ศรีจันทร์ (SRICHAND) ผงาดขึ้นแท่นแบรนด์อันดับ 1 ตลาดสกินแคร์ของไทย แม้จะเพิ่งเริ่มเข้าชิงส่วนแบ่งตลาดเมื่อปี 2021 คาดการณ์ปีนี้ธุรกิจจะโตสวนกระแสเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ยอดขายรวมของ 3 กลุ่มสินค้าอย่าง เมคอัพ สกินแคร์ และครีมกันแดด โตเพิ่มขึ้น 30% แตะ 2,000 ล้านบาท
รวิศ หาญอุตสาหะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จํากัด เผยว่า หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายในปี 2021 ต่อเนื่องมาถึงปี 2024 ที่ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว ธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้านแต่บริษัทก็สามารถปรับตัวพลิกโอกาสสร้างการเติบโตจนมียอดขายรวมกว่า 1,000 ล้านบาท มาตั้งแต่ปี 2023 และยังโตต่อเนื่องแบบ Double Digit มาตลอดตั้งแต่ปี 2021-2024 และหากดูจากอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสม (CAGR) ของทั้ง 2 แบรนด์หลักอย่างศรีจันทร์ และ ศศิ จะอยู่ในระดับสูงถึง 51% และ 53% ต่อปีตามลำดับ ถือเป็นตัวสะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

โดยบริษัทได้ สรุป 4 ความสำเร็จในช่วงระหว่าง ปี 2021-2025 ไว้ดังนี้
1. ศรีจันทร์ไม่ได้มีดีแค่ 'แป้ง' แต่แข็งแกร่งในทุกประเภทผลิตภัณฑ์
จากตัวเลขยอดขายของแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์ อันดับ 1 คือ สกินแคร์ โตเพิ่ม 148% รองมาคือ ครีมกันแดด 73% และ เมคอัพ 11%
หมวดเมคอัพ สินค้าที่ขายดีที่สุด คือ แป้งตลับม่วงหรือแป้งฝุ่นโปร่งแสง Bare to Perfect Translucent Powder (10 g) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มแป้งฝุ่น (Loose Powder) ในประเทศไทย นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 ถึงเมษายน 2568 อ้างอิงจากข้อมูล NielsenIQ ประเทศไทย

โดยศรีจันทร์เข้าสู่ตลาดสกินแคร์ตั้งแต่ปี 2021 และในปี 2024 บริษัทสามารถเติบโตถึง 117% ในหมวดสกินแคร์เมื่อเทียบกับปี 2023 พร้อมตั้งเป้าปี 2025 นี้ จะเพิ่มยอดขายเป็น 45% ซึ่งในหมวดสกินแคร์ สินค้าที่ขายดีที่สุดคือ ครีมซอง SRICHAND Skin Moisture Burst Gel Cream Sachet (10 ml) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มมอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวหน้า (Moisturizer for Face) ในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 ถึงเมษายน 2568 อ้างอิงจากข้อมูล NielsenIQ ประเทศไทย
ทั้งนี้ ศรีจันทร์ถือเป็นแบรนด์ไทยอันดับ 1 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวหน้า (Moisturizer for Face) ในประเทศไทย ระหว่างเดือนมกราคม 2567 ถึงเมษายน 2568 โดยมีอัตราการเติบโต 79% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดที่เติบโต 3.44% อ้างอิงจากรายงาน NielsenIQ ประเทศไทย ปี 2025

2. ออกแบรนด์ 'ศศิ' เน้นจับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่
แบรนด์ ศศิ ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าและแฟชั่น และ เป็นตัวแทนความฝันและความหวังของคนรุ่นใหม่ Positioning ของแบรนด์ ศศิ คือ “The most value for money yet trendy beauty & lifestyle brand” แบรนด์ความงามและไลฟ์สไตล์ที่คุ้มค่าและทันสมัย อีกทั้ง ศศิ ยังมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสม (CAGR) มากกว่า 50% ต่อปี ตั้งแต่ปี 2021-2024

3. ยอดขายรวมของบริษัทโตระดับ Double Digit ทุกปี จนแตะ 1,000 ล้าน ได้สำเร็จ
- ยอดขายปี 2021 คือ 520 ล้านบาท
- ยอดขายปี 2022 คือ 717 ล้านบาท (+42.02%)
- ยอดขายปี 2023 คือ 1,019 ล้านบาท (+41.92%)
- ยอดขายปี 2024 คือ 1,600 ล้านบาท (58.98%)
- ตั้งเป้ายอดขายปี 2025 มากกว่า +30% - 40%
ทั้งนี้ รายได้รวมหลักๆ มาจากช่องทางการจำหน่ายแบบออฟไลน์ 90% และออนไลน์อีก 10%
4. ขยายตลาดต่างประเทศ สัญญาณดีจากตลาดลาวและญี่ปุ่น
ศรีจันทร์ขยายสู่ตลาดลาวมีการเติบโตเฉลี่ยต่อปี ตั้งแต่ 2021-2024 อยู่ที่ 112.5% ต่อปี สินค้าที่ได้รับความนิยมหลัก อยู่ในหมวดสกินแคร์ เช่น Moisture Burst Series, Sunscreen แป้งฝุ่นและรองพื้น สร้างการรับรู้แบรนด์ผ่านการสนับสนุนกิจกรรมระดับประเทศ เช่น สนับสนุนการประกวด Miss Universe Laos ในปี 2022-2024 การจัดงานและสนับสนุน Laos Fashion Week 2024 ฯลฯ และมีการใช้ Local Brand Presenter คือ “Nethdao” อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังของลาว
นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณดีในตลาดญี่ปุ่นอีกด้วย โดยปัจจุบัน ศรีจันทร์มีวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มแป้งในตลาดญี่ปุ่นผ่านช่องทางออฟไลน์มากกว่า 2,000 ร้านค้าทั่วประเทศ และด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของศรีจันทร์ทำให้ BANDAI บริษัทผลิตของเล่นจากประเทศญี่ปุ่นขอซื้อลิขสิทธิ์ของตัวแป้งเพื่อนำไปทำเป็นกาชาปอง 'พวงกุญแจสุดน่ารัก' โดยทำออกมาเป็นเหมือนตลับแป้งที่จำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นทั้ง 6 แบบ

'ศรีจันทร์' วาง 4 กลยุทธ์ เป็น Purposeful Brand ความภูมิใจของคนไทย
1. รักษาเอกลักษณ์ Modern Classic Thainess ของแบรนด์ไว้
นับจากยุครีแบรนดิ้งที่เรานำเสนอความเป็นไทยที่ทันสมัย พร้อมกับใส่คำว่า “SRICHAND BANGKOK 1948” ระบุเมืองและปีต้นกำเนิดลงในผลิตภัณฑ์เพื่อเน้นความสำคัญของรากฐานความเป็นไทยที่เป็นความภูมิใจของแบรนด์มาตลอด และต้องการสื่อสารให้ผู้บริโภครู้สึกภูมิใจกับความเป็นแบรนด์ไทย โดยวิธีคิดนี้ ยังสืบทอดไปถึงแบรนด์ sasi ด้วยเช่นกัน
2. การคัดเลือกพรีเซ็นเตอร์ที่เป็นตัวแทนความเป็นไทยร่วมสมัย
กลยุทธ์ในการเลือกพรีเซ็นเตอร์ของศรีจันทร์และ ศศิ คือ มองหาตัวแทนคนไทยที่มีความร่วมสมัยทั้งความคิด ความสามารถ และภาพลักษณ์ เข้าถึงง่าย ทำให้คนรู้สึกภูมิใจในความเป็นคนไทย
ปัจจุบัน พรีเซ็นเตอร์ของศรีจันทร์ ได้แก่ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ (Base Makeup) โบว์ เมลดา สุศรี (Sunscreen) แบมแบม กันต์พิมุกต์ ภูวกุล (SRICHAND IN-SKIN) และพรีเซ็นเตอร์ของ sasi ได้แก่ เก้า-สุภัสสรา ธนชาต (Face of sasi- Lipstick & Eyebrow) และ PROXIE (Face of sasi- Loose Powder & Foundation)

3. พัฒนาคุณภาพสินค้า ให้มีมาตรฐานเทียบเคียงระดับสากล
บริษัทเน้นการลงทุนด้านคุณภาพ และ R&D เริ่มตั้งแต่การคัดเลือกผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน เรื่องคุณภาพให้เป็นไปตามข้อกำหนดของบริษัท การพัฒนาสูตรต่างๆ มีการใช้ข้อมูล Market trend, Research ต่างๆประกอบรวมกัน และคัดเลือก Active Ingredients ที่มีความโดดเด่นเรื่อง Technology และการทดสอบผลต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์จะดีและให้ผลเป็นไปตามที่ Claim ไว้
4. สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดึงดูดคนที่เชื่อแบบเดียวกันได้
บริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด มีกลยุทธ์ในการสร้างวัฒนธรรมในการทำงานที่มุ่งเน้น “Resilience” เพื่อให้พนักงานพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และดึงศักยภาพสูงสุดมาใช้ได้ โดยมี 4 แกนที่สำคัญคือ Outcome ผลลัพธ์ตรงตามเป้าหมาย Accountability ความรับผิดชอบต่องานที่ทำอย่างเต็มที่ และช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานอยู่เสมอ Adaptability ปรับตัวและพร้อมเรียนรู้เรื่องใหม่ และ Speed คิดแล้วลงมือทำ ผิดพลาดรีบแก้ไข
T-Beauty (Thai Beauty) ซอฟต์พาวเวอร์ของไทยขยายสู่ตลาดต่างประเทศ
ปัจจุบันกระแส T-Beauty ได้รับความนิยมมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งส่งผ่านไปทางละคร ซีรีส์ เพลง ฯลฯ ทำให้ผลิตภัณฑ์ความงามของไทยได้รับความนิยมไปด้วย โดยทางแบรนด์เชื่อมั่นว่า T-beauty มีศักยภาพมากพอที่จะเป็น Soft power ที่แข็งแรงของประเทศไทยได้
อย่างไรก็ตาม ซีอีโอของแบรนด์ศรีจันทร์และศศิ ยังกล่าวเสริมด้วยว่า "ด้วยกระแสความนิยมของ T-Beauty ที่มีมากขึ้นในเอเชีย ทางแบรนด์จึงตั้งเป้าอัตราการเติบโตในตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นจนมีสัดส่วนเป็น 10-15% ภายในเวลา 3 ปี พร้อมคาดการณ์ว่ายอดขายทั้งหมดของธุรกิจในปีนี้จะอยู่ที่ราวๆ 2,000 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน"

ภาพ : ศรีจันทร์
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : LA GLACE กางแผนบุกฮ่องกงปี 71 หวังรายได้ 2,000 ล้าน พร้อมเมคอัพปรับลุคให้ฉ่ำว้าว! เตรียมเข้าตลาดหุ้นปีถัดไป
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine