ผลวิจัยเผย Gen Z เสี่ยงขาดทุนเพราะเชื่อโซเชียลมากกว่าโบรกเกอร์ - Forbes Thailand

ผลวิจัยเผย Gen Z เสี่ยงขาดทุนเพราะเชื่อโซเชียลมากกว่าโบรกเกอร์

ผลวิจัยจาก Finra และสถาบัน CFA เผย นักลงทุนกลุ่มวัยรุ่น Gen Z อาจเสี่ยงขาดทุนเพราะนิยมฟังข้อมูลประกอบการลงทุนที่ค้นหาเจอจากโซเชียลมีเดียมากกว่า โดยมีเพียง 30% เท่านั้นที่เลือกฟังคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินหรือโบรกเกอร์ผู้เชี่ยวชาญ


    Finra Investor Education Foundation บริษัทในเครือของหน่วยงานเฝ้าระวังการกำกับดูแลตนเองของอุตสาหกรรมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และสถาบัน CFA ซึ่งดูแลการกำหนดนักวิเคราะห์ทางการเงินที่ได้รับการรับรอง เผยถึงผลงานวิจัยพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนรุ่นใหม่ หรือ Gen Z ที่เกิดระหว่างปี 1997 ถึง 2012 ว่า กลุ่มนักลงทุนดังกล่าว กลุ่มคน Gen Z มักจะมองหาเคล็ดลับการลงทุนบนโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์อื่น ๆ รวมถึงเพื่อนและครอบครัวแทนที่จะไปขอคำแนะนำ จากที่ปรึกษาหรือนายหน้าโบรกเกอร์การลงทุน 

    ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้มักเกิดความเสียหายต่อเงินต้นที่ใช้ลงทุน หรือ ตกเป็นเครื่องมือของนักลงทุนบางกลุ่มที่หวังผลด้านราคาในลักษณ์ที่เข้าใจกันโดยทั่วไปว่า "รายใหญ่หลอกแมงเม่าให้ช่วยลากเหรียญ"

    ทั้งนี้ financial-planning ยังได้เผยแพร่รายงานอ้างอิงพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนรุ่นใหม่ หรือ "Gen Z and Investing: Social Media, Crypto, FOMO and Family" จากฐานข้อมูลที่รวบรวมเมื่อเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา 

    โดยผลการสำรวจ Gen Z ที่มีอายุระหว่าง 18-25 ปี จำนวนทั้งสิ้น 2,782 คน จะมีเพียง 30% เท่านั้นที่มองหาคำแนะนำการลงทุนจากนักวางแผนการเงิน นอกนั้นจะเป็นการหาข้อมูลจากโซเชียลมีเดียมากที่สุด ถัดมาคือการหาข้อมูลหรือคำแนะนำจากครอบครัวหรือผู้ปกครอง และเพื่อน ตามลำดับ

    อย่างไรก็ตามนักลงทุนรุ่นเยาว์ยังแสดงความชอบในการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin โดยจากการสำรวจ Gen-Z กว่า 55% กล่าวว่าพวกเขานำเงินไปลงทุนใน crypto เช่นเดียวกับ 57% ของคนรุ่นมิลเลนเนียล ประมาณ 4 ใน 10 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งสองกลุ่มกล่าวว่าพวกเขาลงทุนในหุ้นรายตัว ซื้อกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนน้อยกว่าหนึ่งในสามซึ่งติดตามดัชนีเช่น S&P 500 และได้รับการขนานนามว่าเป็นวิธีการกระจายการลงทุนที่มีต้นทุนต่ำ

    ขณะที่ผู้ตอบแบบสำรวจนักลงทุน Gen Z ครึ่งหนึ่งกล่าวว่าพวกเขาถูกผลักดันให้ลงทุนด้วยความกลัวที่จะพลาดโอกาส หรือ FOMO และ 44% กล่าวว่ากลุ่มของพวกเขาประสบปัญหาทางการเงินมากกว่ากลุ่มที่มีอายุมากกว่า


    ด้าน Jack Heintzelman นักวางแผนการเงินที่ได้รับการรับรองจาก Boston Wealth Strategies ในเมืองนีดแฮม รัฐแมสซาชูเซตส์ กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าสัญชาตญาณแรกของ Gen-Z และคนรุ่นมิลเลนเนียลเมื่อพวกเขากำลังค้นหาข้อมูลในหัวข้อใหม่คือการดูอินเทอร์เน็ต แต่ทั้งนี้มีนักวางแผนทางการเงินน้อยเกินไปในฟอรัมเช่น Twitter, Reddit และ TikTok ที่ให้คำแนะนำที่ดี

    Heintzelman เองนั้น ปัจจุบันมีอายุ 26 ปีโดยช่วงอายุของเขา อยู่ในช่วงรอยต่อ Gen Z และรุ่นมิลเลนเนียล เขากล่าวว่าลูกค้าอายุน้อยจำนวนมาก ไม่ต้องการใช้ผู้จัดการความมั่งคั่งแบบเดียวกับที่พ่อแม่ของพวกเขาไปขอคำแนะนำ เขามีความมั่นใจสูง และมักมีความคิดที่ว่ามีความเชี่ยวชาญและเข้าถึงการใช้งานคุ้นเคยกับเทคโนโลยีมากกว่า กลุ่มนักวิเคราะห์การลงทุนมืออาชีพที่มีอายุมากกว่า และอาจมีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีน้อยกว่า

    ทั้งนี้เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญไม่เพียงแต่ในการที่นักลงทุนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวิธีการลงทุนด้วย จากผู้ตอบแบบสำรวจ Gen -Z จำนวน 65% กล่าวว่าพวกเขาใช้แอปเพื่อการลงทุน 55% ของคนรุ่นมิลเลนเนียลรายงานว่าทำเช่นเดียวกัน ในบรรดา Gen -X นั้น มีเพียง 38% เท่านั้นที่กล่าวว่าพวกเขาใช้แอพพลิเคชั่นเพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทุน

    อย่างไรก็ตาม เกือบ 7 ใน 10 หรือ 69% ของนักลงทุน Gen-Z กล่าวว่าพวกเขามักจะเชื่อคำแนะนำจากผู้ที่สามารถ "อธิบายสิ่งต่างๆ ได้อย่างชัดเจน" อันดับถัดมา 53% กล่าวว่าพวกเขาเชื่อมั่นในข้อมูลที่ "เกี่ยวข้องกับฉัน" และมากกว่าครึ่งหรือ 52% กล่าวว่าพวกเขาเชื่อถือที่ปรึกษาที่แบ่งปันรายละเอียดเกี่ยวกับประสิทธิภาพทางการเงินของตนเอง



อ่านเพิ่มเติม: Blancpain เผยเรือนเวลาคอลเล็กชั่นใหม่ “Ladybird Colors” สีสันหลากสไตล์


ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine