<h2>หลังการเปลี่ยนตัวแม่ทัพเมื่อเดือนกันยายน 2024 ที่ผ่านมา Brian Niccol ซีอีโอคนใหม่ของ Starbucks ก็ออกมาเปิดเผยทิศทางกลยุทธ์ชุบชีวิตบริษัทในการประชุมทางโทรศัพท์ หลังยอดขายตกลงอย่างต่อเนื่อง 3 ไตรมาสติด</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Brian Niccol ซีอีโอหน้าใหม่มากประสบการณ์ของบริษัทกาแฟชั้นนำของโลก Starbucks กล่าวถึงกลยุทธ์ที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าและปรับปรุงการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตั้งเป้าเปลี่ยนจุดยืนของบริษัท ไม่เพียงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมกาแฟ แต่ยังเป็นพื้นที่ศูนย์กลางชุมชน ให้ผู้คนได้มาพบปะและมีกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน โดยกลยุทธ์ของเขามีีทั้งหมด 7 ข้อ ดังนี้​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/y5ziWVk8rYEEmEmKLQiQ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="y5ziWVk8rYEEmEmKLQiQ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"><figcaption><div>Brian Niccol ซีอีโอ Starbucks</div></figcaption></figure></div> 1. สั่งซื้อทางมือถือสะดวกสบายยิ่งขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คำสั่งซื้อทางแอปพลิเคชั่นบนมือถือมีปริมาณมากกว่า 30% ของคำสั่งซื้อทั้งหมดของ Starbucks ในสหรัฐอเมริกา สะท้อนความสำเร็จในการอำนวยความสะดวกด้านช่องทางการสั่งซื้อสำหรับผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม Niccol ชี้ว่า “เมื่อธุรกิจดำเนินไปด้วยดี มันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก แต่บางครั้งก็อาจนำมาสู่ความท้าทายต่อเนื่องทั้งลูกค้าและพาร์ทเนอร์”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กลยุทธ์แรกของ Starbucks จึงเป็นการปรับการดำเนินงานเพื่อรับมือกับคำสั่งซื้อทางมือถือ ตั้งแต่การพัฒนาความแม่นยำของระบบเวลาในแอปทำให้ลูกค้าสามารถรับรู้ได้อย่างแน่นอนว่าจะได้รับเครื่องดื่มเมื่อไร ตามด้วยการแยกจุดรับกาแฟที่มาจากคำสั่งซื้อทางมือถือและคำสั่งซื้อหน้าร้านออกจากกัน ตลอดจนลดตัวเลือกพิเศษต่างๆ ในการสั่งซื้อทางมือถือลง โดย Niccol เผยว่า “ตอนนี้ ผมคิดว่าตัวเลือกพิเศษในแอปมือถือนั้นมีเยอะเกินไปและไม่ค่อยจำเป็น” 2. นำเมนูที่ซับซ้อนเกินไปออก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Starbucks มีเมนูต่างๆ ให้เลือกมากมาย ซึ่งมีข้อดีคือความหลากหลาย แต่ข้อเสียคืออาจสร้างความสับสนให้บาริสต้าและทำให้บริการล่าช้า Niccol จึงนำเสนอแนวทาง ‘ยิ่งน้อยยิ่งดี’ โดยจะยกเลิกเมนูที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก เพื่อให้บาริสต้าสามารถเตรียมเครื่องดื่มได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และมีคุณภาพยิ่งขึ้น​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/DBbtdGvMKXL7fBBesU2W.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="DBbtdGvMKXL7fBBesU2W.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="1"></figure></div> 3. ยกระดับประสบการณ์ภายในร้าน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Niccol นำเสนอแนวทาง ‘Back to Starbucks’ ต้องการให้สาขาต่างๆ ของ Starbucks เป็นเสมือน ‘บ้านหลังที่สาม’ ให้ลูกค้าสามารถมาพบปะ ทำงาน และมีปฏิสัมพันธ์กันได้ไม่ต่างจากบ้านและออฟฟิศของพวกเขา โดยจะเสริมสร้างบรรยากาศในร้าน มีการเสิร์ฟเครื่องดื่มในแก้วเซรามิกสำหรับลูกค้าที่ต้องการใช้เวลาดื่มด่ำกับกาแฟในร้าน และกลับมาเขียนชื่อของลูกค้าลงบนแก้วอีกครั้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ Starbucks กำลังตระเตรียมแผนการปรับแต่งร้านแต่ละสาขาใหม่ เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศที่ดีและอำนวยความสะดวกสบายต่างๆ แก่ลูกค้าที่ต้องการเข้ามานั่งดื่มกาแฟ หรือแม้กระทั่งสาขาที่ให้บริการแบบซื้อกลับบ้านอย่างเดียว