<h2>ข่าวร้อนเช้าวันนี้ (21 มี.ค. 68) คงหนี้ไม่พ้น กระแสว่าธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) และธนาคารกรุงไทย (KTB) จะควบรวมกัน และนี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ช่วงเช้าวันนี้ราคาหุ้นทั้ง KTB และ TTB ต่างพุ่งขึ้น ทว่าล่าสุดช่วงเที่ยงวันเดียวกันนี้ TTB ก็ออกมาชี้แจงว่าไม่ได้อยู่ในกระบวนการควบรวมกิจการตามที่ปรากฏในสื่อ รวมทั้งไม่มีแผนควบรวมกิจการกับธนาคารอื่นอยู่ในแผน 5 ปี และช่วงบ่ายทางกรุงไทยก็ออกชี้แจงต่อ SET ตามมา</h2> เช้านี้ราคาหุ้น KTB - TTB พุ่ง!&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) พบว่า ตลาดหุ้นช่วงเช้าราคาหุ้นธนาคารกรุงไทย (KTB) ขึ้นไปสูงสุดในช่วง 11.12 น. สู่ 24.00 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 0.30 บาท/หุ้น จากเปิดตลาดที่ระดับ 23.70 บาท/หุ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านราคาหุ้นธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) ในช่วง 10.00 น. ขึ้นไปสูงสุดที่ 2.02 บาท/หุ้น จากเปิดตลาดที่ระดับ 1.97 บาท/หุ้น ทั้งนี้ หลังจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสูงสุดแล้วจึงทยอยปรับลดลงมาบางส่วน TTB-KTB ชี้แจงไม่ได้อยู่ระหว่างควบรวม&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในช่วงสายของวันนี้ภายในธนาคารทหารไทยธนชาต ได้มีการส่งสารจาก ปิติ ตันฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTB ไปสู่พนักงานภายในแบงก์เช่นกัน โดยเนื้อหาสอดคล้องไปกับที่ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อ 12.35 น. ที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ธนาคารทหารไทยธนชาต (ttb) ชี้แจงข้อมูลที่ปรากฏในสื่อต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ตามที่ได้มีการรายงานข่าว ณ วันที่ 21 มีนาคม 2568 เรื่องการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารทหารไทยธนชาต และธนาคารกรุงไทยนั้น ไม่เป็นความจริงธนาคารไม่ได้อยู่ในกระบวนการควบรวมกิจการตามที่ปรากฏในสื่อ รวมทั้งไม่มีแผนควบรวมกิจการกับธนาคารอื่นอยู่ในแผน 5 ปีแต่อย่างใด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ธนาคารยังคงมุ่งเน้นพันธกิจสำคัญคือการ Make Real Change หรือการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายเพื่อให้ลูกค้าของธนาคารกว่า 10 ล้านคนมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นผ่านกลยุทธ์การสร้างการเติบโตแบบ Ecosystem Play และการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบและสอดคล้องกับแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) อีกทั้งยังเดินหน้า Transform องค์กรอย่างรอบด้านเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันเพื่อนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กรและสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน&nbsp; &nbsp; ฝั่งธนาคารกรุงไทยระบุคำชี้แจงในแนวทางเดียวกันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง และในขณะนี้คณะกรรมการธนาคารกรุงไทยไม่ได้มีดำริ หรือได้มอบหมายฝ่ายบริหารให้ดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการควบรวมกิจการตามที่เป็นข่าว &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภายในวันนี้คงต้องติดตามกันว่า ผลกระทบด้านตลาดหุ้นทั้งราคาหุ้น KTB และ TTB จะเป็นอย่างไร รวมถึงต้องจับตาว่าความเคลื่อนไหวหลังจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ภาพ: TTB, KTB เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/ttb-share-repurchase-program-jan-2025" alt="ttb ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนวงเงิน 21,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี ชูรอบแรก 7,000 ล้าน เริ่ม 3 ก.พ. - 1 ส.ค. 68 นี้">ttb ประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนวงเงิน 21,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี ชูรอบแรก 7,000 ล้าน เริ่ม 3 ก.พ. - 1 ส.ค. 68 นี้</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ข่าว ‘ควบรวมกรุงไทย-TTB’ ทำราคาหุ้นพุ่ง! ล่าสุด 2 แบงก์ชี้แจงต่อตลท. ว่าไม่เป็นความจริง

<h2>ttb เปิดตัวบัตรเดบิตและบัตรเครดิต ทีทีบี ดิสนีย์ รวม 22 ลายคาแรกเตอร์ ตั้งเป้าเจาะกลุ่ม Young Gen คนรุ่นใหม่ คาดปี 68 มีลูกค้าเปิดบัตรเดบิต 725,000 ใบและบัตรเครดิตจำนวน 300,000 ใบ&nbsp;</h2> &nbsp; &nbsp; &nbsp;ฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทยธนชาต (ttb)&nbsp;กล่าวว่า ttb เป็นธนาคารแรกและแห่งเดียวในไทยที่เปิดตัวบัตรเดบิตและบัตรเครดิต ทีทีบี ดิสนีย์ โดยมีลายให้เลือกถึง 22 คาแรกเตอร์ ในความร่วมมือนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของธนาคารที่ต้องการเข้าถึงกลุ่ม Young generation เช่น first jobber ฯลฯ และเชื่อว่าสามารถเข้าถึงฐานลูกค้าทุกกลุ่มอายุ ทั้งวัยเรียน วัยทำงาน ครอบครัวที่มีลูก และกลุ่มผู้ใหญ่ โดยมี 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่1) Creative collaboration&nbsp;2) Disney fans3) Digital-First Experience&nbsp;4) Personalization&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp;นอกจากนี้ ทีทีบียังมีแคมเปญ “ชีวิตทุกวันอัศจรรย์ได้จริง” เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงประสบการณ์ความสนุก ความคุ้มค่าในทุก ๆ วัน อาทิ สิทธิประโยชน์จากการรับเงินคืนสูงสุด 2% ทุกการใช้จ่ายออนไลน์ผ่านบัตรเดบิต และมีสิทธิ์ใช้ e-Slip หลากหลายธีมดังจากดิสนีย์ สำหรับบัตรเครดิตรับคะแนนสะสมสูงสุด 5 เท่า และเลือกทำรายการแบ่งจ่าย 0% นานถึง 6 เดือน กับร้านค้าดิสนีย์ที่ร่วมรายการทั้งการใช้จ่ายหน้าร้านค้าและการทำรายการผ่านออนไลน์ รวมถึงการจองกิจกรรมดิสนีย์ผ่าน Klook โดยทำรายการแบ่งจ่ายได้เองผ่านบริการ ttb so goood บนแอป ทีทีบี ทัช นอกจากนี้ ทีทีบียังได้จับมือกับ 11 พันธมิตรชั้นนำระดับประเทศ ส่งมอบโปรโมชันเอ็กซ์คลูซีฟให้ลูกค้าผู้ถือบัตร ครอบคลุมทุกการใช้จ่าย ทุกหมวด ทุกไลฟ์สไตล์ ทั้งความบันเทิง กิน-เที่ยว-ช้อป และเร็ว ๆ นี้เตรียมพบกับเอ็กซ์คูลซีฟดีลจากฮ่องกง ดิสนีย์แลนด์ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/eVTCwwzbpsEzhhf2teeK.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="eVTCwwzbpsEzhhf2teeK.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp; &nbsp; &nbsp;ทั้งนี้ คาดว่าปี 2568 ทีทีบีจะมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเติบโตขึ้น 10% จากปีก่อนหน้า และมีลูกค้าเปิดบัตรเดบิต 725,000 ใบและบัตรเครดิตจำนวน 300,000 ใบ จากปัจจุบันมีฐานลูกค้าบัตรอยู่ 1,500,000 ใบ โดยช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีลูกค้าบัตรใหมาเพิ่มขึ้น 800,000 ใบ และมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรตลอด 3 ปี เติบโตเฉลี่ย 25%&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp; อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือกับดิสนีย์ ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์เพื่อไปสู่เป้าหมายการเป็นอันดับ 4 ในตลาดบัตรเครดิตของไทย (จากปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 6) ซึ่งภายใน 3 ปีคาดว่าจะมีฐานลูกค้าบัตรเดบิตเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านใบและบัตรเครดิต 1 ล้านใบ&nbsp; <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/vAUxKfrqp6PekAHTfUzN.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="vAUxKfrqp6PekAHTfUzN.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="1"></figure></div> ​ &nbsp; &nbsp; &nbsp;ทั้งนี้ บัตรเดบิตและบัตรเครดิต ทีทีบี ดิสนีย์ กว่า 20 ลาย มาจากแบรนด์ดังของดิสนีย์ ทั้ง Disney, Pixar, Marvel and Star Wars ฯลฯ นอกจากนี้สำหรับผู้ถือบัตรเดบิตยังมีสิทธิ์ใช้ e-Slip หลากหลายธีมจากดิสนีย์อีกด้วย ส่วนอีก 2 ลายพิเศษเป็น Limited Edition ในบัตรเดบิต ทีทีบี ออลล์ฟรี ดิสนีย์ได้แก่ Captain America และ Brave New World ที่มีจำนวนจำกัด สำหรับลูกค้าที่สมัครบัตร 5,000&nbsp;คนแรกต่อลาย ภาพ: ทีทีบี เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/kresearch-telecom-internet-thailand-feb-2025" alt="กสิกรฯ ชี้ธุรกิจอินเตอร์เน็ตไทยปี 68 รายได้โตช้าลง เหตุต่างชาติโตชะลอ เร่งเสนอแพกเกจพ่วง-บริการเสริม">กสิกรฯ ชี้ธุรกิจอินเตอร์เน็ตไทยปี 68 รายได้โตช้าลง เหตุต่างชาติโตชะลอ เร่งเสนอแพกเกจพ่วง-บริการเสริม</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ttb เปิดตัว 'บัตรเดบิต-เครดิต ทีทีบี ดิสนีย์' 22 ลาย คาดปี 68 ลูกค้าเปิดบัตรใหม่ 1 ล้านใบ

