<h2>การฟัง หนึ่งในทักษะดูเหมือนง่ายที่หลายคนอาจละเลย แต่ Daniel Ek ซีอีโอแห่ง Spotify ได้ย้ำเตือนให้ทุกคนหันมาใส่ใจการรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นกันอีกครั้ง พร้อมบอกเล่าประสบการณ์เบื้องหลังความสำเร็จของฟีเจอร์ Discover Weekly</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผมดีใจจริงๆ เวลาที่ทีมของผมแสดงให้เห็นว่าผมคิดผิด”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Daniel Ek ซีอีโอแห่ง Spotify ทวีตข้อความดังกล่าวในเดือนกันยายนปี 2023 พร้อมเล่าว่าตอนที่ทีมของเขามาเสนอไอเดียทำ Discover Weekly เพลย์ลิสต์ 30 เพลงรายสัปดาห์สำหรับผู้ฟัง Spotify แต่ละคนโดยเฉพาะ เขาไม่เห็นว่ามันจะพิเศษตรงไหน กระนั้นทีมของเขายังคงดำเนินการต่อ และความตื่นเต้นก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนวันเปิดตัว Discover Weekly ผลตอบรับออกมาดีเกินคาด ปัจจุบันมันกลายเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ยอดนิยมของ Spotify&nbsp; &nbsp;&nbsp;ประสบการณ์ครั้งนั้นมอบบทเรียนอันทรงพลังแก่ Ek&nbsp; &nbsp;&nbsp;“หนึ่งในทักษะที่ถูกละเลยมากที่สุดในสังคมเราคือการรับฟัง” Ek กล่าว “ผมจึงทวีตข้อความเหล่านี้เพื่อย้ำเตือนตัวเองว่าให้พยายามเป็นผู้ฟังที่ดียิ่งขึ้น”&nbsp; &nbsp;&nbsp;ด้วยประโยคนั้น “ผมดีใจจริงๆ เวลาที่ทีมของผมแสดงให้เห็นว่าผมคิดผิด” Ek ได้สอนบทเรียนล้ำค่าแก่บรรดาผู้นำธุรกิจทั้งหลาย ว่าด้วยเรื่องของความอ่อนน้อมถ่อมตนและความฉลาดทางอารมณ์​<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/04/fXYhGavZcosTHn31fJ7Y.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="fXYhGavZcosTHn31fJ7Y.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"><figcaption><div>Daniel Ek</div></figcaption></figure></div>&nbsp; &nbsp;&nbsp;มาพิจารณากันว่าเหตุใดการฟังจึงเป็นสิ่งสำคัญ และทำไมคุณถึงควรปล่อยให้ทีมลองไล่ตามเป้าหมายที่พวกเขาหลงใหลดูบ้าง แม้คุณจะไม่เห็นด้วยก็ตาม การฟังคือพลังอันยิ่งใหญ่&nbsp; &nbsp;&nbsp;Ek พูดถูกร้อยเปอร์เซ็นต์ในประเด็นที่ว่าการฟังคือทักษะที่ถูกละเลยในทุกวันนี้ มีผู้นำมากมายที่...&nbsp; &nbsp; - ดูโทรศัพท์มือถือตอนสมาชิกทีมมาพูดคุยด้วย&nbsp; &nbsp; - มักจะขัดคอสมาชิกทีมบ่อยครั้ง&nbsp; &nbsp; - รีบปฏิเสธไอเดียของสมาชิกทีม บอกว่ามันไม่ได้ผลหรอก&nbsp; &nbsp; - แนะนำวิธีแก้ปัญหาที่พวกเขาไม่เข้าใจทั้งหมด&nbsp; &nbsp;&nbsp;ตรงกันข้าม มีหัวหน้าทีมที่รู้วิธีการฟังด้วยเช่นกัน เมื่อสมาชิกทีมพูด เขาจะไม่คิดว่าจะตอบกลับไปอย่างไร แต่จะตั้งใจฟังโดยไม่ขัด มีการจดบันทึก ถามคำถาม และขอให้สมาชิกทีมช่วยขยายความแบ่งปันข้อคิดเห็นต่างๆ มากขึ้น จากนั้นหัวหน้าทีมจึงจะใช้เวลาไตร่ตรองกับสิ่งที่เพิ่งได้ฟังแทนที่จะรีบข้ามไปยังข้อสรุป&nbsp; &nbsp;&nbsp;หัวหน้าทีมที่รับฟังจะเข้าใจสมาชิกทีมและอุปสรรคต่างๆ ได้ดีกว่า อีกทั้งยังมีการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกันระหว่างทำงาน ซึ่งเป็นเหตุผลอธิบายว่าทำไมการฟังจึงเทียบเท่ากับพลังอันยิ่งใหญ่&nbsp; &nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ การที่หัวหน้ายอมปล่อยให้ทีมทำงานต่อพร้อมกับไอเดียที่พวกเขาหลงใหล แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ค่อยเห็นด้วย นับเป็นสิ่งสำคัญมาก นั่นก็เพราะหัวหน้าทีมก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ย่อมคิดผิดได้ การให้ไฟเขียวแก่สมาชิกทีมเมื่อพวกเขามีอารมณ์มุ่งมั่นกับบางสิ่งบางอย่าง ยังเป็นการสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งมีประโยชน์กว่าการขัดขวางข้อดีเหล่านั้น&nbsp; &nbsp;&nbsp;แต่จะสร้างวัฒนธรรมการฟังในทีมได้อย่างไร? และมีวิธีการใดที่จะช่วยให้คุณหรือคนอื่นๆ ยอมรับ เมื่อมีใครสักคนไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งสุดท้าย?&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มี 2 ประเด็นที่อยากชวนให้คิดตาม กฎแห่งความเงียบอันน่าอึดอัด (The Rule of Awkward Silence)&nbsp; &nbsp;&nbsp;หนึ่งในวิธีการที่ดีที่สุดในการผลักดันวัฒนธรรมการฟังคือ จงทำตัวให้คุ้นชินกับความเงียบที่น่าอึดอัด ไม่ว่าจะในการประชุมหรือการสนทนาตัวต่อตัวก็ตามแต่ เมื่อทำเช่นนี้ คุณและสมาชิกทีมของคุณจะมีเวลาคิดทบทวน แทนที่จะรีบไปต่อเพื่อทำลายความเงียบ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/04/K44u6srrteczBDJQTxSF.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="K44u6srrteczBDJQTxSF.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" data-rotatex="" data-rotatey="" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp; &nbsp;&nbsp;ในการใช้กฎแห่งความเงียบอันน่าอึดอัดนี้ ลองกระตุ้นสมาชิกทีมให้คิดคำตอบที่ผ่านการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน และแสดงความคิดเห็นออกมาแบบหมดเปลือก แม้ระหว่างกระบวนการจะต้องเงียบจนรู้สึกอึดอัด อาจจะ 10 วินาที, 20 วินาที, 30 วินาที หรือมากกว่านั้น&nbsp; &nbsp; เมื่อดำเนินตามกฎข้อนี้ คุณต้องเตือนตัวเองไม่ให้พาบทสนทนาออกนอกประเด็น คอยกระตุ้นการคิดเชิงวิพากษ์ และลองให้สมาชิกที่ขี้อายหรือพูดน้อยได้แบ่งปันความคิดดูบ้าง &nbsp; &nbsp;&nbsp;เมื่อมีใครสักคนเริ่มพูด ขอให้ตั้งใจฟัง คอยถามคำถามเป็นระยะเพื่อให้มั่นใจว่าคุณเข้าใจประเด็นที่เขาต้องการสื่อจริงๆ แต่เมื่อคุณอภิปรายกับทีมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาต้องตัดสินใจ ให้ไปยังกฎข้อต่อไป กฎแห่งการไม่เห็นด้วยและยอมรับ (Disagree and Commit)&nbsp; &nbsp;&nbsp;“ไม่เห็นด้วยและยอมรับ” คือหลักการบริหารจัดการอันเก่าแก่ที่กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งเมื่อ Jeff Bezos ซีอีโอแห่ง Amazon กล่าวในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นเมื่อปี 2017&nbsp; &nbsp;&nbsp;หลักการนี้มีอยู่ว่า เมื่อทีมได้พูดคุยเกี่ยวกับประเด็นใดประเด็นหนึ่งอย่างครบถ้วนและตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว คุณต้องยอมรับและทำให้ผลลัพธ์ของการตัดสินใจนั้นออกมาดีที่สุด แม้ว่าคุณจะไม่เห็นด้วยก็ตาม&nbsp; &nbsp;&nbsp;กฎข้อนี้ต้องใช้กับทุกคนในทีม เริ่มจากหัวหน้าเป็นคนแรก&nbsp; &nbsp;&nbsp;“ผมไม่เห็นด้วยและยอมรับตลอดเลยครับ” Bezos กล่าว ทว่าการไม่เห็นด้วยและยอมรับไม่ใช่การคิดว่าทีมของคุณนั้นผิดและไม่เข้าประเด็น ซึ่งจะทำให้คุณออกห่างจากการให้การสนับสนุนทีม&nbsp; &nbsp;&nbsp;Bezos อธิบายว่า อันที่จริง “มันคือการไม่เห็นด้วยกับความคิดใดความคิดหนึ่งจริงๆ แสดงออกถึงมุมมองของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา เปิดโอกาสให้ทีมได้ลองชั่งน้ำหนักความคิดของผม แล้วจากนั้นผมก็จะยอมรับแนวทางของพวกเขาอย่างรวดเร็วและจริงใจ”​&nbsp; &nbsp; นี่เป็นสิ่งที่ Ek ทำกับ Discover Weekly ของ Spotify ด้วยเช่นกัน แม้มองไม่เห็นคุณค่าที่แท้จริงของมัน เขาก็ตัดสินใจไฟเขียวให้ไปต่อ จากนั้นจึงให้การสนับสนุนตลอดจนทรัพยากรที่ทีมต้องการเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีโอกาสประสบผลสำเร็จมากที่สุด <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/04/yYNe47rkUGEpGkum9wVZ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,270px" data-align="center" data-file-name="yYNe47rkUGEpGkum9wVZ.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,270" data-origin="720px,270px" style="width: 720px; height: 270px;" data-index="2"></figure></div>​&nbsp; &nbsp;&nbsp;ในการฝึกไม่เห็นด้วยและยอมรับ คุณและสมาชิกทีมจะช่วยเติมเต็มความมั่นใจให้กันและกัน คุณให้พื้นที่คนอื่นๆ ได้ทดลอง เติบโต และเหนืออื่นใด คุณสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ&nbsp; &nbsp;&nbsp;แน่นอนว่า ในฐานะผู้นำ บางครั้งคุณจะเผชิญการตัดสินใจอันยากลำบาก เมื่อต้องปัดตกผลิตภัณฑ์หรือไอเดียที่ทีมสนใจเอามากๆ ซึ่งในกรณีนั้น ทีมของคุณคือฝ่ายที่ต้องไม่เห็นด้วยและยอมรับ&nbsp; &nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม หากคุณสามารถฝึกฝนที่จะไม่เห็นด้วยและยอมรับร่วมกับพวกเขาในเวลาที่เหมาะสม ก็ไม่ใช่เรื่องยากหากพวกเขาจะต้องทำแบบเดียวกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดังนั้น จำไว้ว่าคุณมีสิทธิพิเศษด้วยตำแหน่งหน้าที่ในการเป็นผู้นำ อย่าปล่อยปละละเลยให้มันเสียเปล่า พึงระลึกว่าคุณไม่ได้รู้ทุกเรื่องและเต็มใจจะเรียนรู้จากผู้คนรอบข้าง ลองนำกฎเหล่านี้มาใช้เพื่อพัฒนาทักษะการฟังของตัวเอง เป็นผู้ฟังที่ดีที่สามารถสนับสนุนและทำให้ทีมรู้สึกปลอดภัย ตลอดจนผลักดันวัฒนธรรมนี้ไปยังคนอื่นๆ&nbsp; &nbsp;&nbsp;เพราะเราทุกคนต่างก็ทำผิดพลาดได้เป็นบางครั้ง การที่ Ek เตือนให้เรารับฟังจึงเป็นสิ่งสำคัญ แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.inc.com/justin-bariso/emotional-intelligence-leadership-spotify-ceo-how-to-listen-how-to-lead.html" alt="Spotify's CEO Just Taught a Powerful Lesson in Leadership.">Spotify's CEO Just Taught a Powerful Lesson in Leadership</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/global-world/bernard-arnault-billionaire-who-owns-lvmh-empire" alt="Bernard Arnault มหาเศรษฐีผู้ครองบัลลังก์อาณาจักรแฟชั่นลักชัวรี LVMH">Bernard Arnault มหาเศรษฐีผู้ครองบัลลังก์อาณาจักรแฟชั่นลักชัวรี LVMH</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เพราะไม่ว่าใครก็ผิดพลาดได้ “การฟัง” จึงเป็นทักษะสำคัญที่ Daniel Ek แห่ง Spotify ย้ำเตือน

Daniel Ek แห่ง Spotify ผู้สร้างโลกของเสียงอันไร้พรมแดน

หอเกียรติยศ: 30 ดาวเด่นตลอดกาล จากทำเนียบ 30 Under 30 ของ Forbes ตอนที่ 1

'เคล็ดลับธุรกิจ' จาก 5 ซีอีโอแนวหน้าระดับโลก

<h2>Forbes เผยรายชื่อ 30 สุดยอดหนุ่มสาวดาวรุ่งตลอดกาล เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 10 ปีของทำเนียบ “30 Under 30”</h2>
จากผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อกว่า 100,000 รายใน 20 อุตสาหกรรมในช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมา จะมีเพียง 30 หนุ่มสาวดาวรุ่งเท่านั้นที่ได้รับการคัดเลือกโดยบรรณาธิการของ Forbes ว่า มีความโดดเด่นเปล่งประกาย และเหมาะจะเป็นแรงผลักดันให้คนรุ่นต่อไป

พบกับ 10 สุดยอดหนุ่มสาวดาวรุ่งตลอดกาลแห่งทำเนียบ “Forbes Under 30” Hall of Fame 2022

<img class="alignnone size-full wp-image-55113" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Austin.png" alt="" width="350" height="350" />

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/30-under-30/2022/hall-of-fame?profile=austin-russell">Austin Russell</a>

26 ปี | ผู้ก่อตั้ง Luminar

ด้วยความช่วยเหลือจาก Thiel Fellowship มูลค่า 100,000 เหรียญสหรัฐ อัจฉริยะด้านเลนส์วัย 17 ปี จึงตัดสินใจลาออกจาก Stanford กลางคัน เพื่อก่อตั้ง Luminar เพื่อพัฒนาเซ็นเซอร์เลเซอร์คุณภาพสูงสำหรับยานยนต์อัตโนมัติ

ไม่เพียงเท่านี้ Russell ในวัย 25 ปี ยังก้าวขึ้นเป็นมหาเศรษฐีที่สร้างฐานะด้วยตนเองที่อายุน้อยที่สุดในโลก หลังนำ Luminar เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ในเดือนธันวาคม 2020 ที่มูลค่ากิจการ 7 พันล้านเหรียญ

<img class="alignnone wp-image-55114 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Miley.png" alt="“Forbes Under 30”" width="350" height="350" /> 

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/30-under-30/2022/hall-of-fame?profile=miley-cyrus">Miley Cyrus</a>

28 ปี | ศิลปิน

Miley Cyrus มีชื่อเสียงโด่งดังตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นด้วยบทบาทนักแสดงนำในภาพยนตร์ซีรีส์ยอดนิยม Hannah Montana ของ Disney 

ย้อนกลับไปในปี 2014 เมื่อป๊อปสตาร์วัย 21 ปีมีรายชื่อปรากฎอยู่ในทำเนียบ “30 Under 30” หลังออกอัลบั้ม Bangerz ที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างถล่มทลาย กระทั่งคว้ารางวัล MTV Video Music Awards อันโด่งดัง

ตั้งแต่นั้นมา Cyrus ก็ได้ออกอัลบั้มเพิ่มอีก 3 อัลบั้ม และตอนนี้ก็มีผู้ติดตาม Instagram ถึง 152 ล้านคนแล้ว 

นอกจากนี้ เธอยังก่อตั้ง Happy Foundation เพื่อสนับสนุน LGBTQ+ และเยาวชนที่มีความเสี่ยง และเป็นนักลงทุนในสตาร์ทอัพ อาทิ FanMade ซึ่งช่วยสร้างประสบการณ์แฟนพันธุ์แท้และ Hers บริษัทผลิตภัณฑ์สำหรับผู้หญิง

<img class="alignnone wp-image-55115 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Rihanna.png" alt="“Forbes Under 30”" width="350" height="350" />

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/30-under-30/2022/hall-of-fame?profile=rihanna">Rihanna</a>

33 ปี | ศิลปิน

ย้อนกลับไปในปี 2013 เมื่อ Rihanna วัย 24 ปีได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน “30 Under 30” จากผลงานเพลงและงานพรีเซนเตอร์ Vita Coco, Nivea และน้ำหอม Reb'l Fleur 

วันนี้ Rihanna คือ มหาเศรษฐีพันล้านที่ได้รับอานิสงส์จากการร่วมทุนใน Fenty Beauty ที่อัตราส่วนครึ่งต่อครึ่งกับ LVMH ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 2.8 พันล้านเหรียญ ขณะที่แบรนด์ชุดชั้นใน Fenty ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Jay-Z สามารถระดมทุนมูลค่า 1 พันล้านเหรียญในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 

<img class="alignnone wp-image-55116 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/LeBron-James.png" alt="“Forbes Under 30”" width="350" height="350" />

<a href="https://www.forbes.com/30-under-30/2022/hall-of-fame?profile=lebron-james">LeBron James</a>

36 ปี  | นักกีฬา NBA

James มีรายชื่อปรากฎในทำเนียบ “30 Under 30” ครั้งแรกในปี 2012 ณ ขณะนั้น กองหน้าจาก Miami Heat วัย 27 ปีเป็นดาวเด่นของ NBA และถือหุ้นเล็กน้อยในสโมสรฟุตบอล Liverpool F.C. 

ปัจจุบัน ซูเปอร์สตาร์รายนี้สามารถคว้าแชมป์ 4 รายการในนาม 3 ทีม คือ Heat, Cleveland Cavaliers และทีมปัจจุบันของเขา L.A. Lakers 

ขณะที่นอกสนาม เขาได้รับเงินกว่า 1 พันล้านเหรียญจากข้อตกลงกับ Nike และ Walmart รวมถึงจากการปรากฏตัวใน Space Jam: A New Legacy

<img class="alignnone wp-image-55117 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Sam-Bankman-Fried.png" alt="“Forbes Under 30”" width="350" height="350" />

<a href="https://www.forbes.com/30-under-30/2022/hall-of-fame?profile=sam-bankman-fried">Sam Bankman-Fried</a>

29 ปี | ผู้ก่อตั้ง FTX

ในปี 2021 แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล FTX ของเขาเพิ่งระดมทุนได้ 40 ล้านเหรียญที่มูลค่าบริษัท 1.2 พันล้านเหรียญ ก่อนที่จะระดมทุนอีก 2 ครั้งใหญ่ในเวลาต่อมา ซึ่งทำให้บริษัทมีมูลค่าแตะ 2.5 หมื่นล้านเหรียญในเดือนตุลาคม ส่งผลให้ Bankman-Fried ก้าวขึ้นเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดขณะอายุน้อยกว่า 30 ปี ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 2.65 หมื่นล้านเหรียญ 

<img class="alignnone size-full wp-image-55119" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Melanie.png" alt="" width="350" height="350" />

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/30-under-30/2022/hall-of-fame?profile=melanie-perkins">Melanie Perkins</a>

34 ปี | ผู้ร่วมก่อตั้ง Canva

Perkins ปรากฏตัวครั้งแรกในทำเนียบ 30 Under 30 ในปี 2016 ซึ่ง ณ เวลานั้น สตาร์ทอัพมูลค่า 165 ล้านเหรียญจากออสเตรเลียมีผู้ใช้อยู่ที่ราว 8 ล้านรายที่ใช้ Canva เพื่อออกแบบทุกอย่างตั้งแต่ผลงานกราฟฟิคไปจนถึงเมนูร้านอาหาร 

ล่าสุด บริษัทระดมทุนเพิ่มอีก 200 ล้านเหรียญในเดือนกันยายนที่มูลค่ากิจการ 4 หมื่นล้านเหรียญ  

ด้าน Perkins และ Cliff Obrecht สามีผู้ร่วมก่อตั้งของเธอ เผยว่าทั้งคู่วางแผนที่จะบริจาคร้อยละ 30 ของทรัพย์สินให้กับสังคม

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/canva-%e0%b8%aa%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%97%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%9e%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%a5%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%8b%e0%b8%ad.html">Canva แอปออกแบบ จากสตาร์ทอัพพันล้าน</a>

<img class="alignnone size-full wp-image-55120" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Bumble.png" alt="" width="350" height="350" />

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/30-under-30/2022/hall-of-fame?profile=whitney-wolfe-herd">Whitney Wolfe Herd</a>

32 ปี  | ผู้ก่อตั้ง Bumble

หลังจากยุติคดีล่วงละเมิดทางเพศกับผู้ร่วมก่อตั้ง Tinder ของเธอแล้ว Wolfe Herd ได้เริ่มต้น Bumble ในปี 2014 ซึ่งเป็นแอปหาคู่ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้หญิงได้มีสิทธ์เลือกในครั้งแรก 

2 ปีต่อมา เธอปรากฏตัวในทำเนียบ “30 Under 30” หลังจากที่ Bumble มีผู้ใช้ประมาณ 11 ล้านราย และล่าสุดเมื่อต้นปีนี้ Wolfe Herd ได้นำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ก้าวขึ้นเป็นซีอีโอที่อายุน้อยที่สุดที่ในประวัติการณ์ 

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/people/cover-story/bumble.html">BUMBLE กลเกมหาคู่พันล้าน</a>

<img class="alignnone size-full wp-image-55123" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Apoorva-Mehta.png" alt="" width="350" height="350" />

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/30-under-30/2022/hall-of-fame?profile=apoorva-mehta">Apoorva Mehta</a>

35 ปี  | ผู้ก่อตั้ง Instacart

Mehta อดีตวิศวกร Amazon ก่อตั้ง Instacart ในปี 2012 หลังจากประสบความล้มเหลวในการเริ่มต้นธุรกิจสตาร์ทอัพกว่า 20 แห่ง 

ปัจจุบัน แอป Instacart สามารถจัดส่งสินค้าจากร้านค้า 65,000 แห่งใน 5,500 เมืองในสหรัฐอเมริกา 

บริษัทเอกชนแห่งนี้มีมูลค่า 3.9 หมื่นล้านเหรียญขณะที่ Mehta มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 3.5 พันล้านเหรียญ

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/instacart-%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%9e%e0%b8%a5%e0%b8%b4%e0%b8%81%e0%b9%82%e0%b8%89%e0%b8%a1%e0%b8%98%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%88-%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%8b%e0%b8%b7.html">Instacart ผู้พลิกโฉมธุรกิจรับซื้อ “ของชำ”</a>

<img class="alignnone size-full wp-image-55124" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Daniel-Ek.png" alt="" width="350" height="350" />

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/30-under-30/2022/hall-of-fame?profile=daniel-ek">Daniel Ek</a>

38 ปี  | ซีอีโอ Spotify

Daniel Ek เข้าร่วมทำเนียบ 30 Under 30 ครั้งแรกในปี 2012 หลังจากที่แอปสตรีมมิงเพลงของเขามีผู้ใช้งาน 10 ล้านคนและมีมูลค่ากิจการอยู่ที่ 2 พันล้านเหรียญ และเพิ่งเข้าสู่สหรัฐอเมริกาได้ไม่นาน

วันนี้ Spotify ซึ่งมีมูลค่า 5 หมื่นล้านเหรียญ สตรีมเพลงกว่า 70 ล้านเพลงให้กับผู้ใช้เกือบ 400 ล้านรายใน 184 ประเทศทั่วโลก 

Ek ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วมีมูลค่าทรัพย์สินมากกว่า 4 พันล้านเหรียญ กำลังต่อยอด Spotify จากการเป็นเพียงสตรีมมิงเพลงไปสู่การเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก

<img class="alignnone size-full wp-image-55126" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Vlad-Tenev.png" alt="" width="350" height="350" />

Vlad Tenev

34 ปี  | ผู้ร่วมก่อตั้ง Robinhood

Tenev ร่วมกับ Baiju Bhatt เพื่อนร่วมชั้นเรียนปริญญาตรีที่ Stanford เปิดตัว Robinhood แอปซื้อขายหุ้นไม่มีค่าธรรมเนียมในปี 2013 ที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 

ปัจจุบัน Robinhood มีผู้ใช้งานมากกว่า 22 ล้านบัญชี และเพิ่งเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อเดือนกรกฎาคม ด้วยมูลค่า ณ ราคาตลาดที่ 2.5 หมื่นล้านเหรียญ

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/baiju-bhatt-vladimir-tenev-%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%b0-robinhood.html">Baiju Bhatt และ Vladimir Tenev เจ้าพ่อแห่งทุนนิยมกาสิโนดิจิทัล “Robinhood”</a>

แปลและเรียบเรียงจากบทความ FORBES UNDER 30 HALL OF FAME เผยแพร่บน Forbes.com โดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค 

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/30-under-30-สุดยอดหนุ่มสาวดาวรุ่-3.html">“30 Under 30” สุดยอดหนุ่มสาวดาวรุ่ง ประจำปี 2022</a>

“Forbes Under 30” Hall of Fame 2022 : สุดยอดหนุ่มสาวดาวรุ่งตลอดกาล

<h2>คนที่ประสบความสำเร็จอย่าง Elon Musk ซึ่งดำรงตำแหน่งทั้งซีอีโอ Tesla และพิธีกรรายการ Saturday Night Live บริหารจัดการหน้าที่ต่างๆ อย่างไร </h2>
ล่าสุด OnDeck บริษัทปล่อยเงินกู้ทางออนไลน์แก่ธุรกิจขนาดเล็กได้วิเคราะห์พฤติกรรมการทำงานของผู้นำธุรกิจที่โดดเด่น 40 คน เพื่อดูว่าพวกเขาบรรลุความสำเร็จเหนือมนุษย์ได้อย่างไรโดยไม่หมดไฟ

พบกับ 5 นิสัยการทำงานของคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกที่จะเปลี่ยนวิธีการทำงานของคุณในแต่ละวัน

1. การทำงานหลายอย่างพร้อมกันอย่างมีกลยุทธ์

<img class="alignnone wp-image-46148" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/960x0-1.jpg" alt="5 นิสัยการทำงานของคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก" width="720" height="496" />

