<h2>IdeasLabs เผยตัวเลขตลาด KOLs - Influencer Marketing ในไทยปี 2024 มูลค่าสูงกว่า 10,000 ล้านบาท ตัวเลขรายได้ KOLs ต่อแคมเปญเดี่ยวสูงถึง 300,000 บาท ในขณะที่รายได้รวมจาก KOLs บนแพลตฟอร์ม Kolnect และ IdeasLabs ในปี 2024 สูงถึง 130 ล้านบาท คาดปี 2025 มูลค่าตลาดจะเติบโตขึ้นอีก 25%</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ธนดล พิทยานุวัฒน์ กรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ไอเดียแล็บ จำกัด (IdeasLabs) ผู้ให้บริการ Martech Solution เปิดเผยว่า ตลาด KOLs (Key Opinion Leaders) หรือ Influencer Marketing ในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่าตลาดในปี 2024 สูงกว่า 10,000 ล้านบาท คาดว่าปี 2025 จะเติบโตขึ้นประมาณ 25% และการแข่งขันจะสูงขึ้นแบรนด์ต่างๆ จะใช้&nbsp;AI, Big Data&nbsp;และกลยุทธ์ Seeding (SD) มากขึ้นเพื่อคัดเลือก KOLs ที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับแคมเปญ สอดคล้องกับข้อมูลของ Statista&nbsp;ที่ระบุว่าตลาด Influencer Marketing ทั่วโลกจะมีมูลค่ามากกว่า 24,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีนี้ โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุด ปัจจัยหลักมาจากประชากรไทยใช้โซเชียลมีเดียสูงถึง 85% โดย 74% ของผู้บริโภคเชื่อถือรีวิวจาก KOLs มากกว่าการโฆษณาโดยตรง ทำให้ Influencer Marketing กลายเป็นกลยุทธ์หลักของแบรนด์ต่างๆ นอกจากนี้ยังพบว่า Micro และ Nano Influencers มีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากเทรนด์การเติบโตนี้ IdeasLabs ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Martech จึงวางกลยุทธ์การเติบโตไปพร้อมๆ กัน ผ่าน Kolaxy แพลตฟอร์มที่รวบรวม KOLs มากกว่า 20,000 บัญชี เพื่อให้เป็นตัวกลางระหว่างแบรนด์ในการเข้าถึง KOLs ได้อย่างตรงความต้องการและครบถ้วน นอกจากนี้ IdeasLabs ตั้งเป้าจะมีบัญชี KOLs มากกว่า 200,000 บัญชีภายในปี 2025 ครอบคลุมทุกระดับ ตั้งแต่ Nano ไปจนถึง Macro Influencers ซึ่งสามารถช่วยให้แบรนด์เลือก KOLs ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพ​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/3C7QXD9DjP5eS4PAKZxd.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="3C7QXD9DjP5eS4PAKZxd.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,480"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้จากฐานข้อมูลของ IdeasLabs พบว่า 5 หมวดหมู่ KOLs ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 1. Lifestyle - แฟชั่น,&nbsp;การใช้ชีวิต,&nbsp;การท่องเที่ยว เป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงสุดอย่างต่อเนื่อง สอดรับไลฟ์สไตล์กลุ่มเป้าหมายทุกเพศทุกวัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 2. Beauty - ความงาม,&nbsp;เมคอัพ,&nbsp;สกินแคร์ เป็นอีกกลุ่มที่มีกลุ่มเป้าหมายขยายกว้างขึ้นทุกปี ซึ่งปัจจุบันเทรนด์การดูแลบุคลิกภาพไม่ได้จำกัดอยู่แค่กลุ่มผู้หญิง แต่ยังขยายไปสู่เพศอื่นๆอย่างเปิดเผย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 3. Foodie - รีวิวร้านอาหาร,&nbsp;เทรนด์อาหาร เป็นเทรนด์ที่เติบโตไปพร้อมกับการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ที่มีโอกาสเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติได้อย่างน่าสนใจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 4. Mom and Kids - ครอบครัว,&nbsp;การดูแลลูก เป็นกลุ่มที่เติบโตจากสังคมปัจจุบันที่ไม่นิยมมีลูกหลายคน การทุ่มเทให้กับลูกที่มีอยู่เพียงคนเดียวจึงเป็นเทรนด์ที่พ่อแม่ยุคใหม่ให้ความสำคัญการหาข้อมูจาก KOLs จึงเติบโตมากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; 5. Health &amp; Wellness - สุขภาพ,&nbsp;การออกกำลังกาย เป็นอีกกลุ่มที่เติบโตตามโครงสร้างสังคมผู้สูงอายุที่ภายในปี 2025 ประเทศไทยจะมีสัดส่วนผู้สูงอายุ 25% ของประชากรทั้งหมด รวมถึงวัยทำงานก็หันมาใส่ใจสุขภาพเพื่อไม่ให้เจ็บป่วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ IdeasLabs ยังเปิดเผยตัวเลขรายได้สูงสุดของ KOLs ต่อแคมเปญเดี่ยวซึ่งมีมูลค่าแตะ 300,000&nbsp;บาท&nbsp;และในปี&nbsp;2024&nbsp;รายได้ของ&nbsp;KOLs&nbsp;บนแพลตฟอร์ม&nbsp;Kolnect&nbsp;และ&nbsp;IdeasLabs&nbsp;รวมสูงถึง&nbsp;130&nbsp;ล้านบาท&nbsp;โดยคาดว่าในปี&nbsp;2025&nbsp;รายได้นี้จะเติบโตขึ้นอย่างน้อย&nbsp;25% ภาพ: IdeaLabs เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/mk-group-2024-revenue" alt="ค่าครองชีพพุ่ง การแข่งขันสูง! MK GROUP ปี 67 รายได้-กำไรลด ปีนี้ลุยปรับกลยุทธ์การตลาดสู้ศึก">ค่าครองชีพพุ่ง การแข่งขันสูง! MK GROUP ปี 67 รายได้-กำไรลด ปีนี้ลุยปรับกลยุทธ์การตลาดสู้ศึก</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

IdeasLabs เผยมูลค่าตลาด KOLs ในไทยปี 2024 สูงกว่า 10,000 ล้านบาท ปีนี้มีแนวโน้มเติบโตเพิ่ม 25%

ชวนเปิดไกด์ Influencer Marketing ข้อสำคัญที่ควรรู้ หากคิดใช้อินฟลูฯ ช่วยทำการตลาด

<h2>ปัจจุบันประเทศไทยมี Influencer ราวๆ กว่า 2 ล้านคน สภาพัฒน์ฯ หวั่นการสร้างค่านิยมผิดชี้นำสังคม โดยที่ผ่านมากลุ่มคนทำอาชีพดังกล่าวนิยมทำคอนเทนต์อวดรวย ชักจูงใจให้คนหันมาเล่นพนันผ่านออนไลน์เพิ่มขึ้น จนยอดนักพนันคนรุ่นใหม่พุ่งสูงขึ้นถึง 3 ล้านคน </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เผยถึงภาวะเศรษฐกิจและสังคมไทยในภาพรวมปี 2566 ที่ผ่านมา โดยเนื้อหาบางส่วนแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการใช้และเสพสื่อจากผู้คนในสังคม โดยหยิบยกเอาข้อมูลจาก Nielsen ในปี 2565 มาแสดงให้เห็นว่า ประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) มีจำนวน Influencer รวมกันมากถึง 13.5 ล้านคน&nbsp;&nbsp; &nbsp; ประเทศไทยมีจำนวน Influencer ราวๆ กว่า 2 ล้านคน ถือเป็นอันดับสองรองจากประเทศอินโดนีเซีย โดยการขยายตัวเพิ่มขึ้นของ Influencer สาเหตุหลักส่วนหนึ่งมาจากการเป็นช่องทางสร้างรายได้ ทั้งจากการโฆษณาหรือรีวิวสินค้า&nbsp;ทั้งนี้ ภาพรวมของปี 2566 ที่ผ่านมา อาชีพ Influencer สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับทั่วโลกได้สูงถึง 1.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2573 หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 7.4 เท่า ภายใน 7 ปี โดยการเป็น Influencer ในไทย ผู้คนต่างให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก เนื่องจากสามารถสร้างรายได้ค่อนข้างสูง เพราะมีราคาโดยเฉลี่ยต่อโพสต์นับตั้งแต่ 800-700,000 บาทขึ้นไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม การแข่งขันผลิต Content และการให้ความสำคัญกับ Engagement ของ Influencer บางราย มักมีการสร้าง Content ให้เป็นกระแสโดยไม่ได้คำนึงถึงความถูกต้องเหมาะสมก่อนเผยแพร่จึงอาจสร้างผลกระทบเชิงลบต่อสังคมได้หลายประการ อาทิ การนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง&nbsp;ตัวอย่างเช่น ในปี 2566 มีจำนวนผู้โพสต์ที่เข้าข่ายเป็นข่าวปลอมมากถึง 7,394 บัญชี สร้างจำนวนข่าวปลอมและข่าวบิดเบือนรวมกันสูงถึง 5,061 เรื่อง อีกทั้งยังมีการชวนเชื่อชักจูงทำในสิ่งผิดกฎหมาย อาทิ การใช้ Influencer โฆษณาเชิญชวนเว็บพนันออนไลน์ผ่าน ซึ่งในปี 2566 พบว่า คนรุ่นใหม่เล่นพนันออนไลน์สูงถึงประมาณ 3 ล้านคน โดย 1 ใน 4 เป็นนักพนันฯ หน้าใหม่ หรือคิดเป็นจำนวนราว 7.4 แสนคน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ Influencer บางกลุ่ม ยังนิยมสร้าง content เนื้อหาบางประเภทที่แม้จะไม่ได้กระทำผิดกฎหมาย แต่ก็อาจนำไปสู่การสร้างค่านิยมที่ผิดต่อสังคมได้ อาทิ Content “การอวดความร่ำรวย” เป็นต้น และจากการศึกษาของวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า กลุ่ม Gen Z ร้อยละ 74.8 เป็นผู้ที่ชอบแสดงตัวตนในรูปแบบนี้มากที่สุด รวมถึงการนำเสนอภาพบุคคลที่ได้รับการปรับแต่งให้ดูดี จนกลายเป็นมาตรฐานความงามที่ไม่แท้จริง&nbsp;โดยทั้งหมดนี้อาจส่งผลกระทบในการสร้างค่านิยมที่ผิดให้แก่เด็กและเยาวชนในสังคม เช่น การก่อสร้างหนี้เพื่อหาเงินมาซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ที่กำลังเป็นกระแสนิยมผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ ซึ่งตัวอย่างข้างต้น คือตัวสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลเชิงลบของ Influencer ต่อสังคมในหลายแง่มุม&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp; ​​​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/global/millennials-to-become-richest-generation-in-history" alt="Knight Frank เผยอีก 20 ปี ‘ชาวมิลเลนเนียล’ จะกลายเป็นเศรษฐี รับมรดกจนมั่งคั่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา">Knight Frank เผยอีก 20 ปี ‘ชาวมิลเลนเนียล’ จะกลายเป็นเศรษฐี รับมรดกจนมั่งคั่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ไทยมี Influencer 2 ล้านคน หวั่น 'คอนเทนต์อวดรวย' สร้างค่านิยมผิดชี้นำสังคม

<h2>รายชื่อ 100 ดาวเด่นแห่งสื่อดิจิทัลจัดโดย Forbes Asia รวบรวมจากนักร้อง วงดนตรี รวมทั้งดาราภาพยนตร์และโทรทัศน์จากทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ได้สร้างกระแสบนโลกดิจิทัลอย่างที่อะไรก็หยุดไม่อยู่</h2>
เนื่องจากมีอิทธิพลบนสื่อสังคมออนไลน์ผู้นำกระแสเหล่านี้จึงมีผู้ติดตามพันธุ์แท้นับล้านบนแพลตฟอร์มดังต่างๆ ทำให้พวกเขามีชื่อเสียงในโลกออนไลน์มากพอๆ กับบนเวทีและจอภาพยนตร์หรือโทรทัศน์ รายชื่อนี้ (ซึ่งไม่ได้มีการจัดอันดับ) ออกมาในช่วงเวลาที่ไม่ธรรมดา

ในขณะที่ประชากรของภูมิภาคจำนวนมากต้องใช้เวลาลำพังในบ้านที่พวกเขาต้อง พึ่งพาหน้าจอสำหรับการสื่อสารและความบันเทิง เราได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับคนดังที่แม้จะต้องยกเลิกงานและกิจกรรมต่างๆ แต่ยังคงมีความเคลื่อนไหวตลอดและอยู่ในกระแสสม่ำเสมอ

ซึ่งโดยมากก็จากการใช้โซเชียลมีเดียสื่อสารกับแฟนๆ สร้างความตระหนักรู้ และเป็นแรงบันดาลใจให้ความหวัง หลายๆ คนยังได้ใช้อิทธิพลของตัวเองในการช่วยเหลืองานที่มีคุณค่าต่อสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19

&nbsp;

ไฮไลท์ 100 DIGITAL STARS ตอนที่ 2 สุดยอดคนดังผู้ทรงอิทธิพลบนโซเชียลมีเดียในเอเชียแปซิฟิก

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-44497" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/ALIA-BHATT.jpg" alt="" width="400" height="400" />
ALIA BHATT
อายุ: 27 ปี
นักแสดง • อินเดีย

Bhatt เธอเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวที่มีอิทธิพลใน Bollywood และเป็นหนึ่งในดาราหญิงของอินเดียที่มีค่าตัวสูงสุด เธอเล่นภาพยนตร์มาแล้ว 24 เรื่อง มีผู้ติดตามในโซเชียลมีเดีย 74 ล้านคน ดาราสัญชาติอังกฤษคนนี้มีสัญญาเป็นผู้สนับสนุนสินค้าให้กับแบรนด์ต่างๆ อย่างน้อย 18 แบรนด์ ซึ่งรวมไปด้วย Coca Cola, Garnier และ UberEats นอกจากนี้ ยังเริ่มทำเว็บไซต์ Co-exist ที่มุ่งเน้นเรื่องสัตว์และนิเวศวิทยา


<img class="alignnone wp-image-44498 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/BLACKPINK-224x300.jpg" alt="" width="224" height="300" />
BLACKPINK
วงดนตรี • เกาหลีใต้

สมาชิกของวง Blackpink ได้แก่ Lisa (23 ปี) Jennie (24 ปี) Rosé (23 ปี) และ Jisoo (25 ปี) เป็นคนดังที่มีผู้ติดตามทางอินสตาแกรมมากที่สุดของเกาหลีใต้ โดยเฉพาะ Lisa มีผู้ติดตาม 42 ล้านคน และเป็นแบรนด์แอมแบสซาเดอร์ให้กับ Celine ส่วน Jennie เป็นหน้าเป็นตาของ Chanel ขณะที่ Jisoo ทำงานร่วมกับ Dior และ Rosé ร่วมงานกับ Saint Laurent เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Blackpink กลายเป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปวงแรกที่ติดชาร์ต Billboard Artist 100

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-44501 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/EASON-CHAN-300x300.jpg" alt="" width="300" height="300" />
EASON CHAN
อายุ: 46 ปี
นักร้อง • ฮ่องกง

อัลบั้มปี 2017 C’mon In ของ Chan ทำให้เขาได้รับรางวัลนักร้องชายยอดเยี่ยม (จีนกลาง) และอัลบั้มยอดเยี่ยมแห่งปีในการประกาศรางวัล Golden Melody Awards ของไต้หวันประจำปี 2018 ปีนี้เขาออกซิงเกิลที่อุทิศให้กับผู้ที่ทำงานต่อสู้กับโควิด-19 โดยร้องคู่กับ Jolin Tsai เพื่อนร่วมวงการที่เป็นดาวดังบนสื่อดิจิทัลเช่นกัน

เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาเขาร่วมในคอนเสิร์ต “One World: Together At Home” ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตที่ถ่ายทอดทั่วโลก โดยจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานในด่านหน้าและองค์การอนามัยโลก


<img class="alignnone wp-image-44500 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/DILRABA-DILMURAT-200x300.jpg" alt="" width="200" height="300" />
DILRABA DILMURAT
อายุ: 28 ปี
นักแสดง นางแบบ และนักร้อง • จีน

Dilmurat เป็นชาวมณฑล Xinjiang โดยกำเนิด เธอมีผลงานละครโทรทัศน์เรื่องดังหลายเรื่อง การแสดงของเธอใน Eternal Love of Dream ช่วยให้ยอดชมในแต่ละตอนทางออนไลน์สูงกว่า 100 ล้านวิว นับตั้งแต่ออกฉายเมื่อเดือนมกราคมปี 2020 Dilmurat มีจำนวนผู้ติดตาม 70 ล้านคนทาง Weibo และมีสัญญาสนับสนุนสินค้าให้ Audi, Louis Vuitton, Mikimoto และ Saint Laurent


<img class="alignnone wp-image-44502 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/EXO-240x300.png" alt="" width="240" height="300" />
EXO
วงดนตรี • เกาหลีใต้

Baekhyun วัย 28 ปี Chanyeol วัย 28 ปี และ Sehun วัย 26 ปี ล้วนมีชื่ออยู่ใน 10 อันดับคนดังของเกาหลีที่มีผู้ติดตามมากที่สุดบนอินสตาแกรม เพลงชื่อเดียวกับอัลบั้มที่ 6 ของพวกเขา Obsession ขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต 25 เพลงยอดเยี่ยม K-pop ของ Billboard


<img class="alignnone wp-image-44496 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/Akshay-Kumar-300x169.jpg" alt="" width="300" height="169" />
Akshay Kumar
อายุ: 53 ปี
นักแสดง • อินเดีย

ในฐานะนักแสดงค่าตัวแพงที่สุดของ Bollywood Kumar เป็นหนึ่งในดาราชาวอินเดียที่มีผู้ติดตามมากที่สุดคนหนึ่ง โดยมียอดคนติดตามทั้งบนเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และทวิตเตอร์กว่า 131 ล้านคน เขาได้รับการเสนอชื่อดารานำชายยอดเยี่ยมเข้าชิงรางวัล Filmfare Awards ประจำปี 2020 ของอินเดีย จากบทบาททหารในภาพยนตร์บู๊สงครามเชิงประวัติศาสตร์ปี 2019 เรื่อง Kesari

เขายังแสดงในเรื่อง Mission Mangal และ Good Newwz ซึ่งติดกลุ่มภาพยนตร์ทำรายได้สูงสุดของอินเดียในปี 2019 ด้วยความเป็นนักการกุศล Kumar บริจาคเงิน 4 ล้านเหรียญเพื่อการบรรเทาทุกข์จากวิกฤตโควิด-19 และยังมีส่วนร่วมในคอนเสิร์ตหาทุน “I For India” ทางเฟซบุ๊กไลฟ์เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งสามารถระดมทุนได้ 520 ล้านรูปี (7 ล้านเหรียญ) สำหรับกองทุนโควิด-19 ของมูลนิธิ GiveIndia


<img class="alignnone wp-image-44499 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/CHRIS-HEMSWORTH-300x256.jpg" alt="" width="300" height="256" />
CHRIS HEMSWORTH
อายุ: 37 ปี
นักแสดง • ออสเตรเลีย

ในปี 2020 Hemsworth แสดงในภาพยนตร์บู๊ระทึกขวัญ Extraction ซึ่งได้กลายมาเป็นภาพยนตร์ที่สร้างโดย Netflix ที่มีผู้ชมมากที่สุด เมื่อเดือนมกราคมปี 2020 เขาแชร์บนอินสตาแกรมว่า เขาได้บริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (705,000 เหรียญ) เพื่อใช้ในการบรรเทาทุกข์จากเหตุการณ์ไฟป่า พร้อมกับกระตุ้นให้ผู้ติดตาม 45 ล้านคนของเขาร่วมบริจาคด้วย เขากำลังจะแสดงใน Thor: Love and Thunder ที่จะมีกำหนดออกอากาศให้ชมในปี 2022


<img class="alignnone wp-image-44504 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/HYUNA-222x300.jpg" alt="" width="222" height="300" />
HYUNA
อายุ: 28 ปี
นักร้อง • เกาหลีใต้

Hyuna มีชื่อจริงว่า Kim Hyun-ah มีผู้ติดตามบนอินสตาแกรม 15 ล้านคน เธอเป็นที่รู้จักจากการร่วมแสดงในมิวสิกวิดีโอ Gangnam Style ของ PSY ซึ่งเป็นหนึ่งในวิดีโอที่มียอดชมสูงสุดตลอดกาล HyunA เป็นศิลปินในสังกัด P Nation ของ PSY มาตั้งแต่ปี 2018

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-44503 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/HUGH-JACKMAN-300x300.jpg" alt="" width="300" height="300" />
HUGH JACKMAN
อายุ: 52 ปี
นักแสดง • ออสเตรเลีย

Jackman รับบท Wolverine ในภาพยนตร์ภาคต่อ X-Men เป็นเวลา 16 ปี ทำให้เขาทำสถิติเป็นนักแสดงที่รับบทซูเปอร์ฮีโร่ในภาพยนตร์ประเภทไลฟ์แอ็กชั่นยาวนานที่สุด เขามียอดไลก์ 23 ล้านบนหน้าเฟซบุ๊กของเขา Jackman เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Laughing Man Coffee ซึ่งได้บริจาคกำไรของเขาให้กับชุมชนชาวไร่ในท้องถิ่น

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-44505 size-medium" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/LEE-MIN-HO-300x300.jpg" alt="" width="300" height="300" />
LEE MIN-HO
อายุ: 33 ปี
นักแสดง • เกาหลีใต้

Lee เป็นหนึ่งในดาราแถวหน้าของเกาหลีใต้ ปี 2020 เขารับบทในซีรีส์เกาหลี The King: Eternal Monarch เมื่อปลายปีที่แล้วเขาเพิ่งได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนประจำแบรนด์ระดับภูมิภาคคนแรกของ Lazada

ในปี 2014 Lee ก่อตั้ง Promiz เว็บไซต์ที่ผู้ติดตามทางโซเชียลมีเดียกว่า 70 ล้านคนของเขาสามารถทำบุญให้กับองค์กรการกุศล เมื่อเดือนมีนาคมปี 2020 เขาบริจาคเงิน 252,000 เหรียญให้กับงานการกุศลที่มุ่งเน้นการรับมือกับโรคระบาด 8 แห่ง

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/asia/100-digital-stars-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94-%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9E%E0%B8%A5.html">100 DIGITAL STARS สุดยอด “ผู้ทรงอิทธิพลบนโซเชียลมีเดีย” แห่งเอเชีย ตอนที่ 1</a>

วิธีวิจัย: ในการสรรหารายชื่อทั้งหมดนี้ Forbes Asia ได้ประเมินจำนวนการเข้าถึงและการมีส่วนร่วมทางสื่อสังคมออนไลน์ของผู้ที่เข้าข่าย นอกจากนี้ เรายังพิจารณาผลงานที่ผ่านมาไม่นานนี้ของพวกเขา ผลกระทบและการสนับสนุนจากสาธารณชน การสนับสนุนสินค้าให้กับแบรนด์ต่างๆ และความพยายามทางธุรกิจ

ตลอดจนโปรไฟล์ที่เป็นที่จดจำของพวกเขาทั้งในระดับท้องถิ่น ภูมิภาค และระดับโลก ผู้ที่จะได้รับการพิจารณาจะต้องมีผลงานในวงการภาพยนตร์ ดนตรี และโทรทัศน์ รายชื่อแสดงโดยใช้ชื่อของบุคคลหรือวงที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด

รวมทั้งมีการระบุชื่อจริงในกรณีส่วนใหญ่ของคนดังที่เป็นรายบุคคล ขณะที่ในส่วนของวงดนตรีได้มีการระบุชื่อสมาชิกคนสำคัญในบางวงเท่านั้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ forbes.com/asiadigitalstars.

<hr />

<a href="https://bit.ly/3rrHyB0">คลิกอ่านบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมีนาคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="lazy alignnone wp-image-43406 lazy-loaded" src="https://i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/156310000_2780875332127539_4024725996886331200_o.jpg" sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/156310000_2780875332127539_4024725996886331200_o.jpg 750w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/156310000_2780875332127539_4024725996886331200_o-229x300.jpg 229w" alt="" width="300" height="394" data-lazy-type="image" data-lazy-src="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/156310000_2780875332127539_4024725996886331200_o.jpg" data-lazy-srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/156310000_2780875332127539_4024725996886331200_o.jpg 750w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/03/156310000_2780875332127539_4024725996886331200_o-229x300.jpg 229w" data-lazy-sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" />

"100 DIGITAL STARS" สุดยอด “ผู้ทรงอิทธิพลบนโซเชียลมีเดีย” แห่งเอเชีย ตอนที่ 2

ทำเนียบ 30 UNDER 30 ASIA ประจำปี 2020 มีผู้ประกอบการหนุ่มสาวและนักสร้างความเปลี่ยนแปลงซึ่งอายุน้อยแต่ต่อยหนัก เหล่าผู้นำที่เฉลียวฉลาดและมีหัวคิดสร้างสรรค์ 300 คนนี้ มีทั้งความพร้อมและอาวุธครบมือเพื่อจะปรับตัวเข้ากับอนาคตไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-31668" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/06/30-under-30_04.jpg" alt="" width="340" height="452" />

LATESHA RANDALL วัย 29 ปี ผู้ร่วมก่อตั้ง RAGLAN COCONUT YOGHURT • นิวซีแลนด์
สาขา: ศิลปะ (ศิลปะและสไตล์ &amp; อาหารและเครื่องดื่ม)

Latesha Randall ก่อตั้ง Raglan Coconut Yoghurt ร่วมกับคู่หมั้น Seb Walter (อายุมากกว่า 30 ปี) Randall เริ่มทำโยเกิร์ตจากกะทิในปี 2014 เนื่องจาก Walter แพ้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม และต่อมาก็เริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของตัวเองผ่านออนไลน์ ภายในระยะเวลา 6 เดือน ทั้งคู่จำหน่ายโยเกิร์ตได้ถึง 1,000 กระปุกต่อสัปดาห์จึงทำให้ทั้งสองคนตัดสินใจเริ่มลงมือทำธุรกิจอย่างจริงจัง

ปัจจุบันทั้งคู่สามารถขายโยเกิร์ตได้ 1.6 ล้านกระปุกต่อปี โดยเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้ชื่อว่าเติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในนิวซีแลนด์ 2 ปีติดต่อกัน (วัดจากรายได้) บริษัทของ Randall ให้ความสำคัญกับการเป็นบรรษัทภิบาลด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก อย่างเช่นเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากแก้วแทนที่จะใช้พลาสติก และการปลูกต้นไม้เพื่อชดเชยกับปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่บริษัทปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศ

ทั้งคู่กำลังสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม 3 เท่า เพื่อตอบสนองความต้องการสินค้าที่มีปริมาณมากเกินกำลังการผลิตในปัจจุบัน “ฉันหลงรักโยเกิร์ต” Randall ซึ่งรับประทานโยเกิร์ตทุกวันกล่าว – Jennifer Wells

กรรมการตัดสิน: MICHAEL XUFU HUANG (จีน) ผู้ร่วมก่อตั้ง X MUSEUM • JENNIFER WAI FUN LIU (ฮ่องกง) ผู้ก่อตั้ง และประธานกรรมการ บริษัท THE COFFEE ACADEMÏCS • JO SOH (สิงคโปร์) ผู้อำนวยการโครงการ THE BRIDGE FASHION INCUBATOR • JANICE WONG (สิงคโปร์) เชฟ และผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร

ภาพ: MARK HAMILTON

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-31667" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/06/30-under-30_03.jpg" alt="" width="340" height="459" />

RABA KHAN วัย 20 ปี เอนเตอร์เทนเนอร์ THE JHAKANAKA PROJECT • บังกลาเทศ
สาขา: สื่อ การตลาดและโฆษณา

Raba Khan เป็นเซเลบริตี้มากความสามารถที่บังกลาเทศบ้านเกิดของเธอ เธอมีแบรนด์แฟชั่นของตัวเองชื่อ JKNK ขายสินค้าให้กับผู้ติดตาม Instagram ของเธอจำนวน 422,000 คน และเพจ Facebook ที่มียอดไลก์กว่า 500,000 ไลก์ ส่วนช่อง YouTube ก็มีผู้ติดตามถึง 246,000 คน โดยวิดีโอบางคลิปมียอดวิวกว่า 1 ล้านวิว

ในฐานะตลกหญิงคนแรกของประเทศ Khan กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วบ้านทั่วเมืองในหมู่วัยรุ่นบังกลาเทศเรื่องวิดีโอที่ตลกขบขันของเธอบางคลิปก็เป็นวิดีโอเสียดสี พูดถึงปัญหาสังคมและสังคมที่มีแบบแผนตายตัว ขณะที่วิดีโออื่นๆ เป็นคลิป Khan กำลังร้องเพลง ลิปซิงก์ หรือแสดงโฆษณาทีวีเก่าๆ แม้เคยปลุกกระแสไปทั่วประเทศจากการนำภาษาเบงกาลีไปใช้แบบไม่เป็นทางการ

หนังสือเล่มแรกของ Khan ชื่อ Bandhobi (คำแสลงของชาวบังกลาเทศที่หมายถึง “แฟนสาว”) ซึ่งเขียนเป็นภาษาอังกฤษ แต่เสริมด้วยการแสดงความคิดความรู้สึกเป็นภาษาเบงกาลี ได้บันทึกเรื่องราวชีวิตของหญิงสาวอายุน้อย 9 คนในกรุง Dhaka และได้กลายเป็นหนังสือขายดีบนเว็บไซต์ Rokomari.com ร้านหนังสือออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในบังกลาเทศ

Khan ได้รับเลือกจากองค์การยูนิเซฟ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018 ในฐานะ Youth Ambassador เพื่อเป็นกระบอกเสียงเรื่องสิทธิเด็ก วางแผนทำสิ่งที่เธอรักต่อไป เธอบอกว่า “การได้อยู่หน้ากล้องทำให้ฉันมีความสุข และคอนเทนต์ของฉันก็ทำให้คนมีความสุขด้วย ซึ่งนั่นเป็นโบนัสละ”-- Rana Wehbe รายงาน

กรรมการตัดสิน: CHANTAL ABOUCHAR (ออสเตรเลีย), ผู้ก่อตั้ง และซีอีโอ THE STUDIO • PATRICK GROVE (สิงคโปร์), ผู้ร่วมก่อตั้ง และซีอีโอกลุ่ม CATCHA GROUP

ภาพ: SARKER PROTICK

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/asia/see-mode-%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%84.html">See-Mode สตาร์ทอัพสิงคโปร์ผู้คิดค้นซอฟต์แวร์ตรวจความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง</a>

<hr />

<a href="https://bit.ly/3dp757n">คลิกอ่านฉบับเต็ม ทำเนียบ 30 UNDER 30 ASIA ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-29538" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/05/COVER_750.jpg" alt="" width="300" height="394" />

2 ผู้ประกอบการพลังหญิง จากทำเนียบ 30 UNDER 30 ASIA ประจำปี 2020

<h2>ไวซ์ไซท์เปิดเทรนด์โซเชียลมีเดียไตรมาสแรกปี 2562 แบรนด์รุมทำตลาดบนโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้น เจาะลึกช่องทาง Facebook-Instagram จำนวนโพสต์เพิ่มแต่ engagement ต่ำลง ขณะที่ Twitter-YouTube โตสวนทาง ด้านการใช้ Influencers ทำการตลาดแบรนด์ แนะเพิ่มน้ำหนักเลือกใช้อย่างมีประสิทธิภาพ</h2>
กล้า ตั้งสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลบนโซเชียลมีเดีย เปิดเผยเทรนด์สำคัญการตลาดดิจิทัลช่วง 4 เดือนแรกปี 2562 พบว่า แบรนด์มากกว่า 1,000 แบรนด์เข้ามาทำตลาดบนโซเชียลมีเดียมากขึ้น โดยมีจำนวนโพสต์กว่า 195,000 โพสต์ซึ่งเพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่มี engagement 130 ล้านครั้ง ซึ่งต่ำลง -18% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

เมื่อเจาะลึกในช่องทางโซเชียลมีเดีย 4 ช่องทางหลัก พบว่าช่องทางทำตลาดของแบรนด์กับแพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคมีส่วนร่วมหรือ engagement สูงนั้นสวนทางกัน โดยแบรนด์เน้นทำตลาดใน Facebook กับ Instagram สูงขึ้น มีจำนวนโพสต์ในช่องทางดังกล่าวเพิ่มขึ้น 22% และ 93% ตามลำดับ แต่ engagement ใน Facebook กลับต่ำลง -14% และใน Instagram ต่ำลง -47%

ขณะที่ช่องทาง Twitter แบรนด์มีการโพสต์ลดลง -11% แต่ผู้บริโภคมี engagement สูงขึ้นถึง 52% ปิดท้ายที่ช่องทาง YouTube แบรนด์มีการโพสต์เพิ่มขึ้นเพียง 3% แต่ผู้บริโภคมี engagement สูงขึ้น 38% จะเห็นได้ว่าแพลตฟอร์มที่แบรนด์ใช้มากขึ้น กับแพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคใช้งานและมีส่วนร่วมนั้นแตกต่างกัน

<figure><img class="wp-image-8179 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/โซเชียลมีเดีย-เทรนด์-1Q2019.jpg" alt="" width="800" height="316" /><figcaption> ข้อมูลจำนวนโพสต์และ engagement ของแบรนด์ที่ทำการตลาดบนโซเชียลมีเดีย ช่วง 4 เดือนแรกปี 2562 วิเคราะห์โดย ไวซ์ไซท์</figcaption></figure>

&nbsp;
<h2>Facebook-Instagram จำนวนผู้ใช้ลด อัลกอริธึมลดการมองเห็น</h2>
กล้าวิเคราะห์ว่า เหตุผลที่ Facebook และ Instagram มี engagement ที่ตกลงน่าจะมาจากหลายปัจจัย ส่วนแรก มาจากจำนวนผู้ใช้ของสองแพลตฟอร์มนี้แม้จะมีมาก (Facebook มีผู้ใช้ 53 ล้านคน และ Instagram 13 ล้านคน) แต่การเติบโตเริ่มชะลอลง ในขณะที่แบรนด์เข้ามาทำตลาดสูงขึ้น

“เป็นไปตามหลักดีมานด์ซัพพลายเลย คือซัพพลายเพิ่มแต่ดีมานด์ไม่เพิ่ม แพลตฟอร์มย่อมต้องเกลี่ยการเข้าถึงโพสต์นั้นๆ ลดลง” กล้ากล่าว

ส่วนที่สอง คือการปรับอัลกอริธึมของ Facebook ที่เน้นน้ำหนักให้กับโพสต์ของเพื่อนมากกว่าโพสต์จากหน้าเพจหรือแบรนด์ ส่วนสุดท้าย คือปัจจัยพฤติกรรมผู้บริโภค พบว่าผู้ใช้มี engagement เป็นการกดไลก์มากที่สุด รองลงมาเป็นการแชร์ และแสดงความคิดเห็นน้อยที่สุด ต่างจากยุคก่อนที่จะมีการแสดงความคิดเห็นมากกว่าการแชร์ อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แบรนด์ปรับคอนเทนต์มาตอบสนองพฤติกรรมไม่ทันท่วงทีและได้ engagement น้อยลง

<figure><img class="wp-image-8180 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/WISESIGHT-BASE33-401-e1559044568353.jpg" alt="" width="800" height="533" /><figcaption> กล้า ตั้งสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด</figcaption></figure>

“มองว่าตอนนี้แบรนด์เริ่มตระหนักแล้วว่า engagement มีปัญหาและกำลังพยายามปรับแก้กันอยู่ ตอนนี้คอนเทนต์ที่ขึ้นมาไม่ว่าจะเป็น organic หรือไม่ ต้องเป็นคอนเทนต์ที่คนอยากเห็น”

&nbsp;
<h2>Twitter ยังฝุ่นตลบ ค้นหาสูตรสำเร็จการใช้งาน</h2>
ขณะที่ Twitter ดูจะเป็นดินแดนสนธยาสำหรับแบรนด์ต่างๆ ในการใช้เป็นช่องทางทำตลาด เพราะแม้ว่าจำนวนผู้ใช้จะเพิ่มขึ้นเป็น 9.5 ล้านคน (Twitter เองประกาศว่าแพลตฟอร์มนี้โต 35-55% ในช่วงปี 2560-61) แต่เห็นได้ว่าแบรนด์ยังไม่บุกช่องทางนี้อย่างเต็มตัว
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/it/twitter-%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%95.html">Twitter ไทยโตเร็วที่สุดในอาเซียน! รุกหนักจีบพันธมิตรสื่อเปิดช่องลงโฆษณา</a></li>
</ul>
“Twitter เป็นช่องทางที่ต่างจาก Facebook กลุ่มผู้ใช้ยังแคบกว่า และมีความซับซ้อนน้อยกว่าเพราะบัญชีส่วนใหญ่ตั้งค่าเป็นสาธารณะ หน้า timeline ก็ไหลขึ้นมาตามเวลา ลักษณะการตอบโต้ไม่ใช่การ comment แต่เป็นการใช้ hashtag เพื่อคุยในหัวข้อเดียวกัน ทั้งเอเจนซี่โฆษณาและแบรนด์อาจจะยังหาทางสร้างคอนเทนต์ให้เหมาะสมอยู่ ถือเป็นแพลตฟอร์มที่เพิ่งเติบโตขึ้นมาก็ยังต้องใช้เวลาเรียนรู้”

กล้ากล่าวพร้อมเสริมว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี ยังไม่มีแบรนด์ไหนที่สร้าง engagement สูงสุดได้ติดต่อกันเกิน 1 เดือนบนแพลตฟอร์มนี้ ทุกแบรนด์ยังมีโอกาสแข่งขันในการทำตลาด

&nbsp;
<h2>แนะแบรนด์ทำงานละเอียดก่อนจ้าง Influencers</h2>
สำหรับ Influencers ในโซเชียลมีเดียที่ไวซ์ไซท์มีการติดตามและประเมินประสิทธิภาพอยู่มากกว่า 1,000 ราย พบว่ายังเป็นช่องทางทำตลาดที่มีประสิทธิภาพ โดย Influencers เหล่านี้มีการโพสต์รวมกัน 449,000 โพสต์ และมี engagement ถึง 1.321 พันล้านครั้ง เห็นได้ว่า Influencers มีจำนวนโพสต์ที่มากกว่าแบรนด์เป็นเท่าตัวและมี engagement มากกว่าถึงสิบเท่า

อย่างไรก็ตาม ไวซ์ไซท์ได้วิเคราะห์และวัดประสิทธิภาพของ Influencers โดยให้มูลค่ากับการ engagement และอารมณ์ความรู้สึกของผู้บริโภคด้วย ทำให้พบว่า Influencers ที่มีจำนวนผู้ติดตามมากหรือจำนวนโพสต์มาก ไม่ได้หมายถึงการ engagement ที่มากตามไปด้วย

<figure><img class="size-full wp-image-8181" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/Influencers-เทรนด์-1Q2019.jpg" alt="" width="800" height="388" /><figcaption> เปรียบเทียบ Influencers ที่มีการโพสต์มากที่สุด กับ Influencers ที่มี engagement มากที่สุด เห็นได้ว่าอาจเป็นคนละกลุ่มกัน</figcaption></figure>

นอกจากนี้ Influencers แต่ละคนมีบุคลิกและกลุ่มผู้ติดตามที่แตกต่างกัน ซึ่งแบรนด์ควรคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ประกอบก่อนว่าจ้างเพื่อให้สื่อสารสินค้าไปได้ตรงกลุ่มเป้าหมายและได้ engagement ที่ดีกลับมา
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/leaderboard/thailand-leaderboard/online-influencers-%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9B.html">10 สุดยอด Online Influencers ประเทศไทย ปี 2562</a></li>
</ul>
“หลายคนเลือก Influencers ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก และพยายามให้ทำคอนเทนต์ที่ไม่เข้ากับบุคลิกของ Influencers ซึ่งทำให้สิ่งที่ได้กลับมาต่อการลงทุนไม่คุ้มค่า ยกตัวอย่างกลุ่มสัตว์เลี้ยง Influencers เลี้ยงแมวขนยาว กลุ่มผู้ติดตามก็เลี้ยงแมวแบบเดียวกัน แต่สินค้าที่นำเสนอเป็นผลิตภัณฑ์ของแมวขนสั้น ก็อาจจะไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ไม่ช่วยเร่งยอดขาย” กล้ากล่าว

“คิดว่าตลาด Influencers ยังโตได้อีกมาก แต่ต้องมีระบบนิเวศที่ส่งเสริมกันและกัน คนดูไม่ต้องการถูก manipulate ให้เห็นสิ่งที่ไม่ต้องการเห็นบ่อยๆ ซึ่งทั้งแบรนด์และ Influencers ต้องระมัดระวังจุดนี้”

<figure><img class="size-full wp-image-8182" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/05/Influencers-average-engagement-เทรนด์-1Q2019.jpg" alt="" width="800" height="268" /><figcaption> ชาร์ตแสดงจำนวน engagement เฉลี่ยต่อโพสต์สำหรับแต่ละแพลตฟอร์ม ซึ่งมีเพียง 20% ของ Influencers ระดับท็อปของเมืองไทยที่สามารถสร้าง engagement ได้สูงกว่าค่าเฉลี่ย</figcaption></figure>

&nbsp;

Forbes Facts
<ul>
 	<li>ไวซ์ไซท์เพิ่งย้ายออฟฟิศใหม่มายัง BASE33 บนตึกซันทาวเวอร์ส พื้นที่ 1,200 ตารางเมตร โดยมีพนักงานราว 160 คน ส่วนออฟฟิศที่มาเลเซียก็มีการปรับปรุงใหม่ในชื่อ BASE29 มีพนักงานหลากภาษา 30-40 คนครอบคลุม 7 ประเทศอาเซียน</li>
 	<li>บริษัทยังออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือ Command Center ขายแพ็กเกจจอมอนิเตอร์ติดตามเทรนด์บนโซเชียลมีเดีย เป็นการนำข้อมูลจากเครื่องมือ Zocial Eye มาขึ้นบนจอเพื่อใช้ตกแต่งออฟฟิศ และเตรียมเปิดบ้าน อบรมการวิเคราะห์และใช้งานดาต้า ทั้งคอร์สฟรีและคอร์สมีค่าใช้จ่าย</li>
</ul>
&nbsp;

โพสต์มากขึ้นแต่ engagement ต่ำลง! ไวซ์ไซท์ชี้เทรนด์สร้างแบรนด์บน Facebook แข่งดุ

<h2>“Markiplier” นับเป็นตัวแทนของ YouTuber รายได้ระดับท็อปบนโลกใบนี้ที่เริ่มต้นจากการเล่นเกมหรือทำอะไรตลกๆ ไร้สาระ แต่ตอนนี้กำลังต่อยอดไปสู่สินค้ากำไรมหาศาล การเดินสายทั่วโลก และอื่นๆ อีกมากมาย</h2>
พันธมิตรร่วมกับแบรนด์ ไลน์เสื้อผ้า แฟนคลับนับล้าน สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียงอาณาบริเวณของนักกีฬาหรือคนดังระดับเอลิสต์ แต่ตอนนี้ได้รวม “Markiplier” เข้าไปด้วย เขาเป็นหนึ่งใน YouTuber รายได้สูงที่สุดในโลก ผู้กวาดยอดเงินไปได้ 17.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงเก็บคะแนน 12 เดือนของเรา

ชาวฮาวายผู้นี้ (ชื่อจริง: Mark Fischbach) เปิดช่อง YouTube ของเขาในปี 2012 เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษาด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ที่ University of Cincinnati เขาเคยผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากมาก่อน นั่นคือ การเลิกกับแฟนสาว ถูกไล่ออกจากงานออฟฟิศและต้องตัดเนื้องอกที่ต่อมหมวกไตออก ซึ่งหมอพบตอนผ่าตัดไส้ติ่งให้เขา

“ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกว่าผมไม่สามารถควบคุมอะไรในชีวิตได้ ผมจึงต้องทำบางอย่าง” Fischbach วัย 29 ปี ซึ่งตอนนี้อาศัยอยู่ที่ Los Angeles กล่าว ในตอนแรก เขาอัดเสียงพูดแบบสั้นๆ เพื่อฝึกฝนสำหรับการทำงานพากย์เสียง แต่ในไม่ช้าเขาก็ได้ค้นพบผู้ชมผ่านคลิปที่เขาเล่นวิดีโอเกมขณะแสดงความเห็นเชิงตลกปนเสียดสีไปด้วย

ไม่คิดว่าการดูใครบางคนเล่นเกม PS4 ฟังดูน่าสนุกงั้นหรือ ยอดผู้ติดตาม Markiplier จำนวน 22.4 ล้านคนบน YouTube ซึ่งทำยอดวิว 1 หมื่นล้านวิวจากงานของเขา ขอเห็นค้าน ที่จริงแล้ว Fischbach คือ 1 ใน 5 เกมเมอร์ในรายชื่อ Top 10 บน YouTube โดยดารา YouTube 10 อันดับแรก มีรายได้รวมกัน 180.5 ล้านเหรียญในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 42% จากปี 2017 นั่นเท่ากับเป็นการจ่ายเงินให้เล่น เมื่อเทียบกับคอนเทนต์ YouTube ประเภทอื่นๆ ทั่วไปคลิปเล่นเกมสามารถผลิตและตัดต่อได้อย่างรวดเร็ว

เกมเมอร์บางรายโพสต์คลิปใหม่ๆ ทุกวัน ยิ่งโพสต์มากก็หมายถึงคนดูยิ่งเพิ่มขึ้นตามมาซึ่งแน่นอนว่าเงินจากโฆษณาก็มากขึ้น (เรทราคาของคนดังออนไลน์ระดับต้นๆ นั้น Forbes คาดการณ์ว่าอยู่ที่ประมาณ 5 เหรียญต่อยอดวิว 1,000 วิว) อีกเรื่องที่ช่วยเช่นกันก็คือผู้ชมอายุน้อยกลุ่มเดิม ซึ่งเมินโทรทัศน์แล้วหันมาดู YouTube เป็นกลุ่มคลั่งไคล้วิดีโอเกม

“เมื่อ 10-15 ปีก่อน การเล่นเกมไม่ใช่เรื่องเจ๋ง คุณไม่ได้เล่นเกมเพราะมันเจ๋ง แต่คุณเล่นเพราะคุณชอบ” David Huntzinger ตัวแทนฝ่ายคนดังดิจิทัล จาก WME กล่าว “ตอนนี้คุณมี Drake อยู่บน Twitch และเล่นเกม Fortnite และเหล่านักกีฬา (อาชีพ) อยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งบอกว่าพวกเขาไม่สามารถหยุดเล่นเกม Xbox ได้ นั่นคือสิ่งที่เด็กๆ พวกนั้นมีชีวิตอยู่ด้วยและหายใจซึมซับเข้าไป”

เช่นเดียวกับนักธุรกิจคนดังผู้ยอดเยี่ยมคนอื่นๆ Fischbach ทำอะไรหลายอย่าง เช่น ร่วมก่อตั้ง Cloak ไลน์เสื้อผ้าสไตล์แอธลีเชอร์กับเพื่อนสมาชิกในลิสต์คนดังคือ Seán Mcloughlin หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “Jacksepticeye” (อันดับ 8, รายได้ 16 ล้านเหรียญ) ไลน์เสื้อผ้าออกกำาลังกายนั้นรวมถึงเสื้อสเวตเตอร์ราคา 85 เหรียญ และเสื้อยืด 35 เหรียญ แม้ว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจออกกำลังกายอะไรไปมากกว่านิ้วหัวแม่มือ แฟนๆ ก็ต่างตบเกียร์เร่งเครื่องซื้อจนสินค้ารอบก่อนจำหน่ายจริงขายหมดภายใน 48 ชั่วโมง

สินค้ากลายเป็นแหล่งรายได้สำคัญมากยิ่งขึ้นสำหรับดาราดิจิทัลตัวท็อปเหล่านี้ เกือบทั้งหมดนั้นอยู่ในช่วงอายุราว 20 และ 30 ปี แต่ละคนล้วนมีสินค้าของตัวเองซึ่งยอดขายสะพัดของสินค้าช่วยให้รายได้เพิ่มขึ้นมา 42% จากเมื่อปี 2017

“ผมสร้างชุมชนขนาดใหญ่นี้ขึ้น และเราสร้างเสียงหัวเราะให้คนมากมาย” Fischbach กล่าว เขามองว่า Cloak เป็นก้าวแรกสู่อาณาจักรที่สร้างขึ้นจากทรัพย์สินที่จับต้องได้มากกว่าการอัปโหลดวิดีโอ

สำหรับในตอนนี้ คลิปเล่นเกมทั้งหมดทำหน้าที่เหมือนตัวคูณกำลังรบสำหรับชายที่รู้จักกันในชื่อว่า Markiplier เช่นเดียวกับนักธุรกิจที่ชาญฉลาดคนอื่นๆ เขากำลังคิดไปข้างหน้า “ผมคงจะไม่สามารถทำวิดีโอบน Youtube ได้ตลอดไป” เขากล่าว “ผมต้องวางแผนสำหรับอนาคต”

<hr />

<a href="https://bit.ly/2Vz02jN">ติดตามอ่านฉบับเต็ม "การจัดอันดับ YouTube Stars" ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ มีนาคม 2562 และติดตามได้ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="https://bit.ly/2Vz02jN"><img class="alignnone wp-image-6384 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/04/-e1554115232435.jpg" alt="" width="250" height="328" /></a>

"Mark Fischbach" YouTuber รายได้ระดับท็อปบนโลกใบนี้

<h2>AnyMind Group ประกาศการเข้าซื้อกิจการส่วนใหญ่ของ Moindy Digital Co Ltd หรือ Moindy จาก บริษัท ทีวี ธันเดอร์ จำกัด (มหาชน) (TV Thunder) ด้าน Kosuke Sogo ประธานผู้บริหารเผยผลการระดมทุน Series B Plus จำนวน 8 ล้านเหรียญฯ</h2>
Kosuke Sogo ประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง AnyMind Group พร้อมผู้บริหารระดับสูง เผยการจบดีล Moindy โดยไม่เปิดเผยตัวเลข ด้วยความเชี่ยวชาญและทรัพย์สินต่างๆ ของ Moindy จะอยู่ในภายใต้การบริหารงานของ CastingAsia บริษัทที่พัฒนาแพลตฟอร์มการตลาดแบบครบวงจรโดยใช้ AI ขับเคลื่อนการทำงานในกลุ่ม AnyMind Group

“การเข้าซื้อกิจการ Moindy ทำให้เรามีความเชี่ยวชาญในการสร้างเครือข่ายอินฟลูเอนเซอร์และการบริหารจัดการคนที่มีความสามารถ และการเปิดตัว CastingAsia Creators Network ช่วยให้เราสามารถให้บริการด้านการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์ครบวงจรครอบคลุมทุกการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ” Kosuke Sogo ประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง AnyMind Group กล่าว

ด้าน พันธ์ศักดิ์ ลิ้มวัฒนายิ่งยง กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง Moindy อธิบายเพิ่มเติมว่า Moindy เริ่มต้นขึ้นในปี 2547 ในชื่อเดิมคือ Mobile Indy เพื่อช่วยเหลือค่ายเพลงอิสระและนักดนตรีสร้างรายได้จากเพลงผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างๆ โดยปี 2557 บริษัทเริ่มธุรกิจเครือข่ายหลายช่องทาง (MCN) ของ Youtube

“ปี 2560 บริษัทถูกซื้อกิจการโดย บริษัท ทีวีธันเดอร์ จำกัด (มหาชน) และเปลี่ยนชื่อเป็น Moindy พร้อมขยายไปยังช่องทางเพิ่มเติมรวมถึงการออกอากาศทางโทรทัศน์และผู้มีชื่อเสียง ปัจจุบัน Moindy มีช่องทาง YouTube และ LineTV มากกว่า 500 ช่องในเครือข่ายของบริษัท และมีสมาชิกผู้ติดตามมากกว่า 30 ล้านราย มีจำนวนการดูกว่า 600 ล้านครั้งต่อเดือน” พันธ์ศักดิ์ ลิ้มวัฒนายิ่งยง กล่าวเสริม

ด้าน พิรัฐ เย็นสุดใจ รองประธานบริหารของ TV Thunder เผยว่า “ด้วยการบุกเบิก TV Thunder ในการให้บริการด้านเนื้อหาสำหรับอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัลในประเทศไทยเป็นเวลากว่า 27 ปี เรามั่นใจว่าประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของเราในอุตสาหกรรมโทรทัศน์จะสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยม การทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนา KOL (Key Opinion Leader) หรือ อินฟลูเอนเซอร์ สำหรับ CastingAsia และ Moindy”

ปัจจุบันแพลตฟอร์ม CastingAsia มีฟังก์ชั่นการค้นหาโดยขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ช่วยให้นักการตลาดสามารถค้นหาอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสมตรงตามความต้องการกับแคมเปญและแบรนด์ พร้อมเสริมด้วย CastingAsia Marketplace ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับอินฟลูเอนเซอร์ในการลงทะเบียนสำหรับแคมเปญ แพลตฟอร์มนี้ยังสนับสนุนการจัดการของอินฟลูเอนเซอร์ และการสื่อสารบนโซเชียลมีเดีย พร้อมกับการรายงานผลและติดตามแคมเปญ

<figure><img class="wp-image-5754 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/03/AnyMind-02.jpg" alt="anymind group" width="638" height="359" /><figcaption> จากขวา พิรัฐ เย็นสุดใจ รองประธานบริหารของ TV Thunder, พันธ์ศักดิ์ ลิ้มวัฒนายิ่งยง กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง Moindy,  ศิวัตม์ วิลาสศักดานนท์ กรรมการบริหารของ Moindy และ กรรมการผู้จัดการของ CastingAsia Creators   Kosuke Sogo ประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง AnyMind Group</figcaption></figure>

ด้าน ศิวัตม์ วิลาสศักดานนท์ กรรมการบริหารของ Moindy และ กรรมการผู้จัดการของ CastingAsia Creators เผยว่า การจบดีลครั้งนี้จะช่วยเสริมการทำงานโดยการดึงจุดเด่นของทั้งสองบริษัทมาใช้ โดยการใช้ AI ในการประมวลผล ส่วนเครือข่ายอินฟลูเอนเซอร์ ของ Moindy เองนั้น มีทุกระดับ ตั้งแต่ระดับไมโคร-อินฟลูเอนเซอร์, แมคโคร-อินฟลูเอนเซอร์

“อินฟลูเอนเซอร์ แม้จะไม่มีฐานแฟนจำนวนมาก แต่คีย์ความสำคัญคือเขามีสัดส่วนสำคัญในการเกิดซื้อสินค้าที่บรรดาอินฟลูเอนเซอร์เหล่านั้นเลือกใช้ โดย Moindy ทำหน้าช่วยปั้นให้อินฟลูเอนเซอร์เติบโตในแง่คุณภาพและฐานแฟน ให้ก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นไป ด้วยระบบสัญญา เราและ KOL จะแบ่งรายได้ต่อกัน เรามี อินฟลูเอนเซอร์ ที่มีชื่อเสียงอาทิ ดีเจเพชรจ้า, โจ๊กโซลคูล เป็นต้น ปัจจุบันเราแบ่ง อินฟลูเอนเซอร์ ราว 25 ประเภท”

การเปลี่ยนแปลงจากทีวีแบบดั้งเดิมไปเป็น YouTube และแพลตฟอร์มการรับชมอื่นๆ รวมถึงการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์นั้นเป็นแนวโน้มทิศทางการตลาดของทั่วโลก ด้วยสำนักงานกว่า 13 แห่งใน 11 ประเทศ พร้อมทีมสนับสนุนในตลาดส่วนท้องถิ่นเหล่านั้น CastingAsia Creators Network จึงเติบโตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นอกจากนี้ CastingAsia ยังเปิดตัวเครือข่าย CastingAsia Creators Network ในประเทศไทย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย พร้อมจะมีการขยายตลาดไปสู่ตลาดที่มีการดำเนินการของ CastingAsia รวมถึง ฮ่องกง, ไต้หวัน และ ญี่ปุ่น

ภายในปีนี้ CastingAsia จะมีอินฟลูเอนเซอร์ทั้งในระดับ Micro และ Macro มากกว่า 35,500 คนในตลาด 17 แห่ง โดยมีผู้ติดตามรวมกว่า 180 ล้านคน ใน Facebook, Instagram, YouTube, LINE และ Twitter

“ในที่สุดแล้วเราต้องการสนับสนุนและยกระดับระบบธุรกิจการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์ในเอเชียด้วยเครื่องมือทางเทคโนโลยีที่ครอบคลุมสำหรับนักการตลาด และเป็นพื้นฐานสำหรับอินฟลูเอนเซอร์ที่จะเติบโตต่อไป พร้อมให้ความรู้สร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรม เพื่อความปลอดภัย, ความโปร่งใส และเพื่อการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์ที่มีประสิทธิภาพ” Kosuke Sogo ประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง AnyMind Group กล่าว

ทั้งนี้ Kosuke Sogo กล่าวเพิ่มเติมถึงการระดมทุน Series B Plus จำนวน 8 ล้านเหรียญฯ จาก VGI Global Media  Plc (VGI) และ Tokyo Century Corporation “การระดมทุนในรรอบ Series B มีมูลค่ารวมกว่า 21.4 ล้านเหรียญสหรัฐ และเงินทุนทั้งหมดในปัจจุบันเป็น 35.9 ล้านเหรียญสหรัฐ นักลงทุนรายใหม่ ได้แก่ VGI Global Media  Plc (VGI) ผู้ให้บริการโซลูชั่นส์ออฟไลน์สู่ออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มโฆษณา แพลตฟอร์มชำระเงิน และแพลตฟอร์มโลจิสติกส์และ Tokyo Century Corporation บริษัทให้บริการด้านการเงินของญี่ปุ่น”

AnyMind Group เข้าซื้อกิจการ Moindy เครือข่ายอินฟลูเอนเซอร์ไทย

<h2>เวทีรางวัลแบรนด์และคนดังบนโลกออนไลน์และ 'โซเชียลมีเดีย' ประจำปี 2019 พบกับสุดยอดแบรนด์ คนดัง และอินฟลูเอนเซอร์ประจำปีนี้ จากการวัดผลข้อมูลโดย ไวซ์ไซท์</h2>
บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานประกาศรางวัลโซเชียลมีเดียประจำปี 2019 Thailand Zocial Awards 2019 จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 7

โดย Forbes Thailand รายงานผลรางวัลสำคัญ 3 กลุ่ม ได้แก่ รางวัลแบรนด์ที่ทำผลงานบนโซเชียลมีเดียยอดเยี่ยม แบ่งตามกลุ่มธุรกิจ 24 หมวด, รางวัลคนบันเทิงบนโซเชียลมีเดียยอดเยี่ยม 11 รางวัล และ รางวัลผู้มีอิทธิพล (Influencer) บนโซเชียลมีเดียยอดเยี่ยม 11 รางวัล นอกจากนี้ ไวซ์ไซท์ยังจัดรางวัลพิเศษอื่นๆ อีกหลากหลายรางวัลเพื่อนำเสนอผลงานการทำแคมเปญและการใช้โซเชียลมีเดียทำการตลาดได้อย่างน่าประทับใจในรอบปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ไวซ์ไซท์มีการใช้ Wisesight Metric ในการประมวลผลแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ 1.Brand Metric เพื่อวัดความสามารถของแบรนด์บนโซเชียลมีเดีย 2.Influencer Metric เพื่อวัดความสามารถของ Influencer บนโซเชียลมีเดีย และ 3.Entertainment Metric เพื่อวัดความสามารถของนักแสดง นักร้อง ภาพยนตร์ ละคร และรายการโทรทัศน์บนโซเชียลมีเดีย

ทั้งหมดจะใช้องค์ประกอบในการวัดผลคือ Fans ปริมาณการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย, Interactions วัดประสิทธิภาพความสนใจต่อเนื้อหา, Shares วัดระดับการกระจายเนื้อหา, Growth วัดการเพิ่มขึ้นของจำนวนกลุ่มเป้าหมาย, Sentiments วัดความรู้สึกของลูกค้าที่ตอบสนอง และอีกหนึ่งส่วนที่เพิ่มมาในปีนี้คือ Voices วัดการรับรู้และพูดถึงแบรนด์จากการทำกิจกรรมบน โซเชียลมีเดีย

&nbsp;

รางวัลแบรนด์ที่ทำผลงานบนโซเชียลมีเดียยอดเยี่ยม แบ่งตามกลุ่มธุรกิจ 24 หมวด

1.สายการบิน: ไทยแอร์เอเชีย

2.ยานยนต์: ฟอร์ด

3.ธนาคาร: ไทยพาณิชย์

4.สถาบันความงาม: วี สแควร์ คลินิก

5.เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์: ช้าง เวิลด์

6.เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์: เอส โคล่า

<img class="alignnone size-full wp-image-5152" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/Zocial-Award-Best-Brand-Performace-2019-1-1-1.jpg" alt="" width="800" height="480" />

7.ร้านอาหารเครือข่าย: KFC

8.เครื่องสำอาง: ทเวลฟ์ พลัส

9.ร้านเครื่องดื่มและขนม: สเวนเซ่นส์

10.อี-มาร์เก็ตเพลซ: ช็อปปี้

11.อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์: OPPO

12.ผู้ให้บริการทางการเงิน Non-Bank: กรุงศรี เฟิร์สชอยส์

<img class="alignnone size-full wp-image-5153" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/Zocial-Award-Best-Brand-Performace-2019-2-e1551348079969.jpg" alt="" width="800" height="480" />

13.สินค้าบริโภค FMCG: เบสท์ฟู้ด

14.หน่วยงานและองค์กรของรัฐ: สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)

15.เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านและสำนักงาน: ฮาตาริ

16.โรงพยาบาล: รพ.บำรุงราษฎร์

17.ซูเปอร์มาร์เก็ต-ค้าปลีก: เทสโก้ โลตัส

18.ประกัน: ไทยประกันชีวิต

<img class="alignnone size-full wp-image-5154" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/Zocial-Award-Best-Brand-Performace-2019-3-e1551348107649.jpg" alt="" width="800" height="480" />

19.แม่และเด็ก: เบบี้ มายด์

20.ของใช้ส่วนตัว: ซันซิลค์

21.อสังหาริมทรัพย์: แสนสิริ

22.ศูนย์การค้า: เกษร วิลเลจ

23.ของหวานและขนม: ไอศกรีมคอร์นเนตโต้

24.โทรคมนาคม: AIS

<img class="alignnone size-full wp-image-5155" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/Zocial-Award-Best-Brand-Performace-2019-4-e1551348132486.jpg" alt="" width="800" height="480" />

&nbsp;

รางวัลคนบันเทิงบนโซเชียลมีเดียยอดเยี่ยม 11 หมวด

<img class="alignnone size-full wp-image-5158" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/IMG_20190228_173823-e1551356745735.jpg" alt="" width="800" height="600" />

1.นักแสดงชาย: โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ

2.นักแสดงหญิง: เบลล่า ราณี แคมเปน

3.ศิลปินคู่หรือกลุ่ม: BNK48

4.นักร้องหญิง: ต่าย อรทัย

5.นักร้องชาย: เป๊ก ผลิตโชค

6.พิธีกรและดีเจ: โอปอล์ ปาณิสรา อารยะสกุล

7.รายการบนแพลตฟอร์มออนไลน์: This is me VATANIKA

8.ภาพยนตร์ไทย: โฮมสเตย์

9.รายการข่าวโทรทัศน์ไทย: เรื่องเล่าเช้านี้

10.ละครไทย: บุพเพสันนิวาส

11.รายการโทรทัศน์ไทย: THE RAPPER

&nbsp;

รางวัลผู้มีอิทธิพล (Influencer) บนโซเชียลมีเดียยอดเยี่ยม 11 หมวด

<img class="alignnone size-full wp-image-5159" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/IMG_20190228_192139_1-e1551356783245.jpg" alt="" width="800" height="600" />

1.ความงามและแฟชั่น: Nune Noppaluck

2.การเงิน: ลงทุนแมน

3.สุขภาพและการออกกำลังกาย: Bebe Fit Routine

4.อาหาร: Starvingtime

5.เกมมิ่ง: กิต งายย

6.เทคโนโลยีและดิจิทัล: Ceemeagain

7.ไลฟ์สไตล์: Sunbeary

8.ครอบครัวและเด็ก: ชูใจ แฟมิลี่

9.สัตว์เลี้ยง: Gluta Story

10.วิจารณ์สังคม: อีจัน

11.ท่องเที่ยว: ชิลไปไหน

&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="http://forbesthailand.com/news/other/%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94-bnk48.html">ช่องว่างการตลาดและหัวใจแฟนคลับที่ "BNK48" ค้นพบ</a></li>
 	<li><a href="http://forbesthailand.com/world/celeb-100-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94-10-%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4.html">CELEB 100: 10 อันดับคนดังทำเงินสูงสุด ปี 2018</a></li>
</ul>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events