Niccol ก็บอกว่ายังสามารถปรับปรุงให้ดูเป็นมิตรกับลูกค้ายิ่งขึ้นได้ 4. คืนชีพเคานเตอร์เครื่องปรุงกาแฟ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เดิม Starbucks จะมีเคานเตอร์สำหรับให้ลูกค้าปรับแต่งรสชาติเครื่องดื่มของตัวเองอย่างง่ายๆ เช่น เติมนม และเติมน้ำตาล แต่ทางบริษัทมีนโยบายให้นำเคานเตอร์ดังกล่าวออกช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาด Niccol มองว่าการนำเคานเตอร์เครื่องปรุงกาแฟกลับมาจะช่วยลดภาระของบาริสต้า เพราะลูกค้าสามารถปรุงรสกาแฟเองได้ บาริสต้าจะได้นำเวลาไปรังสรรค์เครื่องดื่มให้ลูกค้าคนอื่นต่อ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/G4p6UepHp5ohy1g4VEqM.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="G4p6UepHp5ohy1g4VEqM.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" data-rotatex="" data-rotatey="" style="" data-index="2"></figure></div> 5. เสริมแกร่งทัพพนักงานและบาริสต้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกหนึ่งปัญหาที่ Starbucks เผชิญคือการขาดแคลนพนักงานทั้งในช่วงเวลาปกติและช่วงเวลาที่มีคำสั่งซื้อหนาแน่น ทำให้บาริสต้าที่ประจำอยู่ต้องรับภาระหนักและอัตราการลาออกก็เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทางบริษัทก็ได้มีการเพิ่มจำนวนพนักงาน เพิ่มชั่วโมงการทำงานเฉลี่ย เพิ่มกะ และเพิ่มความต่อเนื่องของตารางงานเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยจะมีมาตรการอื่นๆ เพื่อรับมือเพิ่มเติมในอนาคต​6. ปรับทิศการตลาด กำหนดจุดยืนพรีเมียม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นับตั้งแต่เข้ามาทำงานสัปดาห์แรกเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา Niccol ก็ประกาศชัดเจนว่าเขาต้องการพลิกโฉมการทำการตลาดของบริษัท ในการประชุมทางโทรศัพท์ เขาเผยว่าต้องการขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ไปไกลว่าแค่สมาชิก Starbucks Rewards และต้องการนำเสนอกาแฟคุณภาพแก่ผู้บริโภค โดยจะบอกลาโปรโมชั่นลดราคาต่างๆ ที่อาจทำให้มูลค่าแบรนด์ตกลงทั้งยังเพิ่มงานให้บาริสต้า และหันมาชูความเป็นกาแฟระดับพรีเมียมของผลิตภัณฑ์แบรนด์ Starbucks แทน 7. ยกเลิกการคิดค่าเปลี่ยนนม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังได้รับฟีดแบ็กจากลูกค้ามาอย่างยาวนาน ในที่สุด Starbucks ก็ตัดสินใจยกเลิกการคิดเงินเมื่อลูกค้าต้องการเปลี่ยนนมจากนมวัวเป็นนมประเภทอื่น โดยจะเริ่มตั้งแต่ 7 พฤศจิกายน 2024 นี้เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ราคาของเครื่องดื่มแต่ละแก้วลดลงกว่า 10% แหล่งที่มา:​<a href="https://www.cnbc.com/2024/10/31/starbucks-ceo-brian-niccol-change.html" alt="7 ways that Starbucks CEO Brian Niccol plans to change the coffee chain">7 ways that Starbucks CEO Brian Niccol plans to change the coffee chain</a>​ ​<a href="https://www.ceotodaymagazine.com/2024/11/starbucks-ceo-brian-niccols-bold-vision-7-game-changing-strategies-to-revitalize-the-coffee-chain/" alt="STARBUCKS CEO BRIAN NICCOL'S BOLD VISION">STARBUCKS CEO BRIAN NICCOL'S BOLD VISION</a>​ ​<a href="https://www.delish.com/food-news/a62777015/starbucks-ceo-company-changes/" alt="New Starbucks CEO Promises To Make 7 Huge Changes">New Starbucks CEO Promises To Make 7 Huge Changes</a>​ ภาพ: Starbucks เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/motoring/news/global/byd-q-3-2024-revenue-beat-tesla" alt="รายได้ BYD แซง Tesla แล้ว! Q3 นำหน้ากว่า 3 พันล้านเหรียญ">รายได้ BYD แซง Tesla แล้ว! Q3 นำหน้ากว่า 3 พันล้านเหรียญ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Brian Niccol เผย 7 กลยุทธ์คืนชีพ Starbucks ปักธงเป็นร้านกาแฟระดับพรีเมียม

ตลาดกาแฟพิเศษไทยโตกว่า 25% ต่อปี! CPN จับมือสมาคมฯ เดินหน้าจัด “Thailand Coffee Hub” ต่อเนื่อง เสริมแกร่ง coffee ecosystem

<h2>'ตอบโจทย์คอกาแฟ' งานเทศกาล Thailand Coffee Fest 2024 ที่จะจัดขึ้น ณ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5-8 เมืองทองธานี ระหว่าง 11-14 กรกฎาคม 2567 นี้ คาดรายได้สะพัด 600 ล้านบาท มีผู้สนใจร่วมงานไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;งาน Thailand Coffee Fest 2024: Regeneration ถือเป็นงานเทศกาลกาแฟสุดยิ่งใหญ่ของไทย ที่กลายมาเป็นคอมมูนิตี้หลอมรวมธรรมชาติ-กาแฟ-ผู้คน ที่มีแนวคิดเดียวกัน โดยในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-14 กรกฎาคม 2567 ณ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5-8 เมืองทองธานี ด้วยแนวคิด "Regeneration" ที่มุ่งฟื้นฟูอย่างสร้างสรรค์ในทุกมิติ เพื่อสร้างกาแฟที่ดีต่อทุกคน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ณัฏฐ์รดา คุณะวิวัฒนานนท์ นายกสมาคมกาแฟพิเศษไทย กล่าวว่า ตลอด 9 ปี ของการจัดงาน Thailand Coffee Fest เทศกาลที่มุ่งหวังขับเคลื่อนและสร้างการเปลี่ยนแปลงของวงการกาแฟพิเศษไทย นับตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทำให้ต้องคิดอย่างรอบด้าน เพื่อให้ทุกคนทั่วทั้งองคาพยพเดินหน้าไปพร้อมกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งนับจากอดีตย้อนไปราว 10 ปีก่อน พฤติกรรมผู้บริโภคจะนิยมดื่มกาแฟแบบคั่วเข้มผสมนม แต่ปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนหันมาดื่มแบบคั่วอ่อนจาก 'เมล็ดกาแฟพิเศษไทย' มากยิ่งขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;"สำหรับรูปแบบที่ชัดเจนของ 'กาแฟพิเศษ' นั้น จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานทั้ง 2 ข้อด้วยกัน ได้แก่&nbsp;1. เมล็ดกาแฟมีคุณภาพแบบจับต้องได้จากการวัดคะแนน เกรด และการประเมิน ของสมาคมกาแฟ และต้องมีค่าคะแนนเกินกว่า 80% ขึ้นไป จากคะแนนเต็ม 100% และ&nbsp;2. กระบวนผลิตจะต้องไม่มีข้อผิดพลาดในทุกขั้นตอนนับตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ กรรมวิธีการปลูก ผลิต ต่อเนื่องไปถึงผู้บริโภค สังคม และสิ่งแวดล้อม"&nbsp;นายกสมาคมกาแฟพิเศษไทย กล่าวเสริม <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 516px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/FDGNUnHtqnNTGMtmz2nu.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="516px,344px" data-align="center" data-index="1" data-file-name="FDGNUnHtqnNTGMtmz2nu.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="516px,344px" style="width: 516px; height: 344px;"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ผ่านมา อัตราการเติบโตของผู้บริโภคต่อ 'เมล็ดกาแฟพิเศษไทย' มีความต้องการเมล็ดกาแฟคุณภาพดีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องปีละ 25% โดยปัจจุบันมีความต้องการบริโภคสินค้าดังกล่าวราว 90,000 ตัน แต่มีกำลังการผลิตภายในประเทศอยู่ที่ประมาณ 30,000 ตันเท่านั้น อันเป็นผลกระทบมาจากสภาพแวดล้อมในการเพาะปลูก จึงต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศราว 60,000 ตัน ซึ่งในส่วนของมูลค่าตลาดกาแฟพิเศษไทยนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 10% ของมูลค่าตลาดกาแฟพรีเมียมที่มีมูลค่าราว 20,000 ล้านบาท จากภาพรวมตลาดกาแฟทั้งหมดมูลค่าสูงถึง 100,000 ล้านบาท ในแต่ละปี&nbsp; &nbsp; ด้าน ช้างน้อย กุญชร ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท คลาวด์แอนด์กราวนด์ จำกัด กล่าวว่า แรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เราเดินหน้าวางแผนการจัดงานอย่างรอบด้านเป็นผลมาจากความสำเร็จของงาน Thailand Coffee Fest ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนและกำหนดทิศทางอนาคตกาแฟพิเศษไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ซึ่งในปีนี้นอกจากกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจกาแฟจะมาออกบูธภายในงานแล้วยังมีบูธของกาแฟต่างประเทศราว 15% ที่สนใจมาร่วมออกงานให้เหล่าคอกาแฟได้สัมผัสรสชาติที่แตกต่างอีกมากมายจากผู้ประกอบการที่มาจากหลายประเทศอีกด้วย &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;"เราคาดการณ์ว่าตลอดการจัดงานทั้ง 4 วัน จะมีผู้สนใจเข้าร่วมชมงานไม่ต่ำกว่า 100,000 คน มียอดเงินสะพัดจาก 500 ล้านบาทในปีก่อน เพิ่มขึ้นเป็น 600 ล้านบาทในปีนี้" ผู้บริหารของบริษัท คลาวด์แอนด์กราวนด์ จำกัด กล่าว <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/59BFWJedegndezAdegvC.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="2" data-file-name="59BFWJedegndezAdegvC.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม การจัดงานตลอดทั้ง 4 วันครั้งนี้ มีกิจกรรมไฮไลท์และการแข่งขันที่น่าสนใจมากมาย อาทิ- โซน Coffee Creativity นำเสนอความคิดสร้างสรรค์ผ่านป๊อปอัปกิจกรรมแบบฉบับ The Cloud ที่เตรียมวัตถุดิบท้องถิ่นไทยมานำเสนอทางเลือกให้คาเฟ่นำไปใช้ประกอบเป็นเมนูเครื่องดื่มต่างๆ ได้ อาทิ น้ำตาลมะพร้าว, น้ำผึ้งป่าเดือนห้าจากชาดอกชากาแฟ, สาคูต้น, ไซรัปบ๊วย เป็นต้น และความพิเศษของโซนนี้คือการออกแบบด้วยลายเส้นสุดน่ารักของ Sundae Kids เป็นจุดเช็กอินประจำปีที่คอกาแฟห้ามพลาด- Treasure Omakase กิจกรรมชิมสุดยอดกาแฟพิเศษไทย กาแฟที่ได้รับการยกย่องให้เป็นสมบัติของชาติ ประจำปี 2567- การแข่งขัน Thailand Es Yen Championship 2024 เพื่อเฟ้นหาสุดยอดนักชิงเอสเย็น เมนูกาแฟสัญชาติไทย ประจำปี 2567​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/5HVzzsRzsovKzJZPos34.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="3" data-file-name="5HVzzsRzsovKzJZPos34.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""><figcaption><div>อายุ จือปา ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Akha Ama Coffee</div></figcaption></figure></div> - การแข่งขัน Thailand Coffee Event 2025 เพื่อค้นหาแชมป์ประจำประเทศไทย ไปแข่งขันต่อในระดับโลก ประกอบด้วยรายการแข่งขัน Thailand National Brewers Cup Championship 2025 และรายการแข่งขัน Thailand National Barista Championship 2025&nbsp;- โอกาสได้กระทบไหล่กับ Martin Wolfl World Brewers Cup Champion บาริสต้าหนุ่มสัญชาติออสเตรีย แชมป์โลก Brewers Cup คนล่าสุด และอีก 4 แชมป์บาริสต้าจากหลากหลายเวทีที่จะมาเสิร์ฟกาแฟให้ผู้เข้าชมทุกวันในงาน พร้อมทั้งเซอร์ไพร์สกิจกรรมเวิร์คชอปสุดพิเศษ และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดตามข้อมูลรายละเอียดกิจกรรมในแต่ละวันได้ที่ ได้ที่เฟสบุ๊ก <a href="https://www.facebook.com/ThailandCoffeeFest" alt="Thailand Coffee Fest">Thailand Coffee Fest</a>&nbsp;หรือเว็บไซต์ <a href="http://www.thailandcoffeefest.org/" style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">www.thailandcoffeefest.org</a>&nbsp;&nbsp; เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/pop-mart-labubu-at-mega-bangna" alt="ยอดขายลาบูบู้ในไทยสูงสุดในโลก! POP MART เปิดร้านคอนเซ็ปต์ใหม่ธีมลาบูบู้แห่งแรกนอกจีน ที่เมกาบางนา 5 ก.ค. 67">ยอดขายลาบูบู้ในไทยสูงสุดในโลก! POP MART เปิดร้านคอนเซ็ปต์ใหม่ธีมลาบูบู้แห่งแรกนอกจีน ที่เมกาบางนา 5 ก.ค. 67</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

'ตอบโจทย์คอกาแฟ' Thailand Coffee Fest 2024 คาดปีนี้รายได้สะพัด 600 ล้านบาท

<h2>หลังจากนัดสัมภาษณ์กันไว้นาน วันนี้ เนตรนภา ศรีสมัย พร้อมเปิดบ้าน "Starbucks" ต้อนรับ Forbes Thailand ให้มานั่งพูดคุยกันในบรรยากาศที่ เป็นกันเองในร้าน Starbucks สาขาหลังสวน Community Store นอกสหรัฐอเมริกา แห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชียแปซิฟิก</h2>
หลังจิบกาแฟดำฝีมือบาริสต้าประจำร้านกันไปแล้ว ซีอีโอหญิงเก่งแห่งStarbucks เริ่มเล่าให้เราฟังว่าเธอจบปริญญาตรีและปริญญาโทสาขาบัญชีจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แม้ประสบการณ์ในสายงานจะเป็นด้านบัญชีมาตลอด แต่ก็มีโอกาสคลุกคลีงานอื่นๆ ด้วย เช่น ด้านการตลาดด้านธุรกิจในบริษัทต่างชาติ

“13 ปีก่อนมีโอกาสพบกับเอ็มดีท่านแรกของStarbucks คือคุณ Andrew Nathan และได้เข้ามาร่วมงานกับStarbucks ในส่วนของไฟแนนซ์ที่ดูแลงานกว้างขึ้นกว่าเดิมและได้รับมอบหมายงานหลากหลายมากขึ้นตลอดช่วง 12-13 ปีที่ผ่านมา

เพราะฉะนั้นในแง่ back office หรือเรื่อง compliance จึงเป็นพาร์ทที่คุ้นเคย รวมถึงการทำงานด้านกลยุทธ์เพื่อซัพพอร์ททีม management มายาวนาน ทำให้เราเข้าใจธุรกิจได้ง่ายสามารถซัพพอร์ทธุรกิจได้ กระทั่งคุณ Murray (Murray Darling เอ็มดีคนก่อน) จะไม่อยู่ก็เลยได้รับโอกาสนั้น”

ผลประกอบการของบริษัท สตาร์บัคส์ คอฟฟี่ (ประเทศไทย) จำกัดในปี 2560 ถือว่าทำได้ดีมาก หรือมากกว่า 7 พันล้านบาท แต่Starbucks ก็ยังให้เนตรนภาซึ่งเป็นคนไทยคนแรกขึ้นกุมบังเหียนเป็นครั้งแรกนับแต่เริ่มต้นกิจการในไทยมา 20 ปี

“คนข้างนอกจะเซอร์ไพรส์กันมาก เพราะการที่บริษัทต่างชาติจะให้คนไทยขึ้นก็ต้องใช้เวลา แต่ Starbucksเป็นองค์กรที่ให้โอกาส ให้มีความเท่าเทียม ในเรื่องของความหลากหลาย Starbucksจึงถือเป็นเรื่องปกติ ถ้าเรามีความสามารถ เขาก็ให้โอกาสเรา”

Starbucksยังให้ความสำคัญกับพนักงานที่บริษัทเรียกว่า “พาร์ทเนอร์” โดยพาร์ทเนอร์ชาวไทยมีเอกลักษณ์ตรงความเป็นมิตรและการมีจิตใจบริการสูงซึ่งสอดคล้องกับวัฒนธรรมStarbucks โดยมีการนำเสนอรูปแบบบริการที่พิเศษที่ให้ประสบการณ์แก่คอกาแฟมากขึ้น เช่นการจดจำลูกค้า การจดจำเครื่องดื่มของลูกค้า หรือการสร้างสัมพันธ์แบบไทยๆ
<h2><img class="alignnone size-full wp-image-4842" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/ผลประกอบการ-สตาร์บัคส์-ประเทศไทย-starbucks.jpg" alt="" width="638" height="284" /></h2>
<h2>เป้าหมายที่ท้าทาย</h2>
ในขณะที่เศรษฐกิจไทยมีการขยายตัวค่อนข้างช้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ยอดขายของ Starbucks กลับโตสวนกระแส โดยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมามียอดขายและกำไรเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า และสามารถ “self-finance” การเติบโตได้โดยไม่ต้องกู้เงินและไม่มีภาระดอกเบี้ย

ส่วนการขยายตัวในอนาคตกับฐานลูกค้าที่ใหญ่ขึ้น เนตรนภามองว่า “ฐานใหญ่ขึ้นก็มีความท้าทายขึ้นแน่นอน ส่วนการทำให้เติบโตได้เรื่อยๆ นั้น แน่นอนว่าข้อแรกเราต้องขยายสาขาต่อ เพราะแพลนในอีก 4-5 ปีข้างหน้านี้จะมีการดับเบิลไซต์จำนวนสาขา โดยปี 2022 เราจะมีประมาณ 600 สาขาทั่วประเทศ

ประเด็นที่สองคือการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น และดูแลลูกค้าที่มีรอยัลตี้กับแบรนด์ด้วยการสร้างรอยัลตี้โปรแกรมให้ลูกค้าพึงพอใจ อยากอยู่กับเราต่อ แต่โปรแกรมนี้ก็เป็นแค่พาร์ทหนึ่งที่เราทำเพราะหลักสำคัญก็ยังอยู่ที่การบริหารงานว่าจะสามารถคงคุณภาพของเครื่องดื่มคุณภาพของร้าน คุณภาพของพาร์ทเนอร์อย่างไร ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญมากกว่า”

สำหรับแผนการขยายฐานลูกค้าซึ่งปัจจุบัน Starbucksมีสัดส่วนในกรุงเทพฯ 70% และต่างจังหวัดอีก 30% นั้น จะเน้นการขยายร้านแบบ drive thru มากขึ้น
<h2>อัปเกรดธุรกิจกาแฟด้วยนวัตกรรม</h2>
แม้ตลาดกาแฟไทยจะแข่งขันกันดุเดือดจากการที่มีผู้เล่นทั้งรายเล็กรายใหญ่เข้ามาจับจองพื้นที่เตรียมชิงเค้กตลาดกาแฟกันมากมาย แต่เนตรนภามองว่า

“ตลาดกาแฟยังมีอนาคตที่ดี เพราะอย่างแรก มองจากการที่มีผู้เล่นเข้ามามากๆ แปลว่ายังมีความต้องการในตลาดอยู่ อีกทั้งคนไทยรับไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ได้ง่ายมาก เชื่อว่าตลาดเมืองไทยยังดีต่อธุรกิจกาแฟ และยังสามารถอัปเกรดไปยังหลายๆ นวัตกรรมไม่ได้อยู่แค่ที่เราเห็น แต่ต้องมีนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เราจะนำมาใช้ เช่น ล่าสุดเรามีไนโตรเจนและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่นไอศกรีมราดช็อตกาแฟ”

ทำงานหนักแบบนี้ ชีวิตผู้บริหารก็ใช่ว่าจะต้องหน้าเครียดและน่าเบื่อเสมอไปวันและเวลาว่างของเนตรนภาต้องมีกิจกรรมประเภทต่อจิ๊กซอว์ ปักครอสติช สะสมสแตมป์ให้ลูก 2 คน เพื่อชาร์ตแบตฯ ให้กับตัวเอง หากวันใดได้จิบ Caramel Macchiato หรือกาแฟดำเพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นเมนูโปรด ก่อนขับรถไปเยี่ยมร้านสาขาและฮัมเพลงไปด้วย ชีวิตผู้บริหารหญิงของยักษ์ใหญ่ในวงการกาแฟก็ได้ประสบการณ์แสนบรรเจิดไม่ซ้ำใคร

เรื่อง: วณิชชา สุมานัส, พิชญ ช้างศร ภาพประกอบ: มังกร สรพล

<hr />

<a href="http://bit.ly/ForbesThailandJAN19">คลิกอ่านฉบับเต็มของ “เนตรนภา ศรีสมัย “หลังบ้าน” สู่แถวหน้าแห่ง Starbucks” ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ มกราคม 2562 ในรูปแบบ e-Magazine</a>

<a href="http://bit.ly/ForbesThailandJAN19"><img class="alignnone wp-image-4278" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/Forbes-Thailand-%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1-2562-Bill-Heinecke.jpg" alt="http://bit.ly/ForbesThailandJAN19" width="250" height="328" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events