เมื่อมีโอกาส <a href="https://www.businessinsider.com/elon-musks-secret-to-managing-5-kids-and-3-businesses-at-the-same-time-2013-3">Elon Musk</a> มักจะรวมงานหลายอย่างเข้าด้วยกันหรือที่เรียกว่า การประมวลผลแบบกลุ่ม (batching) เพราะขณะที่ผลงานวิจัยระบุว่า <a style="color: #333333;" href="https://www.businessnewsdaily.com/4019-multitasking-not-productive.html">การทำงานหลายอย่างพร้อมกันมักจะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าการทำงานเพียงชิ้นเดียว</a> แต่ก็มีอีกทางเลือกหนึ่งซึ่งอาศัยการแบ่งเวลาให้กับงานที่คล้ายกันเพื่อลดความฟุ้งซ่านและ<a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/sites/carolinecastrillon/2021/05/30/5-work-habits-of-the-worlds-most-successful-people/?sh=785229c55466">เพิ่มประสิทธิภาพ</a>ในการคิดและการทำงาน เนื่องจากทุกครั้งที่เราถูกขัดจังหวะ จะใช้เวลาเฉลี่ย 15 นาทีในการกลับมาโฟกัสอีกครั้ง ด้วยเหตุนี้การประมวลผลแบบกลุ่มจึงมีส่วนช่วยในการลดโอกาสการเกิดสิ่งเร้าที่จะทำให้เสียสมาธิได้

ยกตัวอย่างเช่น การเช็คอีเมล การรับสายโทรศัพท์ และการสื่อสารอื่นๆ ในคราวเดียว หรือแม้กระทั่งการอัปเดตงานหลายชิ้นพร้อมกัน ซึ่งสามาถเริ่มต้นได้จากการจดบันทึกกิจกรรมทั้งหมดที่ต้องทำในสัปดาห์และจัดกลุ่มรายการที่สามารถทำร่วมกันได้

โดย Musk เคยกล่าวไว้ว่า “สิ่งที่ผมค้นพบ คือ ผมสามารถอยู่กับลูกๆ และยังคงทำงานไปพร้อมๆ กัน …ถ้าผมไม่ทำอย่างนี้ ผมก็จะไม่สามารถทำงานให้เสร็จได้”

2. หลีกเลี่ยงการประชุม

<img class="alignnone wp-image-46144" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/Mark-Cubans-Frequent-Investment-in-Social-Media--1024x695.jpg" alt="5 นิสัยการทำงานของคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก" width="720" height="489" />

<a style="color: #008000;" href="https://www.businessinsider.com/mark-cuban-daily-routine-2018-1">Mark Cuban</a> นักลงทุนระดับพันล้านชื่อดังจากรายการ Shark Tank กล่าวว่า “การประชุมจะเสียเวลาไปเปล่าๆ เว้นแต่คุณจะสามารถปิดดีลได้ แต่ในขณะเดียวกันยังมีอีกหลายวิธีในการสื่อสารทั้งแบบเรียลไทม์และแบบอะซิงโครนัส ซึ่งไม่ว่าวิธีไหนก็ควรมีการกำหนดระยะเวลาและผลลัพธ์ก่อนที่คุณจะตกลงเข้าร่วม”

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณมีการประชุมรายงานความคืบหน้าก็ควรให้พวกเขาส่งอีเมลสรุปรายวันให้คุณแทน พยายามใช้อีเมลเป็นรูปแบบการสื่อสารขั้นต้น แต่หากมีคนต้องการจัดการประชุมก็ขอให้พวกเขาส่งอีเมลถึงคุณพร้อมคำถามแทน หากไม่ได้ผลให้ลองพูดคุยทางโทรศัพท์ แต่ในที่สุดหากจำเป็นต้องมีการประชุมจริงๆ ให้ขอสำเนาวาระการประชุม จากนั้นกรอกสิ่งที่อยู่ในวาระการประชุมให้เสร็จทั้งหมดก่อนที่การประชุมจะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งจะทำให้คุณไม่จำเป็นต้องอยู่ในที่ประชุม และสามารถทำงานอื่นๆ แทน

3. พัฒนากิจวัตรประจำวัน

<img class="alignnone wp-image-46145" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/wintour-vogue-greece.jpg" alt="5 นิสัยการทำงานของคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก" width="720" height="450" />

เป็นที่ทราบดีว่า <a href="https://www.cnbc.com/2019/10/08/inside-vogue-editor-in-chief-anna-wintours-daily-routine.html?__source=facebook%7Cmain&amp;fbclid=IwAR1FS9p-6CUNrxHUWbaKu3q3HwcVtRbvCt9Z0EXQ0NAWTlSwOBS2O48jy6U">Anna Wintour</a> บรรณาธิการบริหารนิตยสาร Vogue มีนิสัยการทำงานที่ไร้ที่ติ แล้วเธอสามารถจัดการตารางงานที่ยุ่งของเธออย่างไร ในที่นี้ Wintour เล่าว่า “ฉันมีรูปแบบการทำงานที่ค่อนข้างสม่ำเสมอในแต่ละวัน ซึ่งฉันพบว่ามันใช้ได้ผลดีสำหรับฉัน" 

กิจวัตรประจำวันของ Anna Wintour เริ่มต้นแต่เช้า โดยระหว่างเวลา 04.00-05.30 น. เธอจะเริ่มอ่านข่าวที่เกิดขึ้นในอังกฤษและสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นเธอมักจะเล่นเทนนิสและไปร้านกาแฟสตาร์บัคส์เพื่อดื่มกาแฟและทานอาหารเช้า นอกจากนี้ Wintour ยังเป็นที่รู้จักกันดีในการสวมใส่ชุดที่คล้ายกันทุกวันเพื่อลดเวลาในการตัดสินใจ 

ขณะที่ช่วงบ่าย เธอจะสงวนไว้สำหรับการประชุมนอกสถานที่ การรับประทานอาหารกลางวันกับนักออกแบบ การวางแผนอีเว้นต์ หรือการปรากฏตัวภายนอก จากนั้นเวลา 17.00 น. เธอจะกลับบ้านพร้อมกับงานที่ต้องทำในตอนเย็น “มันสำคัญมากสำหรับฉันที่จะทำทุกอย่างให้เสร็จในตอนกลางคืน เพื่อที่ฉันจะได้ทำงานในวันต่อไปได้และไม่มีใครต้องรอความคิดเห็นของฉัน” Wintour เสริม

4. จดบันทึก

<img class="alignnone wp-image-46146" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/168212148.jpg" alt="5 นิสัยการทำงานของคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก" width="720" height="416" />

เมื่อถูกถามถึงสิ่งของที่เขานำไปทุกที่<a href="https://www.forbes.com/sites/carolinecastrillon/2021/05/30/5-work-habits-of-the-worlds-most-successful-people/?sh=785229c55466"> Sir Richard Branson </a>ผู้ก่อตั้ง Virgin Group และเจ้าของบริษัทกว่า 400 แห่ง ใน 30 ประเทศทั่วโลก กล่าวว่า “อาจฟังดูไร้สาระ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผม คือ การพกสมุดบันทึกเล่มเล็กๆ ไว้ในกระเป๋าหลังเสมอ” 

การจดบันทึกจนกลายเป็นนิสัยประจำวันมีประโยชน์หลายประการ อย่างหนึ่งก็คือ การเขียนเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษรทำให้คุณมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายนั้นมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความชัดเจนให้กับความคิด และผ่อนคลายจิตใจให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

5. จัดตารางให้กับความคิดสร้างสรรค์

แม้ว่าอาจจะฟังดูขัดกันแต่ความคิดสร้างสรรค์ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ คุณต้องทำงานอย่างขยันขันแข็งและเป็นระบบเพื่อให้มันเกิดขึ้น อย่าง <a href="https://www.forbes.com/sites/marianneschnall/2018/02/13/5-lessons-i-learned-from-my-interviews-with-maya-angelou/?sh=720f836d4ce3">Maya Angelou</a> กวีและนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมืองเคยเข้าพักในโรงแรมเพื่อเขียนหนังสือ เธอเดินทางมาถึงเวลา 6.30 น. เขียนถึง 14.00 น. แล้วกลับบ้านไปแก้ไข 

<img class="alignnone wp-image-46147" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/Daniel-Ek.jpg" alt="" width="720" height="405" />

ด้าน <a href="https://www.businessinsider.com/spotify-ceo-daniel-ek-ruthless-schedule-2018-8">Daniel Ek</a> ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอบริการสตรีมมิ่งเพลง Spotify เชื่อในการจัดตารางเวลาความคิดสร้างสรรค์ “ผู้คนคิดว่าความคิดสร้างสรรค์ คือ จิตวิญญาณอิสระที่ไม่มีขอบเขต” Ek กล่าวพร้อมเสริมว่า “จริงๆแล้วคนที่มีความคิดสร้างสรรค์มากที่สุดในโลกกำหนดเวลาความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขา อาจจะฟังดูตลก แต่ผมก็กำลังพยายามทำเช่นเดียวกัน” 

ตารางเวลา คือ ระบบที่ทำให้เป้าหมายของคุณเป็นจริง หากคุณไม่ได้กำหนดกิจวัตรประจำวันให้กับตัวเอง ทางเลือกเดียวของคุณ คือ อาศัยแรงบันดาลใจ แต่จำไว้ว่าคุณไม่สามารถพึ่งพาแรงบันดาลใจได้เสมอไป ในทางกลับกันสิ่งเดียวที่คุณสามารถพึ่งพาได้ก็คือความพยายามอย่างสม่ำเสมอ

แปลและเรียบเรียงจากบทความ 5 Work Habits Of The World’s Most Successful People เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/andy-jassy-เตรียมก้าวขึ้นเป็นซีอ.html">Andy Jassy เตรียมก้าวขึ้นเป็นซีอีโอ Amazon คนใหม่ 5 กรกฎาคมนี้</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events