อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ศรัทธาฟื้น “อนันตรา เชียงใหม่”

<h2>‘อิเกีย’ เปิดเหตุผลร่วมกับซีพีและดีแคทลอน บุกเชียงใหม่ด้วยร้านไซส์เล็กในพื้นที่ ‘แม็คโคร หางดง’ เพราะอยากใกล้ชิดชุมชน และคนไทยชอบซื้อของใกล้บ้าน ลุ้นหากโมเดลนี้ประสบความสำเร็จ จะขยายไปจังหวัดอื่นเพิ่มแน่นอน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังมีร้านขนาดใหญ่มากอย่าง ‘บางนา’ และ ‘บางใหญ่’ มีสาขาในใจกลางเมืองอย่างที่เอ็มสเฟียร์ และมีร้านขนาดไม่ใหญ่มากที่พัฒนามาจากคลังสินค้าที่ภูเก็ต ล่าสุด อิเกีย ประเทศไทย ได้เปิดตัวโมเดลใหม่ที่ใช้ชื่อว่า Ikea Chiang Mai Order Point หรือ ‘จุดสั่งซื้อสินค้า อิเกีย เชียงใหม่’ โดยตั้งอยู่ในโครงการ “ไลฟ์ เอ็กซ์เพรส” หรือ Life Xpress ที่แม็คโคร หางดง จ.เชียงใหม่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เพราะคนไทยชอบซื้อของใกล้บ้าน และเราเองก็อยากใกล้ชิดชุมชนและผู้คนมากขึ้น รวมถึงผู้บริโภคจำนวนมากก็มีประสบการณ์ซื้อของออนไลน์แล้วได้ของไม่ตรงปก ทำให้หลายคนยังอยากไปสัมผัสของจริงที่ร้านอยู่ ดังนั้น หน้าร้านจึงยังเป็นสิ่งจำเป็น ทำให้อิเกียเลือกขยายมาสู่เชียงใหม่ในครั้งนี้” ลีโอนี่ ฮอสกิ้น ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจค้าปลีก อิเกีย ประเทศไทยและเวียดนาม กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เธอยังบอกอีกว่า สาเหตุที่เลือกเชียงใหม่เนื่องจากผู้บริโภคชาวเชียงใหม่มีไลฟ์สไตล์ชอบช็อปปิ้งอยู่แล้ว ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับอิเกีย เชียงใหม่ ซึ่งอิเกียใช้ชื่อว่าจุดรับสินค้านั้น มีขนาดเพียง 708 ตารางเมตร ขณะที่สาขาบางนาและบางใหญ่มีพื้นที่มากกว่า 10,000 ตารางเมตร ส่วนที่ภูเก็ตที่ใช้ชื่อว่า Pick Up Point มีขนาด 2,000 ตารางเมตร เท่ากับว่า อิเกีย เชียงใหม่ เป็นสาขาที่เล็กที่สุดก็ว่าได้​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/kimAuWT4QMTX8RkpjFAV.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="kimAuWT4QMTX8RkpjFAV.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,396"><figcaption><div>โมเดลร้านรูปแบบต่างๆ ของอิเกีย</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยร้านอิเกีย เชียงใหม่ จะเปิดให้บริการวันแรกในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ตัวร้านตั้งอยู่ในโครงการไลฟ์ เอ็กซ์เพรส ที่แม็คโคร หางดง ซึ่งเป็นโปรเจ็กต์ค้าปลีกแนวใหม่ของเครือซีพี อยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ซีพี ฟิวเจอร์ ซิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/6oj66uSG1LAeHvuPBtyP.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="6oj66uSG1LAeHvuPBtyP.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="720,405"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภายในโครงการไลฟ์ เอ็กซ์เพรส นอกจากมีแม็คโครและอิเกียแล้ว ยังมีร้านค้าปลีกชั้นนำมากมาย ได้แก่ ดีแคทลอน, เซเว่น อีเลฟเว่น และทรู ร่วมด้วย คาเฟ่ อเมซอน, ไปรษณีย์ไทย และร้านขายยาซูเปอร์เซฟ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ก่อนพัฒนา เรามีโอกาสได้เวิร์คช็อปกับเซเว่นฯ, แม็คโคร และแบรนด์ต่างๆ มาคุยกันว่าการพัฒนาจะออกมาหน้าตาเป็นยังไง เลยออกมาเป็นคอนเซปต์นี้ ซึ่งมีสิ่งต่างๆ ที่ตอบโจทย์ทุกวัย มีสนามเด็กเล่นสำหรับเด็กๆ มีแหล่งช็อปปิ้ง มีร้านกาแฟ ซึ่งจุดเริ่มต้นมาจากแม็คโครที่เขามีพื้นที่ตรงนี้อยู่ และอยากทำให้พื้นที่นี้มีชีวิตชีวามากขึ้น”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เธอยังบอกอีกว่า การพัฒาโครงการนี้สอดคล้องกับแนวทางด้านความยั่งยืนของอิเกียด้วย คือไม่ต้องไปหาพื้นที่ใหม่ ใช้พื้นที่ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือมาที่เดียวก็สามารถซื้อสินค้าในร้านอื่นๆ ได้ครบครัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับอิเกีย เชียงใหม่ มีรายละเอียดและความน่าสนใจดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-เปิดให้บริการ 11.00 - 20.00 น. (ซึ่งจะดูผลตอบรับก่อน ถ้าตอบรับดีอาจขยายเวลาเพิ่มเติมได้)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-มีบริการ Click and Collect หรือเลือกซื้อสินค้าจากบนเว็บแล้วมารับที่ร้านได้ โดยไม่มีค่าบริการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-สินค้าที่ซื้อกลับบ้านได้ทันทีมี 300 ชิ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-นำเสนอโซลูชั่นการจัดเก็บเป็นหลัก โดยจัดแสดงผ่านห้องนั่งเล่น ห้องครัว เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-แม้พื้นที่เล็กแต่ก็มีพื้นที่ขายอาหาร Swedish Bites มีเมนูอย่างไอศกรีม ฮอทด็อก ส่วนมีทบอลขายแบบให้เอากลับไปทำที่บ้าน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-เป็นสาขาแรกที่ ‘ไม่รับเงินสด’ อย่างเต็มรูปแบบ (สาขาบางนาและบางใหญ่จะไม่รับเงินสดในเดือนเมษายนนี้)​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/b8DMwV4RhTsR1N5Fm4vN.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="b8DMwV4RhTsR1N5Fm4vN.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2" origin-size="720,399"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ อิเกีย เชียงใหม่ ใช้งบลงทุนเพียง 15 ล้านบาท ซึ่งเป็นสโตร์ที่ใช้งบลงทุนต่ำที่สุดของอิเกียในไทย ใช้เวลาในการก่อสร้างน้อยลง เพราะทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ ที่น่าสนใจคือ มีการหมุนเวียนนำสินค้าที่สาขาอื่นมาใช้ เช่น ชั้นวางของ ไฟ โดยอุปกรณ์ที่มีอยู่แล้วนำกลับมาใช้นั้นมีถึง 30-35%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“งบลงทุนที่อิเกีย เชียงใหม่ เป็นการเน้นความคุ้มค่าด้านต้นทุน เพราะหากลดต้นทุนลงมา ราคาสินค้าจะได้ปรับลดลงได้ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากขยายสาขา หนึ่งในกลยุทธ์ล่าสุดของอิเกียในปีนี้ นั่นคือ New Lower Price หรือการปรับลดราคาสินค้ากว่า 1,000 รายการลง 25-30%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การปรับลดราคาลงมา เพราะอยากช่วยผู้บริโภคจากเศรษฐกิจไม่ดี หนี้ครัวเรือนสูง เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าคุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น” <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/YwJz9KJP3kDxevxRFG2d.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="YwJz9KJP3kDxevxRFG2d.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3" origin-size="720,480"><figcaption><div>ลีโอนี่ ฮอสกิ้น ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจค้าปลีก อิเกีย ประเทศไทยและเวียดนาม</div></figcaption></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ลีโอนี่เผยอีกว่า สำหรับกลยุทธ์ในปีนี้ แนวทางการขยายสาขาน่าจะไปร่วมกับซีพีและดีแคทลอนต่อไปอีก หากประสบความสำเร็จที่เชียงใหม่ ก็จะขยายไปจังหสัดอื่นอีกนอกกรุงเทพฯ ส่วนจะไปจังหวัดไหนต้องดูศักยภาพของจังหวัดนั้นเป็นหลัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“อย่างโคราชก็มีแฟนอิเกีย ซึ่งเราเคยไปจัดกิจกรรมและได้รับผลตอบรับดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังคุยกันอยู่ว่าจะเป็นที่ไหน อาจจะเป็นหาดใหญ่ก็ได้ ยังอยู่ในช่วงประเมินตลาดอยู่ ส่วนการไปอยู่ในพื้นที่แม็คโคร ก็กำลังดูอยู่ว่าจะเป็นอย่างไร หากได้รับการตอบรับดี อาจจะเปิดร้านในโมเดลนี้ทุก 6 เดือนเลยก็ได้ แต่ถ้าเป็นไปได้คือเราอยากไปอยู่ครบทุกภูมิภาคทั่วไทย” ลีโอนี่ กล่าวทิ้งท้าย ภาพ: อิเกีย ประเทศไทย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/life-xpress-first-store-open-on-27-feb-2025" alt="ดีเดย์เปิด ‘Life Xpress’ 27 ก.พ. 68 นี้ ร้านสะดวกซื้อนิยามใหม่สาขาแรกในไทย ที่แม็คโคร หางดง จ.เชียงใหม่">ดีเดย์เปิด ‘Life Xpress’ 27 ก.พ. 68 นี้ ร้านสะดวกซื้อนิยามใหม่สาขาแรกในไทย ที่แม็คโคร หางดง จ.เชียงใหม่</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เพราะคนไทยชอบซื้อของใกล้บ้าน! เหตุผล ‘อิเกีย’ บุกเชียงใหม่ ลุ้นร่วมกับ ‘ซีพี-ดีแคทลอน’ ไปจังหวัดอื่นเพิ่ม

