<h2>เข้าสู่ปีที่ 43 กับการจัดอันดับมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งที่สุดในสหรัฐอเมริกาบนทำเนียบ Forbes 400 ที่รวบรวมรายชื่อและข้อมูลน่าสนใจของเหล่าผู้มั่งคั่ง 400 คนในดินแดนแห่งเสรีภาพ โดยในปีนี้ Elon Musk เจ้าพ่อ Tesla และ SpaceX ยังคงครองอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่สาม</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Forbes ได้รวบรวมข้อมูลจากหลายช่องทางเพื่อจัดทำเนียบ Forbes 400 ประจำปีนี้ ไม่ว่าจะสัมภาษณ์มหาเศรษฐีแต่ละคนตัวต่อตัวหรือออนไลน์ พูดคุยกับพนักงาน ผู้จัดการส่วนตัว ผู้จัดการทรัพย์สิน ที่ปรึกษาทางการเงิน คู่แข่ง เพื่อน และทนายของพวกเขา ตลอดจนศึกษาเอกสารของตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ คำสั่งศาล บันทึกพินัยกรรม และข่าวสารต่างๆ รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับทรัพย์สินทุกประเภท โดยข้อมูลมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของมหาเศรษฐีบนทำเนียบ Forbes 400 ประจำปี 2024 แล้วเสร็จ ณ วันที่ 1 กันยายน 2024&nbsp; &nbsp;&nbsp;มหาเศรษฐีบนทำเนียบ Forbes 400 ประจำปี 2024 นี้มีมูลค่าความมั่งคั่งรวมกัน 5.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ทว่าลำพังเพียง 25 อันดับแรกบนทำเนียบก็มีมูลค่าความมั่งคั่งรวมกันถึง 2.5 ล้านล้านเหรียญแล้ว และสำหรับ 10 อันดับแรกก็ยังคงร่ำรวยจากเทคโนโลยีและนวัตกรรมเสียส่วนใหญ่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ 10 อันดับมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งที่สุดในอเมริกาแห่งทำเนียบ Forbes 400 ประจำปี 2024 ได้แก่ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/43RLmb5S9mrdVCEdGWxw.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="43RLmb5S9mrdVCEdGWxw.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="300,300" style="" data-index="0"></figure></div>อันดับ 1Elon Muskอายุ: 53 ปีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 2.44 แสนล้านเหรียญแหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Tesla และ SpaceX​ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/KXBoXB8hwHDMtAsJ27BB.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="KXBoXB8hwHDMtAsJ27BB.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="300,300" style="" data-index="1"></figure></div>อันดับ 2 Jeff Bezosอายุ: 60 ปีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.97 แสนล้านเหรียญแหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Amazon​ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/3JbYVrB8H9SRATDUe8Nq.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="3JbYVrB8H9SRATDUe8Nq.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="300,300" style="" data-index="2"></figure></div>อันดับ 3 Mark Zuckerbergอายุ: 40 ปีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.81 แสนล้านเหรียญแหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Facebook​ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/WEU6G6cWvemqCGM6XCx5.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="WEU6G6cWvemqCGM6XCx5.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="300,300" style="" data-index="3"></figure></div>อันดับ 4 Larry Ellisonอายุ: 80 ปีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.75 แสนล้านเหรียญแหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Oracle​ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/tKoFWDsM3XRxeJErnwb6.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="tKoFWDsM3XRxeJErnwb6.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="300,300" style="" data-index="4"></figure></div>อันดับ 5 Warren Buffettอายุ: 94 ปีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.50 แสนล้านเหรียญแหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Berkshire Hathaway​ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/qziQJmSLJe8VNsBoBEYM.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="qziQJmSLJe8VNsBoBEYM.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="300,300" style="" data-index="5"></figure></div>อันดับ 6 Larry Pageอายุ: 51 ปีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.36 แสนล้านเหรียญแหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Google <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/DCpZdih8KRaHN1U1ExWv.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="DCpZdih8KRaHN1U1ExWv.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="300,300" style="" data-index="6"></figure></div>อันดับ 7Sergey Brinอายุ: 51 ปีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.30 แสนล้านเหรียญแหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Google​ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/4HX8tZyjw6gCFpVpcYo5.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="4HX8tZyjw6gCFpVpcYo5.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="300,300" style="" data-index="7"></figure></div>อันดับ 8 Steve Ballmerอายุ: 68 ปีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.23 แสนล้านเหรียญแหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Microsoft​ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/5mY2bRe7FLoXBSNbywtw.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="5mY2bRe7FLoXBSNbywtw.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="300,300" style="" data-index="8"></figure></div>อันดับ 9 Bill Gatesอายุ: 68 ปีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.07 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯแหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Microsoft​ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/Lvy2sdfMmb4aJ6jBX1yw.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="Lvy2sdfMmb4aJ6jBX1yw.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="300,300" style="" data-index="9"></figure></div>อันดับ 10 Michael Bloombergอายุ: 82 ปีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.05 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯแหล่งที่มาความมั่งคั่ง: Bloomberg LP แหล่งที่มา:&nbsp;<a href="https://www.forbes.com/sites/chasewithorn/2024/10/01/the-2024-forbes-400-the-25-wealthiest-people-in-america/" alt="The 2024 Forbes 400: The 25 Wealthiest People In America">The 2024 Forbes 400: The 25 Wealthiest People In America</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/america/fawn-weaver-uncle-nearest-black-history" alt="Fawn Weaver สานต่อเรื่องราวแห่งชาติพันธุ์ ชวนระลึกรสสุราปี 1856">Fawn Weaver สานต่อเรื่องราวแห่งชาติพันธุ์ ชวนระลึกรสสุราปี 1856</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

10 อันดับมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งที่สุดในอเมริกาแห่งทำเนียบ Forbes 400 ประจำปี 2024

<h2>แม้ว่าสัดส่วนของมหาเศรษฐีชาวอเมริกันที่มั่งคั่งที่สุด 400 อันดับ ประจำปี 2021 จะยังคงเป็นผู้ชาย ทว่ามูลค่าทรัพย์สินรวมของเศรษฐินีหญิงทั้ง 56 ราย ซึ่งเทียบเท่ากับปีที่แล้ว กลับเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 5.64 แสนล้านเหรียญ</h2>
<figure><img class="wp-image-52899 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/alice-walton.jpg" alt="" width="600" height="430" /><figcaption> Alice Walton</figcaption></figure>

ปีนี้ Alice Walton ทายาท Walmart ยังคงครองตำแหน่งผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐอเมริกาติดต่อกันเป็นปีที่ 7 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วกว่า 5.6 พันล้านเหรียญเป็น 6.79 หมื่นล้านเหรียญ โดยได้รับอานิสงส์จากหุ้นของ Walmart ที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าร้อยละ 13 

ด้าน MacKenzie Scott อดีตคู่สมรสของ Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon รั้งอันดับ 2 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน แม้ว่าเธอจะมอบเงินราว 8.6 พันล้านเหรียญให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร 780 แห่งตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา ซึ่งเธอให้คำนิยามถึงกิจกรรมดังกล่าวว่าเป็นไปเพื่อ “ระบบที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง” อย่างไรก็ดี มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของ Scott ยังคงเพิ่มขึ้น 1.5 พันล้านเหรียญในปีที่ผ่านมาเป็น 5.85 หมื่นล้านเหรียญจากการปรับตัวสูงขึ้นของหุ้น Amazon

เช่นเดียวกับผู้หญิงอีกมากกว่าร้อยละ 90 ที่มีรายชื่อปรากฎอยู่ในทำเนียบ Forbes 400 ประจำปี 2021 ที่ร่ำรวยขึ้นจากปีที่แล้ว โดยผู้ที่มีทรัพย์สินเพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดถึง 1 หมื่นล้านเหรียญ รวมเป็น 2.52 หมื่นล้านเหรียญ ได้แก่ <a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/abigail-johnson/?sh=4180601e1c42">Abigail Johnson</a> ซีอีโอ Fidelity Investments โดยได้รับอานิสงส์จากผลประกอบการในการบริหารจัดการทรัพย์สินของบริษัท ซึ่งเติบโตมากขึ้นราว 1.3 ล้านล้านเหรียญเป็น 4.2 ล้านล้านเหรียญ 

รองลงมาเป็น Laurene Powell Jobs ภรรยาของ Steve Jobs ผู้ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุน Emerson Collective ซึ่งได้รับอานิสงส์จากจากการที่หุ้น Apple และ Disney ปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 66 และร้อยละ 53 ตามลำดับ

แม้ว่าในปีนี้จำนวนรายชื่อผู้หญิงของทำเนียบจะยังคงเดิม ทว่ากลับปรากฎรายชื่อเศรษฐินีหน้าใหม่ 3 รายและผู้ที่หวนคืนกลับอีก 1 ราย แทนที่ผู้หญิง 4 รายจากการจัดอันดับของปีที่แล้ว อาทิ Oprah Winfrey ที่หลุดจากทำเนียบทั้งๆ ที่มีทรัพย์สินมูลค่า 2.6 พันล้านเหรียญ เนื่องจากเกณฑ์การจัดอันดับที่สูงขึ้น ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 26 ปีที่เธอไม่มีรายชื่อปรากฎใน Forbes 400 นับตั้งแต่มีการจัดอันดับเรื่อยมา 

เช่นเดียวกับ Doris Fisher ผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจค้าปลีก Gap และพี่น้องทายาทอสังหาริมทรัพย์ Amy Goldman Fowler และ Diane Kemper จาก New York

ขณะที่เศรษฐินีหน้าใหม่แห่งปี ได้แก่ Melinda French Gates ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินอย่างน้อย 6.3 พันล้านเหรียญ หลังจากได้รับหุ้นมูลค่าหลายพันล้านซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการหย่าร้างของเธอจากอดีตสามี Bill Gates ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft

ด้าน Miriam Adelson ได้รับหุ้นทั้งหมดของสามีผู้ล่วงลับ Sheldon Adelson ในอาณาจักรคาสิโน Las Vegas Sands ขณะที่ Trudy Cathy White ได้รับมรดกส่วนหนึ่งของเชนร้านไก่ทอด Chick-Fil-A ที่เริ่มก่อตั้งธุรกิจโดย Truett Cathy พ่อของเธอ ในปี 1967 และ Gail Miller ที่กลับเข้าสู่ทำเนียบการจัดอันดับอีกครั้งหลังจากปี 2017 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 3.2 พันล้านเหรียญ จากการขายหุ้นของครอบครัวใน Utah Jazz ของ NBA ที่ 1.66 พันล้านเหรียญในเดือนตุลาคม 2020

พบกับ 10 อันดับเศรษฐินีสหรัฐฯ แห่งทำเนียบ Forbes 400 ประจำปี 2021  ซึ่งได้รับการประเมินมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 3 กันยายน 2021 

<img class="alignnone wp-image-52882 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/alice.jpg" alt="เศรษฐินีสหรัฐฯ" width="416" height="416" />

อันดับ 1 

Alice Walton

มูลค่าทรัพย์สิน: 6.79 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Walmart

<img class="alignnone wp-image-52883 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/mackenzie.jpg" alt="เศรษฐินีสหรัฐฯ" width="416" height="416" />

อันดับ 2 

<a href="https://www.forbes.com/profile/mackenzie-scott/?sh=4a7bb39b243d">MacKenzie Scott</a>

มูลค่าทรัพย์สิน: 5.85 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Amazon

<img class="alignnone wp-image-52885 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/3-1.jpg" alt="เศรษฐินีสหรัฐฯ" width="416" height="416" />

อันดับ 3 

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/julia-koch/?sh=6f6e79272b9c">Julia Koch และครอบครัว</a>

มูลค่าทรัพย์สิน: 5.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Koch Industries

<img class="alignnone wp-image-52886 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/4-2.jpg" alt="เศรษฐินีสหรัฐฯ" width="416" height="416" />

อันดับ 4 

<a style="color: #008000;" href="https://forbesthailand.com/wp-admin/post-new.php">Jacqueline Mars</a>

มูลค่าทรัพย์สิน: 3.18 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Mars

<img class="alignnone size-full wp-image-52887" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/5-1.jpg" alt="" width="416" height="416" />

อันดับ 5

Miriam Adelson

มูลค่าทรัพย์สิน: 3.04 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Las Vegas Sands

<img class="alignnone size-full wp-image-52888" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-5f15ddd274642d00070464eb-0x0.jpgbackground000000cropX162cropX21355cropY1144cropY21437.jpg" alt="" width="416" height="416" />

อันดับ 6

Abigail Johnson

มูลค่าทรัพย์สิน: 2.52 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Fidelity Investments

<img class="alignnone size-full wp-image-52889" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-5d8e17856c7c8f0009907ebd-0x0.jpgbackground000000cropX1217cropX21524cropY10cropY21308.jpg" alt="" width="416" height="416" />

อันดับ 7

Laurene Powell Jobs

มูลค่าทรัพย์สิน: 2.21 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Apple, Disney

<img class="alignnone size-full wp-image-52884" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/9-1.jpg" alt="" width="416" height="416" />

อันดับ 8

Diane Hendricks

มูลค่าทรัพย์สิน: 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: ABC Supply

<img class="alignnone size-full wp-image-52891" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/ann.png" alt="" width="416" height="416" />

อันดับ 9

Blair Parry-Okeden 

มูลค่าทรัพย์สิน: 9.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Cox Enterprises 

<img class="alignnone size-full wp-image-52890" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-5ba4d59031358e5690cda47f-0x0.jpgbackground000000cropX121cropX21217cropY1133cropY21329.jpg" alt="" width="416" height="416" />

อันดับ 10

Ann Walton Kroenke

มูลค่าทรัพย์สิน: 9.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Walmart

แปลและเรียบเรียงจากบทความ The Richest Women In America เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/15-มหาเศรษฐีสหรัฐฯ-อายุน้.html">15 มหาเศรษฐีสหรัฐฯ อายุน้อยที่สุด แห่งทำเนียบ Forbes 400 ปี 2021</a>

เศรษฐินีสหรัฐฯ แห่งทำเนียบ Forbes 400 ประจำปี 2021

<h2>ท่ามกลางความผันผวนของตลาดนับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ได้ก่อให้เกิดนักลงทุนรุ่นมิลเลนเนียลจำนวนมากที่ได้รับประโยชน์จากการหมกมุ่นอยู่กับตลาดหุ้นและตลาดคริปโตเคอร์เรนซีมากไปกว่ากลุ่มเพื่อนวัยหนุ่มสาวของพวกเขา</h2>
<figure><img class="wp-image-52259" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-61195045d5dd7cca7f2edc64-Sam-Bankman-Fried-1960x0.jpgfitscale.jpg" alt="Forbes 400 ปี 2021" width="720" height="540" /><figcaption> Sam Bankman-Fried ผู้ก่อตั้ง FTX</figcaption></figure>

สำหรับในปีนี้ <a href="https://www.forbes.com/profile/sam-bankman-fried/?sh=461c06374449">Sam Bankman-Fried</a> วัย 29 ปี ครองตำแหน่งมหาเศรษฐีชาวอเมริกันที่อายุน้อยที่สุดแห่งทำเนียบ Forbes 400 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 2.25 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ FTX แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่เขาก่อตั้งเมื่อ 2 ปีก่อนในฮ่องกง และการลงทุนในคริปโตของเขาเอง 

ด้วยเป้าหมายของ Bankman-Fried ที่จะเป็นตัวอย่างของ “เด็กที่เห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ” เขาจึงตั้งใจที่จะหาเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะได้แจกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ให้กับผู้ที่ต้องการมากที่สุด ด้วยเหตุนี้เขาจึงนำผลกำไรที่ได้รับในปัจจุบันมาลงทุนในธุรกิจของเขาเพื่อสะสมความมั่งคั่งให้มากยิ่งขึ้น

นอกจาก Mark Zuckerberg แล้ว ก็ยังไม่เคยมีมหาเศรษฐีคนใดเลยที่มีทรัพย์สินมากมายในวัยเพียงเท่านี้เลย โดยกว่าครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินของเขาผูกติดอยู่กับโทเค็น FTT ของ FTX ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ทำการซื้อขายและรับส่วนลดจากการแลกเปลี่ยนบนแพลตฟอร์มมูลค่า 1.8 หมื่นล้านเหรียญ จากการประเมินในเดือนกรกฎาคม 

ขณะที่คู่แข่งอย่าง Brian Armstrong วัย 38 ปี และ Fred Ehrsam วัย 33 ปี ผู้ร่วมก่อตั้ง Coinbase Global ก็มีรายชื่อปรากฎในทำเนียบ Forbes 400 เป็นปีแรกเช่นกัน หลังจากที่ทั้งคู่ได้นำ Coinbase เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในเดือนเมษายน 

เช่นเดียวกับการเสนอขายหุ้น IPO ของแอปพลิเคชันการลงทุนยอดนิยมอย่าง Robinhood Markets ที่ทำให้ Baiju Bhatt ผู้ร่วมก่อตั้งวัย 37 ปี ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีหน้าใหม่ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 2.9 พันล้านเหรียญ 

โดยรวมแล้ว สมาชิก 15 รายของ The Forbes 400 ที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 12 คนในปีที่แล้ว โดยมี 6 รายที่เพิ่งปรากฏรายชื่อเป็นครั้งแรก อาทิเช่น Brian Chesky และ Joe Gebbia จาก Airbnb ซึ่งทั้งคู่จะมีอายุครบ 40 ปีในเดือนสิงหาคม ซึ่งมีอายุมากขึ้นจากกลุ่มที่อายุน้อยที่สุด ขณะที่ Zuckerberg ยังคงรั้งตำแหน่งบุคคลที่มั่งคั่งที่สุดในกลุ่มนี้ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1.345 แสนล้านเหรียญ ตามด้วย Dustin Moskovitz เพื่อนร่วมชั้นจาก Harvard (2.41 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งช่วยเขาเปิดตัว Facebook ก่อนที่จะเริ่ม Asana บริษัทเครื่องมือที่ช่วยในการบริหารจัดการงานของตนเอง

พบกับ 15 มหาเศรษฐีสหรัฐฯ อายุน้อยที่สุด แห่งทำเนียบ Forbes 400 ปี 2021 ซึ่งได้รับการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ณ วันที่ 3 กันยายน 2021

<img class="alignnone wp-image-52243 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-615b149110bfa4447ff49baa-0x0.jpgbackground000000cropX141cropX22398cropY1333cropY22691.jpg" alt="Forbes 400 ปี 2021" width="416" height="416" />

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/sam-bankman-fried/?sh=461c06374449">Sam Bankman-Fried</a>

วัย: 29 ปี

มูลค่าทรัพย์สิน: 2.25 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: FTX

<img class="alignnone wp-image-52244 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/2-1.jpg" alt="Forbes 400 ปี 2021" width="416" height="416" />

<a href="https://www.forbes.com/profile/evan-spiegel/?sh=31fcbbc7529c">Evan Spiegel</a>

วัย: 31 ปี

มูลค่าทรัพย์สิน: 1.38 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Snapchat

<img class="alignnone wp-image-52245 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-5d2e2903142c500009cb0140-0x0.jpgbackground000000cropX10cropX22670cropY1702cropY23371.jpg" alt="Forbes 400 ปี 2021" width="416" height="416" />

<a href="https://www.forbes.com/profile/bobby-murphy/?sh=29cd545037ba">Bobby Murphy</a>

วัย: 33 ปี

มูลค่าทรัพย์สิน: 1.52 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Snapchat

<img class="alignnone wp-image-52247 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/FRED-.jpg" alt="Forbes 400 ปี 2021" width="416" height="416" />

<a href="https://www.forbes.com/profile/fred-ehrsam/?sh=412ede47677d">Fred Ehrsam</a>

วัย: 33 ปี

มูลค่าทรัพย์สิน: 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Coinbase Global

<img class="alignnone size-full wp-image-52248" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/LUKAS.jpg" alt="" width="416" height="416" />

<a href="https://www.forbes.com/profile/lukas-walton/?sh=1d4f77f51d5d">Lukas Walton</a>

วัย: 35 ปี

มูลค่าทรัพย์สิน: 1.72 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Walmart

<img class="alignnone size-full wp-image-52249" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/BAIJU.jpg" alt="" width="416" height="416" />

<a href="https://www.forbes.com/profile/baiju-bhatt/?sh=ac02134fa162">Baiju Bhatt</a>

วัย: 36 ปี

มูลค่าทรัพย์สิน: 2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Robinhood

<img class="alignnone size-full wp-image-52250" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/MARK.jpg" alt="" width="416" height="416" />

<a href="https://www.forbes.com/profile/mark-zuckerberg/?sh=7fa0bb203e06">Mark Zuckerberg</a>

วัย: 37 ปี

มูลค่าทรัพย์สิน: 1.345 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Facebook

<img class="alignnone size-full wp-image-52251" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/DUSTIN.jpg" alt="" width="416" height="416" />

<a href="https://www.forbes.com/profile/dustin-moskovitz/?sh=64b1541b1dd3">Dustin Moskovitz</a>

วัย: 37 ปี

มูลค่าทรัพย์สิน: 2.41 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Facebook

<img class="alignnone size-full wp-image-52252" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/https-specials-images.forbesimg.com-imageserve-5c743ab3a7ea431000438195-0x0.jpgbackground000000cropX1263cropX22662cropY1131cropY22531.jpg" alt="" width="416" height="416" />

<a href="https://www.forbes.com/profile/brian-armstrong/?sh=364286425077">Brian Armstrong</a>

วัย: 38 ปี

มูลค่าทรัพย์สิน: 1.15 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Coinbase Global

<img class="alignnone size-full wp-image-52253" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/NATHAN.jpg" alt="" width="416" height="416" />

<a href="https://www.forbes.com/profile/nathan-blecharczyk/?sh=766320444949">Nathan Blecharczyk</a>

วัย: 38 ปี

มูลค่าทรัพย์สิน: 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Airbnb

<img class="alignnone size-full wp-image-52254" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/DUNCAN.png" alt="" width="416" height="416" />

<a href="https://www.forbes.com/profile/scott-duncan/?sh=5a23b2d4735a">Scott Duncan</a>

วัย: 38 ปี

มูลค่าทรัพย์สิน: 6.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Enterprise Products Partners

<img class="alignnone size-full wp-image-52255" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/R.J..jpg" alt="" width="416" height="416" />

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/rj-scaringe/?sh=7b08483b52ac">R.J. Scaringe</a>

วัย: 38 ปี

มูลค่าทรัพย์สิน: 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Rivian 

<img class="alignnone size-full wp-image-52256" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/ERNEST-GARCIA.jpg" alt="" width="416" height="416" />

<a href="https://www.forbes.com/profile/ernest-garcia-iii/?sh=38c94e2c6350">Ernest Garcia III</a>

วัย: 39 ปี

มูลค่าทรัพย์สิน: 9.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Carvana

<img class="alignnone size-full wp-image-52257" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/LYNSI.jpg" alt="" width="416" height="416" />

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/lynsi-snyder/?sh=736a22301a37">Lynsi Snyder</a>

วัย: 39 ปี

มูลค่าทรัพย์สิน: 4.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: In-N-Out Burger

<img class="alignnone size-full wp-image-52258" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/BEN-SILBERMANN.jpg" alt="" width="416" height="416" />

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/ben-silbermann/?sh=5f1ac532644d">Ben Silbermann</a>

วัย: 39 ปี

มูลค่าทรัพย์สิน: 3.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Pinterest

แปลและเรียบเรียงจากบทความ 15 Under 40: The Youngest Billionaires On The 2021 Forbes 400 เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/forbes-400-มหาเศรษฐีชาวอเมริกันท.html">Forbes 400 มหาเศรษฐีชาวอเมริกันที่มั่งคั่งที่สุด ประจำปี 2021</a>

15 มหาเศรษฐีสหรัฐฯ อายุน้อยที่สุด แห่งทำเนียบ Forbes 400 ปี 2021

<h2>Forbes เผยรายชื่อ Forbes 400 มหาเศรษฐีชาวอเมริกันที่มั่งคั่งที่สุด 400 อันดับ ครั้งที่ 40 ประจำปี 2021 ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินรวมกันเพิ่มสูงขึ้นราวร้อยละ 40 จากปีที่แล้วเป็น 4.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ</h2>
ในปีนี้ มีมหาเศรษฐีหน้าใหม่ถึง 44 รายที่ผ่านเกณฑ์การจัดอันดับขั้นต้ำเป็นปีแรก ซึ่งกำหนดไว้ที่ 2.9 พันล้านเหรียญ หรือมากกว่าปีก่อนราว 800 ล้านเหรียญ ทว่ามูลค่าที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลยนั้น คือ ความเอื้ออาทรของพวกเขา เพราะมีเพียง 8 รายเท่านั้นที่บริจาคทรัพย์สินส่วนตัวมากกว่าร้อยละ 20 ให้กับสังคม ขณะที่จำนวนผู้ที่บริจาคน้อยกว่าร้อยละ 1 ของทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจาก 127 เป็น 156 ราย

สำหรับคะแนนการกุศล Forbes ประมาณการจากเงินบริจาคตลอดชีวิตของมหาเศรษฐีแต่ละคน พร้อมเจาะลึกข้อมูลที่ยื่นต่อสาธารณะ แบบฟอร์มภาษี รายงานข่าว และรายละเอียดอื่นๆ แทนการประเมินมูลค่าที่เหล่ามหาเศรษฐีมอบให้แก่มูลนิธิของพวกเขาเท่านั้น เพื่อพิสูจน์ว่าเงินได้ถูกส่งมอบไปถึงองค์กรไม่แสวงหากำไรจริง และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกมากแค่ไหนอีกด้วย

โดย Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon ยังคงรั้งตำแหน่งบุคคลที่มั่งคั่งที่สุดเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.01 แสนล้านเหรียญ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 2.2 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงที่สุดนับตั้งแต่มีการจัดอันดับทำเนียบดังกล่าวเป็นต้นมา

ด้าน Elon Musk มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นราว 3 เท่าจากปีก่อนเป็น 1.905 แสนล้านเหรียญ โดยได้รับอานิสงส์จากมูลค่าหุ้นของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า Tesla ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงที่ผ่านมา 

ขณะที่อันดับ 3 และ 4 ตกเป็นของ Mark Zuckerberg จากการที่หุ้นของ Facebook พุ่งสูงขึ้นถึงร้อยละ 63 ตั้งแต่ปีที่แล้ว และ Bill Gates ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft โดยในปีนี้ นับเป็นปีแรกที่ Gates ไม่ได้ครอง 1 ใน 2 อันดับแรกในรอบ 3

ทั้งนี้ ในเดือนพฤษภาคม Gates และ Melinda French Gates ได้ประกาศยุติความสัมพันธ์หลังใช้ชีวิตคู่กันมายาวนาน 27 ปี และหลังจากนั้นไม่นาน เขาได้โอนหุ้นมูลค่า 5.7 พันล้านเหรียญในบริษัทต่างๆ เช่น Deer &amp; Co และ Canadian Railway ให้กับเธอ ซึ่งส่งผลให้ Melinda French Gates ปรากฎรายชื่อในทำเนียบ Forbes 400 เป็นครั้งแรกในปีนี้ที่อันดับ 158 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิราว 6.3 พันล้านเหรียญ 

ในบรรดามหาเศรษฐีหน้าใหม่ทั้ง 44 ราย ผู้ที่มีความมั่งคั่งที่สุด คือ Sam Bankman-Fried ผู้ประกอบการด้านสกุลเงินดิจิทัลวัย 29 ปี ซึ่งมีมูลค่า ทรัพย์สิน 2.25 หมื่นล้านเหรียญ ตามด้วย Brian Armstrong และ Fred Ehrsam ผู้ร่วมก่อตั้ง Coinbase Global แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอเรนซี Coinbase Global ที่เพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา

โดยรวมแล้วทำเนียบในปีนี้มีผู้ประกอบการคริปโตเคอเรนซีมากถึง 7 ราย หรือเพิ่มขึ้นมากถึง 6 คนจากปีที่แล้ว อาทิเช่น พี่น้องฝาแฝด Cameron Winklevoss และ Tyler Winklevoss เป็นต้น 

ด้าน R.J. Scaringe ผู้ก่อตั้ง Rivian บริษัทเอกชนซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการผลิตรถกระบะไฟฟ้าและรถ SUV ซึ่งได้ Amazon และ Ford เป็นนักลงทุนรายใหญ่ ก็เพิ่งเข้าสู่ทำเนียบในปีนี้เช่นกัน

ขณะที่จำนวนผู้หญิงในทำเนียบไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้วอยู่ที่ 56 ราย ซึ่งหมายรวมถึง Judy Love และ Lynda Resnick ที่แบ่งปันมูลค่าทรัพย์สินร่วมกับคู่สมรส ขณะที่ Alice Walton ทายาทของ Walmart ยังคงรั้งตำแหน่งผู้หญิงที่มั่งคั่งที่สุดในอเมริกาเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 6.79 หมื่นล้านเหรียญ

อย่างไรก็ดี แม้ว่า Oprah Winfrey และ Doris Fisher ผู้ร่วมก่อตั้ง Gap จะมีรายชื่อหลุดจากทำเนียบไป แต่ก็มีผู้มาใหม่อย่าง Melinda French Gates และ Miriam Adelson ซึ่งเป็นทายาทของสามีผู้ล่วงลับ Sheldon Adelson เจ้าของอาณาจักรคาสิโน Las Vegas Sands เข้าร่วมกลุ่ม แทน

พบกับ 10 มหาเศรษฐีชาวอเมริกันที่มั่งคั่งที่สุด ประจำปี 2021 จากทำเนียบ Forbes 400 ซึ่งประเมินมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 3 กันยายน 2021

<img class="alignnone size-full wp-image-52171" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/Jeff-Bezos.jpg" alt="" width="416" height="416" />

อันดับ 1 

<a href="https://www.forbes.com/profile/jeff-bezos/?list=forbes-400&amp;sh=668c48711b23">Jeff Bezos </a>

วัย: 57 ปี

มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 2.01 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Amazon

คะแนนการกุศล: 1

<img class="alignnone size-full wp-image-52172" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/Elon-Musk.jpg" alt="" width="416" height="416" />

อันดับ 2

<a href="https://www.forbes.com/profile/elon-musk/?list=forbes-400&amp;sh=34dd3e0a7999">Elon Musk</a>

วัย: 50 ปี

มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.905 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Tesla, SpaceX

คะแนนการกุศล: 1

<img class="alignnone size-full wp-image-52173" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/Mark-FB.jpg" alt="" width="416" height="416" />

อันดับ 3

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/mark-zuckerberg/?list=forbes-400&amp;sh=6b9df11b3e06">Mark Zuckerberg</a>

วัย: 37 ปี

มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.345 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Facebook

คะแนนการกุศล: 2

<img class="alignnone size-full wp-image-52174" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/4-1.jpg" alt="" width="416" height="416" />

อันดับ 4

<a href="https://www.forbes.com/profile/bill-gates/?list=forbes-400&amp;sh=759ebfe4689f">Bill Gates</a>

วัย: 65 ปี

มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.34 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Microsoft

คะแนนการกุศล: 4

<img class="alignnone wp-image-52175 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/Larry-Page.jpg" alt="Forbes 400 ประจำปี 2021 " width="416" height="416" />

อันดับ 5 

<a href="https://www.forbes.com/profile/larry-page/?list=forbes-400&amp;sh=610f961a7893">Larry Page</a>

วัย: 48 ปี

มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.23 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Google

คะแนนการกุศล: 1

<img class="alignnone size-full wp-image-52177" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/Sergey-Brin.jpg" alt="" width="416" height="416" />

อันดับ 6

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/sergey-brin/?list=forbes-400&amp;sh=435099414b43">Sergey Brin</a>

วัย: 48 ปี

มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.185 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Google

คะแนนการกุศล: 1

<img class="alignnone wp-image-52178 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/Larry-Ellison.jpg" alt="Forbes 400 ประจำปี 2021 " width="416" height="416" />

อันดับ 7

Larry Ellison

วัย: 77 ปี

มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.173 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: ธุรกิจซอฟต์แวร์

คะแนนการกุศล: 1

<img class="alignnone size-full wp-image-52179" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/Warren-Buffet.jpg" alt="" width="416" height="416" />

อันดับ 8

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/warren-buffett/?list=forbes-400&amp;sh=3bc4f35d4639">Warren Buffet</a>

วัย: 91 ปี

มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.02 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Bershire Hathaway

คะแนนการกุศล: 5

<img class="alignnone wp-image-52180 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/Steve-Ballmer-.jpg" alt="Forbes 400 ประจำปี 2021 " width="416" height="416" />

อันดับ 9

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/steve-ballmer/?list=forbes-400&amp;sh=5f55db2b4818">Steve Ballmer </a>

วัย: 65 ปี

มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 9.65 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Microsoft

คะแนนการกุศล: 2

<img class="alignnone wp-image-52181 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/Michael-Bloomberg.jpg" alt="Forbes 400 " width="416" height="416" />

อันดับ 10 

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/michael-bloomberg/?list=forbes-400&amp;sh=25e6cd621417">Michael Bloomberg</a>

วัย: 79 ปี

มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

แหล่งที่มาทรัพย์สิน: Microsoft

คะแนนการกุศล: 4 

แปลและเรียบเรียงจากบทความ The 2021 Forbes 400 List Of Richest Americans: Facts And Figures เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/การจัดอันดับ-100-มหาเศรษฐี.html">การจัดอันดับ 100 มหาเศรษฐีอินเดีย ประจำปี 2021</a>

Forbes 400 มหาเศรษฐีชาวอเมริกันที่มั่งคั่งที่สุด ประจำปี 2021

<h2 class="p1">Sheldon Solow มหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ แห่งมหานครนิวยอร์ก เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2020 ในวัย 92 ปี ด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง</h2>
<figure><img class="wp-image-37830 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/11/sheldon-_-friend.jpg" alt="Sheldon Salow" width="720" height="480" /><figcaption> Sheldon Solow (ซ้าย) และ Richard LeFrak (ขวา) เพื่อนมหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์</figcaption></figure>

Sheldon Solow คือ หนึ่งในมหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ ที่มีรายชื่อปรากฎอยู่ในอันดับที่ 167 ของทำเนียบ Forbes 400 หรือเศรษฐีอเมริกัน 400 อันดับ ประจำปี 2020 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินราว 4.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
นอกจากนี้ ชื่อของ Solow ยังได้ปรากฎอยู่ในทำเนียบ Forbes 400 ประจำปี 1982 ซึ่งนับเป็นปีแรกที่มีการจัดอันดับเศรษฐีอเมริกันขึ้น ด้วยมูลค่าทรัพย์สินส่วนตัวสุทธิที่ 100 ล้านเหรียญ จึงกล่าวได้ว่า Solow คือหนึ่งในมหาเศรษฐีจำนวนน้อยที่มีรายชื่อติดอยู่ในการจัดอันดับประจำปี 1982 และ 2020 ซึ่งในที่นี้ ประธานาธิบดี Donald Trump ก็คือหนึ่งในมหาเศรษฐีที่มีรายชื่อดังกล่าว
Solow เกิดที่เมือง Brooklyn ในช่วงปลายยุค 1920s ในครอบครัวที่พ่อประกอบอาชีพเป็นช่างก่ออิฐ ผู้ซึ่งอพยพมาจากรัสเซีย และแม่ทำหน้าที่แม่บ้าน ทั้งนี้ ขณะที่ศึกษาอยู่ในระดับมหาวิทยาลัยที่ New York University Solow ก็ได้ตัดสินใจลาออก เพื่อที่จะหันมาทุ่มเทความสนใจให้กับด้านอสังหาริมทรัพย์ จนกระทั่งสามารถก่อสร้างบริษัท Solow Building Company ที่ในที่สุดก็ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
หนึ่งในผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Sheldon Solow คือ การก่อสร้างตึกระฟ้าทรงโค้งสูง 50 ชั้นภายใต้ชื่อ Solow Building ที่สามารถมองเห็นวิวสวนสาธารณะ Central Park ได้อย่างรอบด้าน แม้ในช่วงแรกของการก่อสร้างจะได้รับเสียงวิพากย์วิจารณ์ถึงโครงสร้างสถาปัตยกรรมที่แปลก และยังสูงตระหง่านกว่าอาคารอื่นๆ ในบริเวณเดียวกัน แต่ในท้ายที่สุดกลับได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก
ปัจจุบัน Solow Building เป็นอาคารอสังหาริมทรัพย์ในเชิงพาณิชย์ ที่มีทั้งแบรนด์แฟชั่นแถวหน้าของโลกอย่าง Chanel และ KKR ซึ่งเป็นบริษัทห้างหุ้นส่วนจำกัดที่นำสินทรัพย์ของบริษัทไปลงทุนในการลงทุนแบบกองทุนเอกชน เข้ามาเช่าพื้นที่ตั้งร้านค้าและสำนักงาน 
ขณะที่บนชั้น G ของอาคารเป็นสถานที่จัดแสดงผลงานศิลปะที่ Solow เก็บสะสมจากศิลปินชื่อดังมากมาย อาทิเช่น Sandro Botticelli, Pablo Picasso และ Henri Matisse แต่ยังไม่ได้เปิดให้บุคคลภายนอกเข้าชม
ทั้งนี้ โครงการล่าสุดของ Solow คือ ตึกแก้วระฟ้าสูง 43 ชั้น ภายใต้ชื่อ One United Nations Park ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง Manhattan ในมหานครนิวยอร์ก บนที่ดินที่ใช้ระยะเวลามากถึง 2 ทศวรรษในการเจรจาเข้าซื้อจาก Con Edison บริษัทผู้ผลิตและให้บริการด้านพลังงาน
ล่าสุด ในเดือนกรกฎาคม 2020 ที่ผ่านมา Solow ได้กล่าวกับ Forbes ผ่านทางโทรศัพท์ว่า “ยอดขายคอนโดดีมาก” โดย<a style="color: #333333;" href="https://bit.ly/3kZQoTl">ภายในอาคาร</a>แห่งนี้ นอกจากประกอบไปด้วยพื้นที่ให้เช่าจำนวน 408 ห้องแล้ว ยังมีห้องพักอาศัยมากถึง 148 ยูนิตเช่นกัน
ต่อจากนี้  Stefan Soloviev บุตรชายของเขาจะเป็นผู้สืบทอดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่อไป อย่างไรก็ดี สาเหตุที่การสะกดนามสกุลของ Soloviev แตกต่างจากผู้เป็นพ่อนั้น มาจากการที่เขาเลือกที่จะใช้วิธีการสะกดชื่อสกุลในภาษารัสเซียที่ครอบครัวเคยใช้ในอดีต Soloviev จบการศึกษาจาก The University of Rhode Island และ St. John's University ในนิวยอร์ก และเข้าทำงานที่บริษัทของพ่อเป็นระยะเวลามากกว่า 20 ปี และยังมีบทบาทในการขยายธุรกิจไปยัง New Mexico, Kansas และ Colorado 
ครอบครัวของ Solow ยังประกอบไปด้วย Mia Solow ผู้เป็นภรรยา และลูกชายอีกคน ซึ่งก็คือ Nikolai Solow
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ New York Real Estate Billionaire Sheldon Solow Dies At 92 เผยแพร่บน forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%95%e0%b8%b3%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%99-lee-kun-hee-%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3-samsung.html">ปิดตำนาน Lee Kun-hee ผู้บริหารอาณาจักร Samsung</a>

&nbsp;

Sheldon Solow มหาเศรษฐีอสังหาฯ แห่งมหานครนิวยอร์ก เสียชีวิตในวัย 92 ปี

10 อันดับ มหาเศรษฐีจีนหน้าใหม่ ประจำปี 2020

<h2>Book Value จาก Michael Milken ผู้ก่อตั้ง Milken Institute และสมาชิกทำเนียบ Forbes 400</h2>
บรรดาผู้นำจากแวดวงธุรกิจ วิชาการ บันเทิง และการเมืองเล่าถึงหนังสือที่วางอยู่ข้างเตียง หากกำลังรู้สึกหดหู่กับรายงานข่าวการก่อการร้าย โรคระบาด ความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธ หรือภัยธรรมชาติแนะนำให้ละจากข่าวเหล่านั้นและอ่าน


<img class="aligncenter wp-image-28389" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/FO123119_003.jpg" alt="" width="400" height="457" />
Book Value
Michael Milken ผู้ก่อตั้ง Milken Institute และสมาชิกทำเนียบ Forbes 400

<img class="alignnone wp-image-28388 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/หนังสือแนะนำ.jpg" alt="" width="900" height="480" />

Factfulness: Ten Reasons We’re Wrong About the World-and Why Things Are Better Than You Think
(สำนักพิมพ์ Flatiron Books ปี 2018)

ผลงานของแพทย์ชาวสวีเดนผู้ล่วงลับซึ่งเขียนหนังสือเล่มนี้หลังจากที่ตรวจพบโรคมะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้ายเมื่อปี 2016 Rosling ซึ่งสร้างชื่อจากการกล่าวสุนทรพจน์บนเวที TED Talk ได้กลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกจากการทำงานในแวดวงสุขภาพระดับโลกและการพัฒนาในระดับภูมิภาคให้กลายเป็นงานฉลอง

“ปาฏิหาริย์ลับแห่งพัฒนาการมนุษย์” Rosling จะไม่แบ่งโลกออกเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา แต่ได้อธิบายเรื่องการแบ่งชนชั้นของรายได้ออกเป็น 4 ประเภท ซึ่งมีความใกล้เคียงกันมากกว่า และแต่ละประเภทยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

Rosling บอกว่าพวกเรามองข้ามทิศทางที่มีแนวโน้มสดใสเหล่านี้ไปเนื่องจากสัญชาตญาณมนุษย์มาบังตาพวกเรา เขาสรุปเอาไว้ว่าให้มองตามข้อเท็จจริง ไม่ใช่มองจากความรู้สึกกลัว

“เมื่อเรามองโลกตามความเป็นจริง เราจะเห็นว่า โลกไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เห็น และเราจะเห็นด้วยว่า จะสามารถทำอะไรได้บ้างให้”

<hr />

<a href="https://bit.ly/38hL0Vu">คลิกอ่านบทความทางธุรกิจที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ มีนาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-27443 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/03/COVER-82-MARCH--229x300.jpg" alt="สรพหล นิติกาญจนา" width="229" height="300" />

Book Value: Michael Milken ผู้ก่อตั้ง Milken Institute และสมาชิกทำเนียบ Forbes 400

<h2>มหาเศรษฐีน้ำมัน Phil Anschutz ใส่เกียร์เดินหน้างานใหญ่ครั้งสุดท้าย คือการขยับจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่การค้นหาพลังงานหมุนเวียน แต่เขาทำเพื่อสีเขียวธนบัตร ไม่ใช่เขียวใบไม้ เพราะธุรกิจ กังหันลม ราคา 8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ของ Anschutz จะพัดลาภก้อนใหญ่ที่สุดมาให้เขาได้หรือไม่</h2>
ตลอดชีวิตการทำงาน 60 ปี ของ Phil Anschutz เขาเป็นเจ้าของแหล่งน้ำมัน ทางรถไฟ เครือข่ายใยแก้วนำแสงเหมืองทังสเตน โรงภาพยนตร์ แม้กระทั่งบริษัทผลิตแพนเค้ก เขาเป็นเจ้าของทีมฮอกกี้ L.A. Kings ในลีก NHL ถือหุ้น 1 ใน 3 ของทีมบาสเกตบอล Lakers ในลีก NBA และเป็นเจ้าของนาม Staples Center ที่ทั้งสองทีมใช้แข่ง

