<h2>สงกรานต์เป็นช่วงเวลาสำคัญของการท่องเที่ยว แต่รู้หรือไม่? พฤติกรรมการเดินทางของแต่ละเจเนอเรชันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จากฐานข้อมูลของ AirAsia MOVE พบว่ากลุ่ม Gen Z (เกิดปี 1997-2012) และ Baby Boomers (เกิดปี 1946-1964) มีแนวโน้มการเดินทางที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งเรื่อง วิธีจอง จุดหมายปลายทาง และไลฟ์สไตล์ในการท่องเที่ยว</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Gen Z นักเดินทางสายลุย คล่องตัว และรักอิสระ จากข้อมูลของ AirAsia MOVE พบว่า 80% ของผู้ใช้ Gen Z จองการเดินทางผ่านสมาร์ตโฟน และ 24% นิยมจองที่พักนาทีสุดท้าย (Last-Minute Booking)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ มากกว่า 20% ของนักเดินทางในกลุ่มนี้เลือกเดินทางคนเดียว (Solo Travel) หรือแบ็กแพ็กมากกว่าการใช้ทัวร์ และกลุ่ม Gen Z และ Millennials ซึ่งคิดเป็น 30% นิยมจองโรงแรมราคาประหยัดและโฮสเทล สะท้อนให้เห็นว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและประสบการณ์มากกว่าความหรูหรา ลักษณะการท่องเที่ยวของ Gen Z&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. 20% ของนักท่องเที่ยว Gen Z ชอบ Backpacking และ Solo Travel – ต้องการอิสระในการเลือกที่เที่ยว ไม่อยากผูกมัดกับทัวร์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. 80% เน้นจองผ่านมือถือ – ทุกอย่างต้องสะดวก รวดเร็ว และสามารถจองผ่านแอปได้ทันที&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. 30% เลือกที่พักราคาประหยัด – เช่น โฮสเทล บูติกโฮเทล หรือที่พักแปลกใหม่อย่างแคปซูลโฮเทล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4. 70% มองหาประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร – เช่น เที่ยวธรรมชาติ ลุยคาเฟ่ลับ หรือเข้าร่วมเวิร์กช็อปท้องถิ่น จุดหมายปลายทางยอดฮิตของ Gen Z ในช่วงสงกรานต์:&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. 30% จากเส้นทางในประเทศ เลือกไปท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเทียบกับทุกจังหวัดในประเทศไทย – เน้นคอมมูนิตี้ Backpacker, โฮสเทลแนว Eco-friendly และกิจกรรมกลางแจ้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. 8% จากเส้นทางต่างประเทศ เลือกไปท่องเที่ยวในเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น – เมืองแห่งสตรีทฟู้ด วัฒนธรรมป๊อป และที่พักราคาย่อมเยา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. 5% จากเส้นทางต่างประเทศ เลือกไปท่องเที่ยวในเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม – จุดหมายปลายทางชายทะเลที่คุ้มค่า พร้อมกิจกรรม Adventure Baby Boomers ท่องเที่ยวแบบพรีเมียม สะดวกสบาย และเน้นประสบการณ์เหนือระดับ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในขณะที่ Gen Z ชอบความยืดหยุ่นและความท้าทาย กลุ่ม Baby Boomers กลับให้ความสำคัญกับ “ความสะดวกสบายและการบริการระดับพรีเมียม” โดยจากข้อมูลของ AirAsia MOVE พบว่า 40% ของนักเดินทางกลุ่มนี้จองแพ็กเกจทัวร์ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน และมากกว่า 40% เลือกพักโรงแรมระดับ 4-5 ดาว และรีสอร์ตหรู มุ่งเน้นไปที่ความสะดวกสบายและบริการระดับพรีเมียม ลักษณะการท่องเที่ยวของ Baby Boomers&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. 55% นิยมแพ็กเกจทัวร์หรือการเดินทางที่วางแผนไว้ล่วงหน้า – ต้องการความสะดวกและการเดินทางที่ไร้กังวล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. 35% ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย – ที่พักต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน เช่น สปา ห้องอาหาร และบริการรถรับ-ส่ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. 35% เลือกที่พักระดับพรีเมียม – โรงแรมหรู วิลล่าส่วนตัว หรือรีสอร์ตแบบ All-Inclusive&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4. 74% ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมและประสบการณ์เชิงลึก – ชอบการท่องเที่ยวเชิงศิลปะ ประวัติศาสตร์ และการรับประทานอาหารระดับ Fine Dining&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;5. 90% จองล่วงหน้าเสมอ – มากกว่า 50% ของ Baby Boomers จองที่พักล่วงหน้าก่อนเดินทางอย่างน้อย 3 สัปดาห์ ประเทศปลายทางยอดฮิตของ Baby Boomers ในช่วงสงกรานต์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. 14% นิยมเดินทางไป ประเทศญี่ปุ่น – จุดหมายยอดฮิต ได้แก่ เมืองเกียวโต เมืองเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยวัด สวนญี่ปุ่น และเรียวกังหรู&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. 12% นิยมเดินทางไป ประเทศเวียดนาม – จุดหมายยอดฮิต ได้แก่ เมืองฮอยอันเมืองมรดกโลกที่มีเสน่ห์แบบดั้งเดิม พร้อมโรงแรมระดับพรีเมียม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. 49% นิยมเดินทางไป ประเทศไทย – จุดหมายยอดฮิต ได้แก่ กรุงเทพฯ ที่พักหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ และกิจกรรมล่องเรือดินเนอร์ ความแตกต่างของ 2 เจนเนอเรชั่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ว่าทั้งสองกลุ่มจะมีเป้าหมายเดียวกันคือการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุด แต่ลักษณะการจองที่พักกลับสะท้อนถึงสไตล์การท่องเที่ยวที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Gen Z มีแนวโน้มจองที่พักใกล้แหล่งท่องเที่ยวมากกว่า Baby Boomers ถึง 45% แสดงให้เห็นถึงความต้องการความสะดวกในการเข้าถึงสถานที่สำคัญ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ Baby Boomers ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนในบรรยากาศเงียบสงบและบริการครบวงจร โดยมีอัตราการใช้บริการ Concierge หรือ Private Tour สูงกว่า Gen Z ถึง 95%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกหนึ่งความแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือพฤติกรรมการจองที่พัก มากกว่า 50% ของ Baby Boomers จองล่วงหน้าอย่างน้อย 3 สัปดาห์ สะท้อนถึงความต้องการความมั่นใจและการวางแผนล่วงหน้า ในขณะที่ 24% ของ Gen Z เลือกจองที่พักแบบนาทีสุดท้าย ซึ่งบ่งบอกถึงความยืดหยุ่นและความพร้อมในการปรับเปลี่ยนแผนการเดินทางอย่างอิสระ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในขณะที่บางคนเลือกความสะดวกสบายและความมั่นใจล่วงหน้า อีกกลุ่มหนึ่งกลับมองหาความตื่นเต้นและความคล่องตัวในทุกการเดินทาง สงกรานต์นี้ไม่ว่าคุณจะเป็นสายลุยแบบ Gen Z หรือชอบความหรูหราแบบ Baby Boomers AirAsia MOVE พร้อมมอบข้อเสนอสุดคุ้มให้คุณได้จองที่พักในสไตล์ที่ใช่ <a href="https://www.freepik.com/free-photo/female-tourists-spread-their-arms-held-their-wings_3953430.htm#from_element=detail_alsolike">Image by jcomp on Freepik</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/travel/global/agoda-gen-z-travel-report-2025" alt="นาทีสุดท้าย ไม่สายเกินเที่ยว! Agoda เผย 20% ของคน Gen Z จองเที่ยวบินก่อนวันเดินทางไม่ถึง 1 สัปดาห์">นาทีสุดท้าย ไม่สายเกินเที่ยว! Agoda เผย 20% ของคน Gen Z จองเที่ยวบินก่อนวันเดินทางไม่ถึง 1 สัปดาห์</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Gen Z ชอบแบ็กแพ็ก-เที่ยวเอง ส่วน ‘บูมเมอร์’ เน้นสบาย ชอบไปกับทัวร์ อินไซต์นักท่องเที่ยวจาก AirAsia

<h2>foodpanda แพลตฟอร์มจัดส่งอาหารและของกินของใช้ ที่ให้บริการใน 11 ตลาดทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จับมือ airasia Superapp (ซึ่งกำลังจะเปลี่ยนชื่อเป็น airasia MOVE) แพลตฟอร์มซูเปอร์ แอปด้านการเดินทางและการท่องเที่ยวชั้นนำของอาเซียน ร่วมกันชูจุดแข็งด้านการบริการของทั้งสองแพลตฟอร์ม เพิ่มประสบการณ์ใหม่ที่คุ้มค่าและสะดวกสบายยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้งานทั้งสองแพลตฟอร์มในประเทศไทย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การผนึกกำลังครั้งนี้ ผู้ใช้งาน airasia Superapp สามารถเข้าถึงบริการฟู้ดเดลิเวอรี่ของ foodpanda ซึ่งมีเมนูอาหารและร้านสุดอร่อยให้เลือกหลากหลายจากพาร์ทเนอร์ร้านอาหารทั่วประเทศ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถสั่งอาหารอร่อยมาลิ้มลองได้ทุกที่ทุกเวลา ในขณะเดียวกัน ลูกค้าของ foodpanda จะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่นอกเหนือจากบริการจัดส่งอาหารและของกินของใช้ ด้วยบริการเรียกรถจาก airasia ride ที่ราคาคุ้มค่าทุกเส้นทาง เรียกรถง่าย ไม่ว่าใกล้หรือไกลก็เดินทางได้อย่างสะดวก ตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยทั้งสองบริการยังสามารถรับคะแนน airasia points เพื่อใช้แทนเงินสดจ่ายค่าสินค้าบริการ อาทิ ค่าตั๋วเครื่องบินทั้งสายการบินแอร์เอเชีย และสายการบินอื่น ๆ ค่าห้องพักโรงแรม และแลกดีลข้อเสนอด้านไลฟ์สไตล์กับพันธมิตรสุดพิเศษบน airasia Superapp ได้อีกด้วย &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ศิริภา จึงสวัสดิ์ CEO foodpanda ประเทศไทย กล่าวว่า “foodpanda ในฐานะผู้ให้บริการจัดส่งอาหารและของกินของใช้ และได้ให้บริการในประเทศไทยมากว่า 11 ปี วันนี้เรายินดีมากที่ได้พันธมิตรอย่าง airasia Superapp ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเดินทางและการท่องเที่ยวชั้นนำของภูมิภาค มาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับ foodpanda เติมเต็มบริการให้ครบครันมากยิ่งขึ้น เรามี 2 เป้าหมายหลักจากการร่วมเป็นพันธมิตรครั้งนี้ เรื่องแรกคือมอบประสบการณ์การบริการที่ครบครันและไร้รอยต่อให้กับลูกค้าปัจจุบันของทั้ง airasia Superapp และ foodpanda เรื่องที่สองคือการขยายฐานลูกค้าใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้เกิด Ecosystem ทางธุรกิจที่สมบูรณ์และยั่งยืนมากขึ้น โดยความร่วมมือนี้ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ได้เริ่มต้นที่มาเลเซียในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา” ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/FTYtr16EbphCNmSMfNAw.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="FTYtr16EbphCNmSMfNAw.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="0" origin-size="1301,734"></figure></div> &nbsp; &nbsp;&nbsp;เบนจี ลิม หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์พันธมิตรทางธุรกิจและพัฒนาตลาดต่างประเทศ airasia Superapp กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ให้บริการฟู้ดเดลิเวอรี่รายใหญ่ในไทยอย่าง foodpanda ภายใต้ความร่วมมือนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับทั้งสองแอปฯ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานของแต่ละแอปฯ สามารถรับบริการใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อตอบสนองความต้องการได้หลากหลายและสะดวกสบายมากขึ้น ผู้ใช้งานของ foodpanda สามารถเข้าถึงบริการเรียกรถยนต์รับส่งผ่านแอปพลิเคชั่นได้ทันที จึงสามารถเดินทางในกรุงเทพฯ ได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้นในราคาที่คุ้มค่าทุกการเดินทาง” อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2" alt="อิสราเอลเข้าสู่สงคราม จับตาผลกระทบไทย">อิสราเอลเข้าสู่สงคราม จับตาผลกระทบไทย</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

foodpanda จับมือ airasia Superapp ติดปีกยกระดับบริการครบวงจร

<h2>airasia Super App ดัน 2 สองผู้บริหารผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินดิจิทัล พร้อมปรับทัพระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่ม Capital A </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;airasia Super App ซูเปอร์แอปด้านการเดินทางและไลฟ์สไตล์ของภูมิภาค ได้ประกาศแต่งตั้ง โมฮาหมัด ฮาฟิดซ์ โมห์ด ฟัดซิล ผู้มีประสบการณ์ด้านโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินขนาดใหญ่ของกลุ่ม Capital A ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจของบริษัท โดยเขาจะรับช่วงต่อจาก อแมนด้า วู ซึ่งมีกำหนดก้าวลงจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ airasia Super App โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นไปตามการปรับโครงสร้างล่าสุดของ airasia Digital ซึ่งรวมถึงบริษัทในเครือ airasia Super App และ BigPay โดย คอลิน เคอรี่ ซึ่งจะควบ 2 ตำแหน่งในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธุรกิจกลุ่ม airasia Digital และประธานฝ่ายการพาณิชย์ของ Capital A จะเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนและสร้างความร่วมมืออันใกล้ชิดระหว่างทั้งสองแพลตฟอร์ม ซึ่งจะยิ่งมอบประสบการณ์เดินทางและการชำระเงินที่ดีขึ้นสำหรับผู้ใช้งาน ภายใต้ระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่ม Capital A&nbsp;&nbsp;&nbsp; คอลิน เคอรี่ กล่าวในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธุรกิจกลุ่ม airasia Digital ว่า “เราขอขอบคุณอแมนด้า สำหรับความทุ่มเทและการมีส่วนร่วมของเธอในการนำพา airasia Super App ไปสู่จุดที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ นับตั้งแต่ปี 2012 เธอมีส่วนสำคัญต่อการเติบโตทางธุรกิจทั่วอาเซียน และในช่วงสองปีที่ผ่านมา ซูเปอร์แอปได้ขยายบริการไปทั่วมาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ทำให้มีผู้ใช้งานรายเดือนเพิ่มขึ้นเป็น 12 ล้านคนภายในสิ้นปี 2022 และยกระดับตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) ของ airasia Super App&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การลงจากตำแหน่งของอแมนด้า เธอได้ทิ้งผลงานและทีมอันน่าทึ่งซึ่งจะช่วยให้ทีมของ airasia Super App ที่นำโดย โม (โมฮาหมัด ฮาฟิดซ์ โมห์ด ฟัดซิล) มั่นใจว่าเขาจะนำทีมซึ่งมีความเชี่ยวชาญอันหลากหลายที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจะมีส่วนในการผลักดันและสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์และการเติบโตของเทคโนโลยีการชำระเงินออนไลน์ การจัดการผลิตภัณฑ์ และการมีส่วนร่วมของพันธมิตรทั่วทั้งภูมิภาคได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เป้าหมายของโมคือการเปลี่ยน airasia Super App จากแอปที่ใช้ AirAsia เป็นหลักกลายเป็นแอปสำหรับการเดินทางทั่วเอเชีย เช่นเดียวกับแบรนด์ของ airasia Super App ที่จะมุ่งเน้นการให้บริการสำหรับทางเลือกด้านการเดินทางด้วยราคาประหยัด คุ้มค่า แก่ผู้คนกว่า 700 ล้านคนในอาเซียนและสำหรับผู้คนทั่วโลกด้วยราคาและข้อตกลงที่น่าดึงดูดใจ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/03/MCpxjmViAt8VurzGnm78.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="MCpxjmViAt8VurzGnm78.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="546,611" style="" data-index="0"></figure></div> ​ &nbsp;&nbsp;&nbsp; โมฮาหมัด ฮาฟิดซ์ โมห์ด ฟัดซิล หรือ โม เข้าร่วมงานกับ airasia ในเดือนมิถุนายน 2019 และปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจฟินเทคของ airasia Super App โดยเขาจะเริ่มมีบทบาทในฐานะรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร airasia Super App ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้เป็นต้นไป พร้อมขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ด้านฟินเทคของแพลตฟอร์มในฐานะแพลตฟอร์มด้านการบริการและการชำระเงิน ซึ่งจะช่วยเพิ่มทางเลือกอันหลากหลายสำหรับผู้ใช้งานมากขึ้นและสร้างการแข่งขันให้กับธุรกิจได้ยิ่งขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยประสบการณ์เกือบ 30 ปีในอุตสาหกรรมการชำระเงิน โม ได้ช่วยกำหนดนโยบายการกำกับดูแลในตลาดระดับภูมิภาคหลายแห่ง และเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งสำหรับนวัตกรรมการชำระเงินและความปลอดภัยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกฃเริ่มต้นเส้นทางอาชีพในสายงานธนาคารที่ Citi ในฐานะผู้จัดการโซลูชันการชำระเงิน การดำเนินงาน และธุรกิจบัตร ต่อมาเขาย้ายไปที่ VISA ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายอีคอมเมิร์ซประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และต่อมาได้ร่วมงานกับมาสเตอร์การ์ดเพื่อเป็นผู้นำในการริเริ่มการชำระเงินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ก่อนที่จะมาร่วมงานกับแอร์เอเชียโดยโมสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีธุรกิจ สาขาเศรษฐศาสตร์และการเงิน รวมถึงปริญญาโทสาขาการเงินจาก Royal Melbourne Institute of Technology ในออสเตรเลีย&nbsp;&nbsp;&nbsp; โมฮาหมัด ฮาฟิดซ์ โมห์ด ฟัดซิล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของ airasia Super App กล่าวว่า “ผมขอขอบคุณผู้บริหารที่มอบความไว้วางใจให้ผมได้มีโอกาสเป็นผู้นำ airasia Super App เช่นเดียวกับอแมนด้า วู ซึ่งได้พัฒนา Super App ให้เติบโตอย่างทวีคูณภายในระยะเวลาอันสั้นเพียงสองปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ลำดับความสำคัญเร่งด่วนของผมคือการสานต่อวิสัยทัศน์สำหรับ airasia Super App และ fintech ผ่านการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับสายธุรกิจอื่นๆ ของกลุ่ม Capital A รวมถึง BigPay ผมยังตั้งตารอที่จะเติบโตและพัฒนาบริษัทและ Allstars โดยมุ่งเน้นไปที่ทิศทางเชิงกลยุทธ์ของบริษัท เสริมสร้างความร่วมมือ และสร้างความสัมพันธ์ใหม่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;airasia Super App คือธุรกิจแพลตฟอร์มการเดินทาง อีคอมเมิร์ซ และฟินเทคแบบครบวงจรของ Capital A ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการแก่ผู้บริโภคมากกว่า 15 สายผลิตภัณฑ์ผ่าน Super App และเว็บไซต์ airasia.com ขับเคลื่อนโดยข้อมูลและเทคโนโลยี airasia Super App ใช้ประโยชน์จากอีโคซิสเต็มด้านดิจิทัลที่มีผู้ใช้งานกว่า 51 ล้านคน และดาวน์โหลดกว่า 40 ล้านครั้ง เพื่อสร้างประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้ใช้ยังสามารถมีส่วนร่วมในการสนทนาแบบเรียลไทม์ เข้าร่วมชุมชนที่มีความสนใจคล้ายกัน เล่นเกม และอื่นๆ อีกมากมาย ตั้งแต่ความต้องการเดินทางไปจนถึงสิ่งจำเป็นในการดำเนินชีวิตประจำวัน airasia Super App มีทุกสิ่งสำหรับทุกคนบนแพลตฟอร์มอยู่เสมอ อ่านเพิ่มเติม:&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/world/america/xwing-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A" alt="Xwing เปิดศักราชการบินไร้คนขับ​">Xwing เปิดศักราชการบินไร้คนขับ​</a><hr class="__se__solid">​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

airasia Super App เปิดตัวผู้นำทีมคนใหม่

Tony Fernandes บอสใหญ่ AirAsia สยายปีกบินทั่วอาเซียน ท่ามกลางการฟื้นตัวหลังโรคระบาด

<h2 class="p1">ในงานแถลงข่าววันที่ 13 กันยายน 2565 “airasia ride” แพลตฟอร์มให้บริการเรียกรถรับส่งออนไลน์ในกลุ่มบริษัท Capital A เจ้าของสายการบิน AirAsia ประกาศรับสมัครพนักงานประจำในตำแหน่งคนขับรถพร้อมมอบทั้งสิทธิประโยชน์และสวัสดิการ หลังแอปพลิเคชันได้ดำเนินการเปิดให้บริการในประเทศมาเลเซียมาแล้วเป็นเวลาครบ 1 ปี</h2>
ก่อนที่ทั่วโลกจะเริ่มมีการฟื้นตัวจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจสายการบินในหลายประเทศได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ทางเครือบริษัท ​Capital A ซึ่งได้มองหาช่องทางในการประคองธุรกิจสายการบินให้สามารถดำเนินต่อไปได้แม้ในช่วงวิกฤตจึงผันตัวมาเป็นผู้เล่นอีกรายในตลาดธุรกิจ “Ride-hailing” หรือบริการแอปพลิเคชันเรียกรถรับส่งออนไลน์ โดยเริ่มต้นจากประเทศมาเลเซีย 

Tony Fernandes ซีอีโอของ Capital A กลุ่มบริษัทเจ้าของสายการบิน AirAsia และสุดยอดแอป AirAsia Super App เล่าให้ฟังถึงตอนที่เขาได้พบกับ Lim Chiew Shan ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัท Dacsee ที่ทำธุรกิจบริการรถแท็กซี่ พวกเขาพูดคุยถึงแผนธุรกิจและความต้องการในการยกระดับคุณภาพชีวิตของเหล่าคนขับรถจนกระทั่งนำมาสู่การจับมือเป็นพาร์ตเนอร์เพื่อปั้น airasia ride โดยมี Shan นั่งแท่นเป็นซีอีโอในปัจจุบัน 

หลังจากเปิดให้บริการ แพลตฟอร์มประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เนื่องจากมียอดใช้บริการรถรับส่งทะลุ 1 ล้านเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาและเติบโตอย่างต่อเนื่องจนถึง 2 ล้านเที่ยว ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี โดยวางคอนเซ็ปต์ในการให้บริการ 3 ด้าน ได้แก่ Super Value, Super Convenient และ Super Fun Experiences 

ดังนั้น เพื่อเป็นการฉลองการครบรอบการให้บริการ บริษัทจึงจัดตั้งโครงการ Allstar Ride Hailing Driver เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาชีพ โดยเปลี่ยนจากการจ้างงานอิสระมาเป็นการจ้างงานแบบประจำ โดยคนขับพาร์ตเนอร์ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับรายได้เป็นรายเดือนขั้นต่ำ 2500 ริงกิต พร้อมสวัสดิการอื่นๆ อาทิ ค่าน้ำมัน, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกันสังคม, ประกันรักษาพยาบาลที่ครอบคลุมถึงบุตรและคู่สมรส, วันหยุดประจำปี ตลอดจนส่วนลดการเดินทางสำหรับพนักงานที่เดินทางกับสายการบินของบริษัท โครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไปเฉพาะที่ประเทศมาเลเซีย

"คนขับทุกคนสามารถเลือกที่จะเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมพาร์ตเนอร์คนขับที่มีสัญญา (Contract Drivers Program) หรือเป็นพนักงานประจำแบบ Allstar (Allstar Ride Hailing Drivers)  ซึ่งจะได้รับค่าจ้างที่ดีกว่าและโอกาสเติบโตก้าวหน้าในสายอาชีพ อาทิ ผู้จัดการดูแลพาร์ตเนอร์คนขับ โค้ชคนขับ หรือผู้จัดการการฝ่ายปฏิบัติการ​” Fernandes กล่าว 

“โดยการมาเป็นลูกจ้างประจำกับเรานอกเหนือจากพวกเขาเหล่านั้นจะได้รับสวัสดิการและผลประโยชน์แบบ Allstar เช่นเดียวกับพนักงานประจำแล้ว ยังมาพร้อมความมั่นคงทางรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของพนักงานของเราให้ดีขึ้น มันคือการเพิ่มคุณค่าให้กับชีวิตและเส้นทางอาชีพของเขา ในวันหนึ่งจากคนขับ พวกเขาอาจกลายเป็นลูกเรือ นักบิน นักวิเคราะห์ นักการตลาดดิจิทัล ที่ airasia Super App เราทำให้ความฝันของทุกคนมีความเป็นไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด”

ปัจจุบัน แพลตฟอร์มดังกล่าวมีคนขับที่ลงทะเบียนร่วมเป็นพาร์ตเนอร์มากถึง 53,000 คน เฉพาะในประเทศมาเลเซียและเปิดให้บริการใน 11 เมืองทั่วประเทศ โดยล่าสุดได้เปิดตัวที่เมือง Kota Kinabalu เมื่อวาน พร้อมมี Jeffery Kitingan รองหัวหน้าคณะรัฐมนตรีที่ 2 แห่งรัฐ Sabah เข้าร่วมงาน

นอกจากนี้ แพลตฟอร์ม airasia ride ได้ขยายบริการทั่วภูมิภาคอาเซียนตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ในประเทศไทยได้เปิดให้มีบริการเรียกรถแท็กซี่และมีคนขับลงทะเบียนจำนวนถึง 3,000 ราย 

“นี่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์เราที่จะดึงดูดคนขับให้เข้ามาร่วมงาน และให้บริการได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ความต้องการการจองรถรับส่งแบบออนไลน์กำลังพุ่งขึ้นสูง และเรายินดีต้อนรับคนขับทุกคนเข้าสู่ครอบครัว Allstar ของเรา” ซีอีโอของ Capital A กล่าวเสริม

อ่านเพิ่มเติม:
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/world/asia/airasia-%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%92%e0%b8%99%e0%b8%b2-super-app-%e0%b8%8a%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%a2%e0%b8%9c%e0%b8%a5%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%97%e0%b8%9a%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81.html">AIRASIA พัฒนา SUPER APP ชดเชยผลกระทบจากธุรกิจการบิน</a></li>
</ul>

<hr />
<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

​"airasia ride" ประกาศรับสมัครคนขับรถ full-time

<h2>Tony Fernandes นำ AirAsia เปิดตัวบริการเรียกรถและบริการส่งอาหารทั่วประเทศมาเลเซีย เตรียมพร้อมก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในสุดยอดแอปพลิเคชันชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้</h2>
<img class="alignnone wp-image-50238" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/08/AARide-193.jpg" alt="Tony Fernandes " width="720" height="480" />

ในขั้นต้น บริการเรียกรถดังกล่าวจะให้บริการในกรุงกัวลาลัมเปอร์ และพื้นที่ Klang Valley ก่อนที่จะขยายไปยังส่วนอื่นๆ ของประเทศ 

ขณะที่บริการจัดส่งอาหาร ซึ่งเปิดตัวใน Klang Valley ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดในปีที่แล้ว ได้ขยายพื้นที่ให้บริการไปยัง Johor Bahru และ Malacca ทางตอนเหนือของสิงคโปร์ ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา

“เราสนับสนุนการขับเคลื่อนทางอากาศด้วยการให้บริการทางการบินแก่ผู้คนกว่า 700 ล้านคนทั่วโลกในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา” Amanda Woo ซีอีโอ  Super App ของ Airasia กล่าวในแถลงการณ์ “ด้วยการโดยสารของ Airasia เราตั้งเป้าที่จะให้ผู้คนเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้น โดยใช้เทคโนโลยี Airasia Super App เพื่อเพลิดเพลินกับประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจ”

ในขณะที่สายการบินต้องต่อสู้กับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก AirAsia ได้เดินหน้าพัฒนาธุรกิจดิจิทัลของตนเอง ซึ่งนอกจากบริการเรียกรถและสั่งอาหารแล้ว ยังมีการลงทุนในอี-คอมเมิร์ซ ฟินเทค และโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาซูเปอร์แอปฯ ที่เน้นการเดินทางและพักผ่อน เพื่อแข่งขันกับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น Grab, GoTo และ Sea Group

โดยเมื่อต้นเดือนนี้ <a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/sites/jonathanburgos/2021/08/25/airasia-rolls-out-ride-hailing-expands-food-deliveries-in-malaysia-as-airline-chases-super-app-goal/?sh=debffdb26c62">SK Group</a> ของมหาเศรษฐีชาวเกาหลีใต้ <a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/chey-tae-won/?sh=5842b654bf90">Chey Tae-won</a> ตกลงที่จะลงทุน 100 ล้านเหรียญในหน่วยงานฟินเทคของ AirAsia ที่ชื่อว่า BigPay เพื่อสนับสนุนการพัฒนาด้านดิจิทัลทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

ล่าสุด เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Teleport ของ AirAsia ได้เข้าซื้อบริษัทส่งอาหาร Delivereat ในเมืองปีนัง ขณะที่ในเดือนกรกฎาคม สายการบินตกลงที่จะเข้าซื้อการดำเนินงานของ Gojek ในประเทศไทยด้วยการแลกเปลี่ยนหุ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ในอินโดนีเซียถือหุ้นร้อยละ 4.8 ใน AirAsia Digital

AirAsia กำลังเดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจดิจิทัลท่ามกลางความสูญเสียที่เพิ่มขึ้นจากข้อจำกัดด้านการเดินทางในช่วงโควิด-19 ที่ทำให้ปริมาณผู้โดยสารและการขนส่งสินค้าลดลง เห็นได้จากการขาดทุน 7 ไตรมาสติดต่อกัน โดยมีผลขาดทุนสุทธิ 767.4 ล้านริงกิต (182 ล้านเหรียญ) ในไตรมาสแรก

