<h2>Booking.com ผู้ให้บริการเชื่อมต่อผู้เดินทางกับตัวเลือกด้านการเดินทางต่างๆ ระดับโลกจัดการประกาศผลรางวัล Traveller Review Awards เป็นที่ 13 อย่างต่อเนื่อง โดยได้รวบรวมคะแนนรีวิวของผู้ใช้บริการจริงกว่า 360 ล้านรีวิวบนแพลตฟอร์ม ทำให้ในปี 2025 นี้มีพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการด้านการเดินทางจากทั่วโลกรวมกว่า 1.71 ล้านรายได้รับรางวัล Traveller Review Awards 2025 ทั้งผู้ให้บริการที่พักจำนวน 1,711,539 ราย, ผู้ให้บริการรถเช่า 1,329 ราย และผู้ให้บริการแท็กซี่ 124 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้น 16% จากปีที่ผ่านมา</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในปีนี้ มีพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการด้านที่พักและด้านการเดินทางอื่นๆ จากประเทศไทยจำนวน 14,710 ราย (เพิ่มขึ้นมากกว่า 20% จากปี 2567) ที่ได้รับรางวัล Traveller Review Awards 2025 สำหรับการมอบบริการอันยอดเยี่ยมและการต้อนรับอันอบอุ่น โดยมีคะแนนรีวิวเฉลี่ย 8.8 คะแนน อ้างอิงจากการรีวิวของผู้เดินทางกว่า 3.2 ล้านรีวิวทั่วโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อพูดถึงรายชื่อ เมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในไทย แน่นอนว่าจุดหมายปลายทางที่รายล้อมไปด้วยน้ำทะเลสีใส หาดทรายระยิบระยับ และเนินเขาสูงตระหง่านยังคงติดอันดับอย่างไร้ข้อสงสัย อย่างไรก็ตาม ผู้เดินทางก็ให้ความสนใจกับเมืองรองอย่างต่อเนื่องจนทำให้ น่าน’ ได้รับความนิยมเป็นที่ปีที่ 2 ติดต่อกัน ไม่เพียงเท่านั้น ‘สุโขทัย’ อันเลื่องลือด้านโบราณสถานและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ก็ติดอันดับเป็นปีแรกเช่นเดียวกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ เมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในประเทศไทยประจำปี 2025 ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• จังหวัดกระบี่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• จังหวัดพังงา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• จังหวัดน่าน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• จังหวัดสุราษฎร์ธานี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• จังหวัดสุโขทัย ​‘โรงแรม’&nbsp;ยังเป็นประเภทที่พักที่ผู้เดินทางชาวไทยชื่นชอบ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ว่าอพาร์ตเมนต์จะเป็นประเภทที่พักที่ได้รับรางวัลมากที่สุดมาเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวน 847,627 แห่งทั่วโลกจากการจัดอันดับของ Traveller Review Awards 2025 และครองตำแหน่งติดต่อกันเป็นปีที่ 8 แต่ที่พักที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไทยยังคงเป็นโรงแรม​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/4MWPoMq6LMuBoiPozX65.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="4MWPoMq6LMuBoiPozX65.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับจำนวนโรงแรมในไทยที่ได้รับรางวัลมีทั้งสิ้น 3,833 แห่ง มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ตามด้วยอพาร์ตเมนต์ 2,457 แห่ง, รีสอร์ท 2,228 แห่ง, วิลลา 1,624 แห่ง และเกตส์เฮ้าส์ 1,150 แห่ง ผู้ให้บริการด้านขนส่งโดยสารช่วยเติมความประทับใจให้ทริป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Booking.com ยกย่องผู้ให้บริการด้านการขนส่งโดยสารทั้งผู้ให้บริการรถเช่าและแท็กซี่สนามบินที่มอบบริการอันยอดเยี่ยมให้กับผู้เดินทางอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้เดินทางสามารถออกไปสัมผัสโลกกว้างได้อย่างง่ายดายและไร้รอยต่อยิ่งขึ้น โดยในปี 2025 มีบริษัทผู้ให้บริการรถเช่า 1,329 รายจาก 100 ประเทศทั่วโลกได้รับรางวัล Traveller Review Awards 2025 ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 196% ไม่เพียงเท่านี้ยังมีบริษัทผู้ให้บริการแท็กซี่สนามบิน 124 รายที่ได้รับรางวัลนี้ด้วยเช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ไม่ว่าจะเป็นการแชร์เคล็ดลับการเลือกร้านและเมนูอาหารถิ่นที่ห้ามพลาดจากคนขับแท็กซี่ หรือการเซอร์ไพรส์คู่รักด้วยแชมเปญและดอกไม้จากเจ้าของที่พักและเหล่าพนักงานเพื่อช่วยให้พวกเขาได้เฉลิมฉลองในวันครบรอบ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พาร์ทเนอร์ของเราทำให้การท่องเที่ยวในแต่ละวันเป็นที่น่าจดจำและประทับใจสำหรับผู้เดินทางมากยิ่งขึ้น” มิเชล เกา ผู้จัดการประจำภูมิภาคประจำกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงและจีนของ Booking.com กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดังนั้นรางวัล Traveller Review Awards นี้จึงไม่เพียงเป็นคำขอบคุณจาก Booking.com แต่ในนามของผู้เดินทางหลายร้อยล้านคนจากทั่วโลกที่ต้องการมอบให้พาร์ทเนอร์ด้านการเดินทางสำหรับความมุ่งมั่นและความตั้งใจในการมอบบริการอันอบอุ่นและร่วมสร้างประสบการณ์การเดินทางอันยอดเยี่ยมให้กับผู้เดินทางได้อย่างไร้ที่ติ ภาพ: Booking.com,&nbsp;อุ่นไอมาง สะปัน และสุโขทัย การ์เด้น เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/travel/property/paul-kanjanapas-build-impact-to-tourism-destination" alt="‘พอลล์ กาญจนพาสน์’ เปิดแผนปั้นเมืองทองธานีสู่ Tourism Destination ลุยสร้างโรงแรมใหม่รวม 1,000 ห้อง">‘พอลล์ กาญจนพาสน์’ เปิดแผนปั้นเมืองทองธานีสู่ Tourism Destination ลุยสร้างโรงแรมใหม่รวม 1,000 ห้อง</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เมืองรองเริ่มมาแรง! Booking.com เผย ‘น่าน’ และ ‘สุโขทัย’ ติดอันดับเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ดีที่สุดในไทย

<h2>เพราะเรื่องกินคือเรื่องสำคัญ! รู้หรือไม่ค่าใช้จ่าย 20% ของคนเราเวลาไปเที่ยวคือเรื่องอาหาร Booking.com เดินหน้าความร่วมมือกับ ททท. เปิดตัว Thai Foodie Map 2.0 คู่มือตามรอยชิม ‘อาหารถิ่น’ ใน 8 จังหวัดทั่วไทย กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเมืองรอง</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากโรงแรมที่พักแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสำคัญก็คือเรื่องอาหารการกิน สถิติจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่าในการออกทริปแต่ละครั้ง ค่าใช้จ่ายของเรา 20% เป็นเรื่องอาหาร ที่น่าสนใจคือ ‘อาหารถิ่น’ กลายเป็นอาหารอีกกลุ่มที่คนให้ความสนใจมากขึ้น นั่นทำให้ ททท. จับมือกับหลายหน่วยงานในการโปรโมทการท่องเที่ยวโดยนำเรื่องของ ‘อาหาร’ มาเป็นสิ่งดึงดูด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งรวมถึงความร่วมมือล่าสุดกับ Booking.com เป็นปีที่สอง ภายใต้แคมเปญ #ExploreThaiTaste โดยเปิดตัว “Thai Foodie Map 2.0” คู่มือเดินทางและแผนที่อาหารถิ่นทั่วไทยสำหรับเหล่านักชิม ที่รวบรวมร้านอาหารถิ่นที่มีเอกลักษณ์และโดดเด่นใน 8 จังหวัดน่าเที่ยวทั่วประเทศไทยมาให้ผู้เดินทางได้ตามรอยแบบครบทุกรสชาติ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรื่องอาหารการกินเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งของการเดินทาง ในมูลค่าการท่องเที่ยว 2.5 ล้านล้านบาท เป็นการใช้จ่ายเรื่องอาหารการกินไปแล้ว 20% ซึ่งถือว่าสูงมาก และเรื่องอาหารก็ยังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยเราใช้ดึงดูดให้คนเดินทางท่องเที่ยวด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ความร่วมมือภายใต้แคมเปญ #ExploreThaiTaste นี้สอดคล้องกับการดำเนินงานของ ททท. ที่วางเป้าหมายในการส่งมอบประสบการณ์สุขทันทีที่เที่ยวไทย ผ่านการส่งเสริมกลยุทธ์ ‘5 Must Do in Thailand’ ของทาง ททท. ภายใต้นโยบาย ‘IGNITE TOURISM THAILAND’&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“โดยการร่วมมือในครั้งนี้จะมุ่งเน้นไปที่แนวคิด Must Taste: อิ่มอร่อยกับอาหารถิ่นทั่วไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับ ‘เสน่ห์ไทย’ ด้านอาหาร โดยเฉพาะอาหารท้องถิ่นในจังหวัดเมืองรองของประเทศไทย และเป็นการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนภายในประเทศ โดยคู่มือเดินทางฉบับนี้มาพร้อมเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเมืองน่าเที่ยว และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนด้วย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นิธิ กล่าวอีกว่า “หลังจากทำแคมเปญและออกคู่มือมาแล้ว 1 ปี ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดี และกลายเป็นแรงกระตุ้นและแรงจูงใจที่ทำให้คนอยากออกไปเที่ยวและชิมอาหารไปด้วย ปีนี้จึงอยากโปรโมทเมืองรองมากขึ้น เพราะเป็นเมืองที่มีของดีแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เพื่อเป็นไกด์ไลน์ให้นักท่องเที่ยวที่สนใจด้านนี้ได้ลิ้มรสอะไรที่เป็นดั้งเดิมจริงๆ และธุรกิจในชุมชนเองก็จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ด้วย โดยเราตั้งเป้ากระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรองได้ 5-10%” <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/jdYjFJHEbHBcKMkyX72u.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="jdYjFJHEbHBcKMkyX72u.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,480"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มิเชล เกา ผู้จัดการประจำภูมิภาคประจำกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงและจีนของ Booking.com กล่าวว่า แบบสำรวจความคิดเห็นของผู้เดินทางเพื่อคาดการณ์เทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวปี 2567 ของ Booking.com* พบว่า 78% ของผู้เดินทางชาวไทยสนใจเรียนรู้ต้นกำเนิดอาหารถิ่นที่ “ห้ามพลาด” ในจุดหมายปลายทางที่ตั้งใจจะเดินทางไปเยือน ซึ่งมากกว่าที่เคยเป็นมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า Thai Foodie Map 2.0 จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้นักท่องเที่ยวออกเดินทางไปสัมผัสรสชาติความอร่อยของอาหารไทย และสัมผัสเสน่ห์ของวัฒนธรรมท้องถิ่นอันมีเอกลักษณ์ได้อย่างครบรส ทั้งยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ และสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง” มิเชล กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับร้านอาหารที่อยู่ในคู่มือ Thai Foodie Map 2.0 ปีนี้ มีทั้งหมด 40 ร้าน ตั้งอยู่ใน 8 จังหวัดทั่วไทย ได้แก่ สุโขทัย อุตรดิตถ์ นครพนม สุรินทร์ นครนายก สุพรรณบุรี ชุมพร และสตูล โดยมีรายชื่อร้านดังต่อไปนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-สุโขทัย: ร้านขนมวงแม่ประไพ, ร้านไม้กลางกรุง, ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือสุโขทัยเจ๊เฮ, ร้านหมีข้าวพันผัก, ร้านเจ๊เป้าโภชนา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-อุตรดิตถ์: ร้านป้อมข้าวพันผัก, ร้านขนมเทียนเสวย ชิดดวง กนกมณี, ร้านป้าหว่าง หมี่พันลับแล, ร้านม่อนลับแล, ร้านข้าวพันผัก indy&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-สุรินทร์: สวนอาหารบ้านนา, ร้านเจ๊ตุ๊กส้มตำสุรินทร์, ร้านเรียนเนียงนิด อังแก๊บบ๊อบ, ร้านกาละแมสดศรีขรภูมิ (ตราปราสาทเดียว), ร้านปากหม้อเจ๊นางสุรินทร์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-นครพนม: หยาดลาบเป็ดริมโขง ณ นครพนม, ร้านขนมจีนพิสมัย, ครัวเวียดนาม, ข้าวเกรียบปากหม้อศรีเทพ, ก๋วยเตี๋ยวหมู-ปลาเผาะ ลูกสอง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-สุพรรณบุรี: ครัวกางนา, ร้านอาหารเรือนแพครัวสุพรรณ, ร้านไผ่ขวาง, ร้านแม่บ๊วย, ร้านอาหารครัวริมคลองสองพี่น้อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-นครนายก: ร้านปลาดูครูหลอด, ครัวไฮโดร, ฉลวยโภชนา: สุกี้ หมูสะเต๊ะ, ร้านไม่น่าอร่อย, ร้านอาหารครัวลูกปลา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ชุมพร: ร้านขนมจีนบ้านคุณย่า, ครัวลุงป๊อด, กาแฟถ้ำสิงห์, บ้านพรรคพวก, ร้านยายปวด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-สตูล: ร้านบาราโรตี, ร้านมาดี สตูล, ร้านสามพี่น้อง, ร้านข้าวยำสมุนไพร มามิง, ร้านแกงปลา (แกงตอแม๊ะ บ้านเลขที่ 35)​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/J5RamEmZgWVQNfQV4pTC.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="J5RamEmZgWVQNfQV4pTC.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="720,720"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไม่เพียงเท่านั้น ‘Thai Foodie Map 2.0’ ฉบับนี้ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำในจังหวัดนั้นๆ ตามรอย ‘Must Seek: Unseen ถิ่นน่าเที่ยว’ ภายใต้แนวคิด ‘5 Must Do in Thailand’ ของทาง ททท. เพื่อให้ผู้เดินทางทุกคนสามารถดื่มด่ำไปกับรสชาติที่เชิดชูเอกลักษณ์ของเสน่ห์ไทย และวัฒนธรรมท้องถิ่นในเวลาเดียวกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับแคมเปญ #ExploreThaiTaste นี้ ททท. และ Booking.com ตั้งเป้าโปรโมทและขยายการสื่อสารแคมเปญให้เข้าถึงกลุ่มผู้เดินทางในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ผ่านการตอกย้ำ ‘เสน่ห์ไทย’ ด้วยการร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์สายอาหารและท่องเที่ยวพร้อมกับศิลปิน T-POP อย่างวง ATLAS เพื่อเดินทางไปเยือนเมืองรองตามรอยร้านอาหารทั่วไทยที่ถูกแนะนำบน Thai Foodie Map 2.0 และแชร์ประสบการณ์การเดินทางเพื่อสร้างแรงบันดาลใจต่อนั่นเอง เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/travel/agoda-thailand-sep-2024" alt="ไทยติดอันดับ 3 เมืองที่สายกินต้องมาเยือนในเอเชีย รองจาก ‘เกาหลีใต้ - ไต้หวัน’">ไทยติดอันดับ 3 เมืองที่สายกินต้องมาเยือนในเอเชีย รองจาก ‘เกาหลีใต้ - ไต้หวัน’</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

คนใช้จ่าย 20% ต่อทริปให้เรื่องกิน! เปิดตัว Thai Foodie Map 2.0 คู่มือตามรอยชิม ‘อาหารถิ่น’ 8 จังหวัดทั่วไทย

<h2>Booking.com เผยอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยกลับมาฟื้นตัว เติบโตกว่าช่วงโควิดร้อยละ 24 มองผลกระทบสงครามระยะสั้น ร้อยละ 70 ของคนไทยวางแผนท่องเที่ยวในปี 2567 แบบระมัดระวัง ใช้ AI ช่วยในการวางแผน เผย 7 เทรนด์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ รับพฤติกรรมคนเปลี่ยนจากความกังวลเรื่องค่าครองชีพ ภัยพิบัติ และความยั่งยืน ญี่ปุ่น เวียดนาม ที่เที่ยวยอดฮิตของคนไทย​ </h2> &nbsp; &nbsp; แพลตฟอร์มให้บริการท่องเที่ยวครบวงจร เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของผู้เดินทางเพื่อคาดการณ์การเดินทางท่องเที่ยวในปี 2567 โดย&nbsp;มิเชล เกา ผู้จัดการ Booking.com&nbsp;ประจำภูมิภาคประจำกลุ่มลุ่มน้ำโขง เปิดเผยว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทยกลับมาฟื้นตัว โดยมีอัตราการจองที่พักเพิ่มขึ้นร้อยละ 24 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 และในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา อัตราการจองห้องพักเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคนไทยร้อยละ 70 วางแผนเดินทางท่องเที่ยวในปี 2567 แม้ร้อยละ 65 ของกลุ่มตัวอย่างจะมีความกังวลเรื่องค่าครองชีพ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/3BcJPmSEidJCp9Fp4GQh.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="3BcJPmSEidJCp9Fp4GQh.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ปัจจัยด้านสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสส่งผลระยะสั้น โดยหลังจากโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมาจะมีการยกเลิกการจองห้องพักทั้งการเดินทางในประเทศและไปต่างประเทศ แต่หลังจากนั้นช่วงปลายเดือนตุลาคม ยอดจองที่พักเริ่มกลับมา โดยธุรกิจ Booking.com ในประเทศอิสราเอล คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 1 ขณะที่ภูมิภาคตะวันออกกลางคิดเป็นร้อยละ 5 ของธุรกิจทั่วโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การเดินทางท่องเที่ยวกลับมาแล้ว แม้โลกจะไม่มีเสถียรภาพ นักท่องเที่ยวยังมีความมั่นใจในการเดินทาง เพราะพวกเขามองว่าการท่องเที่ยว คือชีวิต แต่สิ่งที่กังวล คือค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งนักเดินทางก็พร้อมที่จะปรับรูปแบบการท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับงบประมาณที่มีจำกัด รวมทั้งยังให้ความใส่ใจเรื่องความยั่งยืน ที่จะช่วยเพิ่มแรงบันดาลใจในการท่องเที่ยวของผู้คน” มิเชลกล่าว เผย 7 เทรนด์ท่องเที่ยวในปี 2567&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มิเชล กล่าวว่า ผลสำรวจเทรนด์การท่องเที่ยวในปี 2567 พบว่านักเดินทางมองการท่องเที่ยว คือ ชีวิต ไม่ใช่แค่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเหมือนที่ผ่านมา โดยร้อยละ 74% มองว่าการท่องเที่ยวทำให้มีชีวิตชีวามากขึ้น และร้อยละ 88 มองว่าการเดินทางจะทำให้พวกเขามีความเป็นตัวเองมากที่สุด และมี 7 เทรนด์สำคัญของการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในปีหน้านี้1. ตามรอยต้นกำเนิดของความอร่อย การท่องเที่ยวของสายกิน สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการโปรโมตการท่องเที่ยวเชิงอาหาร ซึ่งร้อยละ 92 อยากลิ้มลองอาหารพื้นเมืองมากขึ้นในปีหน้า โดยเน้นค้นหารสชาติอาหารดั้งเดิมที่ปรุงด้วยสูตรลับที่ส่งต่อกันรุ่นสู่รุ่น และร้อยละ 78 สนใจเรียนรู้ต้นกำเนิดอาหารจานเด็ด และอาหารที่ “ห้ามพลาด” ในจุดหมายปลายทางนั้น ๆ มากกว่าที่เคยเป็นมา2. ทริปหนีร้อนไปพึ่งเย็น จากสภาพอากาศที่ร้อนระอุ และคลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นทั่วโลก กระตุ้นให้ผู้เดินทางมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่มีสภาพภูมิอากาศเย็น เพื่อพักผ่อนสำหรับคลายร้อนและความกังวล โดยร้อยละ 78 ของผู้เดินทางชาวไทย เผยว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลต่อการวางแผนการท่องเที่ยวในปีหน้า และร้อยละ 84 เห็นด้วยว่าการได้พักผ่อนใกล้ชิดกับสายน้ำทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นได้ทันที&nbsp;3. ขอให้ได้ลุ้น ผู้เดินทางอยากปล่อยใจไปกับความเซอร์ไพรส์ ออกสำรวจสิ่งที่ไม่เคยเห็นหรือรู้จักมาก่อน และลองไปจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ ในระหว่างออกเดินทาง เปลี่ยนจากการวางแผนที่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามเช็คลิสต์ มาเป็นการลุ้นดูว่าจะได้เจออะไรบ้าง และอยากสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่เหมือนเปิดกล่องสุ่ม โดยร้อยละ 82 เน้นวางแผนการเดินทางแบบไม่ละเอียดมาก โดยร้อยละ 70 ของคนกลุ่มนี้จะใช้ AI ช่วยในการวางแผนท่องเที่ยว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/NfVRFKBx9TcDpA7KQzdR.