<h2>CP Group ปิดดีลทุ่ม 1.06 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เข้าซื้อกิจการ Tesco ในไทย-มาเลเซีย คว้า "เทสโก้ โลตัส" มาครอง</h2>
ค้าปลีกยักษ์ใหญ่สัญชาติอังกฤษ Tesco ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการ “เทสโก้ โลตัส” ได้แจ้งกับนักลงทุนว่า บริษัทได้ขายกิจการในประเทศไทยและมาเลเซียให้กับเครือ CP Group ในมูลค่า 1.06 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 3.35 แสนล้านบาท
โดยการซื้อกิจการดังกล่าวเครือธุรกิจของ CP Group จะเข้าถือหุ้น 86.9% ในบริษัท เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และถือหุ้น 100% ใน Tesco Stores (Malaysia) Sdn Bhd
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นของกิจการ Tesco ในประเทศไทยและมาเลเซียของเครือซีพีนั้น ประกอบไปด้วย บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) 40%, บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง จำกัด 40% และบริษัท ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด 20%
<img class="alignnone size-full wp-image-27598" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/03/Tesco-01.jpg" alt="" width="720" height="569" />
ทั้งนี้ กระบวนกวนการซื้อขายนี้จะต้องผ่านขั้นตอนของหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศไทยและมาเลเซีย โดยคาดว่าการซื้อขายกิจการจะแล้วเสร็จในครึ่งปีหลังของปีนี้
“การซื้อขายกิจการครั้งนี้ จะช่วยลดความซับซ้อนในธุรกิจของเรา และทำให้การโฟกัสธุรกิจค้าปลีกของ Tesco Group ในสหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์ และยุโรปกลาง แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น รวมถึงยังสร้างมูลค่าที่เป็นรูปธรรมแก่ผู้ถือหุ้น และช่วยให้กลุ่มเทสโก้ลดความเสี่ยงทางธุรกิจได้อีกด้วย” Dave Lewis ประธานบริหาร Tesco กล่าว
และหลังจากการซื้อขายกิจการเสร็จสิ้น Tesco ยังตั้งเป้าว่าจะมอบผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นเป็นจำนวน 5 พันล้านปอนด์ ผ่านการจ่ายปันผลพิเศษอีกด้วย
หากมองย้อนกลับไป Tesco นั้นเริ่มให้บริการในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2541 จากการซื้อกิจการ “โลตัส” มาจาก CP Group ซึ่งเป็นช่วงที่กลุ่มซีพีพบกับภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ และจากนั้นโลตัสก็ใช้ชื่อว่า “เทสโก้ โลตัส” และดำเนินงานในประเทศไทยจนสามารถขยายธุรกิจไปได้กว่า 1,967 สาขา มีลูกค้าเข้าใช้บริการถึง 13 ล้านคน/สัปดาห์

<ul>
 	<li>อ่านเพิ่มเติม <a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/tesco-%e0%b8%82%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2.html">Tesco เปิดแผน 3 ปีเปิดร้านสะดวกซื้อในไทยเพิ่ม 750 สาขา สร้างงานกว่า 10,000 ตำแหน่ง</a></li>
</ul>
กระทั่งกลุ่ม Tesco เริ่มเผชิญกับสถานการณ์ที่ย่ำแย่จนเริ่มทยอยขายสินทรัพย์ในต่างประเทศ รวมถึงการพิจารณาขายกิจการในอาเซียนซึ่งประกอบไปด้วยในประเทศไทยและมาเลเซีย โดยที่ผ่านมามีบิ๊กบริษัทของไทย 3 กลุ่มเป็นตัวเต็งหลักที่สนใจเข้าประมูล คือ CP Group (ของตระกูลเจียรวนนท์), TCC (ของตระกูลสิริวัฒนภักดี) และ Central (ของตระกูลจิราธิวัฒน์)
และท้ายที่สุดผู้ที่ชนะการประมูลก็คือ CP Group ของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ซึ่งเป็นการเพิ่มพอร์ตธุรกิจค้าปลีกให้กับเครือซีพี ที่จะมีเทสโก้ โลตัส เพิ่มเข้ามาในธุรกิจค้าปลีกกลุ่มไฮเปอร์มาร์เก็ต จากเดิมที่มีแม็คโครอยู่ในกลุ่มนี้ และมีร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่นอีเลฟเว่นอยู่ในกลุ่มคอนวีเนียนสโตร์
&nbsp;

ที่มา
<ul>
 	<li><a href="https://www.thestar.com.my/business/business-news/2020/03/09/tesco-sells-businesses-in-thailand-malaysia-for-us106b">Tesco sells businesses in Thailand, Malaysia for US$10.6b</a></li>
 	<li><a href="https://www.rte.ie/news/business/2020/0309/1121044-tesco-asian-business/">Tesco sells businesses in Thailand and Malaysia</a></li>
 	<li><a href="https://www.set.or.th/dat/mds_news/news/0101NWS090320201332430296T.pdf">แจ้งการเข้าลงทุนในเทสโก้เอเชีย</a></li>
 	<li><a href="https://www.tescoplc.com/news/2020/tesco-agrees-to-sell-its-businesses-in-thailand-and-malaysia-significant-return-to-shareholders-simplification-and-further-de-risking/">Tesco agrees to sell its businesses in Thailand and Malaysia</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ปิดดีล! CP Group ทุ่ม 1.06 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ซื้อกิจการ "เทสโก้ โลตัส" ในไทย-มาเลเซีย

ประเมิน ‘นโยบายเพื่อสังคม’ 8 ค้าปลีกไทย ‘เทสโก้-เครือซีพี’ คะแนนนำ ‘บิ๊กซี’ ลดลง

<h2>Tesco ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกเมืองผู้ดี เปิดแผนกอบกู้วิกฤต เตรียมขยายร้านสะดวกซื้อในไทยอีก 750 สาขาใน 3 ปี สร้างงานกว่า 10,000 ตำแหน่ง</h2>
Tesco เตรียมเปิดร้านสะดวกซื้อเพิ่มอีก 750 สาขาในประเทศไทยภายใน 3 ปี ถือเป็นการขยายธุรกิจในต่างประเทศครั้งใหญ่ครั้งแรกภายใต้การนำของผู้บริหารระดับสูงวัย 54 ปีอย่าง Dave Lewis
ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นตลาดใหญ่ที่สุดนอกจากสหราชอาณาจักรของค้าปลีกรายนี้ และสามารถทำกำไรได้มากที่สุดด้วยเช่นกัน โดยปีที่ผ่านมาสามารถทำรายได้ถึง 4.1 พันล้านปอนด์ ขณะที่ในประเทศอื่นทั่วโลกกลับเผชิญกับสถานการณ์ย่ำแย่
โดยสาขาในสหรัฐอเมริกา จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ต่างก็ทยอยปิดตัวลงเนื่องจากแผนการดำเนินงานที่ไม่ประสบผลสำเร็จของอดีตผู้บริหาร Sir Terry Leahy แต่สำหรับประเทศไทยที่มีผู้ใช้บริการกว่า 15 ล้านคน/สัปดาห์ ทำให้ผู้บริหารคนปัจจุบัน Lewis ที่เข้ามาดูแลแบรนด์ซูเปอร์มาร์เก็ตนี้ตั้งแต่ปี 2014 ปรับทิศทางมาขยายสาขาในต่างประเทศอีกครั้ง และโฟกัสไปที่ประเทศที่มีแนวโน้ม
“โอกาสเติบโตในประเทศไทยยังมีอีกมาก เนื่องจากเศรษฐกิจของไทยน่าสนใจ และจำนวนคนเมืองและคนชนชั้นกลางมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ” Lewis กล่าว


<figure><img class="size-full wp-image-10363" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/tesco02.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> Dave Lewis (ภาพจาก AFP)</figcaption></figure>
ทั้งนี้ ปัจจุบันยักษ์ค้าปลีกจากสหราชอาณาจักรรายนี้มีร้านค้าราว 6,800 สาขา ใน 10 ประเทศ ได้แก่ สหราชอาณาจักร สาธารณรัฐไอร์แลนด์ โปแลนด์ สาธารณรัฐเช็ก ฮังการี สโลวาเกีย จีน อินเดีย มาเลเซีย และไทย โดยในไทยนั้นเข้ามาดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 1998 ปัจจุบันมีพนักงานประจำ 46,000 คน ดำเนินกิจการภายใต้แบรนด์เทสโก้ โลตัส ซึ่งมีอยู่ราว 2,000 สาขาทั่วประเทศไทย
สำหรับการขยายสาขาครั้งใหญ่ในไทยนี้คาดว่าจะเกิดการจ้างงานอีก 10,000 ตำแหน่ง Lewis กล่าวว่า เขายังมองเห็นขอบข่ายการเติบโตขนาดใหญ่ เนื่องจากราวครึ่งหนึ่งของตลาดซื้อขายอาหารสดในไทยนั้นประกอบไปด้วยตลาดท้องถิ่น, ร้านแผงลอย และร้านขนาดเล็กที่ดูแลโดยครอบครัว
โดยหากมองในภูมิภาคเอเชียซึ่งรวมถึงการดำเนินกิจการที่มาเลเซียด้วยนั้น กำไรของบริษัทในปีก่อนลดลง 4.3% แม้ Lewis จะมีการปรับโครงสร้างในประเทศไทย และถอนตัวจากธุรกิจค้าส่ง โดย Lewis สั่งปิดสาขาจำนวนมากในปี 2017 เนื่องจากเป็นสาขาที่ไม่สามารถทำกำไรได้
“ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเรามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย แต่ตอนนี้เรามีโมเดลที่น่าสนใจอย่างยิ่ง” Lewis กล่าว
อย่างไรก็ตาม การขยายธุรกิจร้านสะดวกซื้อนั้นอาจต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงกับร้านสะดวกซื้อที่มีหลายพันสาขาอย่าง 7-Eleven ของซีพีออลล์
ในอดีต Tesco เคยประสบวิกฤตครั้งใหญ่หลังการขยายธุรกิจในสหรัฐฯ ด้วยการลงทุนเปิดร้าน Fresh &amp; Easy ใน 3 รัฐทางตะวันตกของสหรัฐฯ ซึ่งนอกจากจะไม่มีแววทำกำไรแล้วยังประสบภาวะขาดทุนจากการดำเนินธุรกิจนี้ถึง 1.2 พันล้านปอนด์ ก่อนจะขายกิจการไปในปี 2013
Lord McLaurin อดีตประธานกรรมการ ที่เมื่อไม่นานมานี้ได้กล่าวโทษอดีตผู้บริหารอย่าง Sir Terry Leahy ว่าการตัดสินใจของเขาที่ต้องการบุกตลาดสหรัฐฯ ในช่วงที่บริษัทกำลังเจอวิกฤตการเงิน เป็นรูปแบบการบริหารที่ “อวดดี” และ “ฟุ่มเฟือย”
ขณะที่ Lewis มองว่าหนึ่งในกลยุทธ์ของเขาอย่างการขยายธุรกิจในไทยจะช่วยกอบกู้ข่าวฉาวของบริษัทที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาได้
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/%e0%b8%98%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b9%8c-%e0%b8%88%e0%b8%b4%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%98%e0%b8%b4%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%92%e0%b8%99%e0%b9%8c-%e0%b9%80%e0%b8%9c%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b9%82.html">ธรรม์ จิราธิวัฒน์ เผยโอกาสวงการค้าปลีกยุคใหม่</a></li>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/%e0%b9%81%e0%b8%a1%e0%b9%87%e0%b8%84%e0%b9%82%e0%b8%84%e0%b8%a3-%e0%b8%95%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%88%e0%b8%b5%e0%b8%99-%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%b4.html">สยามแม็คโครปักหมุดจีน-เมียนมา ขยาย ‘สาขาดิจิทัล’ แห่งแรกที่ลาดกระบัง</a></li>
</ul>
&nbsp;

&nbsp;

ที่มา
<ul>
 	<li><a href="https://www.dailymail.co.uk/money/markets/article-7222433/Tesco-open-750-stores-Thailand-big-overseas-expansion-chief-exec-Dave-Lewis.html?ito=social-twitter_mailonline&amp;fbclid=IwAR2DLKrOoRNtmKZneWo3kjfxnPbfBRe5gd07X80pR9qj1Lqw8b9zhHniV9w">Tesco heads overseas again: Plan to open 750 stores in Thailand in first big overseas expansion under Dave Lewis</a></li>
 	<li><a href="https://www.mirror.co.uk/money/breaking-tesco-open-incredible-750-17490441">Tesco to open incredible 750 new stores creating 10,000 new jobs - in THAILAND</a></li>
</ul>
&nbsp;

แปลและเรียบเรียงโดย กนกวรรณ มากเมฆ / Online Content Creator

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Tesco เปิดแผน 3 ปีเปิดร้านสะดวกซื้อในไทยเพิ่ม 750 สาขา สร้างงานกว่า 10,000 ตำแหน่ง

เรื่อง: บำรุง อำนาจเจริญฤทธิ์ ภาพ: ศุภชัย รอดประจง

ชื่อของตระกูล “พุฒิพิริยะ” กำลังถูกจารึกบนธุรกิจค้าปลีกของไทย กว่าทศวรรษของการต่อสู้ ภายใต้การนำของคู่สามีภรรยา ธวัชชัยและอมร สร้าง “ธนพิริยะ” ในจังหวัดเชียงรายฝ่าฟันอุปสรรคจนเติบโหญ่ วันนี้ บริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ท้าชนเชนยักษ์ใหญ่จากต่างชาติ ประกาศศักดิ์ศรีร้านค้าปลีกภูธร

สมรภูมิการแข่งขันในธุรกิจค้าปลีก จังหวัดเชียงรายไม่แพ้สมรภูมิในเมืองหลวง ปัจจุบันจังหวัดเหนือสุดของประเทศไทยเต็มไปด้วยร้านค้าปลีกรายใหญ่เข้าจับ จองพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น เทสโก้ (8 สาขา) บิ๊กซี (1 สาขา) ท็อปส์ (2 สาขา) แม็คโคร (1 สาขา) หรือ เซเว่น อีเลฟเว่น (20 สาขา) ทว่า ท่ามกลางมรสุมนี้ ยังมีร้านค้าปลีกท้องถิ่นรายหนึ่งชื่อ “ธนพิริยะ” หรือที่คนท้องถิ่นเรียกสั้นๆ ว่า “ธน” ยืนหยัดอยู่ในตลาดอย่างโดดเด่นและเติบโตขยายกิ่งก้านสาขา ท่ามกลางร้านค้าปลีกท้องถิ่นที่ทยอยปิดตัวลง

ปรากฏการณ์ นี้ทำให้หลายคนอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า ร้านค้าปลีกภูธรรายนี้อยู่รอดมาถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร? ทำอย่างไรจึงสามารถยืนหยัดต่อกรกับยักษ์ใหญ่ของวงการค้าปลีก ที่มีทั้งเงินทุน ความรู้ และอำนาจการต่อรองกับซัพพลายเออร์ที่เหนือกว่า

เบื้องหลังความสำเร็จนี้เกิดจากมันสมองของ ธวัชชัย และอมร พุฒิพิริยะ สามีภรรยาชาวเชียงราย ที่ไม่ยอมจำนนต่อความพ่ายแพ้ เหมือนกับร้านค้าปลีกท้องถิ่นรายอื่นๆ หลังค้าปลีกเชนใหญ่ได้บุกเข้าถึงถิ่นตั้งแต่ปี 2540 ทั้งคู่ตัดสินใจลุกขึ้นสู้ แปรเปลี่ยนความกังวลเป็นพลัง พร้อมมุ่งมั่นทำการบ้านอย่างหนัก วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนของคู่แข่ง วางยุทธศาสตร์การเติบโต เพราะพวกเขาเชื่อว่า “โอกาส” ยังมีในตลาดนี้

จวบจนวันนี้ สิ่งที่เขาตัดสินใจทำในวันนั้นก็พิสูจน์ว่า พวกเขาคิดไม่ผิด “การเข้ามาของบิ๊กซีสาขาแรกของเชียงราย พวกเราก็กลัว แต่พวกเราตั้งสติ พวกเราคิดว่าเราไม่ตาย เชื่อว่าทุกอย่างมีทางรอด” ธวัชชัย กรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนพิริยะ เล่าเผยถึงความเด็ดเดี่ยวที่ธนพิริยะใช้ในการฝ่าฟันมา

สานต่อโชว์ห่วย 

ธุรกิจค้าปลีกของตระกูลพุฒิพิริยะ อยู่คู่กับจังหวัดเชียงรายมากว่า 50 ปีแล้ว เริ่มก่อตั้งแต่รุ่นพ่อกับร้านโชว์ห่วยแบบดั้งเดิม จนกระทั่งยทายาทรุ่นที่ 2 ธวัชชัย ซึ่งในขณะนั้นอายุได้ 26 ปีและเข้ามาสานต่อดูแลกิจการ หลังจากจบการศึกษาจากคณะอุตสาหกรรมเกษตร สาขาวิทยาศาสตร์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ไม่นาน พร้อมกับ อมร ภรรยาที่จบคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกันบริหารร้านค้าเล็กๆ ด้วยงบทำธุรกิจเริ่มต้น 3 แสนบาท และในปี 2543 ได้เปลี่ยนชื่อร้านเป็น “ธนพิริยะ”

บริษัทเติบโตดีมาตลอด จนมาถึงปี 2540 บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์เข้า มาเปิดสาขาแรกที่เชียงราย ทำให้ยอดขายของร้านลดลงไปถึง 50% ในเดือนแรก ปรากฏการณ์นี้กลายเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของบริษัทว่า จะสู้ต่อหรือปิดกิจการ? แต่ทั้งคู่ก็เลือกที่จะสู้ โดยทำการวิเคราะห์ทั้งตัวเองและคู่แข่ง ทั้งจุดอ่อนและจุดแข็ง หรือที่เรียกว่า “SWOT Analysis” โดยเริ่มจากเปลี่ยนทัศนคติของคนทั่วไป ด้านราคา เขาพบว่า ราคาสินค้าของร้านค้าปลีกเชนใหญ่ไม่ถูกจริงเหมือนที่โฆษณาไว้ เขาวิเคราะห์แล้วว่า ธนพิริยะสามารถสู้ได้ในด้านราคา จึงพยายามทำราคาสินค้าของร้านให้ถูกกว่าร้านค้าปลีกเชนใหญ่ “เราพบว่าเราไม่ตาย แถมยังเติบโตอีกต่างหาก” อมรกล่าว

ธนพิริยะ ปรับเปลี่ยนบริษัทของตนเองเป็นการใหญ่ในทุกๆ ด้าน หลังจากการวิเคราะห์ซึ่งเขามีข้อได้เปรียบหลายอย่าง ทั้งเรื่องค่าใช้จ่าย, เครดิตเทอม, การตั้งราคา, ขนาดและที่ตั้ง และการบริการ

“การ เป็นร้านค้าท้องถิ่นที่เคยเป็นจุดอ่อน ตอนนี้กลายเป็นจุดแข็ง แล้วเอาจุดอ่อนของเขา มาเป็นจุดแข็งของเรา นี่คือโมเดลที่สร้างขึ้นมาใหม่เป็นโมเดลคนไทย เพราะเราคิดแบบคนไทย” ธวัชชัยกล่าว

ใน ที่สุดร้านธนพิริยะก็เติบโตขึ้น ธวัชชัยจึงตัดสินใจเปิดสาขาที่ 2 ในปี 2550 เพื่อรองรับกับความต้องการ จากนั้นก็ขยายเรื่อยมาจนมี 10 สาขาในปี 2557 และเพิ่มเป็น 12 สาขาในปี 2558 จนวันที่ 18 พฤศจิกายน 2558 ธนพิริยะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ

หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ ครอบครัวพุฒิพิริยะ ยังถือหุ้นใหญ่ของบริษัทอยู่ที่ 72.51% โดยปัจจุบัน อมร นั่งเป็นรองกรรมการผู้จัดการ ทั้งคู่ร่วมแรงร่วมใจผลักดันธนพิริยะให้ก้าวไปข้างหน้า สำหรับ ธวัชชัย ก็พยายามปรับเปลี่ยนบทบาทของตนเอง จากเดิมที่เป็น “เถ้าแก่” ให้เป็น “ผู้บริหารมืออาชีพ” เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นมืออาชีพมากขึ้น สิ่งนี้จะเป็นผลดีกับบริษัท คือ ช่วยดึงดูดพนักงานมืออาชีพเข้าร่วมงานกับบริษัทเพิ่มมากขึ้น

“อนาคต อยากเห็นคนเชียงรายถือหุ้นธนพิริยะ เหมือน social enterprise พวกเราอยากโตไปกับสังคมเชียงราย สร้างงานให้คนทำมากมาย... ท้ายสุดก็อยากให้ธุรกิจของผมเป็นโมเดลให้คนไทยได้เรียนรู้ต่อไป” เขากล่าว
<img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/2016%2001-Jan/chart---02.jpg" alt="" width="547" height="348" />

<hr />

<a href="http://goo.gl/TZk7tr">อ่านฉบับเต็ม "จิ๋วภูธร ดัน “ธนพิริยะ” สู้ยักษ์ค้าปลีก" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ JANUARY 2016ในรูปแบบ E-Magazine</a>
<a href="http://goo.gl/TZk7tr"><img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/2016%2001-Jan/cover---on-web-link-e-book.jpg" alt="" width="259" height="340" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events