<h2>บลจ.อีสท์สปริง มองครึ่งปีหลัง 68 ตลาดหุ้นทั่วโลกจะผันผวนมากขึ้นจากประเด็นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ซึ่งผลการเจรจาจะส่งผลต่อดัชนีหุ้นไทย ในกรณีฐานหากไทยถูกเรียกเก็บภาษีที่ 20% คาดว่าดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 1,040-1,200 จุด แต่หากเจอภาษีฯ 36% ดัชนีอาจร่วงไปถึง 940-1,040 จุด ท่ามกลางความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจึงแนะนำกระจายการลงทุนทั่วโลกและเอเชียใน 5 ธีมหลัก</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง กล่าวว่า ตลาดการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 ยังมีความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าระหว่างประเทศ แม้บางประเทศจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐอเมริกาได้ แต่ภาพรวมของอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศคู่ค้า อาจกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในระยะข้างหน้า แม้การเจรจาการค้าจะยังต้องใช้เวลาและมีความซับซ้อน แต่อีสท์สปริงมองว่า เป็นจังหวะที่ควรกระจายการลงทุนมาในเอเชียและตลาดเกิดใหม่ ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/07/83sXBZinnKhWGqmgDmhj.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="83sXBZinnKhWGqmgDmhj.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.อีสท์สปริง กล่าวว่า แม้จะประเมินว่าประเด็นสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น อาจมีผลต่อประเทศไทยในช่วงสั้น แต่ยังมองสมมติฐานผลกระทบต่างๆ ไว้ 3 กรณี ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- กรณีดี ถ้าไทยถูกเรียกเก็บภาษีน้อยกว่า 20% และมีมาตรการกระตุ้นที่ชัดเจน เศรษฐกิจฟื้นตัว และเริ่มเห็นกระแสเงินทุนไหล (Fund Flow) ไหลกลับเข้ามา คาดว่าสิ้นปี 68 ดัชนีหุ้นไทยหรือ SET Index จะอยู่ที่ 1,200 - 1,250 จุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- กรณีฐาน ถ้าไทยถูกเรียกเก็บภาษีระดับ 20% เท่ากับเวียดนาม ภายใต้บริบทเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวได้ 1.5 - 2% การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐส่งผ่านได้รวดเร็ว แต่ยังเห็น Fund Flow ไหลออก คาดว่าสิ้นปี 68 SET Index จะอยู่ที่ 1,040 - 1,200 จุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- กรณีเลวร้าย ถ้าไทยถูกเรียกเก็บภาษีระดับ 36% จะส่งผลให้ความไม่แน่นอนเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจไทยอาจขยายตัวต่ำกว่า 1.5% และต่างชาติเทขายต่อเนื่อง ประเมินว่าสิ้นปี 68 SET Index จะอยู่ที่ 940 - 1,040 จุด <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/07/ukEpcfFSNJ9S538n2w7b.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ukEpcfFSNJ9S538n2w7b.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="717,404" style="" data-index="1"></figure></div>​&nbsp; &nbsp; &nbsp;ทั้งนี้&nbsp;&nbsp;การเจรจาการค้าระหว่างไทย - สหรัฐฯ หากไทยจะถูกเก็บภาษีฯ ที่ 18-23% แม้ผู้ผลิตในภาคการส่งออกจะเผชิญกับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น แต่เชื่อว่ายังเป็นระดับที่ “สู้ไหว” และต้องติดตามผลกระทบในรายเซคเตอร์ ขณะที่มองว่าระดับภาษีฯ ที่ต่ำกว่า 18% ซึ่งช่วยให้ไทยสามารถแข่งขันได้มากขึ้น แต่ระหว่างการเจรจานี้ยังต้องติดตามว่าภาครัฐจะมีนโยบายการช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างไร รวมถึงการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตามเชื่อว่า หากดีลการเจรจาการค้าจบยังมีโอกาสที่หุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นต่อ แต่อาจไม่สูงนักเพราะมีปัจจัยลบค่อนข้างมาก เช่น ภาพเศรษฐกิจไทยที่โตช้ากว่าคาด และเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ ดังนั้นกลุ่มที่ยังเข้าไปลงทุนได้ คือ หุ้น Defensive เช่น โรงพยาบาล สื่อสาร หรือกลุ่มธนาคารที่ยังปรับตัวลดลงน้อยกว่าหุ้นกลุ่มอื่น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/07/1BHqKo5F7LzMCDBodsud.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="1BHqKo5F7LzMCDBodsud.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,406" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในภาพรวมครึ่งปีหลัง 2568 นี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจชะลอตัวลงซึ่งทั้งปีจะขยายตัวเพียง 1.4% แต่ยังมีหุ้นกลุ่ม Tech และกลุ่มอื่นๆ ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ส่วนจีนคาดว่าปี 68 นี้เศรษฐกิจจีนจะเติบโตได้ราว 4.5% โดยราคาหุ้นยังอยู่ในระดับน่าสนใจ ส่วนอินเดียถือว่าการเติบโตยังสูงกว่าประเทศอื่นๆ คาดว่าปี 68 เศรษฐกิจจะขยายตัว 6.4% ขณะที่เศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดว่าจะเติบโตที่ 1.8%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดังนั้น คำแนะนำการลงทุน ยังเน้นการกระจายการลงทุนในหุ้นทั่วโลกโดยเฉพาะเอเชีย ซึ่งระยะนี้ยังไม่ควรซื้อในลักษณะ Index แต่ควรคัดเลือกลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตมากกว่า&nbsp;นอกจากนี้ยังแนะนำกรอบการลงทุน 5 ธีมหลัก เพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมมหภาคที่เปราะบาง ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. D = Diversify Globally : กองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Core (ES-GCORE) กองทุนหลักเน้นการกระจายความเสี่ยงทั่วโลก โดยลงทุนในหุ้นคุณภาพสูงจากตลาดพัฒนาแล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. R = Resilient US Leaders : กองทุนเปิดอีสท์สปริง US Blue Chip Equity (ES-USBLUECHIP) กองทุนหลักเน้นลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. I = Income from Innovation : กองทุนเปิดอีสท์สปริง Nasdaq Equity Premium Income (ES-NDQPIN) ที่ใช้กลยุทธ์ Covered Call ซึ่งเป็นการขายออปชั่นบนหุ้น NASDAQ-100 เพื่อสร้างกระแสรายได้อย่างสม่ำเสมอ พร้อมรักษาการลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4. V = Value from Asia : กองทุนเปิดอีสท์สปริง Asian Low Volatility Equity (ES-ALOVE) ) ซึ่งคัดเลือกหุ้นพื้นฐานดีที่มีความผันผวนต่ำจากทั่วเอเชีย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;5. E = Enhanced Bond Income : กองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Income (ES-GINCOME) ซึ่งลงทุนเชิงรุกในพันธบัตรหลากหลายประเภททั่วโลก และหลายประเภทตราสารเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างรายได้และกระจายความเสี่ยงในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ภาพ:&nbsp;บลจ.อีสท์สปริง เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/bay-q-2-68-july-2025" alt="แบงก์กรุงศรี ครึ่งแรกปี 68 กำไรสุทธิอยู่ที่ 15,830 ล้าน ยังโตที่ 0.5%YoY">แบงก์กรุงศรี ครึ่งแรกปี 68 กำไรสุทธิอยู่ที่ 15,830 ล้าน ยังโตที่ 0.5%YoY</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>
<div style="display:none;"><a href="https://aprof.unse.edu.ar/moodle/" rel="dofollow">slot gacor</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://aprof.unse.edu.ar/moodle/" rel="dofollow">slot gacor hari ini</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://aprof.unse.edu.ar/moodle/" rel="dofollow">slot demo</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://aprof.unse.edu.ar/moodle/" rel="dofollow">slot gacor maxwin</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://aprof.unse.edu.ar/moodle/" rel="dofollow">scatter hitam</a></div>
<div style="display:none;"><a href="https://aprof.unse.edu.ar/moodle/" rel="dofollow">https://aprof.unse.edu.ar/moodle/</a></div>

บลจ.อีสท์สปริง คาดสิ้นปี 68 ดัชนีหุ้นไทยแตะ 1,040-1,200 จุด หากไทยปิดดีลเจรจาภาษีทรัมป์ได้ที่ระดับ 20% 

อีสท์สปริง คาดตลาดหุ้นไทยปี 68 เข้ากรอบ 1,270-1,350 จุด หากกระทบสงครามการค้าหนักอาจเห็น 1,219 จุด

&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 กองทุนหุ้นกลุ่มปันผลเริ่มมีความน่าสนใจมากขึ้น เนื่องจากมีอัตราจ่ายเงินปันผลที่ดีอย่างสม่ำเสมอถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์ความไม่แน่นอนจากสภาวะเศรษฐกิจถดถอย บริษัทฯ จึงได้เปิดขายกองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Dividend Equity สะสมมูลค่า (ES-GDIV-Acc) ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นปันผลทั่วโลก ระหว่างวันที่ 19-23 มิถุนายน ศกนี้ มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท ลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับกองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Dividend Equity สะสมมูลค่า เป็นกองทุนที่ไม่มีนโยบายจ่ายปันผล เน้นลงทุนในกองทุนหลัก คือ JPMorgan Global Dividend Fund-Class C (acc) USD เพียงกองทุนเดียว โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ซึ่งจะลงทุนในตราสารทุนทั่วโลกรวมถึงตลาดเกิดใหม่ที่สร้างรายได้ในระดับสูงไม่ต่ำกว่าร้อยละ 67 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนหลัก และสินทรัพย์ของกองทุนหลักอย่างน้อยร้อยละ 51 จะลงทุนในบริษัทที่มีคุณลักษณะด้านสิ่งแวดล้อมหรือสังคมในเชิงบวก ซึ่งเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติด้านธรรมาภิบาลที่วัดได้จากวิธีการให้คะแนน ESG ของผู้จัดการการลงทุน ซึ่งบริหารจัดการโดย J.P. Morgan Asset Management &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ กระบวนการคัดเลือกหลักทรัพย์ใช้การวิเคราะห์โดยพิจารณาพื้นฐานบริษัท ไปอุตสาหกรรมและภาพรวมเศรษฐกิจ ตลอดจนเลือกลงทุนในบริษัทที่ให้ปันผลสม่ำเสมอ และบริษัทที่มีศักยภาพในการจ่ายปันผลที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการกระจายลงทุนประมาณ 40-90 บริษัท ในหมวดอุตสาหกรรมสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ กลุ่มยาและเทคโนโลยีการแพทย์ 9.9%, กลุ่มเทคโนโลยี Semi &amp; Hardware 9.2%, กลุ่มธนาคาร 8.6% กลุ่มบริการการเงิน 8.1% และกลุ่มเทคโนโลยีและซอฟแวร์ 6.1% และมีสัดส่วนการลงทุนในสหรัฐ 55.3% ยุโรป 18.7% ตลาดเกิดใหม่ 8% สหรัฐราชอาณาจักร 6% (ณ วันที่ 30 เมษายน 2566) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ในช่วงไตรมาสที่ 2 เราเริ่มเห็นหลายประเทศเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค(Technical Recession) ไปแล้วเช่น เยอรมัน หรือยุโรป และคาดว่าจะมีบางประเทศเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิคมากขึ้น ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนหลายกลุ่มถูกปรับลดลง อย่างไรก็ตามในช่วงที่เกิดความไม่แน่นอน หุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลสูงกลับทำผลตอบแทนได้อย่างน่าสนใจ ขณะที่ปัจจุบันระดับมูลค่ารวมถึงอัตราการจ่ายเงินปันผลของหุ้นกลุ่มนี้อยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับอดีต จึงเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนจะใช้หุ้นปันผลเป็นตัวรองรับความผันผวนที่เกิดขึ้น”&nbsp;นางสาวดารบุษป์ กล่าว &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.eastspring.co.th หรือโทร 1725 ในวันและเวลาทำการ หรือผ่านช่องทางการขายของบริษัทฯ หรือผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนที่ได้รับการแต่งตั้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุนผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/other/marketing/finance-and-investment/%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%A5-%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2-ipo-%E0%B8%88%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99-156-%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99" alt="&quot;ยัสปาล&quot; ยื่นไฟลิ่ง เสนอขาย IPO จำนวนไม่เกิน 156 ล้านหุ้น">"ยัสปาล" ยื่นไฟลิ่ง เสนอขาย IPO จำนวนไม่เกิน 156 ล้านหุ้น</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​&nbsp;<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

บลจ.อีสท์สปริง ชี้ทางเลือกสู้เศรษฐกิจถดถอย เปิดขายกองทุนหุ้นปันผลโลก ES-GDIV-Acc

<h2 class="p3">อีสท์สปริงฯ เสริมทัพความแข็งแกร่ง AUM 6.68 แสนล้าน ขึ้นแท่นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนอันดับ 4 ของไทย พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจการลงทุนในภูมิภาคและไทยต่อเนื่อง ไม่หวั่นภาวะเศรษฐกิจหรือไวรัสระบาด</h2>
อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ (Eastspring) บริษัทจัดการลงทุนในภูมิภาคเอเชียของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล ซึ่งบริหารสินทรัพย์ทั้งหมดกว่า 2.16 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ได้จัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการในการเข้าซื้อหุ้นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด (บลจ.ธนชาต) จำนวน 50.1% จากธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) (ธนาคารธนชาต) และธนาคารออมสิน (GSB) พร้อมประกาศเปลี่ยนชื่อใหม่ภายหลังการควบรวมเป็น "Thanachart Fund Eastspring"
Nic Nicandrou ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล คอร์ปอเรชั่น เอเชีย กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เป็นการต่อยอดความสำเร็จของอีสท์สปริงจากการเข้าถือหุ้น 65% ในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทหารไทย จำกัด (ปัจจุบันคือ TMBAM Eastspring) เมื่อเดือนกันยายน 2561 ที่ผ่านมา อีกทั้งยังเป็นการเข้าซื้อกิจการที่มีศักยภาพสูงในตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย และเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับธนาคารทหารไทย (TMB) และธนาคารธนชาต (TCAP) ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
"เราเห็นมูลค่าของตลาดประกัน และการลงทุนในภูมิภาคนี้ เพราะไทยเป็นตลาดใหญ่อันดับ 2 ของภูมิภาคของเรา แม้จะมีการของระบาดไวรัส แต่เรามองการลงทุนในระยะยาว และมองสวนทาง เพราะเรามีประสบการณ์จากซาร์สที่เรายังคงเติบโตได้ในเอเชีย และไทยยังเติบโตสำหรับเรา" Nic Nicandrou กล่าวถึงการดำเนินงานกว่า 95 ปีของอีสท์สปริงฯ ในตลาดเอเชีย ซึ่งให้ความสำคัญกับผู้คน และการประกันช่วยปกป้องสุขภาพ พร้อมแสดงความมั่นใจในศักยภาพการเติบโตของประเทศแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว
<img class="alignnone size-full wp-image-26808" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/Eastspring02.jpg" alt="" width="720" height="480" />
ด้าน ปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย (TMB) กล่าวว่า หลังความร่วมมือเมื่อปี 2561 สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ของ TMBAM Eastspring จะเติบโตมากกว่า 20% ซึ่งการควบรวมครั้งนี้จะช่วยลดต้นทุนการบริหาร และเพิ่มโอกาสให้คนไทยสามารถออกไปลงทุนในต่างประเทศได้สะดวกขึ้น
“สังคมไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเร็วที่สุดในภูมิภาคนี้ แต่คนที่มีเงินออมเพียงพอใช้ในวัยเกษียณมีเพียง 1 ใน 70 คน เท่านั้น เพราะฉะนั้น เรื่องการออมเป็นสิ่งสำคัญ การรวมกันเป็นพันธมิตรครั้งนี้ จะนำเสนอทางเลือกในการออมที่หลากหลาย ได้ในต้นทุนที่ลดลง” ปิติกล่าว
สำหรับการเข้าซื้อกิจการของอีสท์สปริงฯ ใน บลจ.ธนชาต จะสำเร็จสมบูรณ์ภายใน 1 ปี ซึ่งระหว่างนี้ จะมีคณะกรรมการบริการร่วมกัน แต่ยังคงแยกระหว่าง 2 กองทุน แต่ลูกค้าใหม่สามารถซื้อผลิตภัณฑ์ของทั้งสองบริษัทได้ เพียงเข้าแอปพลิเคชัน TMB TOUCH
ทั้งนี้ หลังจากการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวจะทำให้อีสท์สปริงมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการสุทธิ 6.68 แสนล้านบาท (2.16 หมื่นล้านเหรียญ) ผ่านการถือหุ้นใน Thanachart Fund Eastspring และ TMBAM Eastspring และส่วนแบ่งทางการตลาด 12% พร้อมก้าวสู่บริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุนที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของไทย
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/tmb-%e0%b8%98%e0%b8%99%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%95-%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a8%e0%b9%81%e0%b8%9c%e0%b8%99%e0%b8%98%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%88-%e0%b8%84.html">TMB-ธนชาต ประกาศแผนธุรกิจ ควบรวม 100 สาขาปีนี้</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events