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ AirAsia Rolls Out Ride-Hailing, Expands Food Deliveries In Malaysia As Airline Chases Super App Goal เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/joeben-bevirt-ผู้ก่อตั้ง-joby-aviation-ขึ้นแท่น.html">JoeBen Bevirt ผู้ก่อตั้ง Joby Aviation ขึ้นแท่น “มหาเศรษฐีแท็กซี่อากาศไฟฟ้า”</a>

AirAsia พัฒนา Super App ชดเชยผลกระทบจากธุรกิจการบิน

<h2>Tony Fernandes ซีอีโอ AirAsia Group ประกาศขายหุ้นร้อยละ 32.7 ที่ถืออยู่ใน AirAsia India ให้กับคู่ค้าทางธุรกิจรายสำคัญอย่าง <a style="color: #333333;" href="https://www.tata.com/business/tata-sons">Tata Sons</a> บริษัทโฮลดิ้งของTata Group ยักษ์ใหญ่ในวงการอุตสาหกรรมของอินเดีย คาดดำเนินการเสร็จสิ้นในเดือนมีนาคม 2021</h2>
<figure><img class="wp-image-39768" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/tony-fernandez_copy_601x675-601x510.jpg" alt="Tony Fernandes" width="543" height="461" /><figcaption> Tony Fernandes ซีอีโอ AirAsia Group</figcaption></figure>

ในที่นี้ <a style="color: #333333;" href="https://disclosure.bursamalaysia.com/FileAccess/apbursaweb/download?id=110289&amp;name=EA_GA_ATTACHMENTS">ตลาดหลักทรัพย์กัวลาลัมเปอร์</a> รายงานว่า ปัจจุบัน AirAsia Group และ Tata Sons ถือครองหุ้นใน AirAsia India ที่สัดส่วนร้อยละ 49 และ 51 ตามลำดับ ซึ่งการประกาศขายหุ้นในครั้งนี้ ที่มูลค่าทั้งสิ้น 37.7 ล้านเหรียญสหรัฐ จะส่งผลให้ <a style="color: #008000;" href="https://ir.airasia.com">AirAsia Group</a> ถือครองหุ้นลดลงเหลือเพียงร้อยละ 16.30 ขณะที่ Tata Sons ถือครองหุ้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 83.7

โดยในเอกสารที่ยื่นต่อตลาดหลักทรัพย์ระบุว่า “การทำธุรกรรมในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยจะเพิ่มสภาพคล่องในระยะสั้นให้กับทางบริษัท แต่ในขณะเดียวกันยังช่วยให้บริษัทสามารถให้ความสำคัญต่อการฟื้นฟูกิจการในตลาดอาเซียน อย่างมาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซียในระยะยาวอีกด้วย” 

AirAsia India ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 พร้อมกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่จะตั้งมั่นว่าจะสามารถสร้างผลกำไรให้กับบริษัทภายใน 4 เดือน แต่จนกระทั่งปัจจุบันทางสายการบินยังไม่เคยบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้ตั้งไว้เลย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เป็นเหตุให้ Fernandes ซีอีโอของสายการบิน AirAsia ที่ประสบภาวะขาดทุนอยู่แล้วต้องเร่งดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างหนี้ ถึงขนาดกล่าวว่า “ผมน่าจะได้รับรางวัลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากที่สุด” ในระหว่างการประชุม <a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/sites/forbesasia/2020/12/08/forbes-asia-ceo-webinar/?sh=347a1e8ad284">Forbes Asia CEO Webinar</a> เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2020 ที่ผ่านมา

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/tony-fernandes/?sh=36d8f87e686c">Tony Fernandes</a> นักธุรกิจและผู้บริหารระดับสูงชาวมาเลเซีย เริ่มดำเนินธุรกิจ AirAsia สายการบินต้นทุนต่ำแห่งแรกในเอเชียในปี 2001 ที่มูลค่าการเข้าซื้อกิจการอยู่ที่ 1 ริงกิตหรือ 0.26 เหรียญสหรัฐ พร้อมกับสโลแกนว่า "Now everyone can fly" หรือใครๆ ก็บินได้ และได้พิสูจน์ให้เห็นว่า กว่าครึ่งหนึ่งของผู้โดยสาร คือ ผู้ที่เดินทางด้วยเครื่องบินเป็นครั้งแรก

โดยเขาสามารถบริหาร AirAsia จากสายการบินพาณิชย์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลมาเลเซีย ซึ่งกำลังจะล้มเหลวให้กลายเป็นบริษัทเอกชนที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก พร้อมทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการเรียกร้องนโยบายน่านฟ้าเสรีระหว่างมาเลเซียและประเทศเพื่อนบ้าน อันได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งเป็นผลให้ประเทศทั้งสามมอบสิทธิการลงจอดเครื่องให้กับ AirAsia และสายการบินต้นทุนต่ำอื่น ๆ

สำหรับทิศทางของ AirAsia Group ในปีนี้ Fernandes ระบุว่า ทางสายการบินจะให้ความสำคัญอันดับแรกกับการฟื้นฟูการเติบโตในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

“ในช่วงที่ผ่านมา เราต้องเชิญพนักงานที่ไม่ได้ทำอะไรผิดออก” Fernandes กล่าวระหว่างการประชุม Forbes Asia CEO Webinar “การตัดสินใจในครั้งนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับผม เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือการรักษาพนักงานไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” 

ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2020 AirAsia ขาดทุน 238 ล้านเหรียญ และมีมูลค่าหุ้นลดลงถึงร้อยละ 47 เลยทีเดียว

นอกจากนี้ Fernandes ยังระบุว่า รายได้ที่ลดลง อันเป็นผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ได้ทำให้ทางสายการบินหันเข้าหาความช่วยเหลือจากทางการมาเลเซียเป็นครั้งแรก แม้ว่า ณ ขณะนี้ รายละเอียดการเจรจาด้านการเงินต่างๆ จะยังไม่สามารถเปิดเผยได้ 

ทั้งนี้ ช่วงต้นเดือนธันวาคม 2020 ที่ผ่านมา Fernandes ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Bloomberg TV ว่า เขายังคาดหวังให้การคมนาคมทางอากาศกลับมาสู่สภาวะก่อนเกิดโรคระบาด ในอีก 6-12 เดือนข้างหน้า 

ด้าน Tata นั้น การเข้าถือครองหุ้นของ AirAsia ที่เพิ่มขึ้นในครั้งนี้ จะเป็นการต่อยอดสินทรัพย์ในอุตสาหกรรมการบินของตนที่มีอยู่ให้มากออกไป ซึ่งล่าสุด Tata กำลังอยู่ระหว่างการประมูลราคาเพื่อเข้าซื้อกิจการสายการบิน Air India ขณะที่ในปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดใน Vistara สายการบินฟูลเซอร์วิสของอินเดีย

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Tony Fernandes’s AirAsia Cuts Stake In India Joint Venture With $38 Million Sale To Tata Sons เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม:<a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/commentaries/insights/นกปีกหัก-วิกฤต-อุตสาหกร.html"> นกปีกหัก: วิกฤต “อุตสาหกรรมการบินโลก” ในยุคโควิด-19</a>

Tony Fernandes ขายหุ้น AirAsia Group ให้ Tata Sons

Kamarudin Meranun หนึ่งในผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม Air Asia X เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะเปิดเส้นทางเดินอากาศให้ครอบคลุมทั้งชายฝั่งตะวันตกและตะวันออกของสหรัฐอเมริกา หลังจากเมื่อ 10 วันก่อน Air Asia X ประกาศว่า Air Asia ประเทศมาเลเซีย จะเริ่มเปิดเส้นทางบิน Kuala Lumpur-Osaka-Honolulu ในวันที่ 28 มิถุนายน 2560 โดยเส้นทางบินไปยังเกาะฮาวายนี้จะทำการบิน 4 วันต่อสัปดาห์ ด้วยเครื่องบิน Airbus A330-300 รองรับผู้โดยสารชั้นประหยัด 365 ที่นั่ง และชั้นพรีเมียม 12 ที่นั่ง

ถือเป็นการบุกของสายการบินโลว์คอสต์ในฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของสหรัฐฯ ในขณะที่สายการบินต้นทุนต่ำอย่าง Norwegian Air และ Wow Air เน้นขยายเส้นทางบินในฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นหลัก แต่ Air Asia X วางแผนที่จะทำตลาดให้ครอบคลุมทั้งหมด

“เรามีเส้นทางบินครอบคลุมทวีปเอเชียทั้งหมดแล้ว จากนี้ Air Asia จะมีเส้นทางบินครบทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกของสหรัฐฯ รวมถึงกลับมาเปิดเส้นทางบินสู่ทวีปยุโรปด้วย” Meranun กล่าวต่อว่า เส้นทางบินสู่ชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ จะมีการพักเครื่องในยุโรป คาดว่าจะเป็นสนามบิน Gatwick ใน London ประเทศอังกฤษ

ทั้งนี้ Air Asia X เคยเปิดเส้นทางบิน Kuala Lumpur-London มาแล้วช่วงปี 2552-2555 ก่อนที่จะยกเลิกเส้นทางไปเนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงราคาสูง และข่าวการเปิดเส้นทางบินจากทวีปเอเชียสู่ยุโรปอีกครั้งของ Air Asia X มีกระแสเป็นระยะตั้งแต่ปี 2558 หลังบริษัทสั่งซื้อเครื่องบินรุ่นใหม่ Airbus A330neo มาเมื่อช่วงปลายปี 2557

สำหรับ Kamarudin Meranun นักธุรกิจวัย 55 ปี ติดอันดับที่ 46 มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในมาเลเซียประจำปี 2016 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 225 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7.9 พันล้านบาท ณ วันที่ 20 ก.พ.60) ซึ่งมูลค่าทรัพย์สินของเขาในปีที่ผ่านมาหดตัวลง 58% หลังจากมูลค่าหุ้น Air Asia ลดลงถึง 50%

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events