<h2>นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2568 พบกับบุคคลบนปก ‘นราวดี ศรีกาญจนา’ ปั้นแบรนด์ ‘นาราไทย คูซีน’ ไกลข้ามโลก Thai Dishes To The World </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;‘นราวดี ศรีกาญจนา’ ปั้นแบรนด์ ‘นาราไทย คูซีน’ ไกลข้ามโลก Thai Dishes To The World - จากแพสชั่นเล็กๆ สู่เส้นทางธุรกิจที่เติบใหญ่ของ ‘นารากรุ๊ป’&nbsp;สตาร์ทอัพร้านอาหารไทยที่เกิดจากความเรียบง่าย ถ่อมตน และสมถะ&nbsp;‘Humble Beginning’&nbsp;วันนี้ธุรกิจไปไกลเกินฝัน อาหารไทย 'นารา ไทยคูซีน' ขยายสาขาทั่วเอเชีย สร้างการบอกต่อแบรนด์ทรงพลัง เศรษฐกิจสร้างสรรค์ Thailand Soft Power&nbsp; <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/JiFDfhR8Bh2uzZTE52sr.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="JiFDfhR8Bh2uzZTE52sr.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คอลัมน์ Strategies พบกับ จิรโรจน์ พจนาวราพันธุ์ รีไซเคิลฮับสิ่งทอแห่ง SE Asia - ทายาทรุ่น 3 ที่เดิมพันครั้งใหญ่ หวังพลิกธุรกิจของครอบครัวให้เติบโตอย่างมั่นคงบนเส้นทางสายใหม่ของธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยเป้าหมายเป็นฮับด้านรีไซเคิลสิ่งทอของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2571 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คอลัมน์ Power Women พบกับ อัญรัตน์ พรประกฤต Gen 4 ‘Jubilee Diamond’ ยุค AI - ทายาทรุ่น 4 ที่มีฉายาว่า ‘ซีอีโอสายลุย’ พร้อมเปิดปฏิบัติการหลังบ้านถ่ายทอดเส้นทางการพัฒนาธุรกิจที่ไม่หยุดนิ่ง ด้วยการเสริมแกร่งสู่องค์กร 100 ปี ในอีก 5 ปีข้างหน้า ขับเคลื่อนองค์กรด้วยดาต้าและ AI ร่วมกับนวัตกรรม เปลี่ยนผ่านสู่โลกธุรกิจยุคดิจิทัล&nbsp;&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/HfgkhCGD59ixkvd3iSyF.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="HfgkhCGD59ixkvd3iSyF.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คอลัมน์ Forbes Life พบกับ ประภาวดี โสภณพนิช นำศิลปะไทยสู่เวทีนักสะสมโลก - นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กลุ่มสักชัวรี่ที่ชื่นชอบในศิลปะและแบ่งเวลามาบริหาร 'คริสตีส์ ประเทศไทย' มุ่งมั่นผลักดันให้ศิลปินไทยเป็นที่รู้จักในกลุ่มนักสะสมบนเวทีการประมูลระดับโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คอลัมน์ The Trend พบกับ อรอนงค์ ชัยธง ชูฟรีโซนเสริมแกร่ง Prospect - แนวโน้มการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมประเทศไทยบวกปัจจัยหนุนดีมานด์การลงทุนเช่าโรงงานและคลังสินค้าเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ฟรีโซนบนทำเลยุทธศาสตร์ จึงเล็งเห็นโอกาสขยายพอร์ตเสริมศักยภาพการสร้างรายได้ต่อเนื่องสู่เป้าหมายสินทรัพย์รวมหมื่นล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คอลัมน์ Asean Biz พบกับ พชร อารยะการกุล BBIK พลิกชนที่ปรึกษาข้ามชาติ - เบื้องหลังการร่วมขับเคลื่อนองค์กรเพื่อยกระดับความเปลี่ยนแปลงทุกมิติในยุคดิจิทัล ด้วยความเชี่ยวชาญของที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันครบวงจรสัญชาติไทยสร้างผลงานและความไว้วางใจเทียบชั้นบริษัทระดับโลก พร้อมติดสปีด Bluebik Global ท้าชิงส่วนแบ่งตลาดต่างประเทศ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/DxKrb2G2ynPU2z5iw3Sp.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="DxKrb2G2ynPU2z5iw3Sp.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วน&nbsp;คอลัมน์ Dine with the Boss ในฉบับนี้ พบกับ อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา เพราะรัก-ศรัทธาฟื้น ‘อนันตรา - เชียงใหม่’ - เจ้าของธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ด้านไอทีรายใหญ่อย่าง “เจมาร์ท กรุ๊ป” ที่ถือครองธุรกิจหลากหลายประเภทอยู่ในมือ&nbsp;ล่าสุด 2 ปีก่อน ได้เข้าซื้อกิจการโรงแรมอนันตรา เชียงใหม่ พร้อมผลักดันให้ธุรกิจเติบโตไม่ต่างจากร้านอาหารกังสดาลของเขาที่คนเชียงใหม่รู้จักมานานกว่า 30 ปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เรื่องต่างประเทศน่าสนใจในฉบับนี้ พบกับ The List ‘100 บริษัทจิ๋วน่าจับตา’ ของเหล่าบรรดาสตาร์ทอัพที่เปิดตัวคึกคักในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และ Snoop Dogg ศิลปินผู้โด่งดัง กับการเดิมพันครั้งใหญ่ที่เขาลงทุนด้วยตัวเอง <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/9XxC2YZnwivCgd4Ac42D.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="9XxC2YZnwivCgd4Ac42D.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div>​ ร่วมอ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจรวมถึงเรื่องราวธุรกิจอันหลากหลายเพื่อสร้าง “แรงบันดาลใจของผู้ใฝ่ความสำเร็จ” จาก Forbes Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2568 และอ่านในรูปแบบ e-magazine​

นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2568 พบกับบุคคลบนปก  ‘นราวดี ศรีกาญจนา’ ปั้น ‘นาราไทย คูซีน’ ไกลข้ามโลก Thai Dishes To The World 

<h2>เซ็นทรัล เชียงใหม่ เดินหน้าช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบภัยน้ำท่วมต่อเนื่อง เปิดพื้นที่ฟรี! ให้ร้านค้า-ประชาชนจำหน่ายสินค้า ณ ลานกิจกรรมหน้าศูนย์ฯ เริ่มวันที่ 12-14 ต.ค.67 นี้ </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เซ็นทรัล เชียงใหม่ เคียงข้างพี่น้องชาวเชียงใหม่ในยามวิกฤต เดินหน้าส่งมอบความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ล่าสุด เปิดพื้นที่ให้ร้านค้าหรือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมมาจำหน่ายสินค้าได้ ฟรี ระหว่างวันที่ 12-14 ต.ค.67 เวลา 16.00-22.00 น. ณ ลานกิจกรรมหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ (เซ็นเฟส) โดยสามารถลงทะเบียนเพื่อร่วมจำหน่ายสินค้าได้ที่ <a href="https://forms.gle/vNkEfWSdwADyoojj7" alt="ลิงก์นี้">ลิงก์นี้</a>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ เซ็นทรัล เชียงใหม่ และเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ได้ร่วมมอบสินค้า อุปโภค บริโภค อาทิ, ข้าวสาร, อาหารแห้ง, บะหมี่สำเร็จรูป, น้ำดื่ม, นมสำหรับเด็ก,แพมเพิส, ผ้าอนามัย, ผงซักฟอก, สบู่, แชมพู, ยาสีฟัน และของใช้จำเป็นอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนผ่านศูนย์ประสานงานให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัย รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐ-เอกชนอื่นๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เซ็นทรัลพัฒนา พร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่ออำนวยความสะดวกและประสานส่งต่อความช่วยเหลือไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และขอส่งกำลังใจให้พี่น้องชาวเชียงใหม่และภาคเหนือ เพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/77GJdZx7VsBASG1Pt8Ti.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="77GJdZx7VsBASG1Pt8Ti.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,720"></figure></div> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/csr-sustainability/donate-to-help-flood-victims-free-delivery-via-thailand-post" alt="ไปรษณีย์ไทยชวนคนไทยร่วมส่งสิ่งของช่วยผู้ประสบภัยหลังน้ำลด ฟื้นฟูที่พักอาศัย ส่งฟรีผ่านไปรษณีย์ทั่วไทย ถึง 10 ต.ค. 67">ไปรษณีย์ไทยชวนคนไทยร่วมส่งสิ่งของช่วยผู้ประสบภัยหลังน้ำลด ฟื้นฟูที่พักอาศัย ส่งฟรีผ่านไปรษณีย์ทั่วไทย ถึง 10 ต.ค. 67</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เซ็นทรัล เชียงใหม่ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม เปิดพื้นที่ฟรี! ให้ร้านค้า-ประชาชนจำหน่ายสินค้า 12-14 ต.ค.67 นี้

<h2>ผู้ถือหุ้น AWC บริษัทอสังหาฯ ในเครือเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี อนุมัติเข้าลงทุนในทรัพย์สินบนพื้นที่ยุทธศาสตร์ย่านช้างคลานในโครงการ “เชียงใหม่ ไนท์ บาร์ซา” โครงการ “กาแล ไนท์ บาร์ซา” และโครงการ “เดอะ พลาซ่า เชียงใหม่” ด้วยงบลงทุนและพัฒนาของการลงทุนครั้งนี้รวมมูลค่า 11,950 ล้านบาท หนุนเชียงใหม่สู่การเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวระดับโลก ด้วยโครงการโรงแรมภายใต้แบรนด์ระดับลักชูรี สวนน้ำในโรงแรมแห่งแรกของเชียงใหม่</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า “AWC เชื่อมั่นในคุณค่าศิลปวัฒนธรรมอันโดดเด่นของไทยและศิลปะล้านนาที่พิเศษอันทรงคุณค่ามายาวนาน และยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเมืองเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางด้านศิลปะและวัฒนธรรมระดับโลก ผ่านโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพของบริษัททั้งในปัจจุบันที่ประกอบไปด้วยโรงแรม 3 แห่ง และศูนย์การค้า 1 แห่ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รวมถึงโครงการ ‘ลานนาทีค เดสทิเนชั่น’ ในอนาคตที่จะประกอบไปด้วยโรงแรมแห่งใหม่อีก 3 แห่ง รวมถึงสวนน้ำในโรงแรมแห่งแรกของจังหวัดเชียงใหม่ ร้านค้าร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อสนับสนุนการเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงศิลปะและวัฒนธรรมที่มีแนวคิดในการผสมผสานงานศิลปะทุกแขนงเข้าไปกับพื้นที่ เชื่อมคุณค่าจากอดีตสู่แรงบันดาลใจสำหรับอนาคต ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลกกว่า 10 ราย ที่จะมาช่วยสร้างไฮไลท์ให้กับเดสทิเนชั่นด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/04/pLGSQ8fgmJsuhs9esLcR.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="pLGSQ8fgmJsuhs9esLcR.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,405" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยได้รับการพิจารณาอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการเข้าลงทุนในโครงการ “เชียงใหม่ ไนท์ บาร์ซา” โครงการ “กาแล ไนท์ บาร์ซา” และโครงการ “เดอะ พลาซ่า เชียงใหม่” ที่จะได้รับการพัฒนาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ‘ลานนาทีค เดสทิเนชั่น’ ซึ่งจะเริ่มเปิดให้บริการเฟสแรกในปลายปี 2567 นี้ และจะต่อด้วยการเปิดโครงการเฟสต่างๆ ต่อเนื่องในช่วง 5 ปี เพื่อสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และส่งเสริมการสร้างงานและเศรษฐกิจในพื้นที่ สร้างความแข็งแกร่งให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;AWC ได้วางแผนการลงทุนสำหรับการพัฒนาโครงการ “ลานนาทีค เดสทิเนชั่น” ภายใต้เอกลักษณ์อันโดดเด่นในด้านศิลปะ อาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และเอนเตอร์เทนเม้นท์ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อันหลากหลายของนักท่องเที่ยวท้องถิ่นและนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่ผู้ที่หลงใหลในวัฒนธรรม คนรักงานศิลปะ กลุ่มเพื่อน คู่รัก ครอบครัว ในทุกเจเนอเรชั่น ที่ประกอบไปด้วยแนวคิดเกี่ยวกับวัฒนธรรมล้านนาและศิลปะสมัยใหม่ สร้างศูนย์กลางงานศิลปะที่ใหญ่ที่สุด สะท้อนคุณค่าและเสน่ห์ของงานศิลปวัฒนธรรมอันรุ่งเรืองของล้านนา งานช่างสิบหมู่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ต่อเนื่องไปจนถึงแรงบันดาลใจและงานศิลปะร่วมสมัย ศิลปะนานาชาติ ศิลปะดิจิทัล และการออกแบบเชิงนวัตกรรม เพื่อสร้างศูนย์กลางแห่งแรงบัลดาลใจและความสวยงามสำหรับทุกคนจากทั่วโลกที่รักในงานศิลปะรวมถึงวงการนักลงทุนและนักสะสมงานศิลปะระดับโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งยังบูรณาการไลฟ์สไตล์และความบันเทิงหลากหลาย สร้างจุดหมายปลายทางที่ผสมผสานไลฟ์สไตล์และความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดของภาคเหนือ ทั้งดนตรีการแสดง และความสนุกสนานมากมาย พร้อมด้วยสวนน้ำในโรงแรมแห่งแรกในภาคเหนือ ตลาดไลฟ์สไตล์ ฟู้ดเลานจ์ แหล่งรวมความสุข ความสนุก ความอร่อยมากมาย และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการพัฒนาโครงการที่จะร่วมสร้างคุณค่าเพื่ออนาคตที่ดีกว่าให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ชุมชน สังคม และเศรษฐกิจ เพื่อเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/04/zNULr136y3kKyZKD2Vkz.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="zNULr136y3kKyZKD2Vkz.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“AWC มุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการ ‘ลานนาทีค เดสทิเนชั่น’ เพื่อร่วมสร้างคุณค่าและการเติบโตร่วมกันให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย พร้อมให้การสนับสนุนผู้ประกอบการท้องถิ่นในจังหวัดเชียงใหม่และทั่วทั้งภาคเหนือด้วยการรวมพลังผ่านการจัดงานเชิญกลุ่มศิลปิน ผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านค้าที่จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะและวัฒนธรรมล้านนาในแขนงต่างๆ มาร่วมรวมพลังในโครงการ ‘ลานนาทีค เดสทิเนชั่น’ ที่จะมีการจัดขึ้นในเร็วๆ นี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของ AWC ในการส่งเสริมและสนับสนุนแนวคิดในการผสมผสานงานศิลปะทุกแขนง ร้านค้าต่างๆ เพื่อรวมความสุข ความอร่อย เข้าไปในทุกพื้นที่ภายในโครงการ เพื่อส่งเสริมและรักษาไว้ซึ่งคุณค่าและเสน่ห์แห่งกาลเวลาจากอดีต ไปสู่การออกแบบที่ทันสมัยเป็นเสมือนแรงบันดาลใจสู่อนาคต เพื่อสนับสนุนการเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่นำเสนอเรื่องราวของศิลปะและวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าสู่สายตานักท่องเที่ยวและนักเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก” วัลลภา กล่าวเสริม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกเหนือจากโครงการ “ลานนาทีค เดสทิเนชั่น” ในจังหวัดเชียงใหม่แล้ว AWC ยังได้รับมติอนุมัติจากผู้ถือหุ้นในการเข้าลงทุนเพิ่มในโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพบนพื้นที่ระดับไพรม์โลเคชั่นในอีก 2 จุดหมายสำคัญของกรุงเทพฯ ประกอบไปด้วย การเข้าลงทุนในโครงการโอพี การ์เด้น ย่านบางรัก เพื่อเชื่อมต่อกับโครงการแฟล็กชิป โรงแรม เดอะ พลาซ่า แอทธินี โนบุ โฮเทล แอนด์ สปา แบงคอก ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ส่งเสริมจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวริมสายน้ำ คาดว่าจะเปิดดำเนินการประมาณไตรมาสที่ 4 ปี 2570&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และโครงการโรงแรมในพื้นที่ถนนสุขุมวิท 38 ซึ่งเป็นย่านไลฟ์สไตล์สุดเทรนดี้ของกรุงเทพฯ เพื่อพัฒนาโครงการโรงแรมด้านเวลเนส คาดว่าจะเปิดดำเนินการประมาณไตรมาสที่ 3 ในปี 2571 พร้อมสนับสนุนประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/travel/awc-partnered-melia-hotels-international-2-hotels-in-pattaya" alt="AWC ผนึก Melia ร่วมพัฒนาสองโรงแรมใหม่ในพัทยา">AWC ผนึก Melia ร่วมพัฒนาสองโรงแรมใหม่ในพัทยา</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

อสังหาเครือ ‘เจ้าสัวเจริญ’ ทุ่มกว่าหมื่นล้าน พลิกโฉมที่ดินย่านช้างคลาน เชียงใหม่ สู่ ‘ลานนาทีค เดสทิเนชั่น’

<h2>ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเม้นท์ มั่นใจเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้น ชูจุดแข็ง Global Company เข้าใจความต้องการผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติในภาคเหนือ เดินหน้าเปิดตัว 2 โครงการศักยภาพ โฮมออฟฟิศ 3 ชั้นครึ่ง HyTown และคอนโด HyCondo Iconic Low Rise 8 ชั้น รวมมูลค่ากว่า 700 ล้าน คาดผลตอบรับปีนี้ไม่ต่ำกว่า 30% </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Mr. Shubhodeep Prasanta Das ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมาเราประสบความสำเร็จจากการปิดขาย HyCondo Thasala ในระยะเวลาอันสั้น และได้รับรางวัลอันทรงเกียรติจากทาง FIABCI-THAI ประเภท Residential Condominiums ซึ่งทำให้เรามีแรงจูงใจในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่เพิ่มมากขึ้น”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยจุดแข็งของบริษัทฯ ที่ทำให้ Hylife Development ประสบความสำเร็จ คือ การเป็นบริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ ในจังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็น Global Company มีความเข้าใจในความต้องการของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ เนื่องจากลุ่มลูกค้าในจังหวัดเชียงใหม่มีความหลากหลาย จึงต้องให้ความสำคัญในเรื่องบริการหลังการขายและความเชื่อมั่นในบริษัท ด้วยทุนจดทะเบียนที่สูงถึง 100 ล้านบาท และเป็นโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า ในการเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ ที่มีการก่อสร้างด้วยคุณภาพ และไม่ทอดทิ้งผู้อยู่อาศัยอย่างแน่นอน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/NoVDxMfcZRzYH7d8pcwy.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="NoVDxMfcZRzYH7d8pcwy.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับแผนธุรกิจในปี 2567 นี้ Mr. Shubhodeep เผยว่า บริษัทฯ มีแผนเปิดตัว 2 โครงการใหม่ในเดือนมีนาคม 2024 โดย โครงการแรกเป็น โฮมออฟฟิศ 3 ชั้นครึ่ง HyTown หางดง-แม่เหียะ จำนวน 19 ยูนิต มูลค่าโครงการ 187 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 6.99 ล้านบาท สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ในเดือนเมษายน 2024 จุดนี้ถือเป็นทำเลที่มีมูลค่าที่ดินเพิ่มสูงขึ้นทุกปี และเริ่มหนาแน่นไปด้วยที่พักอาศัยของกลุ่มชาวต่างชาติและชาวไทย ซึ่งมีกำลังซื้อสูง โดยจุดเด่นคือ โฮมออฟฟิศ 3 ชั้นครึ่ง ที่มีพื้นที่ใช้สอยมากถึง 255-350 ตารางเมตร มีที่จอดรถส่วนตัวทุกยูนิต อีกทั้งทุกแปลงมีที่ดินพิเศษ เพื่อรองรับการการขยายตัวของพื้นที่ใช้สอยในอนาคต&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/BdWbN4eVxrk3jn1B6VEX.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="BdWbN4eVxrk3jn1B6VEX.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่อีกหนึ่งโครงการ คือ คอนโด HyCondo Iconic ท่าศาลา Low Rise 8 ชั้น 175 ยูนิต มูลค่าโครงการ 530 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นที่ 1.79 ล้านบาท ใช้เวลาดำเนินโครงการ 18 เดือน คาดว่าแล้วเสร็จไตรมาสที่ 2 ปี 2025 จุดเด่น คือรีสอร์ตคอนโดมิเนียมที่อยู่ในตัวเมือง ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน มีสวนและสระว่ายน้ำ Panoramic View ยาว 24 เมตร จุดนี้ถือเป็นทำเลที่สามารถนำมาลงทุนปล่อยเช่าได้ ซึ่งมี Occupancy Rate สูงถึง 80% อ้างอิงจากโครงการ HyCondo ท่าศาลาเฟสแรกที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว เป็นตัวการันตีได้ว่าเป็นทำเลที่เหมาะทั้งเพื่อการลงทุนและอยู่อาศัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทยังตั้งเป้ายอดขาย HyCondo Iconic ท่าศาลา ในปีนี้ไว้ที่ 30% คิดเป็น 159 ล้านบาท ส่วนโฮมออฟฟิศ 3 ชั้น HyTown แม่เหียะ ตั้งเป้าไว้ที่ 50% คิดเป็น 94 ล้าน Mr. Shubhodeep กล่าวทิ้งท้าย​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/RAeyd8KNiC3aXKhVj3wD.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="RAeyd8KNiC3aXKhVj3wD.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> ​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/property/botanica-luxury-villas-1200-million-baht-1-month" alt="Botanica Luxury Villas ทุบสถิติยอดขายวิลล่าหรูภูเก็ต เดือนเดียวทะลุ 1,200 ล้านบาท">Botanica Luxury Villas ทุบสถิติยอดขายวิลล่าหรูภูเก็ต เดือนเดียวทะลุ 1,200 ล้านบาท</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“ไฮไลฟ์ ดีเวลลอปเม้นท์” คาดเศรษฐกิจฟื้น เปิดตัว 2 โครงการใหม่ในจ. เชียงใหม่ มูลค่า 700 ล้าน

‘เชียงใหม่ แมริออท โฮเทล’ สัมผัสกลิ่นอายล้านนา ในความหรูหราระดับ 5 ดาว

&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;TAGTHAi (ทักทาย) แพลตฟอร์มท่องเที่ยวรูปแบบดิจิทัลแห่งชาติ ที่รวบรวมบริการด้านการท่องเที่ยวต่างๆ แบบไร้ขีดจำกัด นำเสนอรูปแบบประสบการณ์การท่องเที่ยวในหลากหลายมิติ เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ ขานรับการท่องเที่ยวและการใช้ชีวิตในรูปแบบดิจิทัล เปิดตัว “เชียงใหม่พาส (Chiang Mai Pass)” ซิตี้พาสที่ตอบโจทย์และอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวในรูปแบบบัตรรวมสถานที่ท่องเที่ยว หรือ Multi-attraction City Pass&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หวังสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวฉบับใหม่ ด้วยการรวบรวมและเชื่อมต่อบริการ สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร และสปา รวมถึงร้านค้าต่างๆ จากผู้ประกอบการในจังหวัดเชียงใหม่มากกว่า 60 ราย เข้า เสริมทัพและตอกย้ำความเป็นแพลตฟอร์มการท่องเที่ยวหลักของประเทศ เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวและช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กลินท์ สารสิน ประธานกิตติมศักดิ์หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานคณะจัดการ บริษัท ไทย ดิจิทัล แพลตฟอร์ม วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ผู้ร่วมก่อตั้งแอปฯ TAGTHAi กล่าวว่า “จากความสำเร็จของ TAGTHAi (ทักทาย) แพลตฟอร์มบริการด้านการท่องเที่ยว ที่เปิดตัว Bangkok pass, Golf pass, ONESIAM pass ในช่วงที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นกว่า 700,000 ครั้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่า TAGTHAi (ทักทาย) นั้นเป็นแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวอย่างแท้จริง จึงเป็นที่มาของการเปิดตัว “เชียงใหม่พาส” ตัวช่วยอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อ (Seamless) และไร้สัมผัส (Contactless) ในรูปแบบของซิตี้พาส กิน เที่ยว ครบ จบในบัตรเดียว โดยนักท่องเที่ยวสามารถเลือกไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบ ซึ่งถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดีโดยคนท้องถิ่นด้วยตัวคุณเอง จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่ดี สะดวกสบาย และคุ้มค่าจากพันธมิตรธุรกิจของเราทั่วจังหวัดเชียงใหม่กว่า 60 ราย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่ง TAGTHAi (ทักทาย) เป็นแพลตฟอร์มที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวของไทยที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2566 คาดว่า รายได้จากการท่องเที่ยวจะอยู่ที่ 2.4 ล้านล้านบาท ประกอบกับการแพร่ระบาดของโควิด -19 ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ให้ความสำคัญการเว้นระยะห่างและลดการสัมผัส ทำให้เชื่อว่า TAGTHAi (ทักทาย) จะเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นการจับจ่ายภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีเชี่ยวชาญในการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อวางแผนการท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เฉพาะตัว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“นอกจาก TAGTHAi (ทักทาย) จะตอบโจทย์ครบจบในบัตรเดียวสำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว เรายังมุ่งหวังให้คนท้องถิ่น หรือผู้ประกอบรายย่อยใช้ “เชียงใหม่พาส” เป็นอีกหนึ่งช่องทางจัดจำหน่าย และขยายฐานลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสเพิ่มรายได้บนช่องทางดิจิทัล เพราะสามารถเข้าถึงลูกค้าได้กว้างและหลากหลายมากขึ้น เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนท้องถิ่น” กลินท์ กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ TAGTHAi (ทักทาย) คือแพลตฟอร์มบริการด้านการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวในทุกมิติ ตั้งแต่การให้ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ช่วยวางแผนการท่องเที่ยว และเชื่อมโยงไปยังระบบการจองที่พัก และตั๋วเครื่องบิน รวมไปถึงการร่วมกันพัฒนาศักยภาพด้านดิจิทัล เทคโนโลยีระหว่างภาคเอกชนชั้นนำของประเทศกว่า 20 หน่วยงาน โดยมีความมุ่งหมายให้เป็นแพลตฟอร์มท่องเที่ยวแห่งชาติ (National Tourism Platform) ของคนไทย ในปัจจุบันมีการให้บริการ City Pass, การจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม บริการให้ความช่วยเหลือสำหรับนักท่องเที่ยว (SOS) รวมไปถึงการให้ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวต่างๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยนักท่องเที่ยวสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน TAGTHAi ได้แล้ววันนี้ที่ App Store และ Play Store และสามารถซื้อ Chiang Mai TAGTHAi Pass ในราคาเริ่มต้นเพียง 1,490 บาท พร้อมใช้รหัสส่วนลด (Promo Code) CNX100 เพื่อรับส่วนลดจำนวน 100 บาท สำหรับทุกการซื้อ (จำกัดเพียง 100 ท่านแรก) นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการด้านธุรกิจท่องเที่ยวที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.tagthai.com หรือกดติดตามความเคลื่อนไหว Social Media ทาง Facebook, Instagram ภายใต้บัญชี tagthai.official เพื่อรับโค้ดส่วนลดและสิทธิพิเศษอีกมากมาย &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/70461" alt="กองเงินบนตราสารหนี้สีเขียว">กองเงินบนตราสารหนี้สีเขียว</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

ทักทาย เปิดตัว "เชียงใหม่พาส" ซิตี้พาสใบแรกของเชียงใหม่ กิน-เที่ยว-ครบจบในใบเดียว 

<h2>AWC&nbsp;เตรียมพัฒนาพื้นที่ช้างคลาน จ.เชียงใหม่ให้เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศ หลังลงนามสัญญาจะซื้อจะขาย&nbsp;“โรงแรมดุสิต ดีทู เชียงใหม่”&nbsp;พร้อมผนึกกำลังโรงแรมในเครือกระตุ้นการท่องเที่ยวภาคเหนือ ต้อนรับนักเดินทางจากทุกมุมโลก</h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ&nbsp;AWC&nbsp;เปิดเผยว่า&nbsp;“AWC&nbsp;มุ่งยกระดับจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยุทธศาสตร์ของภาคเหนือ ให้เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงศิลปะวัฒนธรรมชั้นนำของประเทศ โดยบริษัทมีแผนเสริมศักยภาพการเชื่อมต่อของกลุ่มธุรกิจโรงแรมของ&nbsp;AWC&nbsp;ทั้ง&nbsp;4&nbsp;แห่ง รวมถึงโรงแรมดุสิต ดีทู เชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณต่อเนื่อง มีมูลค่าทั้งหมดรวมกว่า&nbsp;12,900&nbsp;ล้านบาท เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของนักท่องเที่ยว พร้อมสร้างความแข็งแกร่งด้านกระแสเงินสดให้แก่บริษัทในระยะยาว” <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/12/T4tBzP5PTTZKngEmozAt.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="T4tBzP5PTTZKngEmozAt.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="650,978" style="" data-index="0"><figcaption>วัลลภา ไตรโสรัส&nbsp;<div>ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่&nbsp;บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ&nbsp;AWC</div></figcaption></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การลงนามสัญญาจะซื้อจะขาย “โรงแรมดุสิต ดีทูเชียงใหม่”&nbsp;ขนาด&nbsp;130&nbsp;ห้องพัก ตั้งอยู่บนถนนช้างคลาน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ติดกับ “เชียงใหม่ ไนท์บาซาร์”&nbsp;แหล่งท่องเที่ยวและช้อปปิ้งชื่อดังใจกลางเมืองนี้ มีมูลค่าเงินลงทุนและงบพัฒนาโครงการรวมกว่า&nbsp;944&nbsp;ล้านบาท&nbsp;ประกอบไปด้วยสัญญาจะซื้อจะขายที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และทรัพย์สินประเภทสังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบกิจการโรงแรมของ&nbsp;“โรงแรม ดุสิต ดีทู เชียงใหม่”&nbsp;จากบริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะทรัสตีของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี (DREIT)&nbsp;และสัญญาจะซื้อจะขายกรรมสิทธิ์ที่ดินข้างเคียง&nbsp;“โรงแรมดุสิต ดีทู เชียงใหม่”&nbsp;และสิ่งปลูกสร้าง จากบริษัท ดุสิต ไทยพร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด (มหาชน) รวมถึงสัญญาให้เช่า “โรงแรม ดุสิต ดีทู เชียงใหม่” แก่ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เป็นระยะเวลา&nbsp;3&nbsp;ปี และสิทธิในการต่อระยะเวลาอีก&nbsp;3&nbsp;ปี ซึ่งดำเนินการผ่านบริษัท เชียงใหม่ โฮเทลล์ คอลเลกชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ&nbsp;AWC&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน&nbsp;AWC&nbsp;มีสินทรัพย์ในเครือในจังหวัดเชียงใหม่ ประกอบไปด้วย&nbsp;ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่&nbsp;โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ โรงแรมมีเลีย เชียงใหม่ รวมถึงโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง ที่เตรียมจะเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้ อ่านเพิ่มเติม:&nbsp;<ul><li>​<a href="https://www.forbesthailand.com/news/it/%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%95-%E0%B9%82%E0%B8%8B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99-%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%96%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89-ai" alt="บิสกิต โซลูชั่น หนุนองค์กรท้องถิ่นประยุกต์ใช้ AI">บิสกิต โซลูชั่น หนุนองค์กรท้องถิ่นประยุกต์ใช้ AI</a>​</li><li><a href="https://forbesthailand.com/news/it/tatacommunications-theswitchenterprises" alt="Tata Communications ซื้อกิจการ The Switch ในสหรัฐ">Tata Communications ซื้อกิจการ The Switch ในสหรัฐ</a>​</li></ul><hr class="__se__solid">​ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก <a href="https://forbes-admin-v2.vercel.app/cms-post-edit/69770/อ่านเพิ่มเติม: “สกาย กรุ๊ป” เผยผลประกอบการปี 66 โตจากแรงหนุนท่องเที่ยว​ ​ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine" alt="Forbes Thailand Magazine">Forbes Thailand Magazine</a>​

AWC ลงนามซื้อ "ดุสิต ดีทู เชียงใหม่" เสริมความแกร่งพื้นที่ภาคเหนือ

<h2>ในอำเภอแม่ริม ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ราว 40 นาทีคือที่ตั้งของโฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เชียงใหม่ ซึ่งเนรมิตภูมิทัศน์และบรรยากาศของชนบทเมืองเหนือผสานเข้ากับตัวรีสอร์ตและการบริการชั้นเยี่ยม</h2>
โฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เชียงใหม่ ต้อนรับเราด้วยบรรยากาศความเขียวชอุ่มของหมู่แมกไม้ใหญ่และการก่อสร้างอาคารด้วยสถาปัตยกรรมไทย บริเวณล็อบบี้และห้องรับประทานอาหาร “ข้าว” อยู่เหนือนาข้าวจำลองและบึงขนาดใหญ่ซึ่งเป็นไฮไลต์ใจกลางของรีสอร์ต

สถาปัตยกรรมไทยของโฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เชียงใหม่ลอกเลียนจากบ้านเรือนไทยโบราณแต่ปรับให้มีความร่วมสมัยและอยู่สบายมากขึ้นทั้งภายนอกและภายใน เนรมิตบรรยากาศโดยรวมเสมือนคุณอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชนบทที่ทำกสิกรรมเป็นอาชีพหลัก

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/d8543022b1a66603020626e9908a03a3.jpg" alt="" width="638" height="428" /><figcaption> บริเวณ drop-off ทางเข้ารีสอร์ต</figcaption></figure>

พนักงานบริการแต่งกายในชุดผ้าไทยร่วมสมัย ขณะที่พนักงานส่วนอื่นที่ไม่ได้สัมผัสโดยตรงกับลูกค้าอยู่ในชุดเสื้อผ้าม่อฮ่อมซึ่งทำให้เมื่อคุณมองวิวทิวทัศน์แบบพาโนรามาของรีสอร์ต จะเห็นคนมากมายในชุดม่อฮ่อมกระจายทั่วบริเวณ

การสร้างบรรยากาศของโฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เชียงใหม่ไม่ได้หยุดแค่การตกแต่งหรือเสื้อผ้า รีสอร์ตนี้จัดแสดงให้พนักงานนำควายคู่หนึ่งเดินไปมาในยามเช้าสร้างความตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยว หรือจะเป็นพนักงานสานปลาตะเพียนให้ชมสดๆ ในห้องอาหาร พนักงานที่พายเรือไปมาในบึงยามบ่าย รวมไปถึงการเดินขบวนร้องรำทำเพลงกลางทุ่งนาเวลา 5 โมงเย็นของพนักงานชุดม่อฮ่อมที่ทำให้ผู้เข้าพักต้องชะเง้อคอมองจากระเบียงห้อง

ประสบการณ์การเข้าพักกับโฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เชียงใหม่จึงมีสิ่งที่แตกต่างจากศิลปะการแสดงที่ถูกนำมาจัดไว้อย่างคาดไม่ถึง

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/080e605ad8c2b96824a871f42f307b8c.jpg" alt="" width="638" height="511" /><figcaption> สระว่ายน้ำวิวภูเขาและสายหมอก</figcaption></figure>

&nbsp;

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/ddba10dc2c7424c513fc9d2520a2128e.jpg" alt="" width="638" height="445" /><figcaption> สระจากุสซีริมนาข้าวและบึงน้ำ</figcaption></figure>


การจัดภูมิทัศน์โดยรวมของที่นี่ยังน่าประทับใจ อาทิ บริเวณสระว่ายน้ำส่วนกลางเล่นระดับ โดยสระว่ายน้ำปกติด้านบนนั้นจัดวางให้เห็นขอบบึงกับศาลาซ้อนทับกับต้นไม้ใหญ่และหมอกที่ลอยเรี่ยทิวเขาด้านหลัง ขณะที่เพียงเดินลงบันไดไปไม่กี่ขั้น ที่สระจากุสซี่ด้านล่างถูกจัดวางให้ยื่นลงไปข้างนาข้าวริมขอบบึง ให้ความรู้สึกเหมือนได้แช่บ่อจากุสซี่กลางท้องทุ่งแบบที่ในโลกความเป็นจริงไม่สามารถทำได้

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/16f507248c494ceaaf88d20b1a468bb6.jpg" alt="" width="638" height="359" /><figcaption> ห้องพักแบบ Upper Garden Pavillion (photo credit: Four Seansons Resort Chiang Mai)</figcaption></figure>

สำหรับด้านในห้องพักสำหรับ 2-3 ท่าน เราได้เข้าพักในห้องแบบ Upper Garden Pavillion ตัวห้องนอนขนาดใหญ่บนเตียงนุ่ม มีห้องน้ำต่อเชื่อมพร้อม walk-in closet ขนาดใหญ่ อ่างอาบน้ำมาพร้อมเกลืออาบน้ำให้ผู้เข้าพักได้แช่ตัวพลางมองสีเขียวของต้นไม้นอกหน้าต่าง ส่วนด้านนอกห้องมีระเบียงศาลากลางสวนสำหรับรับลมธรรมชาติของภาคเหนือ

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/20f5228898c0179856c3233f6359bdc0.jpg" alt="" width="638" height="638" /><figcaption> ห้องน้ำในบ้านพัก พร้อม walk-in closet ห้องอาบน้ำแบบฝักบัว อ่างอาบน้ำ และอ่างล้างหน้าแบบ his&amp;her</figcaption></figure>

ไลน์อาหารเช้าเน้นอาหารตะวันตกเป็นหลัก สเตชั่นเมนูไข่สามารถสั่งไข่เบเนดิกต์ซึ่งปรุงมาอย่างพอดี สเตชั่นชีสมีหลากหลายชนิด และในตู้แช่มีโยเกิร์ต มูสลี่ และสลัดเย็นให้เลือก ต้อนรับยามเช้าอันสดใส

โดยรวมแล้ว ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่รีสอร์ตมีให้ทั้งสระว่ายน้ำ สตีมรูม ฟิตเนส สปา เส้นทางเดินสำรวจธรรมชาติรอบรีสอร์ต และบรรยากาศที่ยกชนบทเมืองเหนือมาไว้ภายใน ใครก็ตามที่เข้าพักคงอยากจะซุกซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านในฝันของโฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เชียงใหม่

<img class="aligncenter" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/32d5e06d3b3f4754e670a870c4de5c7c.jpg" alt="" />

&nbsp;

ภาพ: พัฐรัศมิ์ ว่องไชยกุล

สัมผัส ‘หมู่บ้านในฝัน’ กลางนาข้าวและวัฒนธรรมเมืองเหนือที่ ‘โฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เชียงใหม่’

<h2>วิศวกรผู้ผันตัวสู่เจ้าของกิจการรับเหมาก่อสร้าง ณ บ้านเกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ยังคงเดินหน้าก่อร่างสร้างฝันนำบริษัทเข้าขายหุ้นไอพีโอในนาม บมจ. เชียงใหม่ ริมดอย หวังปูทางสู่ธุรกิจที่ทำรายได้แตะ 2 พันล้านบาทภายในปี 2563 ด้วยความพร้อมด้านเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้นผสานสารพัดประสบการณ์ที่สั่งสมมา</h2>
อาคารอำนวยการอุทยาวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท ที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ คือหนึ่งในผลงานชิ้นโบว์แดงของ บมจ. เชียงใหม่ริมดอย (CRD) บริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ถือกำเนิดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ โดยอดีตวิศวกร วัย 60 ปี ธีรพัฒน์ จิรพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการและผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ 46% ของบริษัท

ธีรพัฒน์เริ่มกิจการรับเหมาก่อสร้างเมื่อปี 2533ร่วมกับกลุ่มเพื่อนเก่าทั้งจากสมัยเรียนปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และมัธยมศึกษาที่โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย หลังตัวเขาผ่านประสบการณ์ในฐานะวิศวกรด้านไฟฟ้าพลังน้ำในเมืองกรุงมาแล้วกว่า 10 ปี และมีเงินเก็บที่เป็นกำไรจากการขายที่ดินเป็นทุนตั้งต้น

“ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะทำกิจการของตัวเองแต่ตอนนั้นเป็นชายหนุ่มวัย 30 กว่าที่ห้าวและอยากลองดู อีกทั้งช่วงนั้นเศรษฐกิจก็ดี เลยเลือกกลับมาเปิดกิจการที่บ้านเกิด ด้วยคิดเพียงว่าถ้าเจ๊งก็กลับไปทำงานออฟฟิศเพื่อหาเงินมาใช้หนี้”

ปัจจุบัน CRD มีธุรกิจหลัก 2 ประเภท คือหนึ่ง รับเหมาก่อสร้างอาคาร และสิ่งปลูกสร้างทั่วไป และ สอง รับเหมาก่อสร้างงานระบบสาธารณูปโภค ได้แก่ การให้บริการรับเหมาก่อสร้างและติดตั้งระบบสาธารณูปโภคภายใน

สำหรับในปีนี้คาดว่าจะทำรายได้ทะลุ 1.5 พันล้านบาทและคาดว่าจะมีรายได้แตะ 2 พันล้านบาทภายในปี 2563 โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 บริษัทมีงานรับเหมาก่อสร้างที่ยังไม่ส่งมอบ จำนวน 12 โครงการ คิดเป็นมูลค่างานในส่วนที่ยังไม่รับรู้รายได้รวม 906.99 ล้านบาท พร้อมกับเดินหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ คือ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai และจำหน่ายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรกจำนวน 150 ล้านหุ้นหรือ 30% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายในเดือนกันยายนที่ผ่านมา

โดยการระดมทุนครั้งนี้ก็เพื่อตอบโจทย์การลงทุนในช่วงปี 2560 ถึง 2561 ทั้งในการซื้อเครื่องจักรอุปกรณ์ และยานพาหนะที่ใช้ในงานก่อสร้าง รวมถึงลงทุนสร้างทีมวิศวกร และลงทุนในการขยายส่วนงานออกแบบ ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและการขยายธุรกิจในอนาคต

“งานรับเหมาก่อสร้างต้องใช้เงินทุนสูงโดยเฉพาะงานราชการยิ่งต้องใช้ทุนมากซึ่งนับจากนี้เราจะสามารถประมูลงานราชการที่มูลค่า 1 พันล้านบาทขึ้นไปได้แล้ว”

ก่อร่าง CRD

แม้จะไม่เคยเป็นเจ้าของกิจการมาก่อนแต่ด้วยความที่มีลูกค้าในมืออยู่แล้ว อย่างโครงการหมู่บ้านจัดสรรขนาด 50 หลังคาเรือนที่ อ. เมือง จ. เชียงใหม่ ก็น่าจะพอทำให้การตั้งไข่กับธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในวันนั้น ไม่ควรที่จะหนักหนาสาหัสสำหรับผู้ประกอบการมือใหม่นัก ทว่าพิษเศรษฐกิจพ่นใส่บริษัทรับเหมาก่อสร้างวัยละอ่อนอย่าง CRD เข้าอย่างจัง จึงทำให้บริษัทมีตัวเลขขาดทุนราว 1 ล้านบาทตั้งแต่งานแรกเมื่อเริ่มแล้วก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด ธีรพัฒน์จึงเริ่มหันไปรับงานราชการ โดยเปิดศักราชที่โครงการเขื่อนแม่เมาะของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่จังหวัดลำปาง ซึ่งแม้ว่าจะได้เงินช้าและกำไรไม่สูงนัก แต่สิ่งที่แน่นอน

“ช่วงที่เราเริ่มกิจการบริษัทรับเหมาก่อสร้างส่วนใหญ่ไม่ค่อยรับงานราชการกันเพราะว่ากำไรน้อยกว่างานเอกชน แต่พอฝั่งเอกชนแย่เราก็เลยลองหันไปรับงานราชการดู”

<img class="alignnone size-full wp-image-10708" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/8.1.png" alt="" width="680" height="398" />

กระนั้น จุดเปลี่ยนสำคัญที่นับเป็นช่วงก้าวกระโดดคือราวปี 2537 ที่บริษัทไปรับงานโครงการไฟฟ้าพลังน้ำแม่ปาย อ. ปาย จ. แม่ฮ่องสอน ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคซึ่งมูลค่าสูงถึง 50 ล้านบาท นับเป็นการย้ำความเชื่อของธีรพัฒน์ที่ว่า โชคชะตามีส่วนสำคัญกับการทำธุรกิจ เนื่องจากงานนี้ผู้รับเหมาเดิมทิ้งงาน ทำให้บริษัทสัญชาติอังกฤษที่เป็นผู้ดูแลโครงการต้องค้นหาผู้รับเหมารายใหม่มาสานต่องานให้จบ จึงเลือกให้ CRD ไปรับงานแทนเป็นกรณีพิเศษจนปี 2556 ที่บริษัทได้รับโอกาสจากบมจ. แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ให้รับเหมาทำโครงการคอนโดมิเนียม The Key ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ตามมาด้วยที่อยู่อาศัยแนวสูงของผู้ว่าจ้างรายอื่นๆ ตามมาอีกอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นอีกหนึ่งในรากฐานที่ต่อยอดให้ CRD มีรายได้ที่แข็งแกร่งมาอย่างต่อเนื่องและลดความเสี่ยง

“โครงการที่ทำให้ บมจ. แลนด์แอนด์เฮ้าส์เป็นหนึ่งในงานที่ผมภาคภูมิใจ เพราะบริษัทชั้นนำะดับประเทศเลือกเรา จึงเหมือนกับเราได้รับรองมาตรฐานว่าบริษัทเรามีศักยภาพเพียงพอ แล้วยังมีส่วนช่วยพัฒนาฝีมือแรงงานของเราไปด้วย”

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน CRD รับงานโครงการที่มูลค่าเฉลี่ยต่ำสุด 3 ล้านบาทถึงสูงสุดที่ราว 400 ล้านบาท ส่วนประเภทโครงการที่ไม่เชี่ยวชาญคือการสร้างถนนและสะพาน

ธีรพัฒน์เปิดเผยถึงต้นตอแห่งความสำเร็จที่ทำห้บริษัทรับเหมาก่อสร้างเล็กๆ ในอดีตสามารถเติบโตมาถึงวันนี้ว่า ระบบการทำงานที่ดีและคุณภาพของผลงานที่ทำให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน ต่างจากยุคก่อนๆ ที่สายสัมพันธ์ที่มีกับลูกค้าเป็นตัวแปรสำคัญสูงสุ

“เรามองว่าธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเป็นงานที่ต้องเน้นหนักเรื่องการบริหารจัดการที่ดี นอกจากนี้เรายังเด่นในแง่ที่ผ่านประสบการณ์ทำโครงการที่หลากหลายเพราะเราไม่เกี่ยงงาน อะไรที่ทำได้ก็ยินดีรับ”

<img class="alignnone size-full wp-image-10709" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/8.2.png" alt="" width="680" height="398" />

ธีรพัฒน์เล่าว่าอยู่ระหว่างมองหาโอกาสใหม่ๆ กระนั้นขณะนี้ CRD เริ่มออกไปรับงานในพื้นที่กลุ่มประเทศ CLMV เช่น งานก่อสร้างสำนักงานของ บมจ. บ้านปู ที่เมือง Hongsa จังหวัด Sainyabuli ของ สปป. ลาว

“ถ้าเราจะออกไปนอกบ้านคงไปกับคู่ค้าที่เป็นบริษัทไทยขนาดใหญ่ แต่ยังไม่ไปรับงานโดยตรงจากลูกค้าที่เป็นกิจการท้องถิ่นของประเทศเพื่อนบ้าน”

อย่างไรก็ตาม ธีรพัฒน์ยอมรับว่าช่วงยุคตกต่ำสุดของ CRD คือเมื่อปี 2540 ที่เมืองไทยต้องเผชิญกับวิกฤตต้มยำกุ้ง ซึ่งทำให้งานรับเหมาจากฝั่งเอกชน โดยเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์หดหายไปจนหมดแต่ด้วยโชคในการทำธุรกิจทำให้มีงานบำบัดน้ำเสียและสถานีไฟฟ้าย่อยมาช่วยประคับประคองกิจการให้พอมีน้ำหล่อเลี้ยง จนค่อยๆ ก้าวมาถึงวันนี้ แต่การที่มีผลงานที่หลากหลายก็นับเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยให้บริษัทไม่เดือดร้อนในภาวะที่เศรษฐกิจไม่ดีได้ด้วย

“งานสถานีไฟฟ้าย่อยมูลค่ากว่า 200 ล้านบาททำให้มีกำลังพอเลี้ยงบริษัท จึงอยู่รอดมาถึงวันนี้” ธีรพัฒน์ให้ภาพการแข่งขันในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในต่างจังหวัดว่า ไม่ได้แข่งขันกันรุนแรงมาก เพราะแต่ละบริษัทต่างมีตลาดและความถนัดเฉพาะทางกันไปจึงไม่ได้มีการตัดราคากันรุนแรง สำหรับแนวทางการสืบทอดกิจการนั้นธีรพัฒน์ยืนยันว่าเมื่อ CRD มีสถานะเป็นบริษัทมหาชนแล้ว

ภาพ: กิตติเดช เจริญพร และ บมจ. เชียงใหม่ริมดอย

<hr />

<a href="http://goo.gl/kcoQQx">คลิกเพื่ออ่าน "ธีรพัฒน์ จิรพิพัฒน์ สร้าง CRD สู่ 2 พันล้าน" ฉบับเต็มในรูปแบบ e-Magazine</a>

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/1ee8f0c49c6f94ca8ba580d9f0bdf60d.png" />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events