<h2>แม้ประธานาธิบดี Donald Trump จะมีจุดมุ่งหมายในการบริหารประเทศด้วยแนวคิด America First แต่ดูท่าว่าชาวอเมริกันส่วนหนึ่งจะไม่ค่อยเห็นด้วยเสียเท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่นกลุ่มเศรษฐีผู้มั่งคั่ง (High Net Worth Individual หรือ HNWI) ที่พากันไปเปิดบัญชีธนาคารในประเทศสวิตเซอร์แลนด์</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจสืบเนื่องมาจากการขึ้นเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของ Trump ส่งผลดีต่อธนาคารสวิสรายต่างๆ สื่อ CNBC และ The Financial Times เผยว่า ชาวอเมริกันจำนวนมากพากันไปเปิดบัญชีธนาคารและการลงทุนในสวิตเซอร์แลนด์ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา โดยธนาคารสัญชาติสวิสนั้นมีชื่อเสียงมายาวนานในด้านความมั่นคงทางการเงิน การคุ้มครองสินทรัพย์ และการรักษาความลับของลูกค้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กระแสการเปิดบัญชีธนาคารในสวิตเซอร์แลนด์มากมายจนสะดุดตาก็จริง แต่ไม่ใช่ปรากฏการณ์แปลกใหม่ ในอดีตเมื่อเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเผชิญปัญหาสาหัส ก็มักมีชาวอเมริกันย้ายเงินมาไว้ที่สวิตเซอร์แลนด์เช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ที่ปรึกษาด้านความมั่งคั่งรายหนึ่งบอกกับ The Financial Times ในเดือนที่ผ่านมาว่า สถานการณ์ปัจจุบันนั้นเทียบได้กับช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินปี 2007-2008&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“มันมาเป็นระลอกครับ” Pierre Gabris ซีอีโอ Alpen Partners International บริษัทที่ปรึกษาด้านการเงินสัญชาติสวิสเผยกับ CNBC ว่า “สมัยอดีตประธานาธิบดี Barack Obama ชนะเลือกตั้งก็เกิดระลอกใหญ่ครั้งหนึ่ง พอตอนโควิดก็มาอีกระลอก ตอนนี้นโยบายภาษีทำให้เกิดระลอกใหม่” กระจายความเสี่ยงหนีค่าเงินอ่อน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แรงจูงใจในการโยกย้ายเงินอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่เหตุผลที่พบได้ทั่วไปคือการกระจายความเสี่ยงที่เกี่ยวเนื่องกับสกุลเงิน (Currency Diversification) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนลงเมื่อเทียบกับค่าเงินหลักอื่นๆ ในปีนี้ โดยตกลงมามากกว่า 8% และแตะจุดต่ำสุดในรอบ 3 ปีเมื่อไม่นานมานี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ชาวอเมริกันจำนวนมากตระหนักว่า พอร์ตของพวกเขา 100% เป็นเงินดอลลาร์ ดังนั้นพวกเขาจึงกำลังคิดว่า บางทีอาจต้องกระจายความเสี่ยง” Gabris กล่าว และเผยว่าผู้ที่ขอคำปรึกษาในการย้ายสินทรัพย์ไปยังธนาคารสัญชาติสวิสส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกันที่มีพื้นเพจากชาติอื่นๆ อาทิ เชื้อสายอิสราเอล หรือเชื้อสายอินเดีย “หลายคนมีแรงขับเคลื่อนจากความกลัว” เปิดบัญชีในสวิตเซอร์แลนด์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สถานทูตสหรัฐฯ ในสวิตเซอร์แลนด์และลิกเตนสไตน์เผยว่า พลเมืองสหรัฐฯ ที่พำนักอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ย่อมมีวิธีการเปิดบัญชีธนาคารได้อย่างง่ายดาย แต่การกระทำเช่นนี้จากต่างประเทศย่อมมีขั้นตอนที่ซับซ้อนกว่า แม้จะถูกกฎหมายก็ตาม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การเปิดบัญชีธนาคารในสวิตเซอร์แลนด์อาจต้องมีผู้ช่วยเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นไปตามกฎหมายสหรัฐฯ ที่มีสาระสำคัญคือการป้องกันไม่ให้ชาวอเมริกันหลบเลี่ยงภาษีโดยอาศัยผลประโยชน์จากกฎระเบียบของธนาคารในต่างแดน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้นำธุรกิจบริหารจัดการความมั่งคั่งขนาดเล็กรายหนึ่งในสหรัฐฯ บอกกับ The Financial Times ว่า หลายปีมานี้ สถาบันทางการเงินสัญชาติสวิสต่างมีความยินดีที่จะร่วมงานกับลูกค้าจากสหรัฐฯ หลังเคยมีปัญหาเกี่ยวกับภาษีที่ทำให้สถาบันทางการเงินเหล่านี้ต้องเสียค่าปรับเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.fastcompany.com/91319618/why-high-net-worth-americans-are-banking-in-switzerland" alt="Why high-net-worth Americans are banking in Switzerland">Why high-net-worth Americans are banking in Switzerland</a>​ภาพ:&nbsp;<a href="https://unsplash.com/photos/a-building-with-a-glass-front-and-a-red-sign-on-it-9VuC1tliLQY" alt="Riccardo Werder">Riccardo Werder</a>&nbsp;on Unsplash และ AFP​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/america/barbara-corcoran-investing-advice-take-risk-with-knowledge" alt="‘กล้าเสี่ยงและลงทุนในสิ่งที่รู้’ วิธีสร้างความมั่งคั่งฉบับ Barbara Corcoran ฉลามแกร่งแห่ง Shark Tank">‘กล้าเสี่ยงและลงทุนในสิ่งที่รู้’ วิธีสร้างความมั่งคั่งฉบับ Barbara Corcoran ฉลามแกร่งแห่ง Shark Tank</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เศรษฐีอเมริกันไม่มั่นใจ Trump แห่ย้ายเงินไปสวิตเซอร์แลนด์ หวั่นค่าเงินดอลลาร์อ่อนกระทบความมั่งคั่ง

ยุคทองธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ เติบโตรับกลุ่มมั่งคั่งไทย-ต่างชาติ

<h2>รายงาน Global Wealth &amp; Lifestyle Report ประจำปี 2024 โดย Julius Baer เผยรายชื่อ 25 เมืองที่มีค่าครองชีพของกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูงมากที่สุด สิงคโปร์นำมาเป็นอันดับ 1 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Julius Baer เผย Global Wealth &amp; Lifestyle Report ประจำปี 2024 รายงานว่าด้วยค่าครองชีพตามเมืองต่างๆ ทั้งหมด 25 แห่งทั่วโลกที่มุ่งเน้นไปยังกลุ่ม High Net Worth Individual (HNWI)​ หรือกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง โดยมีการสำรวจเพื่อวิเคราะห์ราคาสินค้าและบริการ 20 อย่างซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นส่วนประกอบของไลฟ์สไตล์คนรวย อาทิ นาฬิกา แชมเปญ ตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจ ห้องสวีทโรงแรม โรงเรียนเอกชน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เอเชีย-แปซิฟิก (APAC) เคยเป็นภูมิภาคที่มีค่าครองชีพของกลุ่ม HNWI สูงสุดของโลกถึง 5 เมืองใน 10 อันดับแรกเมื่อปี 2022 ทว่าปีนี้กลับเหลือเพียง 4 เมือง ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ และซิดนีย์ เท่ากับภูมิภาคยุโรป ตะวันออกลาง และแอฟริกา (EMEA) ได้แก่ ลอนดอน โมนาโก ซูริก และปารีส โดยสิงคโปร์ครองตำแหน่งเมืองที่มีค่าครองชีพฯ สูงสุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ราคาสินค้าและบริการต่างๆ โดยภาพรวมยังคงแพงขึ้น สินค้าที่มีราคาสูงขึ้น 3 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องประดับอัญมณี +9.6%, รองเท้าสตรีมีราคาสูงขึ้น +9.3% และชุดสูทสุภาพบุรุษ +9.3% ทั้งนี้แต่อัตราการเพิ่มของราคากลับชะลอตัวลงโดยเหลือเพียง 4% จาก 6% ในปี 2023&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ แม้ราคาสินค้าและบริการต่างๆ จะแพงขึ้น แต่เหล่าผู้มั่งคั่ง HNWI ทั่วโลกยังคงยินดีจะใช้จ่าย โดยสินค้าและบริการที่มาแรง ได้แก่ โรงแรมที่พัก, มื้ออาหารคุณภาพสูง, สินค้าแฟชั่น และเครื่องประดับ สอดคล้องกับผลสำรวจที่พบว่าในปีที่ผ่านมา กลุ่มผู้มั่งคั่งเหล่านี้นิยมเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ค่าเงินมีผลอย่างมากต่อการจัดอันดับในปีนี้ ค่าเงินฟรังก์สวิสที่แข็งขึ้นพาซูริกทะยานขึ้นสู่อันดับ 6 จาก 14 เมื่อปีที่ผ่านมา ตรงข้ามกับค่าเงินเยนของญี่ปุ่นที่อ่อนลงอย่างหนักส่งผลให้โตเกียวตกจากอันดับ 15 ในปี 2023 มาอยู่ที่อันดับ 23 ในปีนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ 10 อันดับเมืองที่มีค่าครองชีพสูงสุดในกลุ่ม HNWI ประจำปี 2024 ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 1 สิงคโปร์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 2 ฮ่องกง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 3 ลอนดอน&nbsp; &nbsp;&nbsp;อันดับ 4 เซี่ยงไฮ้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 5 โมนาโก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 6 ซูริก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 7 นิวยอร์ก&nbsp; &nbsp;&nbsp;อันดับ 8 ปารีส&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 9 เซาเปาโล &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันดับ 10 มิลาน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านกรุงเทพฯ ตกลงจากอันดับ 11 มาอยู่ที่อันดับ 17 ในปีนี้ โดยสินค้าที่มีราคาแพงขึ้นสูงสุดคือเครื่องประดับอัญมณีที่ +10.5% ตามด้วยลู่วิ่งสำหรับออกกำลังกาย +9.1% และรองเท้าสตรี +7.6% ตามลำดับ ส่วนสินค้าที่มีราคาต่ำลงมามากที่สุด ได้แก่ วิสกี้ -10.6% และตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจ -8.2% &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ภาพรวมภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ค่าใช้จ่ายที่แพงขึ้นมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ โรงเรียนเอกชน +9.9%, เครื่องประดับอัญมณี +9.7%, รองเท้าสตรี +8.3%, กระเป๋าถือสำหรับสตรี +6.9% และชุดสูทสุภาพบุรุษ +6.2% แหล่งที่มา:&nbsp;<a href="https://www.juliusbaer.com/en/insights/wealth-insights/wealth-report/how-expensive-is-your-city-for-living-well-in-2024/" alt="How expensive is your city for living well in 2024?">How expensive is your city for living well in 2024?</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a href="https://www.forbesthailand.com/world/global-world/behind-celebrity-beauty-brands" alt="เจาะลึกเบื้องหลัง เมื่อเหล่าคนดังหันมาทำแบรนด์เครื่องสำอาง">เจาะลึกเบื้องหลัง เมื่อเหล่าคนดังหันมาทำแบรนด์เครื่องสำอาง</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Julius Baer เผย สิงคโปร์คว้าอันดับ 1 เมืองค่าครองชีพสูงสุดในหมู่ผู้มั่งคั่ง

<h2>เศรษฐกิจจีนที่ยังคงเปราะบางอาจต้องเผชิญความยากลำบากอีกครั้ง เมื่อผลวิจัยใหม่เผยว่ากลุ่มมหาเศรษฐีชาวจีนราว 15,200 คนกำลังเตรียมย้ายถิ่นฐานออกนอกประเทศภายในปี 2024 นี้ เหตุหวั่นความมั่นคงในอนาคต</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รายงาน Wealth Migration Report 2024 โดย Henley &amp; Partners ชี้ว่าประชากรกลุ่ม HNWI (High Net Worth Individual) หรือบุคคลที่มีทรัพย์สินมูลค่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขึ้นไปทั่วโลกจะย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศอื่นเป็นจำนวนมหาศาลในปีนี้ คาดการณ์ตัวเลขไว้ที่ 128,000 คน เพิ่มขึ้นจาก 120,000 คนในปี 2023 นำโดยยักษ์ใหญ่ฝั่งเอเชียอย่างจีน ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีจำนวนราว 15,200 คน เพิ่มขึ้นจาก 13,800 คนเมื่อปีที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หากกลุ่มคนมั่งคั่งชาวจีนย้ายถิ่นพำนักและทรัพย์สินไปยังประเทศอื่น ย่อมกระทบเศรษฐกิจอันเปราะบางของจีนอย่างแน่นอน ปัญหาใหญ่สุดคงไม่พ้นวิกฤตอสังหาฯ ที่ยังยืดเยื้อและเป็นปัจจัยสำคัญอันก่อให้เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและสังคม Fitch Ratings ยังปรับลดอัตราความน่าเชื่อถือของประเทศจีนลงเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ดังเช่นที่ Moody's Investors Service ได้ลงมือไปก่อนแล้วในเดือนธันวาคม 2023&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อันที่จริง ชาวจีนผู้มั่งคั่งเริ่มเตรียมตัวย้ายออกจากประเทศบ้านเกิดตั้งแต่ช่วงวิกฤตโควิด-19 แพร่ระบาดหนัก ซ้ำยังยิ่งเร่งมือดำเนินการเมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าออกประเทศลง ซึ่งนอกเหนือจากความกังวลเกี่ยวกับความไม่มั่นแน่นอนในอนาคตแล้ว ประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์และแรงกดดันจากชาติตะวันตกที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจจีนรวมทั้งกฎระเบียบนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลก็ไม่เอื้อผลประโยชน์ให้กลุ่มคนมั่งคั่งมากนัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับจุดหมายปลายทางที่ชาวจีนมุ่งหน้าไปมากที่สุดคือประเทศเกาะที่อยู่ไม่ไกลอย่างญี่ปุ่น แทนที่สิงคโปร์ซึ่งเคยดึงดูดชาวจีนไปลงหลักปักฐานด้วยวัฒนธรรมที่มีความเชื่อมโยงกัน และภาษาจีนแมนดารินก็เป็นหนึ่งในภาษาหลักของชาวสิงคโปร์ เนื่องจากเมื่อเร็วๆ นี้สิงคโปร์ได้มีการปฏิเสธคำขออนุญาตจัดตั้งสำนักงานครอบครัวจากบุคคลชาวจีนถึง 2 ครั้งหลังมีประเด็นฉาวเกี่ยวกับการฟอกเงิน โดยการจัดตั้งสำนักงานครอบครัวนับเป็นวิธีการเพื่อให้ได้สัญชาติสิงคโปร์ที่พบเห็นได้บ่อยครั้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกเหนือจากจีนแล้ว รายงานของ Henley &amp; Partners เผยว่า สหราชอาณาจักรคือประเทศที่คาดการณ์ว่าประชากร HNWI จะย้ายออกมากเป็นอันดับ 2 ด้วยจำนวน 9,500 คนภายในปี 2024 นี้ เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจาก 4,200 คนเมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา แม้ว่าในอดีตอังกฤษคือประเทศที่มหาเศรษฐีนิยมย้ายเข้ามาอยู่กันก็ตาม โดยจำนวนผู้มั่งคั่งที่ย้ายถิ่นฐานออกจากอังกฤษตั้งแต่ปี 2017 ถึงปี 2023 หรือก็คือหลัง Brexit เป็นต้นมา มีมากถึง 16,500 คน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยังคงเป็นจุดหมายอันดับ 1 ของบรรดามหาเศรษฐีทั่วโลก ด้วยอัตราภาษีเงินได้ 0% พร้อมไลฟ์สไตล์อันหรูหรา และ Golden Visa สำหรับนักลงทุน ตามด้วยสหรัฐอเมริกามาเป็นอันดับ 2 และสิงคโปร์ที่อันดับ 3 แหล่งที่มา:​<a href="https://asia.nikkei.com/Business/Markets/Wealth-Management/China-to-see-biggest-millionaire-exodus-in-2024-as-many-head-to-U.S" alt="China to see biggest millionaire exodus in 2024 as many head to U.S.">China to see biggest millionaire exodus in 2024 as many head to U.S.</a>​ ​<a href="https://www.firstpost.com/explainers/why-are-the-uk-and-china-are-set-to-face-the-biggest-exodus-of-millionaires-in-the-world-13783964.html" alt="Why are the UK and China set to face the biggest exodus of millionaires in the world?">Why are the UK and China set to face the biggest exodus of millionaires in the world?</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a href="https://www.forbesthailand.com/news/hr/what-is-a-dry-promotion" alt="เอาไงดีกับชีวิต? ถ้าต้องเจอ Dry Promotion เพิ่มตำแหน่ง แต่ไม่เพิ่มเงินเดือน">เอาไงดีกับชีวิต? ถ้าต้องเจอ Dry Promotion เพิ่มตำแหน่ง แต่ไม่เพิ่มเงินเดือน</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events