‘Meland Club’ สวนสนุกในร่มจากจีน เตรียมเปิดที่ ‘สยามพารากอน’ ไตรมาส 4 ปีนี้ - Forbes Thailand

‘Meland Club’ สวนสนุกในร่มจากจีน เตรียมเปิดที่ ‘สยามพารากอน’ ไตรมาส 4 ปีนี้

เตรียมเปิด “Meland Club” สวนสนุกในร่มจากจีน แทน “KidZania Bangkok” บนชั้น 5 สยามพารากอน ไตรมาส 4 ปีนี้ พร้อมเจาะเปิดหลังคา “พารากอนฮอลล์” เนรมิตแหล่งกินดื่มรักษ์โลกเพิ่มอีก 2 ชั้น พร้อมแบรนด์หรูจ่อคิวเพียบ ใครไม่มาปักหมุด ถือว่า “พลาด” อย่างแรง


    หากจะถามว่า เมื่อพูดถึง “สยามพารากอน” ทุกคนคิดถึงอะไร? คำตอบที่ได้ก็คือ ที่ที่มีร้านอาหารหลากหลาย แบรนด์หรูครบครัน และสิ่งที่เกือบจะทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันก็คือ “สถานที่ที่นำเสนอสิ่งแปลกใหม่ สร้างประสบการณ์ระดับโลก ตื่นตาตื่นใจเหนือความคาดหมายตลอดเวลา”

    หลังจากสร้างความฮือฮาให้วงการค้าปลีกไทย ด้วยการดึงเอ็กซ์คลูซีฟแฟล็กชิปสโตร์แห่งแรกของแบรนด์หรูนับไม่ถ้วนมาเปิดตัว ที่ชั้น M โซน “Luxe Hall” ไปเมื่อไม่นานมานี้ สยามพารากอน ยังเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องในปีนี้แม้จะในถือเป็นปีที่วงการค้าปลีกต้องเผชิญกับความท้าทายนับไม่ถ้วน ตั้งแต่สงครามการค้าอันเกิดจากนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ การสู้รบในต่างประเทศ แผ่นดินไหว และล่าสุดสงครามไทย-กัมพูชา

    ล่าสุดสยามพารากอน ได้จับมือกับนักลงทุนจีน เปิดตัว “Meland Club” สวนสนุกในร่มขนาดร่วม 10,000 ตารางเมตร ทดแทนพื้นที่เดิมของ “คิดส์ซาเนีย กรุงเทพฯ” (KidZania Bangkok) ศูนย์การเรียนรู้และความบันเทิงที่เปิดให้บริการในไทยครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2556 นำเสนอการจำลองให้เด็กๆ อายุ 4-14 ปี ได้ลองทำงานในอาชีพที่อยากเป็นและรับเงิน ซึ่งได้ปิดตัวลงตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2564 เพราะได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด ทำให้รายได้จากการขายตั๋วลดลงอย่างมาก


    สำหรับ “Meland Club” เป็นสนามเด็กเล่นในร่มที่ได้รับความนิยมอย่างมากในจีน ปัจจุบันเปิดให้บริการในมณฑลต่างๆ อาทิ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางเจา และเซินเจิ้น เป็นต้น โดย Meland Club ที่สยามพารากอนจะเป็นสาขาแรกที่ขยายธุรกิจออกมานอกประเทศจีน

    Meland Club จะเป็นสถานที่ให้เด็กและผู้ปกครองทำกิจกรรมการเรียนรู้ที่เสริมสร้างจินตนาการอย่างสร้างสรรค์ร่วมกัน พร้อมเกมแบบอินเทอร์แอคทีฟ และกิจกรรมที่ให้ความรู้สึกสมจริงต่างๆ โดยการออกแบบจะแบ่งออกเป็น 5 ธีม ได้แก่ insects, ocean, land, sky และ jungle มี attraction มากกว่า 100 จุด


    พื้นที่เล่นในแต่ละโซนของ “Meland Club” ในเมืองไทย จะถูกออกแบบให้มีเอกลักษณ์ มีโซนเรียนรู้ที่หลากหลาย ช่วยส่งเสริมความผูกพันระหว่างพ่อแม่และลูก ผ่านกิจกรรมที่ทำร่วมกันในแต่ละกลุ่มอายุต่างๆ ในพื้นที่เล่นที่เหมาะสมกับวัย อาทิ การจำลองให้เด็กสวมบทบาทต่างๆ เช่น เชฟ กัปตันเรือ ในบรรยากาศที่สมจริง


    นอกจากนี้ยังมีโซนเล่นตามธีมในพื้นที่ต่างๆ ตลอดจนสระบอลและสไลเดอร์ เพื่อความสนุกสนานและความตื่นเต้น และโซนการศึกษา ซึ่งจะมีพื้นที่สำหรับต่อบล็อก งานฝีมือ และกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆ

    นอกจากนี้ภายในพื้นที่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ร้านอาหาร คาเฟ่ ที่มีคอนเซ็ปต์เดียวกับ Meland นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับงีบหลับ โซนทานอาหารเด็กและเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็กด้วย

    “ความตื่นตาตื่นใจของที่นี่จะคล้ายๆ กับร้าน POP MART ที่เพิ่งเปิดตัวบนชั้น 5 ของศูนย์การค้าไอคอนสยาม เมื่อเร็วๆนี้ เพราะออกแบบจากดีไซเนอร์คนเดียวกัน” แหล่งข่าวกล่าว


    “สยามพิวรรธน์ใช้เวลาเจรจานานพอสมควร กว่า Meland จะยอมตัดสินใจมาลงทุนในเมืองไทย นอกจาก Meland Club จะเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้าย ที่จะมาเติมเต็มประสบการณ์ให้เด็กๆ นอกเหนือจากอควาเรียมในชั้นใต้ดินของสยามพารากอนแล้ว นี่ยังเป็นแม็กเน็ตสำคัญที่ทำให้สยามพารากอนยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่คนมีครอบครัวต้องมา” แหล่งข่าวกล่าว

    แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า ขณะนี้สยามพารากอนได้เปิดให้ผู้เช่าร้านอาหารจองพื้นที่แล้ว นอกจากจะมี Meland Club แล้ว บริเวณชั้น 5 ยังถูกออกแบบให้เป็น 2 ชั้น คือ ชั้น 5 และชั้น 5M ที่จะเป็นศูนย์รวมของร้านอาหารจากทั่วราชอาณาจักร มีทั้งร้านใหม่และร้านเดิมที่มาในคอนเซ็ปต์ใหม่ ตอบโจทย์ของสยามพารากอน ที่เน้นอาหารสุขภาพ เช่น ผักปลอดสาร เมนูรักสุขภาพ อาหารคลีน มีการนำเศษขยะมาแยกและเปลี่ยนเป็นพลังงาน


    “บรรยากาศการตกแต่งในชั้น 5 จะมีความเป็นธรรมชาติมาก เพราะทางสยามพารากอนได้เจาะเปิดหลังคาในโซนพื้นที่ของพารากอนฮอลล์ด้านบน เพื่อให้แสงส่องลงมาแบบธรรมชาติ กิจกรรมทุกอย่างในชั้นนี้จะเน้นเรื่องราวของการอนุรักษ์ธรรมชาติ ต่อยอดจากโซน Nextopia” แหล่งข่าวระบุ

    และที่มีความพิเศษมากไปกว่านั้นคือ สยามพิวรรธน์ได้จับมือร่วมกับภาคเอกชน ร่วมกันจัดกิจกรรมรักษ์โลก สอนวิธีการที่จะทำให้อากาศบริสุทธิ์ ดังนั้นโซนร้านอาหารบนชั้น 5 จะไม่ใช่แค่ที่กินข้าว แต่จะมีกิจกรรมต่างๆ ให้เล่น จะเป็นคอมมูนิตี้แบบใหม่ที่ไม่เคยรังสรรค์มาก่อนในศูนย์การค้าที่ไหนในเมืองไทย นอกจากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจะรู้สึกสนุกแล้ว ยังได้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ด้วย

    ส่วนที่บริเวณชั้น 4 ก็อยู่ระหว่างปรับโฉมให้เป็นโซนการกินด้วยเช่นกัน แต่ชั้นนี้จะตกแต่งต่างจากชั้น 5 เพราะมีการนำเอา art & culture มาผสมอยู่ในบรรยากาศรอบๆ ด้วย ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าสยามพิวรรธน์คือผู้นำในการคิดคอนเซ็ปต์ใหม่ของศูนย์การค้าในเมืองไทยที่ถูกจับตามองจากทั่วโลกมานาน

    นอกจากด้านอาหารแล้ว สยามพารากอนยังอยู่ระหว่างปรับโฉมศูนย์การค้าในชั้น M และชั้น 1 หลังจากได้ปรับใหญ่โดยนำพื้นที่ในส่วนของห้างสรรพสินค้าข้างในบางส่วนมาปรับโฉมเป็น Luxe Hall พร้อมเปิดตัวแบรนด์และร้านคอนเซ็ปต์ประเภท first time in Thailand หลายแบรนด์ด้วยกัน


    โดยร้านที่จะทยอยเผยโฉมในเดือนพฤศจิกายนนี้ หลังจากการรีโนเวตพื้นที่ในชั้น M ได้แก่ Dior ส่วน Boss ได้ย้ายช็อปจากชั้นนี้ ไปเปิดบนชั้น 1 โซน North Wing เมื่อเดือนที่ผ่านมา

    ส่วนที่ชั้น 1 แบรนด์ที่จะเปิดในเร็วๆ นี้ ได้แก่ Gentle Monster แว่นตาจากเกาหลีที่เข้ามาร่วมทุนกับ PP Glam เปิดที่สยามพารากอนเป็นสาขาที่ 2 ในกรุงเทพฯ เช่นเดียวกับ Kate Spade, Marc Jacobs, APM Monaco ซึ่งเป็น contemporary fashion jewelry brand, Club 21, Diesel and Coach ที่พร้อมจะอวดโฉมบนชั้นนี้ในราวเดือนพฤศจิกายน ขณะที่แบรนด์ Dolce & Gabbana พร้อมจะเปิดตัว DG Café แห่งแรกในกรุงเทพฯ ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้


    “ประเทศไทยกำลังถูกจับตามองจากทั่วโลกว่าเป็นประเทศที่ธุรกิจค้าปลีกมีวิวัฒนาการใหม่ๆ ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีตลาดสินค้าลักชัวรี่ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่ใช่ในอัตรา 200 เปอร์เซ็นต์เหมือนที่เกิดในช่วงโควิด แต่ในครึ่งปีนี้ก็ยังเติบโตกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้หลายแบรนด์พร้อมเดินหน้าลงทุนในเมืองไทยต่อเนื่อง” แหล่งข่าวกล่าว


    นอกจากแบรนด์ที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว แบรนด์ที่จะเปิดเพิ่มอีกในปลายปี ได้แก่ Dior Parfums และร้าน Club 21 ขณะที่ Prada ก่อนหน้านี้ได้ย้ายสินค้าสำหรับสตรีไปด้านหน้าตรงทางเชื่อมเข้าสถานีรถไฟฟ้า ส่วนสินค้าของผู้ชายจะเปิดแยกต่างหากอีก 1 ช็อปในชั้น M

    ทั้งหมดข้างบนนี้คือไฮไลต์สำคัญที่เกิดขึ้นในรอบ 3 ปี และจะเป็นจิ๊กซอว์สุดท้ายที่จะเติมเต็มให้ “สยามพารากอน” มีความสมบูรณ์ที่สุดตั้งแต่เปิดตัวในเมืองไทยมาครบ 20 ปีในปีนี้



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 'Central Park' เตรียมเผยโฉม 4 ก.ย.นี้! หวังเจาะกลุ่ม Well Being ดึงดูดนักท่องเที่ยว-สายรักสุขภาพ เข้าห้างปีละ 25 ล้านคน

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine