<h2>มูจิ ประเทศญี่ปุ่น สั่งลุยเปิดสาขาในไทยอีกเกือบเท่าตัว ตั้งเป้าทะลุ 70 แห่งภายใน 3 ปีหน้า ชี้มูจิไทยอนาคตสดใสหลังปรับแผนตลาดเชิงรุกมา 3 ปีเต็ม ดันยอดขายสูงสุดในอาเซียน ล่าสุดใช้ไทยเป็นฐานพัฒนาสินค้ามูจิขายเฉพาะอาเซียน พร้อมเปิดคอนเซ็ปต์สโตร์แห่งใหม่ที่ One Bangkok ใหญ่ที่ 2 ในอาเซียน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มูจิเข้ามาทำตลาดในเมืองไทย 18 ปีด้วยการร่วมทุนกับกลุ่มเซ็นทรัล ด้วยภาพลักษณ์สินค้าราคาพรีเมียม จึงเข้าถึงลูกค้าได้เฉพาะกลุ่มในช่วงแรกๆ ก่อนที่จะมีการปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา มีการปรับราคาสินค้าลงจากเดิม ตั้งทีมพัฒนาสินค้าสำหรับจำหน่ายให้ลูกค้าคนไทยมากขึ้น และล่าสุดในปีนี้ได้ใช้ไทยเป็นฐานพัฒนาสินค้าใช้ในครัวเรือน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ เพื่อส่งขายให้กับมูจิในอาเซียนด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในขณะเดียวกันก็มีการขยายสาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดถึง 14 แห่งในปี 2565-2567 โดยในปี 2565 มูจิเปิดสาขาใหม่ 4 สาขา และ 3 สาขาในปี 2566 ส่วนในปีนี้มีการเปิดตัวสาขาใหม่ไปแล้วถึง 7 สาขา​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/cvJVNPFG2xfRXNS9t74Q.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="3" data-file-name="cvJVNPFG2xfRXNS9t74Q.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การปรับกลยุทธ์ของมูจิใน 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ ‘มูจิ’ แบรนด์สินค้าที่มีภาพลักษณ์พรีเมียม ราคาสูง กลายมาเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงได้ทุกกลุ่มลูกค้า และเหนือความคาดหมายคือ ลูกค้าหลักของมูจิในปีนี้เป็นกลุ่มลูกค้าที่มีอายุ 25-34 ปี จากปีที่แล้วซึ่งฐานลูกค้าหลักเป็นกลุ่มอายุ 35-44 ปี นอกจากนี้ ยอดขายของมูจิที่มาจากกลุ่มลูกค้าอายุ 18 ปีมีการเติบโตกว่า 100 เปอร์เซ็นต์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญของมูจิในไทย และการที่มูจิในไทยเป็นตลาดกลยุทธ์ของมูจิในภาคพื้นนี้ ด้วยจำนวนสาขาและยอดขายที่สูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราจะเดินหน้าลงทุนเชิงรุกต่อเนื่อง ด้วยการเปิดมูจิในไทยให้ครบ 70 สาขาในอีก 3 ปีข้างหน้า การมีร้านมูจิสโตร์ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศไทย เป็นไปตามเป้าหมายในการเป็นแบรนด์สินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันของคนไทยทุกคน” อริญา พันธุมโกมล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ธุรกิจของมูจิจะเติบโตอย่างมาก หรือเพิ่มขึ้นกว่า 20% ใน 3 ปีที่ผ่านมา แต่บริษัทพบว่ายังมี pain point และความท้าทายที่ต้องเชิญต่อไป คือ การขายสินค้าที่เบสิก ทำให้ลูกค้าสามารถหาซื้อสินค้าพวกนี้จากที่ไหนก็ได้ และจะต้องทำอย่างไรให้ลูกค้าเชื่อใจและมั่นใจในสินค้าที่เป็นมาตรฐานญี่ปุ่นได้​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/1sGZVrnutEPsRksaYNVt.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="4" data-file-name="1sGZVrnutEPsRksaYNVt.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราเริ่มตั้งทีมการตลาด ขยายทีมการจัดการหน้าร้าน และทีม merchandise ทุกหมวดสินค้า และเริ่มผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและของใช้ในครัวเรือนที่เหมาะสำหรับคนไทยมากขึ้น ปัจจุบันสินค้าหมวดของใช้บ้านมีสินค้าที่พัฒนาเอง 10% และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 30% ในอนาคต” อริญาบอก​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/jeiujpvN8iBMjZwCBhbR.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="jeiujpvN8iBMjZwCBhbR.