ไม่เพียงแค่รักธุรกิจที่แปลกไม่เหมือนใคร แต่เขาหมกมุ่นเลย “ภรรยาบอกว่าผมเป็นโรคจิต” เขาพูดพลางหัวเราะ Anschutz ชอบน้ำมันดิบเป็นพิเศษเพราะมันเป็นจุดเริ่มต้นของเขาและเชื้อเพลิงฟอสซิลก็เป็นรากฐานที่สร้างทรัพย์สินให้เขาประมาณ 1.15 หมื่นล้านเหรียญ จนได้เข้ามาอยู่ในอันดับ 41 ในทำเนียบ Forbes 400

เขาแกะกล่องซิการ์มวนเล็กของ Swisher Sweets พลางอธิบายคุณสมบัติของที่ดิน 5 แสนเอเคอร์ ซึ่งบริษัทน้ำมันของเขาได้สำรวจในเขตลุ่มแม่น้ำ Powder รัฐ Wyoming ทีมของเขาขุดเจาะพบบ่อน้ำมันในพื้นที่นี้มากพอจะมั่นใจได้ว่าพวกเขานั่งอยู่บนแหล่งที่มีน้ำมันมากกว่าพันล้านบาร์เรล และมันน่าจะทำเงินให้เขาได้มากยิ่งกว่าเมื่อครั้งที่เขาขายแหล่งอื่นได้ 2.5 พันล้านเหรียญเมื่อปี 2010

เขาเล่าว่า ข้อดีที่สุดของที่ดินผืนนี้คือ มันมีลักษณะ “คล้ายนิ้วมือที่สอดสลับกัน” กับที่ดินของพวกบริษัทน้ำมันรายใหญ่กว่า ซึ่งอาจสนใจจะมาขอซื้อ และสอดประสานนิ้วให้ดูเพื่อแสดงให้เห็นภาพโดยยังถือซิการ์ที่เคี้ยวแล้วครึ่งมวนไว้ในมือ

Anschutz วัย 79 ปี ไม่เคยเป็นคนงานที่แท่นเจาะ เขาสูง 5 ฟุต 9 นิ้ว หวีผมเรียบ เขาอธิบายว่าการลงทุนครั้งใหญ่ครั้งต่อไป หรืออาจเป็นครั้งสุดท้าย จะไม่เกี่ยวกับน้ำมันเลย แต่ Phil Anschutz ราชาแห่งเชื้อเพลิงฟอสซิลกำลังสร้างทุ่งกังหันลมผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดในอเมริกา

Anschutz ต้องใช้เงินทุน 5 พันล้านเหรียญเพื่อตั้งกังหันลม 1,000 ตัวสำหรับโครงการผลิตพลังงานจากลม Chokecherry และ Sierra Madre ในไร่ Overland Trail Ranch ขนาด 320,000 เอเคอร์ของเขาใกล้เมือง Rawlins รัฐ Wyoming บวกกับอีก 3 พันล้านเหรียญเพื่อสร้างสายส่งไฟฟ้ากระแสตรงระยะทาง 730 ไมล์เพื่อส่งไฟฟ้า (ซึ่งเพียงพอสำหรับบ้าน 1.8 ล้านหลัง) เข้าสู่เครือข่ายไฟฟ้าของรัฐ California

หลังจาก Anschutz ฝ่าฟันกระบวนการขอใบอนุญาตมาตลอดทศวรรษ การก่อสร้างก็เดินหน้าแล้ว คนงานทำถนนใช้งานยาว 95 ไมล์ และเตรียมพื้นที่พร้อมใช้งาน 115 จุดสำหรับการติดตั้งกังหันลมเฟสแรก ซึ่งจะเริ่มในปี 2020 และเสร็จในปี 2025 Anschutz ควักกระเป๋าตัวเอง 400 ล้านเหรียญเพื่อสนับสนุนเงินทุนก้อนแรกและกำลังมองหาหุ้นส่วนหรือเตรียมกู้เงินมาใช้จ่ายส่วนที่เหลือ แต่อย่าหวังว่าเขาจะยอมให้ใครคุมงานแทน “ผมอยากคุมการสร้างโครงการนี้” เขากล่าว

<img class="alignnone size-full wp-image-28284" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/04/ธุรกิจกังหันลม.jpg" alt="" width="463" height="587" />

Anschutz กล่าวว่า งานหนักที่สุดผ่านพ้นไปแล้ว กระบวนการขอใบอนุญาตตัดจำนวนกังหันลง 1 ใน 4 จากแผนที่เขาวางไว้ โดยในจุดที่ลมแรงที่สุดจะตั้งกังหันได้ 157 ตัวแทนที่จะเป็น 325 ตัว

มีครั้งหนึ่งที่เขาเคยคิดจะขายที่ดินแล้วล้มเลิกโครงการคือ ตอนที่กลุ่มผู้สนับสนุนถ่านหินในฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐ Wyoming ผลักดันกฎหมายใหม่เพื่อเก็บภาษีไฟฟ้าพลังงานลม 0.1 เซนต์ต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประเทศ ซึ่งภาษีเล็กน้อยก็มีผลเมื่อคุณวางแผนจะผลิตไฟฟ้า 1.2 หมื่นล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี

Anschutz ทำเงินมหาศาลได้เป็นครั้งแรกในปี 1982 ด้วยการขายกลุ่มบ่อน้ำมันครึ่งหนึ่งในแหล่งน้ำมันที่ชายแดนรัฐ Wyoming-Utah ให้ Mobil Oil ในราคา 500 ล้านเหรียญ (หรือ 1.4 พันล้านเหรียญตามค่าเงินในปัจจุบัน) เขานำเงินไปลงทุนในธุรกิจเหมืองแร่และทางรถไฟ และสร้างทางรถไฟสาย Southern Pacific ซึ่งต่อมาขายให้ Union Pacific ในปี 1996 ด้วยราคา 5.4 พันล้านเหรียญ ทำให้มูลค่าหุ้นของเขาในบริษัทใหม่เพิ่มเป็นมากกว่า 900 ล้านเหรียญ แต่พลังงานลมคือสิ่งที่เขาคิดไว้แล้ว

เขาขอให้ Bill Miller ซึ่งขณะนั้นเป็นประธานผู้จัดการใหญ่ในบริษัทน้ำมันของเขาหาที่ดินซึ่งมีลมพัดจัดที่สุดในประเทศ ซึ่งปรากฏว่าเป็นบริเวณไร่ Overland Trail Ranch ในรัฐ Wyoming ที่นี่มีลมพัดผ่านช่องเขาซึ่งเป็นเส้นทาง Overland Trail ที่เหล่าผู้บุกเบิกใช้เดินทางไปยังฝั่งตะวันตก ลมนี้พัดแรงอย่างสม่ำเสมอด้วยความเร็วเฉลี่ยประมาณ 20 ไมล์ต่อชั่วโมง

Miller กล่าวว่า การทำสิ่งที่คนอื่นที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้คือเรื่องสนุกเขาเล่าถึงท่อส่งน้ำมันที่เขากับ Anschutz สร้างในยุค 1970 จากเมือง Bakersfield รัฐ California ผ่านเมือง Los Angeles ไปจนถึงท่าเรือที่เมือง Long Beach “คนอื่นคิดว่าพวกเราโง่แน่ๆ แต่เราก็ทำได้”

จากข้อมูลของบริษัทที่ปรึกษา Wood Mackenzie กำลังการผลิตไฟฟ้าจากลมของอเมริกาจะเพิ่มขึ้น 60% ใน 5 ปีจาก 100,000 เมกะวัตต์ในปัจจุบัน ซึ่งก็ต้องมีที่ดินตั้งกังหันลม และถ้าอเมริกาจะอุทิศตนเพื่อกำจัดคาร์บอนออกจากแหล่งพลังงาน การใช้พื้นที่ซึ่งมีลมพัดจัดที่สุดและมีคนอาศัยอยู่น้อยที่สุดก็มีเหตุผล “ระบบพลังงานลมไม่ได้มีแค่ในไร่ของเรา แต่ขยายไปทั่วเขตลุ่มแม่น้ำ” Anschutz กล่าว

“ถ้าเราสร้างที่นี่ไม่ได้ ก็สร้างที่ไหนไม่ได้แล้ว”

เรื่อง: Christopher Helman เรียบเรียง: ธรรดร โสตถิอำรุง ภาพ: Jamel Toppin

<hr />

<a href="https://bit.ly/38hL0Vu">คลิกอ่านฉบับเต็ม "มหาเศรษฐีน้ำมัน Phil Anschutz ใส่เกียร์เดินหน้างานใหญ่กับธุรกิจ กังหันลม" ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ มีนาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-27443" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/03/COVER-82-MARCH-.jpg" alt="สรพหล นิติกาญจนา" width="301" height="395" />

มหาเศรษฐีน้ำมัน Phil Anschutz ใส่เกียร์เดินหน้างานใหญ่กับธุรกิจ กังหันลม

<h2>สมัยนี้ของแพง โดยเฉพาะถ้าคุณกำลังอยากเปลี่ยนแกรนด์เปียโนในเครื่องบินเจ็ตของคุณ แต่คงเป็นเรื่องสบายๆ ในแบบมหาเศรษฐี Forbes 400</h2>
ดัชนีราคากินหรูอยู่เลิศ (Cost of Living Extremely Well Index หรือ CLEWI) ของเราไต่ขึ้น 3.4% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากที่เคยเพิ่มในปี 2018 มากกว่า 1 จุด และเพิ่มเป็นเกือบ 2 เท่าของดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index หรือ CPI) ซึ่งขึ้นมา 1.7%

ทั้งนี้ ตั้งแต่เราเริ่มติดตามราคาสินค้าและบริการสุดหรูมาในปี 1982 พวกเราพบว่า ดัชนีได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5% ทุกปี ถ้าพิจารณาจากสถิติแล้ว ปีนี้จึงถือว่าไม่แย่เห็นได้ว่า ทรัพย์สินสุทธิของสมาชิกในทำเนียบ The Forbes 400 ได้เพิ่มขึ้น 3,112% จากช่วงปีแรกๆ ในยุค Reagan ดังนั้น พวกมหาเศรษฐีก็ยังจ่ายค่าเปียโน Steinway ได้สบาย

&nbsp;

หมวดความบันเทิงและของเล่น
(ดัชนีเฉลี่ยเพิ่มขึ้น +5.2%)

<img class="alignnone wp-image-27095 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/1600x685_tours-300x128.jpg" alt="" width="300" height="128" />
โอเปร่า: ตั๋ว 2 ใบสำหรับการแสดงรอบค่ำ 6 วัน ที่นั่งพรีเมียม ชั้น 2 โซนกลาง ที่ Metropolitan Opera (รัฐ New York)
ราคา 5,940 เหรียญสหรัฐฯ / ปรับเพิ่มขึ้น 3.13%

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-27106 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/messageImage_1582208333359-300x122.jpg" alt="" width="300" height="122" />
เปียโน: คอนเสิร์ตแกรนด์เปียโนรุ่น D สีดำของ Steinway (รัฐ New York)
ราคา 176,300 เหรียญ / 3%

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-27097 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/75508-Sunset-300x177.jpg" alt="" width="300" height="177" />
เรือมอเตอร์ยอชต์: Viking Yachts รุ่น 75 (รัฐ New Jersey)
ราคา 6 ล้านเหรียญ / 1.4%


<img class="alignnone size-medium wp-image-27104" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/oyster-595-new-sailing-yacht-rendering__Resampled-300x210.jpg" alt="" width="300" height="210" />
เรือยอชต์แบบมีใบเรือ: Oyster รุ่น 595 (สหราชอาณาจักร)
ราคา 2.6 ล้านเหรียญ / 3%


หมวดสินค้าแฟชั่น
(ดัชนีเฉลี่ยเพิ่มขึ้น +1.1%)


<img class="alignnone size-medium wp-image-27094" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/600x345-300x173.jpg" alt="" width="300" height="173" />
เสื้อโค้ต: ขนตัวเซเบิลรัสเซียขายที่ห้าง Bloomingdale’s
(รัฐ New York)
225,000 เหรียญ / 0%


<img class="alignnone size-medium wp-image-27103" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/gucci-black-Sylvie-Web-Stretch-jersey-Dress-300x158.jpeg" alt="" width="300" height="158" />
ชุดผ้าเจอร์ซีย์สีดำ: แต่งด้วยแถบสีสไตล์ Sylvie Web ของ Gucci (อิตาลี)
1,980 เหรียญ / 4.2%

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-27109" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/Unknown.jpeg" alt="" width="225" height="225" />
รองเท้าโลฟเฟอร์: รองเท้า Horsebit Leather ของ Gucci (อิตาลี)
690 เหรียญ / 0%

&nbsp;

หมวดอาหารและเครื่องดื่ม
(ดัชนีเฉลี่ยเพิ่มขึ้น+0.9%)


<img class="alignnone size-medium wp-image-27098" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/331731_l-300x200.jpg" alt="" width="300" height="200" />
บริการจัดอาหารดินเนอร์: โดย Ridgewells สำหรับ 40 ที่
(รัฐ Maryland)
ราคา 7,907.04 เหรียญ / 0%


<img class="alignnone size-medium wp-image-27105" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/PerfectMain-768x576-300x225.jpg" alt="" width="300" height="225" />
คาเวียร์: ไข่ปลา Petrossian Ossetra Special Reserve 1 กิโลกรัม
(รัฐ California และ New York)
ราคา 12,500 เหรียญ / 0%


<img class="alignnone size-medium wp-image-27096" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/4791-300x300.jpg" alt="" width="300" height="300" />
แชมเปญ: Dom Pérignon ปี 2004 ขวด 750 ml 1 ลัง
(รัฐ New York)
ราคา 2,999.40 เหรียญ / ไม่ระบุ


เครื่องใช้ในบ้าน
(ดัชนีเฉลี่ยเพิ่มขึ้น+2.8%)

&nbsp;

ดอกไม้ตามฤดูกาล: บริการจัดดอกไม้รายเดือนสำหรับ 6 ห้อง เปลี่ยนดอกไม้สัปดาห์ละครั้ง (รัฐ New York)
ราคา 8,420 เหรียญ / 3%


<img class="alignnone size-medium wp-image-27093" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/3FR6327E2400_2136_01-300x300.jpg" alt="" width="300" height="300" />
ผ้าปูที่นอน: ผ้า cotton sateen ชุด Ultimate ขนาดควีนไซส์ (อิตาลี)
ราคา 2,950 เหรียญ / 5.4%

&nbsp;

เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารทำด้วยเงินบริสุทธิ์ 92.5% ชุดดินเนอร์ 5 ชิ้น สำหรับ 12 คน (รัฐ Massachusetts)
ราคา 12,960 เหรียญ / 0%

&nbsp;

การบริการ
(ดัชนีเฉลี่ยเพิ่มขึ้น+6.0%)


<img class="alignnone size-medium wp-image-27102" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/groton-school-FapoCE-300x200.jpg" alt="" width="300" height="200" />
โรงเรียน: ค่าเล่าเรียน อาหาร และที่พัก 1 ปีที่ Groton (รัฐ Massachusetts)
ราคา 57,400 เหรียญ / 1.5%


<img class="alignnone size-medium wp-image-27101" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/fullhd-thumb-300x169.jpg" alt="" width="300" height="169" />
มหาวิทยาลัย: ค่าเล่าเรียน อาหาร และที่พัก 1 ปี บวกประกันที่ Harvard
(รัฐ Massachusetts)
ราคา 73,307 เหรียญ / 3.3%


<img class="alignnone size-medium wp-image-27100" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/DermalFillersBanner-1-300x133.jpg" alt="" width="300" height="133" />
ยกกระชับผิวหน้า: โดยศัลยแพทย์ผู้มีประสบกรณ์
(รัฐ New York)
ราคา 18,500 เหรียญ / 0%

&nbsp;

<hr />

<a href="https://bit.ly/39j1ZrV">คลิกอ่านบทความทางการเงินและการใช้ชีวิต ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับมกราคม 2563 ได้รูปแบบ e-magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-25422" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/FB080-EBOOK-RES150_Page_001.jpg" alt="" width="300" height="394" />

ดัชนีชีวิตกินอย่างหรูอยู่อย่างแพงจาก มหาเศรษฐี Forbes 400

<h2 class="p1">สมาชิกของ The Forbes 400 จำนวน 13 ราย มีอายุน้อยกว่า 40 ปี และในจำนวนนี้ มี 4 รายเป็นทายาทของตระกูลอันมีฐานะ ส่วนอีก 9 รายสร้างความมั่งคั่งจากโลกดิจิทัล โดยพลิกโฉมทุกสิ่งทุกอย่างในแวดวงการเดินทางท่องเที่ยวไปจนถึงการซื้อขายรถยนต์</h2>
และนี่คือ 13 มหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในทำเนียบ The Forbes 400 ประจำปี 2019
&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-25695" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/Evan-Spiegel.jpg" alt="" width="300" height="300" />
Evan Spiegel
อายุ: 29 ปี
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 3.6 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: SNAP
&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-25692" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/Bobby-Murphy.jpg" alt="" width="300" height="300" />
Bobby Murphy
อายุ: 31 ปี
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 3.7 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: SNAP
&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-25698" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/Lukas-Walton.jpg" alt="" width="300" height="299" />
Lukas Walton
อายุ: 33 ปี
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.81 หมื่นล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: Walmart
&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-25702" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/Julio-Mario-Santo-Domingo-III.jpg" alt="" width="300" height="300" />
Julio Mario Santo Domingo III
อายุ: 34 ปี
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 2.1 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: เบียร์
&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-25694" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/Dustin-Moskovitz.jpg" alt="" width="300" height="300" />
Dustin Moskovitz
อายุ: 35 ปี
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 1.16 หมื่นล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: Facebook
&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-8107" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/5-mark-zuckerberg.jpg" alt="" width="301" height="301" />
Mark Zuckerberg
อายุ: 35 ปี
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 6.96 หมื่นล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: Facebook
&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-25700" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/Nathan-Blecharczyk.jpg" alt="" width="300" height="300" />
Nathan Blecharczyk
อายุ: 36 ปี
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 4.2 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: Airbnb
&nbsp;
Scott Duncan
อายุ: 36 ปี
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 6.3 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: ท่อ
&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-25699" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/Lynsi-Snyder.jpg" alt="" width="301" height="301" />
Lynsi Snyder
อายุ: 37 ปี
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 3.6 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: In-N-Out Berger
&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-25691" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/416x416.jpg" alt="" width="300" height="300" />
Ernest Garcia III
อายุ: 37 ปี
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 2.3 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: รถยนต์ใช้แล้ว
&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-25693" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/Brian-Chesky.jpg" alt="" width="300" height="300" />
Brian Chesky
อายุ: 38 ปี
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 4.2 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: Airbnb
&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-25696" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/Joe-Gebbia.jpg" alt="" width="300" height="300" />
Joe Gebbia
อายุ: 38 ปี
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 4.2 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: Airbnb
&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-25701" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/01/sean-parker.jpg" alt="" width="300" height="300" />
Sean Parker
อายุ: 39 ปี
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ: 2.7 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: Facebook
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/world/america/10-%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%9a%e0%b8%b8%e0%b8%84%e0%b8%84%e0%b8%a5%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%b3%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%a2%e0%b8%97.html">10 อันดับบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของสหรัฐฯ ประจำปี 2019</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

<a href="https://bit.ly/2OSAe1p">คลิกอ่านบทความทางด้านธุรกิจเพิ่มเติมได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2562 ได้ในรูปแบบ e-Magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-24517" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/11/cover-December-2019.jpg" alt="" width="300" height="394" />

13 มหาเศรษฐีสหรัฐฯ อายุน้อยที่สุด ในทำเนียบ The Forbes 400 ปี 2019

10 อันดับบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของสหรัฐฯ ประจำปี 2019

เปิดเหตุผล ทำไมเกือบ 1 ใน 4 ของ "มหาเศรษฐีอเมริกา" จึงอาศัยอยู่ใน California

บรรดามหาเศรษฐีจากทำเนียบ Forbes 400 ควักเงินก้อนโตจับจ่ายซื้อของแสนแพงอะไรบ้างในปี 2018 คำตอบมีหลากหลายตั้งแต่สโมสรกีฬาอาชีพ ที่พักสุดหรู หนังสือเก่าหนังสือพิมพ์ประจำเมืองใหญ่ ไปจนถึงสัตว์มีชีวิตและอื่นๆ มาลองชมตัวอย่างส่วนหนึ่งว่ามีอะไรกันบ้าง
&nbsp;
JEFFREY HILDEBRAND
ผู้ก่อตั้ง HILCORP ENERGY
300,000 เหรียญสหรัฐฯ
สิ่งที่ซื้อ : “แกะเจ้าของตำแหน่งแชมป์ระดับโลก” ณ งาน Houston Livestock Show and Rodeo ในราคาสูงทุบสถิติ โดยเงินส่วนใหญ่จะนำไปเป็นทุนการศึกษา (ซึ่งหวังว่าสุดท้ายจะแปรเปลี่ยนเป็นใบปริญญา) ให้กับผู้ร่วมจัดแสดงงานรุ่นเยาว์
<img class="alignnone wp-image-4385" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/a-1024x484.jpg" alt="" width="735" height="370" />

&nbsp;
DAVID TEPPER
ผู้ก่อตั้ง AppALooSA MANAgEMENT
2.3 พันล้านเหรียญ
สิ่งที่ซื้อ: สโมสรฟุตบอล Carolina Panthers ในลีก NFL ด้วยราคาสูงเป็นประวัติการณ์ที่รวมถึงรูปปั้นของ Jerry Richardson อดีตเจ้าของทีมด้วย โดยข้อตกลงซื้อขายระบุไว้ว่าเขาจะต้องเก็บรูปปั้นที่ยืนตระหง่านอยู่หน้าสโมสรใน Charlotte นี้ไว้ที่เดิม
<img class="size-large wp-image-4386" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/b-1024x683.jpg" alt="" width="640" height="427" />
PATRICK SOON-SHIONG
ธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพ
500 ล้านเหรียญ
สิ่งที่ซื้อ: เรื่องนี้ใช่ข่าวลวง มหาเศรษฐีแห่งธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพขึ้นแท่นเจ้าพ่อวงการข่าว หลังจากเข้าซื้อ Los Angeles Times , San Diego Union-Tribune และ หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นใน California อีกไม่กี่ฉบับ
<img class="alignnone wp-image-4388" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/fe-real-1024x909.jpg" alt="" width="481" height="427" />

&nbsp;
MARC BENIOFF
ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ SALESFORCE
190 ล้านเหรียญ
สิ่งที่ซื้อ: นิตยสาร Time ตัวเลขซื้อขายเกือบ 200 ล้านเหรียญชี้ให้เห็นว่าธุรกิจสิ่งพิมพ์มีสัญญาณฟื้นตัวเล็กๆ นับตั้งแต่ Newsweek ถูกขายไปในราคา 1 เหรียญ (บวกหนี้อีก 10 ล้านเหรียญ) เมื่อปี 2010
<img class="alignnone wp-image-4395" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/errr.jpg" alt="" width="402" height="407" />

&nbsp;
LEN BLAVATNIK
นักลงทุน
90 ล้านเหรียญ (จากรายงานข่าว)
สิ่งที่ซื้อ: ทาวน์เฮ้าส์เก่าแก่สุดหรู 5 ชั้น เลขที่ 19 ถนน East 64th Street ในย่าน Upper East Side ใน Manhattan โดยบ้านหลังนี้เพิ่งถูกเปลี่ยนมือในราคา 79.5 ล้านเหรียญเมื่อ 10 เดือนก่อน
<img class=" wp-image-4391" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/c-1024x688.jpg" alt="" width="651" height="438" />

&nbsp;
ERIC LEFKOFSKY
ผู้ร่วมก่อตั้ง GROUPON
31 ล้านเหรียญ (จากรายงานข่าว)
สิ่งที่ซื้อ: ห้องเพนท์เฮ้าส์สุดหรูของโครงการ Four Seasons Residences ที่ Surf Club รัฐ Miami ราคาอาจสูงลิบลิ่ว แต่ห้องตกแต่งอย่างครบครันพร้อมเข้าอยู่
<img class="alignnone size-large wp-image-4393" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/31-real-1024x424.jpg" alt="" width="640" height="265" />

&nbsp;
JAMES IRSAY
เจ้าของทีม INDIANAPOLIS coLTS ในลีก NFL
2.4 ล้านเหรียญ
สิ่งที่ซื้อ: ต้นฉบับหนังสือ Alcoholics Anonymous หรือ ที่เรียกกันว่า “Big Book” ปี 1939 ซึ่งประกอบด้วยบันทึกข้อความที่เขียนด้วยลายมือของ Bill Wilson ผู้ร่วมก่อตั้ง AA (Irsay กำาลังเข้ารับการบำาบัดรักษาโรคติดสุรา)
<img class="alignnone wp-image-4394" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/photo-794x1024.jpg" alt="" width="448" height="606" />

&nbsp;
เรื่อง: ANGEL AU-YEUNG เรียบเรียง: นวตา สันติวัฒนา
ภาพ: Grant Halverson/Getty ImaGes; BrIan Zak/ny Post/newscom; cHamPIonlamBBuyers
&nbsp;

<a href="http://bit.ly/ForbesTHJan2019">คลิกอ่านเรื่องราวน่าสนใจทั่วทุกมุมโลก ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ มกราคม 2562 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="http://bit.ly/ForbesTHJan2019"><img class="alignnone wp-image-4278" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/Forbes-Thailand-%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1-2562-Bill-Heinecke.jpg" alt="" width="250" height="328" /></a>

เกาะติดตลาดผู้ซื้อ : มหาเศรษฐีจากทำเนียบ Forbes 400 ควักเงินก้อนโตซื้อของอะไรบ้าง ?

<h2>แม้หัวข้อเรื่องผู้อพยพจะกลายเป็นเป้าให้ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาบางรายใช้ในการโจมตีเพื่อหาเสียง ทว่า ผลจากการจัดอันดับ Forbes 400 ในปีนี้นั้นกลับตรงกันข้าม เพราะมากกว่า 10% ของสมาชิกทำเนียบอภิมหาเศรษฐีอเมริกาที่ติดอันดับเป็นผู้อพยพ นับเป็นสัญญาณที่ดีของการประกอบธุรกิจในอเมริกาและอัตราการจ้างงานที่เติบโต</h2>
ท่ามกลางประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในวงการเมืองว่าผู้อพยพเป็นต้นเหตุของภาวะเงินไหลออกและเป็นความเสี่ยงต่อภัยก่อการร้าย ผู้อพยพกลับประสบความสำเร็จเดินหน้าสู่ความมั่งคั่งในอัตราก้าวหน้า ย้อนกลับไป 10 ปีก่อนหน้านี้ จำนวนมหาเศรษฐีชาวอพยพที่ติดทำเนียบ Forbes 400 มีเพียง 35 คน เทียบกับ 26 คนเมื่อ 20 ปีที่แล้วและ 20 คนเมื่อ 30 ปีก่อนหน้านี้ นอกจากผลผลิตจากอุดมคติแบบ American Dream จะเจริญงอกงามดังที่เห็นได้จากตัวชี้วัดความสำเร็จอย่างการจัดอันดับ Forbes 400 แต่ตัวเลขยังผลิดอกออกผลอย่างแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยผ่านมา ทรัพย์สินสุทธิในครอบครองของ 42 มหาเศรษฐีชาวอพยพมีมูลค่ารวมกัน 2.48 แสนล้านเหรียญ

ข้อมูลจาก Kauffman Foundation ระบุว่าผู้โยกย้ายถิ่นมายังสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะเปิดธุรกิจมากกว่าชาวอเมริกันโดยกำเนิดเกือบ 2 เท่า Partnership for a New American Economy องค์กรอิสระไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดก่อตั้งโดย Rupert Murdoch และ Michael Bloomberg ซึ่งติดโผรายชื่อ Forbes 400 เช่นกันรายงานว่า 28% ของการก่อตั้งธุรกิจใหม่ในสหรัฐฯ เมื่อปี 2011 เกิดขึ้นโดยผู้อพยพมาจากต่างถิ่นและการจ้างงานพนักงานชาวอเมริกันทุก 1 ใน 10 คนมาจากธุรกิจเหล่านี้และก่อให้เกิดรายได้ 7.75 แสนล้านเหรียญ แน่นอนว่าบางธุรกิจเป็นกิจการขนาดเล็ก เช่น ร้านอาหารและร้านซ่อมรถยนต์

แต่สำหรับธุรกิจอื่นๆ แล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น National Foundation for American Policy องค์กรวิจัยอิสระเผยว่าจากบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านเหรียญ 87 แห่ง มี 44 แห่งจากจำนวนนี้ที่ก่อตั้งขึ้นโดยผู้ประกอบการต่างชาติซึ่งส่วนใหญ่เจ้าของธุรกิจเหล่านี้ติดโผบุคคลร่ำรวยที่สุดของอเมริกาทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ขอบคุณเทคโนโลยีที่ทำให้การปลุกปั้นธุรกิจจนเติบโตเป็นบริษัทใหญ่เป็นเรื่องง่ายกว่าเดิมซึ่งต้องยอมรับว่า ภาคธุรกิจและการประกอบกิจการที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอเมริกามาเป็นเวลานานเกือบ 250 ปีนั้น ล้วนถูกปั้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงจากนักธุรกิจผู้เป็นพวกอพยพมาทั้งนั้น

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/4b6b38e4900ec72ce227c7ac0551c065.png" alt="" />

Robert Morris เดินทางออกจาก Liverpool ตอนอายุ 13 ปี เขาเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนในการปฏิวัติของอเมริกาและเป็นผู้ลงนามในคำประกาศอิสรภาพ (Declaration of Independence) และการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ Stephen Girard ย้ายถิ่นฐานมาจากฝรั่งเศสและได้ก่อตั้งธนาคารซึ่งเป็นผู้ออกโรงค้ำประกันเงินกู้เกือบทั้งหมดของรัฐบาลสหรัฐฯ ในช่วงสงครามปี 1812 และได้ช่วยประเทศจากหายนะทางการเงิน John Jacob Astor นักผลิตเครื่องดนตรีหนุ่มจากเยอรมนีสร้างความมั่งคั่งจากธุรกิจค้าขนสัตว์และอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ และขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีผู้บริจาคเงินเพื่อการกุศลมูลค่ามหาศาลที่สุดรายแรกของประเทศ Friedrich Weyerhaeuser เพื่อนร่วมชาติจากเยอรมนีไต่เต้าสู่การเป็นเจ้าของอาณาจักรธุรกิจไม้รายใหญ่ของสหรัฐฯ Andrew Carnegie เกิดในสกอตแลนด์แต่สร้างความร่ำรวยจากธุรกิจเหล็กในอเมริกา และเช่นเดียวกับ Astor ที่อุทิศเวลาช่วงบั้นปลายชีวิตให้แก่การกุศล ทางด้าน Kraft และ DuPont ผู้ก่อตั้งบริษัท Procter &amp; Gamble ก็เป็นชาวต่างชาติที่ย้ายมาตั้งรกรากในสหรัฐฯ เช่นกันจุดเริ่มต้นแรกของการอพยพย้ายประเทศแฝงไปด้วยรากฐานของความเป็นผู้ประกอบการอันเป็นการตัดสินใจเลือกเสี่ยงเพื่อมุ่งหน้าสู่ชีวิตที่ดีกว่า

โดยรวมแล้วมหาเศรษฐีผู้อพยพที่ติดอันดับ Forbes 400 แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ส่วนใหญ่จัดอยู่ในกลุ่มแรกซึ่งประกอบด้วยผู้มีปูมหลังที่ต้องอพยพเพราะหนีอะไรบางอย่าง อาทิ Sergey Brin ย้ายมายังสหรัฐฯ ตอนเขาอายุ 6 ปีเพื่อหนีจากกระแสการเหยียดเชื้อชาติชาวยิว George Soros รอดชีวิตในช่วงที่กองทัพนาซีเข้ายึดครองประเทศฮังการี ส่วนครอบครัว Igor Olenicoff ถูกบีบให้ออกจากสหภาพโซเวียตหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากพวกเขามีความเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิของรัสเซีย

ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งมีความพรั่งพร้อมและมีทางเลือกจะอยู่ในประเทศใดก็ได้ แต่มองว่าอเมริกาเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยโอกาส Elon Musk เข้าเรียนในโรงเรียนเอกชนของแอฟริกาใต้ ส่วนพ่อของ Murdoch เป็นผู้จัดพิมพ์โฆษณาหนังสือพิมพ์ชาวออสเตรเลียที่ได้รับแต่งตั้งเป็นขุนนางชั้นอัศวิน ขณะที่พ่อของ Omidyar ประกอบอาชีพศัลยแพทย์ไม่ว่ามั่งมีหรือยากจน แนวคิดแบบผู้ประกอบการคือสิ่งที่เชื่อมโยงพวกเขาเข้าด้วยกัน ผู้เลือกเส้นทางมาแสวงโชคในอเมริกาชื่นชมโอกาสและเข้าใจถึงการลงมือทำจนประสบความสำเร็จอันหมายความว่าคุณไม่สามารถวาดหวังรอใครมาหยิบยื่นโอกาสหรือความเห็นใจแต่จะต้องลงมือด้วยตนเอง

<hr />

<a href="http://www.forbesthailand.com/world-detail.php?did=1392"><img class="" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/99a136a3e5de2bf069dd8d213e461986.png" alt="" width="299" height="220" />
มหาเศรษฐีผู้อพยพแห่ง Forbes 400
Thomas Peterffy และ สามี-ภรรยา ผู้ก่อตั้ง Forever 21</a>

<a href="http://www.forbesthailand.com/world-detail.php?did=1394"><img class="" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/348aeef3ac726de1ed991bf3f22de6fa.png" alt="" width="301" height="221" />
มหาเศรษฐีผู้อพยพแห่ง Forbes 400
Romesh Wadhwani และ Douglas Leone</a>

<hr />

<a href="http://goo.gl/sfeKXF">ร่วมติดตามมหาเศรษฐีผู้อพยพ ซึ่งติดในอันดับ Forbes 400 ในบทความต่อไป และร่วมติดตาม "Forbes 400 ชี้ฝันชาวอเมริกัน ยังดีอยู่" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2559</a>
<a href="https://goo.gl/sfeKXF"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/0ce5c1a4150dcc466dc17fc7774e169e.png" alt="" /></a>

Forbes 400 ชี้ ฝันชาวอเมริกัน ยังดีอยู่

<h2>Thomas Peterffy เกิด ณ ห้องชั้นใต้ดินของโรงพยาบาล ใน Budapest เมื่อวันที่ 30 กันยายน 1944 แม่ของเขาถูกเคลื่อนย้ายไปที่นั่นหลังจากกองทัพโซเวียตเปิดปฏิบัติการการโจมตีทางอากาศ หลังโซเวียตปลดปล่อยฮังการีจากการปกครองของกองทัพนาซี ฮังการีกลับกลายมาตกอยู่ภายใต้อาณัติของเผด็จการในอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งก็คือ การปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์ Peterffy และครอบครัวซึ่งสืบเชื้อสายมาจากตระกูลชั้นสูงสูญสิ้นทุกอย่าง “พวกเราประหนึ่งเหมือนนักโทษ” เขากล่าว</h2>
ในฐานะเด็กหนุ่ม Peterffy มีความฝันที่จะเป็นอิสระจากชีวิตที่เสมือนอยู่ในคุกที่นั่นด้วยการมุ่งหน้าสู่อเมริกาในวัย 20 ปี เขาวางแผนเพื่อหลบหนีในเวลานั้นชาวฮังกาเรียนสามารถยื่นขอวีซ่าระยะสั้นเพื่อไปเยี่ยมญาติในเยอรมนีตะวันตกซึ่งเขาได้ใช้เรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์เช่นเดียวกับผู้อพยพเข้าอเมริกาอย่างผิดกฎหมายหลายล้านคนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อวีซ่าหมดอายุลงเขาไม่ได้เดินทางกลับประเทศบ้านเกิด แต่มุ่งหน้าสู่ประเทศอเมริกา เที่ยวบินของ Peterffy ลงแตะพื้นที่สนามบินนานาชาติ John F. Kennedy ใน New York เมื่อเดือนธันวาคม 1965 เขาทั้งไม่มีเงินติดตัวและพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ มีเพียงกระเป๋าเดินทางใบเดียวที่ใส่เสื้อผ้า หนังสือคู่มือการสำรวจและรังวัดไม้บรรทัดและภาพวาดของบรรพบุรุษ

เขาเดินทางไปยัง Spanish Harlem ซึ่งเป็นย่านที่ผู้อพยพชาวฮังกาเรียนตั้งหลักแหล่งเป็นชุมชนขนาดเล็ก เขาอาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์ที่เก่าทรุดโทรมและย้ายหลักแหล่งไปเรื่อย เขามีความสุขแต่ก็มีความหวาดกลัวอยู่ลึกๆ “มันเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องจากบ้านจากเมือง ทิ้งวัฒนธรรมและภาษาที่ใช้สื่อสาร” เขากล่าว “แต่ผมเชื่อว่าในอเมริกา ผู้ที่ทุ่มเททำงานหนักจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าคุณค่าของคนวัดกันที่ความสามารถและความมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จ ดินแดนนี้คือสวรรค์แห่งโอกาสที่ไร้ข้อจำกัด”

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาได้งานในตำแหน่งพนักงานเขียนแบบของบริษัทผู้ให้บริการด้านงานสำรวจแห่งหนึ่ง ตอนที่บริษัทลงทุนซื้อคอมพิวเตอร์ “ไม่มีใครรู้ว่าจะใช้งานอย่างไร ผมจึงอาสาเป็นผู้ทดลอง” เขากล่าว เขาเชี่ยวชาญอย่างรวดเร็วและหลังจากนั้นไม่นานก็ได้งานใหม่เป็นนักเขียนโปรแกรมให้กับบริษัทที่ปรึกษาด้านการเงินขนาดเล็กแห่งหนึ่งซึ่งเขาได้พัฒนาระบบซื้อขายผ่านโปรแกรมอัตโนมัติขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1970 Peterffy สะสมเงินได้ประมาณ 2 แสนเหรียญและตัดสินใจเปิดบริษัทซึ่งเป็นผู้ริเริ่มการใช้ระบบซื้อขายหุ้นแบบอิเล็กทรอนิกส์ก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์จะพัฒนาเข้าสู่ยุคดิจิทัลเสียอีก

ในช่วงทศวรรษที่ 1990 เขาเริ่มหันทิศมาสู่การเป็นผู้ให้บริการฝั่งซื้อขายหลักทรัพย์ โดยก่อตั้ง Interactive Brokers Group ซึ่งมีมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านเหรียญ ในปัจจุบัน Peterffy วัย 72 ปีมีมูลค่าทรัพย์สินราว 1.26 หมื่นล้านเหรียญ

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/4e7745cd7826e2895db0dca854b3e260.png" alt="" />

Thomas Peterffy คือหนึ่งในแบบอย่างผู้ประสบความสำเร็จจากการเดินตามความฝันแบบ American Dream เช่นเดียวกับ Sergey Brin ผู้ก่อตั้ง Google (มูลค่าทรัพย์สิน 3.75 หมื่นล้านเหรียญ), Pierre Omidyar ผู้ก่อตั้ง eBay (8.1 พันล้านเหรียญ) และ Elon Musk ผู้ก่อตั้ง Tesla และ SpaceX (1.16 หมื่นล้านเหรียญ) ไปจนถึง Rupert Murdoch, George Soros, Jerry Yang, Micky Arison, Patrick Soon-Shiong, Jan Koum, Jeff Skoll, Jorge Perez, Peter Thiel รวมถึงอีกหลายสิบคนที่อพยพไปยังสหรัฐฯ ที่ได้รับสิทธิ์เป็นพลเมืองอเมริกันและก้าวเข้าสู่ทำเนียบมหาเศรษฐี Forbes 400 ผู้ครองตำแหน่ง 42 รายในทำเนียบ

การจัดอันดับ Forbes 400 ตกเป็นของชาวอพยพที่ได้เปลี่ยนสถานะเป็นคนอเมริกัน จำนวนดังกล่าวคิดเป็น 10.5% จากผู้ติดอันดับทั้งหมด ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับข้อมูลที่ชี้ว่าผู้อพยพมีสัดส่วนเพียง 6% จากจำนวนประชากรในสหรัฐฯ (หากนับรวมผู้ที่ไม่ได้ถือสัญชาติอเมริกัน 13% ของประชากรที่อยู่อาศัยในสหรัฐฯ เกิดในต่างประเทศ ทั้งนี้ มหาเศรษฐีซึ่งไม่ได้ถือสัญชาติอเมริกันก็ติดอันดับด้วยเช่นกัน อย่างเช่น Hamdi Ulukaya เจ้าของธุรกิจโยเกิร์ตและ Adam Neumann ผู้ก่อตั้ง WeWork เนื่องจากเล่มพาสปอร์ตระบุว่าพวกเขาถือสัญชาติต่างถิ่น ทำให้พวกเขาอยู่ในข่ายพิจารณาจัดอันดับ 400 มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดของอเมริกา แต่พวกเขายังคงดำเนินธุรกิจและสร้างงานในสหรัฐฯ)

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/97959ef8f241433b05953a1c125ae842.png" alt="" />

ด้าน Do Won Chang และ Jin Sook ภรรยาของเขาลงแตะผืนแผ่นดินสหรัฐฯ ณ ท่าอากาศยาน LAX ในวันเสาร์หนึ่งของปี 1981 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่เกาหลีใต้ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึก ด้วยความรู้เพียงชั้นมัธยมปลาย เขาลงมือหางานจากประกาศรับสมัครงานตามหน้าหนังสือพิมพ์ทันที เขาได้ไปสัมภาษณ์งานที่ร้านกาแฟในท้องถิ่นแห่งหนึ่งและเริ่มทำงานในเช้าวันจันทร์โดยรับหน้าที่ล้างจานและเตรียมอาหาร “ผมได้รับค่าแรงในอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ…ซึ่งไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ”

ดังนั้นเขาจึงทำงานเพิ่มอีกวันละ 8 ชั่วโมงที่ปั๊มน้ำมันและเริ่มธุรกิจบริการทำความสะอาดสำนักงานแห่งเล็กๆ ซึ่งกว่างานจะเลิกก็ปาเข้าไปเที่ยงคืน ส่วนทางด้าน Jin Sook ทำงานในร้านเสริมสวยขณะกำลังทำหน้าที่เติมน้ำมัน Chang สังเกตเห็นว่าลูกค้าที่ทำธุรกิจเสื้อผ้าส่วนใหญ่ขับรถหรูดูดี สิ่งนี้สร้างแรงบันดาลใจให้เขาสมัครเข้าทำงานในร้านจำหน่ายเสื้อผ้า หลังจากนั้น 3 ปีเมื่อเขาและ Jin Sook รวบรวมเงินได้ 11,000 เหรียญ

พวกเขาตัดสินใจเปิดร้านเสื้อผ้าแฟชั่นขนาดพื้นที่ 900 ตารางฟุตและตั้งชื่อร้านว่า Fashion 21 ยอดขายในปีแรกแตะ 700,000 เหรียญ สองสามีภรรยาเริ่มขยายกิจการโดยเปิดสาขาใหม่ทุก 6 เดือนและท้ายที่สุดได้เปลี่ยนชื่อเครือธุรกิจเป็น Forever 21 ปัจจุบันพวกเขามีมูลค่าทรัพย์สินราว 3 พันล้านเหรียญ

“ผมมาที่นี่แบบแทบจะตัวเปล่า” Chang กล่าว “ผมซาบซึ้งในบุญคุณของประเทศอเมริกาเสมอสำหรับโอกาสที่มอบให้กับผม”

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/dfd8ce22be3772624d711d68792b161c.png" alt="" />

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/b4a260be8a1fae6024722163b4df3fdb.png" alt="" />

<hr />

<a href="http://www.forbesthailand.com/world-detail.php?did=1389"><img class="" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/0c803e8be5a810a6d7edbf701fc60e0b.png" alt="" width="259" height="191" />
Forbes 400 ชี้ ฝันชาวอเมริกัน ยังดีอยู่</a>

<a href="http://www.forbesthailand.com/world-detail.php?did=1394"><img class="" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/348aeef3ac726de1ed991bf3f22de6fa.png" alt="" width="258" height="190" />
มหาเศรษฐีผู้อพยพแห่ง Forbes 400
Romesh Wadhwani และ Douglas Leone</a>

<hr />

<a href="http://goo.gl/sfeKXF">คลิ๊กเพื่ออ่าน "Forbes 400 ชี้ฝันชาวอเมริกัน ยังดีอยู่" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2559</a>
<a href="https://goo.gl/sfeKXF"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/0ce5c1a4150dcc466dc17fc7774e169e.png" alt="" /></a>

มหาเศรษฐีผู้อพยพแห่ง Forbes 400 Thomas Peterffy และ สามี-ภรรยา ผู้ก่อตั้ง Forever 21

<h2>อเมริกายังมีข้อได้เปรียบตามธรรมชาติที่ช่วยอธิบายถึงสาเหตุที่ผู้อพยพจำนวนมากสามารถพลิกชีวิตสู่เส้นทางมหาเศรษฐี อันเนื่องจากระบบการศึกษาของสหรัฐฯ มีความโดดเด่นมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานและได้ดึงดูดคนรุ่นหนุ่มสาวที่ฉลาดหลักแหลมและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นจากทั่วทุกมุมโลกในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา เส้นทางสู่การเป็นมหาเศรษฐีง่ายกว่าอดีตอย่างมาก เริ่มจากมุ่งสู่อเมริกาเพื่อเรียนต่อมหาวิทยาลัย ตกหลุมรักประเทศนี้ไปจนถึงโอกาสที่ได้รับ (รวมไปถึงตกหลุมรักคู่สมรสในอนาคต) ตัดสินใจอยู่ต่อหลังเรียนจบและนำประสบการณ์ความรู้เหล่านั้นไปสร้างสรรค์นวัตกรรมทางธุรกิจ (และตำแหน่งงาน) ที่ปูทางความมั่งคั่งสู่อันดับมหาเศรษฐี Forbes 400</h2>
จำนวนผู้อพยพเข้าสู่อเมริกาซึ่งมีการศึกษาตั้งแต่ระดับมหาวิทยาลัยขึ้นไปเติบโตเพิ่มขึ้น 78% นับจากปี 2000 ถึง 2014 และในปัจจุบันผู้อพยพที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไปมีการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือสูงถึงเกือบ 30% จากข้อมูลของ Migrant Policy Institute ตัวเลขดังกล่าวมีสัดส่วนใกล้เคียงกับประชากรวัยผู้ใหญ่ชาวสหรัฐฯ ที่เกิดในประเทศ และสัดส่วนของผู้อพยพเหล่านี้ได้ศึกษา 4 วิชาในหลักสูตรบูรณาการหรือที่เรียกว่า STEM (ประกอบด้วยวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีวิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) ซึ่งช่วยผลักดันทักษะในการสร้างความมั่งคั่งในโลกธุรกิจยุคใหม่ยังมีสัดส่วนที่สูงจนน่าประหลาดใจ ในปี 2011 ผู้อพยพยังเป็นเจ้าของสิทธิบัตร 3 ใน 4 จากทรัพย์สินทางปัญญาทั้งหมดที่คิดค้นขึ้นใน 10 อันดับมหาวิทยาลัยที่ได้รับสิทธิบัตรมากที่สุดของประเทศ

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/baad15f5d786d42ba0705c4cfa091da3.png" alt="" />

Romesh Wadhwani คือหนึ่งในตัวอย่างผู้ที่ผ่านเส้นทางสู่การเป็นเศรษฐีดังกล่าวเขาเข้าศึกษาปริญญาตรีที่ IIT Bombay วิทยาลัยด้านเทคโนโลยีชั้นนำของอินเดียแต่ในปี 1969 เดินทางไปยังอเมริกาเพื่อเรียนต่อปริญญาเอกที่ Carnegie Melon เขาตั้งรกรากใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาและก่อร่างสร้างความมั่งคั่ง 3 พันล้านเหรียญจากการก่อตั้ง Aspect Development บริษัทซอฟต์แวร์และ Symphony Technology Group บริษัทเพื่อการลงทุนนอกตลาดที่มุ่งเน้นธุรกิจเทคโนโลยี “มันเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้สำหรับผมที่จะเปิดบริษัทของตัวเองที่อินเดียในช่วงเวลานั้นเนื่องจากไม่มีการสนับสนุนผู้ประกอบการ” Wadhwani กล่าว “ในสหรัฐฯ ทุกคนมีอิสระที่จะมีความฝันอันยิ่งใหญ่ มีอิสระที่จะคว้าความสำเร็จด้วยการแลกหยาดเหงื่อและความทุ่มเท โดยไม่ต้องมีพื้นฐานครอบครัวที่พรั่งพร้อม มั่งคั่งร่ำรวยมาก่อนหรือเป็นที่นับหน้าถือตามีฐานะทางสังคม”

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/058914a7b0508210edd01f6ddbe579a6.png" alt="" />

Douglas Leone มหาเศรษฐีผู้ติดโผรายชื่อใน Forbes 400 เป็นอีกหนึ่งคนที่จุดเปลี่ยนในชีวิตมาจากการศึกษาในอเมริกา เขากำลังเรียนชั้นมัธยมต้นในอิตาลีตอนเดินทางออกจากประเทศเมื่อปี 1968 พ่อแม่ของเขาวาดภาพความสำเร็จในอนาคตของเขาที่รวมถึง “การมีชีวิตในระดับสังคมที่สูงขึ้นซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในยุโรป” เขาลงท้ายด้วยการจบปริญญาตรีจาก Cornell และศึกษาต่อ ปริญญาโทที่ Columbia และ MIT

“American Dream จะเป็นจริงได้ถ้าคุณใช้ประโยชน์จากโอกาสอย่างเต็มที่” เขากล่าว “ผมใช้การศึกษาเป็นใบเบิกทางที่จะนำพาผมเข้าไปหาโอกาส” Leone เคยเป็นพนักงานขายในบริษัทต่างๆ เช่น Sun Microsystems และ Hewlett-Packard ก่อนที่จะเริ่มงานกับธุรกิจเงินร่วมลงทุน Sequoia Capital ในปี 1988 เขาได้รับแต่งตั้งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของบริษัทเมื่อปี 1996 ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่ง Sequoia ได้ลงทุนใน Google, YouTube, Zappos, LinkedIn และ WhatsApp และมีบทบาทสำคัญในการสร้างงานจำนวนมาก “ถ้าให้ผมเลือกเดิมพันว่าบริษัทที่เราได้ร่วมลงทุนสร้างงานได้มากกว่าหรือน้อยกว่า 1 ล้านตำแหน่ง ผมเลือกข้างมากกว่า” เขากล่าว

ปัจจุบัน Leone มีมูลค่าทรัพย์สินตามการประเมิน 2.7 พันล้านเหรียญ เขากล่าวว่าการอพยพย้ายถิ่นฐานให้ประสบการณ์ที่หาค่าประเมินไม่ได้ “การเป็นผู้อพยพทำให้คุณมีแรงกระตุ้นและเป็นสิ่งที่ไม่เคยจางหายไป ผมยังคงรู้สึกถึงพลังนั้นจนกระทั่งทุกวันนี้” เขากล่าว

“ความล้มเหลวไม่ใช่ทางเลือกผมบอกลูกๆ ว่าสิ่งเดียวที่ผมให้พวกเขาไม่ได้คือความรู้สึกสิ้นหวังและผมขอโทษในเรื่องนี้” เขาพูดจากประสบการณ์ของคนที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว

<hr />

<a href="http://www.forbesthailand.com/world-detail.php?did=1389"><img class="" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/0c803e8be5a810a6d7edbf701fc60e0b.png" alt="" width="287" height="211" />
Forbes 400 ชี้ ฝันชาวอเมริกัน ยังดีอยู่</a>

<a href="http://www.forbesthailand.com/world-detail.php?did=1392"><img class="" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/99a136a3e5de2bf069dd8d213e461986.png" alt="" width="289" height="213" />Forbes 400
มหาเศรษฐีผู้อพยพแห่ง Forbes 400
Thomas Peterffy และ สามี-ภรรยา ผู้ก่อตั้ง Forever 21</a>

<hr />

<a href="http://goo.gl/sfeKXF">คลิ๊กเพื่ออ่านฉบับเต็ม "Forbes 400 ชี้ฝันชาวอเมริกัน ยังดีอยู่" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2559</a>
<a href="https://goo.gl/sfeKXF"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/0ce5c1a4150dcc466dc17fc7774e169e.png" alt="" /></a>

มหาเศรษฐีผู้อพยพแห่ง Forbes 400 Romesh Wadhwani และ Douglas Leone

<h2>Shalid Khan มหาเศรษฐีชาวปากีสถาน อีกหนึ่งมหาเศรษฐีผู้เดินทางสู่แผ่นดินอเมริกา แม้ประเทศแรกในความคิดที่เขาต้องการย้ายเข้าไปตั้งถิ่นฐานน่าจะเป็นสหราชอาณาจักร “แต่อเมริกาคือดินแดนสู่ความรอดอันศักดิ์สิทธิ์สำหรับผมเสมอมา”</h2>
<img class="" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/f0b0377ab1f6214cd1f1dc7e91d9fe4e.jpg" alt="" width="338" height="487" />

มกราคมปี 1967 Khan เดินทางถึงสนามบิน JFK ซึ่งนับเป็นด่านปราการเข้าสู่อเมริกาในยุคนั้น เขาต่อเครื่องเพื่อไปลงที่ Chicago แต่พายุหิมะทำให้เที่ยวบินของ Khan วัย 16 ปีต้องเปลี่ยนเส้นทางลงจอดที่ St. Louis แทนและนั่งรสบัสต่อไปยัง University of Illinois ใน Champaign ซึ่งเขาสมัครเข้าเรียนในระดับปริญญาตรี ทั้งเนื้อทั้งตัวเขามีเงินอยู่ 500 เหรียญ Khan ได้งานทำหลังเลิกเรียนเป็นพนักงานล้างจานในกะกลางคืนด้วยค่าแรงชั่วโมงละ 1.20เหรียญ “ผมตื้นตันใจมากจนอธิบายไม่ถูก คุณจะไม่สามารถหางานเช่นนี้ได้ในประเทศที่ผมจากมา” เขากล่าว “ความคิดที่แล่นเข้ามาในสมองคือ ว้าว! ผมทำงานได้ ผมสามารถยืนบนลำแข้งตัวเองผมกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองได้”

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/7000b34da5895ab8ec84f275d856f555.jpg" alt="" />

<img class="" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/ed9c2470cf592287984c2cd515c040cf.jpg" alt="" width="627" height="434" />

หลังจากนั้น Khan ได้เข้าทำงานในตำแหน่งผู้จัดการแผนกวิศวกรรมของบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ Flex-NGate ในอีกไม่กี่ปีให้หลัง เขาได้นำเงินเก็บในบัญชีและเงินกู้จากหน่วยงาน SmallBusiness Administration รวมกัน 16,000 เหรียญเพื่อก่อตั้งธุรกิจผลิตแผงกันชนรถยนต์ป้อนให้กับบริษัทยานยนต์ ในที่สุดเขาสามารถซื้อกิจการ Flex-N-Gate ต่อจากอดีตนายจ้าง ขณะนี้บริษัทของเขาสร้างรายได้ปีละ 6.1 พันล้านเหรียญและจ้างพนักงานกว่า 12,000 คนในสหรัฐฯ โรงงานใน Detroit ของเขาซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างจะต้องการพนักงานมากถึง 1,000 คนซึ่งจะได้รับอัตราค่าจ้างชั่วโมงละ 25 เหรียญ จากการประเมิน Khan มีมูลค่าทรัพย์สินราว 6.9 พันล้านเหรียญ ในอีกแง่มุมหนึ่ง อาจเรียกได้ว่าเขาโยกย้ายถิ่นฐานไปยังสหราชอาณาจักรเช่นกัน เขาควักกระเป๋าซื้อสโมสรทีมฟุตบอล Fulham ของอังกฤษ แต่อย่าหาว่าลำเอียงเพราะเขายังเป็นเจ้าของทีมกีฬาอันเป็นที่โปรดปรานของมหาเศรษฐีและบ่งบอกถึงความเป็นอเมริกันอย่างยิ่งนั่นก็คือทีมอเมริกันฟุตบอลจากลีก NFL อย่าง Jacksonville Jaguars

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/2edd34d5a02981d8f413aebc97b27425.jpg" alt="" />

Andrew Cherng เกิดในประเทศจีน เขาผ่านประสบการณ์อันเป็นจุดเด่นของอเมริกาที่มุ่งเน้นความรู้ความสามารถของคนเป็นหลักในลักษณะคล้ายกัน เขาเดินทางมายัง Baldwin รัฐ Kansas เมื่อปี 1966 เนื่องจากได้ทุนเข้าเรียนที่ Baker University ในสาขาคณิตศาสตร์ เขาเคยเรียนมัธยมปลายที่ญี่ปุ่นแต่พบว่า “เป็นเรื่องยากสำหรับคนจีนที่จะเข้ากับคนญี่ปุ่น” หนึ่งปีหลังจากนั้นเขาได้พบกับนักศึกษาเข้าใหม่ปี 1 สัญชาติเมียนมาชื่อ Peggy ซึ่งต่อมาพวกเขาได้แต่งงานกัน “ผมไม่ได้มีทรัพย์สินเงินทองอะไรตอนที่มาถึง” Cherng กล่าว “สิ่งที่เป็นพลังผลักดันผมคือการที่ผมยากจน”

ในปี 1973 Cherng เปิดร้านอาหาร Panda Inn ใน California ร่วมกับพ่อของเขาซึ่งเป็นหัวหน้าเชฟที่อพยพตามมาสมทบ หลังจากนั้น 10 ปีเขาและ Peggy ภรรยาเปิด Panda Express สาขาแรกที่ศูนย์การค้าใน Glendale รัฐ California ด้วยความรู้ระดับปริญญาเอกสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและประสบการณ์จากการเป็นวิศวกรด้านพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับการบินและอวกาศ เธอได้นำสิ่งเหล่านี้มาใช้ในการปลุกปั้นหนึ่งในเครือธุรกิจอาหารจานด่วนที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ซึ่งมีสาขากว่า 1,900 แห่งและกวาดรายได้ปีละ 2.4 พันล้านเหรียญ ธุรกิจของครอบครัว Cherng มีพนักงานกว่า 30,000 คน และระดมเงินทุนมากกว่า100 ล้านเหรียญเพื่อการกุศล “ที่อเมริกาไม่มีสิ่งใดจะหยุดคุณได้นอกจากตัวคุณเอง”Cherng กล่าว

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/89aabc4af4d47b09e4ba6dc8869d9e65.jpg" alt="" />

<img class="" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/7538436a7d87fe263736f130ad5cc5f3.jpg" alt="" width="563" height="375" />

อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสนใจว่านอกจาก มหาเศรษฐีผู้อพยพ 42 รายจะติดทำเนียบ Forbes 400 แล้ว บุคคลมั่งคั่งอีก 57 คนที่ติดอันดับยังเป็นเหล่าทายาทของผู้ย้ายถิ่นฐานมายังสหรัฐฯ หรือคิดเป็น 14% จากผู้ติดอันดับทั้งหมด (เทียบกับทายาทของคนเชื้อสายอเมริกันอายุเกิน 18 ปีซึ่งอยู่ที่ 6%) สิ่งสำคัญอีกข้อหนึ่งก็คือ ท่ามกลางประเด็นปัญหาที่ร้อนแรงในสหรัฐฯ ดินแดนแห่งผู้อพยพแห่งนี้ยังคงอ้าแขนยอมรับคนจากต่างแดน ผลสำรวจ ปี 2016 โดย Pew Research ชี้ว่าชาวอเมริกัน 59% มองว่าผู้อพยพ “ช่วยให้ประเทศแข็งแกร่งขึ้นเพราะความทุ่มเทตั้งใจทำงานและความสามารถของพวกเขา” (ขณะที่ 33% คิดว่าผู้อพยพ “สร้างภาระให้กับประเทศ”) พลเมืองของเราเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่าแรงงานอพยพคือปัจจัยกดดันต่ออัตราค่าจ้างตลาดแรงงานที่ขาดทักษะฝีมือ แต่เทียบไม่ได้กับประโยชน์ที่ได้รับจากความสามารถของพวกเขาในการผลักดันให้ธุรกิจเติบโตและเกิดการจ้างงาน

ทว่า กระแสการอพยพกำลังเผชิญกับกำแพงอุปสรรค สหรัฐฯ ได้เพิ่มความเข้มงวดในการขอวีซ่าสำหรับผู้ประกอบอาชีพที่มีทักษะความสามารถ (วีซ่าทำงานประเภท H-1B) ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้กำหนดจำนวนโควต้าวีซ่าทำงานสำหรับชาวต่างชาติที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษไว้เท่าเดิมตั้งแต่ปี 2004 แม้ว่าจำนวนผู้ยื่นสมัครขอวีซ่าจะมีจำนวนสูงกว่าโควต้าที่กำหนดอย่างมาก อันที่จริงแล้ว การยื่นขอวีซ่าจากรัฐบาลครบจำนวนโควต้าที่กำหนดตั้งแต่ 5 วันแรกที่เปิดให้ยื่นคำร้องทุกปี นับจากปี 2014 ซึ่งช่วงเวลานั้นเป็นจังหวะที่เศรษฐกิจโลกเอื้อต่อโอกาส (หรืออย่างน้อยช่องทางดิ้นรนสู่ความสำเร็จ) สำหรับนักศึกษาต่างแดนที่เพิ่งเรียนจบจากที่นี่หมาดๆ นั่นหมายความว่าเรากำลังดึงดูดทรัพยากรบุคคลที่เก่งและฉลาดที่สุดของโลกเข้ามาในประเทศ เปิดโอกาสให้พวกเขาเรียนรู้ในระบบการศึกษาที่ดีที่สุดของเรา จากนั้นก็เตะพวกเขาออกจากประเทศเพื่อให้มาแข่งขันกับเราทั้งที่ไม่ได้เต็มใจ

ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคืออะไร? เราถามหาคำตอบจากมหาเศรษฐีจากอันดับ Forbes 400 ที่อพยพมาจากต่างแดนซึ่งรวมถึง Peterffy, Khan, Wadhwani และ Cherng แม้พวกเขาจะมีปูมหลังความเป็นมาแตกต่างกัน แต่จะพบว่าพวกเขามีความตรงกันในหลักการกว้างๆ 3 ประการ

ประการแรก ผู้อพยพที่มีการศึกษาและความตั้งใจสูงควรได้รับการสนับสนุนให้เข้ามายังสหรัฐฯ ไม่ใช่ถูกขัดขวาง (ประธานาธิบดี Obama เสนอร่างกฎหมายเพื่ออนุญาตให้ผู้ประกอบการชาวต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น โดยจะได้รับวีซ่าสำหรับ “ธุรกิจสตาร์ทอัพ” ถ้าหากได้รับเงินทุนตั้งแต่ 100,000 เหรียญขึ้นไปจากกลุ่มนักลงทุนที่ระบุตามเงื่อนไข แต่แผนนี้ไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสแผนร่างฉบับใหม่ซึ่งแก้เกมด้วยการออกกฎที่ไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรสเพิ่งประกาศโดย Department of Homeland Security เมื่อไม่นานมานี้จะอนุมัติวีซ่าประเภทชั่วคราวให้กับคนต่างชาติที่ถือครองหุ้นส่วนใหญ่และมี “บทบาทสำคัญในการบริหารงาน” ในธุรกิจสตาร์ทอัพสัญชาติอเมริกัน) ส่วนข้อที่สอง การเดินทางข้ามชายแดนควรมีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อป้องกันการลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย และ ประการสุดท้าย ควรจัดหาช่องทางให้ผู้อพยพเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายแต่พำนักอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ มานานแล้วสามารถเปลี่ยนสถานะเป็นพลเมืองอย่างถูกต้อง ซึ่งรวมถึงการขึ้นทะเบียนเป็นพลเมือง การจ่ายภาษีและปฏิบัติตามกฎหมายบางทีสิ่งนี้อาจช่วยนำทางสู่ฉันทามติที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องกันซึ่งจะทำให้มั่นใจว่า American Dream ในอุดมคติจะยังคงอยู่ตลอดไป จะมีอะไรเหมาะเจาะไปกว่าการที่ร่างนโยบายนวัตกรรมแห่งชาติเพื่อสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตมูลค่าหลายพันล้านเหรียญนี้เกิดขึ้นจากแนวคิดของผู้อพยพเช่นกัน

<hr />

<a href="http://www.forbesthailand.com/world-detail.php?did=1389"><img class="" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/0c803e8be5a810a6d7edbf701fc60e0b.png" alt="" width="242" height="178" />
Forbes 400 ชี้ ฝันชาวอเมริกัน ยังดีอยู่</a>

<a href="http://www.forbesthailand.com/world-detail.php?did=1392"><img class="" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/99a136a3e5de2bf069dd8d213e461986.png" alt="" width="244" height="180" />
มหาเศรษฐีผู้อพยพแห่ง Forbes 400
Thomas Peterffy และ สามี-ภรรยา ผู้ก่อตั้ง Forever 21</a>

<a href="http://www.forbesthailand.com/world-detail.php?did=1394"><img class="" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/348aeef3ac726de1ed991bf3f22de6fa.png" alt="" width="242" height="178" />
มหาเศรษฐีผู้อพยพแห่ง Forbes 400
Romesh Wadhwani และ Douglas Leone </a>

<hr />

<a href="http://goo.gl/sfeKXF">คลิ๊กเพื่ออ่านฉบับเต็ม "Forbes 400 ชี้ฝันชาวอเมริกัน ยังดีอยู่" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2559</a>
<a href="https://goo.gl/sfeKXF"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/0ce5c1a4150dcc466dc17fc7774e169e.png" alt="" /></a>

มหาเศรษฐีผู้อพยพแห่ง Forbes 400 Shalid Khan และ Andrew Cherng

ในวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ วันที่ 8 พฤศจิกายน (สหรัฐฯ) ที่กำลังจะมาถึงนอกจากการใช้สิทธิ์เลือกประธานาธิบดี สมาชิกสภา และ สมาชิกสภาสูงแล้วนั้น บัตรเลือกตั้งในรัฐต่างๆ ได้สอดแทรกหัวข้อประชามติในเรื่องที่ไม่ใช่การเลือกผู้แทนและในบรรดาหัวข้อต่างๆ หัวข้อที่ได้สร้างสีสันในการลงคะแนนครั้งนี้คือ การทำกัญชาให้ถูกกฎหมาย มีหลากหลายมลรัฐรัฐ 35 แห่งอเมริกาที่สอดแทรกหัวข้อการลงประชามติลงในบัตรเลือกตั้ง สำหรับประเด็นการทำกัญชาให้ถูกกฎหมายจะดูเป็นเรื่องจริงจังแต่มหาเศรษฐีจาก Forbes 400 บางคนจริงจังกว่าเพื่อต้านประเด็นกัญชาถูกกฎหมาย มาดูกันว่าใครไม่ด้วย 2 ประเด็นนี้

Carol Jenkins Barnett
(1.7 พันล้านเหรียญ)
มอบเงิน 800,000 เหรียญสนับสนุน Drug Free Florida เมื่อเดือนกรกฎาคมสำหรับ Drug Free Florida คณะคัดค้านการทำกัญชาให้ถูกกฎหมาย

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/31f43855ad92f31c42ddef745525fbc0.png" alt="" />
Sheldon Adelson
(3.18 หมื่นล้านเหรียญ)
บริจาคเงิน 1 ล้านเหรียญให้กับกลุ่มเดียวกันนี้เมื่อเดือนกันยายน (“ผมเสียลูกชายจากการแต่งงานครั้งแรกเพราะเขาเสพยาเกินขนาด โดยเริ่มจากกัญชานี่ล่ะ” Adelson กล่าวไว้เมื่อปี 2014)

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/8b86a46ea9f1d5e9a9c4ec7e96792512.png" alt="" />
Sean Parker
(2.4 พันล้านเหรียญ)

บริจาคเงิน 7.8 ล้านเหรียญในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง เพื่อสนับสนุนโครงการ Proposition 64 ใน California อันมีวัตถุประสงค์ที่จะทำให้การใช้กัญชาเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจเป็นเรื่องถูกกฎหมาย

ปืน
ปืนเป็นอีกประเด็นที่มีการถกเถียงกันอย่างร้อนแรงมาโดยตลอด เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/f6de5dc5c09d309d06b7dfe2d5a441cb.png" alt="" />
Mark Cuban
(3.2 พันล้านเหรียญ)
อาศัย Twitter แสดงความคิดเห็นที่ขัดใจคนส่วนใหญ่ “Trump ขาดความเคารพในรัฐธรรมนูญ ประการแรก เขาหันปลายกระบอกปืนของชาวมุสลิมมาทางนี้ จากนั้นเขากลับปลดอาวุธสหรัฐฯ ในขณะที่ linton เคารพในรัฐธรรมนูญ”

กัญชาและปืน

<h2>การเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2016 พวกเขาคงงงงวยไม่น้อย ว่าเหตุใดประเทศมหาอำนาจอันรุ่งเรืองและมีสติสัมปชัญญะเพียบพร้อม จึงมาลงเอยที่ 2 ผู้สมัครชิงตำแหน่งฯ มาฟังอภิมหาเศรษฐี แห่ง Forbes 400 กับสื่ออย่างชัดเจนกันดีกว่า</h2>
"คุณเอาปืนมาจ่อหัวผมเลยดีกว่า ถ้าต้องให้เลือกระหว่างมะเร็งกับหัวใจวายเนี่ย มันไม่น่าเลือกเลยทั้งสองอย่าง”

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/d40eed6e3d97f91f02a2946be970b1b2.png" alt="" width="238" height="238" />
CHARLES KOCH (4.2 หมื่นล้านเหรียญ)

&nbsp;

“Donald Trump ไม่ต่างอะไรจาก ISIS”

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/15a2d4ca28e5bca21b2f0d51c384c2d6.png" alt="" width="258" height="258" />
GEORGE SOROS (2.49 หมื่นล้านเหรียญ)

&nbsp;

“ถ้า Hillary Clinton ได้เป็นเธอคงจะยกเลิกการพัฒนาเชื้อเพลิงจากฟอสซิล และทำให้อัตราการจ้างงานหด ราคาน้ำมันคงสูงขึ้น และเธอก็คงจะเพิ่มการนำเข้าน้ำมันจากปรปักษ์ของเรา”

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/0689fcba76168bab00f9557c85b8edd1.png" alt="" width="279" height="279" />
HAROLD HAMM (1.31 หมื่นล้านเหรียญ)

&nbsp;

“ผมเป็นชาว New York นะครับ เรารู้ไต๋หมดแหละว่าใครโกหก ผมว่าสิ่งที่ Donald Trump มีอู้ฟู่ที่สุดก็คือความเจ้าเล่ห์”

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/8ede1b1ab65ebfa9d2751f269989c474.png" alt="" width="282" height="282" />
MICHAEL BLOOMBERG (4.5 หมื่นล้านเหรียญ)

&nbsp;

“ถ้ามองไปยังอีก 3 ปีข้างหน้า เศรษฐีจะดีกว่านี้แน่ถ้า Trump ได้รับการเลือกตั้ง”

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/9f1f3407ca0019dbb48f89b33ae96224.png" alt="" width="256" height="256" />
CARL ICAHN (1.57 หมื่นล้านเหรียญ)

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events