื้นบ้านต่างจังหวัด ชูคอนเซ็ปต์ ‘ร้านที่มีแต่ครัว’ (Ghost Kitchen) ให้บริการแบบเดลิเวอรี่และซื้อกลับ ตั้งแต่ 08.00 - 23.00 น. นำร่องเปิดบริการสาขาแรกปากซอยอ่อนนุช 17 พร้อมเสิร์ฟความอร่อย 6 เมนูเด็ด คาดกระตุ้นยอดขายเติบโต 15-20% </h2>
<img class="alignnone wp-image-44009" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/cover-1024x695.jpg" alt="ZEN โต้รุ่ง" width="720" height="489" />

นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ปจำกัด (มหาชน) หรือ ZEN ผู้ประกอบธุรกิจบริการอาหาร (Food Services) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารริมทาง หรือ Street Food ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยประมาณการปี 2564 จะมีมูลค่าตลาดรวมมากกว่า 340,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 270,000 ล้านบาท มีจำนวนร้านค้ามากกว่า 103,000 ร้านทั่วประเทศ ด้วยศักยภาพของธุรกิจร้านอาหารสตรีทฟู้ด บริษัทฯ จึงแตกโมเดลใหม่ แบรนด์ ‘โต้รุ่ง’โดยรวบรวมเมนูซิกเนเจอร์ร้านอาหารดังพื้นบ้านจังหวัดต่างๆหลากหลายสไตล์ให้บริการรูปแบบเดลิเวอรี่และซื้อกลับ (Take Home) 

สำหรับแบรนด์ ‘โต้รุ่ง’ วางคอนเซ็ปต์เป็นร้านอาหารที่มีเฉพาะครัวโดยไม่ต้องมีหน้าร้าน (Ghost Kitchen) โดยช่วงแรกเปิดตัว 6 เมนูเด็ด ได้แก่ เมนูข้าวผัดโบราณ, ปากหม้อนครพนม, ยำปลาร้าหอมสารคาม, ไก่ทอดหาดใหญ่, ต้มเลือดหมูปทุมธานี และโจ๊กปทุมธานี ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 30 บาท ซึ่งคัดสรรจากร้านอาหารสตรีทฟู้ดชื่อดัง ที่มีมาตรฐานการปรุงอาหารสะอาดและปลอดภัยภายใต้ราคาที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ พร้อมกับใช้เชฟที่ผ่านการอบรมสูตรอาหารลับเฉพาะกับแต่ละร้านอาหาร เพื่อสามารถส่งต่อตำนานความอร่อยเปรียบเสมือนไปนั่งรับประทานอาหารที่ร้านอาหารชื่อดัง และเพิ่มทางเลือกแก่ผู้บริโภคสามารถสั่งเมนูอาหารหลากสไตล์ได้ในครั้งเดียว

ทั้งนี้บริษัทฯ นำร่องเปิดสาขาแรกที่ซอยอ่อนนุช 17 และวางแผนเปิดให้บริการสาขาที่ 2 ที่ซอยสุขุมวิท 20 ในรูปแบบเดลิเวอรี่ ตั้งแต่ 08.00 – 23.00 น. โดยประเดิมต้อนรับเทศกาลสงกรานต์และรองรับความต้องการสั่งอาหารกลับไปรับประทานในช่วงวันหยุดยาวและตอบโจทย์ผู้ที่ไม่ต้องการเดินทาง ซึ่งสามารถสั่งผ่านแอปพลิเคชั่น Grab food ,Line man, foodpanda, gojek, Robinhood หรือ โทร.02 331 1722 ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ คาดกระตุ้นยอดขายเติบโต 15-20 % และในเร็วๆ นี้เตรียมทดลองเปิดเมนู ‘โต้รุ่ง ’ ในรูปแบบนั่งรับประทานภายในร้านเขียง สาขาอาคารเกษรทาวเวอร์ เพื่อขยายสู่โมเดลการนั่งรับประทานที่ร้านในอนาคต

<img class="alignnone wp-image-44010 size-large" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/S__5521417-1024x1024.jpg" alt="ZEN โต้รุ่ง" width="640" height="640" /> <img class="alignnone wp-image-44011 size-large" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/S__5521419-1024x1024.jpg" alt="ZEN โต้รุ่ง" width="640" height="640" /> <img class="alignnone wp-image-44012 size-large" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/S__5521420-1024x1024.jpg" alt="ZEN โต้รุ่ง" width="640" height="640" /> <img class="alignnone wp-image-44013 size-large" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/S__5521421-1024x1024.jpg" alt="ZEN โต้รุ่ง" width="640" height="640" /> <img class="alignnone wp-image-44014 size-large" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/S__5521422-1024x1024.jpg" alt="" width="640" height="640" /> <img class="alignnone wp-image-44015 size-large" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/S__5521423-1024x1024.jpg" alt="" width="640" height="640" />

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/forbes-life/eatery/salvia-ชวนคุณมาสัมผัสอาหารอิ.html">Salvia ชวนคุณมาสัมผัสอาหารอิตาเลียนต้นตำรับสไตล์ Osteria</a>

<hr />

<a style="color: #003300;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events