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี คว้ารางวัล Thailand Best Bank for Corporates : ธนาคารไทยที่ดีที่สุดเพื่อลูกค้าธุรกิจ จากเวที Euromoney Awards for Excellence 2024 มุ่งมั่นเป็นธนาคารที่สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้ธุรกิจไทย ผ่านกลยุทธ์การทำธุรกิจด้วยความยั่งยืนตามกรอบ B+ESG พร้อมนวัตกรรมทางการเงิน ที่สนับสนุนการเงินดิจิทัลถึงความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม จากปี 2023 ต่อเนื่องสู่ปี 2024 ที่ตอบโจทย์ความต้องการทางการเงินยุคใหม่ด้วยโซลูชันที่ปรับให้เหมาะกับลูกค้าธุรกิจในแต่ละกลุ่มนายศรัณย์ ภู่พัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าธุรกิจ ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า รางวัลอันน่าภาคภูมิใจนี้ ตอกย้ำเป้าหมายของธนาคารในการเป็นพันธมิตรทางการเงินที่ลูกค้าธุรกิจไว้วางใจ ไม่เพียงช่วยแก้ปัญหาหรือตอบโจทย์ในวันนี้ แต่เพื่อสร้างความยั่งยืนในอนาคตให้กับลูกค้า ซึ่งความสำเร็จที่เกิดขึ้นนอกจากตัวเลขในเชิงธุรกิจ ยังรวมถึงผลกระทบเชิงบวกที่ธุรกิจสามารถสร้างให้กับทั้งลูกค้าและสังคมโดยรวม ในปี 2023 ต่อเนื่องสู่ปี 2024 ทีทีบีจึงเดินหน้าสนับสนุนลูกค้าธุรกิจผ่านกลยุทธ์ “สามแกนหลักเพื่อสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับธุรกิจ” ที่ครอบคลุมทั้งการเงินดิจิทัลถึงความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ได้แก่&nbsp; 1.การสนับสนุนทางการเงินที่ยั่งยืน ทีทีบีให้ความสำคัญต่อความยั่งยืนมาโดยตลอด ผ่านกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจสู่การธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Banking) ตามกรอบ B+ESG ที่ผสานธุรกิจและความยั่งยืนเป็นเนื้อเดียวกัน โดยมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) เพื่อช่วยให้ลูกค้าธุรกิจสามารถเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียวได้ ปัจจุบันทีทีบีปล่อยสินเชื่อสีเขียวและสีฟ้าซึ่งมีการเติบโตเพิ่มมากขึ้นกว่า 26% นอกจากนั้นยังมีการส่งเสริมสร้างองค์ความรู้ให้กับลูกค้า ผ่านการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ สัมมนา หรือการฝึกอบรม โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญเป็นวิทยากร ให้ความรู้และเสวนาเพื่อเตรียมพร้อมให้ลูกค้าธุรกิจเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ 2.การสนับสนุนการดำเนินงานของธุรกิจในยุคดิจิทัลให้ราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ทีทีบีมุ่งมั่นพัฒนาดิจิทัลโซลูชัน เพื่อเป็นเครื่องมือสนับสนุนลูกค้าธุรกิจในการลดต้นทุน ลดความเสี่ยง เพิ่ม ประสิทธิภาพและเสริมโอกาสในการเพิ่มยอดขาย ครบทั้งธุรกรรมการเงินในประเทศและต่างประเทศ ตอบโจทย์ธุรกิจที่แตกต่างกันในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ การพัฒนาระบบ “ttb Digital collection solutions, QR API, for B2C ” รองรับการรับชำระเงินในรูปแบบดิจิทัล ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้กับลูกค้าธุรกิจ เช่น กลุ่มธุรกิจที่รับเงินจากผู้บริโภค (B2C) หรือ กลุ่มธุรกิจที่มีการรับเงินเมื่อส่งมอบสินค้า (Cash on Delivery) นอกจากนั้น ทีทีบียังเป็นธนาคารแรกที่พัฒนาเครื่องมือบริหารค่าใช้จ่ายที่สามารถบริหารพารามิเตอร์ควบคุมต่าง ๆ ได้เองผ่านระบบออนไลน์ ด้วยโซลูชันบริหารจัดการค่าใช้จ่ายน้ำมัน ttb fleet solutions ที่ช่วยลดการใช้เงินสด เพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมค่าใช้จ่ายให้กับธุรกิจ พร้อมรายงานครบรอบด้านและ Analytics ในการตรวจจับรายการที่ผิดปกติ สำหรับธุรกรรมต่างประเทศ ทีทีบีเป็นธนาคารแรกที่นำเสนอโซลูชันในการทำธุรกรรมการเงินต่างประเทศแบบครบวงจรผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ttb business one ช่วยลดต้นทุนที่เกิดจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ด้วยบริการ Local Currency Solution เพื่อช่วยผู้ประกอบการบริหารจัดการธุรกิจด้วยสกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งมีถึง 11 สกุลเงิน และช่วยให้ผู้นำเข้าและส่งออก บริหารจัดการสกุลเงินหลักและสกุลเงินท้องถิ่นได้โดยใช้บัญชีเพียงบัญชีเดียวด้วย ttb Multi Currency Account (MCA) ลดความซับซ้อนในการจัดการธุรกรรมระหว่างประเทศ โดยปัจจุบัน มีจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการนี้เพิ่มขึ้นกว่า 36% 3.การสนับสนุนชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับทุกส่วนขององค์กร โซลูชัน ttb payroll plus เป็นตัวช่วยให้ธุรกิจดูแลสวัสดิการพนักงานได้ครบวงจร ด้วยตัวเลือกเสริม 4 ด้านได้แก่ (1) สิทธิประโยชน์สำหรับบัญชีเงินเดือนที่มาพร้อมความคุ้มครองขั้นพื้นฐานให้กับพนักงานโดยไม่มีค่าใช้จ่ายกับบริษัทและพนักงาน (2) ประกันกลุ่มเพื่อเสริมความคุ้มครอง (3) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพื่อการออมระยะยาว และ (4) ระบบบริหารงานบุคคล Digital HRM เพื่อคุณภาพชีวิตของพนักงานที่ดีขึ้น นอกจากนั้น ธนาคารยังได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อพัฒนา Ecosystem ที่เชื่อมโยงลูกค้าตั้งแต่ธุรกิจขนาดใหญ่ไปยัง SME และผู้บริโภคปลายทาง รวมถึงการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ ผ่านธนาคารดิจิทัลเพื่อโลกธุรกิจอย่าง ttb business one ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าองค์กร ทีทีบีพร้อมเป็นพันธมิตรที่สนับสนุนธุรกิจของลูกค้าในทุกมิติ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล พร้อมสนับสนุนเศรษฐกิจไทย และธุรกิจของลูกค้าให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะยาว #ให้ชีวิตการเงินดีทั้งวันนี้และอนาคต #เปลี่ยนเพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น #ttb #MakeREALChange

ทีทีบี คว้ารางวัล Euromoney Awards for Excellence 2024 ธนาคารที่ดีที่สุดเพื่อลูกค้าธุรกิจ สนับสนุนการเงินดิจิทัลเพื่อความยั่งยืน

<h2>ทีเอ็มบีธนชาต ลุยตลาดสินเชื่อรถมือสองต่อเนื่อง หลังปี 2567 ยอดสินเชื่อคงค้างสินเชื่อรถยังติดลบราว 10% ตามภาวะตลาดที่สินเขื่อรถใหม่ยังหดตัวกว่า 20% โดยตั้งเป้าขยายสินเชื่อกลุ่มรถมือสองและจำนำทะเบียน ซึ่งคาดว่าปีหน้าจะมีสัดส่วนราว 40% จากปัจจุบันที่ราว 30-35% ชูแพลตฟอร์ม Roddonjai สร้างยอดขาย 50,000 คัน ส่งต่อใช้สินเชื่อ 30,000 คันในปี 2568 </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้สินเชื่อรถยนต์มีความท้าทายยิ่งขึ้น และหลายบริษัทหันมาเน้นสินเชื่อรถยนต์มือสองมากขึ้น เพราะหากบริหารจัดการให้ดีอาจมีมาร์จิ้นสูงกว่าสินเชื่อรถมือหนึ่ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุด นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยถึงการรุกตลาดรถมือสองที่ยังมีการแข่งขันสูง โดยปลายปี 2566 ที่ผ่านมาได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม Roddonjai ซึ่งช่วยยกระดับตลาดรถมือสองขึ้น โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ กลุ่มรถบ้าน ซึ่งในไทยมีจำนวนผู้มีรถยนต์ในกว่า 18 ล้านคัน (รถอายุ 4-7 ปี ที่มีโอกาสในการเปลี่ยนรถเกือบ 11 ล้านคัน)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ช่วง 1 ปีที่ผ่านมามีรถยนต์ที่ผ่านการตรวจคุณภาพแล้วประกาศขายบน Roddonjai.com กว่า 65,000 คัน มีผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม 1.9 ล้านคนต่อเดือน และมียดอขายรถยนต์ที่ 38,000 คัน (มีผู้ใช้สินเชื่อรถยนต์ ทีทีบีไดรฟ์ 13,000 ล้านบาท) ซึ่งคาดว่าสิ้นปี 2567 นี้จะปิดยอดขายที่ราว 40,000 คัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม สำหรับ&nbsp;Roddonjai&nbsp;ยังตั้งเป้าหมายเติบโตขึ้น โดยในปี 2568 คาดว่าจะมียอดขายราว 50,000 คัน และจะมีการใช้สินเชื่อกับทาง ttb ราว 30,000 คัน<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/RQXBYsB9opZXF6HtMgpq.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="RQXBYsB9opZXF6HtMgpq.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,480"><figcaption><div>นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ทีเอ็มบีธนชาต</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวนัก และตลาดรถใหม่ที่ยังชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อสินเชื่อรายย่อยทั้งรถและบ้าน แต่จากการเปิดตัวแพลตฟอร์ม Roddonjai ทำให้รู้ว่าคนยังมีความต้องการสินเชื่อ ขณะเดียวกันเชื่อว่าปีหน้าเศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยที่อัตราดอกเบี้ยนโยบาบที่ลดลง และจะมีมาตรการของรัฐออกมาเพิ่มเติม จึงเชื่อว่า ปี 2568 ตลาดสินเชื่อรถมือสองจะปรับตัวดีขึ้น ทางธนาคารจะมุ่งเน้นในสินเชื่อกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นด้วย(คาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนรถมือสองและจำนำทะเบียนในพอร์ตรวมของ ttb สู่ 40% ในปี 2568 จากปัจจุบันที่ราว 30-35%)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ปี 2567 นี้ ยอดสินเชื่อคงค้างสินเชื่อรถของ ttb อยู่ที่ 380,000 ล้านบาท คาดว่าจะติดลบ 10% ซึ่งถือว่าดีกว่าภาวะตลาดรถใหม่ที่ลดลงราว 20% โดยสินเชื่อรถแลกเงินยังเติบโตสูง อย่างไรก็ตาม คาดว่าเดือน ม.ค 2568 นี้จะมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมออกมา โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือด้านเงื่อนไขลูกหนี้ในการเข้ามาตรการฯ&nbsp;ร่วมกันในสมาคมธนาคารไทย และกระทรวงการคลัง รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย เบื้องต้นคาดว่ามูลค่ารถต้องไม่เกิน 700,000 บาท แต่อาจไม่สามารถก่อหนี้ใหม่ได้ในระยะเวลา 3 ปี (ภายใต้พอร์ต ttb มีรถกลุ่มนี้ราว 100,000 คัน)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายอนุวัติร์ เหลืองทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ด้านสินเชื่อรถยนต์ ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ในด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในพอร์ตของ ttb ปัจจุบันอยู่ที่ราว 2.7% แต่เชื่อว่า ด้วยทิศทางเศรษฐกิจและตลาดรถยนต์ที่ปรับตัวดีขึ้น คาดว่าในปี 2568 จะสามารถควบคุม NPL ให้อยู่ราว 2.5% เนื่องจากเชื่อว่าหนี้เสียในสินเชื่อรถยนต์ได้ผ่านจุดสูงสุดมาแล้วหลังจากนี้จะทยอยลดลง ภาพ: ttb เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/awc-performance-throughout-9-months-of-2024-revenue-of-15-billion-baht" alt="AWC โชว์ผลงานตลอด 9 เดือน ปี 67 กวาดรายได้รวม 1.5 หมื่นล้าน ธุรกิจโรงแรมแข็งแกร่งเฉพาะ Q3 กำไรพุ่ง 42%">AWC โชว์ผลงานตลอด 9 เดือน ปี 67 กวาดรายได้รวม 1.5 หมื่นล้าน ธุรกิจโรงแรมแข็งแกร่งเฉพาะ Q3 กำไรพุ่ง 42%</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ttb ลุยสินเชื่อรถมือสอง ตั้งเป้าปี 68 Roddonjai มียอดขาย 5 หมื่นคัน ท่ามกลางตลาดรถใหม่ยังติดลบ

<h2>หลังจาก 21 ต.ค. ที่ผ่านมา กสิกรไทยเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกที่ออกข่าวว่า ‘ลด’ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อมาจึงมีอีก 2 ธนาคาร ‘ทีทีบี-ไทยพาณิชย์’ ที่ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.125 - 0.25% ต่อปี โดยจะมีผลพร้อมกัน 1 พ.ย. 67 นี้</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ธนาคารทหารไทยธนชาต กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 2.50% เหลือ 2.25% ต่อปี เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวและเป็นการช่วยลดภาระหนี้ให้กับประชาชนนั้น&nbsp; &nbsp; ล่าสุดทาง ทีทีบีจึงประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2567 เป็นต้นไป ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- อัตราดอกเบี้ย MOR ลดลง 0.25% ต่อปี &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ส่วนอัตราดอกเบี้ย MLR ลดลง 0.125% ต่อปี &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- อัตราดอกเบี้ย MRR ลดลง 0.125% ต่อปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ทางธนาคารฯ ยังมีการต่ออายุมาตรการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยและ SME ในกลุ่มเปราะบาง ออกไปจนถึง 31 ธ.ค. 2567 จากเดิมที่จะครบกำหนดในวันที่ 15 พ.ย. 2567 เพื่อช่วยพยุงสภาพคล่องและลดภาระหนี้ให้กับลูกค้ากลุ่มเปราะบางให้ได้ดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราที่ประกาศอีก 0.25% ซึ่งจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ จะทำให้ลูกค้ากลุ่มดังกล่าว มีอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงรวม 0.375-0.50% ต่อปี ทั้งนี้ ธนาคารยังมีแผนที่จะปรับมาตรการเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางตามความเหมาะสม เมื่อมาตรการดังกล่าวสิ้นสุดลง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ กนง. ธนาคารไทยพาณิชย์จึงได้พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.125 - 0.25% ต่อปี เพื่อช่วยบรรเทาภาระหนี้ของลูกค้ารายย่อยและผู้ประกอบการภาคธุรกิจ โดยปรับลด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.575% เป็น 7.325% ต่อปี &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.30% เป็น 7.175% ต่อปี &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (Minimum Loan Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.05% เป็น 6.925% ต่อปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยก่อนหน้านี้ ธนาคารได้ออกมาตรการพิเศษในการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคลและ SME รายย่อย ตั้งแต่ 16 พ.ค. 2567 ถึง 15 พ.ย. 2567 นั้น ธนาคารได้พิจารณาขยายมาตรการช่วยเหลือดังกล่าวออกไปจนถึง 31 ธ.ค. 2567 เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/bbl-q-3-2024" alt="แบงก์กรุงเทพเผย 9 เดือนแรกปี 67 มีกำไรสุทธิ 34,807 ล้านบาท โต 6.2%YoY ผลรายได้ดอกเบี้ยสุทธิยังโต"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/bay-q-3-oct-2024" alt="กรุงศรีเผยกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปี 2567 อยู่ที่ 23,424 ล้านบาท ลดลง 7% เหตุตั้งสำรองรับความเสี่ยงหนี้"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/kbank-q-3-oct-2024" alt="ธ. กสิกรไทย เปิดงบ 9 เดือนแรกปี 2567 กำไรสุทธิพุ่ง 38,104 ล้าน ขยายตัว 15.41%YoY"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/kbank-cuts-loan-interest-rates-oct-2024" alt="มาแล้ว! ธนาคารกสิกรไทย ‘หั่น’ ดอกเบี้ยเงินกู้ที่ 0.12-0.25% ต่อปี เริ่ม 1 พ.ย. 67 นี้">มาแล้ว! ธนาคารกสิกรไทย ‘หั่น’ ดอกเบี้ยเงินกู้ที่ 0.12-0.25% ต่อปี เริ่ม 1 พ.ย. 67 นี้</a>​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘ทีทีบี-ไทยพาณิชย์’ ประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.125 - 0.25% ต่อปี มีผลพร้อมกัน 1 พ.ย. 67 นี้

<h2>ทหารไทยธนชาต เผย 9 เดือนแรกปี 67 กำไรสุทธิแตะ 15,919 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ย้ำคุมหนี้เสียได้ตามเป้าหมายโดยยังต่ำกว่า 2.7% พร้อมออกมาตรการตั้งหลักเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ช่วงที่เหลือของปีนี้ยังเน้นดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบเพื่อรับมือความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ปีนี้ยังคงท้าทาย และสร้างแรงกดดันต่อทั้งด้านรายได้และด้านคุณภาพสินทรัพย์ไม่ต่างจากช่วงครึ่งปีแรก ดังนั้น ธนาคารจึงมุ่งเน้นบริหารต้นทุนให้สอดคล้องกับด้านรายได้ รวมถึงเน้นดูแลคุณภาพสินทรัพย์อย่างรอบคอบ เพื่อบริหารจัดการอัตราส่วนหนี้เสียให้อยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ยังเร่งออก “มาตรการตั้งหลัก” เพื่อช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ครอบคลุมทั้งกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีและลูกค้ารายย่อย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2567 โดยรวมถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย ผ่านการบริหารจัดการด้านต้นทุนใน 3 ส่วนหลัก ทั้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1) ต้นทุนทางการเงิน ผ่านการบริหารพอร์ตสินทรัพย์และหนี้สินในเชิงรุก เช่น ปรับโครงสร้างสินเชื่อให้เหมาะสม การเติบโตเงินฝากให้สมดุลกับแนวโน้มด้านสินเชื่อ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2) ต้นทุนการดำเนินงาน โดยเน้นการลงทุนที่สอดคล้องกับกลยุทธ์และการยกระดับการให้บริการลูกค้า รวมถึงพัฒนาด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3) ต้นทุนความเสี่ยงหรือค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองฯ โดยมุ่งเน้นการเติบโตสินเชื่อใหม่อย่างมีคุณภาพ และติดตามลูกค้าทุกกลุ่มอย่างใกล้ชิด เพื่อเข้าช่วยเหลือลูกหนี้ที่ต้องการมาตรการต่างๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“สำหรับช่วงที่เหลือของปี ธนาคารยังเน้นย้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังคงมีความไม่แน่นอน อย่างไรก็ดีด้วยสถานะทางการเงินในปัจจุบันที่มีความแข็งแกร่งในทุกมิติ จึงเชื่อมั่นว่าทีทีบีมีความพร้อมที่จะรับมือกับปัจจัยต่าง ๆ และสามารถสานต่อพันธกิจที่มีต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายได้ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้” นายปิติ กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับผลการดำเนินงานรายการหลัก ใน 9 เดือนแรก ปี 2567 มีดังนี้ - กำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของธนาคาร) อยู่ที่ 15,919 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) - รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ อยู่ที่ 42,643 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.9%YoY - ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.27% เพิ่มขึ้นจาก 9 เดือนแรกปี 66 ที่อยู่ระดับ 3.21%&nbsp; - รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสุทธิ อยู่ที่ 9,623 ล้านบาท ลดลง 7.2%YoY - ด้านค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอยู่ที่ 22,075 ล้านบาท ลดลง 3.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน - ด้านสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 40,224 ล้านบาท ลดลง 2.0% จากสิ้นปีที่แล้ว หรือคิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ที่ระดับ 2.7% &nbsp; &nbsp; &nbsp;- ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 15,162 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.8%YoY&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านฐานะเงินกองทุน ณ 30 ก.ย. 67 พบว่า มีอัตราส่วน CAR อยู่ที่ 19.7% และ Tier 1 อยู่ที่ 17.3% ถือว่าสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารกลุ่ม D-SIBs ที่ธปท.กำหนดไว้ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/bbl-q-3-2024" alt="แบงก์กรุงเทพเผย 9 เดือนแรกปี 67 มีกำไรสุทธิ 34,807 ล้านบาท โต 6.2%YoY ผลรายได้ดอกเบี้ยสุทธิยังโต"></a><a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/bay-q-3-oct-2024" alt="กรุงศรีเผยกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปี 2567 อยู่ที่ 23,424 ล้านบาท ลดลง 7% เหตุตั้งสำรองรับความเสี่ยงหนี้">กรุงศรีเผยกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปี 2567 อยู่ที่ 23,424 ล้านบาท ลดลง 7% เหตุตั้งสำรองรับความเสี่ยงหนี้</a>​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เปิดงบ! ธ. ทหารไทยธนชาต 9 เดือนแรกปี 67 กำไรสุทธิแตะ 15,919 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.1%YoY ย้ำคุมหนี้เสียได้ตามเป้า

<h2>ทีเอ็มบีธนชาต เผยกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 2567 อยู่ที่ 5,334 ล้านบาท โต 24.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ผลจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิยังเพิ่มและมาจากการปรับโครงสร้างสินเชื่อ แม้สินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงจากสิ้นปี 66 แต่ยังตั้งสำรองที่รวม 5,117 ล้านบาท</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปีเป็นไปตามเป้าหมาย ทั้งการปรับโครงสร้างพอร์ตสินเชื่อและการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินเพื่อหนุนรายได้ รวมถึงการดูแลคุณภาพสินทรัพย์ ทำให้ไตรมาส 1 ปี 2567 โดยธนาคารมีกำไรสุทธิ 5,334 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับ 4,295 ล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2566&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ทางธนาคารยังมุ่งเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพ เน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น สินเชื่อรถแลกเงิน (+4%) สินเชื่อบ้านแลกเงิน (+3%) และสินเชื่อบุคคล (+4%) แต่ยังให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าผ่านการปรับโครงสร้างหนี้คิดเป็นมูลค่าสินเชื่อประมาณ 11% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ขณะที่จำนวนลูกค้าภายใต้โครงการรวบหนี้ เพิ่มขึ้นจากประมาณ 17,000 ราย ณ สิ้นปีที่แล้ว สู่ระดับ 21,000 ราย ซึ่งช่วยให้ลูกค้ากลุ่มนี้ประหยัดดอกเบี้ยได้กว่า 1,400 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังบริหารจัดการหนี้เสียในเชิงรุก ส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารเป็นไปตามเป้าหมาย สามารถลดอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพลงมาได้อย่างต่อเนื่องจาก 2.62% ณ สิ้นปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 2.56% ณ สิ้นไตรมาส 1 พร้อมยังคงอัตราส่วนสำรองฯ ต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการรองรับความเสี่ยงในระดับสูงที่ 155%<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/04/RMAYpdUuHarmdNxfZBFD.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="RMAYpdUuHarmdNxfZBFD.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="510,344" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับผลการดำเนินงานรายการหลัก ๆ ในไตรมาส 1 ปี 2567 มีดังนี้ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- กำไรสุทธิอยู่ที่ 5,334 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ด้านรายได้จากการดำเนินงานรวมอยู่ที่ 17,670 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากการปรับโครงสร้างสินเชื่อไปยังสินเชื่อกลุ่มลูกค้ารายย่อย และการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงิน โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 6.6% แต่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 3,273 ล้านบาท ลดลง 2.8% เพราะรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยู่ที่ 7,570 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ด้านสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 39,759 ล้านบาท ลดลง 3.0% จากสิ้นปีที่แล้ว หรือคิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ที่ระดับ 2.56% เทียบกับ 2.62% ณ สิ้นปีที่แล้ว &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ด้านสินเชื่อ อยู่ที่ 1.31 ล้านล้านบาท ชะลอลง 1.0% จากสิ้นปีก่อน ลดลงตามนโยบายการเติบโตสินเชื่ออย่างรอบคอบ รวมทั้งการชำระคืนหนี้ของลูกค้า โดยสินเชื่อที่หดตัวเล็กน้อย ได้แก่ สินเชื่อลูกค้ารายย่อย สินเชื่อเช่าซื้อโดยรวม สินเชื่อบ้าน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ด้านเงินฝาก อยู่ที่ 1.37 ล้านล้านบาท ลดลง 1.0% จากสิ้นปีที่แล้ว มาจากการย้ายฐานเงินฝาเพื่อการออมไปยังเงินฝากประจำ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ธนาคารได้ตั้งสำรองฯ เพิ่มเติมจากระดับปกติ รวมตั้งสำรองฯ ทั้งสิ้นเป็นจำนวน 5,117 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านฐานะเงินกองทุน ณ 31 มี.ค. 67 พบว่า มีอัตราส่วน CAR อยู่ที่ 20.8% และ Tier 1 อยู่ที่ 17.0% ถือว่าสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารกลุ่ม D-SIBs ที่ธปท.กำหนดไว้ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a href="https://www.forbesthailand.com/finance-and-investment/news/scbx-2024-q-1" alt="SCBX ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 67 ที่ 11,281 ล้านบาท โต 2.6% จากปีก่อน">SCBX ประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปี 67 ที่ 11,281 ล้านบาท โต 2.6% จากปีก่อน</a>​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

ทีเอ็มบีธนชาต เผยไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิ 5,334 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.1% หนี้เสียลดลง

<h2>ทีทีบี ส่ง ทีทีบี โบรกเกอร์ บุกธุรกิจประกันวินาศภัย วางแผนธุรกิจ 5 ปี ดันเบี้ยประกันจาก 3,900 ล้านบาท สู่ 13,200 ล้านบาท เติบโต 240% ชูผลิตภัณฑ์เด่นเน้นประกันภัยรถยนต์ ตอบโจทย์ลูกค้าที่มีรถให้มีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น ตั้งเป้าเป็นผู้นำโบรกเกอร์ประกันภัยรถยนต์ด้วยฐานลูกค้าทีทีบีที่มีรถยนต์กว่า 2.4 ล้านราย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า ทีทีบีมีกลยุทธ์ที่จะรุกด้าน Car Ecosystem ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์และครอบคลุมทุกความต้องการของคนมีรถ นำโดย “ทีทีบี ไดรฟ์” (ttb DRIVE) สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ รถแลกเงิน จำนำทะเบียนรถ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และที่ผ่านมาได้เปิดตัวบริการ “มาย คาร์” (My Car) บนแอป ทีทีบี ทัช (ttb touch) ที่ช่วยคนมีรถจัดการเรื่องสำคัญเกี่ยวกับรถยนต์ เช่น จ่ายสินเชื่อรถ ต่อภาษีรถยนต์ประจำปี ซื้อ พ.ร.บ หรือต่อประกันรถ หรือแม้แต่เช็กยอดคงเหลือและเติมเงินบัตรทางด่วน Easy Pass ได้เลยในแอปเดียว รวมถึงเปิดตัว “รถโดนใจ” (Roddonjai) แพลตฟอร์มออนไลน์ซื้อขายรถมือสองคุณภาพเยี่ยม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุดได้เปิดตัว “ทีทีบี โบรกเกอร์” (ttb broker) ที่จะเข้ามาช่วยรุกตลาดประกันภัยรถยนต์ เพื่อทำให้ลูกค้าที่มีรถยนต์มีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นแบบรอบด้าน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ภาพรวมธุรกิจประกันวินาศภัยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง คาดว่าปีนี้จะมีเบี้ยประกันภัยราว 286,200 ล้านบาท เป็นการจำหน่ายผ่านนายหน้า 192,000 ล้านบาท คิดเป็น 67% ทีทีบีได้เล็งเห็นโอกาสการเติบโตในธุรกิจนี้ จึงให้ ทีทีบี โบรกเกอร์ เป็นกำลังหลักในการบริการลูกค้าด้านประกันวินาศภัย โดยมุ่งเน้นไปที่ประกันภัยรถยนต์ และประกันที่เกี่ยวเนื่องกับรถยนต์ โดยมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าของธนาคารที่มีรถยนต์กว่า 2.4 ล้านราย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยจากข้อมูล พบว่า ในกลุ่มลูกค้าดังกล่าว มีเพียง 336,000 คันที่มีประกันรถยนต์กับธนาคาร หรือคิดเป็นเพียง 15% จึงเป็นโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตได้อีกมาก ยังไม่นับโอกาสจากฐานลูกค้าพันธมิตรดีลเลอร์และเต็นท์รถมากกว่า 4,500 แห่ง รวมถึงฐานลูกค้านิติบุคคลอีกราว 15,000 ราย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งเรามั่นใจว่าการมีฐานลูกค้าจำนวนมากกว่า 2.4 ล้านราย ประกอบกับจุดแข็งที่สร้างความได้เปรียบ และกลยุทธ์ที่จะสร้างการเติบโต จะทำให้ ทีทีบี โบรกเกอร์ ก้าวเป็นผู้นำโบรกเกอร์ประกันภัยรถยนต์ได้ตามเป้าหมาย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เอกสิทธิ์ ศักดิ์ธนาคร กรรมการผู้จัดการ ทีทีบี โบรกเกอร์ กล่าวว่า ทีทีบี โบรกเกอร์มีเป้าหมายก้าวเป็น Top 3 บริษัทนายหน้าประกันชั้นนำของไทย ซึ่งภายหลังจากการรวมกิจการของทีเอ็มบี และธนาคารธนชาต ทำให้ ทีทีบี โบรกเกอร์ มีความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยในปีนี้คาดการณ์ว่าจะมียอดเบี้ยประกันที่ 3,900 ล้านบาท เติบโตถึง 35% จากปีที่ผ่านมา <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/aAYuLnN6UPYdC2ecsHPv.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="aAYuLnN6UPYdC2ecsHPv.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ทีทีบี โบรกเกอร์ วางเป้าปี 2571 หรือ 5 ปีข้างหน้า จะมีเบี้ยประกัน 13,200 ล้านบาท หรือเติบโตราว 240% โดยจะถูกขับเคลื่อนผ่าน 5 กลยุทธ์ คือ การขยายฐานลูกค้าในกลุ่มบริษัท ดีลเลอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ การขยายฐานลูกค้ากับกลุ่มลูกค้าของธนาคาร การขยายช่องทางขายทั้งในส่วนของออนไลน์และออฟไลน์ การใช้กลยุทธ์การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล หรือ Data-Driven และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าทั้งกลุ่มลูกค้าบุคคลและองค์กร”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ทีทีบี โบรกเกอร์สามารถสร้างความได้เปรียบด้วยจุดแข็ง 6 ด้าน ได้แก่ ด้าน Strategic Partnerships โดยมีพันธมิตรที่เป็นประกันภัยคู่ค้าชั้นนำมากถึง 37 บริษัท มาให้ลูกค้าเลือกความคุ้มครองที่คุ้มค่าที่สุด ด้าน Car Insurance &amp; Specialty Insurance Product ชูผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถยนต์ที่ครอบคลุมความต้องการของผู้ใช้รถ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่คุ้มครองพิเศษรองรับทั้งลูกค้าบุคคลและนิติบุคคล เช่น Cyber Insurance, Medical Malpractice Insurance&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน ttb broker platform ที่เพิ่มโอกาสให้คู่ค้า พันธมิตรสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้ทุกที่ทุกเวลา ด้าน Sales Channel ที่ครอบคลุมที่สุดผ่านทุกช่องทางต่างๆ ของทีทีบี ช่องทางทีทีบี โบรกเกอร์ และช่องทางพันธมิตร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน Customer Service ที่มีทีมงานและระบบที่พร้อมให้บริการลูกค้าอย่างมืออาชีพ และสุดท้าย ด้าน Payment Method ให้ลูกค้าสามารถแบ่งจ่าย 0% นาน 10 เดือนได้ทั้งบัตรเครดิต ttb และรูปแบบเงินสด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ชยรส ลือภูวพิทักษ์กุล หัวหน้าบริหารงานปฏิบัติการ ทีทีบี โบรกเกอร์ กล่าวว่า ทีทีบี โบรกเกอร์ มีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า โดยมีสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ประกันรถยนต์ราว 61% ของพอร์ต​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/1qEmmU4QsjqbBUva8y6Z.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="1qEmmU4QsjqbBUva8y6Z.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> ​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยบริษัทมีความมั่นใจในจุดแข็งที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ทั้งค่าเบี้ยประกันที่สามารถเจรจาผ่านบริษัทประกันที่มีความสัมพันธ์อันดี และเมื่อรวมพลังกับทีทีบี ทำให้มีช่องทางขายที่เข้าถึงผู้บริโภคทั่วประเทศผ่านสาขาธนาคารกว่า 500 แห่ง แอป ทีทีบี ทัช ที่มีผู้ใช้งานกว่า 4.7 ล้านคน และพนักงานสินเชื่อรถยนต์อีกกว่า 1,000 คน ทั่วประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ บริษัทเองยังมีช่องทาง Telesales ที่มีพนักงานมากกว่า 400 คน และช่องทาง ttbbroker.com ทำให้ ทีทีบี โบรกเกอร์ เป็นนายหน้าประกันภัยรถยนต์ที่เข้าถึงผู้บริโภคทั่วประเทศ และมีช่องทางการขายมากที่สุดในตลาด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ เรายังมีผลิตภัณฑ์หลักที่โดดเด่น ได้แก่ ประกันรถยนต์มอเตอร์ 1 ซิงเกิ้ล เรท จัดเต็ม และ Family Fleet Motor ที่ให้ความคุ้มครองที่คุ้มค่า รวมทั้ง ประกันอะไหล่รถยนต์ ทีทีบี มอเตอร์ วอร์รันตี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ทีทีบี โบรกเกอร์ จะมาเชื่อมต่อ Car Ecosystem ทำให้ลูกค้าที่มีรถได้รับบริการแบบมืออาชีพ ตอบโจทย์ทุกความต้องการ มั่นใจได้ว่าจะได้ประกันภัยรถยนต์ที่คุ้มค่าที่สุดจากโบรกเกอร์ประกันภัยในเครือทีทีบี รวมไปถึงการแบ่งจ่ายหรือผ่อนชำระ และสามารถเลือกบริษัทประกันชั้นนำที่เป็นพันธมิตรได้มากถึง 37 บริษัท” เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/finance-and-investment/news/bki-9-months-2023-revenue" alt="BKI โตแข็งแกร่ง ทำกำไรงวด 9 เดือน ปี 2566 พุ่ง 2,546.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 217.3%">BKI โตแข็งแกร่ง ทำกำไรงวด 9 เดือน ปี 2566 พุ่ง 2,546.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 217.3%</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“ทีทีบี” ส่ง “ทีทีบี โบรกเกอร์” บุกธุรกิจประกันวินาศภัย ตั้งเป้า 5 ปี โต 240%

<h2>ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) ส่งทีมดิจิทัล “ttb spark” เสริมแกร่งศักยภาพด้านดิจิทัล ภายใต้แนวคิด Humanized Digital Banking ดิจิทัลที่เป็นมิตรและรู้ใจ พร้อมบทพิสูจน์ครั้งสำคัญกับการเป็นทีมผู้อยู่เบื้องหลังการพลิกโฉมแอปพลิเคชัน ttb touch ใหม่ให้กลายเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ช่วยให้การเงินของลูกค้าดีขึ้นรอบด้าน ซึ่งจะเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคมนี้</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-61709" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/3-นายนริศ-อารักษ์สกุลวงศ์-หัวหน้าทีมดิจิทั.jpg" alt="" width="450" height="284" />

นริศ อารักษ์สกุลวงศ์ หัวหน้าทีมดิจิทัล ทีทีบี สปาร์ค เปิดเผยว่า การจัดตั้งทีม “ttb spark” นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญด้าน Digital transformation ของธนาคาร เพื่อเสริมแกร่งศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลของธนาคารให้สอดคล้องกับแนวคิด “Humanized Digital Banking” หรือ ดิจิทัลแบงก์กิ้งที่เป็นมิตรและรู้ใจ ใช้ง่าย แก้ปัญหาของลูกค้า และช่วยยกระดับการให้บริการลูกค้าได้หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการตอบโจทย์และมีประโยชน์ต่อลูกค้าอย่างแท้จริง ทั้งกลุ่มลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจ

ที่มาของทีมดิจิทัล “ttb spark” คือ ความเชื่อว่าองค์กรของเราไม่ได้ใหญ่เกินกว่าที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงจากภายใน แม้วันนี้เราจะเป็นหนึ่งในธนาคารขนาดใหญ่ที่สำคัญต่อระบบในประเทศ หรือ D-SIBs แต่ดีเอ็นเอของทีเอ็มบีธนชาตเติบโตมาจากธนาคารขนาดกลางที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงมาหลายต่อหลายครั้ง มีทีมงานและผู้บริหารที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องดิจิทัล และสามารถนำเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือสนับสนุนเพื่อช่วยให้ธนาคารดำเนินธุรกิจได้ดียิ่งขึ้นผ่านการพัฒนาโซลูชันทางการเงินที่สร้างประโยชน์ต่อลูกค้าได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ttb spark ยังเลือกที่จะเดินบนแนวคิด Humanized Digital Banking โดยพร้อมเปลี่ยนจากการที่มีสาขาเป็นศูนย์กลางไปสู่ Digital Platform ที่นอกจากจะช่วยให้ลูกค้าทำธุรกรรมและได้รับบริการผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือได้ไม่ต่างจากการใช้บริการที่สาขา แต่ยังทำหน้าที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเชื่อมต่อกับพนักงานได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น เพราะเราเชื่อในโลกออนไลน์และโลกออฟไลน์ที่เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าของธนาคาร

“เรายังมุ่งเน้นการวิเคราะห์ข้อมูล หรือ Data Analytics เพื่อสร้างประสบการณ์เสมือนหนึ่งลูกค้ากำลังเดินเข้าไปใช้บริการกับสาขาธนาคารใกล้บ้าน ที่พนักงานของธนาคารรู้ว่าคุณคือใคร อายุเท่าไหร่ และมีความต้องการทางการเงินอย่างไร เพื่อจะได้ให้คำปรึกษา แนะนำ และนำเสนอโซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์และตรงใจ ตามคอนเซ็ปต์ Humanized Digital Banking หรือ ดิจิทัลแบงก์กิ้งที่เป็นมิตร รู้จัก และรู้ใจลูกค้าอย่างแท้จริง” นริศ กล่าว

โดยบทพิสูจน์ความมุ่งมั่นของ “ttb spark” สามารถสะท้อนได้จากผลงานชิ้นสำคัญในการพลิกโฉมแอปพลิเคชัน ttb touch มุ่งเน้นการเป็นผู้ช่วยส่วนตัวและที่ปรึกษาในระดับบุคคลที่รู้ใจ ช่วยให้ชีวิตทางการเงินของลูกค้าดีขึ้นได้อย่างรอบด้าน ผ่านฟีเจอร์เด่น ได้แก่ เป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ให้ข้อมูลและแจ้งเตือนเรื่องสำคัญที่เกี่ยวกับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายบิลค่าน้ำ ค่าไฟ บิลโทรศัพท์มือถือ โดยที่ลูกค้าไม่ต้องตั้งเตือน ให้คำแนะนำและทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย เช่น การแสดงข้อมูลความคุ้มครองที่จะทำให้เห็นว่าประกันที่มีครอบคลุมและเพียงพอกับ Lifestyle และ Life Stage ของลูกค้าหรือไม่

รวบรวมและจัดระเบียบเอกสารทางการเงินไว้บน ttb touch ทำให้การค้นหา เรียกดู และขอเอกสาร เช่น เอกสารรับรองสถานะการเงินและข้อมูลเครดิตบูโร ทำได้ง่ายๆ ผ่านแอป ไม่ต้องเดินทางไปสาขา รวบรวมสิทธิประโยชน์ในระดับบุคคล พร้อมเลือกสรรแคมเปญโปรโมชันที่เหมาะสำหรับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าไม่พลาดทุกความคุ้มค่าที่ธนาคารมอบให้ และไฮไลท์สำคัญที่ ttb touch จะเป็นผู้ช่วยมากกว่าเรื่องการธนาคาร หรือ Beyond Banking คือ ฟีเจอร์ My Car ให้ลูกค้าสามารถบริหารจัดการเรื่องเกี่ยวกับรถ เช่น การจ่ายค่างวดสินเชื่อรถ ต่อประกัน รวมไปถึงการขายรถและการหาซื้อรถคันใหม่มาทดแทน เพื่อทำให้ชีวิตของลูกค้าดีขึ้นรอบด้านได้อย่างแท้จริง และถือเป็นการต่อยอดการเป็นผู้นำสินเชื่อรถยนต์ สู่การสร้างสรรค์โซลูชันที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ ผู้ขาย และผู้ให้บริการต่างๆ ทั้ง Ecosystem ซึ่ง ttb touch ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของธนาคาร โดยจะเปิดตัวให้บริการในเดือนพฤษภาคมนี้

<img class="alignnone size-full wp-image-61708" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/04/2-นายรัชกร-ชยาภิรัต-หัวหน้าทีมดิจิทัล-ทีทีบ.jpg" alt="" width="450" height="300" />

ด้าน รัชกร ชยาภิรัต หัวหน้าทีมดิจิทัล ทีทีบี สปาร์ค กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยความเชื่อเดียวกันของทีมงาน คือ “Spark New Possibilities” หรือการจุดไอเดียให้ทุกสิ่งเป็นจริงได้ มีทีมงานระดับ Talent ที่พร้อมจะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมาย เพื่อช่วยให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น โดยมี Digital DNA ที่เป็น Way of working ที่แข็งแรงและอยู่เบื้องหลังความสำเร็จในแต่ละงาน ที่เรียกว่า D-A-R-E DNA ซึ่งประกอบไปด้วย Daring คือ กล้ายืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องและดีที่สุดสำหรับลูกค้า Agile กล้าล้ม ลุกเร็ว เพื่อเรียนรู้และพัฒนาให้เร็วกว่า REAL ทุกสิ่งที่ทำต้องจับต้องได้จริง และ Energetic เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและสนุกกับการได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่

โดยปัจจุบัน “ttb spark” ประกอบด้วยทีมงานที่ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างทีมฝั่ง Business และทีม Tech ในลักษณะที่เรียกว่า BizTech ที่มีการงานแบบ Agile ทุกคนจะมีส่วนร่วมในการพัฒนาดิจิทัลโซลูชันสำหรับทั้งลูกค้าบุคคลและลูกค้าธุรกิจ ซึ่งแต่ละทีมจะประกอบด้วย ทีม Product Owner ทีม Business Analyst ทีม UX/UI ทีม Solution Architect ทีม Software Engineer และทีม Quality Assurance

นอกจากนั้น ttb spark ยังมีทีมงานที่โฟกัสเรื่องการพัฒนา ttb touch mobile app โดยเฉพาะ เพราะเราเชื่อเรื่องของการพัฒนาต่อยอดที่ไม่สิ้นสุด และยังรวมไปถึงทีมงานที่เน้นการพัฒนาโซลูชันใหม่ๆ ที่นอกเหนือไปจากเรื่องของการธนาคาร หรือ Beyond Banking ที่จะมาช่วยตอบโจทย์และเป็นประโยชน์กับลูกค้าได้อย่างรอบด้าน โดยเรายังให้ความสำคัญในการพัฒนาโซลูชันที่สามารถแก้ปัญหาให้กับลูกค้าอย่างยั่งยืน และเป็นการแก้ปัญหาทั้ง Ecosystem ให้กับลูกค้าได้อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ เพื่อการสร้างพื้นที่แห่งความเป็นไปได้ “ttb spark” ยังมี “ttb spark academy” ที่เปิดโอกาสสำหรับคนรุ่นใหม่ รวมถึงน้องๆ จากมหาวิทยาลัยที่มีความสนใจทางด้าน Tech และ Data ที่จะได้มาสัมผัสและเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงจากพี่ๆ ผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยพัฒนาและต่อยอดความรู้ ความสามารถของ Talent รุ่นใหม่ให้แข็งแกร่งพร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีเอ็มบีธนชาตและโอกาสในการเติบโตในสายงานที่สนใจในอนาคต

และทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่จะตอกย้ำความมุ่งมั่นของทีเอ็มบีธนชาตในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายให้กับชีวิตลูกค้าผ่านการสร้างดิจิทัลโซลูชันด้วยแนวคิด Humanized Digital Banking เพื่อให้ทุกประสบการณ์การใช้บริการบนดิจิทัลตอบโจทย์ รู้ใจ และเข้าใจ พร้อมก้าวสู่การเป็น The Bank of Financial Well-being ธนาคารที่เป็นผู้นำในการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทยทั้งในวันนี้ และอนาคต ควบคู่ไปกับการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรให้สามารถต่อยอดความก้าวหน้า อีกทั้งสามารถดึงดูด Talent รุ่นใหม่ๆ มาร่วมสร้างสรรค์และขับเคลื่อนนวัตกรรมและดิจิทัลโซลูชันที่จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในโลกการธนาคารแห่งอนาคตร่วมกัน

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/commentaries/investment-outlook/%e0%b8%88%e0%b8%b5%e0%b8%99-%e0%b8%8d%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%9b%e0%b8%b8%e0%b9%88%e0%b8%99-%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%a1-%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0.html">จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม ประเทศดาวเด่น รับมือ “ดอกเบี้ยสหรัฐฯ” พุ่ง</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

ทีเอ็มบีธนชาต เปิดตัวทีมดิจิทัล “ttb spark” พลิกโฉม ttb touch

ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) เปิดตัวบริการใหม่ “ทีทีบี รีเซิร์ฟ” (ttb reserve) สำหรับลูกค้ากลุ่มที่มีความมั่งคั่งสูง ด้วยแนวคิดความสำเร็จต่อยอดได้ไม่มีที่สิ้นสุด ยกระดับบริการและเอกสิทธิ์ขั้นสุด และพร้อมเปิดตัวบัตรเครดิตใหม่ ได้แก่ ttb reserve infinite และ ttb reserve signature นับว่าเป็นครั้งแรกของการให้บริการบัตรเครดิตสำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูงของ ttb และยังยกระดับเอกสิทธิ์ขั้นสุดให้กับลูกค้ากลุ่มนี้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ความสำเร็จต่อยอดได้ไม่มีที่สิ้นสุด” ที่จะช่วยบริหารความมั่งคั่ง ทั้งด้านการเงิน การลงทุนและไลฟ์สไตล์ พร้อมบริการที่ปรึกษาการเงินการลงทุนส่วนบุคคล เพื่อให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดียิ่งขึ้น พร้อมส่งต่อความสำเร็จจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างยั่งยืน

บัตรเครดิต “ttb reserve” บัตรเครดิตที่ถูกออกแบบมาเพื่อเน้นการต่อยอดความมั่งคั่งได้แบบไม่มีที่สิ้นสุด ภายใต้แนวคิด “Earn Fast - Burn Smart” ด้วย 4 จุดเด่นของการได้รับคะแนนที่ได้เร็วเหนือใคร พร้อมแลกคะแนนคุ้มค่ากว่าใคร ครอบคลุมทั้งด้านการเงิน การลงทุน และไลฟ์สไตล์ ที่ผู้ใช้สามารถเลือกตามความต้องการได้เอง และใช้ได้จริง

<figure><img class="wp-image-46449 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/คุณอนุวัติร์-เหลืองทวีกุล.2.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> คุณอนุวัติร์ เหลืองทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าบุคคล ทีทีบี</figcaption></figure>

รับคะแนนสะสมเร็วเหนือใคร รับคะแนนพิเศษรายปีสูงสุด 180,000 คะแนนทุกปี เมื่อมีเงินฝาก เงินลงทุน และ/หรือ ประกันชีวิตและประกันวินาศภัยตามที่ธนาคารกำหนด เพียงเปิดใช้งานบัตรลูกค้าจะได้รับคะแนนสะสมพิเศษนี้ โดยไม่ต้องมีการใช้จ่ายผ่านบัตร และสะสมคะแนนเพิ่มจากทุกการใช้จ่ายเพียง 10 บาท รับ 1 คะแนนทุกหมวด หมวดโรงพยาบาลและช็อปออนไลน์ รับคะแนน 2 เท่า หรือเทียบเท่า 5 บาท เท่ากับ 1 คะแนน และพิเศษสุดรับคะแนนสะสมแบบติดสปีดเมื่อใช้จ่ายหมวดประกันชีวิตที่ร่วมรายการ รับคะแนนสูงสุด 10 เท่า หรือเทียบเท่า 1 บาท เท่ากับ 1 คะแนน เพิ่มโอกาสรับคะแนนสะสม 1,000,000 คะแนนง่ายๆ เพียงซื้อประกันชีวิตของทีเอ็มบีธนชาตด้วยบัตรเครดิต ttb reserve 1 ล้านบาท

<figure><img class="wp-image-46416 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/คุณนันทพร-ตั้งเจริญศิริ.2.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> คุณนันทพร ตั้งเจริญศิริ หัวหน้าบริหารการตลาดลูกค้าบุคคลและประสบการณ์ลูกค้า ทีทีบี</figcaption></figure>

แลกคะแนนที่คุ้มค่ากว่าใคร เลือกแลกคะแนนที่ได้อย่างคุ้มค่าตอบโจทย์ด้านการเงินการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นรับเครดิตเงินคืน 1,000 บาท เพียงใช้ 10,000 คะแนน หรือคุ้มค่ายิ่งขึ้นเมื่อแลกรับเครดิตเงินคืนเป็นมูลค่าหน่วยลงทุนได้ถึง 1,200 บาท สำหรับการซื้อกองทุนทุก 100,000 บาท หรือ แลกรับส่วนลด 20% เมื่อซื้อประกันวินาศภัย เพียงใช้คะแนนเท่ายอดเบี้ยประกัน ด้านไลฟ์สไตล์ด้วยการแลกคะแนนผ่านแค็ตตาล็อกพิเศษ โดยใช้คะแนนน้อยกว่ามูลค่าจริง และได้รับสิทธิพิเศษที่คุ้มค่ามากกว่า อาทิ ชุดตรวจสุขภาพ กรีนฟีสนามกอล์ฟ รถลีมูซีนรับ-ส่งสนามบิน ห้องรับรองภายในสนามบินทั่วโลก (Lounge Key) และอื่นๆ อีกมากมาย ที่คัดสรรเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า

<figure><img class="wp-image-46418 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/คุณณัฐวรรณ-อภิรัตนพิมลชัย.2.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> คุณณัฐวรรณ อภิรัตนพิมลชัย หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริหารกลุ่มลูกค้าบุคคล ทีทีบี</figcaption></figure>

สิทธิพิเศษความคุ้มค่าที่มาพร้อมบัตร ทั้งส่วนลดและบริการที่มอบความสะดวกมากมาย อาทิ ฟรีค่าธรรมเนียม การแปลงสกุลเงินตราต่างประเทศ 2.5%, สิทธิพิเศษ แบ่งชำระรายเดือน 0% นาน 6 เดือน สำหรับการซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ร่วมรายการ, รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 50% จากร้านอาหาร Fine Dining ชั้นนำ และส่วนลดพิเศษจากโรงพยาบาลชั้นนำในเครือ BDMS เป็นต้น

ต่อยอดความมั่งคั่งทางการเงินอย่างยั่งยืน ผ่านบริการที่ปรึกษาการเงินการลงทุนส่วนบุคคล เพื่อให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดียิ่งขึ้น พร้อมส่งต่อความสำเร็จจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างยั่งยืน

<img class="alignnone wp-image-46423" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/1-2.jpg" alt="" width="384" height="371" />

<img class="alignnone wp-image-46424" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/3-2.jpg" alt="" width="385" height="372" />

บัตร ttb reserve มี 2 ประเภทบัตร คือ ttb reserve infinite ทีทีบี รีเซิร์ฟ อินฟินิท สำหรับลูกค้าที่มียอดรวมผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ 30 ล้านบาท ขึ้นไป และ ttb reserve signature ทีทีบี รีเซิร์ฟ ซิกเนเจอร์ ยอดรวมผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ 5 ล้านบาท ไม่ถึง 30 ล้านบาท

ttb พร้อมเดินหน้าพัฒนา นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงตามความต้องการของลูกค้า เพื่อร่วมออกแบบความสำเร็จและร่วมต่อยอดความสำเร็จให้แก่ลูกค้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events