SOURI (ซูรี) ธุรกิจขนมของ "วิน-เมธวิน" เดินหน้าขยายอาณาจักรความหวานระดับพรีเมียม ปักหมุดเปิดสาขา Stand Alone แห่งแรกบนถนน “บรรทัดทอง” พร้อมมอบประสบการณ์แบบ “Night Cafe Culture” จุดเช็กอินความหวานยามค่ำคืนที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา
หลังจากประสบความสำเร็จในการครองใจคนรักขนมหวานชาวไทย จนขยายสาขาเข้าสู่ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าขนาดใหญ่ทั่วประเทศกว่า 40 สาขา ล่าสุด SOURI แบรนด์ขนมหวานพรีเมียมที่ตั้งใจส่งต่อรอยยิ้มให้กับทุกคน ก็พร้อมก้าวไปอีกขั้นด้วยการเปิดตัวสาขา Stand Alone สาขาแรกบนถนนบรรทัดทอง ย่านความอร่อยอันเป็น Lifestyle Hub ของคนรุ่นใหม่และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการขยายตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น ทั้งยังสะท้อนถึงความพร้อมของแบรนด์ในการตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร CEO และผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ เปิดเผยว่า “สำหรับ SOURI การเลือกทำเลไม่ใช่แค่การมองหาพื้นที่ที่มีคนพลุกพล่าน แต่เราเฟ้นหา Destination ที่สามารถสะท้อนไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้ชัดเจนที่สุด รวมถึงมีความเข้ากันได้ระหว่างคาแรกเตอร์ของแบรนด์กับบริบทของพื้นที่นั้นๆ
“ซึ่งทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘ย่านบรรทัดทอง’ เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญของกรุงเทพฯ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาลิ้มลองรสชาติความอร่อยของเมนูขึ้นชื่อต่างๆ และเป็นย่านที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของวัฒนธรรมอาหาร ซึ่งเรามองว่าย่านนี้ไม่ใช่แค่แหล่งรวมสตรีทฟู้ด แต่เป็น Lifestyle Hub ของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเหล่านักชิมและนักท่องเที่ยวจากนานาประเทศที่ต่างปักหมุดมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย
“เราจึงตั้งใจนำประสบการณ์ขนมหวานระดับพรีเมียมของ SOURI มาเติมเต็มให้ย่านบรรทัดทองเป็นจุดหมายปลายทางแห่งความอร่อยที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น โดยคาดหวังว่า ‘SOURI สาขาบรรทัดทอง’ จะเป็นมากกว่าคาเฟ่ขนมหวาน แต่เป็นพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจที่ผู้คนสามารถแวะมาใช้เวลาแชร์โมเมนต์ดีๆ ได้ทุกค่ำคืน”

ด้วยความที่เปิดในย่านอร่อยยามค่ำคืน “SOURI สาขาบรรทัดทอง” จึงมุ่งเน้นที่จะมอบประสบการณ์แบบ Night Cafe Culture เป็นจุดเช็กอินที่โดดเด่น ถ่ายรูปสวย ด้วยสีสันสดใสและการตกแต่งอันเป็นซิกเนเจอร์ แต่แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายความเป็นไทยในรายละเอียดต่างๆ อาทิ ลวดลายกระเบื้องและเคาน์เตอร์ซึ่งสั่งทำเป็นพิเศษ โดยใช้สัญลักษณ์และกิมมิกของแบรนด์มาสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ในรูปแบบไทย
พร้อมรังสรรค์บรรยากาศและแสงสีภายในให้อบอุ่นทว่าเต็มไปด้วยความสนุกสนาน รองรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว แก๊งเพื่อน นักศึกษา หรือคนทำงาน พร้อมมอบประสบการณ์การลิ้มรสแฟตการองและขนมหวานท่ามกลางความคึกคักและมีชีวิตชีวาเแบบที่หาไม่ได้จากสาขาในห้างสรรพสินค้า

นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์สำคัญคือ “Exclusive Flavors” ที่รังสรรค์ขึ้นใหม่ให้สอดคล้องกับคาแรกเตอร์ของย่านซึ่งเป็นตำนานแห่งสตรีทฟู้ด โดยนำแรงบันดาลใจจากเสน่ห์ของขนมไทยขึ้นชื่อ มาร้อยเรียงเรื่องราวใหม่ ผสมผสานความหอมหวานและเทกเจอร์แบบไทยเข้ากับเทคนิคความละเมียดละไมแบบตะวันตก นำเสนอเป็นแฟตการองสไตล์ฝรั่งเศสอันเป็นเอกลักษณ์ของ SOURI
โดยมาใน 9 รสชาติสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ได้แก่ ข้าวเหนียวมะม่วง, ลอดช่อง, ขนมชั้น, ฝอยทองเม็ดขนุน, บ้าบิ่น, ทับทิมกรอบ, ลูกชุบ, เฉาก๊วย และกล้วยบวชชี ซึ่งมีจำหน่ายเฉพาะที่ “SOURI สาขาบรรทัดทอง” เท่านั้น


และอีกหนึ่งความพิเศษคือ SOURI เตรียมเปิดตัวรสชาติไฮไลต์ประจำกรุงเทพฯ เพื่อสะท้อนอัตลักษณ์ด้านอาหารของกรุงเทพมหานครในมุมมองใหม่ที่สนุกและสร้างสรรค์ โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 30 ธันวาคม 2568 นี้ทุกสาขาในกรุงเทพฯ
“การปักหมุดเปิดสาขาใหม่ที่บรรทัดทอง สะท้อนให้เห็นว่า SOURI พร้อมแล้วที่จะก้าวออกจากพื้นที่ที่เราคุ้นเคยอย่างห้างสรรพสินค้า มาสู่ความท้าทายใหม่ เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่กว้างขึ้น โดยในอนาคตเป้าหมายของ SOURI คือการก้าวสู่การเป็น ‘Global Lifestyle Brand' ที่ไม่เพียงขยายสาขาให้ครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ยังจะเดินหน้าขยายตลาดสู่ภูมิภาคเอเชียและระดับโลก โดยอาจเริ่มจากประเทศเพื่อนบ้านและเมืองท่องเที่ยวสำคัญ นอกจากนี้เรายังมีแผนที่จะแตกไลน์โปรดักต์ใหม่ๆ มากกว่าแฟตการอง เพื่อให้ SOURI เข้าไปอยู่ในทุกช่วงเวลาของชีวิตผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง” วิน เมธวิน กล่าว

สำหรับ “SOURI สาขาบรรทัดทอง” พร้อมเติมรอยยิ้มด้วยความหวาน กับแฟตการองและขนมหวานที่เหมาะเป็นของขวัญให้ตัวเองและคนที่รัก ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป มาลิ้มลองรสชาติพิเศษท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นมีชีวิตชีวาในแบบเฉพาะตัวของสาขานี้ได้ทุกวัน เวลา 14.30 - 22.30 น.
ภาพ: SOURI
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Oh! Juice ยอดขาย 9 เดือน 292 ล้าน เปิดตัวเมนูใหม่คอลแล็บ ‘เกรซ กาญจน์เกล้า’ เร่งเกมเครื่องดื่มสุขภาพปล่ายปี ตั้งเป้ายอดขายรวมปี 2568 โต 30%
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine