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="NfVRFKBx9TcDpA7KQzdR.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> 4. สุนทรียศาสตร์ของการเดินทางแบบยั่งยืน การท่องเที่ยวเดินทางอย่างยั่งยืนในความหมายของปี 2567 ให้ความสำคัญของการออกแบบ นวัตกรรม และความรับผิดชอบในแบบที่สร้างสรรค์มากขึ้น และนำมาเป็นหลักในการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยร้อยละ 78 กำลังมองหาที่พักที่มีนวัตกรรมด้านความยั่งยืนที่ดูตื่นตาตื่นใจ และร้อยละ 83 อยากเห็นการดำเนินการเพื่อความยั่งยืนที่เป็นรูปธรรม5. ผ่อนคลายเพื่อฟื้นพลัง เมื่อสถานการณ์ที่บ้านเริ่มย่ำแย่เนื่องจากความวุ่นวายและสั่นคลอนทั่วโลก ผู้เดินทางที่กำลังเผชิญกับความวุ่นวายเหล่านี้จึงหันมาเน้นจองทริปที่เจาะจงแค่การพัฒนาร่างกายและจิตใจแต่เพียงอย่างเดียว เพื่อเยียวยาความรู้สึกและคลายความเครียด โดยร้อยละ 76% วางแผนเดินทางคนเดียวในปีหน้า แบบไม่พาลูกและคู่ครองของตัวเองไปด้วยเพื่อรีชาร์จพลังชีวิตตัวเอง ขณะที่ร้อยละ 59 จะหาเวลาไปท่องเที่ยวเพื่อหาคู่หรือคนรักใหม่ และร้อยละ 75 ต้องการเดินทางเพื่อจะนอนหลับสนิทแบบไม่มีอะไรมากวนใจ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/6g46VySUWaKKAHeaw6g2.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="6g46VySUWaKKAHeaw6g2.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> 6. เป็นตัวเองอย่างเต็มที่ เมื่อออกเดินทาง ในปี 2567 ผู้เดินทางจะรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นด้วยการสร้างตัวตนใหม่จากการเดินทางท่องเที่ยว โดยผู้เดินทางชาวไทยสองในสาม หรือร้อยละ 88 เชื่อว่าพวกเขาได้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุดระหว่างออกท่องเที่ยว สามารถหลีกหนีข้อจำกัดต่าง ๆ และเปิดรับบุคลิกภาพใหม่ ๆ ของตนเองได้อย่างเต็มที่ และร้อยละ 85 อยากนำตัวตนนั้นมาใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน7. ยกระดับวันหยุดแบบ A La Carte จากวิกฤตการณ์ค่าครองชีพตลอดจนการเข้ามาของเทรนด์รวยแบบกระซิบ (Stealth Wealth) ที่เป็นกระแสในปี 2566 ส่งผลให้ผู้เดินทางในปี 2567 จะหันมาหาวิธีรัดเข็มขัดเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังต้องการยกระดับการท่องเที่ยวให้มีความหรูหราแบบ “ตามสั่ง” หรือ “A La Carte” ผ่านการใช้จ่ายแบบเต็มที่ในทริปสั้น ๆ หรือเลือกที่จะลดค่าใช้จ่ายด้านหนึ่งเพื่อไปเต็มที่กับสิ่งที่ตนเองต้องการมากกว่า โดยร้อยละ 65 ยินดีจ่ายค่าบัตรผ่านรายวันเพื่อเข้าใช้สิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรมห้าดาว แทนการเข้าพักจริง และร้อยละ 64 วางแผนที่จะเลือกจุดหมายปลายทางที่ค่าครองชีพถูกกว่าเมืองตัวเองอยู่ เพื่อใช้จ่ายได้อย่างเต็มที่มากขึ้น&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/UDJxSQWLcPA2qEvGUcgR.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="UDJxSQWLcPA2qEvGUcgR.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มิเชล กล่าวว่า สำหรับประเทศยอดฮิตของนักท่องเที่ยวชาวไทย อันดับ 1 คือ ญี่ปุ่น และอันดับ 2 คือ เวียดนาม ซึ่งทั้งสองประเทศมีความหลากหลายในสถานที่ท่องเที่ยวที่แตกต่างกัน เช่น โตเกียว โอซาก้า หรืออย่างเวียดนาม สถานที่ยอดฮิต คือ ดานัง และ เกาะฟู้โกว๊ก เป็นต้น รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยยังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศที่มีค่าครองชีพที่ถูกลง แต่ยังคงให้ความสำคัญกับที่พักที่มีความหรูหรา สะดวกสบาย ซึ่งปี 2567 Booking.com จะเปิดตัว AI Trip Planner เครื่องมือที่จะช่วยนักเดินทางวางแผนการท่องเที่ยวได้อย่างตรงใจและเหมาะกับงบประมาณที่เหมาะสมของแต่ละคนมากขึ้น เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/jkn-stockmarket-falldown-on-floor-after-report-central-bankruptcy-court" alt="หุ้น JKN ร่วงติด floor หลังยื่นแผนฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง">หุ้น JKN ร่วงติด floor หลังยื่นแผนฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ท่องเที่ยวฟื้น Booking.com เผย 7 เทรนด์นักเดินทางปี 2567

<h2>ด้วยความมุ่งมั่นในการสนับสนุนร้านอาหารท้องถิ่น และเชิดชู เมนูอาหาร ที่น่าสนใจ ของแต่ละภูมิภาคในประเทศไทย ควบคู่กับการส่งเสริมการเที่ยวเมืองรอง อันนำไปสู่การช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชน Booking.com ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดตัวแคมเปญ #ExploreThaiTaste ตอกย้ำเทรนด์การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Gastronomic Tourism) ที่ถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการออกเดินทางท่องเที่ยว สำหรับผู้เดินทางชาวไทย และชาวต่างชาติ ที่มองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เพื่อสัมผัสเอกลักษณ์ ของแต่ละจุดหมายปลายทาง ผ่านอาหารจานเด็ดที่นำเสนอรสชาติอันโดดเด่นของแต่ละท้องถิ่น</h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภายใต้แคมเปญนี้ Booking.com และททท. ร่วมกันเปิดตัว "Thai Foodie Map" คู่มือเดินทางและแผนที่ อาหารถิ่นทั่วไทยสำหรับเหล่านักชิม ที่รวบรวมร้านอาหารแนะนำในเมืองรองทั่วประเทศไทย มาให้ผู้เดินทางได้ตามรอย แบบครบทุกรสชาติ พร้อมเฉลิมฉลองมนต์เสน่ห์แห่งวัฒนธรรมอาหารไทยที่ขึ้นแท่นในฐานะ “ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power)” เครื่องมือสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยโดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นเมืองรองให้ผู้คนทั่วโลกได้สัมผัส&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยรายงานผลสำรวจล่าสุดของ Booking.com เผยว่า 75% ของผู้เดินทางทั่วโลกและ 86% ของผู้เดินทางชาวไทย ต่างมองหาประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง* โดยอาหาร นับเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยว** สำหรับทั้ง ผู้เดินทางชาวไทย (89%) และผู้เดินทางจากทั่วโลก (77%)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ประเทศไทยมีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกด้านวัฒนธรรมอาหารที่ขึ้นชื่อ และถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทาง ในฝันของเหล่านักชิมและนักเดินทางที่แสวงหาของอร่อยจากทั่วโลก โดยชื่อเสียงอันโด่งดังของอาหารไทย มาจากเมนูอาหารที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรสชาติอร่อยแสนกลมกล่อมของผัดไทย หรือกลิ่นเครื่องเทศ หอมกรุ่นของแกงเขียวหวานที่ชวนให้อยากลิ้มรส แคมเปญ #ExploreThaiTaste ตั้งใจชูเสน่ห์และรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ ของแต่ละท้องถิ่น เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวออกเดินทางและค้นพบขุมทรัพย์ความอร่อยเหล่านี้ ในจังหวัดเมืองรองน่าเที่ยวทั่วประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. มุ่งส่งมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีความหมาย (Meaningful Travel) ด้วย Soft Power (5F) ในมิติของอาหาร (F-Food) ผ่าน “แคมเปญ #ExploreThaiTaste เปรียบเสมือนหมายเชิญอย่างเป็นทางการ ที่เชิญชวนเหล่านักชิม และผู้เดินทางจากทั่วโลกให้ออกเดินทางเพื่อค้นพบเอกลักษณ์ของความเป็นไทยผ่านรสชาติอาหาร&nbsp;โดยอาหารแต่ละคำ คือ การเดินทางบนเส้นทางไปสู่มรดกทางวัฒนธรรมอันงดงาม และอาหารแต่ละจานนั้นเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เราเชื่อว่าด้วยการนำเสนอความโดดเด่นของเมนูอาหารที่หลากหลาย และกระจายตัวอยู่ในแต่ละภูมิภาคนั้น สามารถช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยโดยเฉพาะเมืองรองกลายเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว ผ่านการแนะนำร้านอาหารท้องถิ่นที่ซ่อนตัวอยู่ในทุกมุมของประเทศและรอให้ผู้คนมาค้นพบรสชาติที่นำเสนอถึงความแตกต่างแต่ลงตัวของวัฒนธรรมในแต่ละพื้นที่ โดยการแนะนำร้านอาหารในท้องถิ่นไม่เพียงแต่ช่วยสร้างประสบการณ์การเดินทาง ที่เต็มไปด้วยรสชาติของมรดกทางวัฒนธรรมไทยเท่านั้น แต่ยังกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวคุณภาพ เพื่อต่อยอดการท่องเที่ยวเชิงอาหารนำไปสู่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย Thai Foodie Map คู่มือเดินทางและแผนที่อาหารถิ่นทั่วไทย ถูกจัดทำภายใต้ความร่วมมือระหว่าง Booking.com และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อแนะนำร้านอาหารจำนวน 40 ร้านใน 8 จังหวัดทั่วไทย ที่นำเสนอเมนู อาหารท้องถิ่นอันเป็นตัวแทนของภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคอีสาน เพื่อเชิญชวนให้ผู้เดินทางทุกท่าน ไปสัมผัสรสชาติความอร่อยแบบไทยแท้ที่นำเสนอความแตกต่างด้านวัฒนธรรมของแต่ละภูมิภาค พร้อมส่งเสริมให้ชาวไทย และต่างชาติออกเดินทางไปสู่เมืองรองมากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ฉัตรสุดา เลิศพิริยกมล Area Manager Partner Services Thailand and Indochina จาก Booking.com กล่าวว่า ด้วยพันธกิจของ Booking.com ที่ต้องการทำให้ผู้เดินทางทุกคนออกไปสัมผัสโลกกว้าง และสำรวจวัฒนธรรม ท้องถิ่นได้ง่ายดายยิ่งขึ้น เราเชื่อว่า "Thai Foodie Map" คู่มือเดินทางและแผนที่อาหารถิ่นทั่วไทย จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ให้นักท่องเที่ยวออกเดินทางไปสัมผัสรสชาติความอร่อยของอาหารไทย และสัมผัสเสน่ห์ของวัฒนธรรมท้องถิ่น อันมีเอกลักษณ์ได้อย่างครบรส&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับททท. ที่เปรียบเสมือนไกด์ท้องถิ่นผู้เชี่ยวชาญ ทางด้านอัตลักษณ์ความเป็นไทยในแคมเปญ #ExploreThaiTaste เพื่อร่วมกันเชิญชวนให้ทุกคน ได้ตามรอยขุมทรัพย์อาหารทั่วไทย ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้เราตั้งใจที่จะถ่ายทอดประสบการณ์การเดินทาง เชิงอาหารที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ และสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/S2Z4eD2h9dbHywx8652i.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="S2Z4eD2h9dbHywx8652i.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="1280,960"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เพื่อต่อยอดแคมเปญ #ExploreThaiTaste ให้เข้าถึงผู้เดินทางมากยิ่งขึ้น Booking.com และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จับมือกับอินฟลูเอนเซอร์สายอาหารและท่องเที่ยว เพื่อไปเยือนเมืองรอง ตามรอยร้านอาหารทั่วไทยที่ถูกแนะนำบน "Thai Foodie Map" และแบ่งปันเรื่องราวที่น่าสนใจ ของการท่องเที่ยวเชิงอาหารในแต่ละภาค พร้อมแนะนำบรรดาที่พักที่ได้รับป้ายสัญลักษณ์ที่พักสำหรับเดินทางอย่างยั่งยืนบน Booking.com เพื่อนำเสนอที่พักที่มีแนวทางการดำเนินธุรกิจแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น ในแต่ละจุดหมายปลายทาง โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญในการทำให้ไอเดียการเดินทางเพื่อตามรอยเสน่ห์อาหารถิ่นครั้งนี้ เกิดขึ้นภายใต้ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่นโดยรอบ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แคมเปญ #ExploreThaiTaste ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นให้ผู้เดินทางชาวไทยได้มีส่วนร่วม ในการประกาศความเป็นไทยที่น่าภาคภูมิใจ ผ่านการแบ่งปันร้านอาหารท้องถิ่นที่พวกเขาชื่นชอบและอยากให้ทุกคน ได้ค้นพบความอร่อยเช่นเดียวกัน ผ่านแฮชแท็ก #ExploreThaiTaste #Bookingcom #TAT #AmazingThailand บนสื่อสังคมออนไลน์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ #ExploreThaiTaste และ "Thai Foodie Map" คู่มือเดินทางและแผนที่อาหารถิ่นทั่วไทย สามารถติดตามได้ที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารของ Booking.com &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/71207" alt="OR เอาใจลูกค้าสายสุขภาพ เปิดตัว &quot;โอ้กระจู๋&quot; รูปแบบ Drive-Thru ใน พีทีที สเตชั่น สาขาแฟลกชิป วิภาวดี 62">OR เอาใจลูกค้าสายสุขภาพ เปิดตัว "โอ้กระจู๋" รูปแบบ Drive-Thru ใน พีทีที สเตชั่น สาขาแฟลกชิป วิภาวดี 62</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

