เมื่อ ‘ชีส-เนื้อปู’ ก็เป็นวีแกนได้! NIA ชวนรู้จักสตาร์ทอัพไทย สร้างนวัตกรรมไร้เนื้อแบบเหนือชั้น

<h2>ขณะที่เอเชียเริ่มมองเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ในสถานการณ์โควิด-19 เหล่านักเคลื่อนไหว ผู้ประกอบการ นักวิทยาศาสตร์ และผู้นำอายุน้อย ในทำเนียบรายชื่อ Forbes 30 Under 30 Asia 2021 ก็กำลังทำงานหนักภายใต้กรอบวิถีใหม่ หลังจากปีที่หนักหน่วงที่สุดในช่วงอายุของพวกเขาผ่านพ้นไปเหล่า มิลเลนเนียลและเจน Z ทั้ง 300 คนนี้มุ่งมั่นเพื่อเอาชีวิตรอด หรือแม้กระทั่งไขว่คว้าความสำเร็จมาได้ แม้จะอยู่ในช่วงล็อกดาวน์อันยาวนาน พบดาวเด่นแห่งหมวดศิลปะ</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-51498" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/HONG-CHICHI_0903.jpg" alt="" width="368" height="436" />

Hong Chichi
อายุ: 26 ปี • ผู้ก่อตั้ง hey Maet • จีน
หมวด: ศิลปะ

เนื้อหมูเป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารจีนมานาน แต่ Hong Chichi มองว่าเรื่องนี้ถึงเวลาเปลี่ยนแล้ว หลังจาก Hey Maet เปิดตัวใน Shanghai ได้ไม่ถึงปี สตาร์ทอัพผลิตเนื้อเทียมจากพืชรายนี้ก็จับตลาดเฉพาะกลุ่มคือ ผู้บริโภคหนุ่มสาวชาวเมืองที่รักสุขภาพได้ด้วยผลิตภัณฑ์อย่างเกี๊ยวและซาลาเปาที่มีโปรตีน จากข้าวและถั่วเหลือง Hong วัย 26 ปีไม่เปิดเผยยอดขาย แต่คาดการณ์ว่ารายได้จะโต 500% ในปีนี้ “จีนน่าจะยอมรับเนื้อเทียมจากพืชได้เร็วกว่าชาติตะวันตก” เธอกล่าว “ฉันอยากผลักดันผลิตภัณฑ์พวกนี้เข้าสู่ตลาดผู้บริโภคกระแสหลักด้วยในช่วง 3 ปีข้างหน้า”

Hong มีเหตุผลมากพอให้คาดการณ์ในแง่ดีได้ Jason Yu ผู้จัดการทั่วไปของบริษัทที่ปรึกษา Kantar Worldpanel ใน Shanghai ให้ข้อมูลว่า ไข้หวัดหมูแอฟริกาได้ทำลายประชากรหมูในจีนไปประมาณครึ่งหนึ่งแล้วนับตั้งแต่โรคนี้เริ่มระบาดขึ้นเมื่อปี 2018 จนทำให้อุปทานขาดแคลน และเริ่มเกิดความวิตกเรื่องความมั่นคงทางอาหาร และในขณะเดียวกันผู้บริโภคในเมืองใหญ่อย่าง Beijing และ Shanghai ก็พร้อมจ่ายแพงขึ้นเพื่ออาหารโปรตีนสูงที่ผลิตด้วยวิธีการซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลาดผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์ในจีนมีมูลค่า 1.1 หมื่นล้านเหรียญในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 35% จาก 8 พันล้านเหรียญในปี 2015 และบริษัทที่ปรึกษา Euromonitor International คาดว่าตลาดนี้จะโตอีก 30% ภายในปี 2025 เป็นมูลค่า 1.4 หมื่นล้านเหรียญ

Hey Maet ไม่ใช่การลงทุนครั้งแรกของ Hong หลังจากเธอจบปริญญาตรีสาขารัฐศาสตร์จาก Simon Fraser University ในแคนาดา Hong ได้งานเป็นนักลงทุนอยู่ที่สำนักงานใน Silicon Valley ของบริษัทร่วมลงทุนจากฮ่องกง Ausvic Capital เธอใช้เวลา 2 ปีลงทุนในเหล่าสตาร์ทอัพที่พัฒนาทุกอย่างตั้งแต่ปัญญาประดิษฐ์จนถึงสินค้าอุปโภคบริโภค แต่ความอยากเริ่มทำธุรกิจของตัวเองก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ ในปี 2019 Hong ผู้ทานมังสวิรัติมา 10 ปีแล้วจึงตั้งเป้าจะพัฒนาอาหารที่ทำจากพืช ในขณะนั้นตลาดจีนยังจำกัดอยู่เฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคหัวก้าวหน้ากลุ่มเล็กๆ แต่เมื่อ Beyond Meat ประสบความสำเร็จจากการนำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ นักลงทุนในจีน จึงเริ่มออกล่าบริษัทอาหารทางเลือกในประเทศมาเข้าพอร์ตกันมากขึ้น

Hong เริ่มต้นความพยายามครั้งแรกกับ Zhen Meat บริษัทที่เธอร่วมก่อตั้งใน Beijing เมื่อปี 2019 แต่เธอลาออกเพราะมีความเห็นแตกต่างจากผู้ร่วมก่อตั้งคนอื่นๆ ในเรื่องการวิจัยและพัฒนาและกลยุทธ์หลังจากนั้นเธอก็ใช้เครือข่ายความสัมพันธ์ที่เธอมีรวมทีมนักวิทยาศาสตร์อาหาร และเปิดตัว Hey Maet ในเดือนเมษายนปีที่แล้ว (คำว่า Maet ตั้งใจให้สะกดผิดจากคำ “meat” เพื่อเป็นการย้ำถึงบริษัทว่า กำลังช่วยเปลี่ยนนิยามของอาหาร)

บริษัทของ Hong ไม่ใช่บริษัทเดียวที่เล็งเข้าหาตลาดจากการที่จีนนิยมผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์มากขึ้น ตัวอย่างเช่น ร้าน Starbucks ในจีนขายพาสต้าใส่เนื้อเทียมที่ผลิตจากบริษัทจดทะเบียนในตลาด Nasdaq ชื่อ Beyond Meat ส่วน Hey Maet เล็งจับตลาดด้วยรสชาติท้องถิ่น สินค้าขายดีตัวหนึ่งของบริษัทคือ บ๊ะจ่างมังสวิรัติ (ข้าวเหนียวห่อไส้) ที่ผลิตร่วมกับบริษัทของว่างชื่อ Bai Cao Wei โดยใช้เนื้อหมูเทียมของ Hey Maet ทำไส้ และเมื่อไม่นานมานี้บริษัทก็จับมือกับ 7 HongKong Style Cuisine เครือร้านอาหารที่ Jordan Chan นักร้องชาวฮ่องกงเป็นผู้ก่อตั้ง เพื่อให้ร้านนี้ขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่ใส่เนื้อวัวเทียมของ Hey Maet ด้วย

เมื่อเหล่านักลงทุนได้ลิ้มรสศักยภาพของบริษัทนี้ จึงช่วยให้ Hong ระดมทุนในจำนวนที่ไม่เปิดเผยได้จาก Tiantu Capital, Guo Wei ผู้ก่อตั้ง UpHonest Capital, Shuangta Food บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ Shanghai รวมทั้งนักลงทุนรายอื่นๆ ซึ่งเธอก็นำเงินก้อนใหญ่ไปใช้กับการวิจัยและพัฒนา เพราะ Hong อยากปรับปรุงเนื้อสัมผัสและรสชาติของผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

Daisy Li รองผู้อำานวยการจากบริษัทที่ปรึกษา Mintel ใน Shanghai กล่าวว่า Hey Maet และบริษัทอื่นในธุรกิจนี้ยังต้องเผชิญปัญหาในการขยายธุรกิจ ปัญหาแรกคือ เนื้อเทียมที่ผลิตจากพืชมักขายแพงกว่าเนื้อสัตว์ในจีน ทำให้เนื้อเทียมถูกตัดออกจากเมนูของร้านอาหารเล็กๆ ที่ต้องคำนึงถึงต้นทุน แต่ Hong กล่าวว่า เธอกำลังคิดค้นผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดกระแสหลัก ซึ่งอาจจะเป็นของว่าง “เรากำลังทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ทีละขั้น” เธอกล่าว “การสร้างพฤติกรรมการบริโภคแบบใหม่ต้องใช้เวลา แต่เราจะจับมือกับบริษัทอื่นเพิ่มอีก และสำรวจโอกาสไปเรื่อยๆ” -- Yue Wang รายงาน

เรียบเรียง: ธรรดร โสตถิอำรุง, เอมวลี อัศวเปรม และ บำรุง อำนาจเจริญฤทธิ์

<hr />

<a href="https://bit.ly/3E3gZtA">คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนสิงหาคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="lazy alignnone wp-image-50844 lazy-loaded" src="https://i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/230271316_2893994620815609_3125329285259993167_n.jpg" sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/230271316_2893994620815609_3125329285259993167_n.jpg 750w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/230271316_2893994620815609_3125329285259993167_n-229x300.jpg 229w" alt="" width="300" height="394" data-lazy-type="image" data-lazy-src="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/230271316_2893994620815609_3125329285259993167_n.jpg" data-lazy-srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/230271316_2893994620815609_3125329285259993167_n.jpg 750w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/230271316_2893994620815609_3125329285259993167_n-229x300.jpg 229w" data-lazy-sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" />

&nbsp;

Hong Chichi ผู้ก่อตั้ง hey Maet

<h2>ยัม เรสเทอรองตส์ ปรุงเมนูพิเศษด้วยเนื้อไก่จากพืชแบรนด์ “Meat Zero” สูตรเฉพาะเคเอฟซี เอาใจผู้บริโภคยุคใหม่ ประเดิมเสิร์ฟ Meat Zero ในร้าน KFC Green Store มั่นใจตอบโจทย์ความต้องการและความอร่อยได้เหมือนเนื้อไก่ นวัตกรรมจาก ซีพีเอฟ</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-50209" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/08/เนื้อจากพืช_003.jpg" alt="" width="576" height="384" />

แววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล ผู้จัดการทั่วไปเคเอฟซีประเทศไทย บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า กระแสการตอบรับเนื้อจากพืชกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงในประเทศไทย เมนูอาหารจากแพลนต์เบส (Plant Based) จึงเป็นอีกความท้าทายหนึ่งของ KFC ในการนำเสนอเมนูเนื้อไก่จากพืชที่เหมาะกับผู้บริโภคชาวไทยเป็นอีกทางเลือกให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลอง ซึ่งพบว่า Meat Zero เป็นแบรนด์แพลนต์เบสของไทยที่มีความโดดเด่น เหมือนเนื้อไก่จริง ทั้งลักษณะชิ้นเนื้อ รสชาติ กลิ่นและเนื้อสัมผัส เมื่อนำมาปรุงเป็นเมนูแบบไทยในสไตล์ของเคเอฟซี จึงมั่นใจได้ว่าผู้บริโภคจะได้รับอรรถรสความอร่อยเหมือนทุกครั้งที่สัมผัสรสชาติของ KFC

“การเลือก Meat Zero มาปรุงเป็นเมนู ไก่ป๊อปแพลนต์เบสและข้าวยำไก่ป๊อปแพลนต์เบส มีความอร่อยลงตัวและกลมกลืนมาก เชื่อว่าผู้บริโภคจะแทบไม่รู้เลยว่ากำลังรับประทานเนื้อไก่ที่ทำมาจากพืช วันไหนที่ต้องการเว้นเนื้อสัตว์เราสามารถตอบโจทย์นี้ของลูกค้าได้ทันที ภายใต้ความอร่อยที่ทุกคนคุ้นเคย เมนูพิเศษนี้ยังถือเป็นส่วนหนึ่งภายใต้แนวคิดรักษ์โลกของ KFC โดยจะประเดิมวางจำหน่ายที่ร้านสาขา KFC Green Store” แววคนีย์ กล่าว

ด้าน ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า Meat Zero เป็นนวัตกรรมจากพืชที่อร่อยอย่างเนื้อ และได้รับการตอบรับอย่างดีมากจากผู้บริโภค ครั้งนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งของ Meat Zero ที่ได้รับเลือกจาก KFC เชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดอันดับ 1 ของไทย ให้เป็นเมนู แพลนต์เบสจานแรกของ KFC และร่วมเติมเต็มรสชาติความอร่อย ที่รักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อมของร้าน KFC Go Green สอดคล้องกับความมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมอาหารที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมของซีพีเอฟ และเป็นเมนูที่ดีต่อใจของผู้ที่ต้องการลดการบริโภคเนื้อสัตว์ ทั้งกลุ่มวีแกน และกลุ่มมังสวิรัติยืดหยุ่น (Flexitarian)

และจำหน่ายที่ร้าน KFC Green Store 2 สาขา คือ สาขาอาคารแสงโสม และสาขาวนชัย ดีโป้ ฉะเชิงเทรา โดยมีเซตเมนูให้เลือกถึง 6 เซต อาทิ แพลนต์เบสป๊อป 7 ชิ้น ข้าวแพลนต์เบสแซ่บโบว์ล ทั้งนี้เมนูอาหารจากแพลนต์เบส เป็นส่วนหนึ่งของโรดแม้ปด้านความยั่งยืนของ KFC ที่ประกอบด้วย 3 เสาหลัก คือ Planet การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่ อาทิ การเลือกวัสดุก่อสร้างร้านสาขา ลดใช้พลังงานและการลดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง – Food สร้างสรรค์เมนูอาหารที่มีคุณภาพและมีความรับผิดชอบ – People การเพิ่มศักยภาพของผู้คนในการเข้าถึงอาหารและลดความเหลื่อมล้ำ

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/other/fuze-post-%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%9c%e0%b8%99%e0%b8%b6%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b3%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b8%ad%e0%b8%87-3-%e0%b8%a2%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%a9%e0%b9%8c.html">“FUZE POST” การผนึกกำลังของ 3 ยักษ์ใหญ่ขนส่งโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

KFC ร่วมกับ ซีพีเอฟ เสิร์ฟเมนูไก่ทอดจากพืช “Meat Zero” ในประเทศไทย

โปรตีนทางเลือก ... อาหารแห่งอนาคต?

“วี ฟู้ดส์” เปิดแผนร่วมลงทุนสตาร์ทอัพ “มอร์มีท” เจาะตลาดแพลนต์เบสไทย

<h2>Patrick Brown ผู้สร้าง “เนื้อจากพืช” เผยในการประชุมออนไลน์ที่จัดโดย The Rustandy Center ของ University of Chicago ที่ต้องการเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานฟาร์มปศุสัตว์มูลค่า 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และบรรเทาสภาวะอากาศที่เปลี่ยนไปในอนาคตข้างหน้า</h2>
“อุตสาหกรรมผลิตเนื้อสัตว์จากพืชกำลังต้องการแรงงานหลักล้านคนที่เป็นแรงงานในฟาร์มปศุสัตว์” Patrick Brown ผู้ก่อตั้ง Impossible Foods กล่าวผ่านการประชุมที่จัดโดยหน่วยงาน The Rustandy Center for Social Sector Innovation ของ University of Chicago ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

“ทุกสิ่งเกิดขึ้นและเป็นไปตามวิถีการบริโภคที่เกิดขึ้นมา แต่เราสามารถปรับเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้ได้ วันนี้ถ้าคุณทำงานขายเนื้อสัตว์ วันข้างหน้าคุณอาจทำงานขายเนื้อสัตว์จากพืช ถ้าคุณคือคนขับรถที่ขนส่งอาหารจากฟาร์มไปยังผู้จัดจำหน่ายหรืองานขนส่งที่เกี่ยวข้อง ในอนาคตข้างหน้าคุณแค่เปลี่ยนวัตถุดิบในการขนส่ง แต่งานของคุณก็ยังไม่ไปไหน” Brown กล่าวและย้ำว่า “เนื้องานเปลี่ยนแต่แรงงานยังเป็นที่ต้องการ”

Patrick Brown อดีตศาตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Stanford University หมายมั่นแทนที่อุตสาหกรรมปศุสัตว์มูลค่า 1.5 ล้านล้านเหรียญ ด้วยแนวคิดของการสร้างสารสกัดโปรตีนจากพืช ภายใน 15 ปี และไขข้อข้องใจของตัวเองที่ว่าเกษตรปศุสัตว์สร้างความเสียหายแค่ไหนให้กับสิ่งแวดล้อม โดยเนื้อสัตว์จากพืชที่เขาสร้างต้องเป็นที่นิยม ไม่ใช่แค่เรื่องสวยงาม เป็นอาหารที่มีราคาจับต้องได้ มีสารอาหารที่มากกว่า และรสชาติที่เทียบเคียงเนื้อสัตว์จริง

“ผมไม่ได้เรียกร้องให้ผู้คนทุกระดับเลือกกินเนื้อสัตว์ทดแทนเพราะความกังวลที่เกี่ยวกับสภาวะอากาศที่เปลี่ยนไปหรือความหลากหลายทางธรรมชาติที่ลดลง” Brown กล่าว และเสริมว่า แต่มันต้องมีบางสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ว่าอะไรคือทางเลือกของอาหาร ไม่ว่าจะเป็น รสชาติ คุณค่าของสารอาหาร ราคาที่สามารถจับต้องได้ ความสะดวกสบาย หรือความต้องการอื่นๆ”

<img class="alignnone wp-image-30050" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/05/960x0-9.jpg" alt="" width="600" height="399" />

“เกษตรปศุสัตว์เหมือนกับเป้านิ่งๆ ให้เทคโนโลยีเข้ามาดิสรัปชั่น” Brown ให้ความเห็นและเพิ่มเติมว่า

“เกษตรกรควรได้รับงานที่สะอาดกว่า ปลอดภัยกว่า ได้รับค่าจ้างที่ดีกว่าในการทำงานให้อุตสาหกรรมนี้ แต่เรื่องที่ต้องกังวลคือการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับเกษตรกร การผลิตเนื้อสัตว์จากพืชสามารถทดแทนเนื้อสัตว์แบบดั้งเดิมโดยใช้พื้นที่เพียง 4 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ปศุสัตว์ ทั้งยังเป็นการช่วยบรรเทาสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง และฟื้นคืนโลกให้มีความหลากหลายทางด้านสายพันธุ์ สร้างคุณค่าใหม่ให้กับเกษตรกรจำนวนมาก เพื่อให้พวกเขาได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสภาพอากาศของโลก”

ทั้งนี้ Impossible Foods ประกอบด้วยทีมนักวิทยาศาสตร์ 80 ชีวิต ที่วิจัยค้นคว้าสร้างสารสกัดโปรตีนจากพืช ให้มีคุณค่าสารอาหารและรสชาติที่อร่อยกว่าเนื้อสัตว์ Brown กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “ความท้าทายของวิทยาศาสตร์การอาหารในปัจจุบัน คือความพยายามที่จะสร้าง 'เนื้อ' รสชาติที่ดีที่สุดบนโลกจาก 'พืช'”

เรียบเรียงจาก Impossible Founder: We Can Repurpose The Meat Supply Chain, Minus The Slaughter Room และ Making Veggie Burgers Doesn’t Help The Climate, Impossible CEO Says

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/%e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b8%81%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%81%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%9c%e0%b9%88%e0%b8%b2.html">เมื่อโลกหลังการแพร่ระบาดผ่านพ้น “พลังงานทดแทน” คือคำตอบของยุคต่อไป</a>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

&nbsp;

ฝัน 15 ปี ของ Patrick Brown ผู้ก่อตั้ง Impossible Foods ผู้สร้าง “เนื้อจากพืช”

<h2 class="p1">ซิซซ์เล่อร์ เปิดตัว 3 ไฮไลต์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ “แพลนต์เบส” สเต๊กแห่งอนาคต ทำจากธัญพืช 100% “ซิซซ์เล่อร์ ทู โก” kiosk สะดวกซื้อจับกลุ่มคนทำงาน และเมนู “แวลู มีล” ราคาพิเศษ กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค</h2>
กรีฑากร ศิริอัฐ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอส แอล อาร์ ที จำกัด ผู้ให้บริการร้านอาหาร ภายใต้แบรนด์ “ซิซซ์เล่อร์” กล่าวว่า บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมนูอาหารใหม่ๆ ในกลุ่มนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตและเมนูเพื่อสุขภาพ ควบคู่กับการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย เพื่อให้ลูกค้าได้รับประทานอาหารที่มีคุณค่าในราคาที่เข้าถึงได้


<figure><img class="size-full wp-image-27653" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/03/กรีฑากร-ศิริอัฐ.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> กรีฑากร ศิริอัฐ</figcaption></figure>
ขณะเดียวกันเตรียมขยายสาขาเพิ่มต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่มีสาขา 57 แห่ง แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 31 แห่ง และต่างจังหวัด 26 แห่ง ขณะที่กลุ่มธุรกิจเดลิเวอรี่ปีที่ผ่านมามีการเติบโตต่อเนื่อง
ด้าน นงชนก สถานานนท์ ผู้ช่วยรองประธานบริหาร กล่าวว่า ในปี 2563 ซิซซ์เล่อร์ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ แก่ผู้บริโภค ใน 3 เรื่อง ได้แก่
1.เฮลท์ตี้ วีแกน ชอยส์ (Healthy Vegan Choice) ในกลุ่ม “แพลนต์เบส” (Plant Based) ซึ่งเป็นสเต๊กเนื้อสัตว์จากธัญพืช 100% โดยได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ว่าเป็นอาหารแห่งอนาคต
โดยเมนูใหม่ ประกอบด้วย ออมนิเคอร์รี่ สเต๊ก กับ สปาเกตตี้ กะเพรา และบียอร์น คาราเมลไลซ์ ออนเนี่ยน เบอร์เกอร์ กับสไปซี่โคลสลอร์ ในราคาเริ่มต้นที่ 329 บาท และ 399 บาทตามลำดับ


<figure><img class="size-full wp-image-27654" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/03/เมนูจากซิซเล่อร์.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> เมนูบียอร์น คาราเมลไลซ์ ออนเนี่ยน เบอร์เกอร์ กับสไปซี่โคลสลอร์ ซึ่งเป็นเมนูใหม่ที่เนื้อที่ใช้ทำมาจากพืช</figcaption></figure>
ทั้งนี้ เมนูแพลนต์เบสเป็นเมนูที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้รับประทานอาหารมังสวิรัติ และกลุ่มคนรักสุขภาพ ทั้งยังเป็นการป้องกันการขาดแคลนเนื้อสัตว์ในอนาคต หรือในอีก 30 ปีข้างหน้าที่เนื้อสัตว์อาจจะหมดไปจากโลก จำหน่ายวันนี้ จนถึง 31 มีนาคม 2663 เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ และรับประทานภายในร้าน
2.ซิซซ์เล่อร์ ทู โก (Sizzler to go) โมเดลธุรกิจใหม่ภายใต้แนวคิด “เฮลท์ตี้ ออน เดอะ โก” (Healthy On The Go) ในรูปแบบคีออสขนาดเล็ก พื้นที่ 3 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนสถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง เน้นจับกลุ่มคนทำงาน กลุ่มคนที่รักสุขภาพ และผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า
โดยจำหน่าย 3 เมนูยอดนิยม ประกอบด้วย เมนูสลัด และแซนด์วิช ราคาเริ่มต้นที่ 79 บาท และน้ำผลไม้สกัดเย็น 100% รสชาติใหม่ “อิมมูน บูสเตอร์” (Immune booster) มีส่วนผสมของต้นอ่อนข้าวสาลี แอปเปิล และส้ม ที่สกัดสดแบบวันต่อวัน ราคา 95 บาท
นอกจากนี้ ทุกๆ การซื้อน้ำผลไม้สกัดเย็น 1 ขวด จะหักเงินมูลค่า 5 บาท เพื่อสนับสนุนมูลนิธิเพื่อส่งเสริมสุขภาพและเยาวชน และความพิเศษของคีออสดังกล่าวยังใช้แพ็กเกจจิ้งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ กล่องบรรจุอาหาร ถุงกระดาษ และหลอดกระดาษ  


<figure><img class="size-full wp-image-27652" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/03/นงชนก-สถานานนท์.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> นงชนก สถานานนท์</figcaption></figure>
3.แวลู มีล (VALUE MEAL) ชุดสุดคุ้ม ประกอบด้วย สเต๊กหมูย่างซอสครีมเห็ดทรัฟเฟิล สเต๊กปลากะพงย่างซอสซีฟู้ดมาโย และสเต๊กไก่ย่างซอสแกงเผ็ด ในราคา 259 บาท จากราคาปกติ 289 บาท ฟรีสลัดผัก จำหน่ายเฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ ยกเว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์ เริ่มตั้งแต่วันนี้ จนถึง 31 พฤษภาคม 2563
ทั้งนี้ Plant Based หรือเนื้อจากพืช เป็นเทรนด์อาหารที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ โดยมีสองสตาร์ทอัพใหญ่ คือ Beyond Meat และ Impossible Foods ที่เริ่มผลิตเนื้อสัตว์จากพืช และได้รับการตอบรับอย่างดีในตลาดสหรัฐอเมริกา จนแบรนด์ฟาสต์ฟู้ดหลายแบรนด์ต้องเกาะกระแสด้วยการเปิดตัวเมนูที่ใช้เนื้อจากพืชเหล่านี้

ขณะที่ในประเทศไทย หนึ่งในผู้ผลิตอาหารรายใหญ่อย่างบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ก็ประกาศตั้งกองทุนที่ลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพที่ผลิตโปรตีนทางเลือก เพื่อขยายพอร์ตธุรกิจและรายได้ของบริษัทรับเทรรนด์อนาคต

การเปิดตัวเมนูสเต๊กเนื้อจากพืชของซิซซ์เล่อร์ในครั้งนี้ จึงนับเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาในแวดวงการตลาด และถือเป็นโอกาสของผู้บริโภคที่จะมีทางเลือกใหม่ๆ เข้ามาในการกินอาหารมากขึ้น

&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/%e0%b9%80%e0%b8%99%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%9e%e0%b8%b7%e0%b8%8a.html">เส้นทางอันสดใสของอุตสาหกรรม “เนื้อจากพืช”</a></li>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2%e0%b8%a2%e0%b8%b9%e0%b9%80%e0%b8%99%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b8%a5%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8%99-%e0%b9%82%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%95%e0%b8%b5%e0%b8%99.html">ไทยยูเนี่ยนตั้ง venture fund ลงทุนเทคโนโลยีอาหาร พร้อมประกาศลงทุนใน “โปรตีนทางเลือก” เป็นครั้งแรก</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events