<h2>OR เผยผลการดำเนินงานปี 2567 มีรายได้ขายและบริการ 723,958 ล้านบาท ลดลง 5.9% จากปี 2566 โดยหลักจากปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่ลดลงและราคาน้ำมันในตลาดโลกเฉลี่ยปรับลดลงของกลุ่มธุรกิจ Mobility ในขณะที่กลุ่มธุรกิจ Lifestyle และ Global ยังคงแข็งแกร่ง มีรายได้เพิ่มขึ้น 8.2% และ 10.9% ตามลำดับ Café Amazon มียอดขายรวมกว่า 400 ล้านแก้ว</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานปี 2567 มีรายได้ขายและบริการ 723,958 ล้านบาท ลดลง 45,783 ล้านบาท หรือลดลง 5.9% จากปี 2566 โดยหลักจากปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่ลดลงและราคาน้ำมันในตลาดโลกเฉลี่ยปรับลดลงของกลุ่มธุรกิจ Mobility&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยรายได้ขายลดลง 7.4% สวนทางกับกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ที่เพิ่มขึ้น 8.2% ตามการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นของทั้งธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม โดยในปี 2567 Café Amazon มียอดขายรวมกว่า 400 ล้านแก้ว ซึ่งถือเป็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ กลุ่มธุรกิจ Global ปรับเพิ่มขึ้น 10.9% ตามปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์เป็นหลัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และมี EBITDA จำนวน 17,666 ล้านบาท อ่อนตัวจากกลุ่มธุรกิจ Mobility แต่กลุ่มธุรกิจ Lifestyle ยังแข็งแกร่งโดยปรับเพิ่มขึ้นจากธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งกลุ่มธุรกิจ Global ก็ปรับเพิ่มขึ้นโดยหลักจากภาพรวมกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรที่ฟื้นตัวในประเทศฟิลิปปินส์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภาพรวมค่าใช้จ่ายดำเนินงานสุทธิปกติยังปรับลดลง 11.7% โดยหลักจากค่าโฆษณาและส่งเสริมการขาย ซึ่งในปีที่ผ่านมามีค่าใช้จ่ายพิเศษเนื่องจากใช้กลยุทธ์การทบทวน Portfolio ยุติธุรกิจที่ไม่ทำกำไร และให้ความสำคัญกับธุรกิจที่ทำกำไรและมีโอกาสเติบโตในอนาคต ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจของ OR ในระยะยาว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/bLhhvbvAMNxjpUhws7Dz.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="bLhhvbvAMNxjpUhws7Dz.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,480"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับกำไรสุทธิ มีจำนวน 7,650 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 3,444 ล้านบาท หรือลดลง 31.0% สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2567 ปรับดีขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมีรายได้ขายและบริการ 185,904 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,773 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.5% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยเพิ่มขึ้นจากทั้งกลุ่มธุรกิจ Mobility และกลุ่มธุรกิจ Lifestyle มี EBITDA จำนวน 4,887 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,124 ล้านบาท หรือมากกว่า 100% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และมีกำไรสุทธิ จำนวน 2,999 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 4,608 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 100%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ในปี 2567 ที่ผ่านมา OR ได้รับการประเมินผลหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ติดอันดับรายชื่อหุ้นยั่งยืนที่ระดับสูงสุด “AAA” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงยังคว้าอันดับ 1 ดัชนีความยั่งยืนระดับโลก DJSI ในกลุ่มธุรกิจค้าปลีกเป็นปีที่ 2 สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจบนรากฐานของความยั่งยืนและได้รับการยอมรับในระดับสากล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับปี 2568 คาดว่าผลการดำเนินงานโดยรวมจะปรับตัวดีขึ้น จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยหลักจากภาคการท่องเที่ยว การบริโภค และการลงทุน โดยคาดว่าในปี 2568 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ ใกล้เคียงระดับปกติ โดยมุ่งเน้นการใช้ Digitalization &amp; Innovation เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับกลุ่มธุรกิจ Mobility ตั้งเป้ารักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าน้ำมันในประเทศไทยและดึง Market share กลับมา มุ่งเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภคและเป็นพาร์ทเนอร์ในการเดินทางสำหรับทุกคน (Mobility Partner) ผ่านเครือข่ายสถานีบริการ PTT Station รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน และเตรียมความพร้อมในการขยายจากธุรกิจน้ำมันสู่ธุรกิจพลังงานแบบผสมผสาน (New Energy-Based) เพื่อรองรับแนวโน้มพลังงานสะอาดในอนาคต เช่น การสร้างเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ การติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) รวมถึงพลังงานทางเลือกอื่นในอนาคต​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/KWpN2hS3uXBkV5GrUyK7.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="KWpN2hS3uXBkV5GrUyK7.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="720,507"><figcaption><div>หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับกลุ่มธุรกิจ Lifestyle จะยังคงรักษาความแข็งแกร่งของ Café Amazon ตลอด Value Chain รวมทั้งหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตให้ครอบคลุมทั้งธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food &amp; Beverage) และธุรกิจไลฟ์สไตล์อื่นๆ เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นแม่เหล็ก (Magnet) ในการดึงดูดลูกค้าให้กับธุรกิจหลักของ OR รวมถึงการศึกษาธุรกิจด้าน Health &amp; Wellness ที่มีโอกาสเติบโตสูง เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในทุกรูปแบบและยกระดับระบบนิเวศทางธุรกิจให้แข็งแกร่ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนกลุ่มธุรกิจ Global ยังคงสานต่อนโยบายในการขยายธุรกิจในประเทศกัมพูชาในฐานะที่เป็น Second Home Base เนื่องจากเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเสถียรภาพทางการเมือง รวมถึงมี Demand สำหรับสินค้าและบริการของ OR รวมถึงแสวงหาโอกาสการเติบโตไปยังประเทศใหม่ โดยร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยสนับสนุนต่อยอดในธุรกิจปัจจุบันมุ่งหวังสู่การเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยในปี 2568 จะใช้งบลงทุนรวม 18,886.9 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในกลุ่มธุรกิจ Mobility จำนวน 7,656.7 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจ Lifestyle จำนวน 7,280.4 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจ Global จำนวน 2,771.8 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจ Innovation &amp; New Business อีกจำนวน 1,178.0 ล้านบาท เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/marketing/or-new-ceo-peekthong-thongyai-first-vision-presentation" alt="ฟื้นความมั่นใจ นลท. หลังหุ้นราคาร่วงตั้งแต่ IPO ภารกิจ ‘ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่’ ซีอีโอคนใหม่ OR">ฟื้นความมั่นใจ นลท. หลังหุ้นราคาร่วงตั้งแต่ IPO ภารกิจ ‘ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่’ ซีอีโอคนใหม่ OR</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

OR เผยปี 67 ภาพรวมรายได้-กำไรลด แต่ ‘ธุรกิจไลฟ์สไตล์’ ยังแกร่ง Cafe Amazon มียอดขายรวมกว่า 400 ล้านแก้ว

<h2>ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ ซีอีโอคนใหม่ OR โชว์วิสัยทัศน์ครั้งแรก ตั้งเป้าฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุน หลังเกิดคำถามว่าทำไมบริษัทยิ่งพัฒนาตัวเองแต่หุ้นยิ่งตก เดินหน้าลุยธุรกิจ Non-Oil เพราะมองว่านี่จะเป็นแม็กเน็ตดึงทราฟฟิกคนเข้าปั๊ม ดันมาร์เก็ตแชร์สู่ 38% </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ทำไมเรายิ่งพัฒนาตัวเอง หุ้นยิ่งตก นั่นคือสิ่งที่คิดว่า งั้นเรามาช่วยกันไหม เพื่อให้คนภายนอกและนักลงทุนมีความมั่นใจใน OR มากขึ้น มีความมั่นใจในความสามารถของคนกลุ่ม ปตท. เพราะถ้าหุ้นตกขนาดนี้ แสดงว่าเขาไม่มั่นใจแล้วล่ะ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผมมีหน้าที่ทำให้คนในองค์กรมีเป้าหมายร่วมกัน คิดร่วมกัน ทำงานร่วมกัน เพื่อข้างนอกจะได้มองว่าบริษัทนี้มีคนเก่งและคนดีนะ เพื่อจะได้ไว้ใจเราอีกครั้งหนึ่ง นี่คือเหตุผลที่ผมสมัครเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้ ท้าทายมาก” ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร&nbsp;บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR คนใหม่ กล่าวในงานแถลงข่าวครั้งแรกของเขาเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2568 ที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แน่นอนว่าการเข้ามารับตำแหน่งของเขาเต็มไปด้วยความท้าทาย เนื่องจากสถานการณ์ของ OR ที่ราคาหุ้นร่วงลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ IPO ในปี 2564 คือราคาหุ้นร่วงลง 14% ต่อปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไม่เพียงเท่านั้น การแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นรวมถึงประเด็นร้อนอย่างกรณีเติมเต็มลิตรหรือไม่เต็มลิตร ยังส่งผลให้ OR สูญเสียมาร์เก็ตแชร์บางส่วนจนมาอยู่ที่ 35% ในปัจจุบันด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ม.ล.ปีกทอง กล่าวในช่วงเริ่มต้นของงานแถลงข่าวว่ายังคงสานต่อวิสัยทัศน์เดิมของ OR คือ “Empowering All toward Inclusive Growth” หรือ “เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน” เพราะการวางวิสัยทัศน์ใหม่นั้นต้องใช้เวลากว่า 6 เดือน ถึง 1 ปี เพื่อให้สามารถสื่อความจนทุกภาคส่วนเข้าใจตรงกันได้​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/PRsPDj4kCGg1ccnyyLqU.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="PRsPDj4kCGg1ccnyyLqU.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภายใต้วิสัยทัศน์ดังที่กล่าวไปข้างต้น ม.ล.ปีกทองวางภาพใหญ่ของเป้าหมายของ OR ไว้ 4 ข้อหลักๆ ด้วยกัน คือ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.Happy Workplace เป็นบริษัทที่คนอยากเข้ามามีส่วนร่วม &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.ในแง่ขององค์กร นอกจากจะทำผลประกอบการรายไตรมาสขึ้นแตะระดับสูงสุด ก็ยังจะดูแลพลังงานให้มีเพียงพอต่อการใช้งาน และผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ในราคาที่เป็นธรรม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.สำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย จะเพิ่ม EBITDA ของธุรกิจไลฟ์สไตล์ให้เป็น 10% CAGR เพราะเป็นธุรกิจที่มี Profit Margin ดี “Non-Oil จะต้องเป็นแม็กเน็ตที่ดึงทราฟฟิกให้คนเข้ามาใช้บริการที่สถานี” ม.ล.ปีกทอง กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4.Sustainability ยังคงเดินหน้าตามเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2030 และ Net Zero ในปี 2050&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ OR ตั้งเป้างบลงทุนสำหรับปีนี้ไว้ที่ 19,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ธุรกิจ Mobility 7.6 พันล้านบาท, ธุรกิจไลฟ์สไตล์ 7.3 พันล้านบาท ที่เหลือจะเป็นงบลงทุนสำหรับธุรกิจต่างประเทศ อินโนเวชั่น และธุรกิจใหม่ โดยมุ่งเสริมความเข้มแข็งใน 3 พันธกิจสำคัญ ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-Seamless Mobility มุ่งเสริมความเป็นผู้นำในธุรกิจน้ำมันผ่านการขยายเครือข่ายสถานีบริการ และเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ฟื้นความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค เพื่อดันมาร์เก็ตแชร์ หรือจำนวนคนที่มาใช้บริการที่สถานีให้ไปสู่ที่สัดส่วน 38% จากปัจจุบันอยู่ที่ 35% โดยได้รับผลกระทบจากประเด็นเติมเต็มลิตรหรือไม่เต็มลิตรในช่วงก่อนหน้านี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังพัฒนาควบคู่ไปกับการก้าวสู่พลังงานทางเลือก เช่น สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV Station PluZ และการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ โดยใช้กลยุทธ์ Thailand Mobility Partner ในการเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจน้ำมัน (Fossil Based) สู่ธุรกิจพลังงานแบบผสมผสาน (New Energy-Based)​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/rzKxgEuLFf7MeP423FcH.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="rzKxgEuLFf7MeP423FcH.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ด้าน All Lifestyles มุ่งเสริมความแข็งแกร่งของ Café Amazon ตลอด Value Chain พร้อมแสวงหาโอกาสการลงทุนร่วมกับพันธมิตรในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงเริ่มศึกษาธุรกิจ Health &amp; Wellness ที่มีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์กระจายพอร์ทการลงทุน (Diversify Portfolio)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้จะปลดล็อก Value ชั้นวางสินค้าภายในร้าน Café Amazon ต้องวางอย่างไรให้น่าสนใจมากที่สุด หรือเกิดการใช้ประโยชน์พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ขณะที่ OR Space วางเป้าไว้ว่า 30-40% ของอัตราการเข้าใช้บริการ จะต้องเป็นการใช้บริการโปรดักต์ของ OR​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/nsCtzTSRe1hLnw6Xmvdb.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="nsCtzTSRe1hLnw6Xmvdb.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วน EV Charger วางเป้าหมายให้เป็น Enabler หรือตัวเปิดโอกาสให้คนมาใช้เวลาอยู่ที่สถานีมากขึ้น โดยตั้งเป้าว่าจะมีหัวชาร์จ DC ให้บริการทั้งสิ้น 5,000 หัวชาร์จ ภายในปี 2030 ซึ่งเป็นการปรับลดเป้าหมายลงจากก่อนหน้านี้ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 7,000 หัวชาร์จ ซึ่งปรับลดตามอัตราการเติบโตของ EV ที่ลดลง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/dYMNEVVG2CazWqzwUzGS.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="dYMNEVVG2CazWqzwUzGS.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-Global Market ที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพสูง โดยมีแผนลงทุนเพื่อสร้างความเข้มแข็งในโครงสร้างพื้นฐานในต่างประเทศ โดยเฉพาะกัมพูชา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ OR จะมุ่งเน้นการขับเคลื่อนองค์กรอย่างรอบด้าน พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Oil Hub แห่งภูมิภาค ด้วยการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจร ทั้งการเชื่อมโยงเครือข่ายด้านน้ำมันระหว่างประเทศ และการสร้าง New Magnet เพื่อยกระดับระบบนิเวศทางธุรกิจให้แข็งแกร่ง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์การเติมเต็มโอกาส เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“OR เปลี่ยนจาก Gas Station เป็น Life Station ตั้งแต่หลายสิบปีก่อน เรามีห้องน้ำสะอาด มีร้านอาหาร มีร้านค้าปลีก นี่คือสเต็ปแรกที่เราทำ แต่สิ่งนี้มัน Copy ได้ ดังนั้น เป็นหน้าที่เราที่จะบูรณาการข้อมูลต่างๆ ที่เรามีแล้วนำมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบในการกระโดดหนีคู่แข่ง” ม.ล.ปีกทอง กล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/TvrR8uueoqbMULTPQqhN.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="TvrR8uueoqbMULTPQqhN.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="4"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ สำหรับปีนี้ OR ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 2-3% ตามการเติบโตของ GDP ประเทศ เครดิตภาพ: OR เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/punthai-coffee-2024-revenue" alt="‘กาแฟพันธุ์ไทย’ โตแรงมาก! ปี 67 กวาดรายได้ 2,575 ล้าน โต 97.4% ปีนี้ตั้งเป้าขยายอีก 600 สาขา">‘กาแฟพันธุ์ไทย’ โตแรงมาก! ปี 67 กวาดรายได้ 2,575 ล้าน โต 97.4% ปีนี้ตั้งเป้าขยายอีก 600 สาขา</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ฟื้นความมั่นใจ นลท. หลังหุ้นราคาร่วงตั้งแต่ IPO ภารกิจ ‘ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่’ ซีอีโอคนใหม่ OR

<h2>OR ร่วมกับ บาชุนดารา กรุ๊ป (Bashundhara Group) ขยายธุรกิจ Café Amazon สู่ตลาดบังกลาเทศ ตั้งเป้าเปิดสาขาแรกภายในไตรมาส 4 ปี 2567 พร้อมวางแผนขยาย 100 สาขา ชูจุดแข็งความนิยมในแบรนด์และผลิตภัณฑ์จากไทย มุ่งสร้างการเติบโตร่วมกับสังคมและเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR และนายอาห์เมด อัคบาร์ โซบาน (Ahmed Akbar Sobhan) ประธานกรรมการ บาชุนดารา กรุ๊ป (Chairman of Bashundhara Group) ร่วมลงนามสัญญาการมอบสิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์ (Master Franchise) คาเฟ่ อเมซอน ในประเทศบังกลาเทศอย่างเป็นทางการ โดยวางแผนจะเปิดคาเฟ่ อเมซอน สาขาแรกในภายไตรมาส 4 ของปี 2567 และมีเป้าหมายเปิดร้านอย่างน้อย 100 สาขาต่อไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายดิษทัต เปิดเผยว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการขยายธุรกิจคาเฟ่ อเมซอน สู่ตลาดบังกลาเทศ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว ตลาดผู้บริโภคที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และวัฒนธรรมการบริโภคกาแฟที่กำลังเติบโตอย่างมาก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวบังกลาเทศยังมีความชื่นชอบในสินค้าและแบรนด์จากประเทศไทย เนื่องจากไว้วางใจในคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ รวมถึงมีความเชื่อมั่นในแบรนด์ที่มาจากประเทศไทย และยังเป็นการเสริมสร้างศักยภาพกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ของ OR แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สอดคล้องกับหนึ่งในพันธกิจของ OR ที่มุ่งสร้างทางเลือกเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคทุกไลฟ์สไตล์อย่างครบวงจร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การขยายธุรกิจครั้งนี้ OR หวังว่าด้วยความชำนาญในธุรกิจกาแฟของ OR ที่ช่วยส่งเสริมศักยภาพในการเติบโตของคาเฟ่ อเมซอน ผนวกกับความเชี่ยวชาญในการบริหารธุรกิจหลากหลาย ซึ่งครอบคลุมธุรกิจด้านอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มของบาชุนดารา กรุ๊ป จะทำให้ คาเฟ่ อเมซอน ได้รับการต้อนรับจากผู้บริโภคในบังกลาเทศเป็นอย่างดี และสามารถร่วมกันสร้างโอกาสในการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย OR จะเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่ง และจะยังคงพัฒนาธุรกิจคาเฟ่ อเมซอน อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอเครื่องดื่มและบริการที่ดีที่สุดแก่ผู้บริโภคชาวบังกลาเทศต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของ OR ในการขยายฐานการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันกับสังคม ชุมชน และเศรษฐกิจในพื้นที่ ตลอดจนสร้างความสำเร็จและการยอมรับในตลาดโลก นอกจากนี้ ความร่วมมือดังกล่าวยังเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของ OR คือ “Empowering All toward Inclusive Growth” หรือ เติมเต็มโอกาสเพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/global/starbucks-q-3-2024-sales-declined" alt="หมดยุคกาแฟแพง! ผู้บริโภครัดเข็มขัด ฉุดรายได้ Starbucks ไตรมาสล่าสุดร่วง 3%">หมดยุคกาแฟแพง! ผู้บริโภครัดเข็มขัด ฉุดรายได้ Starbucks ไตรมาสล่าสุดร่วง 3%</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

OR พา ‘คาเฟ่ อเมซอน’ บุกบังกลาเทศ ตั้งเป้าเปิดสาขาแรกไตรมาส 4 ปีนี้

<h2>OR เปิดคาเฟ่ อเมซอน 2 สาขาที่ ‘รัฐปีนัง’ ประเทศมาเลเซีย ส่งมอบประสบการณ์และรสชาติกาแฟที่มีเอกลักษณ์แบบไทยสู่ต่างประเทศ ประกาศขยายเพิ่มในมาเลเซียอีก 11 สาขาปีนี้</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นางสาว ลิม ฮุย ยิง (YB Lim Hui Ying) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ประเทศมาเลเซีย และ นายรัชฎา จิวาลัย กงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง พร้อมด้วย นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) ร่วมกับผู้แทน บริษัท คาเฟ่ ฮับ จำกัด (Café Hub Sdn. Bhd.) พันธมิตรทางธุรกิจในประเทศมาเลเซีย ร่วมพิธีเปิดร้านคาเฟ่ อเมซอน จำนวน 2 สาขา ในรัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย อย่างเป็นทางการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยสองสาขาดังกล่าว ได้แก่ สาขาเกอร์นี่ ไดรฟ์ (Gurney Drive) ซึ่งเป็นสาขาแรกบนเกาะปีนัง (Penang Island) และสาขาออโต้ ซิตี้ (Auto City) โดยถือเป็นอีกก้าวสำคัญของคาเฟ่ อเมซอน ในประเทศมาเลเซีย ต่อเนื่องจากความสำเร็จของการเปิดสาขา ซันเวย์ คาร์นิวัล มอลล์ (Café Amazon Sunway Carnival Mall) ในรัฐปีนัง เมื่อปี 2566​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/wwYb1kc7UGU5oyQYoFKQ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="wwYb1kc7UGU5oyQYoFKQ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,481"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยทั้งสามสาขาได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้บริโภคชาวมาเลเซีย สะท้อนถึงโอกาสการเติบโตของ แบรนด์คาเฟ่ อเมซอน ในตลาดต่างประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ จุดเด่นของร้านคาเฟ่ อเมซอน ในประเทศมาเลเซีย มีแนวคิดที่ต้องการส่งมอบประสบการณ์และรสชาติที่มีเอกลักษณ์แบบไทยสู่ผู้บริโภคชาวมาเลเซีย ในบรรยากาศที่สดชื่นและอุดมด้วยธรรมชาติ ให้สามารถเพลิดเพลินกับกาแฟไทยรสชาติดีได้อย่างผ่อนคลาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พร้อมตอบโจทย์วัฒนธรรมของชาวมุสลิม ที่นิยมรับประทานอาหารช่วงดึก ร้านคาเฟ่ อเมซอน ในมาเลเซีย จึงเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00 น. จนถึงเที่ยงคืน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ยังมีสูตรอาหารมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เปิดประสบการณ์ใหม่ของเครื่องดื่ม และอาหารสูตรต้นตำรับที่ผสมผสานสไตล์มาเลเซีย ไทย และตะวันตกเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น อเมซอนเย็น (Iced Amazon) นาซีเลอมักเขียวหวานไก่ (Nasik Lemak with green curry chicken) พาสต้าต้มยำกุ้ง (Tomyam Shrimp Pasta) และ โทสต์สังขยาใบเตย (Pandan Toast) เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยกระแสตอบรับที่ดีต่อเนื่อง บริษัท คาเฟ่ ฮับ จำกัด จึงมีแผนเชิงรุกที่จะขยายสาขา คาเฟ่ อเมซอน ในประเทศมาเลเซียเพิ่มอีก 11 สาขา ภายในสิ้นปีนี้ ตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์ร้านกาแฟไทยในฐานะแบรนด์ระดับโลก ที่พร้อมเติบโตไปพร้อมกับผู้บริโภคทั่วภูมิภาคอาเซียน เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/bar-b-q-plaza-x-lays" alt="รับมือร้านปิ้งย่างแข่งขันสูง! ‘บาร์บีคิวพลาซ่า X เลย์’ ออกรสชาติใหม่ หวังพาแบรนด์ไปอยู่ในทุกไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค">รับมือร้านปิ้งย่างแข่งขันสูง! ‘บาร์บีคิวพลาซ่า X เลย์’ ออกรสชาติใหม่ หวังพาแบรนด์ไปอยู่ในทุกไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

OR เปิดคาเฟ่ อเมซอน 2 สาขาที่ ‘ปีนัง’ เดินหน้าขยายอีก 11 สาขาในมาเลเซียปีนี้

<h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นิตยา ธำรงราชนิติ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์และการตลาด คาเฟ่อเมซอน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) และ จันต์สุดา ธนานิตยอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพาณิชย์และการตลาด แกร็บ ประเทศไทย ผุดไอเดีย “รับเอง งดแยกน้ำแข็ง” ชวนลูกค้าคาเฟ่ อเมซอนที่ใช้บริการเดลิเวอรีผ่านแกร็บ ร่วมลดขยะพลาสติกจากการเลือก “ไม่แยกน้ำแข็ง” ด้วยการรับเองที่หน้าร้าน (Self Pick-Up)</h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คาเฟ่ อเมซอน ผนึก แกร็บ ต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจ ร่วมผลักดันประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ชวนลูกค้าเดลิเวอรีรักษ์โลก-ลดใช้พลาสติกครั้งเดียวทิ้ง ผ่านโครงการ “รับเอง งดแยกน้ำแข็ง ” ส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการลดขยะพลาสติกจากการเลือก “ไม่แยกน้ำแข็ง” เมื่อสั่งเครื่องดื่มผ่านบริการ “รับเองที่ร้าน” (Self Pick-Up) ซึ่งมีให้บริการเฉพาะที่แกร็บเท่านั้น โดยคาดว่าจะช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกได้กว่า 8 แสนชิ้นต่อปี พร้อมเตรียมปล่อยแคมเปญและกิจกรรมการตลาดร่วมกันตลอดปี หวังดันตลาดเดลิเวอรีด้วยกลยุทธ์ “Green Marketing” ชวนผู้บริโภคดื่มกาแฟแบบคนรักษ์โลกผ่านแก้ว “อเมซอน ไบโอ คัพ”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/jatoJ1nFRdUGdbPvErBR.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="jatoJ1nFRdUGdbPvErBR.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="1920,1280" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นิตยา ธำรงราชนิติ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์และการตลาด คาเฟ่อเมซอน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวว่า “นโยบายหรือพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อมของ OR มุ่งเน้นการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ (Net Zero) ผ่านการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ของใช้ภายในร้านคาเฟ่ อเมซอน ทั้งแก้วร้อน BIO แก้วเย็น PLA รวมทั้งหลอด BIO ที่ผลิตจากพืช เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสลายตัวได้ทางชีวภาพ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ OR ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับแกร็บมากว่า 5 ปี นอกจากความร่วมมือทางธุรกิจแล้ว OR ยังต้องการขยายความร่วมมือกับแกร็บในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากทั้ง OR และแกร็บต่างมีพันธกิจในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมไปในทิศทางเดียวกัน อีกทั้งแกร็บยังเป็นแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีอันดับหนึ่ง เข้าถึงผู้ใช้บริการหลายล้านราย ความร่วมมือในครั้งนี้ OR โดยคาเฟ่ อเมซอน ต้องการร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมผ่านไอเดีย "รับเอง ไม่แยกน้ำแข็ง" ที่คาดว่าจะช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกจากการไม่แยกน้ำแข็งได้กว่า 8 แสนชิ้นต่อปี ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่านแนวคิด SDG ในแบบฉบับของ OR หรือ OR SDG ที่จะตอบโจทย์เป้าหมาย "G" หรือ "GREEN" ในการมุ่งสร้างสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืนอีกด้วย”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/JwH72dsSkizk8TSjMK97.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="JwH72dsSkizk8TSjMK97.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="1920,1280" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จันต์สุดา ธนานิตยอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพาณิชย์และการตลาด แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “การส่งเสริมความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Sustainability) ถือเป็นหนึ่งในเสาหลักของการดำเนินธุรกิจของแกร็บ ภายใต้พันธกิจที่เรียกว่า "แกร็บ…เพื่อชีวิตที่ดีกว่า" (GrabForGood) ซึ่งหนึ่งในโครงการหลักคือการส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการของเราร่วมลดปริมาณการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง โดยการพัฒนาฟีเจอร์ “เลือกไม่รับช้อนส้อมพลาสติกแบบอัตโนมัติ” (Plastic cutlery opt-out feature) ตั้้งแต่ปี 2562 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้บริการ โดยในปีที่ผ่านมาฟีเจอร์นี้สามารถลดปริมาณการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งไปได้มากกว่า 8,000 ตันทั่วทั้งภูมิภาค1”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“สำหรับการผนึกความร่วมมือกับ คาเฟ่ อเมซอน ในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการต่อยอดความร่วมมือในเชิงธุรกิจแล้ว ยังถือเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของแกร็บที่ต้องการมีส่วนร่วมในการรับมือกับประเด็นปัญหาในด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเด็นด้านขยะพลาสติก ซึ่งถือเป็นความท้าทายในระดับโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยเราเล็งเห็นว่ากาแฟเป็นเมนูเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดบนแพลตฟอร์ม เราจึงได้ริเริ่มโครงการ "รับเอง ไม่แยกน้ำแข็ง" ร่วมกับคาเฟ่ อเมซอน ซึ่งถือเป็นเชนร้านกาแฟที่มีสาขามากที่สุดและมียอดขายสูงสุดบนแกร็บ เพื่อเชิญชวนให้ผู้ใช้บริการสั่งเครื่องดื่มผ่านบริการรับเองที่ร้าน (Self Pick-Up)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ เรายังมีแผนในการทำกิจกรรมการตลาดร่วมกันผ่านแคมเปญต่างๆ ตลอดทั้งปี โดยเน้นให้ผู้บริโภคหันมาดื่มกาแฟแบบคนรักษ์โลกผ่านแก้วอเมซอน ไบโอ คัพ (Amazon Bio Cup) เพื่อผลักดันตลาดเดลิเวอรีควบคู่ไปกับการส่งเสริมความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม” &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/smd-%E0%B9%82%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B9%8C%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88-%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%95-257-%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87" alt="SMD โชว์ผลงาน หลังทรานฟอร์มธุรกิจครั้งใหญ่ เติบโต 257% เล็งต่อยอดธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง">SMD โชว์ผลงาน หลังทรานฟอร์มธุรกิจครั้งใหญ่ เติบโต 257% เล็งต่อยอดธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>&nbsp;​

คาเฟ่ อเมซอน ผนึก แกร็บ ดันตลาดเดลิเวอรีด้วย “ไบโอ คัพ” ผุดไอเดีย “รับเอง งดแยกน้ำแข็ง”

เบื้องหลังปรากฎการณ์ยอดจองซื้อหุ้น IPO ของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ จากนักลงทุนรายย่อย สูงกว่า 530,000 รายการ ได้สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของตลาดหุ้นไทย นับตั้งแต่มีการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนบริษัทไทยกันมาโดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคาเสนอขาย (IPO) ที่ 208,980 ล้านบาท ส่งผลให้ โออาร์ ได้รับการจัดเข้าไปรวมอยู่ในดัชนี SET50 และ SET100 จากเกณฑ์ Fast-track

<figure><img class="wp-image-42293 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/tre.jpg" alt="" width="324" height="480" /><figcaption> จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ⠀⠀⠀และกรรมการผู้จัดการใหญ่</figcaption></figure>

จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ซีอีโอหญิงคนแรก        ของ โออาร์ ที่สั่งสมประสบการณ์บริหารธุรกิจพลังงานมากว่า 30 ปี เป็นผู้นำทัพสู่ความสำเร็จครั้งนี้ ได้มาเล่าถึงเคล็ดลับและเส้นทางธุรกิจในอนาคตของ โออาร์ “ความท้าทายในการขับเคลื่อนธุรกิจของ โออาร์ ที่แตกต่างจากหลายองค์กร เราเป็นองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพอันแข็งแกร่ง ด้วยรายได้กว่า 5.7 แสนล้านบาทต่อปี นอกจากต้องรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดธุรกิจค้าน้ำมันและธุรกิจค้าปลีกด้วยการพัฒนาการตลาดที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวัน โดยมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) แล้วเรายังมีจุดยืนที่ชัดเจนในการเป็นธุรกิจที่เกื้อกูลสังคมหรือ Social Inclusiveness ที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสังคม    สิ่งแวดล้อม และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชุมชน นั่นหมายถึง การขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศจะช่วยสร้างงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ประชาชนในพื้นที่นั้นๆ ได้รับประโยชน์ควบคู่กับการเติบโตทางธุรกิจของ โออาร์”

พัฒนาการของ โออาร์

โออาร์ จัดตั้งขึ้นในปี 2561 จากเดิมที่เป็นหน่วยธุรกิจหนึ่งของ ปตท. โดยมีจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในปี 2545 ที่ได้เริ่มนำธุรกิจ Non-Oil หรือธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ เข้ามาให้บริการภายในสถานีบริการน้ำมันเป็นรายแรกของประเทศ ด้วยแนวทางการให้บริการแบบ One Stop Service ที่ว่าสถานีบริการน้ำมันควรเป็นทั้งจุดแวะพักเพื่อเติมพลังงานให้กับรถยนต์ ไม่ว่าจะเดินทางจากบ้านไปที่ทำงาน หรือไปท่องเที่ยวในต่างจังหวัด และยังต้องสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้ด้วย

<figure><img class="wp-image-42303 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/one.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> ร้าน Café Amazon</figcaption></figure>

“สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกสดชื่น ไม่ง่วงไม่หลับ ขับรถด้วยความปลอดภัย นั่นคือกาแฟ จึงเป็นจุดกำเนิดของร้าน Café Amazon ที่วางคอนเซ็ปต์การออกแบบให้ผู้บริโภคเข้ามาพักผ่อน เติมความสดชื่นก่อนเดินทางต่อไปอย่างปลอดภัย คาเฟ่ของเราจึงมีบรรยากาศแบบ Green Oasis ร่มรื่น อีกทั้งรสชาติของกาแฟก็มีเอกลักษณ์ในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ จากนั้นธุรกิจค้าปลีกของ โออาร์ ได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดอย่างรอบด้านแก่ผู้บริโภค ชุมชน พันธมิตร และพนักงาน” จิราพร ย้อนที่มาของธุรกิจค้าปลีก โออาร์

เคล็ดลับบริหาร : Retail คือ Detail

ด้วยความเป็นคนช่างสังเกต เปิดใจในการเรียนรู้สิ่งใหม่ และประสบการณ์การทำงานด้านบัญชีได้หล่อหลอมแนวทางบริหารงานของจิราพรที่มองทั้งภาพใหญ่ด้านการเติบโตของธุรกิจ ขณะเดียวกันก็สามารถมองลึกลงไปในรายละเอียดถึงการสนองความต้องการของผู้บริโภคและผู้เกี่ยวข้อง

“การทำธุรกิจ Retail เราต้องลง Detail ใส่ใจผู้บริโภคในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เราต้องมีไอเดียใหม่เสมอ ต้องใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการปรับเปลี่ยนพัฒนาและต่อยอดธุรกิจค้าปลีกให้ประสบความสำเร็จและเติบโตไปด้วยกันได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น

รายละเอียดที่เราได้เห็นและมีประสบการณ์ในการพัฒนาสถานีบริการน้ำมัน PTT Station คือ รูปลักษณ์สถานีบริการน้ำมันที่ทันสมัย ออกแบบโดยคำนึงถึงอารยสถาปัตย์ หรือ Friendly Design เพื่อสร้างความสุขและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย และทุกสภาพร่างกายให้สามารถเข้าใช้บริการได้อย่างสะดวก ปลอดภัย เท่าเทียม และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” ซีอีโอหญิงคนแรกของบริษัทในกลุ่ม ปตท. กล่าว

เจาะลึกโมเดลธุรกิจ “Retailing Beyond Fuel” 

