<h2>Traveloka เผย ข้อมูลล่าสุด ประเทศไทยครองส่วนแบ่งการค้นหามากกว่า 50% ของประสบการณ์การเดินทางเชิงสุขภาพทั้งหมดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อีกทั้ง นักท่องเที่ยวชาวไทยราว 70% ชอบการท่องเที่ยวในประเทศมากกว่าต่างประเทศ และ 35% ระบุว่าการพักผ่อนและเติมพลังให้แก่ร่างกายและจิตใจ (rest and recharge) คือ แรงจูงใจหลักของการเดินทาง</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากข้อมูลการค้นหาบนแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวของ Traveloka (ทราเวลโลก้า) พบว่า ประเทศไทยครองส่วนแบ่งการค้นหามากกว่า 50% ของประสบการณ์เชิงสุขภาพทั้งหมด โดยกรุงเทพมหานครได้รับความนิยมสูงสุดในด้านสปาและบริการดูแลสุขภาพ รองลงมาคืออินโดนีเซียที่มีสัดส่วนการค้นหากว่า 30% โดยมีบาหลีเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม นอกจากนี้ ประเทศในภูมิภาคอย่างเวียดนาม มาเลเซีย ญี่ปุ่น และไต้หวัน ก็ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการการท่องเที่ยวเพื่อดูแลตัวเองทั้งใกล้บ้านและในภูมิภาค &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผลการค้นหาดังกล่าวสอดคล้องกับผลการศึกษาล่าสุดของ Traveloka ในหัวข้อ “การท่องเที่ยวในมิติใหม่: ทำความเข้าใจและตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก” ซึ่งรวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากผู้ตอบแบบสอบถามเกือบ 12,000 คนจาก 9 ประเทศ โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามจากประเทศไทยกว่า 2,000 คน พบว่า นักท่องเที่ยวชาวไทย 70% ชื่นชอบการท่องเที่ยวภายในประเทศมากกว่า โดย 35% ระบุว่าการพักผ่อนและเติมพลัง (rest and recharge) เป็นแรงจูงใจหลักในการเดินทาง ซึ่งสูงที่สุดในบรรดาหมวดหมู่ที่สำรวจทั้งหมด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เทรนด์นี้สอดคล้องกับการเติบโตของอุตสาหกรรมเชิงสุขภาพในประเทศไทย โดยในปี 2567 อุตสาหกรรมสร้างรายได้กว่า 1 ล้านล้านบาท และคาดการณ์ว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านล้านบาทภายในปี 2570 ด้วยอัตราการเติบโตต่อปี 7-10% ตามรายงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) Wellness Tourism คาดว่าจะเติบโตเร็วกว่า Medical Tourism (การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์) กว่า 3-4 เท่า ทั้งจากความต้องการในประเทศและระดับโลก&nbsp;กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต นำยอดค้นหาประสบการณ์ Wellness&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ประสบการณ์เชิงสุขภาพในกรุงเทพฯ ยังคงเป็นที่ต้องการสูงสุด รองลงมาคือ เชียงใหม่ ภูเก็ต อุบลราชธานี และพัทยา นักเดินทางไทยกำลังมองหาตัวเลือกใกล้ตัวเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรการดูแลตัวเอง ไม่ใช่เพียงแค่ในโอกาสพิเศษเท่านั้น โดยบริการยอดนิยมบนแอป Traveloka ในหมู่ผู้ใช้ชาวไทย ได้แก่&nbsp;สปาและนวด นวดไทยซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติโดยยูเนสโก ยังคงดึงดูดความสนใจอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ร้านสปาในตัวเมืองต่างๆ ก็ยังเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักเดินทางที่ต้องการผ่อนคลายและคลายความเครียดอย่างรวดเร็ว <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/09/V73het5vhx6S7Xi6iQj3.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="V73het5vhx6S7Xi6iQj3.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ออนเซ็นและน้ำพุร้อน ออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่น หรือบ่อน้ำพุร้อน ซึ่งมีประวัติยาวนานและขึ้นชื่อในด้านการบำบัดสุขภาพและคุณค่าทางวัฒนธรรม ถือเป็นรากฐานสำคัญของการผ่อนคลายและการดูแลสุขภาพในญี่ปุ่นมาหลายศตวรรษ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา วัฒนธรรมการแช่ออนเซ็นได้ก้าวข้ามพรมแดนและเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในประเทศไทย โดยมีทั้งบริการแช่แบบส่วนตัวและแบบรวมกลุ่มให้เลือกตามความต้องการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ร้านเสริมสวย การทำเล็บ และการต่อขนตา เป็นกิจกรรมที่โดดเด่นของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยการดูแลความงามและการเสริมสวยในชีวิตประจำวันได้กลายเป็นประสบการณ์ที่นักเดินทางชาวไทยให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการตัดแต่งทรงผม การทำเล็บ ไปจนถึงการต่อขนตา ซึ่งทั้งหมดนี้ผสมผสานทั้งการดูแลตัวเองและความผ่อนคลายเข้าด้วยกันอย่างลงตัว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คลินิกแพทย์และความงาม ระบบสาธารณสุขของไทยได้รับการยอมรับในระดับสากล ด้วยคุณภาพมาตรฐานสูงที่นักเดินทางสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องเดินทางไกล คลินิกเหล่านี้ได้รับความนิยมทั้งในด้านการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันและการให้บริการเสริมความงามหลากหลายรูปแบบ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/09/YMLb4Yin8oiPVQChJFiU.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="YMLb4Yin8oiPVQChJFiU.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp; &nbsp; ขณะเดียวกัน&nbsp;บาหลี ก็ยังคงเป็นเมืองหลวงด้านสุขภาพของอินโดนีเซียที่ฮิตในหมู่นักท่องเที่ยวไทยไม่แพ้กัน ด้วยชื่อเสียงด้านสปาสุดหรู รีทรีตโยคะ การบำบัดแบบองค์รวม และการฟื้นฟูด้วยธรรมชาติ ทำให้ดึงดูดนักเดินทางชาวไทยที่มองหาประสบการณ์สุขภาพครบวงจร ขณะที่จาการ์ตาและสุราบายาก็มีความต้องการสูง โดยเฉพาะบริการนวดกดจุดและสปาในตัวเมือง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้&nbsp;ญาจาง เวียดนาม ก็ขึ้นชื่อเรื่องรีสอร์ตสปาแสนสงบริมชายหาดและบริการแบบองค์รวมกลายเป็นตัวเลือกยอดฮิตสำหรับคนรักการผ่อนคลาย,&nbsp;มาเลเซีย ก็มีครบ ทั้งรีสอร์ตสปาหรู ศูนย์สุขภาพในกัวลาลัมเปอร์ และการนวดสมุนไพรแบบดั้งเดิม ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยให้มาลองประสบการณ์สุดพิเศษ,&nbsp;ด้าน ญี่ปุ่นและไต้หวัน ต่างก็มีเสน่ห์เฉพาะตัว ญี่ปุ่นเด่นเรื่องออนเซ็นและการนวดกดจุดผ่อนคลาย ส่วนไต้หวันโดดเด่นด้วยบริการความงามและทรีตเมนต์แบบมืออาชีพ&nbsp; &nbsp; อย่างไรก็ตาม Traveloka&nbsp;ในฐานะแพลตฟอร์มการเดินทางครบวงจรชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นตัวช่วยให้นักเดินทางสามารถเปลี่ยนชีวิตประจำวันให้กลายเป็นช่วงเวลาการเติมพลัง ด้วยรายการพาร์ทเนอร์ที่คัดสรรมาอย่างดี ความพร้อมใช้งานแบบเรียลไทม์ รีวิวที่เชื่อถือได้ และคำแนะนำที่ตรงกับความต้องการของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/09/rgMv8znE23JTHsspp2d2.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-file-name="rgMv8znE23JTHsspp2d2.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px;" data-index="2"></figure></div> ​ ภาพ :&nbsp;Traveloka เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/travel/khao-yai-ranked-2nd-asias-most-popular-rural-destinations-by-agoda" alt="‘เขาใหญ่’ โดนใจ 'นักท่องเที่ยว' สายรักธรรมชาติ! คว้าอันดับ 2 จุดหมายปลายทางชนบทยอดนิยมของเอเชีย">‘เขาใหญ่’ โดนใจ 'นักท่องเที่ยว' สายรักธรรมชาติ! คว้าอันดับ 2 จุดหมายปลายทางชนบทยอดนิยมของเอเชีย</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เทรนด์ รักสุขภาพ Wellness กำลังมาแรง! คนไทย 70% ชอบเที่ยวในประเทศ และ 35% เลือกเดินทางเพื่อชาร์จพลังกาย-ฮีลใจตัวเอง

<h2>ตลาด Wellness Tourism ในไทยโตสูง 36% ‘ออริจิ้น’ ลุยปั้นแลนด์มาร์คใหม่ เปิดตัวโซน Wellness Community “Neighbor Well” ในโครงการมิกซ์ยูส ออริจิ้น ลากูน เชิงทะเล ภูเก็ต บนพื้นที่ 14 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 4,000 ล้านบาท ปั้นฮับสุขภาพที่ครอบคลุมทั้งการอยู่อาศัย ไลฟ์สไตล์ และการดูแลสุขภาพอย่างลึกซึ้ง</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ธนกร วุฒิพงษ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศ บริษัท ออริจิ้น เวอร์ติเคิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ORIGIN VERTICAL ในเครือบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า จากวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่ต้องการขยายอาณาจักรธุรกิจ ไม่ใช่เพียงกลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย แต่ครอบคลุมถึงเมกะเทรนด์สู่เส้นทาง “Well-Being Lifetime Company หรือ องค์กรที่มีธุรกิจครอบคลุมการดูแลผู้บริโภคตลอดช่วงชีวิต” ด้วยการขยายอาณาจักรสินค้า-บริการครอบคลุมทั่วประเทศ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/07/nPhEEJaQkBxA2gLnPHTg.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="nPhEEJaQkBxA2gLnPHTg.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,480"><figcaption><div>ธนกร วุฒิพงษ์</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุด บริษัทฯได้เปิดตัว โครงการ Mixed-Use Wellness Community ครบวงจรใจกลางเชิงทะเล ภูเก็ต แลนด์มาร์คใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Comprehensive Wellness mixed-use oasis โครงการมิกส์ยูซบนพื้นที่กว่า 14 ไร่ ใจกลางทำเลทอง เพียง 250 เมตร จาก Boat Avenue ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 4,000 ล้านบาท รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นพ.ชวกิจ ภูมิบุญชู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น เฮลท์แคร์ จำกัด กล่าวว่า ออริจิ้น เฮลท์แคร์ กับ KMB hospital ได้มีการเซ็นต์ MOU ร่วมกัน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาโซน wellness รวมถึงส่งมอบบริการด้านสุขภาพที่ดี ตลอดจนการยกระดับคุณภาพชีวิตแก่ผู้อยู่อาศัยในโครงการของออริจิ้น และลูกค้าทั่วไปอย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังเป็นการยกระดับจังหวัดภูเก็ต ให้เป็นศูนย์กลาง Wellness ระดับโลก สะท้อนได้จากอัตราการเติบโตของตลาด Wellness Tourism ในไทยที่เติบโตสูงถึง 36% ที่มีนักท่องเที่ยวศักยภาพสูงจำนวนมากให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมากขึ้น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/07/GNw9VZh1fAKqys1d2zi5.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="GNw9VZh1fAKqys1d2zi5.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="720,480"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน พญ.มัณฑนัส พีระพัฒน์ชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เคเอ็มบี (KMB hospital ) โรงพยาบาลเฉพาะทางที่เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย กล่าวว่า การสร้างสรรค์คอมมูนิตี้เพื่อสุขภาพที่ครอบคลุมทั้งการอยู่อาศัย ไลฟ์สไตล์ และการดูแลสุขภาพอย่างลึกซึ้ง โรงพยาบาลได้นำจุดแข็งมาสนับสนุนการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ ด้วยการนำเทคโนโลยีทางการแพทย์เข้ามาให้บริการ รวมถึงการมอบสิทธิประโยชน์รูปแบบต่างๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ การเนรมิต Mixed-Use Wellness Community โครงการที่อยู่อาศัยหนึ่งเดียวครบวงจรใจกลางเชิงทะเล ภูเก็ต นอกจากจะพัฒนาร่วมกับ KMB hospital แล้ว ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ผนึกกำลังกับบริษัท ออริจิ้น เฮลท์แคร์ จำกัด โดยให้ความสำคัญกับหนึ่งในธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาวและ New S-Curve ที่เข้ามาสร้างคุณค่าใหม่ๆ ในการดูแลผู้บริโภคทุกช่วงชีวิต (Customer Lifetime Valued) ของออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ด้วยวิสัยทัศน์ในการนำบริการสุขภาพมาสร้าง Life Longer, Life Happier ให้แก่ผู้บริโภคเพื่อร่วมกันสร้างเมือง สร้างความเปลี่ยนแปลง และเติมเต็มทุกความต้องการของพื้นที่เชิงทะเล ภูเก็ต ครบวงจรของการใช้ชีวิตภายในพื้นที่เดียว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/07/qYw6oqZnwd4x7AmeuNTJ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="qYw6oqZnwd4x7AmeuNTJ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2" origin-size="720,480"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ธนกร ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า เชิงทะเลถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทำเล Luxury Lifestyle โดยรอบโครงการ มีบรรยากาศที่เงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อน อยู่ไม่ไกลจากแหล่ง Lifestyle และในช่วงหลังจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย มีกลุ่มผู้ประกอบการเข้ามาลงทุนและพัฒนาโครงการบนพื้นที่จังหวัดภูเก็ตรวมทั้งภาครัฐและเอกชนมูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่รายงานจาก C9 Hotelworks เปิดเผยถึงตัวเลขการลงทุน Branded Residences บนเกาะภูเก็ตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าสูงกว่า 80,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นแนวโน้มที่สะท้อนถึงการเติบโตของตลาดที่อยู่อาศัยโดยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพื่อรองรับตลาดท่องเที่ยวของภูเก็ตที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เจาะกลุ่มเป้าหมายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นักลงทุนรวมถึงคนที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียมเป็นบ้านหลังที่สอง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับโครงการ ออริจิ้น ลากูน เชิงทะเล ภูเก็ต ตั้งอยู่บนพื้นที่ 14 ไร่ เป็นโครงการ Mixed-Use Wellness ประกอบไปด้วย 3 โซน ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;· โซน Retail &amp; Wellness : Neighbor Well เป็น Wellness Community แห่งใหม่ บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ ให้บริการครบวงจร ทั้งสปา ฟิตเนส คลินิกความงาม เวชศาสตร์ฟื้นฟู การปรับสมดุลสุขภาพจิต และร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ครอบคลุมทุกมิติของการดูแลทั้งกาย ใจ และอารมณ์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;· โซนที่อยู่อาศัย ประกอบไปด้วย โครงการคอนโดมิเนียม SO Lagoon Cherngtalay by Origin : คอนโด Low-Rise 3 อาคาร รวม 511 ยูนิตราคาเริ่ม 3.19 ล้านบาท บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ โดดเด่นด้วยดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ มีโซน Pet Friendly พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกระดับโรงแรม อาทิ คลับเฮาส์ ฟิตเนส สระว่ายน้ำ และสวนพักผ่อนเหมาะทั้งสำหรับอยู่อาศัยเองและลงทุนปล่อยเช่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และโครงการพลูวิลล่า Balco Lagoon Cherngtalay Phuket : พูลวิลล่าหรูแนวโมเดิร์น บนพื้นที่กว่า 6 ไร่ ออกแบบเพื่อการพักผ่อนของครอบครัวโดยเฉพาะ พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว สวนล้อมรอบ และวัสดุคุณภาพระดับพรีเมียม มอบทั้งความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบายในทุกช่วงเวลา ราคาเริ่มต้น 35 ล้านบาท​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/07/6tqkyuvTpgnjdU9Jcc8y.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="6tqkyuvTpgnjdU9Jcc8y.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3" origin-size="720,480"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;· โซนโรงแรม Lifestyle Boutique Hotel : โรงแรมบูติกดีไซน์ทันสมัย บนพื้นที่ 1 ไร่ ติดทะเลสาบ รองรับกิจกรรมแนว Sport &amp; Social ภายใต้คอนเซปต์ “Well-Being, But Make It Fun”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ โครงการออริจิ้น ลากูน คาดก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ 100% พร้อมให้บริการครบวงจรในปี 2028 ภาพ: ออริจิ้น เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/property/central-pattana-pins-down-world-class-landmark-in-the-heart-of-bangkok-preparing-open-central-park-on-september-4-2025" alt="เซ็นทรัลพัฒนา ปักหมุดแลนด์มาร์กระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ เตรียมเผยโฉม ‘Central Park’ 4 ก.ย. 68 นี้">เซ็นทรัลพัฒนา ปักหมุดแลนด์มาร์กระดับโลกใจกลางกรุงเทพฯ เตรียมเผยโฉม ‘Central Park’ 4 ก.ย. 68 นี้</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘ออริจิ้น’ ปั้นแลนด์มาร์คสุขภาพ ‘Neighbor Well’ ในมิกซ์ยูสภูเก็ต มูลค่าโครงการรวม 4,000 ล้าน

เปิดตัว BDMS Wellness Clinic ศรีพันวา ศูนย์ดูแลสุขภาพระดับลักชัวรี ดันภูเก็ตสู่ Wellness Destination ระดับโลก!

<h2>BDMS Wellness Clinic ศูนย์สุขภาพเชิงป้องกัน เปิดตัวบัตร Longevity Card บัตรสมาชิกดูแลสุขภาพมูลค่า 1 ล้านบาท มาพร้อมสิทธิประโยชน์พิเศษเพื่อการดูแลสุขภาพตลอดปี ตั้งแต่ตรวจสุขภาพเชิงลึก สุขภาพจิตใจ วางแผนออกกำลังกาย ไปจนถึงการวางแผนการดำเนินชีวิตเพื่ออายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ (Healthspan) มูลค่ารวมกว่า 1.5 ล้านบาท พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Wellness Destination of the World</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบันเทรนด์การดูแลสุขภาพยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์ที่ทั่วโลกกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย รวมถึงโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs เช่น เบาหวาน โรคอ้วน และความเครียด ทำให้ภาพรวมธุรกิจ Wellness เป็นที่นิยมเพิ่มขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เห็นได้จากข้อมูลตลาด Wellness ทั่วโลก ที่คาดว่าจะโตต่อเนื่องทุกปีราว 8.6% และจะแตะถึง 8.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2570 นอกจากนี้ ประเทศไทยยังถือเป็นหนึ่งใน 20 อันดับจุดหมายปลายทางด้าน Wellness ของโลก สอดคล้องกับนโยบาย Wellness Hub Thailand ที่ต้องการให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของโลกอีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;BDMS Wellness Clinic ในเครือ BDMS หรือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ จึงเล็งเห็นถึงโอกาส เดินหน้ารุกตลาด Ultra Luxury Wellness และสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพองค์รวม เพื่อป้องกันการเกิดโรคต่างๆ ด้วยการเปิดตัวบัตร Longevity Card บัตรสมาชิกรายปีที่มอบสิทธิประโยชน์พิเศษเพื่อการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องตามความเหมาะสมตลอดปี พร้อมการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมผู้ชำนาญการ และสิทธิพิเศษอีกมากมายให้แก่ผู้ถือบัตร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บัตร Longevity Card สิทธิประโยชน์พิเศษเพื่อการดูแลสุขภาพ จาก BDMS Wellness Clinic มอบการตรวจวิเคราะห์สุขภาพเชิงลึกที่ครอบคลุมในหลายมิติ ตั้งแต่การปรับสมดุลวิตามินและแร่ธาตุภายในร่างกาย คุณภาพการนอนหลับ การควบคุมน้ำหนักต่อสู้โรคอ้วน สุขภาพจิตใจ การวางแผนการออกกำลังกาย ไปจนถึงการวางแผนการดำเนินชีวิตเพื่ออายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ (Healthspan)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บัตร Longevity Card มอบการวิเคราะห์สุขภาพที่ทันสมัย เช่น การตรวจพันธุกรรม Genetic และ Epigenetics, การตรวจระดับฮอร์โมน, การตรวจระดับภูมิต้านทาน, การตรวจอายุชีวภาพของร่างกายเรา (Biological Age), การวัดระดับไขมันพอกตับ, การวัดความสะอาดของหลอดเลือด การตรวจหาเซลล์มะเร็งระยะเริ่มต้น (Early Detection Cancer) และการวิเคราะห์ระดับวิตามินและแร่ธาตุ สาร antioxidant อย่างละเอียด เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เพื่อให้สมาชิกบัตรได้ล่วงรู้ถึงข้อมูลสุขภาพ เพื่อการออกแบบการใช้ชีวิต และผลิตวิตามินเฉพาะบุคคล (Personalized Supplement) ที่ตรงกับความต้องการของร่างกายแต่ละคน และเสริมให้การป้องกันโรคมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งกลุ่มโรค NCDs, มะเร็ง และอื่นๆ โดยการดูแลอย่างใกล้ชิดจาก BDMS Wellness Clinic&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยจุดเด่นคือมีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ป้องกัน ด้วยหลักเวชศาสตร์วิถีชีวิต พร้อมทีมสหวิชาชีพคอยให้การดูแลอย่างใกล้ชิด (Health and wellness coaches; HWCs) นอกจากนี้ยังมีทีมนักโภชนาการวางแผนการรับประทานอาหารให้เหมาะกับผลตรวจสุขภาพเฉพาะบุคคล (Personalized Diet) และมีทีมดูแลเรื่องการออกกำลังกายให้เหมาะกับช่วงวัย และเพิ่มประสิทธิภาพร่างกาย ระบบเส้นเอ็น และข้อต่อด้วยเครื่องมือทันสมัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และบีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “BDMS Wellness Clinic มุ่งมั่นดูแลสุขภาพเชิงป้องกันของคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง Longevity Card เปรียบเสมือนการลงทุนในสุขภาพดีอย่างยั่งยืนตลอดปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ภายใน 1 ปี ทีมแพทย์และทีมสหวิชาชีพจะดูแลสุขภาพท่านอย่างต่อเนื่องตามความเหมาะสมของช่วงวัยและวิถีการใช้ชีวิตตลอดทั้งปี ตั้งแต่ การตรวจสุขภาพในระดับ DNA การตรวจระดับสารอาหารและวิตามิน การตรวจ Epigenetics การวางแผนการออกกำลังกาย และบริการด้านสุขภาพอื่นๆ”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/jMmKH29RC2BNjV8fejSs.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="jMmKH29RC2BNjV8fejSs.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ บัตร Longevity Card สิทธิประโชน์พิเศษด้านสุขภาพ จำหน่ายในราคาใบละ 1 ล้านบาท รับสิทธิพิเศษรวมมูลค่าทั้งสิ้น กว่า 1.5 ล้านบาท ประกอบด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.โปรแกรมตรวจสุขภาพ ที่ให้การดูแลด้านสุขภาพในหลายมิติ การบริการอย่างพิถีพิถัน และการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์จาก บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก ภายใต้คอนเซ็ปต์ Predict Prevent Personalize อาทิ โปรแกรม Regenerative Signature บริการตรวจสุขภาพในระดับเซลล์กว่า 80 รายการ เช่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ผลโลหิตวิทยา ระดับน้ำตาล ตรวจค่าการทำงานของตับ และการตรวจการทำงานของไต &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ระดับการทำงานของหัวใจ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-สารบ่งชี้ความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็ง &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-การตรวจตับและช่องท้อง ด้วยเครื่องแม่เหล็กไฟฟ้า หรือการ MRI ช่องท้องความละเอียดสูงแบบไม่ฉีดสี (MRI Whole &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Abdomen Non-contrast) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-การตรวจระดับฮอร์โมนภายในร่างกาย &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-การตรวจเลือดวิเคราะห์ปริมาณสารอาหาร ระดับวิตามิน และแร่ธาตุในร่างกาย 18 ชนิด (Micronutrients) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-การตรวจความหนาแน่นของมวลกระดูก มวลไขมัน และ มวลกล้ามเนื้อ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-การตรวจระดับสุขภาพขณะเล่นกีฬา &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-การตรวจสารโลหะหนัก &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-การตรวจวัดระดับเซลล์ภูมิคุ้มกันในร่างกาย (NK Cell Activity) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ตรวจเทโลเมียร์ (Biological Age) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-การตรวจสุขภาพเชิงลึกอื่นๆ เพื่อให้คุณเข้าใจร่างกายตัวเองได้ดีกว่าเคย อาทิ Epigenetics, Ultrasound Carotid Artery + Ultrasound Thyroid และ Digital Mammogram &amp; Breast Ultrasound​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/BiZYoE1wGHCY5ztD4ueL.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="BiZYoE1wGHCY5ztD4ueL.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.บัตรชีววัฒนะ ระดับ Perfect Diamond อายุการเป็นสมาชิก 3 ปี บัตรสมาชิกในเครือ BDMS ทั้งหมด 35 แห่งทั่วประเทศ ที่มาพร้อมสิทธิประโยชน์มากมายเมื่อเข้ารับบริการ ณ โรงพยาบาลในเครือฯ และยังได้รับบัตรชีววัฒนะเพิ่มอีก 3 ใบ มอบการดูแลสุขภาพอันแสนพิเศษให้กับสมาชิกในครอบครัวและคนสำคัญของคุณ ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-บัตรชีววัฒนะ Prime Platinum - อายุการเป็นสมาชิก 2 ปี &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-บัตรชีววัฒนะ Value Gold - อายุการเป็นสมาชิก 1 ปี &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-บัตรชีววัฒนะ Junior - อายุการเป็นสมาชิก 3 ปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.สิทธิประโยชน์จากพันธมิตรชั้นนำต่างๆ อีกมากมาย เพื่อมอบการดูแลในหลากหลายด้านให้กับสมาชิกคนพิเศษ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ อาทิ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ผู้ให้บริการส่วนตัวดูแลสุขภาพ พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-บริการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยเฮลิคอปเตอร์และทีมแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉินหรือแพทย์เฉพาะทาง &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ส่วนลดค่าห้องพัก อาหาร และบริการต่างๆ ณ เมอเวนพิค บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท กรุงเทพ และ อนันตรา รีเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ รีสอร์ท &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ห้องพักฟรี 1 คืน และส่วนลดพิเศษอื่น ๆ ณ โรงแรม เซเลส สมุย &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-บริการห้องรับรองพิเศษ สำหรับผู้ที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลในเครือ BDMS &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ส่วนลดตั๋วเครื่องบิน และบริการห้องรับรองชั้นธุรกิจ Blue Ribbon Club Lounge สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ส่วนลด 10% สำหรับค่าอาหารและเครื่องดื่ม ณ ภัตตาคารอาหารจีน เชฟแมน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ด้วยสิทธิประโยชน์พิเศษเพื่อการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี สำหรับผู้ถือบัตร Longevity Card บริการนี้จึงเป็นอีกแรงขับเคลื่อนสำคัญในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Wellness Destination of the World หรือ Wellness Hub Thailand Project โดยการดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจากทั่วโลก เพื่อมารับบริการด้านสุขภาพจากทีมแพทย์ในเครือ BDMS ซึ่งมุ่งมั่นที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านสุขภาพที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล” นายแพทย์ตนุพล กล่าวปิดท้าย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/vimut-hospital-maxillofacial-contouring-center-sep-2024" alt="รพ. วิมุตเปิด 'ศูนย์ศัลยกรรมปรับโครงหน้า' เจาะฐานคนรุ่นใหม่ หวังเพิ่มสัดส่วนกลุ่มต่างชาติ 35-40%">รพ. วิมุตเปิด 'ศูนย์ศัลยกรรมปรับโครงหน้า' เจาะฐานคนรุ่นใหม่ หวังเพิ่มสัดส่วนกลุ่มต่างชาติ 35-40%</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เครือ BDMS เปิดตัว Longevity Card บัตรสมาชิกดูแลสุขภาพใบละ 1 ล้านบาท รุกตลาด Ultra Luxury Wellness

