หากพูดถึงซอฟต์แวร์ตัดต่อ เกือบทุกคนต้องนึกถึง Adobe ไม่ก็ Canva และล่าสุดทาง Adobe ได้เปิดตัว Creative Cloud Express พร้อมกลับมาเป็นผู้นั่งบัลลังก์เจ้าแห่งซอฟต์แวร์สายครีเอทีฟแต่เพียงผู้เดียว
Adobe เจ้าของเครื่องมือสุดล้ำมากมายผู้โด่งดัง ขวัญใจสายงานครีเอทีฟ ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่าจะทำการเปิดตัวแอปพลิเคชั่นใหม่ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใช้งานใหม่ในโลกของครีเอเตอร์ ตั้งแต่เจ้าของกิจการเล็กๆ และนักเรียน จนไปถึงโซเชียลมีเดียอินฟลูเอนเซอร์
แอปพลิเคชั่นน้องใหม่นี้จะเปิดตัวภายใต้ชื่อ Creative Cloud Express ซึ่งจะเป็นเป็นแอปพลิเคชั่นบนหน้ามือถือ และเว็บไซต์แบบฟรี และเป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีต่างๆ จะซอฟต์แวร์อันโด่งดังอย่าง Photoshop, Premiere Pro และ Acrobat
แอปพลิเคชั่นดังกล่าวถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการสร้างโพสต์บนโลกโซเชียล, โลโก้ธุรกิจ และแผ่นพับต่างๆ, งานโรงเรียน และอีกมากมาย สิ่งที่ Creative Cloud Express พร้อมมอบให้กับผู้ใช้ทุกคนนั้น ดูคลับคล้ายคลับคลากับ Canva
Canva นับเป็นบริษัทระดับ Deracron และมาจากออสเตรเลีย โดย ณ เดือนกันยายนมีมูลค่าถึง 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หลังจากที่สามาถระดมทุนได้ถึง 200 ล้านเหรียญ ในขณะเดียวกัน Adobe มีมูลค่า ณ ราคาตลาดอยู่ที่ราวๆ 3.10 แสนล้านเหรียญ
"ในส่วนของคุณค่าที่ส่งมอบให้ลูกค้า รวมถึงคำถามว่าพวกเขาเล็งเป้าหมายไปที่ใคร และพยายามกำลังจะทำอะไรอยู่นั้น ผมคิดว่ามันเป็นการเคลื่อนตัวเข้าใส่ Canva เลยล่ะ" Chris Ross นักวิเคราะห์จาก Gartner กล่าว "และหากว่าคุณคือ Canva ล่ะก็ คุณก็คงจะต้องคิดหนักกับเรื่องนี้อยู่ ผมคิดว่านะ"
บริษัทเจ้าของซอร์ฟแวร์ชื่อดังมากมายนี้ใช้กลยุทธ์ดังกล่าวมาได้หลายปีแล้ว แต่ตอนนี้มีสถานการณ์โรคระบาดเป็นเสมือนคันเร่ง "เราเห็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งใหญ่ และการเปลี่ยนแปลงนั้นก็ส่งผลต่อคนทุกกลุ่ม" David Wadwhani ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจของทางบริษัทกล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์
และเขายังได้กล่าวอีกว่า "มีธุรกิจเปิดตัวใหม่กว่า 4.4 ล้านบริษัทในปี 2020 ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดเลย และผลสำรวจจาก Lego ก็แสดงให้เห็นว่า หากคุณลองไปคุยกับเด็กๆ วันนี้ พวกเขามีแนวโน้มที่อยากจะเป็นยูทูปเบอร์มากกว่าอยากจะเป็นนักบินอวกาศถึง 3 เท่า"
Wadwhami ยังได้กล่าวด้วยว่า ทางบริษัทเชื่อว่าแอปพลิเคชั่นใหม่นี้จะสามารถดึงลูกค้าใหม่ให้กับแพลตฟอร์มใหม่ของทางบริษัทได้ถึง 100 ล้านคนเลยทีเดียว

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine


