บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ ประกาศจัดงานใหญ่ "The Spirits of Maritime Crossing : วิญญาณข้ามมหาสมุทร" โชว์ศิลปะร่วมสมัยไทย-อาเซียน สู่สายตาชาวโลก

<h2>กลุ่มบริษัทไทยเบฟ นำโดยเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ยกระดับศักยภาพการดำเนินงาน พร้อมขยายตลาดเบียร์ช้างทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไทยเบฟประกาศแต่งตั้ง ฐาปน สิริวัฒนภักดี บุตรชายของเจริญ สิริวัฒนภักดี ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/2RVkVXkE2dJ4pRuLF2CW.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="2RVkVXkE2dJ4pRuLF2CW.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="500,554" style="" data-index="0"><figcaption><div>ฐาปน สิริวัฒนภักดี</div></figcaption></figure></div> ​&nbsp; &nbsp;&nbsp;โฆษิต สุขสิงห์ ขึ้นนั่งเก้าอี้กรรมการผู้อำนวยการใหญ่และผู้บริหารสูงสุดปฏิบัติการประเทศไทย ดูแลการดำเนินธุรกิจภายในประเทศ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/XUJmua4VYCukPHmkp4Ju.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="XUJmua4VYCukPHmkp4Ju.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="452,500" style="" data-index="1"><figcaption><div>โฆษิต สุขสิงห์</div></figcaption></figure></div>​ &nbsp; &nbsp;&nbsp;ส่วน ประภากร ทองเทพไพโรจน์ ขึ้นเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่และผู้บริหารสูงสุดปฏิบัติการต่างประเทศ ดูแลการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/01/YV8PZ8JuxbdH3wHZoCM8.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="YV8PZ8JuxbdH3wHZoCM8.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="452,500" style="" data-index="2"><figcaption><div>ประภากร ทองเทพไพโรจน์</div></figcaption></figure></div>​ &nbsp; &nbsp;&nbsp;การปรับโครงสร้างและตำแหน่งผู้บริหารทั้งหมดจะมีผลในวันที่ 27 มิถุนายน 2567 เป็นต้นไป และจะช่วยขยับขยายเครือข่ายการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบไปยังตลาดที่สำคัญต่างๆ ทั่วอาเซียน ทั้งไทย เวียดนาม เมียนมา มาเลเซีย และสิงคโปร์&nbsp; &nbsp;&nbsp;เอกสารทางการของไทยเบฟยังเผยว่า การปรับโครงสร้างนี้ยังเป็นการกระตุ้นการพัฒนาธุรกิจและการลงทุนในตลาดใหม่ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของแบรนด์ในภูมิภาคของพวกเขา&nbsp; &nbsp;&nbsp;ไทยเบฟบอกด้วยความพวกเขากำลัง “ลงทุนด้านเทคโนโลยีและระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยได้นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมทั้งระบบวิเคราะห์ข้อมูลมาใช้ในการบริหารห่วงโซ่คุณค่า และนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาวิเคราะห์เป็นข้อมูลเชิงลึกเพื่อพัฒนาเครือข่ายกระจายสินค้าต่อไป”&nbsp; &nbsp;&nbsp;รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 2.5% เทียบกับปีที่ผ่านมา โดยตัวเลขอยู่ที่ 2.79 แสนล้านบาทในเดือนกันยายน 2566 สืบเนื่องจากยอดขายเบียร์เติบโตด้วยอานิสงส์ของการบริโภคและการท่องเที่ยวในประเทศไทย ไทยเบฟมีการขยายธุรกิจสุราออกไปเช่นกัน โดยเข้าซื้อบริษัทสัญชาติฝรั่งเศส Larsen Cognac และบริษัทนิวซีแลนด์ Cardrona Distillery เมื่อปีที่ผ่านมา&nbsp; &nbsp;&nbsp;เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ยังครองตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับ 3 ของไทยบนทำเนียบ 50 มหาเศรษฐีไทยประจำปี 2023 ของ Forbes ด้วยมูลค่าความมั่งคั่ง 4.73 แสนล้านบาท&nbsp; &nbsp;&nbsp;นอกเหนือจากไทยเบฟเจ้าสัวเจริญยังเป็นผู้ถือหุ้นควบคุม (Controlling Shareholder) ของสองบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ Frasers Property ที่มีชื่อในตลาดหุ้นสิงโปร์ และ Asset World Corp. อันมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงเทพ ประเทศไทย&nbsp; &nbsp;&nbsp;Frasers Property นั้นได้ลูกชายของเจ้าสัวเจริญ หรือปณต สิริวัฒนภักดี กุมบังเหียนในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกำลังดำเนินการก่อสร้าง One Bangkok โครงการอสังหาริมทรัพย์มิกซ์ยูสยักษ์ใหญ่ใจกลางนครหลวง มูลค่ากว่า 1.2 แสนล้านบาท นับเป็นโครงการอสังหาฯ ที่ใหญ่ที่สุดของภาคเอกชนที่เคยมีมาในประเทศไทย แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.forbes.com/sites/jonathanburgos/2024/01/11/thaibev-billionaire-revamps-management-as-chang-beer-maker-expands-in-southeast-asia/?sh=2d0b04fb1a64" alt="ThaiBev Billionaire Revamps Management As Chang Beer Maker Expands In Southeast Asia">ThaiBev Billionaire Revamps Management As Chang Beer Maker Expands In Southeast Asia</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/konvy-expand-to-philippines" alt="Konvy ปิดระดมทุนซีรีส์ A ที่ 11 ล้านเหรียญ ปักธงขยายสู่ “ฟิลิปปินส์” ในปีนี้">Konvy ปิดระดมทุนซีรีส์ A ที่ 11 ล้านเหรียญ ปักธงขยายสู่ “ฟิลิปปินส์” ในปีนี้</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ไทยเบฟปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ เตรียมยกทัพขยายอาณาจักรทั่วอาเซียน 

ตลาดเบียร์ของไทยมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาทกำลังกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังหลังจากเงียบเหงาไปกว่าสองปีจากโดนพิษจะโควิด-19 ระบาด โดยได้รับอานิสงค์จากการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัวขึ้น การทำกิจกรรมทางการตลาดของบริษัทเบียร์และยังส่วนหนึ่งมาจากการเปิดตัวเบียร์ใหม่ๆที่ช่วยสร้างสีสันให้กับอุตสาหกรรม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ThaiBev เจ้าของผลิตภัณฑ์เบียร์ช้างก็ได้เปิดตัวเบียร์ตัวใหม่ที่ชื่อ Chang Unpasteurized เป็นเบียร์ที่สดระดับพรีเมี่ยมที่ปราศจากการผ่านความร้อน โดยมีจำหน่ายเพียงสองจังหวัดในภาคเหนือคือ เชียงใหม่และเชียงราย ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของเบียร์ช้าง อีกทั้งเป็นจุดที่ตั้งที่ไม่ไกลจากโรงงานผลิตที่จังหวัดกำแพงเพชรเพื่อรักษาคุณภาพเบียร์ระหว่างการขนส่งสู่นักดื่ม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การเปิดตัวเบียร์ Chang Unpasteurized ยังเป็นการตอกย้ำแนวทางของกลุ่ม ThaiBev ที่กำลังมุ่งหน้าสู่การสร้างนวัตกรรมให้กับผลิตภัณฑ์เบียร์ โดย 5 ปีที่แล้วก็ได้ออกเบียร์ Chang Cold Brew ที่ผลิตจากมอลต์ 100% และสองปีที่แล้วก็ออกตัวใหม่ที่ชื่อ Chang Expresso ที่มี่ส่วนผสมของกาแฟ ถือเป็นการสร้างสีสันให้กับวงการเบียร์ ที่กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทาย ไม่เพียงจากการแข่งขันของสินค้าเบียร์หลากหลายยี่ห้อด้วยกัน แต่ยังเผชิญหน้ากับผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีมากมายอยู่ในท้องตลาด ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากยิ่งขึ้น อีกทั้งแนวโน้มการเบียร์ทั่วโลกของนักดื่มรุ่นใหม่ที่ได้หันไปดื่มเบียร์ที่มีแอลกอฮอล์ต่ำลง&nbsp;&nbsp;&nbsp; Lester Tan ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดสายธุรกิจเบียร์ประเทศไทย บริษัท ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บอกว่า การออกเปิดตัวเบียร์ Chang Unpasteurized ไม่เพียงแต่จะช่วยสร้างสีสันและความคึกคักให้กับตลาดเบียร์โดยรวมแล้ว แต่ยังช่วยดึงความสนใจให้นักดื่มเบียร์ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่หันกลับมาดื่มเบียร์มากขึ้นและเชื่อว่าเบียร์ช้างตัวใหม่นี้จะเป็นจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของนักดื่มเบียร์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เบียร์ Chang Unpasteurized มีจุดเด่น 3 ข้อคือ หนึ่ง เป็นครั้งแรกของนวัตกรรมเบียร์ที่โดดเด่นด้วยกระบวนการผลิตที่ไม่ผ่านความร้อน (Unpasteurized) เพื่อคงความหอมและสดใหม่อันเป็นเอกลักษณ์ สอง เป็นครั้งแรกของนวัตกรรมเบียร์ที่ผลิตด้วยกระบวนการไนโตรจิเนชัน (Nitrogination) เพื่อให้อณูฟองที่ละเอียดและนุ่ม และสาม เป็นครั้งแรกของระบบการขนส่งพิเศษแบบโคลด์เชน (Cold Chain) ควบคุมอุณหภูมิให้ไม่เกิน 4 องศาเซลเซียส&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตลอดการขนส่งตรงจากโรงงานกำแพงเพชรของบริษัทจนถึงร้านอาหารและโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายภายในเวลา 4-6 ชั่วโมง เพื่อคงความสดใหม่และรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของเบียร์ให้ถึงมือผู้บริโภค&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ก่อนที่เปิดตัวเบียร์ตัวนี้อย่างเป็นทางการ บริษัทยังได้เชิญผู้ประกอบการร้านอาหารกลุ่ม high end จำนวนราว 200 รายที่มีศักยภาพนำผลิตภัณฑ์เบียร์ตัวนี้เข้าไปจำหน่าย สืบเนื่องจากเป็นสินค้านวัตกรรมใหม่และเป็นสินค้าพรีเมี่ยม บริษัทจึงต้องพูดคุยกับผู้ประกอบการเหล่านี้ก่อนการวางจำหน่าย เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาสามารถรักษาสินค้าทุกขั้นตอนด้วยความเย็นภายใต้ 4 องศาเซลเซียสจนถึงมือนักดื่ม <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/12/TtaQKY1YLMNu3Bs1o8FT.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="TtaQKY1YLMNu3Bs1o8FT.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" style="" data-percentage="auto,auto"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การเปิดตัว Chang Unpasteurized ยังเป็นการเปิดตัวเข้าสู่ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ อีกด้วย จากเดิมภาพลักษณ์ของเบียร์ช้างที่เน้นกลุ่มคนดื่มสนุกและงานสังสรรค์ เป็นกลุ่มที่เรียกว่า high energy ซึ่งกลุ่มเบียร์ช้างคุยว่า น่าจะเป็นผู้นำในตลาดในกลุ่มนี้ แต่กลุ่มเบียร์ช้างตระหนักดีกว่าพฤติกรรมการดื่มเบียร์ได้เริ่มเปลี่ยนไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เนื่องจากมีกลุ่มนักดื่มใหม่ๆ เกิดขึ้น โดยเฉพาะคนกลุ่มที่ไม่เน้นดื่มหนักและไม่เน้นเฮฮามาก แต่เน้นการผ่อนคลาย (relaxation) มากกว่า โดยเฉพาะการดื่มเพื่อคุยสนุกๆ กับเพื่อนๆ 2-3 คนหรือกลุ่มเล็กๆ ซึ่งพฤติกรรมการดื่มที่เปลี่ยนไปนี้ถือเป็นโอกาสทางการตลาดของผลิตภัณฑ์เบียร์ Chang Unpasteurized อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A5-%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%87" alt="ดิจิทัล แบงก์กิ้ง แข่งขันสูง ซิลเวอร์เลค ชูโซลูชันหนุน">ดิจิทัล แบงก์กิ้ง แข่งขันสูง ซิลเวอร์เลค ชูโซลูชันหนุน</a>​<hr class="__se__solid">​ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine​

ThaiBev เปิดตัว Chang Unpasteurized เสริมแกร่งพอร์ตเบียร์และเติมสีสันให้ตลาด

<h2>Thai Beverage ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของมหาเศรษฐี เจริญ สิริวัฒนภักดี เดินหน้ารื้อฟื้นแผนการที่จะนำ “ธุรกิจเบียร์” เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์อีกครั้ง หลังระงับไปในเดือนเมษายนในปีที่ผ่านมา เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19</h2>
<img class="alignnone wp-image-62395" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/factory.png" alt="" width="720" height="506" />
“คณะกรรมการเล็งเห็นศักยภาพการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในธุรกิจเบียร์ และเชื่อว่าศักยภาพดังกล่าวจะสามารถพัฒนาได้ดียิ่งขึ้น ด้วยคณะกรรมการและทีมผู้บริหารที่ทุ่มเทให้กับการเติบโตของธุรกิจเบียร์เท่านั้น” Thai Beverage แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม 2022
ทั้งนี้ ภายใต้แผนการดังกล่าว Thai Beverage มีความมุ่งมั่นที่จะแยกธุรกิจโรงเบียร์ ซึ่งปัจจุบันประกอบด้วยโรงกลั่นเบียร์ในประเทศไทยและเวียดนาม และแบรนด์ Chang, Archa และ Bia Saigon ออกเป็นอีก 1 บริษัท เพื่อเตรียมเสนอขายหุ้นร้อยละ 20 แก่ประชาชนทั่วไป
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ทางบริษัทได้วางแผนที่จะระดมทุนมูลค่ากว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จากการเสนอขายหุ้น IPO ของธุรกิจเบียร์เมื่อปีที่แล้ว แต่เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงมีความจำเป็นต้องระงับไปก่อน
โดยในปีที่ผ่านมาธุรกิจเบียร์สร้างกำไรสุทธิ 342 ล้านเหรียญสิงคโปร์ (248 ล้านเหรียญ) จากรายรับ 4.2 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2021
สำหรับการนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ คาดว่าจะสามารถจัดหาเงินทุนตามแผนการขยายธุรกิจ และช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับบริษัทแม่อย่าง Thai Beverage ได้เป็นอย่างดี เพื่อให้สามารถนำทรัพยากรทางการเงินไปใช้ในการขยายกลุ่มธุรกิจอื่นๆ อาทิ ธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ และเชนร้านอาหารโออิชิ
“ข้อเสนอที่จะจัดตั้งบริษัทลูกจะช่วยให้ธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทได้รับการประเมินมูลค่าอย่างชัดเจนมากขึ้น”
นอกเหนือจาก Thai Beverage แล้ว เจริญยังดำรงตำแหน่งผู้ถือหุ้นรายใหญ่ใน Frasers Property ในสิงคโปร์, Big C Supercenter เชนไฮเปอร์มาร์เก็ตในไทย และ Asset World กลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหสริมทรัพย์ชั้นนำ รวมถึงครองอันดับ 3 ในทำเนียบมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2021 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.27 หมื่นล้านเหรียญ
แปลและเรียบเรียงจากบทความ Thai Beverage Billionaire Revives Plan To List Regional Beer Unit In Singapore โดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/chew-gek-khim-%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87-straits-trading.html">Chew Gek Khim นักสร้างมูลค่าแห่ง Straits Trading</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a style="color: #003300;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

ThaiBev ฟื้นแผนจดทะเบียน “ธุรกิจเบียร์” ในสิงคโปร์

Corporate Social Responsibility หรือระบบซีเอสอาร์ ถือเป็นกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคมของภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลของการสร้างภาพลักษณ์องค์กร กลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ ตลอดจนเป็นภาคบังคับสำหรับบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ที่จะต้องปฏิบัติตามกฏกติกา

แต่ต้องยอมรับว่า ซีเอสอาร์นั้นเป็นการคืนกำไรให้กับสังคมรูปแบบหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันจะเห็นว่ารูปแบบการตอบแทนสังคมของผู้ประกอบการบางรายเริ่มเปลี่ยนไป หันมาคืนกำไรสู่สังคมควบคู่ไปกับการทำกำไรให้ธุรกิจอย่างเต็มตัว เพราะผู้ประกอบการเหล่านี้เชื่อว่าธุรกิจไม่ควรเป็นฝ่ายรับจากสังคมอย่างเดียว แต่ควรคืนสู่สังคม แม้จะเป็นเพียงส่วนเล็ก แต่ถ้าทุกองค์กรช่วยกันการช่วยเหลือก็จะยิ่งใหญ่

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ก็เป็นธุรกิจหนึ่งที่ดำเนินกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคมมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะโครงการ “ไทยเบฟ...รวมใจต้านภัยหนาว” ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2543 โดยมอบผ้าห่มไทยเบฟผืนอุ่นสีเขียวให้กับพี่น้องผู้ประสบภัยหนาวในภาคเหนือและภาคอีสาน จนเป็นที่รู้จักและกล่าวขานกันอย่างทั่วถึง

อย่างไรก็ดีที่น่าสนใจคือ มาถึงวันนี้รูปแบบการคืนกำไรสู่สังคมของ "ไทยเบฟ" นั้น มิใช่ย่ำอยู่กับการแจก การบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะกิจเฉพาะสถานการณ์ หรือจัดกิจกรรมตามเทศกาลเพียงเท่านั้น แต่บริษัทดังกล่าวถือเป็น "ต้นแบบ" ในการ่วมสร้างความยั่งยืนสู่สังคมภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และสอดคล้องกับกรอบการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ ด้วยการวางยุทธศาสตร์ให้ชุมชนสร้างความเข้มแข็งด้วยตนเอง ตามศาสตร์      พระราชาที่่ดำริว่า ..ให้เบ็ดดีกว่าให้ปลา

คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) วางนโยบายเดินตามรอยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยการให้จัดตั้งหน่วยงาน “โครงการพัฒนาชุมชน” ภายในองค์กร ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของแนวคิดการพัฒนาแบบยั่งยืนด้วยความเชื่อมั่นว่า “การสร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโต” คือรากฐานที่จะนำไปสู่ความยั่งยืน โดยสร้างความ      เข้มแข็งของชุมชน และสร้างพื้นที่ต้นแบบที่ให้การสนับสนุนระหว่างชุมชนที่เข้มแข็งกับภาคธุรกิจ โดยมี  เป้าหมายคือ ต้องการสร้างชุมชนต้นแบบในด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม สร้างเครือข่ายพันธมิตรเพื่อร่วมกันพัฒนา เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ สถาบันวิชาการ ที่สำคัญต้องการยกระดับชุมชนให้เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม สร้างเศรษฐกิจระดับชุมชน โดยมีหลักการดำเนินงาน 4 ด้านหลัก

“ไทยเบฟมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นคงและยั่งยืนให้ชุมชนและสังคมเติบโตควบคู่กับธุรกิจของเราโดยให้ความสำคัญในการพัฒนาชุมชนและสังคมอย่างต่อเนื่องมากว่า 18 ปี”

<img class="alignnone size-full wp-image-51782" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/two-3.jpg" alt="" width="720" height="480" />

ทั้งนี้การขับเคลื่อนโครงการพัฒนาชุมชนของไทยเบฟ มีทั้งด้านการสร้างเศรษฐกิจชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก โดยใช้ศักยภาพของชุมชนเป็นหลักในการทำงาน สร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มองค์กรชุมชนใน 3 กลุ่มงาน คือ เกษตร แปรรูป และท่องเที่ยวโดยชุมชน เพื่อให้เกิดทักษะ

การเรียนรู้ร่วมกัน 5 เรื่อง ได้แก่ การเข้าถึงปัจจัยการผลิต การสร้างองค์ความรู้ การตลาด การสื่อสารสร้างการรับรู้ และการบริหารจัดการ อีกทั้งในสถานการณ์ที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรของชุมชนได้รับผลกระทบ จึงพัฒนาช่องทางตลาดออนไลน์ สร้างทางเลือกให้พนักงานไทยเบฟและคนทั่วไปได้ช่วยกันซื้อสินค้าชุมชน สร้างรายได้กลับสู่ชุมชนต่อไป

ด้านการส่งเสริมและพัฒนาคนรุ่นใหม่ มีแนวคิดที่จะสานต่อพลังของคนรุ่นใหม่กลับไปพัฒนาบ้านเกิด ก่อให้เกิดรายได้อย่างต่อเนื่อง สร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน พัฒนาด้านสังคม เศรษฐกิจ ยกระดับสู่การเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม

<img class="alignnone size-full wp-image-51770" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/f.jpg" alt="" width="720" height="480" />

ส่วนด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชนได้ประสานความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการศึกษา ร่วมกันถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับครูและนักเรียน เพื่อให้มีทักษะเพิ่มเติม เรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริง นอกจากนั้นได้รับการประสานจากมหาวิทยาลัย ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรการเรียนรู้ สร้างศักยภาพคนรุ่นใหม่ให้มีทักษะองค์ความรู้ด้านการจัดการหรือการประกอบการทางธุรกิจเพื่อสังคม

<img class="alignnone size-full wp-image-51776" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/th-2.jpg" alt="" width="720" height="480" />

ด้านการสนับสนุนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เน้นความสำคัญไปที่การส่งเสริมและแสวงหาความรู้ด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ ป่า เช่น ส่งเสริมเรื่องธนาคารน้ำใต้ดิน การปลูกป่าทดแทนทั้งในป่าชายเลนและบนบก การทำฝายชะลอน้ำ การพัฒนาพื้นที่แปลงรวมให้เปลี่ยนเป็นพื้นที่เกษตรอินทรีย์ผ่านกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาชุมชน หรือสนับสนุนโครงการเฉพาะเรื่อง เช่น การร่วมมือกับมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและกระบวนการจัดการน้ำ รวมไปถึงการพัฒนาด้านเศรษฐกิจชุมชน และสนับสนุนการจัดระบบน้ำ การทำโครงการประปาภูเขา

ด้านการช่วยเหลือและบรรเทาภัยพิบัติ ไทยเบฟ...รวมใจต้านภัยหนาว คืออีกหนึ่งโครงการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยหนาว โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน โดยได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน เครือข่ายพันธมิตร ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมส่งต่อความอบอุ่นกันมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับโอกาสในการเข้าถึงความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ทั้งการศึกษา และสาธารณสุข นอกจากนั้นยังส่งเสริมให้พนักงานในองค์กรได้เป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งปันความอบอุ่นผ่านแคมเปญ 1 ปัน 1 อุ่น โดยมุ่งหวังให้เกิดพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการร่วมกันสร้างสังคมแห่งการให้ที่ยั่งยืน

<figure><img class="wp-image-51779 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/one-3.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> คุณธารทิพย์ ศิรินุพงศ์</figcaption></figure>

คุณธารทิพย์ ศิรินุพงศ์ ผู้อำนวยการโครงการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า “ไทยเบฟมุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งจากภายในชุมชนและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นในทุกด้าน เพื่อนำไปสู่ความมั่นคงทางเศรษฐกิจชุมชน ควบคู่ไปกับการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างองค์กรกับชุมชน โดยร่วมมือกับชุมชนในการคิดและพัฒนาให้เกิดการเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน เราเชื่อว่าการสร้างความเข้มแข็งในรูปแบบดังกล่าวจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของชุมชน ส่งผลให้คนในชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น เกิดการรวมกลุ่มกันเป็นวิสาหกิจชุมชน และเมื่อเกิดความมั่นคงแล้ว ชุมชนเองก็สามารถแบ่งปันคุณค่าของการเติบโตโดยการขยายองค์ความรู้และแนวทางการทำงานของตนเองไปสู่ชุมชนใกล้เคียง ซึ่งจะสร้างความยั่งยืนให้กระจายไปในระดับท้องถิ่น และนำไปสู่การพัฒนาระบบเศรษฐกิจในระดับประเทศได้อย่างแท้จริง”

สามารถกล่าวได้ว่า โครงการพัฒนาชุมชนโดยไทยเบฟ ถือเป็นความมุ่งมั่นสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนและสังคมเริ่มตั้งแต่ฐานราก ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบการคืนกำไรสู่สังคม หรือการแสดงความรับผิดชอบในการตอบแทนสังคมของภาคธุรกิจอื่นๆ เพราะการให้ปลานั้นเห็นรูปธรรมชัดเจนทันควัน แต่การให้เบ็ดนั้นต้องอาศัยเวลาและความร่วมมือร่วมใจของชุมชน ซึ่งหมายถึงความสำเร็จนั้นจะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยชุมชนในแต่ละพื้นที่ สามารถเข้าถึงเข้าใจในปณิธานที่ภาคธุรกิจลงไปส่งเสริมสนับสนุนสร้างเครื่องมือ ให้ความรู้ เพิ่มศักยภาพ เปิดช่องทาง แล้วชุมชนพร้อมใจที่จะลงมือเพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน ที่สำคัญพึ่งพาตนเองได้ตลอดไป

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events