<h2>ปิดฉากอย่างสวยงามสำหรับงาน Thailand Wellness &amp; Healthcare Expo 2024 ที่จัดระหว่างวันที่ 16-18 สิงหาคม 2567 ฮอลล์ 99 ไบเทค ที่ผ่านมา นับเป็นเวทีแรกของการจัดงานโดยบริษัท กิจการร่วมค้า พีเอ็มจี-ไทยพัฒนา จำกัด ที่ประสบความสำเร็จสมความตั้งใจ ด้วยยอดผู้เข้าร่วมชมงานตลอดทั้ง 3 วันกว่า 15,892 ราย เจรจาจับคู่ธุรกิจ 167 คู่ หนุนเงินสะพัดในงานพุ่งทะยานกว่า 227 ล้านบาท</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นายแพทย์สมอาจ วงศ์ขมทอง ประธาน บริษัท กิจการร่วมค้า พีเอ็มจี-ไทยพัฒนา จำกัด กล่าวถึงความสำเร็จของการจัดงานครั้งนี้ว่า “การจัดงาน Thailand Wellness &amp; Healthcare Expo 2024 ที่ผ่านมาถือเป็นการจัดงานครั้งแรกของ กิจการร่วมค้า พีเอ็มจี-ไทยพัฒนา ซึ่งได้ผลตอบรับดีเกินความคาดหมาย ด้วยความร่วมมือจากพันธมิตรหลายภาคส่วน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับพันธมิตรผู้มีส่วนร่วมในการผนึกกำลังร่วมเปิดเวทีที่ได้ผนึกแนวร่วมเปิดเวทีสร้างโอกาสในการแสดงศักยภาพองค์กรและธุรกิจสุขภาพ เวลเนส สปา คลินิก และท่องเที่ยว รวมกว่า 170 ราย&nbsp;อาทิ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน), กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, กรมการค้าต่างประเทศ, กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ, สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ, สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน), บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม, ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย, บริษัท ไบโอแอคทีฟ จำกัด และเครือสหพัฒน์​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/4n1GkaSibNTtaZXaM6aY.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="4n1GkaSibNTtaZXaM6aY.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,480"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Thailand Wellness &amp; Healthcare Expo 2024 มีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบริการด้านสุขภาพและการแพทย์ของโลก รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้ในการดูแลสุขภาพแก่ประชาชนทั่วไป โดยงานนี้มีผู้สนใจเรื่องเทรนด์สุขภาพและเวลเนสหลั่งไหลเข้าร่วมงานรวมกว่า 15,892 ราย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน ณรินณ์ทิพ วิริยะบัณฑิตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจการร่วมค้า พีเอ็มจี-ไทยพัฒนา จำกัด กล่าวสรุปการจัดงานในครั้งนี้ว่า ภาพรวมประสบความสำเร็จตามความมุ่งหมาย และในงานนี้ยังเสิร์ฟแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ต้องการลงทุนในธุรกิจสุขภาพ หรือต้องการขยายต่อยอดธุรกิจ โดยยอดการขอสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยมีมูลค่ารวมถึง 223 ล้านบาท ทำให้ยอดเงินสะพัดในงานทะยานถึง 227 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกหนึ่งไฮไลท์ในงานที่ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม คือ กิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ ภายในงานมีผู้ค้ารายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศสนใจเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก อาทิ บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (Alibaba), AVIOR ASIA ประเทศเวียดนาม, บริษัท มอลล์ (ไทยแลนด์) จํากัด และ บริษัท พีระมาศ กรุ๊ป จำกัด จากตะวันออกกลาง และแอฟริกา, บริษัท แคสวาไทย อินเตอร์ คอมเมอร์เชียล จากบาเรนห์, Wei thi guo บริษัท ดิจิลิ้งก์ (ประเทศไทย) จำกัด จากประเทศจีน, กลุ่มนักธุรกิจจากประเทศอินเดีย โดยกงสุลใหญ่เมืองมุมไบ และ KAZAKH THAI ALLIANCE ให้คำแนะนำสินค้าและบริการทางการแพทย์ไปยังประเทศคาซัคสถาน​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/1JLvCHoVLQJbRWffGRdH.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="1JLvCHoVLQJbRWffGRdH.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="720,480"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;งานนี้สามารถเจรจาจับคู่ธุรกิจได้มากถึง 167 คู่ ธุรกิจที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ได้แก่ ธุรกิจสปา ผลิตภัณฑ์ความงาม ธุรกิจอาหารสุขภาพ คลินิกสุขภาพ และ ธุรกิจ Skin Care ส่วนผู้ประกอบการที่มาจับคู่ธุรกิจต้องการหาคู่ค้าต่างประเทศมากที่สุด รองลงมาคือต้องการช่องทางแพลตฟอร์ม E-commerce เนื่องจากเป็นช่องทางหนึ่งที่สามารถเพิ่มช่องทางการขายสินค้าสู่ตลาดต่างประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ณรินณ์ทิพเผยว่า “ผลตอบรับจากการจัดงานในครั้งนี้ เป็นบทพิสูจน์ว่าคนไทยให้ความสนใจในเรื่องเทรนด์สุขภาพเป็นจำนวนมาก ด้วยประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ทำให้หลายคนหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ในงานยังมีชาวต่างชาติจากหลายประเทศให้ความสนใจในธุรกิจสุขภาพและเวลเนสเข้าร่วมงานอย่างคับคั่งรวม 354 ราย จาก 35 ประเทศ มากที่สุด ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น อินเดีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฟินแลนด์ พม่า และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของการจัดงาน Thailand Wellness &amp; Healthcare Expo 2024 ที่ต้องการเป็นเวทีแสดงศักยภาพธุรกิจสุขภาพความงาม เวลเนส สปา และท่องเที่ยวแบบครบวงจร เพื่อกระตุ้นให้คนไทยมีสุขภาพดีแบบองค์รวม รวมทั้งยังเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองที่สนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบริการสุขภาพและการแพทย์ระดับโลกต่อไป” ณรินณ์ทิพ กล่าวทิ้งท้าย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/krungsri-auto-new-plan-go-travel-aug-2024" alt="กรุงศรี ออโต้ คาดปี 67 ตลาดสินเชื่อรถหดตัว เล็งหารายได้ใหม่ผ่าน GO Travel บนแอปฯ">กรุงศรี ออโต้ คาดปี 67 ตลาดสินเชื่อรถหดตัว เล็งหารายได้ใหม่ผ่าน GO Travel บนแอปฯ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ย้ำแกร่งธุรกิจสุขภาพไทย! Thailand Wellness & Healthcare Expo 2024 ปิดฉากงดงาม เงินสะพัดกว่า 227 ล้านบาท

<h2>อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และประเทศไทยเองก็โดดเด่นเรื่องนี้ไม่น้อย ล่าสุด BDMS Wellness Clinic ประกาศความร่วมมือกับ Fanhua Blue Plus Management โบรกเกอร์ประกัน-ผู้ให้บริการด้านสุขภาพในจีน หวังดึงนักท่องเที่ยวจีนใช้บริการสุขภาพเชิงป้องกัน ผลักดัน Wellness Tourism ของไทย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายแพทย์ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก และบีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ข้อตกลงครั้งนี้เป็นการเปิดความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ โดย BDMS Wellness Clinic พยายามรณรงค์เรื่องการดูแลสุขภาพมาโดยตลอด ซึ่งเราต้องการเป็นฟันเฟืองหนึ่งในการขับเคลื่อนให้คนในสังคมมีสุขภาพดี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุไปเรียบร้อย อีกทั้งในอนาคตก็จะมีประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งหลายประเทศในโลกนี้ก็กำลังเดินหน้าเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเหมือนกับประเทศไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ โรคไม่ติดต่อเรื้อรังยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่สำคัญของคนไทย ประมาณการว่าใน 1 ชั่วโมงมีคนไทยเสียชีวิตด้วยโรคกลุ่มนี้ถึง 44 คน ไม่เพียงเท่านั้นโรคกลุ่มนี้ยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของผู้คน 74% บนโลกอีกด้วย และเมื่อเจอกับสถานการณ์โรคระบาด คนที่ไม่แข็งแรง หรือไม่ได้เตรียมตัวรับมือ ก็พลั้งพลาด แพ้โรคระบาด” <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/YWpN5nPEXEtMmuEw5DgF.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="YWpN5nPEXEtMmuEw5DgF.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายแพทย์ตนุพลกล่าวอีกว่า ปัจจัยดังกล่าวทำให้กระแสรักสุขภาพเพิ่มขึ้นมาก BDMS Wellness Clinic เองก็ผลักดันเรื่องนี้ในไทยมาหลายปี กระทั่งตอนนี้มองว่าประชากรประเทศอื่นก็อยากมีสุขภาพดีด้วย จึงอยากนำเสนอความรู้ เทคโนโลยีการตรวจของเครือ BDMS มาสู่ประชาชนมากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ในปี 2566 ที่ผ่านมามีผู้เข้าใช้บริการโรงพยาบาลในเครือ BDMS กว่า 12 ล้านคน โดย 2-3 ล้านคนเป็นชาวต่างชาติ โดยมีชาวตะวันออกกลางและชาวจีนเป็นอันดับต้นๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม นพ.ตนุพล กล่าวว่า จำนวนชาวต่างชาติที่มาเข้ารับบริการดังกล่าวนั้นล้วนแต่เป็นผู้ป่วย แต่ความร่วมมือในครั้งนี้ BDMS อยากนำเสนอว่าเขาไม่ต้องป่วย แต่ก็มาเมืองไทย มาใช้บริการสุขภาพที่ไทยได้ หรือเรียกได้ว่าการร่วมมือในครั้งนี้มีเป้าหมายไปที่การให้บริการเชิงสุขภาพที่เน้นการป้องกันก่อนเกิดการเจ็บป่วยนั่นเอง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ประเทศไทยถูกจัดอันดับโดย GWI (Global Wellness Institute) เมื่อปี 2020 ให้เป็น Wellness Destination อันดับ 2 รองจากประเทศออสเตรเลีย สิ่งที่หมออยากผลักดันคืออยากให้ประเทศไทยเป็น Wellness Tourism Destination ของโลก คือนอกจากมาเที่ยวประเทศไทยแล้ว ก็อยากจะให้เขากลับไปสุขภาพดีด้วย อยากให้เมื่อผู้คนนึกถึงประเทศไทย ก็นึกถึงเรื่องเวลเนสด้วย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่าปี 2566 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวชาวจีนมาเยือนไทยมากกว่า 4 ล้านคน ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกตามนโยบายฟรีวีซ่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ข้อมูลของ Global Wellness Tourism Economy การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพก็ได้เติบโตเพิ่มขึ้นด้วย โดยขนาดตลาดทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 9.19 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2565 และมีอัตราเติบโตต่อปีที่ 7.5% ความร่วมมือครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเจาะตลาดที่กำลังเติบโต ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยได้กลายเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/nJcz5Mbx11aNPRtsNwfA.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="nJcz5Mbx11aNPRtsNwfA.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นพ.ตนุพล ยังกล่าวอีกว่า สำหรับชาวจีนที่ Fanhua Blue Plus Management ส่งมาใช้บริการที่ BDMS Wellness Clinic นั้นมีหลายกลุ่มแล้ว กลุ่มแรกๆ ให้ความสนใจเรื่องการดูแลสุขภาพจากข้างใน เช่น การตรวจฮอร์โมน การตรวจว่าร่างกายขาดวิตามินอะไร นอนหลับลึกหรือไม่ ซึ่งคล้ายๆ กับชาติอื่นๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับบริษัท FanHua Blue Plus Health Management เป็นบริษัทที่มีประวัติอันยาวนานในด้านการให้บริการจัดการทางการเงินและสุขภาพอย่างครอบคลุม ตั้งแต่การคุ้มครองการประกันภัยไปจนถึงการวางแผนการเกษียณอายุ การจัดการสินทรัพย์ การจัดการด้านสุขภาพ การจัดการสินทรัพย์ และบริการดูแลด้านครอบครัวของคนในประเทศจีน ซึ่งการร่วมเป็นพันธมิตรกับบีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก จะช่วยยกระดับชื่อเสียงของประเทศไทยในด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพ และยังช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดใจในฐานะจุดหมายปลายทางหลักสำหรับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอีกด้วย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/rebrand-paolo-to-phyathai-phaholyothin" alt="‘กลุ่มทองแตง’ พลิกโฉม รพ.เปาโล พหลโยธิน สู่ ‘พญาไท พหลโยธิน’ ลุยเจาะกลุ่มพรีเมียม!">‘กลุ่มทองแตง’ พลิกโฉม รพ.เปาโล พหลโยธิน สู่ ‘พญาไท พหลโยธิน’ ลุยเจาะกลุ่มพรีเมียม!</a>​ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เครือ BDMS เอ็มโอยูบริษัทจีน ดึง นทท.จีนใช้บริการสุขภาพ หนุนไทยเป็นฮับ Wellness Tourism

<h2>การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาเป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายด้านหลังจากสถานการณ์คลี่คลายลง โดยเฉพาะเทรนด์ด้านสุขภาพที่ทำให้เกิดกระแสการดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมการป้องกันและปรับวิถีชีวิตประจำวันให้มีสุขภาพที่ดีแบบองค์รวมในหลายมิติ รวมถึงการมีความเป็นอยู่ที่ดี</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกนี้ Global Wellness Institute (GWI) องค์กรด้านการวิจัยและศึกษาอุตสาหกรรม Wellness คาดการณ์ว่า อุตสาหกรรม Wellness ทั่วโลก (Global Wellness Economy) จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 4.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ&nbsp;ในปี 2563 เป็นราว 7 ล้านล้านเหรียญในปี 2568 ซึ่งนับว่าเป็นการเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% ด้วยปัจจัยสนับสนุนการเติบโตมาจาก&nbsp;2 เรื่องหลักสำคัญ ได้แก่&nbsp;ปัจจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยหันมาใส่ใจและรักสุขภาพมากขึ้น ซึ่งคนส่วนใหญ่เห็นว่าการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและป้องกันตนเองไว้ก่อนที่จะเกิดโรคเป็นสิ่งจำเป็น เพราะการมีสุขภาพไม่แข็งแรงนอกจากจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ แล้ว ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลยังค่อนข้างสูงอีกด้วย <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/TVxTWWdiMN916m1E6kRj.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="TVxTWWdiMN916m1E6kRj.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยการเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ซึ่งมีรายงานจากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO (World Health Organization) ว่าสาเหตุการตายของประชากรบนโลกเกิดจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs (Non-communicable Diseases) เช่น โรคหัวใจ ไขมัน เบาหวาน มากถึง 74% ซึ่งล้วนเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งสิ้น เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การไม่ออกกำลังกาย หรือการกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผลสำรวจจาก McKinsey บริษัทที่ปรึกษายักษ์ใหญ่ของโลกระบุว่า คนทั่วโลกยินดีใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการที่ทำให้ตนเองมีสุภาพดีขึ้น โดยสิ่งที่ผู้บริโภคเน้นคือการตรวจสุขภาพบ่อยขึ้น การเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย การเพิ่มสารอาหารเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสุขภาพของแต่ละคน ความสวยความงาม การนอนที่ดีขึ้น และการมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นเป็นเป้าหมายสำคัญ ซึ่งปัจจัยในด้านการใช้จ่ายเงินเหล่านี้จะส่งผลให้ตลาด Wellness&nbsp;ทั่วโลกมีอัตราการเติบโตปีละ 5-10% 11 Wellness Sectors&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มูลค่าอุตสาหกรรม Wellness ราว 7 ล้านล้านเหรียญที่จะเกิดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้านับเป็นโอกาสทางการตลาดสำหรับผู้ประกอบการที่สนใจจะเข้าไปชิงส่วนแบ่งเค้กก้อนนี้ โดยในอุตสาหกรรม Wellness มีหลากหลายกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่ใช่เฉพาะการบริการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ยังมีสินค้าและบริการที่ช่วยส่งเสริมสุขภาวะที่ดีแบบองค์รวมตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอนและในขณะนอนหลับด้วยธุรกิจ Wellness สามารถแยกออกมาได้ 11 กลุ่ม ดังนี้1.&nbsp;Personal Care &amp; Beauty การดูแลสุขภาพและความงามส่วนบุคคล เป็นการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพื่อซื้อสินค้าและบริการด้านสุขอนามัย ซึ่งครอบคลุมการดูแลร่างกาย ใบหน้า ผิวหนัง ผม และเล็บ&nbsp;2. Healthy Eating, Nutrition &amp; Weight Loss การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ มีโภชนาการดี และการลดน้ำหนัก ซึ่งมีอาหารและเครื่องดื่มหลายประเภทที่ทำการตลาดและติดฉลากว่าเป็นผลิตภัณฑ์ส่งเสริมสุขภาพ ตลอดจนวิตามิน อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนัก3. Physical Activity กิจกรรมทางกายภาพต่างๆ เพื่อส่งเสริมสุขภาพ เป็นการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่างๆ&nbsp;เช่น ออกกำลังกาย เล่นกีฬา เดินเล่น เป็นต้น4. Wellness Tourism หรือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นการเดินทางท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมส่งเสริมและดูแลสุขภาพต่างๆ รวมไปถึงการเพิ่มหรือปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดีให้ดียิ่งขึ้นในทริปนั้นๆ5. Traditional &amp; Complementary Medicine การแพทย์แผนดั้งเดิมและการแพทย์ทางเลือก เช่น การแพทย์แผนจีนและอายุรเวท6. Public Health, Prevention &amp; Personalized Medicine หรือการสาธารณสุข การแพทย์เชิงป้องกัน และการแพทย์เฉพาะบุคคล ซึ่งครอบคลุมบริการทางการแพทย์ การป้องกันโรค การตรวจหาปัจจัยเสี่ยง เช่น การตรวจร่างกาย การตรวจวินิจฉัย และการตรวจคัดกรอง7. Wellness Real Estate หรืออสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพ เป็นการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทต่างๆ ได้แก่ ที่อยู่อาศัย พาณิชยกรรม เช่น อาคารสำนักงาน โรงแรม และศูนย์การค้า โดยคำนึงถึงองค์ประกอบด้านสุขภาพ นำมารวมไว้ในการออกแบบ การใช้วัสดุ และการก่อสร้าง8. Mental Wellness การส่งเสริมสุขภาพจิต ซึ่งรวมถึงการพัฒนาตนเอง การทำสมาธิ การเจริญสติ อาหารเสริมบำรุงสมองและประสาทสัมผัส ไปจนถึงการนอนหลับ9. Spas สปาที่ส่งเสริมสุขภาพ10. Workplace Wellness หรือการส่งเสริมสุขภาพในสถานที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ กิจกรรม และบริการต่างๆ ซึ่งเป็นการลงทุนของนายจ้างเพื่อส่งเสริมสุขภาพของพนักงาน&nbsp;11. Thermal/Mineral Springs บ่อน้ำแร่หรือน้ำพุร้อน เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้จากการให้บริการบ่อน้ำแร่หรือน้ำพุร้อนเพื่อส่งเสริมสุขภาพและเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/R2Wxsm6VbbJCMpfcWSoF.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="R2Wxsm6VbbJCMpfcWSoF.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> ​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/forbes-life/living/9-billionaire-luxury-houses" alt="เปิดคฤหาสน์หรู 9 มหาเศรษฐีระดับโลก">เปิดคฤหาสน์หรู 9 มหาเศรษฐีระดับโลก</a> ​​<a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/e05f13b4-8402-40df-acea-d1073274e800" alt="คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2566 ในรูปแบบ e-magazine">คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2566 ในรูปแบบ e-magazine</a><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure><a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/e05f13b4-8402-40df-acea-d1073274e800" alt="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/e05f13b4-8402-40df-acea-d1073274e800" data-image-link="image"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/cMB6YdkJ7jd7PPwXSBD7.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="cMB6YdkJ7jd7PPwXSBD7.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="300px,auto" data-rotate="" origin-size="320,420" data-image-link="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/e05f13b4-8402-40df-acea-d1073274e800" style="width: 300px; height: auto;" data-index="2"></a></figure></div>

"เทรนด์สุขภาพ" ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่หลังก้าวผ่านโควิด-19

<h2>ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2563-2565) ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ หรือ medical tourism ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนาชาติที่รัฐบาลผลักดันให้เกิดอย่างเต็มที่ แต่กลับต้องมาหยุดชะงักลงเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และในต้นปี 2566 เมื่อสถานการณ์แพร่ระบาดค่อยๆ ดีขึ้น ธุรกิจนี้จึงค่อยๆ กลับเข้าสู่ขาขึ้นอีกครั้ง</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากข้อมูลของ Allied Market Research ได้คาดการณ์ว่า ในปี 2570 medical tourism ทั่วโลกจะมีขนาดตลาดประมาณ 2.7 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นประมาณ 18 เท่าของ GDP ของประเทศไทย มากไปกว่านั้นในครั้งนี้เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเทรนด์ของผู้บริโภคอยู่หลายเรื่องดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้บริโภคมีความตื่นตัวในเรื่องของการมีสุขภาพดีแบบองค์รวมทั้งร่างกายและจิตใจ (wellness) กันมากขึ้น จึงเริ่มปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตเป็นแบบ healthy lifestyle ที่ดูแลสุขภาพจิตและสุขภาพกายควบคู่กันไปด้วย ซึ่งในประเทศไทยก็มีคอร์สทางเลือกมากมายรองรับ เช่น แพ็กเกจเที่ยวสถานที่ทางธรรมชาติไปพร้อมกับการเล่นโยคะและการนวดแผนไทย ซึ่งเหมาะกับการเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงส่งเสริมสุขภาพที่สามารถพักผ่อนและดูแลสุขภาพทั้งภายในและภายนอกให้ดีไปพร้อมกันได้&nbsp; &nbsp;&nbsp;รวมทั้งยังเหมาะกับผู้บริโภคบางกลุ่มที่ต้องการบรรยากาศหรือธรรมชาติช่วยส่งเสริมในการบำบัด เช่น การเข้าแคมป์ลดน้ำหนักที่เกาะสมุย และการฟื้นฟูสุขภาพเพื่อเลิกการเสพติดบุหรี่บนภูเขาในเชียงใหม่ เป็นต้น&nbsp; &nbsp;&nbsp;การมาถึงอย่างรวดเร็วและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นของ telemedicine หรือการปรึกษาแพทย์ทางไกล ซึ่งมีข้อดีคือ เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคในเรื่องของการเดินทาง ลดชั่วโมงการรอคิว ลดภาระที่ผู้ป่วยต้องลำบากเดินทางออกจากบ้าน และลดความแออัดภายในโรงพยาบาล ซึ่งเทคโนโลยีด้าน telemedicine จะเข้ามาปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการหาหมอของคนไทยในอนาคต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้บริโภคสนใจเรื่องการรับรองมาตรฐานสถานพยาบาลมากขึ้นทั้ง JCI และ AACI ซึ่งการที่ได้รับรองมาตรฐานหรือเป็นที่ยอมรับโดยองค์กรต่างๆ นั้นทำให้สถานพยาบาลในไทยเริ่มปรับมุมมองการให้บริการทางการแพทย์ที่จะต้องให้บริการในราคาถูกอย่างเดียว เป็นการแพทย์ที่ได้มาตรฐานโลกแทน แต่ยังคงไว้ซึ่งราคาที่ยุติธรรมที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ตลาด medical tourism ดูมีแนวโน้มจะเติบโตไวและสูงขึ้นมากในประเทศไทย จากการวิจัยโดย Johns Hopkins University ได้ให้ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 6 ของโลก หรือที่ 1 ของเอเชีย จาก 195 ประเทศทั่วโลก รวมถึงในเรื่องดัชนีความมั่นคงทางด้านสุขภาพซึ่งติดอันดับที่ 2 ของโลกจากการโหวตให้เป็นประเทศเป้าหมายที่คนอยากมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจากการจัดอันดับของ Wellness Tourism Initiative 2020&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตามเราอาจจะต้องทำการบ้านมากขึ้น เพราะจากการจัดอันดับ Medical Tourism Index ในปี 2565 พบว่า นอกจากประเทศไทยจะไม่ติดท็อป 10 อย่างที่คิดแล้วยังหล่นลงไปอยู่ที่อันดับ 17 อีกด้วย โดยคะแนนสูงสุด 3 อันดับแรกคือ แคนาดา สิงคโปร์ และญี่ปุ่น (แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นประเทศจุดหมายปลายทางจริงๆ ที่คนเลือกไป)​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/k7Aim2vd8VvQ3zjdvmQj.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="k7Aim2vd8VvQ3zjdvmQj.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,341"></figure></div> โอกาสพัฒนาของประเทศไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับประเทศไทยเรายังมีโอกาสปรับปรุงหรือพัฒนาได้อีกหลายเรื่องเพื่อยกระดับการเป็นผู้นำในด้านนี้อย่างจริงจัง เพราะบริการ medical service ที่เน้นราคาถูกอาจจะไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป ซึ่งจริงๆ แล้วตลาด medical tourism ยังมีศักยภาพที่จะขยายออกไปได้อีกมากในการเข้าสู่ตลาดที่แอดวานซ์กว่านี้ เช่น การรักษามะเร็งระดับยีน การผ่าตัดสมอง และการรักษาโรคซับซ้อนบางอย่างที่ราคาสูง ซึ่งจากที่ได้กล่าวมาพบว่า ยังมีสิ่งที่เราต้องปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับการขยายของตลาดเพิ่มขึ้นด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตัวอย่างเช่น กฎระเบียบต่างๆ ของภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัตินำเข้าอุปกรณ์การแพทย์และยา เพราะการจะเป็นผู้นำในด้านนี้เราต้องสามารถทำได้จริงๆ และไม่จำกัดแค่เพียงโรคพื้นฐาน เราต้องสามารถเข้าถึงการรักษาโรคที่ซับซ้อนหรือขั้นกว่าได้อีกด้วย แต่ในความเป็นจริงยังมียาอีกหลายรายการและอุปกรณ์การแพทย์ชั้นนำหลายชนิดที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์มีใช้แล้ว แต่ไทยเรายังไม่มี เนื่องจากการขึ้นทะเบียนยาหรือเครื่องมือแพทย์ในประเทศไทยนั้นมีความซับซ้อนและมีขั้นตอนหลายกระบวนการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภาครัฐควรมีส่วนร่วมในการปรับปรุงระบบรับรองมาตรฐานสถานพยาบาล ซึ่งในส่วนของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ทำไปได้มากแล้ว แต่อีกส่วนหนึ่ง เช่น คลินิกเสริมความงามต่างๆ ยังเป็นส่วนที่ควรมีการปรับปรุงอีกมาก ทั้งคลินิกเถื่อน หมอเถื่อน และการใช้ยาเถื่อน เพราะส่วนนี้เองมักทำให้เกิดปัญหาร้ายแรง ซึ่งบางครั้งถึงขั้นเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ สำนักข่าวต่างชาติมักจะนำไปแปลข่าวอย่างต่อเนื่องเป็นทอดๆ จนภาพลักษณ์สถานพยาบาลทั้งประเทศมีความเสียหาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การพัฒนาบุคลากรที่เกี่ยวข้องในการใช้ภาษาอังกฤษ ซึ่งต้องยอมรับว่าการที่บุคลากรเราใช้ภาษาอังกฤษได้แบบพื้นฐานเกินไป สื่อสารได้ระดับแค่ซื้อขายสินค้าและต้อนรับแบบง่ายๆ จะยังไม่เพียงพอสำหรับการสื่อสารที่ซับซ้อนในการรักษาพยาบาล เช่น การอธิบายการใช้ยา การปลอบใจคนไข้ และการอธิบายให้ญาติคนไข้ทางโทรศัพท์ฟังถึงอาการของญาติของเขา เป็นต้น&nbsp; &nbsp;&nbsp;ดังนั้น ในฐานะประเทศที่ยังมีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลักแบบนี้ การพูดภาษาอังกฤษได้รวมถึงภาษาที่ 3 ที่สำคัญอีกหลายภาษา เช่น จีน สเปน เยอรมัน รัสเซีย ก็สามารถเป็นส่วนสำคัญในการสร้างจุดแข็งให้ประเทศไทยในระยะยาว เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/strategies/people/cp-foton-nopadol-chiaravanont" alt="นพดล เจียรวนนท์ CP FOTON ปักธง Top 3 รถบรรทุก">นพดล เจียรวนนท์ CP FOTON ปักธง Top 3 รถบรรทุก</a>​​<a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/45e2f9e5-2f0f-459c-a701-432192052e12" alt="​​คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนตุลาคม 2566 ในรูปแบบ e-magazine">​​คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนตุลาคม 2566 ในรูปแบบ e-magazine</a><div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/jWEcb6zPnswnNk6YAoHU.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="jWEcb6zPnswnNk6YAoHU.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-percentage="auto,auto" origin-size="320,420" data-index="1" data-rotatex="" data-rotatey="" style=""></figure></div>

โอกาสของไทยในการเป็นผู้นำ Medical Tourism ยุคหลังโควิด

&nbsp; &nbsp; W9 Wellness Center ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic) ในโรงพยาบาลพระรามเก้า มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันก่อนการเกิดโรค โดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ป้องกัน และศูนย์ดูแลรักษาร่วมมะเร็งทางเลือก ดำเนินธุรกิจเคียงข้างคนไทยก้าวสู่ปีที่ 5 เผยคนรุ่นใหม่ตื่นตัวกับ Wellness สุขภาพเชิงป้องกันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ผู้ใช้บริการพุ่งสูง 90% เปิด 3 กลยุทธ์สอดรับความต้องการตลาด 1.จับมือพันธมิตรธุรกิจ ร่วมวิจัยนวัตกรรมใหม่ 2.ขยายตลาด และ 3.พัฒนานวัตกรรมโพรไบโอติกส์เฉพาะบุคคล ตั้งเป้าโตรวม 40% ปีนี้ ช่วยหนุนอุตสาหกรรม Health &amp; Wellness ไทยคึกคัก หวังกระตุ้นเม็ดเงินไหลเวียน คาดมีแนวโน้มโตเป็นอุตสาหกรรมกำลังหลักของเศรษฐกิจไทยในอนาคต &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายแพทย์พิจักษณ์ วงศ์วิศิษฎ์ ผู้อำนวยการ ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม W9 Wellness Center กล่าวว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมาและอาฟเตอร์โควิด-19 เห็นได้ชัดว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มตื่นตัวให้ความสำคัญการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองการลงทุนเพื่อ “สุขภาพที่ดี” คือการสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตที่มั่นคงและมั่งคั่ง ทั้งนี้ เพื่อสอดรับความต้องการผู้บริโภค W9 Wellness Center เตรียมแผนการตลาด อัดฉีดแรงขับเคลื่อนแบรนด์ก้าวสู่ปีที่ 5 ผ่าน 3 กลยุทธ์ คือ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. จับมือพันธมิตรธุรกิจ ร่วมวิจัยนวัตกรรมใหม่ ด้วยการทำงานร่วมกับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการวิจัยคิดค้นนวัตกรรมด้านการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันใหม่ ๆ อันจะนำมาสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลายมากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. ขยายตลาด หลังพบผู้ใช้บริการในกรุงเทพฯ พุ่งสูง 90% พร้อมคาดปีนี้ยังคงมีแนวโน้มโตต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ เพื่อรองรับความต้องการผู้บริโภคที่หันมาลงทุนและวางแผนสุขภาพกันมากขึ้น จึงเตรียมแผนการเดินหน้าขยายฐานผู้ใช้บริการ W9 Wellness Center กลุ่มใหม่ ๆ ในตลาด โดยมีเป้าหมายขยายฐานอายุผู้ใช้บริการให้กว้างขึ้น จากเดิมจะอยู่ในช่วงอายุ 37-57 ปี เป็น 29-60 ปีและ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. พัฒนานวัตกรรมโพรไบโอติกส์เฉพาะบุคคล หนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ติดเทรนด์สุขภาพมาแรงปีนี้ เตรียมแผนพัฒนานวัตกรรมโพรไบโอติกส์ใหม่ๆ ที่มากกว่าแค่การเสริมตามสูตรทั่วไปเท่านั้น แต่มุ่งพัฒนาเพื่อผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการสุขภาพเชิงป้องในมิติใหม่ๆ เพิ่มโอกาสการมีสุขภาพที่ดีจากภายในอย่างแท้จริง&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/07/cf54um359HztNFwzEqgy.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="cf54um359HztNFwzEqgy.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="1920,1279"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พร้อมกันนี้ทั้ง 3 กลยุทธ์ มุ่งขับเคลื่อนธุรกิจสู่เป้าหมายเพิ่มยอดเติบโตรวม 40% ในปี 2566 พร้อมปูทางตั้งเป้าหนุนทิศทางการขยายฐานอายุกลุ่มผู้ใช้บริการ คาดหวังเป็นหนึ่งแรงสนับสนุนช่วยกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนอุตสาหกรรม Health &amp; Wellness ประเทศ รวมไปถึงร่วมหนุนนโยบายการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ผลักดันสู่อุตสาหกรรมที่สามารถเป็นกำลังหลักของเศรษฐกิจไทยได้ในอนาคต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ปัจจุบัน W9 Wellness Center เคียงข้างสุขภาพคนไทยครบรอบ 4 ปีเต็มในปี 2566 นี้ นับเป็นระยะเวลาที่มองเห็นโรดแมปภาพรวมของความสำเร็จที่ชัดเจน ทั้งมิติด้านธุรกิจที่มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการผ่านนวัตกรรมใหม่อยู่เสมอ เพื่อขานรับความต้องการตลาดอย่างไม่หยุดนิ่ง รวมไปถึงความสำเร็จในมิติการสร้างความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) ที่สามารถผลักดัน W9 ให้ได้รับความไว้วางใจในกลุ่มผู้บริโภคที่เคยเข้ารับบริการกว่า 25,000 รายจนถึงปัจจุบัน ผ่านบริการที่เข้าใจถึงความต้องการทุกไลฟ์สไตล์ของแต่ละปัญหาสุขภาพ และความต้องการในการดูแลสุขภาพของผู้ใช้บริการเฉพาะรายบุคคลอย่างแท้จริง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งเป็นจุดแข็งที่สอดรับกับพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ที่พบว่า ปัจจุบันผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มสนใจศึกษา มีพื้นฐานข้อมูลความรู้ ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันเพิ่มมากขึ้น เกิดความต้องการที่หลากหลายมิติ ผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ และบริการในอุตสาหกรรม Wellness หรือสุขภาพเชิงป้องกันเป็นที่ต้องการในตลาดมากขึ้น และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นกำลังจับจ่าย หนุนภาคอุตสาหกรรม Health &amp; Wellness เติบโตแซงหน้าหลายอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา” นายแพทย์พิจักษณ์ กล่าว <div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/07/5MP9Adg3akDEn9AZYue5.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="5MP9Adg3akDEn9AZYue5.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="1920,1281"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันแบบเจาะลึกเฉพาะบุคคลด้วยการออกแบบโปรแกรมสุขภาพที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ และรับคำปรึกษาได้ที่ W9 Wellness Center ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic) ในโรงพยาบาลพระรามเก้า โทรติดต่อ. 092 993 6922 หรือรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://w9wellness.com &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;​<a href="https://forbesthailand.com/preview/70685" alt="คาร์เทียร์แต่งตั้ง “V” วง BTS ขึ้นแท่นแอมบาสเดอร์คนล่าสุด พร้อมถ่ายทอดตัวตนผ่านเครื่องประดับคอลเลคชั่น Panthère de Cartier">คาร์เทียร์แต่งตั้ง “V” วง BTS ขึ้นแท่นแอมบาสเดอร์คนล่าสุด พร้อมถ่ายทอดตัวตนผ่านเครื่องประดับคอลเลคชั่น Panthère de Cartier</a>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

W9 เปิดกลยุทธ์ ผนึกพันธมิตร ขยายตลาด wellness ไทย ตั้งเป้าโต 40%

กฤป โรจนเสถียร ธุรกิจเปลี่ยนชีวิต สานต่องานบริหาร “ชีวาศรม” ศาสตร์สุขภาพที่ยั่งยืน

เปิดแล้ว Mövenpick BDMS Wellness Resort Bangkok หมุดหมายใหม่การพักผ่อนคู่สุขภาพ

https://youtu.be/EJ_K8DLTT3Y

&nbsp;

งาน Forbes Thailand Alternative Investments 2019 ในรูปแบบ Exclusive สำหรับลูกค้าระดับ Private Wealth ของ TISCO 200 ท่าน ภายใต้  “Forbes Thailand Alternative Investments 2019 : Investment Opportunities in Well-being Mega Trend &amp; Advancement in Regenerative Medicine and Anti-Aging”

ภายในงาน ได้เชิญกูรูตลาดทุน ไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ จำกัด มาพบกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม healthcare ได้แก่ Mr. Raymond Chong ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BDMS Wellness Clinic และ นพ.ตนุพล วิรุฬหการุญ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ BDMS Wellness Clinic เพื่อร่วมสนทนาถึงโอกาสการลงทุนในเมกะเทรนด์ด้านสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี (Wellness &amp; Well-being) รวมทั้งความก้าวหน้าด้านเวชศาสตร์การฟื้นฟูและชะลอวัย

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events