ผลจากการสร้างแบรนด์ Café Amazon สู่ความสำเร็จทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการต่อยอดให้ทุกสถานีบริการน้ำมัน PTT Station มีพื้นที่สำหรับร้านค้าปลีกในรูปแบบ Living Community ที่ให้บริการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคให้ครบครันมากขึ้น ทำให้เราสร้างประโยชน์และความเข้มแข็งให้กับสังคมชุมชนโดยรอบยิ่งขึ้นด้วย เรามีร้านค้าชุมชนมาเช่าพื้นที่ค้าขายประจำ และยังเปิดพื้นที่ปันสุขให้เกษตรกรนำสินค้าล้นตลาดมาขายได้โดยไม่คิดค่าเช่า

<img class="size-full wp-image-42317 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/f.jpg" alt="" width="348" height="480" />

ปัจจุบันธุรกิจค้าปลีกของ โออาร์ ยังพัฒนามาสู่การเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์ (Master Franchise) ของ    Texas Chicken ไก่ทอดชื่อดัง ที่มีต้นกำเนิดที่เมือง San Antonio รัฐ Texas และร้านสะดวกซื้อทั้ง Jiffy และ 7-Eleven ในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station

สนับสนุนชุมชน รวมพลังสร้างสุข

“ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 การเดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าเริ่มไม่สะดวก ทำให้ผู้บริโภคต้องปรับตัว ธุรกิจค้าปลีกของ โออาร์ ในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station เกือบ 2,000 แห่งที่กระจายอยู่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศก็ได้ปรับตัวให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายยิ่งกว่าเดิม เราได้เพิ่มบริการ Food Delivery ให้กับธุรกิจ    ค้าปลีกและบริการด้านอาหารของเราอีกด้วย” จิราพรกล่าว

มุ่งสู่เป้าหมาย Global Brand 

ความสำเร็จของธุรกิจน้ำมันในตลาดต่างประเทศของ โออาร์ มาจากการร่วมลงทุนขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมัน PTT Station และธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ กว่า 10 ประเทศ การส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นคุณภาพสูงสู่กว่า 40 ประเทศทั่วโลก รวมถึงการจำหน่ายน้ำมันเพื่อธุรกิจขนส่งทางเรือและ ทางอากาศ

Café Amazon ในต่างประเทศได้มีส่วนสร้างให้เกิดแบรนด์ร้านกาแฟที่มีสาขามากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และติดอันดับ 6 ของโลก (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 โดย Euromonitor)

“ธุรกิจต่างประเทศจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยการเติบโต (Growth Engine) เรามีเป้าหมายเพิ่มสถานีบริการน้ำมัน PTT Station อีก 650 สาขา และ Café Amazon อีกกว่า 550 สาขาในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นร่วมลงทุนกับเราได้ โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV ทั้งใน กัมพูชา ลาว    เมียนมา และเวียดนาม เรายังมีการปรับปรุงสินค้าให้เหมาะกับผู้บริโภคท้องถิ่น (Localize) มากขึ้น เช่น Café Amazon แถบตอนใต้ของประเทศจีนได้ลดขนาดแก้วกาแฟเย็นและขนาดน้ำแข็งให้เล็กกว่าในไทย อีกทั้งพัฒนาเมนูที่มีส่วนผสมของทุเรียนและมะพร้าวอ่อน ที่เป็นผลไม้โปรดของชาวจีน” จิราพรเผย

<figure><img class="wp-image-42327 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/tw.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> โครงการไทยเด็ด</figcaption></figure>

Work-Life Balance 

แม้งานจะรัดตัวในฐานะแม่ทัพหญิง ของ โออาร์ จิราพรยังมีกิจกรรมโปรดในวันหยุดและเวลาว่าง คือ    การขับรถท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและชุมชนในต่างจังหวัด ทำให้ได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนต่างๆ ที่มีสินค้านำมาขาย จึงเป็นที่มาของการขยายโครงการไทยเด็ด ที่ทาง โออาร์ สนับสนุนสินค้าจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนประจำจังหวัดมาจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station

เส้นทางการเติบโตอย่างยั่งยืนของ โออาร์ บนความรับผิดชอบของจิราพรมีหลากหลายมิติที่ต้องให้ความสำคัญ ทั้งการทำงานเป็นทีมที่เน้นขับเคลื่อนปฏิบัติการที่รวดเร็วอย่างมีประสิทธิภาพ (Speed Execution) ที่ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ล้วนผลักดันให้ โออาร์ เป็นหนึ่งในองค์กรชั้นนำของประเทศที่เป็นความภูมิใจของคนไทยที่สามารถสร้างแบรนด์สินค้าและบริการที่มีมาตรฐาน มีศักยภาพสูงพร้อมขยายประโยชน์สู่คนไทยและสร้างโอกาสธุรกิจที่ไร้พรมแดนและไร้ขีดจำกัด

“จิราพร ขาวสวัสดิ์” แม่ทัพหญิงของ โออาร์ เปิดกลยุทธ์ “RETAILING BEYOND FUEL” ต่อยอด PTT STATION สร้างสุขทุกภาคส่วน ผลักดันธุรกิจค้าปลีก สร้างแบรนด์ระดับโลก

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events