<h2>กลายเป็นปรากฎการณ์ที่น่าสนใจ หลัง Burger King ทุ่มงบการตลาดเตรียมปรับโฉมแบรนด์ให้ดูทันสมัย พร้อมปล่อยจิงเกิล “Whopper” ออกมาทำการตลาดในช่วงปลายปี 2022 ซึ่งตอนแรกผู้บริหารของแบรนด์ไม่ค่อยปลื้มกับไอเดียดังกล่าวเท่าไรนัก แต่ผลตอบรับกลับดีเกินคาด ดันยอดขายเบอเกอร์เพิ่มขึ้น 5%</h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในเดือนกันยายนปี 2022 ทาง Burger King ได้ประกาศถึงการตัดสินใจทุ่มงบราว 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทย 13,600 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์แบรนด์ขนานใหญ่ ซึ่งส่วนหนึ่งของงบประมาณคือ การใช้เงิน 40 ล้านเหรียญ ทำแคมเปญการตลาดที่เพิ่งปล่อยตัวออกมาช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แคมเปญการตลาดดังกล่าวเน้นชูเมนูเด็ดที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง “Whopper” ซึ่งในโฆษณานั้นมีจิงเกิลง่ายๆ ที่ย้ำคำว่า Whopper วนไปวนมาอยู่หลายครั้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Tom Curtis ประธาน Burger King ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาไม่ค่อยจะถูกใจไอเดียของฝ่ายการตลาดและครีเอทีฟในครั้งนี้เท่าไรนัก โดยให้เหตุผลกับทาง CNN ว่า “การพูดแค่คำว่า Whopper วนไปมา 4 ครั้งมันจะไปได้อะไร มันต้องมีอะไรมากกว่านี้สิ” แต่ทว่าผลตอบรับที่ได้กลับสร้างปรากฏการณ์เล็กๆ ได้อย่างน่าสนใจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จิงเกิลเพลงสำหรับการตลาดอย่าง Whopper ถูกเล่นใน Spotify มากกว่า 3.5 ล้านครั้ง ขณะที่บน TikTok มีครีเอเตอร์รายหนึ่งเอาไปมิกซ์กับเพลงของศิลปินดังระดับตำนานอย่าง Daft Punk และอีกมากมายหลายคลิปจนทำให้กลายเป็นกระแสไวรัลในช่วงต้นปีที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่งผลให้ยอดขายของ Whopper เบอร์เกอร์เนื้อสุดฮิตเพิ่มขึ้น 5% ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2022 นี่จึงถือเป็นโอกาสดีที่ Burger King จะหาทางกลับมาสู้กับคู่แข่งสำคัญอย่าง McDonalds ด้วยการโปรโมตเบอร์เกอร์ที่อยู่ในความทรงจำของทุกคนอย่าง Whopper เป็นหลักได้ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;J. Patrick Doyle ประธานกรรมการบริหารของ QSR ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Burger King มองว่า ในขณะที่ McDonalds กำลังไปได้สวย โดยเฉพาะการชูเรื่อง Loyalty Program เพื่อดึงดูดให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการสม่ำเสมอ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่สิ่งหนึ่งที่ Burger King มีแต่คู่แข่งของพวกเขาไม่มีคือ Whopper “นี่คือทางที่เราจะต่อสู้กับพวกเขาได้ และ คำว่า Whopper อาจจะเป็นแบรนด์ที่ดีกว่า Burger King ด้วยซ้ำไป” <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/aayktMyJdBa782oA3DEQ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="aayktMyJdBa782oA3DEQ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หัวใจสำคัญของ Whopper คือการโปรโมตว่าเป็น "Flame-grilled" หรือเบอร์เกอร์ที่ย่างไฟเหมือนออกมาจากเตาบาร์บีคิวในสวนหลังบ้าน ที่แม้ในการผลิตจริงๆ ก็ไม่ได้ดูจะแตกต่างจากเบอร์เกอร์ในเชนร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดอื่นๆ แต่ภาพลักษณ์ที่คนจดจำทำให้เป็นเมนูขายดีตลอดกาล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม Burger King ยังเตรียมปรับปรุงหน้าร้านให้ทันสมัยกว่าเดิม และชูเมนูพระเอกอย่าง Whopper ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก แม้จะมีปัญหาอยู่บ้างที่การปรับปรุงหน้าร้านจะต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ซื้อแฟรนไชส์บางส่วนที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ ซึ่งบางสาขาอาจจะแก้ไขได้ยาก แต่พวกเขาก็เชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดีตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://www.forbesthailand.com/news/hr/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2-%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2-100-%E0%B8%95%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B9%87%E0%B8%9B%E0%B8%95%E0%B9%8C-%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89" alt="อิเกีย ลุยปั้นทีมงานกว่า 100 ตำแหน่ง เน้นคอนเซ็ปต์ “ไม่ว่าใครก็ทำงานที่อิเกียได้”">อิเกีย ลุยปั้นทีมงานกว่า 100 ตำแหน่ง เน้นคอนเซ็ปต์ “ไม่ว่าใครก็ทำงานที่อิเกียได้”</a>​<hr class="__se__solid">​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

อาวุธลับ Burger King “จิงเกิลเพลง Whopper” ดันยอดขายเบอเกอร์เพิ่ม 5%

<h2>Mattress City จับกลยุทธ์บอกต่อด้วยความจริงใจ เปิดตัว 9 คนเข้ารอบสู่อาชีพ ‘นักนอน’ สุดครีเอท ถ่ายทอดประสบการณ์ ‘ใช้จริง นอนจริง’ จากผู้บริโภคสู่ผู้บริโภค พร้อมชูจุดเด่นความหลากหลายของสินค้า ครบจบที่เดียว ตอบโจทย์ความต้องการทุกไลฟ์สไตล์ เข้าถึงได้ทุกช่องทาง รองรับวิถีชีวิตลูกค้ายุคใหม่</h2>
หากกล่าวถึงอาชีพ ‘นักนอน’ คงไม่ใช่เรื่องที่เราคุ้นเคยกันมากนัก เเละอาจมีข้อสงสัยว่าสามารถสร้างรายได้จริงหรือไม่ จนกระทั่งปีที่ผ่านมามีเเคมเปญการตลาดสดใหม่ที่น่าสนใจอย่างการ “เปิดรับสมัครนักนอน” ขึ้นมา จุดกระเเสกลายเป็นกระเเสไวรัลในโลกโซเชียล ยอดสมัครพุ่งกว่า 3 แสนคน ในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ โดยผู้อยู่เบื้องหลังเเคมเปญนี้ คือ ‘Mattress City’ (แมทเทรส ซิตี้) ศูนย์รวมที่นอนและเครื่องนอนครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย ที่ก่อตั้งมาในปี 2557 เเละใช้เวลา 4 ปีเติบโตอย่างรวดเร็ว ขยายสาขาถึง 17 เเห่งทั่วประเทศ

กิตติ ตั้งพานทอง ผู้จัดการ ฝ่ายบริหารบริษัท แมทเทรส ซิตี้ จำกัด เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเฟ้นหานักนอนมืออาชีพให้ฟังว่า ด้วยความที่ Mattress City มีสินค้ามากกว่า 10,000 SKU คัดสรรจากแบรนด์ดังทั่วทุกมุมโลก อาทิ ประเทศอังกฤษ อิตาลี สหรัฐอเมริกาและเยอรมนี เเต่ละสินค้ามีความเฉพาะตัวแตกต่างกันไป เป็นเรื่องยากที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ไปยังผู้บริโภคได้ครบถ้วนเเละทั่วถึง จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายว่าทำอย่างไรให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากที่สุด

เหล่านี้นำมาสู่เเนวคิด “ให้ผู้บริโภคบอกผู้บริโภคเอง” เเละได้เปิดรับสมัครนักนอนที่เป็นประชาชนทั่วไป เปิดกว้างให้กับทุกคนอย่างแท้จริง ด้วยความหลากหลายในเรื่องของอายุ เพศ ความต่างของสรีระ น้ำหนัก ลักษณะการนอน ซึ่งจะส่งผลดีต่อการทดลองการนอนเพื่อบันทึกข้อมูลที่ไม่เหมือนกัน ทั้งความนุ่มหรือแน่นของที่นอน ผิวสัมผัส แรงกดทับของร่างกาย เเละการระบายความร้อน ที่จะนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมให้ตอบโจทย์การนอนหลับเฉพาะตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ และให้ทุกคนได้พบคู่นอน (ที่นอน) ที่ถูกใจ และถูกต้องกับการพักผ่อนในชีวิต

<img class="alignnone size-full wp-image-57061" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/01/Mattress-City_0103.jpg" alt="" width="450" height="300" />

ในช่วงแรกของแคมเปญ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 Mattress City เริ่มจุดประเด็นด้วยประโยคง่ายๆ อย่าง “รับสมัครนักนอน รายได้ดี 35,000 บาท/เดือน” บนบิลบอร์ดทั่วกรุงเทพฯ เพื่อค้นหาผู้หลงใหลในการพักผ่อนที่พร้อมร่วมทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ แล้วถ่ายทอดประสบการณ์การใช้ที่นอนในแต่ละคอลเลคชั่น เสมือนเป็นตัวแทนของผู้บริโภคที่ใช้งานผลิตภัณฑ์จริง

โดยต่อมามีมีกระแสตอบรับเซอร์ไพรส์อย่างล้นหลาม ผู้สนใจเข้าร่วมสมัครกว่า 300,000 คนทั่วประเทศ ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์

จากนั้นได้ทำการคัดเลือกให้เหลือเพียง 9 คน ผ่านกระบวนการคัดสรรจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 4 ท่าน ได้แก่ คุณตือ-สมบัษร ถิระสาโรช, คุณได๋-ไดอาน่า จงจินตนาการ, คุณบอย-พิษณุ นิ่มสกุล และ คุณกิตติ ตั้งพานทอง ผู้จัดการฝ่ายบริหาร บริษัท แมทเทรส ซิตี้ จำกัด ซึ่งได้มีมติเป็นเอกฉันท์เเล้ว เเละได้เปิดตัว ‘นักนอนตัวจริง’ ตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศออกมาในวันนี้

“นักนอนที่เรามองหานั้น ได้คัดเลือกจากคุณสมบัติหลากหลายมิติ ไม่ได้หานักรีวิว เเต่มองหาคนที่จะมาถ่ายทอดประสบการณ์ เเละมีเเพชชั่นในการนอนจริงๆ หลายคนอาจคิดว่าการนอนเป็นเเค่เรื่องเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน เเต่จริงๆ เเล้ว การนอนคือครึ่งชีวิตของเรา ดังนั้นต้องทำให้รู้สึกได้ว่า จะนอนทั้งทีต้องนอนให้ดีที่สุด” ไดอาน่า กล่าว

นอกจากนี้ ยังเน้นไปที่ความสร้างสรรค์เเละความสามารถในการสื่อสารไปถึงผลิตภัณฑ์ได้อย่างเเท้จริง อีกทั้งยังเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ เเละเปิดมุมมองต่ออาชีพใหม่ๆ ให้คนไทยอีกด้วย

สำหรับนักนอนทั้ง 9 คนที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับเงินเดือน 35,000 บาท/เดือน ในระยะสัญญา 3 เดือน ซึ่งจะได้นอนหลับเพื่อปฏิบัติงานภายในโรงแรม เอเชีย กรุงเทพมหานคร โดยจะเข้าเช็กอินที่โรงแรมเพื่อปฏิบัติงานในเวลา 21:00 น. และเช็กเอาท์ เวลา 7:00 น. ทุกวันจันทร์ถึงวันเสาร์ (หยุดเสาร์เว้นเสาร์) และนอนหลับมากกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน พร้อมบันทึกความรู้สึกจากการนอน ความแตกต่างของสัมผัสในแต่ละคอลเลคชั่นผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของตนเอง และสื่ออื่นๆ ทั้งของบริษัทเองและจากที่บริษัทจัดหาให้

ใครที่สนใจติดตามกิจกรรมของนักนอนทั้ง 9 คน ตลอดระยะเวลา 3 เดือน แบบ Non-Stop สามารถเข้าชมได้ที่<a href="https://www.facebook.com/mattresscitythailand"> https://www.facebook.com/mattresscitythailand</a>  และ  <a href="https://mattresscity.co.th/th">https://mattresscity.co.th/th </a>