Booking.com จับมือ ททท. เปิดตัว “Thai Foodie Map” คู่มือเดินทางและแผนที่อาหารถิ่นทั่วไทย

<h2 class="p1">Booking.com เผยอันดับ จุดหมายปลายทาง สำหรับการท่องเที่ยวในฝันที่นักท่องเที่ยวชาวไทยและทั่วโลกเฝ้ารอคอย</h2>
การเดินทางท่องเที่ยวจำเป็นต้องหยุดลงชั่วคราวระหว่างสถานการณ์การกักตัวในช่วงนี้ แต่ข้อมูลจาก Booking.com แสดงให้เห็นว่า การกักตัวไม่สามารถหยุดยั้งผู้คนในประเทศจากความฝันเพื่อไปเยือน จุดหมายปลายทาง ครั้งต่อไปได้
โดยเมื่อเจาะลึกลงในอันดับ Wish-list หรือรายการที่พักโปรดนับล้านแห่งบนจุดหมายปลายทางกว่า 100,000 แห่ง ที่รวบรวมข้อมูลจากนักท่องเที่ยวที่หวังจะได้ท่องเที่ยวอีกครั้งบนแพลตฟอร์มของ Booking.com ตลอดช่วงสองเดือนที่ผ่านมา (เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม) เผยให้เห็นจุดหมายปลายทางและที่พักที่ผู้คนตั้งตาคอยเมื่อสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อีกครั้ง
จุดหมายปลายยอดนิยมในต่างประเทศ เช่น Bali, Andalusia, London, Florida และ Paris ยังคงเป็นเป้าหมายการเดินทางหลักที่สร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้คนทั่วโลก
ในขณะเดียวกัน การท่องเที่ยวภายในประเทศก็ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยมีสัดส่วนมากกว่าครึ่ง (51 เปอร์เซ็นต์) ของ Wish-list ทั่วโลกระหว่างช่วงสถานการณ์ครั้งนี้ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 1 ใน 3 (33 เปอร์เซ็นต์)
สำหรับ Wish-list ของประเทศไทย นักท่องเที่ยวนิยมจุดหมายปลายทางในประเทศสูงถึง 72 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่ปี 2562 อยู่ที่เพียง 54 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มเดือนมีนาคม อันดับ Wish-list สำหรับจุดหมายปลายทางยอดนิยมในประเทศของคนไทยได้แก่ กรุงเทพฯ, หัวหิน, เชียงใหม่, เกาะช้าง และหาดจอมเทียน บ่งชี้ให้เห็นว่าเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและวัฒนธรรม ตลอดจนเมืองติดชายหาด เป็นสิ่งแรกที่นักท่องเที่ยวชาวไทยจินตนาการถึงเมื่อต้องกักต้วเป็นเวลาหลายสัปดาห์
โดย Booking.com เผยว่า สิ่งที่อาจทำให้จุดหมายปลายทางเหล่านี้เป็นที่นิยมและดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยคือประสบการณ์ความตื่นเต้นต่างๆ ที่ได้จากจุดหมายปลายทางเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น ตลาดกลางคืน, อาหารหลากหลายประเภท ตลอดจนกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ ทั้งการดำน้ำหรือขี่ม้า
สำหรับการท่องเที่ยวต่างประเทศ นักท่องเที่ยวชาวไทยยังคงใฝ่ฝันถึงการท่องเที่ยวในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของเมืองใหญ่ของเอเชียและยุโรป ดังนี้
<img class="alignnone size-full wp-image-29961" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/05/10-destinations.jpg" alt="" width="720" height="283" />
นักท่องเที่ยวชาวไทยเฝ้าใฝ่ฝันที่จะเปลี่ยนบรรยากาศและมีโอกาสที่จะเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การพักผ่อนนอกบ้าน โดยประเภทของห้องพักที่ชาวไทยต้องการเข้าพักมากที่สุดคือ โรงแรม, รีสอร์ต, อะพาร์ตเมนท์, เกสต์เฮาส์ และโฮสเทล ตามลำดับ ซึ่งโรงแรมมีอัตราส่วนความต้องการเข้าพักสูงถึง 42 เปอร์เซ็นต์ตลอดช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มากกว่าค่าเฉลี่ยนทั่วโลกที่ 40 เปอร์เซ็นต์เล็กน้อย
สิ่งที่น่าสนใจคือนักท่องเที่ยวชาวไทยชอบเข้าพักในรีสอร์ตมากกว่าค่าเฉลี่ยนักเดินทางทั่วโลก โดยมีนักท่องเที่ยวทั่วโลกเพียง 6 เปอร์เซ็นต์เลือกรีสอร์ตเป็นพักใน Wish-list  ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวไทยมากถึง 21 เปอร์เซ็นต์เลือกรีสอร์ตเป็น Wish-list!
3 ที่พักได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทยบน Wish-list ได้แก่ The Quarter Ari by UHG, Coral Tree Villa Huahin และ The Yana Villas Hua Hin
&nbsp;
<ul>
 	<li>อ่านเพิ่มเติม <a href="https://forbesthailand.com/news/travel/jill-%e0%b9%80%e0%b8%9c%e0%b8%a2%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b8%a2%e0%b8%b8%e0%b8%97%e0%b8%98%e0%b9%8c%e0%b8%82%e0%b8%ad%e0%b8%87-%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%9b.html">Jill เผยหลายกลยุทธ์ของ ผู้ประกอบการโรงแรมไทย อาจไปต่อหลังโควิด-19</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

10 อันดับ Wish-list จุดหมายปลายทาง ยอดนิยมสำหรับคนไทย

<h2 class="p1">Booking.com ชี้ไวรัสโคโรน่าระบาดกระทบการเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวจีน พร้อมวางกลยุทธ์เดินหน้าสร้างประสบการณ์ที่พักแปลกใหม่ ปักหมุดกรุงเทพฯ เปิดตัว “Bangkok Booking Bus” รถบัสพักได้หนึ่งเดียวในโลก</h2>
 Michelle Gao ผู้จัดการประจำภูมิภาค Booking.com แพลตฟอร์มจองที่พักออนไลน์ กล่าวยอมรับว่า การระบาดของไวรัสโคโรน่าในขณะนี้ สร้างผลกระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยวของผู้คน โดยเฉพาะชาวจีน ที่ถือเป็นนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ของประเทศไทย ซึ่งหยุดการเดินทางทันทีตั้งแต่ช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้น แต่คาดว่าจะส่งผลในระยะสั้น เพราะการเดินทางท่องเที่ยวถือเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลก
 ขณะที่รายงานล่าสุดของ Booking.com ระบุผลสำรวจว่า นักเดินทางทั่วโลกกว่า 38% นิยมเข้าพักในที่พักแปลกใหม่มากกว่าการเข้าพักที่โรงแรม และวางแผนจะเข้าพักในที่พักที่มีเอกลักษณ์อย่างน้อยสักครั้ง โดยคนไทย 2 ใน 5 หรือ 42% ต้องการที่พักที่มีเอกลักษณ์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง และต้องการทำให้คนรอบตัวรู้สึกประทับใจผ่านการแชร์รูปในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อแสดงความเป็นตัวเอง 
 Michelle กล่าวว่า แนวโน้มการเข้าพักของนักเดินทางทั่วโลก นิยมเข้าพักในที่พักแปลกใหม่ ซึ่งระบบของเรามีตัวเลือกสำหรับการเข้าพักทั้งหมดมากกว่า 29 ล้านรายการ ในจำนวนนี้ ตัวเลือกบ้านพัก อะพาร์ตเมนต์ และที่พักน่าทึ่งประเภทอื่นๆ เช่น โฮสเทล บังกะโล บ้านต้นไม้ มีกว่า 6.4 ล้านรายการ โดยปัจจุบันเรามีคู่ค้ากว่า 17,500 ราย และมีผู้จองห้องพักกว่า 1 พันล้านคนต่อคืน
<img class="alignnone size-full wp-image-26605" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/booking02.jpg" alt="" width="720" height="480" />
 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าตอกย้ำกลยุทธ์การสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับนักเดินทางทั่วโลก ด้วยการเปิดตัว “Bangkok Booking Bus” รถบัสพักได้หนึ่งเดียวในโลกในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นที่พักแปลกใหม่ที่โดดเด่น ด้วยการดีไซน์แบบไทย และให้บรรยากาศของกรุงเทพฯ เช่น สไตล์เยาวราช อาหารสตรีทฟู้ด เป็นต้น ซึ่งที่พักรถบัสจะเปิดให้จองเข้าพักเพียง 1 คืน สำหรับนักเดินทางทั่วโลก 2 คนเท่านั้น โดยเปิดจองวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ และเข้าพักวันที่ 22 กุมภาพันธ์ หลังจากนั้นจะมอบรถบัสคันดังกล่าวให้กับ Local Alike กิจการเพื่อสังคมด้านการท่องเที่ยวของไทยต่อไป
 ทั้งนี้ Booking.com ยังเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยว เช่น บริการรถรับส่งสนามบิน รถเช่าใน 160 ประเทศ และสามารถจองแท็กซี่ในสนามบิน 800 แห่งทั่วโลก รวมทั้งสามารถจองที่พักที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ช่วยทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างสะดวกและง่ายดายยิ่งขึ้น
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><header class="entry-header"><a href="https://forbesthailand.com/news/travel/%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%95%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%97%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a2.html">อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ</a></header></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

<article id="post-26599" class="post-26599 post type-post status-publish format-standard has-post-thumbnail hentry category-marketing category-news tag-11003 tag-7188 tag-3752 tag-11004">
<div class="body-content post-content-wrap post-detail">

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</article>

Booking.com รับไวรัสโคโรน่าระบาด กระทบท่องเที่ยวไทย

ผู้เชี่ยวชาญด้านรวบรวมข้อมูลของ <a href="http://www.Booking.com">Booking.com</a> ได้เปิดเผย 8 เทรนด์การท่องเที่ยวในปี 2560 โดยอาศัยแรงบันดาลใจจากข้อมูลจำนวนมหาศาล คำบอกต่อจากผู้เดินทาง ความคิดเห็น สไตล์เดินทาง และข้อมูลเชิงลึก รวมถึงความเข้าใจในภาคอุตสาหกรรมในฐานะผู้นำตลาด และนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซสำหรับการเดินทาง ลองมาดูกันว่าผู้เดินทางไม่ว่าจะเป็นเพื่อการพักผ่อนและติดต่อธุรกิจจะได้สัมผัสกับอะไรบ้างในปีที่จะมาถึง

1. ข้อมูลทั้งหลายอยู่แค่ปลายนิ้ว เวอร์ชั่น 2.0

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/e70e7c50a0e72228df550e7fa7c1d118.png" alt="" />

เทคโนโลยีทั้งหลายตัวกระตุ้นทำให้ผู้เดินทางเรียกร้องมากขึ้นและใจร้อนขึ้น ผู้เดินทางกว่าร้อยละ 44 คาดหวังว่าจะสามารถวางแผนการพักผ่อนได้ในเพียงไม่กี่ขั้นตอนผ่านสมาร์ทโฟน ผู้เดินทางมากกว่าครึ่งนึง (ร้อยละ 52) คาดว่าจะใช้แอปพลิเคชั่นด้านเดินทางบ่อยขึ้นในปี2560 นอกจากนี้ ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ของเครื่องมือและสมองกล AI จะทำให้แอปพลิเคชั่นด้านเดินทางตัวโปรดก้าวล้ำไปอีกขั้นและแปรเปลี่ยนเป็นเพื่อนร่วมเดินทางที่ดีที่สุด พร้อมตอบสนองความต้องการส่วนบุคคลและจัดสรรสิ่งต่าง ๆ ให้ผู้ใช้ทันทีโดยไม่ต้องถาม

&nbsp;

2.ไปทำงาน (แล้วเที่ยวต่อ)

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/49b076b6d450830e57ad291af74b03cf.png" alt="" />

กระแส “ทำงานและเที่ยว” (bleisure) กำลังมาแรงและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2560 จะพบว่าเส้นแบ่งระหว่างการทำงานและการพักผ่อนจะหายไป อีกทั้งการให้ความสนใจเรื่องโอกาสเที่ยวระหว่างไปทำงานจะมีเพิ่มมากขึ้น จากผู้เดินทางทั่วโลกกว่าร้อยละ 40 ที่เดินทางเพื่อธุรกิจในปีนี้ ร้อยละ 46 คิดว่าจะเดินทางทริปธุรกิจมากขึ้นในปี 2560 ผู้เดินทางเพื่อธุรกิจร้อยละ 49 ได้วางแผนยืดระยะเวลาเดินทางเพื่อใช้เวลาเพิ่มเติมสำหรับท่องเที่ยวในจุดหมายนั้นๆ ในขณะที่ร้อยละ 75 ตั้งใจว่าจะทำเช่นเดียวกันหรือบ่อยครั้งยิ่งขึ้น

3. จิตวิญญาณนักสำรวจ

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/d2c11bb4550c46a97fa62405f684513a.png" alt="" />

โลกนี้ยังมีหลายสิ่งที่รอการค้นพบและปี  2560 จะเป็นปีที่มีผู้เดินทางจำนวนมากสวมวิญญาณนักสำรวจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยร้อยละ 45 วางแผนที่จะเลือกจุดหมายซึ่งโลดโผนและผจญภัยยิ่งกว่าเดิม ขณะที่ร้อยละ 47 ต้องการไปสำรวจมุมโลกที่เพื่อนๆ ของเขายังไม่เคยไปมาก่อน ผู้เดินทางกว่าร้อยละ 56 ต้องการเดินทางเพียงลำพังบ่อยขึ้นในปี 2560 โดยพบได้มากในเหล่าผู้เดินทางจากประเทศบราซิล อินเดีย สหรัฐอเมริกา จีน และไทย ทั้งนี้ จุดหมายยอดนิยมที่คนไทยสามารถดื่มด่ำกับจิตวิญญาณนักบุกเบิกได้อย่างเต็มที่ ได้แก่ หมู่เกาะมัลดีฟส์ สหพันธรัฐรัสเซีย มองโกเลีย อินเดีย และฟิลิปปินส์

&nbsp;

4. กาย ใจ และจิตวิญญาณเป็นหนึ่ง

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/b8a4668477665f11fe61a536687c05a1.png" alt="" />

ในโลกอันแสนวุ่นวายทำให้ผู้คนจำนวนมากอาศัยการเดินทางเพื่อเป็นการปรับสมดุลความสงบให้แก่ชีวิต ผู้เดินทางมากกว่าครึ่ง (ร้อยละ 48) กล่าวว่าการเดินทางเป็นช่วงเวลาที่สามารถสะท้อนและได้ใช้ไลฟ์สไตล์ที่ดีขึ้นกว่าปกติ โดยในปีที่จะมาถึงนี้จะมีผู้เดินทางจำนวนมากโดยเฉพาะกลุ่มคนจากประเทศไทย จีน และอินเดียให้ความสำคัญกับทริปด้านสุขภาพ ซึ่งเน้นการสร้างความสมดุลแก่กายและใจ   ผู้เดินทางร้อยละ 44 สนใจเดินทางเพื่อสัมผัสประสบการณ์ทำสปาเพื่อความผ่อนคลาย และกว่าร้อยละ 38 ต้องการเน้นการเดินทางเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี จึงไม่น่าแปลกใจที่ในปี 2560 เราจะพบที่พักแนว SanctuStays หลายประเภทตั้งแต่วิลลา อพาร์ตเมนต์ รีสอร์ทและอื่น ๆ ซึ่งให้บริการฟรีด้านการทำสมาธิ สปาเพื่อสุขภาพ เวิร์คชอปสุขภาพ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกกลางแจ้งเพิ่มมากขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์ไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรทั้งกายใจและเพื่อค้นพบตัวเอง

&nbsp;

5. รักษ์ธรรมชาติ

<img style="width: 580px; height: 387px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/9fe23b4e7ec8b2bd02c4cf9bb9951139.png" alt="" />

การเดินทางแบบยั่งยืนอาจมีความหมายแตกต่างกันสำหรับแต่ละท่าน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทรนด์นี้ส่งผลให้ทั้งผู้เดินทางและผู้ประกอบการที่พักตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบอย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น ในปีที่จะมาถึงนี้ จะมีผู้เดินทางมากกว่าหนึ่งในสาม (ร้อยละ 36) วางแผนที่จะเลือกที่พักซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้นผู้เดินทางกว่าร้อยละ 39 สนใจสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่ามีผู้คนจำนวนเพิ่มขึ้นที่เสาะหาหนทางที่จะเติมเต็มความต้องการด้านการท่องเที่ยว

6. ความพึงพอใจอันเรียบง่าย

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/93d902e89bb017615f488306ed72c568.png" alt="" />

ผู้เดินทางในปี  2560  จะได้รับแรงบันดาลใจจากความปรารถนาภายในมากกว่าการได้ครอบครองสิ่งของรูปธรรม จากผลสำรวจพบว่าผู้เดินทางร้อยละ 58 วางแผนใช้จ่ายระหว่างเดินทางปี 2560 โดยให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่จะได้รับมากกว่าการซื้อสิ่งของ นอกจากนี้ผู้เดินทางต่างสนใจสิ่งของตกแต่งภายนอกน้อยลง แต่กลับเห็นคุณค่าของช่วงเวลาสั้น ๆ และความสุขเรียบง่ายของการเดินทาง

7. มนุษยสัมพันธ์

<img style="width: 580px; height: 387px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/21be69ec48b778dd833bdbf8e63fa597.png" alt="" />

หากเปรียบเทียบเป็นหยินหยางแล้ว แม้เทคโนโลยีจะขาดไม่ได้แต่ก็ควรมาคู่กับการมีปฏิสัมพันธ์กับพนักงานมืออาชีพ เรียกได้ว่าการได้โต้ตอบกับบุคคลอื่นระหว่างเดินทางนั้นจะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในปีพ.ศ. 2560 ผู้เดินทางร้อยละ 42 ยืนยันว่าจะไม่เลือกที่พักที่พนักงานไม่เป็นมิตรหรือไม่ให้ความช่วยเหลือเท่าที่ควร ในขณะเดียวกันที่พักประเภทเบดแอนด์เบรกฟาสต์และเรียวกังนั้นยังคงได้รับคะแนนสูงจากผู้เข้าพักอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าผู้คนต่างยังคงให้ความเชื่อมั่นกับคำบอกเล่าของผู้ที่เคยไปมาก่อน เพราะมีผู้เดินทางกว่าร้อยละ 40 ยืนยันว่าจะไม่เลือกที่พักที่มีความคิดเห็นเชิงลบมากกว่า 3 รายการ

8.  สู่จุดหมายเหนือจินตนาการ

<img style="width: 580px; height: 387px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/4d53198e6c916c874d5f1de911b14a98.png" alt="" />

ปัจจุบันนี้การเดินทางกลายเป็นไลฟ์สไตล์รูปแบบหนึ่ง จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเริ่มเห็นผู้คนจำนวนมากขึ้นต้องการสำรวจไปถึงนอกโลก จากผลสำรวจพบว่าผู้คนจำนวนกว่าร้อยละ 44 วาดภาพ อาทิ การที่ NASA กำลังพัฒนากระสวยอวกาศซุปเปอร์โซนิก ยานพาหนะที่ใช้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของTesla ที่มีแผนจะใช้เดินทางจากลอสแอนเจลิสมายังนิวยอร์กในฤดูร้อนของปีที่จะถึงนี้ เทคโนโลยีนำสมัยเหล่านี้ค่อยๆ สร้างจินตนาการของมนุษย์ให้เป็นจริง อีกทั้งยังตอบสนองความต้องการที่จะออกไปเหนือเส้นขอบฟ้า ไม่แน่ว่าในปีที่จะมาถึง เราอาจได้เดินทางไปยังเขตแดนใหม่ๆ ที่ไม่เคยไปถึงก็เป็นได้

“การได้สัมผัสสิ่งที่ไม่เคยได้ลอง พบปะกับผู้คนและวัฒนธรรมที่แตกต่าง รวมถึงทดสอบขีดจำกัดนั้นคือกุญแจหลักที่ขับเคลื่อนให้เกิดการเดินทางและปี 2560 จะกลายเป็นอีกปีหนึ่งที่ตื่นเต้นอย่างแน่นอน” Pepijn Rijvers - Chief Marketing Officer ของ Booking.com กล่าว

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/03996ef64aed4a0d80812d45cc06c774.png" alt="" />

“ผู้เดินทางในปี2560 จะเต็มเปี่ยมไปด้วยความโหยหาการผจญภัย ทว่าในขณะเดียวกันก็ตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อวัฒนธรรมท้องถิ่นและการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ในขณะที่เรามองหาปฏิสัมพันธ์จากมนุษย์และความคุ้นเคย เราก็คาดหวังให้มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการเดินทาง รวมถึงทำให้เราได้ใกล้ชิดกับสิ่งที่ต้องได้อย่างรวดเร็วและชาญฉลาด ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปยังอีกซีกโลกหรือในระยะใกล้ๆ เราต้องการเจาะข้อมูลให้ลึกยิ่งขึ้นเพื่อค้นหาสัมผัสที่แท้จริงในการเชื่อมต่อตลอดทุกย่างก้าว สำหรับ Booking.com แล้ว เราไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะจุดหมายทั้งหลายในปีพ.ศ. 2560  ทว่าเราคำนึงถึงการเดินทางทั้งหมด รวมถึงช่วยค้นหาวิธีใหม่ๆ เพื่อให้ผู้เดินทางเที่ยวได้อย่างเต็มที่ผ่านการใช้เทคโนโลยีที่จะตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ของพวกเขาเองตลอดทุกช่วงเวลา”

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events