FORBES_MAY_ISSUE_2024

<h2>ปัจจุบัน ชาวมิลเลนเนียลจำนวนมากกำลังดิ้นรนเผชิญความยากลำบาก ทั้งเศรษฐกิจถดถอย อัตราเงินเฟ้อ และค่าครองชีพพุ่งสูง จนไม่สามารถเก็บออมเงินหรือสะสมทรัพย์สินได้มากนัก แต่ในอีก 20 ปีจากนี้ พวกเขาจะกลายเป็นเศรษฐี</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รายงานความมั่งคั่งล่าสุดโดย Knight Frank เอเจนซีอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ระบุว่า ชาวมิลเลนเนียล (Minnennials) หรือกลุ่มคนที่เกิดในช่วงปี 1981-1996 กำลังจะกลายเป็น กลุ่มคนรุ่นที่มั่งคั่งที่สุดที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ (The Richest Generation in History) ซึ่งแหล่งที่มาของทรัพย์สินมหาศาลของพวกเขาเหล่านี้ก็คือมรดกนั่นเอง&nbsp; &nbsp;&nbsp;ในอีกราวสองทศวรรษข้างหน้า จะเกิดการส่งต่อความมั่งคั่งครั้งใหญ่ (The Great Wealth Transfer) จากรุ่นสู่รุ่น ลำพังแค่ในสหรัฐอเมริกาก็มีมูลค่าทรัพย์สินรวมถึง 90 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ แล้ว มากพอจะพลิกให้ชาวมิลเลนเนียลผู้รับมรดกกลายเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รายงานของ Knight Frank คาดการณ์ว่าตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงปี 2044 กลุ่มคนรุ่น Silent Generation (เกิดระหว่างปี 1925-1945) และเบบี้บูมเมอร์ (เกิดระหว่างปี 1946-1964) จะทำการส่งมอบความมั่งคั่งที่สั่งสมมาให้ทายาทซึ่งก็คือชาวมิลเลนเนียล โดยส่วนใหญ่จะเป็นอสังหาริมทรัพย์ แต่ก็มีทรัพย์สินอื่น เช่น หุ้น และพันธบัตร รวมอยู่ด้วยเช่นกัน&nbsp; &nbsp;&nbsp;มรดกมหาศาลเหล่านี้จะพาให้คนรุ่นมิลเลนเนียลกลายเป็นกลุ่มคนรุ่นที่มั่งคั่งที่สุดที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ ซึ่งแน่นอนว่าเงื่อนไขคือชาวมิลเลนเนียลคนนั้นต้องมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยหรือมีทรัพย์สมบัติเก็บสะสมไว้ด้วยเช่นกัน&nbsp; &nbsp;&nbsp;Liam Bailey หัวหน้าฝ่ายวิจัยจาก Knight Frank ยังเผยว่าการส่งต่อความมั่งคั่งคราวนี้จะมาพร้อมความเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ในเรื่องของการนำทรัพย์สินไปใช้ต่อ ยกตัวอย่างเช่น รายงานเผยว่าคนรวยที่อายุน้อยไม่ค่อยมองว่าอสังหาริมทรัพย์คือหนทางการลงทุนสร้างความมั่งคั่งในอนาคตที่เหมาะสม&nbsp; &nbsp;&nbsp;“อัตราดอกเบี้ยต่ำและราคาบ้านที่เติบโตตลอด 15 ปีที่ผ่านมาดูไม่น่าจะเกิดขึ้นซ้ำในปี 15 ปีข้างหน้า” Mike Pickett ผู้อำนวยการ Cazenove Capital กล่าวในรายงาน&nbsp; &nbsp;&nbsp;อีกทั้ง ชาวมิลเลนเนียลยังหันมาใส่ใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกันมากขึ้น และให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมกว่าคนรุ่นก่อน&nbsp; &nbsp;&nbsp;“ชาวมิลเลนเนียลเข้าใจเรื่องการลดการบริโภค โดยผู้เข้าร่วมทำแบบสำรวจเพศชาย 80% และเพศหญิง 79% บอกว่าพวกเขากำลังพยายามลดคาร์บอนฟุตพรินต์ของตนเองอยู่” Baily เผย&nbsp; &nbsp;&nbsp;ในขณะที่มีเบบี้บูมเมอร์เพศชายเพียง 59% ที่พยายามลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ต่ำกว่าเบบี้บูมเมอร์เพศหญิงที่มีจำนวน 67%&nbsp; &nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ รายงานของ Knight Frank ยังเปิดเผยว่าผู้คนจำนวนมากมีความมั่งคั่งเพิ่มสูงขึ้นในปี 2023 ที่ผ่านมา จำนวนผู้มีมูลค่าทรัพย์สิน 30 ล้านเหรียญขึ้นไปเพิ่มขึ้น 4.3% จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 626,619 คนทั่วโลก และคาดว่าแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องที่ราว 28% ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยกลุ่มคนที่มั่งคั่งเพิ่มขึ้นสูงสุดจะอยู่ในเอเชีย เช่น อินเดีย จีน มาเลเซีย และอินโดนีเซีย&nbsp; &nbsp;&nbsp;และสำหรับใครที่ไม่ได้มีพื้นฐานครอบครัวร่ำรวยก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะนอกจากการส่งต่อมรดกแล้ว โอกาสในการสร้างความมั่งคั่งก็มีมากขึ้นเช่นกัน&nbsp; &nbsp;&nbsp;“ผมคิดว่าโอกาสอันหลากหลายในการสร้างความมั่งคั่งก็เพิ่มขึ้นด้วย ยกตัวอย่างนะครับ มียูทูเบอร์ที่รวยเป็นสิบล้าน การเป็นรุ่นแรกที่สร้างความมั่งคั่งด้วยตัวเองมีแนวโน้มสูงขึ้น เช่นเดียวกับเส้นทางการเป็นผู้ประกอบการที่เปิดกว้างขึ้น” Pickett กล่าว แหล่งที่มา:​<a href="https://robbreport.com/lifestyle/news/millennials-richest-generation-report-1235527236/" alt="Millennials Are Set to Become the ‘Richest Generation in History,’ a New Report Shows">Millennials Are Set to Become the ‘Richest Generation in History,’ a New Report Shows</a>​ ​<a href="https://www.cnbc.com/2024/02/29/wealth-transfer-millennials-to-become-richest-generation-in-history.html" alt="A huge wealth transfer means millennials are poised to become ‘the richest generation in history’">A huge wealth transfer means millennials are poised to become ‘the richest generation in history’</a>​ ​<a href="https://edition.cnn.com/2024/03/01/economy/millennials-richest-generation-in-history/index.html" alt="Millennials stand to become the richest generation in history, after $90 trillion wealth transfer">Millennials stand to become the richest generation in history, after $90 trillion wealth transfer</a>​ ​​​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/it/global/elon-musk-sues-sam-altman-and-openai" alt="Elon Musk ฟ้อง OpenAI แสวงหากำไร ละทิ้งมนุษยชาติ">Elon Musk ฟ้อง OpenAI แสวงหากำไร ละทิ้งมนุษยชาติ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events