“Mattress City มั่นใจว่าแคมเปญนี้จะช่วยให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละบุคคลได้ง่ายขึ้น"

ด้านพฤติกรรมผู้บริโภคที่เลือกซื้อเครื่องนอนนั้น ก็มีการเปลี่ยนเเปลงอย่างมากในช่วงโควิด-19 โดยผู้บริหาร Mattress City ให้ข้อมูลว่า โรคระบาดทำให้เกิด ‘ข้อจำกัด’ ในเรื่องการทดลองสินค้ามากขึ้น เเม้ว่าความต้องการในตัวสินค้าจะยังไม่หายไป เเต่ก็มีวิธีการเลือกซื้อที่เปลี่ยนไป

“จากเดิมผู้คนเมื่อคิดจะซื้อเเล้วก็จะออกไปตามหาทันที ไปทดลองสัมผัสด้วยตนเอง เเต่ในยุคโควิด-19 ลูกค้าจะต้องศึกษาข้อมูลก่อน เเละต้องการพูดคุยกับเเอดมินเพื่อสอบถามรายละเอียดต่างๆ ทำให้มีการตัดสินใจผ่านการรับคอนเทนต์มากขึ้น”

เมื่อผู้บริโภคเปลี่ยน เเบรนด์ก็ต้องปรับ นำมาสู่ทิศทางกลยุทธ์การตลาดที่มุ่งเน้นไปที่การนำเสนอสินค้าเเละการเเข่งขันกันด้านคอนเทนต์ โดยเฉพาะในโลกออนไลน์

โดยจุดเด่นของ Mattress City หลักๆ คือการมอบ ‘ความจริงใจ’ ที่จะนำเสนอประสบการณ์ใช้จริงส่งต่อไปยังผู้บริโภค ผ่านการบอกต่อจากผู้บริโภคเอง นอกจากนี้ ยังมีจุดเด่นเรื่องความหลากหลายของสินค้า มาที่นี่จบที่เดียว ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ซึ่งในปีนี้ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อนำเสนอทางเลือกเเละช่องทางใหม่ๆ ให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ เเม้ไม่ได้มาทดลองสินค้าด้วยตนเอง

“หลังเเคมเปญการเฟ้นหาสุดยอดนักนอนประสบความสำเร็จอย่างน่าประทับใจ ปีนี้เรารับรองว่า Mattress City จะมีเเคมเปญใหม่เกี่ยวกับการนอนที่ผสมความสนุกสนาน มาให้ได้ชมกันอย่างเเน่นอน โปรดรอติดตามในเร็วๆ นี้”

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/leaderboard/global-leaderboard/carl-daikeler-%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%82%e0%b8%ad%e0%b8%87-beachbody.html">กล้ามแขนโตๆ…กระเป๋าตุงๆ ของ ‘Carl Daikeler’ เศรษฐีพันล้านเจ้าของ Beachbody</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

&nbsp;

&nbsp;

&nbsp;

‘Mattress City’ เผยความสำเร็จเเคมเปญเฟ้นหา ‘นักนอน’

<h2 class="p1">หลังประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในแคมเปญ “Ichitan X Free Fire รหัสล่าฮายาโตะ” เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่ อิชิตัน ร่วมกับการีนาในการแจกรหัสใต้เครื่องดื่มชาเขียวรสฮันนี่เลมอน แลกไอเทมพิเศษในเกม Free Fire ส่งผลให้ยอดขายของเครื่องดื่มดังกล่าวพุ่งขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง 5 เดือนติดต่อกัน และทำให้สินค้าเป็นที่รู้จักในหมู่วัยรุ่นมากขึ้น</h2>
ล่าสุด อิชิตัน จับกลยุทธ์นี้มาใช้อีกครั้งในช่วงโค้งท้ายของปี 2562 ด้วยการร่วมกับการีนาเปิดตัวแคมเปญ “อิชิตัน รหัสล่าสกินปืน กาแล็คซี่ดับสูญ” โดยเป็นการใช้รหัสใต้ฝาแลก “สกินปืน” (รูปลักษณ์ภายนอกของปืน) พิเศษในเกม Free Fire จากค่ายการีนา โดยตั้งเป้าเจาะกลุ่ม Gen Z (อายุ 10-24 ปี)
ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทุกวันนี้โลกหมุนเร็ว เด็กสมัยนี้ 90% เติบโตมากับเกม ซึ่งเป็นโลกและคอมมูนิตี้หนึ่งของเขา หรืออาจกล่าวได้ว่าเกมกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเด็กรุ่นใหม่ เกมเป็นแพชชั่นที่ขับเคลื่อนชีวิตเด็ก ดังนั้น เราต้องไม่ปิดกั้น แต่ต้องพยายามทำความเข้าใจ เปิดใจ ก็จะให้เราอยู่ในโลกเดียวกับเขาได้
“อี-สปอร์ตอาจเป็นธุรกิจใหม่แห่งอนาคต เป็นกีฬาระดับโลก และเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอื่นอีกมหาศาล อิชิตันจึงเปิดใจกับเกมและอยากให้วัยรุ่นเล่นให้สนุกและไปให้ถึงเป้าหมาย”
ทั้งนี้ แคมเปญ “อิชิตัน รหัสล่าสกินปืน กาแล็คซี่ดับสูญ” นั้นใช้เครื่องดื่มชาเขียวผสมวุ้นมะพร้าวอิชิตันชิวชิว รสองุ่นเฮียวโค และรสไลม์ ฮันนี่ ซึ่งใต้ฝาขวดจะมีรหัสไอเทมโค้ด เมื่อผู้เล่นสะสมรหัสครบทุก 2 ฝา จะได้รับกล่องอิชิตันเพื่อลุ้นรับไอเทม “สกินปืน กาแล็กซีดับสูญ” เพื่อใช้กับปืน 4 รุ่น ได้แก่ M79 / SCAR / MP5 / M60 และไอเทมอื่นๆ ในเกม Free Fire ระยะเวลาแคมเปญตั้งแต่ 1 ตุลาคม - 15 ธันวาคม 2019
วริทธิ์นันท์ ไตรรัตโนภาส Senior Manager บริษัท การีนา ออนไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า Free Fire เป็นเกมเอาตัวรอดที่การีนาได้พัฒนาขึ้นมาและให้บริการมามากกว่า 1 ปี ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงด้วยยอดดาวน์โหลดจากผู้เล่นกว่า 450 ล้านคนทั่วโลก นอกจากนี้ยังสร้างปรากฏการณ์ออนไลน์พร้อมกันทั่วโลก 50 ล้านคน/วัน
“ตลอดเวลาเราพยายามฟังฟีดแบ็กจากเกมเมอร์ พร้อมๆ กับการทำตลาดที่เข้าใจเกมเมอร์ได้ดี ซึ่งการร่วมมือกับอิชิตันครั้งนี้เชื่อว่าจะสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้เล่น และรู้สึกดีใจที่อิชิตันเห็นศักยภาพของเยาวชนไทยในวงการอี-สปอร์ต”


<figure><img class="size-full wp-image-21590" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/ichitan03.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> วริทธิ์นันท์ ไตรรัตโนภาส Senior Manager บริษัท การีนา ออนไลน์ (ประเทศไทย) จำกัด</figcaption></figure>

&nbsp;
<h2 class="p1">หวังแคมเปญดันยอดขายไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน</h2>
ตัน กล่าวว่า กลยุทธ์ของเราต่อจากนี้คงไม่ทำแคมเปญใหญ่ที่ใช้เงินทีเดียวหลักร้อยล้านบาทแล้ว แต่จะหันมาทำแคมเปญที่ตรงกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนแต่ละเซ็กเมนต์มากขึ้น โดยเราเริ่มทำอีเวนต์เฉพาะกลุ่มโรงเรียน, กลุ่มออฟฟิศ, กลุ่มร้านค้าขายส่ง ซึ่งทำให้เราใช้งบการตลาดลดลง แต่ได้ผลลัพธ์ดีขึ้น ทำให้เรามีกำไรเพิ่มขึ้นจากปีก่อน
“โดยงบการตลาดครึ่งปีที่แล้ว 309 ล้านบาท ครึ่งปีนี้ใช้ไปแค่ 240 ล้านบาท ขณะที่งบการตลาดปีที่แล้วใช้ไป 514 ล้านบาท ส่วนปีนี้ตั้งเป้าไว้ว่าจะใช้ไม่เกิน 410 ล้านบาท ซึ่งหากทำได้จริงจะใช้เม็ดเงินลดลงถึง 104 ล้านบาท”
ทั้งนี้ โพสต์ทูเดย์รายงานผลให้<a href="https://www.posttoday.com/economy/news/597813">ผลประกอบการ 6 เดือนแรกปีนี้</a> อิชิตันมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 251 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,940% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 2.5 ล้านบาท มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 2,964.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 2,654.5 ล้านบาท
กรรมการผู้อำนวยการอิชิตัน ระบุอีกว่า สำหรับสินค้ากลุ่มอิชิตันชิวชิว หรือกลุ่มชาเขียวผสมวุ้นมะพร้าว บริษัทห่างหายจากการทำตลาดไปราว 2 ปี เนื่องจากเมื่อก่อนไม่สามารถผลิตเองได้ จึงต้องจ้างผลิตซึ่งมีต้นทุนสูง แต่ตอนนี้บริษัทมีเครื่องจักรเองจึงหันกลับมาทำตลาดอีกครั้ง โดยตั้งเป้าว่าในช่วงสองเดือนครึ่งของการจัดแคมเปญ จะดันให้ยอดขายของสินค้ากลุ่มอิชิตันชิวชิวขึ้นมาเป็นไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท จากปกติมียอดขายราวเดือนละ 20 ล้านบาท


<figure><img class="size-full wp-image-21589" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/ichitan02.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)</figcaption></figure>
สำหรับชาเขียวผสมวุ้นมะพร้าวนั้นมีสัดส่วนอยู่ที่ 9% ในตลาดชาพร้อมดื่ม โดย 8 เดือนแรกชาเขียวผสมวุ้นมะพร้าวมีมูลค่าประมาณ 760 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2018 มีมูลค่าราว 1,000 ล้านบาท ซึ่งอิชิตันมองว่าปีนี้ยังมีโอกาสเติบโตตามตลาดชาเขียวพร้อมดื่มที่คาดว่าปีนี้จะเติบโต 8%
&nbsp;
<h2 class="p1">ภาษีน้ำตาลไม่กระทบ</h2>
สำหรับมาตรการภาษีน้ำตาลที่จะมีการปรับขึ้นอีกครั้งในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ซึ่งจะมีผลดังนี้

<ol>
 	<li class="p1">เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลไม่เกิน 6 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เว้นการเก็บภาษี</li>
 	<li class="p1">เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 6 กรัม แต่ไม่เกิน 8 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 0.30 บาทต่อลิตร</li>
 	<li class="p1">เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 10 กรัม แต่ไม่เกิน 14 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 1 บาทต่อลิตร</li>
 	<li class="p1">เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 14 กรัม แต่ไม่เกิน 18 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 3 บาทต่อลิตร</li>
 	<li class="p1">เครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลเกิน 18 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร เสียภาษี 5 บาทต่อลิตร</li>
</ol>
ตันกล่าวว่า อิชิตันแทบไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับภาษีใหม่และแทบไม่มีการปรับขึ้นราคาสินค้าตัวใดเลย เนื่องจากได้ปรับสูตรไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้สินค้าของบริษัทในปัจจุบันแทบไม่มีตัวใดที่มีน้ำตาลเกิน 10% เลย ส่งผลให้เราเสียภาษีเพียงลิตรละ 0.30 บาท จากที่เคยเสียภาษีในอัตราลิตรละ 0.50 บาท เรียกได้ว่าอัตราภาษีน้ำตาลรอบใหม่นี้ส่งผลบวกกับเรามากกว่า
“ส่วนเครื่องดื่มอื่นๆ ในตลาดที่ได้รับผลกระทบคือน้ำอัดลมที่ได้ปรับราคาไปแล้ว และน้ำผลไม้ก็ปรับราคาขึ้นประมาณ 20% ส่วนฟังชั่นนอลดริงค์ต้องรอผลการประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง”
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/other/%e0%b8%ad%e0%b8%b4%e0%b8%8a%e0%b8%b4%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%99-%e0%b8%a3%e0%b8%b8%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b9%82%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b8%b5%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b8%a2.html">“อิชิตัน” รุกอินโดนีเซีย เบิกทางสู่อาเซียน</a></li>
</ul>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

"อิชิตัน" จับมือการีนาเปิดตัวแคมเปญเจาะเกมเมอร์ ดันยอด "ชิวชิว" สองเดือนครึ่ง 100 ล้าน

มร.เอ็ดมอนด์ เนียว คิม ซูน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ช้างอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และ ยศ คูวารีวงศ์ ผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์บริษัท ช้างอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ร่วมประกาศนับถอยหลังวาระแห่งชาติ Chang Friend Day Friday วันศุกร์วันเพื่อน อย่างเป็นทางการ

“ช้าง” ผลักดันให้ “วันศุกร์วันเพื่อน” ชวนศิลปิน ดีเจ เซเลป แท็คทีมเพื่อนสนิท ร่วมประกาศ วันศุกร์วันเพื่อนออกมาเจอเพื่อนทุกวันศุกร์ ออกมาเติมเต็มคำว่าเพื่อน...พร้อมกระจายความสนุกทุกแก๊งเพื่อนทั่วประเทศ

ถือเป็นปรากฏการณ์สำหรับการรวมตัวกันของเหล่าศิลปิน ดีเจ เซเลป ประกาศวาระแห่งชาติ วันศุกร์วันเพื่อนครั้งแรกพร้อมในวันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา เป็นจุดเริ่มต้น สตาร์ทความสนุกทุกวันศุกร์กับแก๊งเพื่อน ที่ Bottoms up กรุงเทพฯ และ Infinity เชียงใหม่ ก่อนจะกระจายความสนุกทุกแก๊งเพื่อนทั่วประเทศเป็นประจำทุกวันศุกร์

โดยที่กรุงเทพฯ เซเลปที่แท็คทีมเพื่อนสนิทมาร่วมประกาศวาระแห่งชาตินี้ได้แก่ วู้ดดี้ มิลินทจินดา ที่ชวนเพื่อนสนิทตัวจริงสมัยเป็นดีเจด้วยกัน อย่าง พีเค - ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร และ ท็อป - ณัฐเศรษฐ์ พูนทรัพย์มณี มาร่วมฉลองด้วย พร้อมด้วยแก๊งดีเจแห่ง EFM อาทิ เชาเชา / บุ๊คโกะ แก๊งดีเจแห่ง EDS อาทิ โอปอ / แม็กซ์

สำหรับเชียงใหม่ก็จัดเต็มความสนุกเช่นเดียวกับที่กรุงเทพฯ โดยมี “ป๊อก ภัสสรกรณ์ จิราธิวัฒน์” ชวนแก๊งเพื่อนสนิทอย่าง ทูพี – พิทวัส พฤกษกิจ, ไอซ์ - พิชพงศ์ โสมกุล และ  แบด ศิวัช คูสกุลธรรม ขึ้นเหนือเพื่อเป็นตัวแทนประกาศวาระแห่งชาติครั้งนี้ โดยมีเจ้าภาพทางเชียงใหม่ ได้แก่ แก๊งดีเจ XFM และ แก๊งดีเจ Modern Chiang Mai พร้อมด้วยศิลปินแถวหน้าของประเทศอย่าง SCRUBB และ MUSKETEER ที่มาร่วมเสริมความมันส์กับการประกาศวาระแห่งชาติ Chang Friend Day Friday วันศุกร์วันเพื่อน

ติดตามรายละเอียดกิจกรรมสนุกๆจาก #ChangFrienddayFriday ได้ทาง  <a href="http://www.facebook.com/Changworld">www.facebook.com/Changworld</a> เร็วๆนี้

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/73b035f4c90dc527371d3b5894686957.png" alt="" />

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/94f54462b955b543cd1f78d5e41b9292.png" alt="" />

สองผู้บริหาร "ช้าง" จัดใหญ่ดันวันศุกร์ “วันศุกร์วันเพื่อน”

<h2>บัตรเครดิตกสิกรไทยครึ่งปีแรกโต 7% มียอดบัตร 3.66 ล้านบัตรและยอดใช้จ่าย 1.7 แสนล้านบาท เปิดตัวแคมเปญ “รูดล่าแสงเหนือ” เปิดประสบการณ์สุดขั้วโลก คาดสิ้นปีดันยอดใช้จ่ายรวมกว่า 3.5 แสนล้านบาท</h2>
นพวรรณ เจิมหรรษา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่าตลาดบัตรเครดิตในช่วงครึ่งแรกปี 2559 มีการเติบโตในวงแคบราว 7-9% สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตกสิกรไทย ยังคงมีการใช้จ่ายผ่านบัตรในหมวดการใช้จ่ายหลัก ได้แก่ ช้อปปิ้ง ร้านอาหาร ท่องเที่ยว สถานีบริการน้ำมัน สุขภาพ และการรักษาพยาบาล โดยมียอดบัตรครึ่งปีแรกประมาณ 3.66 ล้านบัตร มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ประมาณ 170,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปี 2558 ประมาณ 7% โดยกลุ่มลูกค้าในระดับสูงกว่าบัตรแพลทินัมมียอดใช้จ่ายรวมเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 13% เป็นกลุ่มที่ยังคงมีการใช้จ่ายในหมวดช้อปปิ้งและท่องเที่ยวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ แนวโน้มพฤติกรรมการใช้บัตรเครดิตของลูกค้าในครึ่งหลังปี 2559 คาดการณ์ว่าจะยังใช้จ่ายในหมวดท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากมาตรการวันหยุดยาวของรัฐบาล และการทำการตลาดที่เข้มข้นของกลุ่มบริษัททัวร์ สายการบิน บัตรเครดิต ฯลฯ ในด้านการแข่งขันของธนาคารหรือสถาบันการเงินผู้ออกบัตรเครดิตจะยังคงเป็นไปด้วยความเข้มข้น โดยเฉพาะลูกค้า 2 กลุ่ม คือ การขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นในต่างจังหวัดและการชิงส่วนแบ่งตลาดของกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูงด้วยการออกโปรโมชั่นต่าง ๆ

โดบไตรมาสที่ 3 นี้ ธนาคารจัดแคมเปญ “รูดล่าแสงเหนือ” เปิดประสบการณ์สุดขั้วโลก พิชิตขุมทรัพย์อาณาจักรไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นแคมเปญรับเทรนด์การท่องเที่ยวในที่แปลกใหม่ สร้างประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต เพียงใช้จ่ายทุก 1,000 บาทต่อเซลส์สลิป รับ 1 สิทธิ์ และสำหรับผู้สมัครบัตรใหม่ ใช้จ่าย 1,000 บาทขึ้นไปภายใน 30 วันหลังได้รับอนุมัติ รับพิเศษถึง 10 สิทธิ์ ลุ้นรับไอเท็มยอดนิยมของการท่องเที่ยว รวมมูลค่ารางวัลกว่า 3.8 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่ 1 ส.ค.ถึง 15 พ.ย.นี้ อาทิ กล้องโกโปร (GoPro) รุ่น Hero 4 Silver, กระเป๋าเดินทางริโมวา (RIMOWA) รุ่น Salsa Cabin Multiwheel Matte ทริปตามล่าแสงเหนือที่ประเทศไอซ์แลนด์

“แคมเปญดังกล่าวจะเป็นการตอกย้ำการสร้างการรับรู้ในแบรนด์บัตรเครดิตกสิกรไทยและเลือกบัตรเครดิตกสิกรไทยเป็นบัตรหลักในทุกการใช้จ่าย คาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนบัตรใหม่ในช่วงเวลาของแคมเปญนี้ประมาณ 120,000 บัตร มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับยอดใช้จ่ายในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่งผลให้สิ้นปีจะมีบัตรเครดิตเพิ่มเป็น 3.86 ล้านบัตรและมียอดใช้จ่ายทั้งปีประมาณ 3.5 แสนล้านบาท” นพวรรณกล่าวทิ้งท้าย

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events