วุฒิชัย เหลืองอมรเลิศ ยืนหยัดสู้พาสวนสยามขายความสุข

<h2>พราวพุธ ลิปตพัลลภ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่ของไทยที่กำลังถูกจับตามองเป็นอย่างมากในเวลานี้ และอยู่ในลำดับต้นๆ ด้วยผลงานความสำเร็จจากการพัฒนาโครงการสวนน้ำ “วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน” ที่สร้างชื่อเสียงการเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว</h2>
พราวพุธ หรือ พราว ทายาทอดีตนักการเมืองชื่อดัง สุวัจน์ ลิปตพัลลภ เริ่มเข้ามาบริหารธุรกิจครอบครัวหลังจบการศึกษาจากประเทศอังกฤษเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน ในฐานะผู้บริหาร “พราว กรุ๊ป” ซึ่งประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมเป็นหลัก กล่าวได้ว่าเธอคือเสาหลักที่ เข้ามาบุกเบิก สร้างพอร์ตธุรกิจของครอบครัวให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในปัจจุบันยังควบตำแหน่งกรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD ที่มุ่งเน้นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย พร้อมกับการรุกตลาดคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมในหัวหินซึ่งการบริหารงานทั้งสองบริษัทแยกออกจากกันอย่างชัดเจน

“พราวเริ่มเข้ามาบริหารในพราว กรุ๊ป ก่อน และเป็น จุดเริ่มต้นของการขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวในรูปแบบโฮลดิ้ง ตอนนั้นมีพนักงานเพียง 7 คน และมีธุรกิจ โรงแรมเพียงแห่งเดียว คือ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท จนปัจจุบันมีพนักงานเฉพาะที่สำนักงานใหญ่ กว่า 70 คน และหากนับรวมกับพนักงานฝ่ายปฏิบัติการน่าจะมีร่วมๆ 1,000 คนได้” พราวพุธเล่าถึงจุดเริ่มต้นในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นเพียงองค์กรขนาดเล็ก จนกลายเป็น องค์กรขนาดใหญ่ในที่สุด
<h2>มากกว่าโรงแรมคือแหล่งท่องเที่ยว</h2>
ทำเลแรกที่ครอบครัวเลือกลงทุน คือ หัวหิน โดยมีเป้าหมาย จะส่งเสริมภาพลักษณ์ของหัวหินให้เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก เพราะที่ผ่านมาหัวหินเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนสำหรับคนไทย นักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่ค่อยรู้จักมากนัก ดังนั้น นอกจากการลงทุนโรงแรมแล้ว พราวพุธกล่าวว่า “เราจึงลงทุน สร้าง infrastructure tourism ด้วย อย่างสวนน้ำ วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน หรือห้างสรรพสินค้า Bluport ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุน เพื่อทำให้เกิดความสมบูรณ์ของความเป็นเมืองท่องเที่ยว

“นับจากวันที่เราเริ่มเข้าไปลงทุน ตอนนั้นหัวหินมี นักท่องเที่ยวต่างชาติปีละ 3-4 แสนคนเท่านั้น แต่ปัจจุบันตัวเลขเติบโตขึ้นเป็นปีละ 1 ล้านคน ซึ่งยังไม่นับรวม นักท่องเที่ยวคนไทย แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของหัวหิน ที่การท่องเที่ยวยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก” พราวพุธบอกว่า การทำแต่ละโครงการเกิดจากการศึกษา และทาความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในพื้นที่นั้นก่อน อย่างโครงการ วานา นาวา หัวหิน วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน บริษัทมองเห็น แนวโน้มของการขยายความเป็นเมืองหัวหินออกไปรอบนอก มากขึ้น และการเป็นโครงการมิกซ์ยูส ที่มีทั้งสวนน้า โรงแรม และคอนโดมิเนียม จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดการพัฒนาด้านอื่นๆ เข้าไปเพิ่มเติม

เมื่อโครงการแรกประสบความสำเร็จ การลงทุนทำเลใหม่จึงเกิดขึ้นตามมา เพราะพราวพุธมองว่าไม่ใช่แค่หัวหินที่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ แต่ยังมี “ภูเก็ต” ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และนั่นเป็นเหตุผลที่เมืองท่องเที่ยวแห่งนี้น่าสนใจจึงประเดิมด้วย “อันดามันดา” โครงการแรก ในภูเก็ต สถานที่พักผ่อนแห่งใหม่ ที่จะมีทั้งสวนน้ำและความบันเทิงหลากหลายบนเนื้อที่ 58 ไร่ บริเวณสี่แยกกะทู้”

ในปีนี้พราวพุธและพี่ชาย (พสุ ลิปตพัลลภ) ยังได้เข้าไปถือหุ้นอสังหาริมทรัพย์รวม 70.30% ในบริษัทโฟคัส ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จากัด (มหาชน) และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท พราว เรียล เอสเตท จากัด (PROUD) ส่งผลให้ การลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวลิปตพัลลภ มีความสมดุลและเต็มรูปแบบมากขึ้น

แนวคิดการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมของ PROUD จะนาหลักปรัชญาของ พราว กรุ๊ป มาเป็นแกนในเรื่องความพิถีพิถันในการออกแบบ และให้ความสาคัญกับความคุ้มค่าแก่การลงทุน นั่นคือเรื่องของ Quality of Life จึงเป็นที่มาของแนวคิด “MORE THAN JUST LIVING : ชีวิตที่มากกว่า”

นอกจากบทบาทนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่พราวพุธก็สวมบท เธอเผยว่าในฐานะนักลงทุนพอร์ตการลงทุนส่วนตัวเพิ่งเริ่มต้นยังเป็นตัวเลขที่ไม่สูงนัก เพราะเพิ่งลงทุนอย่างจริงจังในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานี้เอง โดยเธอแบ่งการลงทุนเป็นการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภท hard asset ราว 15% ที่เหลือเป็นการลงทุนในหุ้น มีกองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน และกองทุนตลาดเงินอีกในสัดส่วน 10-20% โดยเน้น การลงทุนในสิ่งที่ถนัดและมีความเข้าใจในพื้นฐานเป็นหลัก

<hr />

<a href="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/bebabb02-eb1c-4942-ab9c-3fbf41894111/forbes-%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%96%E0%B8%A1-%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%A8%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99-2562">คลิกเพื่ออ่านบทความทางด้านการลงทุนได้ที่ Forbes Life แถมฟรีมาในนิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2019 ในรูป e-Magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-24460" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/11/ForbesLifeNov2019.jpg" alt="" width="300" height="359" />

พราวพุธ ลิปตพัลลภ ลงทุนสไตล์นักบริหารรุ่นใหม่

<h2>เมื่อสวนสนุกถักทอความสุขได้ไม่รู้จบ พัณณิน กิติพราภรณ์ จึงขอเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งให้ Dream World มุ่งหมายเนรมิตความประทับใจให้ผู้คนทุกเพศทุกวัยให้ได้ 2.5 ล้านคนต่อปี</h2>
ครอบครัว “กิติพราภรณ์” ไม่หยุดความฝันในการสร้างความสุขผ่านจินตนาการที่จับต้องได้อย่างสวนสนุกไว้เพียงแค่ แดนเนรมิต เท่านั้น พวกเขาคิดถึงการสร้างดินแดนใหม่ที่จะดึงนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัยให้เข้ามาพักผ่อนหย่อนใจร่วมกันได้ทั้งหมด ในที่สุด Dream World สวนสนุกกลางแจ้ง ตั้งอยู่บนพื้นที่ราว 160 ไร่ ที่คลอง 3 จ.ปทุมธานี ที่ใช้งบลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท ก็เกิดขึ้น เปิดให้วันแรกเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ปี 2536

พัณณิน กิติพราภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อะมิวส์เม้นท์ ครีเอชั่น จำกัด ผู้บริหาร Dream World เล่าว่า สารพัดปัญหาถาโถมเข้าใส่ เมื่อการดำเนินการช่วงแรกไม่เป็นไปตามคาด ด้วยสถานที่ตั้งซึ่งขณะนั้นอยู่ไกลจากกรุงเทพฯ ทำให้นักท่องเที่ยวไม่เป็นไปตามเป้า สภาพแวดล้อมภายในก็ไม่ร่มรื่นเท่าที่ควร เพราะต้นไม้ที่นำมาปลูกยังไม่เติบใหญ่พอจะให้ร่มเงา

“เราทำสวนสนุก แต่สิ่งที่เจอกลับสวนทางกับความสนุก” ผู้บริหารหญิงเล่ากลั้วหัวเราะเมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น และเมื่อ แดนเนรมิต ปิดตัวในปี 2543 เนื่องจากหมดสัญญาเช่าพื้นที่ พัณณิน จึงทุ่มเทเวลาให้กับโลกความฝันแห่งนี้ได้อย่างเต็มที่มากขึ้น เธอคัดเลือกเครื่องเล่นให้มีความหลากหลายจากประเทศผู้ผลิตเครื่องเล่นสวนสนุกชั้นนำอย่าง สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ฯลฯ และทดลองเล่นเองทุกครั้ง ก่อนใช้งบหลักร้อยล้านบาทซื้อเครื่องเล่นแต่ละชนิดมาติดตั้ง Dream World จึงมีเครื่องเล่นที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดอย่าง Super Splash, Hurricane, Tornado เป็นต้น

ปัจจุบัน Dream World มีนักท่องเที่ยวราว 1.7-1.8 ล้านคนต่อปี เป็นชาวไทย 80% และ ต่างชาติ 20%  แผนต่อจากนี้ พัณณิน ตั้งเป้าไว้ที่ 2.5 ล้านคนต่อปี แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายในสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่เธอก็เชื่อมั่นว่าด้วยสินค้าและบริการที่ดี รวมถึงการดูแลรักษาความปลอดภัยของเครื่องเล่นและผู้เล่นอย่างใกล้ชิด จะเป็นจุดเด่นที่ทำให้นักท่องเที่ยวเชื่อมั่นและเข้ามาใช้เวลาที่นี่

ครอบครัว “กิติพราภรณ์” ยังก่อตั้ง บริษัท เมจิกเวิลด์ จำกัด รุกธุรกิจสวนสนุกในห้างสรรพสินค้าและไฮเปอร์มาร์เก็ต ภายใต้ชื่อสวนสนุก Skippy Land เน้นเครื่องเล่นประเภทบ่อลูกบอลและสไลเดอร์สีสันสดใส เจาะกลุ่มลูกค้าเด็กเล็กจนถึงวัย 8 ขวบ มีด้วยกันราว 180 แห่งทั่วประเทศ ทั้งใน เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี เดอะมอลล์ อิมพีเรียล และ แฟชั่นไอส์แลนด์

ธุรกิจสวนสนุกทั้ง Dream World และ Skippy Land ใช่จะเติบโตทันใจและออกผลงดงามดังคิด หลายครั้งที่ พัณณิน ต้องฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อไปให้ถึงความสำเร็จที่วาดหวังไว้ ซึ่งไม่ใช่เงินก้อนโตแต่อย่างใด

“ดิฉันวัดความสำเร็จจากการเห็นคนมีความสุข” พัณณินผุดรอยยิ้มพรายบนใบหน้า

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/f7d95531d565f5453b0926765e708ab3.png" alt="" />

&nbsp;

เรื่อง: สุทธาสินี จิตรกรรมไทย ภาพ: เอกพล ภารุณ

<hr />

<a href="http://goo.gl/C0BKxV">คลิ๊กอ่าน "Power Women: พัณณิน กิติพราภรณ์ ราชินีแห่ง Dream World" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ JUNE 2016 ได้ในรูปแบบ E-Magazine</a>

<a href="http://goo.gl/C0BKxV"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/4d95c26a2eeae2807b01fb4392dfc9f3.png" alt="" width="236" height="312" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events