<h2>ยูนิโคล่ ร่วมฉลองวันคุ้มครองโลก (Earth Day) ในวันอังคารที่ 22 เมษายนนี้ เปิดให้บริการซ่อมแซมเสื้อผ้าเก่าของยูนิโคล่ ฟรี ที่ RE.UNIQLO UNIQLO สาขาเซ็นทรัลเวิลด์</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;RE.UNIQLO STUDIO เปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2565 และในเดือนกันยายน ปี 2566 ยูนิโคล่ ประเทศไทย ได้เปิดตัว RE.UNIQLO STUDIO ที่มีทั้งบริการซ่อมแซม และแปลงโฉมเสื้อผ้าผ่านเสื้อผ้าของยูนิโคล่ ให้กลับมาใช้งานได้ใหม่ โดยพนักงานผู้ชำนาญจะทำการซ่อมแซมรูหรือรอยขาดต่างๆ โดยมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 80-200 บาท รวมถึงการแปลงโฉมเสื้อผ้าผ่านบริการปักลายต่างๆ กว่า 100 แบบ เพื่อสร้างสรรค์เป็นเสื้อผ้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หรือใช้เทคนิค “ซาชิโกะ” (Sashiko) ซึ่งเป็นการเย็บตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นเพื่อการซ่อมแซมหรือการปรับโฉมเสื้อผ้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยูนิโคล่มุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบของเสื้อผ้าที่มีต่อสิ่งแวดล้อมและลดปริมาณขยะลง โดยนำเสนอบริการต่างๆ ที่ช่วยยืดระยะเวลาการใช้งานเสื้อผ้าให้ยาวนานมากขึ้น พร้อมเดินหน้าขยายบริการ RE.UNIQLO STUDIO อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าทุกท่านได้สวมใส่เสื้อผ้าของยูนิโคล่ได้ยาวนานมากที่สุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับลูกค้าที่เข้าใช้บริการ RE.UNIQLO STUDIO ที่ยูนิโคล่ สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ในวันคุ้มครองโลก (Earth Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 22 เมษายน 2568 และร่วมตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับ RE.UNIQLO STUDIO ที่เกี่ยวข้องกับการซ่อมแซมเสื้อผ้าและแนวคิดเรื่องการหมุนเวียนเสื้อผ้าในสังคม จะได้รับสิทธิใช้บริการซ่อมแซมเสื้อผ้าฟรีเมื่อนำเสื้อผ้ายูนิโคล่มาที่ RE.UNIQLO STUDIO โดยแคมเปญนี้ใช้ได้เฉพาะบริการซ่อมแซมเสื้อผ้าเท่านั้น ไม่รวมบริการแปลงโฉม เช่น การปักลาย และซาชิโกะ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และเมื่อเข้ารับบริการแล้ว ทางร้านจะแจ้งวันและเวลาในการส่งมอบเสื้อผ้าให้ทราบอีกครั้ง โดยการส่งมอบอาจล่าช้าเป็นวันถัดไปหรือหลังจากนั้น โดยขึ้นอยู่กับจำนวนออเดอร์ก่อนหน้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ บริการต่างๆ ใน RE.UNIQLO STUDIO มีจุดเริ่มต้นจากเวิร์คช็อปเพื่อนำเสื้อผ้าต่างๆ กลับมาใช้งานอีกครั้ง โดยกิจกรรมนี้จัดขึ้นร่วมกันระหว่างลูกค้าและพนักงาน ณ ร้านยูนิโคล่ในประเทศเยอรมนี จากนั้นบริการซ่อมแซมและแปลงโฉมเสื้อผ้าของยูนิโคล่จึงค่อยๆ ขยายไปยังหลายประเทศทั่วโลก โดย RE.UNIQLO STUDIO สาขาหลักแห่งแรกได้เปิดให้บริการที่ร้านยูนิโคล่สาขา Regent Street ในกรุงลอนดอน เมื่อปี 2565&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน มีร้านยูนิโคล่ที่ให้บริการนี้แล้วกว่า 58 สาขาใน 22 ประเทศ และกลายเป็นบริการยอดนิยมของลูกค้าทั่วโลก สำหรับประเทศญี่ปุ่น ได้เริ่มทดลองบริการ RE.UNIQLO STUDIO เป็นครั้งแรกในเดือนตุลาคม ปี 2565 ที่ร้านยูนิโคล่สาขา Setagaya Chitosedai ซึ่งปัจจุบันได้ขยายบริการนี้ไปแล้วกว่า 16 สาขาในญี่ปุ่น ภาพ: ยูนิโคล่ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/csr-sustainability/jaspal-group-ev-truck" alt="‘ยัสปาล กรุ๊ป’ หนุนโลจิสติกส์พลังงานสะอาด ลุยใช้ EV Truck ขนส่งสินค้า">‘ยัสปาล กรุ๊ป’ หนุนโลจิสติกส์พลังงานสะอาด ลุยใช้ EV Truck ขนส่งสินค้า</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘ยูนิโคล่’ ฉลอง Earth Day ซ่อมแซมเสื้อผ้าเก่ายูนิโคล่ให้ฟรี! เฉพาะวันที่ 22 เม.ย. 68 ที่สาขาเซ็นทรัลเวิลด์

<h2>กลยุทธ์ ‘Sport Marketing’ จากแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่น Royal Ivy Regatta โดยการดึง เอ็นโซ่ สุภาวีระ ธารวณิชกุล นักขับรถฟอร์มูล่าดาวรุ่ง ที่กำลังสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยบนเวทีโลก สร้างสรรค์เสื้อผ้าคอลเลคชั่นสุดพิเศษ ROYAL IVY REGATTA X ENZO T. พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบพลังและความเร็ว ผ่านเสื้อผ้าดีไซน์สุดคลาสสิก ใช้วัสดุคุณภาพดี ตัดเย็บด้วยความประณีต </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Royal Ivy Regatta แบรนด์เสื้อผ้าสไตล์ American Elegance ใช้กลยุทธ์ ‘Sport Marketing’ ในวงการแฟชั่น ด้วยการจับมือกับ เอ็นโซ่ สุภาวีระ ธารวณิชกุล นักขับรถฟอร์มูล่าดาวรุ่งชาวที่กำลังสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยบนเวทีโลก สร้างสรรค์เสื้อผ้าคอลเลคชั่นสุดพิเศษ ROYAL IVY REGATTA X ENZO T. ในคอนเซ็ปต์ "Elegance in Motion" สะท้อนความสง่างาม ความฝันของคนรุ่นใหม่ และพลังแห่งมอเตอร์สปอร์ต ซึ่งในอนาคตอันใกล้เราอาจจะได้เห็นโลโก้แบรนด์ไทยเฉิดฉายอยู่ในสนามแข่งรถระดับโลกด้วยเช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บรรยากาศภายในงานเปิดตัว ROYAL IVY REGATTA X ENZO T. ได้รับเกียรติจากเหล่าเซเลบชื่อดังผู้รักความเร็วและกีฬามอเตอร์สปอร์ต อาทิ เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์, ครอบครัว "พีท ทองเจือ มิย่า-โรเตอร์" โยเกิร์ต-ณัฐฐชาช์ บุญประชม, นิกกี้ - ณนัตร จันทพันธ์, มะปราง-อลิสา ขุนแขวง, หญิง-อาณดา ประกอบกิจ, ตู - ต้นตะวัน ตันติเวชกุล, เพิร์ธ-ธนพนธ์ สุขุมพันธนาสาร และอีกมากมาย​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/FtCSVb72FJ83mv85WVLf.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="6" data-file-name="FtCSVb72FJ83mv85WVLf.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/7hmxKKnmn1rRt8cw2jcN.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="7hmxKKnmn1rRt8cw2jcN.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ คอลเลกชั่น Royal Ivy Regatta x ENZO T. คือการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างความคลาสสิก ความมั่นใจและความเร็ว ของกีฬามอเตอร์สปอร์ต สะท้อนออกมาเป็นสไตล์ที่ร่วมสมัย เรียบง่าย แต่ทรงพลัง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เอ็นโซ่ นักแข่งรถดาวรุ่ง มีดีกรีคว้าแชมป์โลกรถโกคาร์ท 2022 รุ่นเยาวชน คนแรกของประเทศไทย ในขณะที่อายุเพียง 13 ปี และด้วยฟอร์มการแข่งที่โดดเด่นสะดุดตาจึงทำให้ได้เข้าร่วมทีมดังระดับโลกอย่าง Redbull เพื่อลงแข่งในสังกัดทีมแคมโปส เรซซิ่ง (Campos Racing) ของสเปนในปัจจุบัน&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/Y3wnSS3Npn8puCLpgb7d.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="Y3wnSS3Npn8puCLpgb7d.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div>​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/ccCMMJQ6NDrBs9sDsTGR.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ccCMMJQ6NDrBs9sDsTGR.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดีไซน์ของคอลเลกชั่นนี้จึงเน้นสะท้อนตัวตนและความหลงใหลของเอ็นโซ่ในโลกแห่งความเร็ว ผ่านรายละเอียดที่เปี่ยมไปด้วยความหมาย ไม่ว่าจะเป็น เลข 8 หมายเลขประจำตัวที่ใช้แข่งขัน ลายเซ็นต์อันเป็นเอกลักษณ์ ลายเส้นของชุดแข่งและลวดลายธงตารางหมากรุก ที่ถูกนำมาตีความใหม่ ให้ดูทันสมัย และลงตัวกับสไตล์ที่เรียบหรูของ Royal Ivy Regatta&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกทั้งเนื้อผ้าและรายละเอียดการตัดเย็บที่ประณีต ของ Royal lvy Regatta ยังเสริมให้ ผู้สวมใส่ดูมีสไตล์โดดเด่น สง่างาม ด้านโทนสีหลักของคอลเลกชั่นนี้ เน้นใช้สีกรมท่า ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Royal Ivy Regatta, สีออฟไวท์ที่สง่างาม, สีแดง, และสีดำ ที่สะท้อนถึง ความเร็ว และพลัง ทำให้ทุกชิ้นดูพิเศษและเปี่ยมด้วยความหมายเมื่อสวมใส่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เอ็นโซ่ สุภาวีระ ธารวณิชกุล กล่าวว่า "ผมชอบแฟชั่นในสไตล์เรียบ หรู ดูเท่ ที่ตรงกับแบรนด์ ROYAL IVY REGATTA ซึ่งเป็นแนวAmerican Elegance อยู่แล้ว และเรามีความต้องการเหมือนกัน คือ การสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยในระดับโลก ถือเป็นคอลเลกชั่นที่ลงตัวมากๆ มีหลาย look สามารถนำมา mix and match ได้ในหลายๆ โอกาส ไม่ว่าจะเป็นวันสบาย ๆ วันซ้อม หรือวันที่ต้องการความเป็น formal ผมหวังว่าทุกคนจะชอบครับ" <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/xa5zq2k9FuKpLXGQUne9.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="xa5zq2k9FuKpLXGQUne9.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="4"></figure></div> <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/5AtwRoKfsRn3dkZDt5q5.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="5AtwRoKfsRn3dkZDt5q5.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="5"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จับจองคอลเลกชั่นพิเศษ ROYAL IVY REGATTA X ENZO T. ได้แล้ววันนี้ ที่ร้าน ROYAL IVY REGATTA สาขาเซ็นทรัลเวิลด์และที่ร้าน ROYAL IWY REGATTA ทุกสาขาในวันที่ 29 มีนาคม 2568 หรือช้อปออนไลน์ www.royaliyregatta.com ภาพ : Royal Ivy Regatta เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a href="https://www.forbesthailand.com/forbes-life/the-eye/swatch-biggest-store-in-the-world-at-one-bangkok" alt="SWATCH เปิดสาขาใหญ่สุดในโลก ณ วัน แบงค็อก พร้อมแนะนำ Swatch Destination Art นาฬิกาแรงบันดาลใจจาก ‘หนุมาน’">SWATCH เปิดสาขาใหญ่สุดในโลก ณ วัน แบงค็อก พร้อมแนะนำ Swatch Destination Art นาฬิกาแรงบันดาลใจจาก ‘หนุมาน’</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="​ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">​ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘Sport Marketing’ จากเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ดึงนักแข่งรถฟอร์มูล่า เปิดตัวคอลเลกชั่นพิเศษ ROYAL IVY REGATTA X ENZO T.

<h2>Fast Fashion เป็นอีกภาคธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา โดยปี 2567 นี้มูลค่าตลาดของ Fast Fashion ทั่วโลกอยู่ที่ 142 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.5% จากปีก่อนหน้า และยังมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยอุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้าตามกระแส และมีราคาย่อมเยานี้ยังมีการจ้างงานกว่า 300 ล้านคนทั่วโลก แต่เมื่อมีการผลิตที่มากขึ้นและอาจเกินความต้องการที่แท้จริง อาจกลายเป็นปัญหาในด้านอื่นๆ ตามมา</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุด สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ ระบุว่า ธุรกิจ Fast Fashion ที่มีการผลิตเสื้อผ้าตามกระแส แต่ราคาถูกไม่ได้เน้นคุณภาพมาก แม้จะสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานได้ แต่ด้วยกระบวนการผลิต และปัจจัยอื่นๆ กลับส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมFast Fashion กระทบสังคมไทย ‘ปมลิขสิทธิ์-แรงงาน’&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนของประเทศไทย แม้ไม่มีการเก็บข้อมูล Fast Fashion เฉพาะเจาะจง แต่จะรวมอยู่ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่มที่มีมูลค่าถึง 1.6 แสนล้านบาท (ในปี 2565) มีแรงงานในภาคส่วนนี้กว่า 6.2 แสนคน ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในสายการผลิตเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่หากถามถึงพฤติกรรมของคนไทยที่เกิดจาก Fast Fashion โดยผลสำรวจจาก YouGow ในปี 2560 ยังพบว่า 40% ของคนไทย ทิ้งเสื้อผ้าหลังใส่แค่ครั้งเดียว สาเหตุการทิ้ง ส่วนใหญ่ระบุว่า เกิดจากความเบื่อ ไม่เหมาะสม หรือมีตำหนิ ซึ่งอาจเป็นผลกระทบด้านสังคมที่เกิดจาก Fast Fashion ที่ (1) สร้างวัฒนธรรมการบริโภคเกินพอดี (Overconsumption) ที่ไม่ได้ส่งผลแค่ปริมาณขยะที่เพิ่มสูงขึ้น ยังทำให้คนไม่ได้ตระหนักถึงคุณค่าของการซื้อสินค้า จากการโฆษณาส่งเสริมการขายที่กระตุ้นให้คนซื้อมากกว่าความจำเป็น และการทำให้ค่านิยมเปลี่ยน อาทิ การขายไลฟ์สไตล์ของ Influencer&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังมีผลกระทบด้านสังคม เช่น (2) ปัญหาสุขภาพ สินค้า Fast Fashion ที่มักพบการปนเปื้อนของสารเคมีอันตราย เช่น พาทาเลท ฟอมาลดีไฮน์ โดยเฉพาะไมโครพลาสติก ที่สามารถสะสมในร่างกายและเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวได้ ทั้งต่อผู้สวมใส่ และรุนแรงขึ้นต่อกลุ่มแรงงานที่ทำงานในภาคการผลิตดังกล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะเดียวกัน ท่ามกลางธุรกิจ Fast Fashion ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ยังพบ (3) การละเมิดลิขสิทธิ์ เกิดขึ้นได้ง่ายและบ่อยครั้ง โดยเฉพาะการคัดลอกดีไซน์ของแบรนด์หรูหรือดีไซเนอร์ชื่อดังมาผลิตสินค้าเลียนแบบในราคาที่ถูกกว่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไปจนถึงผลกระทบในประเด็น (4) การละเมิดสิทธิแรงงาน เมื่อ Fast Fashion เน้นผลิตสินค่าราคาถูกจำนวนมากจึงมักควบคุมต้นทุนการผลิต และลดต้นทุนด้านแรงงานด้วยการละเมิดสิทธิแรงงาน ทั้งการใช้งานเกินเวลา การล่วงละเมิดทางเพศ การใช้แรงงานเด็กแบบผิดกฎหมาย ซึ่งมักพบในประเทศที่เป็นฐานการผลิตในเอเชีย เช่น ปี 2565 กรณีของกัมพูชา พบว่า 94% ของโรงงานผลิตใช้แรงงานเกินเวลา และไม่ให้ผลตอบแทนที่เหมาะสม ขณะที่แรงงานผู้หญิง 14% เคยถูกลวนลาม/ข่มขืน ฯลฯ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/1jyNopbrEFLHeyZuMvKB.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="1jyNopbrEFLHeyZuMvKB.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,405"></figure></div> ‘ซื้อง่ายทิ้งไว’ กระทบสิ่งแวดล้อมระยะยาว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ธุรกิจ Fast Fashion ที่แต่ละปีผลิตเสื้อผ้าจำนวนมหาศาล แม้เสื้อผ้าที่ใส่แล้วจะยังใส่ต่อไปได้ แต่ขั้นตอนการผลิตอาจสร้างผลกระทบเช่นกัน อาทิ เสื้อเชื้ตฝ้าย 1 ตัว ต้องใช้น้ำในการผลิตกว่า 2,700 ลิตร ซึ่งเป็นปริมาณน้ำที่คนหนึ่งคนจะสามารถดื่มได้ถึง 2 ปีครึ่งอีกหลายครั้ง ดังนั้น ธุรกิจ Fast Fashion จึงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในหลายมิติ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1) การปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 10% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ทั่วโลก สูงกว่าอุตสาหกรรมการบินและการขนส่งทางเรือรวมกัน และคาดว่าภายในปี 2573 อาจเพิ่มขึ้นเกือบ 50%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2) การใช้น้ำเป็นจำนวนมาก สร้างมลภาวะทางน้ำและอากาศ โดยส่วนใหญ่เกิดจากกระบวนการย้อมและตกแต่งที่ใช้สารเคมีที่เป็นพิษและอันตรายในการผลิต ข้อมูลจาก UN และ ILO ระบุว่า 1 ใน 5 ของปริมาณน้ำเสียทั่วโลกมาจากอุตสาหกรรม Fast Fashion&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3) การเพิ่มขึ้นของขยะที่ย่อยสลายยาก ซึ่งเสื้อผ้าราว 1 แสนล้านตัวที่ผลิตขึ้นในแต่ละปีทั่วโลก กลายเป็นขยะในหลุมฝังกลบกว่า 92 ล้านตัน และคาดว่าภายปี 2576 ขยะเสื้อผ้าจะเพิ่มเป็น 134 ล้านตันต่อปี โดยมีเพียง 1% ที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ นอกจากนี้ เสื้อผ้ามีส่วนประกอบของขยะพลาสติกที่ย่อยสลายได้ยากอย่างไมโครพลาสติกที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4) การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและธรรมชาติที่เสื่อมโทรม โดยเฉพาะในกระบวนการปลูกวัตถุดิบ อาทิ การปลูกฝ้าย ที่มีการใช้ยาฆ่าแมลง และสารกำจัดวัชพืชปริมาณมาก ซึ่งเป็นพิษต่อระบบประสาทของสิ่งมีชีวิต ส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพ และความเสื่อมโทรมของหน้าดิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดังนั้นจากผลกระทบทั้งด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมจาก Fast Fashion ทำให้หลายประเทศทั่วโลก เริ่มตระหนักและออกมาตรการรับมือ และกำกับควบคุมผลกระทบ ซึ่งประเทศไทยอาจต้องดำเนินการเพื่อป้องกันและลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นเช่นกัน <a href="https://www.freepik.com/free-ai-image/fast-fashion-concept-with-piles-clothes_72616142.htm#fromView=search&amp;page=1&amp;position=20&amp;uuid=6eb28266-3144-4a42-8c66-892c5ee3432c">Image by freepik</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/set-monthly-sep-2024" alt="SET หวังปี 67 เงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้าไทย ลุ้น Fed ลดดอกเบี้ยฯ ก.ย. นี้"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/tidlor-bond-sep-2024" alt="TIDLOR จ่อขายหุ้นกู้ชุดใหม่ อายุ 2 ปีครึ่ง ดอกเบี้ยฯ 3.35% ต่อปี คาดจองซื้อ 7-9 ต.ค.นี้">TIDLOR จ่อขายหุ้นกู้ชุดใหม่ อายุ 2 ปีครึ่ง ดอกเบี้ยฯ 3.35% ต่อปี คาดจองซื้อ 7-9 ต.ค.นี้</a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/global/it/xiaomi-q-2-2024-revenue-growth-yoy" alt="Xiaomi อวดรายรับ Q2/67 ทำนิวไฮที่ 8.89 หมื่นล้านหยวน โตเพิ่ม 32% YoY"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/motoring/toyota-lowers-production-target-2024-9-8-millions-vehicles" alt="Toyota มั่นใจยอดขายกระเตื้อง หลัง Yaris Cross และ Corolla กลับมาผลิตและส่งออกได้ตามปกติ"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/chinhuay-ch-set-sep-2024" alt="ChinHuay ธุรกิจครอบครัวอายุ 99 ปีที่มี ‘ธรรมนูญโฮลดิ้ง’ และปี 67 นี้คาดรายได้ทะลุ 2,000 ล้าน"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/motoring/volvo-gives-up-plans-produce-sell-ev-car-plan-on-2030" alt="Volvo ถอดใจ ล้มแผนผลิตรถ EV เต็มสูบภายในปี 2030 เหตุสภาวะตลาดและดีมานด์ไม่เป็นไปตามคาด"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/commentaries/thought-leaders/why-fed-do-mistake-by-steve-forbes" alt="ทำไม Fed ถึงได้พลาด"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/fetco-aug-2024" alt="FETCO ชี้จุดเปลี่ยนโลก ‘ดอกเบี้ยขาลง’ ลุ้นตลาดหุ้นคึก แต่เศรษฐกิจไทยยังเสี่ยง ‘ฟื้นไม่ทั่ว-หนี้สูง’"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/vayu-1-sec-sep-2024" alt="เจาะลึก ‘กองทุนรวมวายุภักษ์’ เปิดรายย่อยจองซื้อ 16 - 20 ก.ย. 67 หลัง ก.ล.ต. ปรับเกณฑ์ฯ แล้ว"></a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เทรนด์ ‘Fast Fashion’ เมื่อ 40% คนไทยใส่เสื้อผ้าครั้งเดียวแล้วทิ้ง อาจสร้างปัญหาสิ่งแวดล้อม-แรงงาน

<h2>นักลงทุนผลาญเงินหลายพันล้านเหรียญไปกับบริษัทขายเสื้อผ้าหรูมือสองซึ่งขาดทุน แต่ Vinted สตาร์ทอัพที่ไม่น่ารุ่งจากลิทัวเนียกลับไขรหัสลับได้สำเร็จ Thomas Plantenga เดิมพันอนาคตของ Vinted ไว้กับโฆษณาโทรทัศน์ แอปขายเสื้อผ้ามือสองนี้ใช้เงินเดือนละ 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีเงินสดไว้ใช้ไม่ถึง 1 ปีตอนที่ Plantenga เดิมพัน 800,000 เหรียญไว้กับโทรทัศน์ของฝรั่งเศส</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตอนนั้นคือเดือนพฤษภาคม ปี 2016 Plantenga เพิ่งถูกจ้างให้ช่วยกอบกู้สตาร์ทอัพสัญชาติลิทัวเนียอายุ 8 ปีแห่งนี้ หลังจากเปิดตัวในงานปาร์ตี้ของวิทยาลัยในปี 2008 Vinted ก็เติบโตอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีคนใน 10 ประเทศใช้แพลตฟอร์มนี้ซื้อขายเสื้อผ้ามือสอง แต่ว่ามันเป็นแอปฟรี ค่าโฆษณาที่ได้มาก็จ่ายค่าเซิร์ฟเวอร์แทบไม่พอ และความพยายามในปี 2014 ที่จะเก็บค่าคอมมิชชั่น 20% เหมือน Poshmark ทำให้ผู้ใช้เกิดการต่อต้าน ปริมาณการใช้แอปลดลงเกือบครึ่งหนึ่งในชั่วข้ามคืน Plantenga ซึ่งเกิดในเนเธอร์แลนด์และไม่เคยไปลิทัวเนียมาก่อนตกลงรับงานที่ปรึกษาให้ Vinted เป็นเวลา 5 สัปดาห์ในเดือนพฤษภาคม ปี 2016 แล้วก็กลายมาเป็นซีอีโอของที่นี่ใน 18 เดือนต่อมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ที่นี่รักษาและสร้างความผูกพันกับพนักงานได้ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา แต่หลังจากที่พวกเขาใช้โมเดลของ Poshmark ทุกอย่างก็พังครืน” Plantenga วัย 40 ปีกล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยาที่เขาจ่ายให้เป็นยาแรง เขาปิดสำนักงานของ Vinted นอกลิทัวเนียส่วนใหญ่ ลดพนักงานเหลือครึ่งหนึ่ง และหั่นค่าธรรมเนียมลง 75% “ผมไม่เป็นที่ต้อนรับใน Vilnius ครับ เคยโดนเชิญลงจาก Uber 2 ครั้งด้วยเพราะ [คนขับเป็น] เพื่อนของคนที่ผมไล่ออก” เขาบอก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คำแนะนำสุดท้ายของเขาแก่ผู้ร่วมก่อตั้ง 3 คนของ Vinted ซึ่งได้แก่ Milda Mitkute, Justas Janauskas และ Mantas Mikuckas ฟังแล้วอาจตกใจได้ “ผมแนะนำให้พวกเขาลงเงินทั้งหมดกับทีวี และก็มีข่าวลือว่าคู่แข่งจ้างผมให้ทำลายบริษัทนี้” เขาเล่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้บริษัทจะบุกโทรทัศน์ของเยอรมนีอย่างหนักซึ่งเป็นตลาดที่แข็งแกร่งที่สุดของแอปตอนนั้น แต่ยอดขายก็ไม่งอกเงยเท่าไร Vinted หมดหนทางแล้ว และผู้ก่อตั้งที่หมดแรงก็พร้อมจะทุ่มหมดหน้าตัก “ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่และกล้าหาญยังดีกว่าตายอย่างช้าๆ” Mikuckas วัย 39 ปีกล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Plantenga และผู้ร่วมก่อตั้ง Vinted ตั้งค่ายพักแรมอยู่ในสำนักงานของ Vinted ซึ่งเคยเป็นโรงงานผลิตอุปกรณ์การบินในยุคโซเวียตที่มีฝนรั่วจากหลังคา พวกเขาเฝ้าดูตัวเลขอย่างกระวนกระวายใจ ซึ่งพวกเขาไม่ต้องรอนาน ภายในไม่กี่วินาทีหลังจากโฆษณาที่ฝรั่งเศสออกอากาศยอดดาวน์โหลดก็พุ่งขึ้นทันที&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;7 ปีต่อมา Vinted กลายเป็นหนึ่งในตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยมียอดขายกว่า 600 ล้านเหรียญในปี 2023 และปัจจุบันมีผู้ใช้ 100 ล้านคนทั่วโลก ปีที่แล้วบริษัทมีผลกำไรประจำปีครั้งแรก (อย่างน้อยที่ 20 ล้านเหรียญ) ต่างจากเพื่อนร่วมวงการในอเมริกาที่ยังขาดทุน เช่น The RealReal (มูลค่าประเมินบริษัท 360 ล้านเหรียญ), ThredUp (200 ล้านเหรียญ) และ Poshmark (ถูกขายในราคา 1.2 พันล้านเหรียญ) ทั้งนี้ Vinted กลายเป็นยูนิคอร์นแห่งแรกในบรรดาประเทศแถบบอลติกเมื่อระดมทุนได้ 140 ล้านเหรียญโดยมีมูลค่าประเมิน 1.1 พันล้านเหรียญในปี 2019 และมียอดขายเพิ่มขึ้น 6 เท่าตัวนับจากนั้น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/9896ZwWABEYSuTCs3Cuw.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="9896ZwWABEYSuTCs3Cuw.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,854" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จนในปี 2017 Plantenga เข้ารับตำแหน่งซีอีโอแทนผู้ร่วมก่อตั้ง Vinted ที่เหนื่อยล้า “เราผูกพันในฐานะทีมเดียวกัน แต่การถึงจุดคุ้มทุนเป็นแค่ก้าวแรกเท่านั้น” Mikuckas กล่าว ตอนนี้ผู้ร่วมก่อตั้ง Vinted ทุกคนวางมือจากบริษัทแล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การเติบโตอย่างรวดเร็วของอี-คอมเมิร์ซช่วงโควิดระบาดส่งผลให้ Vinted เข้าสู่สมรภูมิในสหราชอาณาจักรซึ่งเป็นตลาดอี-คอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป และเจาะตลาดในสหราช-อาณาจักรได้ในที่สุด และกำลังพยายามบุกตลาดสหรัฐฯ ที่ยังทำได้ไม่ดีนัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในขณะที่แผนงานในอเมริกาถูกระงับ Plantenga ก็หันไปดัน Vinted สู่ตลาดบนโดยหวังจะคว้าส่วนแบ่งในตลาดขายสินค้าลักชัวรี่มือสอง ล่าสุดเขาเป็นผู้สนับสนุนให้ซื้อกิจการคู่แข่งอย่าง Rebelle ในราคา 30 ล้านเหรียญ บริษัทนี้มีทีมพิสูจน์สินค้าดีไซเนอร์ของตัวเองเพื่อรับมือกับของลอกเลียนแบบ การเคลื่อนไหวครั้งนี้น่าจะทำให้มูลค่าการสั่งซื้อและค่าธรรมเนียมโดยเฉลี่ยของ Vinted พุ่งสูงขึ้น “Vinted เป็นแบรนด์สำหรับคนทั่วไปและเสื้อผ้าทั่วไปก็จริง แต่เราสามารถทำให้หมวดสินค้าหรูหราโตได้แบบพุ่งพรวด” เขากล่าว “สินค้าแฟชั่นที่มีราคามากกว่า 1,000 ยูโรเป็นกลุ่มที่เติบโตเร็วที่สุดของเราในขณะนี้”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แน่นอนว่าคุณไม่มีทางรู้เรื่องนี้จากการแต่งตัวของ Plantenga ในการเดินชมสำนักงานใหญ่ของ Vinted ใน Vilnius เขาสวมเสื้อยืดมีรูมือสองและกางเกงขายาวทรง parachute สิ่งหนึ่งที่ขาดหายไปจากออฟฟิศคือราวแขวนเสื้อ “เราเป็นบริษัทเทคโนโลยีไม่ใช่บริษัทเสื้อผ้า” เขาพูดพร้อมกับยักไหล่ เรื่อง: Iain Martin เรียบเรียง: พินน์นรา วงศ์วิริยะ ภาพ: Andrejs Zavadskis เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/commentaries/insights/thailand-herbal-market-growth-june-2024" alt="ไทยมีโอกาสแค่ไหนในตลาดสมุนไพรโลกที่ปี 2573 อาจสูงถึง 2.7 ล้านล้านบาท"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/asean-biz/people/%e0%b8%99%e0%b8%9e-%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%97%e0%b8%98%e0%b8%a7%e0%b8%b5%e0%b8%a3%e0%b9%8c-%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%a3%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%8a%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%99" alt="นพ.สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ และ นพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ซีอีโอดูโอปั้นขายตรงไทยบุกอาเซียน"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/asia/world/tan-eng-kee-%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%a9%e0%b8%90%e0%b8%b5%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b8%a2" alt="Tan Eng Kee มหาเศรษฐีชาวมาเลเซีย พาบริษัท Greatech Technology ขยายสู่ระดับโลก"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/world/america/emma-chamberlain-come-back-with-chamberlain-coffee" alt="Emma Chamberlain การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่พร้อมสตาร์ทอัพฉบับคนรักกาแฟ">Emma Chamberlain การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่พร้อมสตาร์ทอัพฉบับคนรักกาแฟ</a>​<a target="_blank" href="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/833398be-f87c-4d1f-bc2b-1f516f075a7c/forbes-thailand-july-2024" alt="คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกรกฎาคม 2567 ในรูปแบบ e-magazine">คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกรกฎาคม 2567 ในรูปแบบ e-magazine</a><div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"> <figure style="margin: 0px;"> <img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/Cz1TWzdy5gYtQ42wydEQ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="Cz1TWzdy5gYtQ42wydEQ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-percentage="auto,auto" origin-size="320,420" data-rotatex="" data-rotatey="" style="" data-index="1"> </figure></div>

Vinted สตาร์ทอัพธุรกิจ ‘เสื้อผ้ามือสอง’ ที่มียอดขายกว่า 600 ล้านเหรียญต่อปี

เมื่อเริ่มต้นธุรกิจด้วย Passion ควรระวังอะไรบ้าง?&nbsp;การบริหารทีมงานควรเป็นอย่างไร? ปรับตัวยังไงเมื่อ Passion เริ่มน้อยลง?Forbes Thailand ขอนำเสนอเรื่องราวของ “ภิพัชรา แก้วจินดา” ดีไซเนอร์และผู้ร่วมก่อตั้ง “PIPATCHARA” ถึงแนวทางการบริหารธุรกิจด้วยใจรัก จนสามารถพาแบรนด์แฟชั่นงานฝีมือจากชาวบ้านท้องถิ่นไปสู่เวทีแฟชั่นระดับโลก<div class="se-component se-video-container __se__float-none" contenteditable="false" style="width: 100%;"><figure style="width: 100%; height: 56.25%; padding-bottom: 56.25%; margin: 0px;"><iframe src="https://www.youtube.com/embed/upPw7MXTC6c?&amp;t=363s" data-proportion="true" data-percentage="100%,56.25%" data-size="100%,56.25%" data-align="none" data-file-name="upPw7MXTC6c?&amp;t=363s" data-file-size="0" data-origin="100%,56.25%" style="width: 100%; height: 100%;" data-index="0"></iframe></figure></div>​ คลิกอ่านบทความฉบับเต็ม <a href="https://www.forbesthailand.com/news/executive-interview/pipatchara-turns-worthless-waste-into-thai-fashion-products?h=AT3DdAdq-I3qMTjne0tlVKVVLUAUIqXU6mDY6tI4uTQf03SWCkIjzYf09j_ByO9egMWyrgrDOrXJamT4lS5r5BBnrLlh41TzEmasnaNyuubg_qbjPV9SBarX0JXXiOFzw-SUTBXf4vRaEzMJP8ts1ps&amp;c%5B0%5D=AT0EUgn1MaCZ99iRqbxnyqUT1s7TexnvGdkQEEkiFTLSUsSMlzio4HDrMeaM_eg-M9RFbZSt0n0wRg9YrezSY9gdbvOZD6Z-lAjVbfOIjzuz0SGXf7WicMGhOlaAzTS8gMsSb0GIbopYp00c9cUgRYzwWd36VEYd0k90aIvdsJktuJGD4vqCt0iWeqjXAHb5MTsWcY0DUkcY" alt="“Pipatchara เปลี่ยนขยะไร้ค่าสู่สินค้าแฟชั่นแบรนด์ไทยในตลาดโลก”">“Pipatchara เปลี่ยนขยะไร้ค่าสู่สินค้าแฟชั่นแบรนด์ไทยในตลาดโลก”</a>​

ใช้ 'Passion' นำทางธุรกิจอย่างไร ให้ขับเคลื่อนแบรนด์ 'Pipatchara' ได้ยาวนาน

 Ravi Modi จากหนุ่มร้านขายเสื้อผ้าสู่มหาเศรษฐีอาณาจักรพันล้าน

ชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ ยกระดับ "แม็ค" เทียบชั้นอินเตอร์แบรนด์

ปลาเล็กกินปลาใหญ่ "วอริกซ์ สปอร์ต" ฝันไกลระดับโลก

<h2 class="p1">ภายหลังการยกเครื่องปรับปรุงไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ Levi’s ก็กำลังกลับมาพลิกฟื้นได้อีกครั้ง และเดินหน้าเพิ่มความมั่งคั่งให้กับบรรดาสมาชิกครอบครัวผู้ก่อตั้งอย่าง Mimi Haas </h2>
ดูสิว่าแฟชั่นอะไรกำลังกลับมา ก็ Levi’s ไง! บริษัทเสื้อผ้าชื่อดังรายนี้ ไม่ใช่แค่กำลังได้รับความนิยมในหมู่คนซื้อเท่านั้น แต่ยังเนื้อหอมใน Wall Street ด้วย หลังจากกลับมาอย่างผู้ชนะโดยขายไอพีโอในตลาดหุ้น NYSE ไปได้ถึง 623 ล้านเหรียญเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ครั้งสุดท้ายที่หุ้นของ Levi’s Strauss ซื้อขายในตลาดก็ตั้งแต่สมัย Ronald Reagan ยังเป็นประธานาธิบดี และตลาดยังนิยมยีนส์ฟอกสีโดยใช้สารเคมีอยู่
การฟื้นแบรนด์ใหม่ครั้งนี้นับเป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับ Mimi Haas อดีตสมาชิกบอร์ดของ Levi’s ผู้ได้รับมรดกเป็นหุ้นในสัดส่วน 16.3% จาก Peter ผู้เป็นสามี อดีตซีอีโอและทายาทผู้ก่อตั้ง Levi’s หุ้นจำนวนดังกล่าวมีมูลค่าราว 1.3 พันล้านเหรียญในปัจจุบัน ทว่าหากรวมสมาชิกทั้ง 10 คนของตระกูล Haas จะคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทเกือบถึง 70% และมีสิทธิในการโหวตถึงเกือบ 3 ใน 4
<img class="alignnone size-full wp-image-10280" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/denim02.jpg" alt="" width="720" height="480" />
แน่ล่ะพวกเขามีความมั่งคั่งจากยีนส์สีบลูมากกว่าจะมานั่งเศร้าเหมือนสีบลูของเขา Levi’s สามารถทำยอดขายเติบโตได้ถึง 4 ปีติดต่อกันนับตั้งแต่ปี 2015 ที่บริษัทเริ่มกลับมาเปิดไลน์เสื้อผ้าสตรีอีกครั้ง และมุ่งโฟกัสใหม่ไปที่ไลน์ทีเชิร์ตและไลน์เสื้อผ้าอื่นๆ มากขึ้น ตามที่ประธานเจ้าหน้าที่การเงินอย่าง Harmit Singh กล่าวไว้ว่า “เราได้รับผลลัพธ์กลับมาดีมาก แบรนด์ก็ฮอตฮิต และแนวโน้มในอนาคตก็ไปได้สวยทีเดียว”
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/leaderboard/global-leaderboard/%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%a9%e0%b8%90%e0%b8%b5%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%88-%e0%b8%9b%e0%b8%b5-2019.html">มหาเศรษฐีหน้าใหม่ ปี 2019</a></li>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/leaderboard/global-leaderboard/larry-ellison-%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%a9%e0%b8%90%e0%b8%b5%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%b3%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%a2%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%94%e0%b9%81%e0%b8%ab.html">Larry Ellison มหาเศรษฐีร่ำรวยสุดแห่ง California</a></li>
</ul>
&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

<hr />

<a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/1969cee6-51e1-4127-a766-351d15a867b8">คลิกอ่านบทความทางธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจในนิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ มิถุนายน 2562 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/1969cee6-51e1-4127-a766-351d15a867b8"><img class="alignnone wp-image-10093" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/cover-june.jpg" alt="" width="350" height="457" /></a>

Mimi Haas ราชินีม่ายแห่งโลกเดนิม

<h2 class="p3">Bernard Arnault มหาเศรษฐีชาวฝรั่งเศส ซีอีโอแห่งอาณาจักรสินค้าลักชัวรี LVMH ไต่ระดับความมั่งคั่งขึ้นตลอดเดือนที่ผ่านมา จนสามารถแซงหน้า Warren Buffett ขึ้นสู่อันดับ 3 บนทำเนียบเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก</h2>
แปลและเรียบเรียงจาก<a href="https://www.forbes.com/sites/maddieberg/2019/04/10/lvmhs-recent-stock-performance-propels-bernard-arnault-to-worlds-third-richest-ahead-of-warren-buffett/#682faa062d46"> LVMH’s Recent Stock Performance Propels Bernard Arnault To World’s Third Richest, Ahead Of Warren Buffett </a>ตีพิมพ์ครั้งแรกใน forbes.com
จากผลประกอบการไตรมาสแรกของ LVMH ประกาศเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2019 ที่เป็นไปในทิศทางบวก ส่งให้ราคาหุ้นของบริษัทขยับขึ้นอีก 3% เพิ่มความมั่งคั่งให้กับ Bernard Arnault ขึ้นไปอีก 1.12 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ​ ทำให้เขามีสินทรัพย์รวมเป็น 8.72 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะนี้ และแซงหน้า Warren Buffett พ่อมดการเงินที่มีความมั่งคั่งอยู่ที่ 8.51 หมื่นล้านเหรียญ ขึ้นเป็นเศรษฐีอันดับ 3 ของโลกแทน

<ul>
 	<li><a href="http://forbesthailand.com/news/global/%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B5%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81-2019-forbes.html">10 อันดับ 'มหาเศรษฐีโลก' ประจำปี 2019 จัดอันดับโดย Forbes</a></li>
</ul>
ผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2019 ของ LVMH นั้นเติบโตขึ้นถึง 16% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสร้างยอดขายแตะ 1.41 หมื่นล้านเหรียญซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์เคยคาดการณ์ไว้ ผลปรากฏว่าเหล่านักช้อปไฮเอนด์ยังคงเพลิดเพลินกับการซื้อสินค้าลักชัวรีและแบรนด์สุราภายใต้อาณาจักร LVMH แม้ก่อนหน้านี้มีความกังวลว่าดีมานด์ในตลาดลักชัวรีโดยเฉพาะในประเทศจีนจะหดตัวลง
“เทรนด์ในตลาดที่เราคาดการณ์เมื่อปี 2018 ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องในไตรมาสแรก ทุกภูมิภาคยังคงเติบโตได้ดี” สื่อประชาสัมพันธ์ของบริษัทระบุ


<figure><img class="wp-image-6733 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/04/Wongrawee-Nateetorn-Paris-Intarakomalyasut-Sunny-Suwanmethanont-Thanapob-Leeratanakajorn-and-Naphat-Siangsomboon-e1555058399379.jpg" alt="Louis Vuitton Menswear" width="800" height="533" /><figcaption> คอลเล็กชันเสื้อผ้าบุรุษ Spring-Summer 2019 ของ Louis Vuitton คอลเล็กชันแรกที่ Virgil Abloh ออกแบบให้กับแบรนด์</figcaption></figure>
แผนกแฟชั่นและสินค้าเครื่องหนังของบริษัทภายใต้แบรนด์ดังอย่าง Christian Dior, Louis Vuitton และ Celine คือตัวเร่งการเติบโตให้กับองค์กร ด้วยยอดขายรวม 5.76 พันล้านเหรียญ เติบโตขึ้น 15% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน
โดยเฉพาะ Louis Vuitton ที่มีไตรมาสที่ดี เนื่องจาก Virgil Abloh ผู้อำนวยการฝ่ายศิลปะเสื้อผ้าผู้ชายคนใหม่ของแบรนด์สามารถสร้างผลงานได้ในปีแรกที่มาร่วมงาน ด้วยคอลเล็กชันเสื้อผ้าแนวสตรีทแวร์ของเขาผ่านการยอมรับในตลาดและทำยอดขายได้ดี แบรนด์นี้ยังมีการเปิดร้านเครื่องหนังแห่งใหม่ในฝรั่งเศสเพื่อตอบสนองดีมานด์ลูกค้าอีกด้วย
บริษัทเปิดเผยด้วยว่า Dior ซึ่งได้ตัว Kim Jones มาเป็นดีไซเนอร์คนใหม่ ก็สามารถสร้างการเติบโตดีเช่นกัน ทั้งส่วนผลิตภัณฑ์แฟชั่น เครื่องหนัง รวมถึงน้ำหอมและเครื่องสำอาง
สำหรับกลุ่มสุรา ซึ่งมียอดขายคิดเป็น 10% ในอาณาจักร LVMH มีแบรนด์เด่นที่ทำยอดขายสูงคือ Hennessy คอนญัคแบรนด์นี้เติบโตขึ้น 11% จากตลาดหลักคือสหรัฐฯ และจีน ส่วนกลุ่มสินค้าที่เติบโตต่ำสุดคือกลุ่มนาฬิกาและเครื่องประดับ โดยมีการเติบโต 4% เท่านั้น
ในฐานะที่เป็นยักษ์ใหญ่ที่สุดของกลุ่มบริษัทสินค้าลักชัวรี LVMH เป็นเสมือนตัวชี้วัดให้กับตลาด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นบริษัท Kering ของ Francois Pinault ซึ่งดูแลแบรนด์ Gucci และ Balenciaga หรือบริษัท Richemont ของ Johann Rupert ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ Cartier และ Montblanc หุ้นของทั้งสองบริษัทล้วนปรับตัวขึ้นในวันเดียวกัน
&nbsp;

ยุครุ่งโรจน์ของแบรนด์เนม เจ้าพ่อ Louis Vuitton แซงหน้า Warren Buffett สู่เศรษฐีโลกอันดับ 3

David Jou ถักทอคุณภาพให้ Pomelo วาดแพทเทิร์น Omnichannel สูตรขายเสื้อผ้า fast fashion

สตาร์ทอัพยูนิคอร์นรายต่อไป: ThirdLove “ชุดชั้นใน” ผู้จับจุดอ่อนของ Victoria’s Secret

<h3>สิ่งทอและอีกจิปาถะ ตระกูล Lalbhai ในอินเดียถักทอสิ่งใหม่ๆ ลงในธุรกิจค้าเส้นด้ายที่ทำมากว่า 121 ปี</h3>
เมื่อ Punit Lalbhai ทายาทรุ่นที่ 5 ของตระกูลธุรกิจสิ่งทออันโด่งดังจากเมือง Ahmedabad ในภาคตะวันตกของอินเดีย เข้ามาเป็นหัวหอกในการเปิดแผนกใหม่ในกลุ่ม Arvind Ltd. เมื่อปี 2009 เขาไม่ได้คิดที่จะผลิตแค่เสื้อเชิ้ตหรือกางเกงขายาว

แต่นึกถึง “สิ่งทอที่มีคุณสมบัติเฉพาะ” หลายประเภท ตั้งแต่ชุดผจญเพลิงเสื้อผ้าเพื่อความปลอดภัยสำหรับงานอุตสาหกรรม ไปจนถึงชุดรบของทหาร รวมถึงผ้า “ใยแก้ว” แบบที่ใช้ในกระดานโต้คลื่น ใบพัดเฮลิคอปเตอร์ กังหันลม และวัสดุภายในตู้รถไฟขนส่งมวลชน “เราหันเหไปสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว แทนที่จะเป็นแค่บริษัทสิ่งทอแบบดั้งเดิม” Punit วัย 36 ปีกล่าว เขาเข้ามาร่วมงานกับบริษัทในปี 2007 และปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการบริหาร

“เราเป็นผู้กำหนดสเปกและสร้างตลาดสำหรับสิ่งทอสมัยใหม่ในอินเดีย ซึ่งจะกลายเป็นอุตสาหกรรมหลายพันล้านในที่สุด”

รายได้ 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ปีบัญชี 2017) ของกลุ่ม Arvind แผ่ขยายจากธุรกิจสิ่งทอไปยังอสังหาริมทรัพย์ จนถึงการค้าปลีกและยังช่วยบ่มเพาะธุรกิจอื่นๆ ที่ Punit และ Kulin น้องชายเป็นผู้นำซึ่งมีทั้งสิ่งทอเทคนิค การบำบัดน้ำเสีย การปลูกฝ้าย และอี-คอมเมิร์ซ

“มีธุรกิจหลายอย่างที่เราประคบประหงมมาหลายปี” Sanjay Lalbhai วัย 64 ปีกล่าว เขาเป็นพ่อของลูกชายทั้งสองคนและเป็นประธานกลุ่ม Arvind “เมื่อธุรกิจเหล่านี้มีความเข้มแข็งด้านการเงินและสร้างกระแสเงินสดเองได้ เราก็จะปล่อยให้ดำเนินงานกันเอง”

การปรับโครงสร้างดังกล่าวกำลังดำเนินไป โดยแบ่ง Arvind ออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย ธุรกิจสิ่งทอ เสื้อผ้าแบรนด์ และวิศวกรรมเครื่องจักรกลหนัก ซึ่งการปรับโครงสร้างจะช่วยให้บทบาทของผู้นำรุ่นต่อไปชัดเจนขึ้นอีกด้วย “สองหนุ่มนี่เป็นผู้สืบทอด” Lalbhai ผู้พ่อกล่าว

เขาถือหุ้น 680 ล้านเหรียญในธุรกิจหลักของกลุ่มและบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Arvind Smartspaces “ลูกแต่ละคนจะเป็นผู้นำธุรกิจจำนวนหนึ่ง แต่เงินทองก็แบ่งกัน”

ขณะที่ Punit ดูแลสายธุรกิจสิ่งทอซึ่งทำรายได้เกือบ 1 พันล้านเหรียญ (ปีบัญชี 2017) พร้อมด้วยธุรกิจที่ยังอยู่ในช่วงตั้งต้นอย่างสิ่งทอสมัยใหม่ น้ำ และการเกษตร Kulin ก็ดูแลสายธุรกิจเสื้อผ้าแบรนด์ (รายได้) 447 ล้านเหรียญ พร้อมด้วยธุรกิจอื่นๆ อย่างการค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์และโทรคมนาคม

พ่อและลูกชายทั้งสองคนมีแผนจะเพิ่มรายได้ของกลุ่มเป็นเท่าตัวภายในปี 2022 โดยแผนงานประกอบด้วยการทำธุรกิจเสื้อผ้าในเอธิโอเปีย ซึ่งจะช่วยให้ส่งสินค้าปลอดภาษีเข้าสหรัฐฯ ยุโรป และจีนได้ส่วนในบ้านตัวเอง พวกเขาก็วางแผนจะสร้างโรงงานที่คล้ายกันในรัฐ Andhra Pradesh และ Jharkhand ในช่วง 5 ปีนับจากนี้ ทางกลุ่มคาดหวังว่าจะใช้ผ้าที่ผลิตเองมาแปรรูปเป็นเสื้อผ้าให้ได้ 40-50% เมื่อเทียบกับตอนนี้ที่ทำได้เพียง 10%

Arvind ยังใช้ความยั่งยืนเพื่อสร้างความแตกต่าง ด้วยพื้นความรู้ชีววิทยาเชิงอนุรักษ์ในระดับปริญญาตรีจาก University of California วิทยาเขตเมือง Davis และปริญญาโทสาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมจาก Yale University เขาจึงเป็นผู้ควบคุมนโยบายสีเขียวของกลุ่ม โดย Arvind บริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม 65,000 เอเคอร์ภายใต้การส่งเสริมจาก Better Cotton Initiative ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่สนับสนุนการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าและใช้สารเคมีที่ได้รับการรับรอง

“เมื่อเราทำธุรกิจด้วยวิธีการที่ถูกต้องก็จะเกิดเป็นโมเดลการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งจะช่วยปกป้องสิ่งที่เรารัก” Punit กล่าว นวัตกรรมหลายอย่างที่บริษัทพัฒนาขึ้นก็เป็นรูปเป็นร่างแล้ว เช่น การย้อมสีโดยไม่ใช้น้ำ เสื้อผ้าจากขยะรีไซเคิล และการใช้เส้นใยประดิษฐ์มาทำด้ายใยผสม

ขณะเดียวกัน Kulin วัย 32 ปี ซึ่งเป็นหน้าตาของบริษัทเมื่อออกสื่อธุรกิจของอินเดีย ก็มีแผนจะขยายสินทรัพย์การลงทุนในเสื้อผ้าแบรนด์ ซึ่งมีแบรนด์ระดับโลกอย่าง Tommy Hilfiger และ U.S. Polo Association เพื่อให้เป็นธุรกิจมูลค่า 1.4 พันล้านเหรียญในไม่กี่ปีข้างหน้า ธุรกิจนี้เติบโตรวม 25% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

ตลาดอินเดียยังมีแบรนด์เจาะเข้าไปน้อยกว่าที่ควร ทั้งที่คาดกันว่าตลาดเสื้อผ้าแบรนด์ทั่วโลกน่าจะเติบโตเป็นเท่าตัวภายในปี 2022 จากเดิม 1.5 หมื่นล้านเหรียญในปี 2015 “เราคาดว่าจะมีอย่างน้อย 5 แบรนด์ที่ทำรายได้ถึง 1 หมื่นล้านรูปี (154 ล้านเหรียญ) ภายในปี 2022” เขากล่าว

นอกจากนี้ ลูกชายคนเล็กยังได้วางระบบอี-คอมเมิร์ซไว้แล้ว “โลกในวันพรุ่งนี้จะต่างจากเดิมมาก” Kulin กล่าว เขาจบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าจาก Stanford University และปริญญาโทบริหารธุรกิจจาก Harvard University

“เราใช้การเรียนรู้ของคอมพิวเตอร์มาช่วย คิดว่าลูกค้าชอบอะไร และโชว์สินค้าให้เห็นตามที่ชอบ ซึ่งระบบนี้ไม่ได้ใช้แค่ออนไลน์ แต่นำมาใช้ในร้านค้าได้ด้วย ช่วยให้เราไม่ต้องยิงลูกค้าทุกคนด้วยกระสุนแบบเดียวกัน แต่เล็งลูกค้าแต่ละคนได้อย่างเจาะจงมากๆ”

พี่น้องคู่นี้ต่อยอดธุรกิจจากมรดกที่ตกทอดกันมาตั้งแต่ปี 1897 เมื่อ Lalbhai Dalpatbhai ก่อตั้ง Saraspur Manufacturing ต่อมาลูกชายของเขา Kasturbhai Lalbhai ซึ่งเป็นปู่ของประธานคนปัจจุบันก่อตั้งโรงงานสิ่งทอ 7 แห่งสำหรับลูกชาย 7 คน ส่วน Sanjay Lalbhai ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 4 เข้ามาร่วมทำธุรกิจในปี 1979 และได้รับมอบหมายให้ดูแลการจัดการวัสดุสิ่งทอ “งานนั้นใช้เวลาแทบไม่ถึงวันละชั่วโมง” เขากล่าว

เขาจึงร่วมทีมกับเพื่อนๆ เพื่อลองสร้างสายการผลิตสินค้าหลากหลายซึ่งบ้างก็รุ่ง บ้างก็ร่วง “ผมลองทำ(ธุรกิจ) ไปสักร้อยอย่างได้” เขาหัวเราะ “ผมอยากสร้างอะไรสักอย่าง” ในที่สุดเขาจึงลองทำธุรกิจผ้าเดนิม และเกือบพบความหายนะในระหว่างทาง

ผู้เป็นพ่อมีความสนใจในสิ่งต่างๆ ร่วมกับลูกชายแต่ละคน เขาสนใจเรื่องฟิตเนสและอิเล็กทรอนิกส์เหมือน Kulin และสนใจการทำสวนและการฝึกจิต (เป็นการทำสมาธิเพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ภายใน) ร่วมกับ Punit ซึ่งพ่อลูกจะอุทิศเวลา 1 ชั่วโมงเพื่อฝึกปฏิบัติทุกวัน

Lalbhai ผู้พ่อยังมีส่วนร่วมในกลยุทธ์เพื่ออนาคตของกลุ่มทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจทางอินเทอร์เน็ตหรือการผลักดันยอดขายปลีกผ่านหลายช่องทาง “ผมขอทำผิดพลาดด้วยการอยู่กับอนาคตมากเกินไป ดีกว่าผิดพลาดเพราะยึดติดกับอดีต” เขากล่าว

Punit เสริมว่า “ถ้ามีช่องว่างระหว่างคน 2 รุ่นหรือวิธีการคิดที่ไม่ตรงกัน คนรุ่นใหม่ต้องพยายามตามให้ทันคนรุ่นเก่า เราจึงต้องวิ่งเพื่อตามให้ทันพ่อ”
<h3>เดนิมและหายนะ</h3>
ในช่วงทศวรรษ 1980 โรงงานสิ่งทอของตระกลูประสบปัญหาเนื่องจากเครื่องจักรทอผ้าเริ่มเข้ามาในโรงงานสิ่งทอ 4 ใน 7 แห่งต้องปิดตัว และมี 2 แห่งต้องไปรวมกิจการกับโรงงานสิ่งทอของ Sanjay Lalbhai (Arvind) ที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งโรงงานของผู้เป็นพ่ออยู่รอดมาได้ด้วยการนำผ้าเดนิมเข้ามาในประเทศ

ปัจจุบัน Arvind Ltd. ยังคงเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเดนิมรายใหญ่ที่สุดของโลก ซัพพลายผ้าให้แบรนด์อย่าง Levi Strauss และ GAP นอกจากนี้ Lalbhai ยังนำหน้าคู่แข่งด้วยการดึงคนจากบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคใหญ่อย่าง Unilever ในช่วงทศวรรษ 1980 และจ้างบริษัทที่ปรึกษา McKinsey ในช่วงทศวรรษ 1990

“เราดึงคนมาจาก Unilever เยอะจนประธานโทรมาหาผม แล้วขอให้เลิกลักลอบล่าคนได้แล้ว” เขาเล่า

ทุกอย่างไปได้สวยจนกระทั่งเกิดวิกฤตรุนแรงในปี 1998 ขณะที่กำลังสร้างโรงงานขนาด 450 เอเคอร์ เขาก็ต้องเผชิญปัญหารุมเร้าจากความล่าช้าและความต้องการผ้าเดนิมที่ลดลงไปพร้อมกัน จนมีหนี้สินเพิ่มขึ้นเป็น 683 ล้านเหรียญ

“อะไรที่ผิดพลาดได้ก็ผิดพลาดไปทุกอย่าง” เขากล่าว แต่เขาก็ทำให้เจ้าหนี้ 80 รายเชื่อมั่นว่าธุรกิจของเขายังดีอยู่ และขายสินทรัพย์เพื่อหาเงินก้อนใหม่เข้ามา เขาใช้เวลาเกือบ 4 ปีกว่าจะดึงบริษัทขึ้นมาจากเหวลึกได้ทันเวลาให้ส่งลูกชาย 2 คนไปรับการศึกษาจากชาติตะวันตกได้พอดีจากความตกต่ำในวันนั้น

วันนี้เขาจึงระมัดระวังเรื่องการมีกระแสเงินสดอยู่เสมอ ผู้เป็นพ่อดูแลกลยุทธ์และนวัตกรรมในระดับกลุ่ม และจะพูดคุยกับพนักงานคนสำคัญอย่างน้อย 40 คนจากทุกกลุ่มเป็นประจำ รวมถึงลูกชายของเขาด้วย แม้จะเป็นในวันพักผ่อนของลูกๆ ก็ตาม “ผมต้องรู้อยู่เสมอว่าจะเกิดอะไรผิดพลาดได้บ้าง” Lalbhai กล่าว

เรื่อง : Anuradha Raghunathan
เรียบเรียง : ธรรดร โสตถิอำรุง

<a href="http://www.aisbookstore.com/Shop/Magazine/FORBES/0b3d6b6f-a023-4afc-ba8b-937b8ba540be">คลิกอ่านฉบับเต็มของ "</a><a href="http://www.aisbookstore.com/Shop/Magazine/FORBES/0b3d6b6f-a023-4afc-ba8b-937b8ba540be">สิ่งทอเเละอีกจิปาถะ Arvind ธุรกิจค้าเส้นด้าย 121 ปีแห่งอินเดีย เปลี่ยนทันเทคโนโลยี</a><a href="http://www.aisbookstore.com/Shop/Magazine/FORBES/0b3d6b6f-a023-4afc-ba8b-937b8ba540be">" ได้ที่ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand เดือนสิงหาคม 2561 ในรูปแบบ e-Magazine</a>

<a href="http://bit.ly/2vFS9h0"><img class="" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/0bbafba6d1ac7ee542952c8eb0e9c4c7.jpg" alt="" width="298" height="453" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events