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="480,720"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทยังคงจะขยายตลาดเชิงรุกต่อไปในเมืองไทย โดย อกิฮิโร่ คาโมการิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทฯ กล่าวว่า บริษัทได้จัดงานเปิดตัวมูจิ คอนเซ็ปต์สโตร์สาขาล่าสุดที่ วัน แบงค็อก บนพื้นที่ 3,040 ตารางเมตร มีสินค้าและบริการที่ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ของการใช้ชีวิตทั้งสินค้าใหม่และไอเทมยอดนิยมกว่า 5,000 รายการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มูจิ วัน แบงค็อก เป็นสาขาที่ 38 มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่สองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากสิงคโปร์เพียงประเทศเดียว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“Muji One Bangkok เป็นไลฟ์สไตล์สโตร์ที่จะเติมเต็มประสบการณ์ช็อปปิ้งของคนเมืองมากกว่าการจับจ่ายใช้สอย แต่เป็นสถานที่ในการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างครบครันในทุกมิติ ไม่ต่างจากสาขาหลักในประเทศญี่ปุ่น” อกิฮิโร่กล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/esYDjEcSoK7XnjNsv4GD.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="5" data-file-name="esYDjEcSoK7XnjNsv4GD.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ มูจิ วัน แบงค็อก แบ่งพื้นที่เป็นโซนๆ ได้แก่ โซนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายซึ่งมีสัดส่วนการขายรวมกว่า 50% ของบริษัท โซนเครื่องใช้ในบ้านและเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน ที่มียอดขายรวมกว่า 47% โซน Health &amp; Beauty โซนขนมและอาหารสำเร็จรูป ซึ่งมีการเปิดตัวครั้งแรกของอาหารท้องถิ่นที่ผลิตในประเทศไทย อาทิ ขนมกุ้งกรอบ 6 รสชาติ รวมถึงผลไม้และขนมขบเคี้ยวกว่าหลายร้อยรายการ เป็นต้น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/gqsZyjHy1c9QvKv7XNJ3.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="gqsZyjHy1c9QvKv7XNJ3.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังมีโซน PET Products และโซน Grab &amp; Go เปิดบริการตั้งแต่ 07.00 น. นำเสนอสินค้าประเภทอาหาร เครื่องดื่ม กาแฟ เบเกอรี่ ทั้งแบบกึ่งสำเร็จรูป และแบบทำสดใหม่พร้อมรับประทาน อาทิ ข้าวเหนียวหมูปิ้ง, ข้าวปั้นโอนิกิริ (Onigiri) ชุดเบ็นโตะ เมนูขนมปัง และไอศกรีม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทได้เปิดตัวสเปซ “Open MUJI” เป็นครั้งแรกในประเทศไทยเพื่อใช้เป็นพื้นที่เปิดตัวและจำหน่ายสินค้าคอลเลกชั่นใหม่ คอลเลกชั่นพิเศษ รวมถึงใช้จัดแสดงนิทรรศการ กิจกรรมเวิร์กช็อป และกิจกรรมทางการตลาดหลากหลายรูปแบบ โดยมีวัตถุประสงค์ให้พื้นที่นี้สะท้อนแนวคิดของมูจิในการเชื่อมต่อกับลูกค้า สังคม และชุมชน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/jLbkJBUTKWQBYj8VdYDc.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="jLbkJBUTKWQBYj8VdYDc.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“มูจิ ประเทศไทย มุ่งการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการเปิดตัวคอนเซ็ปต์สโตร์ มูจิ วัน แบงค็อก และมูจิโดยรวม สู่กลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง โดยใช้ช่องทางและวิธีการสื่อสารหลากหลายรูปแบบทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ สื่อนอกบ้าน และเป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปีที่มูจิใช้อินฟลูเอนเซอร์และเซเลบริตี้ชื่อดังอย่าง อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ และโบว์-เมลดา สุศรี มาร่วมงานเปิดตัวสาขาอย่างเป็นทางการเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์การช็อปปิ้งรูปแบบใหม่ของสาขามูจิ วัน แบงค็อก” อริญา กล่าวทิ้งท้าย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/starbucks-reserve-one-bangkok" alt="ไทยยังมีศักยภาพอีกมาก! ‘สตาร์บัคส์’ เดินหน้าขยายสาขาต่อ เปิดตัวสาขาที่ 517 กรีนเนอร์สโตร์ใหญ่สุดในไทย">ไทยยังมีศักยภาพอีกมาก! ‘สตาร์บัคส์’ เดินหน้าขยายสาขาต่อ เปิดตัวสาขาที่ 517 กรีนเนอร์สโตร์ใหญ่สุดในไทย</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘มูจิ’ ในไทยอนาคตสดใส! ญี่ปุ่นสั่งลุยเปิดสาขาในไทยอีกเกือบเท่าตัว พร้อมเปิดสาขาใหม่ที่ One Bangkok ใหญ่ที่ 2 ในอาเซียน

<h2>ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ขอนแก่น ผนึกกำลัง MUJI (มูจิ) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลกสัญชาติญี่ปุ่น ที่ขยายแบรนด์ในไทยต่อเนื่อง เปิดสาขาใหม่ล่าสุดแห่งแรกใจกลางภาคอีสาน จังหวัดขอนแก่น ซึ่งนับเป็นสาขาที่ 36 ของประเทศไทย มีโซนให้ร้านค้าท้องถิ่นเข้ามาขายสินค้าโดยไม่มีค่าใช้จ่าย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จังหวัดขอนแก่นมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของภาคอีสาน โดยสถิติล่าสุด ระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัด หรือ GPP คิดเป็น 213,000 ล้านบาท ส่วนผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัว หรือ GPP Per Capita คิดเป็น 492,000 บาท/ปี (จากประชากรปัจจุบัน 432,783 คน) ถือเป็นเมืองเศรษฐกิจอันดับ 16 ของประเทศและเป็นอันดับ 2 ของภาคอีสาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ทำเลที่ตั้งของจังหวัดขอนแก่น ที่ตั้งอยู่ใจกลางภาคอีสานพอดี รวมถึงระบบคมนาคมที่ครบครัน ทั้งถนนสายหลัก สถานีรถไฟขอนแก่น รวมถึงท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น ซึ่งมีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ ไปลงตลอดทั้งวัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยพันธกิจของแบรนด์ MUJI คือการตั้งเป้าเป็นคอมมูนิตี้ศูนย์กลางการใช้ชีวิตของผู้คนในพื้นที่นั้นๆ สอดคล้องกับการทำธุรกิจของเซ็นทรัลพัฒนา นั่นก็คือ การพัฒนาพื้นที่ให้เป็นมากกว่าอสังหาริมทรัพย์ โดยเซ็นทรัล ขอนแก่น เกิดขึ้นบนแนวคิดที่ต้องการเป็น Center of Life หรือศูนย์กลางการใช้ชีวิตของผู้คน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับร้าน MUJI สาขาเซ็นทรัล ขอนแก่น ตั้งอยู่ที่ชั้น G ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,700 ตารางเมตร ขอนแก่น การออกแบบยังคงแนวคิดที่เน้น “ความเรียบง่าย” ซึ่งเมื่อก้าวเข้าไปสัมผัสบรรยากาศภายในร้านแล้ว จะพบกับความเป็นธรรมชาติ และบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย เหมือนได้พักผ่อนอยู่บ้าน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/yuyr6gJN3yNFt1p9fsgR.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="yuyr6gJN3yNFt1p9fsgR.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภายในร้านยังครบครันไปด้วยหมวดหมู่สินค้าที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกรูปแบบ มีสินค้าให้เลือกสรรมากกว่า 5,000 รายการ ทั้ง โซนเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายชายหญิงและเด็ก ทีเรียบง่าย เนื้อผ้าเบาสบาย แต่ก็มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง, โซนของใช้ในบ้านทุกประเภทและเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน ที่ตอบโจทย์ทุกความมินิมอล, โซนขนมและอาหาร ที่คัดสรรมาแล้วว่าดีมีคุณภาพ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/SrDGpZdDnByW9dxQbdco.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="SrDGpZdDnByW9dxQbdco.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และโซนไฮไลต์ของมูจิ เซ็นทรัล ขอนแก่น ก็คือ โซนรวมสินค้าขายดี ไอเท็มชิ้นเด็ด ห้ามพลาด (Best Selling Items) ตลอดกาลจากมูจิ ที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าทั่วโลกไว้ในโซนเดียว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ยังมีโซนใหม่แกะกล่อง นั่นก็คือ “ตลาดนัดมูจิ” (Community Market) ที่เปิดพื้นที่ให้ร้านค้าในชุมชนท้องถิ่น ได้นำสินค้าเด็ด หรือไอเท็มปังที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว มาวางขายภายในร้านมูจิ โดยไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายใดๆ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/NhViJWGWkBLgVoLXobpY.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="NhViJWGWkBLgVoLXobpY.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จุดประสงค์ก็เพื่อให้มูจิ เซ็นทรัล ขอนแก่น เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของผู้คนอย่างแท้จริง ที่นอกจากจะมีสินค้าที่ครอบคลุมทุกมิติในการใช้ชีวิตแล้ว ยังได้เพลิดเพลินไปกับการจับจ่ายสินค้าคราฟท์ แฮนด์เมด อาหาร และงานศิลปะจากคนในท้องถิ่น ที่มูจิได้คัดสรรร้านค้าตามแนวคิด “การใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและยั่งยืน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยภายในตลาดนัดมูจิ จะมีการหมุนเวียนร้านค้าเป็นประจำทุกเดือน เพื่อให้เกิดความหลากหลายและไม่จำเจ อีกทั้งยังเป็นการกระจายโอกาสให้ร้านค้ารายย่อยอย่างเท่าเทียมอีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และในอนาคต มูจิยังมีแผนที่จะเข้าร่วมกับวิสาหกิจชุมชน เพื่อช่วยเหลือ แก้ปัญหา ยกระดับ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและวัตถุดิบท้องถิ่น และเป้าหมายใหญ่ที่ต้องการสนับสนุนการสร้างงาน สร้างอาชีพ สนับสนุนรายได้ให้เกิดกับคนในชุมชน ซึ่งจะนำไปสู่การกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับจังหวัดขอนแก่นและพื้นที่ใกล้เคียงในระดับภูมิภาคอย่างยั่งยืน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อกิฮิโร่ คาโมการิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “กว่า 18 ปีที่ มูจิได้เข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศไทย โดยนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2564 มูจิ ประเทศไทย ได้เริ่มเดินหน้ากลยุทธ์การขยายสาขาไปยังต่างจังหวัด ครอบคลุมทุกหัวเมืองใหญ่ ทำให้มูจิเป็นที่จดจำและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้นในวงกว้าง มีฐานลูกค้าคนไทยมากขึ้น ทำให้มีการเติบโตทางด้านยอดขายในตลาดประเทศไทยมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“โดยในปี พ.ศ. 2567 นี้ มูจิมุ่งมั่นสานต่อกลยุทธ์การเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนไทย ด้วยการเร่งขยายสาขาไปยังทั่วทุกภูมิภาค และพร้อมที่จะเป็นผู้นำแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่อยู่ในใจคนไทยอย่างแท้จริง โดยมูจิ เซ็นทรัล ขอนแก่น นับเป็นสาขาที่ 36 ของประเทศไทย และเป็นมูจิแห่งแรกในภาคอีสาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“โดยขอนแก่นเป็นจังหวัดศักยภาพ ถือเป็นเมืองใหญ่ใจกลางของภาคอีสาน มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่โดดเด่น และมีประชากรอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยมูจิตั้งเป้าว่าการขยายสาขามายังภาคอีสาน จะเป็นก้าวสำคัญที่จะพาแบรนด์และสินค้ามูจิให้เป็นที่รู้จักของคนไทยในวงกว้างมากขึ้น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/3KSwyQSJZN7yrdo94f4w.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="3KSwyQSJZN7yrdo94f4w.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“และนอกจากจังหวัดขอนแก่นแล้ว เร็วๆ นี้ มูจิจะขยายสาขาไปยังจังหวัดอุดรธานีเช่นเดียวกัน รวมถึงมีแผนการรีโนเวตสาขา โดยจะขยายพื้นที่ให้เป็นโมเดลบิ๊กไซส์เพื่อรองรับสินค้าและบริการใหม่ๆ จากญี่ปุ่นมากขึ้นอีกด้วย” เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/central-phuket-expand-luxury-zone" alt="‘ภูเก็ต’ กำลังเป็นเมืองลักชู แบรนด์หรูลุยขยายพื้นที่-เปิดช็อปเพิ่ม ‘เซ็นทรัล ภูเก็ต’ เตรียมขยายโซนหรูเพิ่ม 4 เท่าในปี 2026">‘ภูเก็ต’ กำลังเป็นเมืองลักชู แบรนด์หรูลุยขยายพื้นที่-เปิดช็อปเพิ่ม ‘เซ็นทรัล ภูเก็ต’ เตรียมขยายโซนหรูเพิ่ม 4 เท่าในปี 2026</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เปิดแล้ว MUJI เซ็นทรัล ขอนแก่น สาขาแรกในภาคอีสาน พร้อมเตรียมขยายสู่อุดรธานี

<h2>มูจิ ประเทศไทย (MUJI) ประกาศปรับราคาสินค้าคุณภาพอีกครั้ง เพิ่มเติมกว่า 126 รายการ ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคมเป็นต้นไป เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มอย่างรอบด้าน ทั้งฟังก์ชั่นในการใช้งาน และพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย มุ่งหน้าสู่เป้าหมายการเป็น แบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์สามัญประจำบ้านในใจคนไทยทั่วทุกภูมิภาค </h2> &nbsp; &nbsp; มูจิ ประเทศไทย&nbsp;ได้เดินหน้ากลยุทธ์ด้านราคาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 ควบคู่กับการขยายสาขา ให้ครอบคลุมทั่วประเทศโดยเฉพาะในต่างจังหวัด และมุ่งพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ให้เหมาะสมกับอินไซต์ด้านพฤติกรรม และความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา มูจิมีการปรับราคาสินค้าในทุกๆ หมวดหมู่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทมีฐานลูกค้าในประเทศไทย ที่ซื้อสินค้า MUJI ซ้ำเป็นประจำ และเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทำให้ยอดขายมีการเติบโตสูงขึ้นเป็นอย่างมาก &nbsp; &nbsp;&nbsp;อกิฮิโร่ คาโมการิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “นอกเหนือจากความมุ่งมั่นของ MUJI ในการเป็นแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์สามัญประจำบ้านในใจคนไทยทั่วทุกภูมิภาคแล้ว บริษัทฯ ยังตั้งเป้าหมายในการเป็นคอมมูนิตี้ที่มีส่วนร่วมช่วยเชื่อมโยง และตอบสนอง ไลฟ์สไตล์ของผู้คนในแต่ละพื้นที่ ให้สามารถเข้ามาช้อปปิ้ง แฮงค์เอ้าท์ พบปะ พูดคุย และรับประทานอาหารภายในร้าน MUJI ได้เป็นประจำ” <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/6ja8bxGtdQpYMDc6nRko.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="6ja8bxGtdQpYMDc6nRko.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"><figcaption><div>อกิฮิโร่ คาโมการิ</div></figcaption></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทฯ จึงได้นำกลยุทธ์ทางด้านราคามาใช้ เพื่อเป็นประตูบานแรกให้คนไทยเปิดรับ และมีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์ในการใช้สินค้าคุณภาพ และบริการที่หลากหลาย ในราคาที่คุ้มค่า ตามแบบฉบับของ MUJI ได้อย่างง่ายดาย และสะดวกสบายมากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบันมูจิ ประเทศไทยมีสินค้าจัดจำหน่ายอยู่ทั้งหมด 5,000 รายการ และยังมีสินค้าคุณภาพสำหรับชีวิตประจำวันที่มีราคาต่ำกว่า 300 บาท กว่า 2,500 รายการ หรือคิดเป็นสัดส่วน 50% ของสินค้าทั้งหมด&nbsp; &nbsp; ล่าสุด MUJI ได้สานต่อกลยุทธ์ทางด้านราคาอย่างต่อเนื่องอีกครั้งผ่านการนำเสนอสินค้าไลฟ์สไตล์คุณภาพที่สามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันเพิ่มเติมกว่า&nbsp;126 รายการในราคาที่ปรับลดลงเฉลี่ยกว่า&nbsp;20% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคมเป็นต้นไป ตอบโจทย์พฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โดยมีไฮไลต์เด่นใน 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่&nbsp; &nbsp; 1. กลุ่มรองเท้าและกระเป๋า (รุ่นยอดนิยม) ประกอบไปด้วย รองเท้าผ้าใบ, กระเป๋าเป้สะพายหลัง, กระเป๋าเดินทาง &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. กลุ่มของใช้ในบ้านและเฟอร์นิเจอร์ ประกอบไปด้วย ผ้าปูโต๊ะ, อุปกรณ์ตากผ้า, โซฟาบีนแบค, หมอนโพลีเอสเตอร์, ผ้านวม, เบาะรองนั่ง, เฟอร์นิเจอร์ที่ตั้งถาด, ชั้นไม้สำหรับวางหนังสือ, ชั้นไม้สำหรับวางรองเท้า และอุปกรณ์เครื่องครัวไม้ยางพารา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ประกอบไปด้วย ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4. กลุ่มอาหารสำเร็จรูป (MUJI Food) ประกอบไปด้วย น้ำโซดา (Sparkling Water) และ Curry (แกงกะหรี่สำเร็จรูป)&nbsp; &nbsp; อกิฮิโร่ คาโมการิ ยังเอ่ยถึงกลยุทธ์ Localization ของ MUJI มีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ให้สอดรับกับพฤติกรรม และความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ การนำเสนอสินค้าแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะในสาขาของร้านค้า MUJI ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย โดยคำนึงถึงดีไซน์และฟังก์ชั่นที่เหมาะสมกับบริบทแบบไทยๆ ไม่ว่าจะเป็น ลักษณะนิสัยของผู้คน สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ รวมถึงวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และวิถีชีวิตของคนไทยอีกด้วย&nbsp; &nbsp;&nbsp;“บริษัทได้เดินหน้าแผนการขยายสาขาใหม่ไปยังทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย เพื่อให้เข้าถึงคนไทยในทุกๆ พื้นที่อย่างครอบคลุม ซึ่งมีการขยายสาขาไปแล้วทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ และอยู่ในระหว่างการดำเนินการขยายสาขาไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลายจังหวัด อาทิ เซ็นทรัล ขอนแก่น ในช่วงเดือนมิถุนายน และเซ็นทรัล อุดรธานี ในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้”&nbsp;อกิฮิโร่ คาโมการิ กล่าว <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/WdQLvJWYGj1GmaCxHX3F.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="WdQLvJWYGj1GmaCxHX3F.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="1"><figcaption><div>อริญา พันธุมโกมล</div></figcaption></figure></div>​&nbsp; &nbsp;&nbsp;อริญา พันธุมโกมล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท มูจิ รีเทล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา MUJI ได้ทำการสื่อสารการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ในวงกว้างมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าต่างจังหวัด เพื่อให้ลูกค้ารับรู้และเข้าใจความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการเป็นแบรนด์สินค้าในชีวิตประจำวันในราคาที่เข้าถึงได้ แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าในแบบญี่ปุ่น”&nbsp; &nbsp; MUJI เน้นกลยุทธ์การสื่อสาร Localize ให้เหมาะสมกับการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในแต่ละพื้นที่ เช่น สื่อป้ายโฆษณานอกบ้านทั้งในรูปแบบของป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ และป้ายโฆษณาในรูปแบบดิจิทัลในจุดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในแต่ละจังหวัดได้เป็นจำนวนมาก หรือโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านรายการวิทยุท้องถิ่น หรือรถกระจายเสียง&nbsp; &nbsp; นอกจากนี้ MUJI มีการใช้อินฟลูเอนเซอร์ที่เป็นที่รู้จักและมีอิทธิพลต่อการสร้างการรับรู้และการตัดสินใจซื้อของคนในแต่ละพื้นที่ โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ทั่วประเทศไทยด้วยทราฟฟิกการเข้าใช้บริการที่มากขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตอกย้ำความเป็นแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์สามัญประจำบ้านในใจคนไทยทั่วทุกภูมิภาคอย่างแท้จริง เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a href="https://www.forbesthailand.com/news/motoring/lamborghini-urus-se-first-phev-supercar-engine-power-800-cv-run-60-km" alt="ยลโฉม ‘Lamborghini Urus SE’ Plug-in Hybrid รุ่นแรก เครื่อง 800 CV วิ่งไกล 60 กม. ในโหมดไฟฟ้า">ยลโฉม ‘Lamborghini Urus SE’ Plug-in Hybrid รุ่นแรก เครื่อง 800 CV วิ่งไกล 60 กม. ในโหมดไฟฟ้า</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

MUJI ปรับราคาสินค้าลง 20% เดินหน้ากลยุทธ์ Localization มุ่งเป็น ‘แบรนด์ไลฟ์สไตล์สามัญประจำบ้าน’ ในใจคนไทย

<h2>เอพีxMUJI โครงการไลฟ์ ปิ่นเกล้าเปิดห้องชุดออกแบบพิเศษโดย MUJI ใช้สไตล์การตกแต่งและฟังก์ชันการใช้งานแบบเกิดประโยชน์สูงสุดในพื้นที่ขนาดเล็ก ด้วยวัสดุอิงธรรมชาติและโทนสีสุขุม ตอบสนองชีวิตการทำงานและการพักผ่อนในห้องเดียว</h2>
วิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์มากกว่า 25 ปีของบริษัทในการออกแบบพื้นที่การใช้ชีวิตคุณภาพ ในโครงการพิเศษครั้งนี้ เอพีใช้ความเชี่ยวชาญในการบริหาร space ในคอนโดมิเนียม ผนวกกับความเป็น function expert ของ มูจิ ประเทศไทย (MUJI) ที่มีความเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ด้วยความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่เรียบง่าย แนวคิดการออกแบบที่ละเอียดอ่อน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนไทยยุคใหม่และการใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุดทุกตารางนิ้ว

<img style="width: 680px; height: 514px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/dce1fa6727b7a2b99d7f144266772bad.png" alt="" />

เกิดเป็นโครงการพิเศษออกแบบห้องชุดแบบ 1 ห้องนอนพลัส พื้นที่ใช้สอย 35 ตารางเมตร ในโครงการคอนโดมิเนียม ไลฟ์ ปิ่นเกล้า ออกแบบด้วยเอกลักษณ์วัสดุจากธรรมชาติ เช่น ลวดลายไม้ หิน สวนแนวตั้ง ในสไตล์ของ MUJI ทำให้เกิดความลงตัวของพื้นที่ส่วนตัวกับชีวิตการทำงานในคอนเซปท์ “Co-working Space Insert Layout” จัดสรรพื้นที่ห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่ทำงานอย่างลงตัวกับชีวิตประจำวัน

ภายในห้องมีพื้นที่ทำงานขนาดใหญ่รองรับการทำงานเป็นกลุ่มและใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนได้ มีชั้นวางของและตู้เก็บของที่ปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน และผนังห้องที่สามารถใช้เขียนหรือปรับเป็นพื้นที่สำหรับฉายโปรเจคเตอร์

<figure><img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/3b27e6f73f1f522e210c3e01141d3a53.png" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> (ซ้าย) วิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) และ (ขวา) Akihiro Kamogari กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด</figcaption></figure>

ด้าน Akihiro Kamogari กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แบรนด์ MUJI เติบโตบนแนวคิดที่ชัดเจนในคอนเซปท์ Compact Life ผลิตภัณฑ์ต่างๆ จึงออกแบบอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อการใช้งานจริงได้อย่างหลากหลาย เลือกใช้วัสดุอิงธรรมชาติ พร้อมด้วยโทนสีสุขุม ส่งเสริมการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและยั่งยืน

สำหรับโครงการ ไลฟ์ ปิ่นเกล้า เป็นคอนโดฯ สูง 23 ชั้น ที่ดิน 4.3 ไร่ จำนวนห้องชุด 803 ยูนิต ตั้งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน (ส่วนต่อขยาย) สถานีบางยี่ขัน 40 เมตร ออกแบบภายใต้แนวคิดญี่ปุ่นที่มีความเป็นธรรมชาติด้วยสระว่ายน้ำบรรยากาศในสวนญี่ปุ่นและล็อบบี้ที่เปิดรับวิวต้นไม้ ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมการออกแบบของ MUJI ในโครงการได้ที่สำนักงานขายโครงการ ไลฟ์ ปิ่นเกล้า

<img style="width: 680px; height: 455px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/14150375c4258cccad52c0790ab67db8.png" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 511px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/bfb503bddf30b4c44c9c5f0da1e23699.png" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 340px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/c0ca972ad286499c4b2d423b5e562da3.png" alt="" />

เอพีจับมือ MUJI ออกแบบห้องชุดพิเศษในคอนโดฯ ‘ไลฟ์ ปิ่นเกล้า’

<h2>ในโอกาส “70 ปี ห้างเซ็นทรัล” และความร่วมมือทางด้านธุรกิจยาวนานในการนำแบรนด์ “MUJI” จากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาจัดหน่ายในประเทศ พร้อมทั้งการเปิดตัว MUJI Flagship Store แห่งแรกที่เซ็นทรัลเวิร์ด ด้วยพื้นที่กว่า 1,000 ตร.ม. ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ และนิทรรศการ “What is MUJI?”</h2>
Forbes Thailand เป็นหนึ่งในสื่อมวลชนที่ได้มีโอกาสพูดคุยช่วงสั้นกับ Satoru Matsuzaki ประธานกรรมการผู้จัดการและตัวแทนผู้บริหาร Ryohin Keikaku Co., Ltd. ที่เดินทางมาเพื่อแสดงความยินดีในวาระครบรอบ “70 ปี ห้างเซ็นทรัล” ถึงทิศทางและแผนการสร้างธุรกิจของ MUJI เพื่อมุ่งสู่นิยามบริษัทระดับโลก

Satoru ได้เกริ่นถึงการที่ประเทศญี่ปุ่นเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและมีแนวโน้มการบริโภคผลิตภัณฑ์และบริการลดลงแต่สำหรับแบรนด์ MUJI นั้นยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดและยังมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งในหลายปีที่ผ่านมาการขยายสาขาของแบรนด์ MUJI ภายในประเทศคงอยู่ที่ราว 15-20 สาขาต่อปี โดยระหว่างปี 2017–2020 สิ่งที่จะเกิดขึ้นสำหรับการขยายสาขาในประเทศญี่ปุ่นคือการขยายพื้นที่ภายในร้านเดิมที่มีพื้นที่ต่อสาขาราว 725 ตร.ม.จะถูกขยายให้มีพื้นที่ 1,700 ตร.ม. ในอนาคตการเปิดสาขาใหม่ภายในประเทศญี่ปุ่นของ MUJI จะมีพื้นที่ 1,700 ตร.ม. โดยภายในปี 2020 MUJI ตั้งเป้าหมายสร้างสาขาที่มีพื้นที่ 1,700 ตร.ม. ให้ได้ 100 สาขาเป็นอย่างต่ำ

<figure><img style="width: 680px; height: 499px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/3fca595431711455683703bf8435f6f5.png" alt="" width="680" height="499" /><figcaption> Satoru Matsuzaki ประธานกรรมการผู้จัดการและตัวแทนผู้บริหาร Ryohin Keikaku Co., Ltd.</figcaption></figure>

โดยปัจจัยสำคัญในการขยายพื้นที่เนื่องจากจำนวนผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากการพัฒนานวัตกรรมของ MUJI ที่มีเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ภายในบ้านและสำนักงาน เฟอร์นิเจอร์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ทางด้านสุขภาพและความงามที่เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนราว 16% ของจำนวนผลิตภัณฑ์ทั้งหมด

Satoru กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การยกระดับคุณภาพสินค้าของ MUJI ยังคงรูปแบบสินค้าที่เรียบง่ายและราคาสัมผัสได้ สามารถหาซื้อได้ง่ายเพื่อการใช้งานได้ในชีวิตประจำวันสำหรับทุกเพศทุกวัย สินค้าบางอย่างเป็นที่ชื่นชอบ แต่สินค้าบางอย่างจำเป็นต้องพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์ในการขาย

ในทุกๆ ปี MUJI จึบทุ่มงบประมาณราว 1 หมื่นล้านเยนเป็นงบการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ การเปิดสาขาใหม่ๆ ซึ่งในงบประมาณราว 1 หมื่นล้านเยน MUJI ทุ่มงบประมาณกว่า 4 พันล้านเยนไปลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาสินค้าและบริการ อาทิ แอพพลิเคชั่น เพื่อเป็นช่องทางสำหรับลูกค้าในการส่งข้อติชมส่งข้อร้องเรียนเพื่อปรับปรุงสินค้าให้ดีขึ้น รวมไปถึงการปรับปรุงระบบบริหารจัดการเพื่อสร้างการทำงานในองค์กรระดับโลกที่เรียบง่าย

&nbsp;
<h2>วางรากฐานสู่ Global Company</h2>
แบรนด์ “MUJI” วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 1980 ก่อนประสบความสำเร็จและเปิดสาขาแรกอีก 3 ปีต่อมา Satoru เผยว่า Muji อีกมีความตั้งใจผลิตสินค้าเพื่อคนทั้งโลกและเป็นเป้าหมายสูงสุดของกลุ่มผู้ก่อตั้งบริษัท ดังนั้น ปี 1991 MUJI สาขาลอนดอน จึงถึงกำหนดขึ้นเป็นสาขาแรกนอกประเทศญี่ปุ่นก่อนขยายสาขาต่างๆ ไปทั่วโลก

“ถ้าขายสินค้าแค่ภายในประเทศบริษัทอาจไม่ประสบความสำเร็จ เราจึงมองว่าต้องทำอย่างไรถือการเป็นผู้เล่นระดับโลกที่สามารถอยู่ที่ไหนก็ได้ในโลกใบนี้และต้องสร้างตลาดให้ได้” Satoru Matsuzaki กล่าวและเผยว่าภายในปี 2020 บริษัท Ryohin Keikaku ปรับระบบการทำงานที่สร้างขึ้นมาใหม่เพื่อสร้างมาตรฐานการบริหารเดียวกันจากทั่วมุมโลก เขาได้เสริมถึงมุมมองของตนที่อยากให้ทุกบริษัททั่วโลกที่บริษัท Ryohin Keikaku เป็นพันธมิตรทางธุรกิจ มีหลักการทำงานเดียวกัน มีความเข้าใจองค์กรแบบเดียว

“สิ่งที่มูจิมองเรื่องการบริหารธุรกิจแค่ในญี่ปุ่นอย่างเดียวนั้นเป็นไปไม่ได้ เรานำหลักในการบริหารการจัดการ การตลาด แบบเรียบง่ายไม่ซับซ้อนและสร้างระบบใหม่เพื่อเป็นการทำงานสำหรับพนักงานในทั่วโลก”

ปัจจุบัน MUJI มีสาขาทั่วโลกรวม 855 สาขา โดยเป็นสัดส่วนภายในประเทศญี่ปุ่น 420 สาขา สาขาต่างประเทศ 435 สาขา สำหรับแผนตั้งเป้าขยายสาขาราว 30-50 สาขาต่อปี ในต่างประเทศ กว่าครั้งหนึ่งของแผนการขยายสาขาอยู่ที่จีนราว 30 สาขา

<img style="width: 680px; height: 472px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/f1b7987eae3121359003288c7eabc2b1.png" alt="" />

สำหรับ MUJI ในประเทศไทย ปี 2006 MUJI เข้ามาทำตลาดในลักษณะแฟรนไชส์โดยมีห้างเซ็นทรัลเป็นผู้ซื้อแฟรนไชส์เข้ามา จนกระทั่ง ปี 2013  MUJI และ ห้างเซ็นทรัล ได้ร่วมทำข้อตกลงในการร่วมลงทุน Joint Venture ตั้งเป็นบริษัทใหม่เพื่อร่วมกันบริหารการทำงานในประเทศไทย โดยปัจจุบัน MUJI มีสาขาในประเทศไทยมีทั้งหมด 15 แห่ง Satoru เผยว่าสำหรับประเทศไทยยังมีโอกาสในการเติบโตของ MUJI อีกมาก  โดยตั้งเป้าเพิ่มสาขาราว 2-3 แห่งต่อปี

Satoru ได้ทิ้งท้ายแนวคิดของ MUJI ที่ยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนที่ต้องการมองหาคุณสมบัติการใช้งานและคุณภาพ มากกว่าค่านิยมจากแบรนด์ MUJI เองไม่ได้ทำสินค้ามาเพื่อเฉพาะประเทศใด้ประเทศหนึ่ง สินค้าของเราที่วางขายเป็นสินค้าสำหรับคนทั่วโลกทำให้ต้นทุนต่างๆ ลดลง ทำให้เราสามารถกำหนดราคาที่เหมาะสมและไม่แพงหรือที่เรียกกันว่า “ของดีราคาเหมาะสม” ได้ ในประเทศญี่ปุ่นลูกค้าต่างรับรู้ว่าสินค้าของ MUJI นั้นราคาที่สามารถซื้อหาได้และเป็นสินค้าคุณภาพ ซึ่งอยากให้ลูกค้าทั่วโลกมอง MUJI เป็นมากกว่าแบรนด์พรีเมี่ยม

ปัจจุบันสินค้าบางชิ้นราคาแพงกว่าที่ประเทศราว 10-20% ซึ่งมาจากการขนส่งและอัตราภาษีของประเทศนั้นๆ  แต่ภายในปี 2020 Satoru หวังว่าสินค้าในบางประเภทจะมีราคาใกล้เคียงประเทศญี่ปุ่นมากกว่าเดิม สำหรับหมวดหมู่ของสินค้าขายใน MUJI นั้น อันดับหนึ่งคือกลุ่มเครื่องใช้ในสำนักงาน ส่วนกลุ่มที่สองคือ สินค้าความสวยงามและบำรุงผิว ในปี 2559 MUJI มีรายได้รวมทั่วโลกราว 3.325 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นการเติบโตราว 10 %

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events