Royal Canin เผยชาว Gen Z ใช้จ่ายเพื่อสุนัข-แมวเฉลี่ย 3,000 บาท/เดือน มองอาหารเกรดพรีเมียม “ถึงแพง แต่คุ้มค่า” - Forbes Thailand

Royal Canin เผยชาว Gen Z ใช้จ่ายเพื่อสุนัข-แมวเฉลี่ย 3,000 บาท/เดือน มองอาหารเกรดพรีเมียม “ถึงแพง แต่คุ้มค่า”

Gen Z กลุ่มคนที่กำลังก้าวเข้ามามีบทบาทในระบบเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง Royal Canin ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของสุนัขและแมวทั่วโลกจึงประกาศเดินหน้ากลยุทธ์เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้า Gen Z โดยการเปิดตัว 2 ดาราหนุ่มอย่าง ‘สกาย-นานิ’ ในฐานะ Friend of Royal Canin ในประเทศไทย เพื่อเชื่อมโยงคนรุ่นใหม่ที่รักสัตว์เข้ากับแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


    Royal Canin ได้จัดงาน Healthy District แฮปปี้ทุกพันธุ์ เฮลท์ตี้ทุกวัน ขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นงานที่ให้ทั้งความรู้ ความสนุก และบริการจากผู้เชี่ยวชาญสำหรับผู้ที่เลี้ยงสุนัขและแมวโดยเฉพาะ ภายใต้ปณิธาน “การสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับน้องแมวและน้องหมา” หรือ A Better World for Pets โดยมี Friend of Royal Canin อย่าง สกาย-วงศ์รวี นทีธร และ นานิ-หิรัญกฤษฎิ์ ช่างคำ เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน

    Forbes Thailand ได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายสัตวแพทย์จดล สุวรรณฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรยัล คานิน (ประเทศไทย) จำกัด เกี่ยวกับกลยุทธ์ในการพิชิตใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ Gen Z โดยมี ‘สกาย-นานิ’ เป็นกุญแจสำคัญ รวมถึงเทรนด์พฤติกรรมที่น่าสนใจของกลุ่มผู้เลี้ยงสุนัขและแมว Gen Z ที่อาจเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในปัจจุบัน


นายสัตวแพทย์จดล สุวรรณฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรยัล คานิน (ประเทศไทย) จำกัด


คนไทยรุ่นใหม่หันมาเลี้ยงสัตว์กันมากขึ้น โดยเฉพาะแมว

    นายสัตวแพทย์จดล เผยว่า จากประชากรไทยทั้งหมด มีจำนวนคน Gen Z อยู่ราว 15 ล้านคน โดยคน Gen Z หันมาเลี้ยงสุนัขและแมวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ทางแบรนด์อยากเข้าถึงคนกลุ่มนี้ ซึ่งวิธีการสื่อสารแบบเดิมๆ อาจไม่ได้ตอบโจทย์ จึงมี Friend of Royal Canin ขึ้นมา เพื่อเป็นตัวกลางเชื่อมเข้าหา Gen Z เพื่อให้ชาว Gen Z เปิดใจให้กับแบรนด์มากขึ้น ผ่านคอนเทนต์ต่างๆ บนช่องทางออนไลน์ เพราะคนกลุ่มนี้มีพฤติกรรมแตกต่างจากกลุ่มคนรุ่นก่อนๆ อย่างชัดเจน

    Royal Canin มีการเข้าถึงชาว Gen X มานานแล้ว โดยมีการให้ความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงดูสุนัขและแมวผ่านทางสัตวแพทย์ ผู้เพาะพันธุ์ และ Pet Shop ต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้คนกลุ่มนี้รู้จักและเข้าใจแบรนด์ รวมถึงมี Brand Royalty ค่อนข้างมาก ถัดมาจึงเป็น Gen Y ซึ่งไม่ได้ต่างจาก Gen Z มากนัก แต่เมื่อมาถึง Gen Z กลับมีพฤติกรรมแตกต่างจาก 2 รุ่นก่อนหน้าค่อนข้างมาก ทางแบรนด์จึงต้องปรับกลยุทธ์เพื่อสื่อสารและเข้าถึงพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    “Gen Z มีโลกส่วนตัวสูง ค่อนข้างเข้าสังคมในกลุ่มที่มีความนิยมคล้ายกัน เพราะฉะนั้นการมีน้องหมาน้องแมวจะเห็นเลยว่า จะดูว่าน้องหมาน้องแมวแต่ละสายพันธุ์มันตอบโจทย์ความเป็นตัวตนของเขาหรือเปล่า แตกต่างจากสมัยก่อนที่หลายคนเลือกเลี้ยงตามความนิยม” นายสัตวแพทย์จดล อธิบายพฤติกรรมคน Gen Z ที่เลี้ยงสุนัขและแมวว่า มักมีการพูดคุยตามกลุ่มของคนที่รักและเลี้ยงสายพันธุ์เดียวกันในโซเชียลมีเดีย ทั้งการแบ่งปันความรู้ อวดความน่ารัก และนัดหมายไปทำกิจกรรมร่วมกันแบบออฟไลน์ ส่งผลให้สถานที่ต่างๆ ในปัจจุบันมีการปรับเป็น Pet Friendly เพิ่มมากขึ้น

    ไม่เพียงแค่สถานที่ท่องเที่ยวหรือ hang out เท่านั้น ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก็หันมาจับตลาดคอนโดมิเนียม Pet Friendly ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจของ Royal Canin ที่จัดทำร่วมกับเอเจนซีผู้เชี่ยวชาญ โดยพบว่าคนไทยหันมาพักอาศัยในคอนโดมิเนียมกันมากขึ้น แต่ก็ยังอยากเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่จำกัด ทำให้แมวกลายเป็นคำตอบ เพราะแมวขนาดเล็กจึงไม่ต้องใช้พื้นที่มาก อีกทั้งแมวยังเป็นสัตว์ที่ไม่ส่งเสียงดัง และสามารถอยู่โดยที่ไม่มีเจ้าของได้ในระหว่างวัน โดยเทรนด์การเลี้ยงแมวที่เพิ่มขึ้นนี้เริ่มมาตั้งแต่ช่วงโควิด-19 แล้ว


สกาย-วงศ์รวี นทีธร และนานิ-หิรัญกฤษฎิ์ ช่างคำ

    การเลี้ยงแมวมักเป็นไปในลักษณะของเพื่อนแนะนำเพื่อน หรือการแบ่งปันกันผ่านชุมชนบนโซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่ใช่การไปซื้อจากฟาร์ม ตัวอย่างเช่น มีคนหนึ่งเลี้ยงแมวแล้วแมวมีลูกก็จะมาถามเพื่อนว่าใครสนใจรับไปเลี้ยงไหม ในกลุ่มบน Facebook ก็มีการมาสอบถามหาคนที่สนใจเป็นพ่อแมวแม่แมวบ่อยครั้ง

    ทั้งนี้ ในแง่ของประชากรโดยรวม ยังมีจำนวนผู้เลี้ยงสุนัขมากกว่าโดยอยู่ที่ราว 14 ล้านตัว ส่วนแมวอยู่ที่ราว 7 ล้านตัว จากการทำสำรวจของ Royal Canin ร่วมกับเอเจนซีผู้เชี่ยวชาญพบว่าสุนัขพันธุ์เล็กได้รับความนิยมมากกว่าพันธุ์ใหญ่ เพราะไม่ต้องใช้พื้นที่ในการเลี้ยงมาก โดยสายพันธุ์ยอดนิยมสูงสุด ได้แก่ ปอมเมอเรเนียน ชิวาว่า เฟรนช์บูลด็อก และคอร์กี้ ส่วนพันธุ์ใหญ่ที่คนนิยมเลี้ยง ได้แก่ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ และลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์ ในขณะที่คนเลี้ยงแมวมักไม่ได้สนใจเรื่องสายพันธุ์นัก มักเป็นแมวพันทางที่พบได้ทั่วไปมากกว่า


Pet Parents ดูแลด้วยรักและพร้อมทุ่มเทสิ่งที่ดีที่สุด

    คนไทยไม่ใช่แค่หันมาเลี้ยงสัตว์กันมากขึ้นเท่านั้น แต่หลายคนยังนิยามตัวเองเป็น Pet Parents หรือเลี้ยงสัตว์เหมือนเป็นลูกและเป็นสมาชิกในครอบครัว ต้องคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อสัตว์เลี้ยง ไม่เว้นแม้กระทั่ง Gen Z ที่อาจดูอายุยังน้อย แต่จากการสำรวจของ Royal Canin พบว่า ชาว Gen Z มีค่าใช้จ่ายเพื่อสุนัขและแมวเฉลี่ยคนละ 3,000 บาทต่อเดือนเลยทีเดียว โดยเฉพาะอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ถึงแพง แต่ถ้าดีจริงพวกเขาก็พร้อมจ่าย

    เมื่อถามถึงปัจจัยหลักในการเลือกซื้ออาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง นายสัตวแพทย์จดล ตอบว่า “สุขภาพมาที่หนึ่งเลย เพราะเขาเลี้ยงเป็นเพื่อน เป็นคนในครอบครัว เพราะฉะนั้นเขาจะเลือกสุขภาพมาก่อนเลย อาหารที่เลือกส่วนใหญ่จะเป็นเกรดพรีเมียมขึ้นไป เรื่องของราคาจะเป็นเรื่องรอง ถ้าดีต่อสุขภาพ คุณภาพดี พรีเมียม ก็เอาเลย”

    ตลาดอาหารสุนัขและแมวในประเทศไทย ณ ปี 2024 มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณเกือบ 30,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นมาราว 7% จากปี 2023 เฉพาะแค่ในประเทศ ไม่นับรวมส่งออก เมื่อแบ่งย่อยลงไปจะพบว่า ตลาดอาหารแมวโตที่ 10-11% สูงกว่าตลาดอาหารสุนัขที่โตราว 2-3% ในปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับเทรนด์ที่คนเริ่มหันมาเลี้ยงแมวกันมากขึ้นนั่นเอง

    Royal Canin ประเทศไทยก็มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารแมวจากบริษัทแม่ที่ฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2024 โดยสัดส่วนอาหารแมวที่นำเข้ามาอยู่ที่ 70% ในขณะที่อาหารสุนัขอยู่ที่ 30%



    ตลาดอาหารสุนัขและแมวในไทยยังแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ไล่ลำดับจากล่างขึ้นบน ได้แก่ economy หรือผลิตภัณฑ์มาตรฐานทั่วไปที่ราว 20% ถัดมาคือ mainstream ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 45-50% โดยเป็นสินค้าคุณภาพดีเยี่ยม หาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้าต่างๆ และสุดท้ายคือกลุ่ม super premium ซึ่งมีสัดส่วน 30% แต่กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากแม้จะมีราคาแพง ก็มาพร้อมคุณภาพสูง มีความคุ้มค่า เพราะดีต่อสุขภาพของสุนัขและแมวอย่างเห็นได้ชัด

    กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรยัล คานิน (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายว่า “มีเจ้าของน้องหมาน้องแมวที่พาไปพบคุณหมอมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ค่าใช้จ่ายเมื่อต้องรักษาน้องหมาน้องแมวก็มากขึ้นด้วย จะเห็นเลยมามีธุรกิจเกี่ยวกับการประกันสุขภาพน้องหมาน้องแมวเข้ามา เจ้าของน้องหมาน้องแมวเลยเห็นว่าถ้าให้อาหาร super premium เพื่อแลกกับสุขภาพที่ดี เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่ต้องไปรักษา วันนี้มันคุ้มกว่า ทำให้มีการเติบโตของตลาดอาหารสัตว์กลุ่ม super premium ที่มากขึ้น”

    เทรนด์ Pet Parent ที่มาแรงไม่เพียงทำให้ธุรกิจผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงเติบโตเท่านั้น แต่ยังดึงดูดผู้เล่นรายใหม่เข้ามาด้วย ซึ่งบางรายก็เป็นผู้ผลิตอาหารกระป๋องสำหรับคน ที่หันมาผลิตอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงเพิ่ม เพราะมีเครื่องจักรและโรงงานอยู่แล้ว เมื่อเล็งเห็นโอกาสจึงก้าวเข้าสู่ตลาดได้ไม่ยาก ซึ่งธุรกิจผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงนั้นค่อนข้างจะมีความมั่นคงในระดับหนึ่ง เพราะเมื่อเจ้าของเลี้ยงสัตว์แล้วก็ย่อมต้องเลี้ยงไปตลอดชีวิต ด้วยความรัก ความเอาใจใส่ และคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุด ทำให้สัตว์เลี้ยงมีอายุยืนยาว


พฤติกรรม Gen Z โอกาสสำคัญที่ต้องคว้าไว้ให้ได้

    ดังเช่นที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าชาว Gen Z ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทในระบบเศรษฐกิจและตลาดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่พวกเขาก็มีพฤติกรรมแตกต่างจากคนรุ่นก่อนหน้าค่อนข้างมาก จากการสำรวจพบว่า Gen Z มีการตัดสินใจที่เร็วกว่า ยิ่งมีการบอกต่อจากคนรอบข้างและผู้นำทางความคิดจะยิ่งทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น (ในขณะที่ Gen X ตัดสินใจยากกว่า แต่หากตัดสินใจแล้วจะมีความภักดีต่อแบรนด์ ในขณะที่ Gen Y อยู่ระหว่างกลาง) อีกทั้งชาว Gen Z ยังมีความคุ้นเคยกับโซเชียลมีเดีย ดังนั้นการจะสื่อสารไปยังพวกเขาจึงต้องให้ความสำคัญกับช่องทางออนไลน์เป็นหลัก

    “ลักษณะของกลุ่มคน Gen Z ค่อนข้างเลือกสินค้าที่ตรงเฉพาะกับความต้องการของน้องหมาและน้องแมว พฤติกรรมการซื้อสินค้าจะเป็นการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะฉะนั้นทางแบรนด์ก็ต้องมี channel ให้เขาศึกษา หาข้อมูล และซื้อ เราก็เริ่มลงทุนในช่องทางออนไลน์ต่างๆ มากขึ้น อาทิ TikTok การทำแบรนด์คอนเทนต์ และ affiliate รวมถึง official store บน TikTok Shop” นายสัตวแพทย์จดล เผย


สกาย-วงศ์รวี นทีธร และนานิ-หิรัญกฤษฎิ์ ช่างคำ


    นอกจาก TikTok คนรุ่มใหม่เหล่านี้ยังนิยมใช้ Instagram และ X ทำให้ Royal Canin ตระหนักว่า แบรนด์ต้องมีคอนเทนต์ที่จะไปอยู่ในช่องทางเหล่านี้เพื่อให้พวกเขาสามารถเห็นได้ง่าย เข้าถึงได้ง่าย แล้วถ้าเป็นไปได้ two-way communication ก็จำเป็น เวลาถูกถาม ทางแบรนด์ก็ต้องตอบด้วย จึงจะช่วยให้พวกเขาตัดสินใจได้รวดเร็ว แล้วก็บอกต่อ

    “เราเริ่มต้นจากการเข้าถึงก่อน คือจำนวน reach แล้วก็เรื่องของ awareness และ engagement วันนี้เราทำ targetting ไว้ค่อนข้างสูง แต่ยังไม่ได้มองในเรื่อง conversion และ sale” กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรยัล คานิน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

    ดังนั้น การตลาดของ Royal Canin ไปในคราวนี้จึงจะเน้นเพื่อให้กลุ่มคนรุ่นใหม่เข้าใจทางแบรนด์มากขึ้น ตลอดจนได้รับข้อมูลความรู้ในการดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างถูกต้อง เพราะแม้ว่าพวกเขาจะยังคงเชื่อใจสัตวแพทย์มากที่สุดไม่ต่างจากคนรุ่นอื่น แต่ชาว Gen Z นั้นนิยมหาความรู้เพื่ออัปเดตข้อมูลเป็นประจำสม่ำเสมอ โดยคอนเทนต์เหล่านั้นจะต้องมีคุณภาพ เข้าใจง่าย และสื่อสารได้รวดเร็ว ซึ่งสองหนุ่ม ‘สกาย-นานิ’ จะเข้ามาเป็นกุญแจไขสู่หัวใจชาว Gen Z ของ Royal Canin ผ่านคอนเทนต์ต่างๆ ที่จะทยอยปล่อยออกมาให้ได้ชมกันถัดจากนี้


ภาพ: Royal Canin​


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : โรบินสัน รุกปรับโฉมใหญ่ 2 สาขา สระบุรี-กาญจนบุรี มุ่งสู่ “The Landmark of Your City”

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine