PepsiCo ตั้งเป้าหนุนรายได้เกษตรกรไทยโตเพิ่ม 15% ในปี 73 หลัง UN ประกาศ '30 พ.ค. 67' วันมันฝรั่งสากล ครั้งแรกของโลก - Forbes Thailand

PepsiCo ตั้งเป้าหนุนรายได้เกษตรกรไทยโตเพิ่ม 15% ในปี 73 หลัง UN ประกาศ '30 พ.ค. 67' วันมันฝรั่งสากล ครั้งแรกของโลก

เนื่องในวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือ UN ได้ประกาศให้เป็น ‘วันมันฝรั่งสากล’ ครั้งแรกของโลก บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด (เป๊ปซี่โค ประเทศไทย) ได้ส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกพืชดังกล่าวให้มีรายได้ปีละไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าภายในปี 2573 เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 15%


    เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติมีมติให้ วันที่ 30 พฤษภาคมของทุกปีเป็น 'วันมันฝรั่งสากล' โดยในปี 2567 นี้จะเป็นปีแรกของการประกาศ เพื่อสร้างความตระหนักในคุณค่าทางโภชนาการ พลังงาน สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ

    ทั้งนี้ จากข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ หรือ The United Nations* ระบุว่า มันฝรั่งซึ่งเป็น 1 ใน 5 ของพืชอาหารหลักที่บริโภคในโลก โดยประชากร 2 ใน 3 ของโลกบริโภคมันฝรั่ง และมีการปลูกอยู่ใน 159 ประเทศทั่วโลก และภายในปี 2573 คาดว่าปริมาณผลผลิตทั่วโลกจะมีมากถึง 750 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น 112%


    ด้าน เป๊ปซี่โคประเทศไทย ผู้ผลิตเลย์ มันฝรั่งทอดกรอบได้ทำงานร่วมกับเกษตรกรผู้ปลูกมันฝรั่งมานานถึง 28 ปี โดยส่งเสริมห่วงโซ่การผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยในแต่ละปี “เลย์” ใช้มันฝรั่งประมาณ 1 แสนตันต่อปี ในการผลิตมันฝรั่งทอดกรอบที่จำหน่ายในไทย  ถือเป็นผลผลิตในประเทศ 70% สร้างรายได้ให้เกษตรกรมากถึง 1,500 ล้านบาท ทั้งนี้ภายในปี 2573 เป๊ปซี่โคประเทศไทย ตั้งเป้าส่งเสริมผลผลิตในประเทศให้ได้ 85% และเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรอีก 15% 

    นอกจากนี้ ณ ปัจจุบัน เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ส่งเสริมการปลูกมันฝรั่งเพื่อใช้ในการผลิตเลย์ ใน 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน ตาก เพชรบูรณ์ สกลนคร และนครพนม บนเนื้อที่กว่า 38,000 ไร่ โดยส่งเสริมเกษตรกรไทยมากกว่า 5,800 คน ผ่านการจัดทำฟาร์มต้นแบบ (model farm) จำนวน 19 แห่ง และได้ร่วมมือกับพันธมิตรและภาครัฐในการส่งเสริมเกษตรกร



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ไทวัสดุ ทุ่มงบ 500 ล้าน ปักหมุดสาขาที่ 81 ‘อรัญประเทศ’ รุกตลาดการค้าชายแดนและประเทศเพื่อนบ้าน

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine