<h2>‘สารัชถ์ รัตนาวะดี’ ขึ้นเวที ‘Chula Thailand President Summit 2025’ ย้ำไทยต้องปรับตัวหากไม่อยากถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เผยการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดเป็นสิ่งจำเป็น ส่วนการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์และคริปโตจะเป็นอนาคตเศรษฐกิจไทย แนะทำ ‘Crypto Sandbox’ ที่ภูเก็ต&nbsp;ปิดท้ายถึงนิสิตจุฬาฯ รุ่นน้อง เรียนไม่ต้องเอาเกียรตินิยมก็ได้ แต่ต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า ทำกิจกรรม สร้างความสัมพันธ์</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เวที ‘Chula Thailand President Summit 2025’&nbsp;เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2568 ที่ผ่านมา เป็นเวทีสำคัญที่รวบรวมผู้นำองค์กรชั้นนำของประเทศมาแสดงวิสัยทัศน์ หนึ่งในนั้นคือ ‘สารัชถ์ รัตนาวะดี’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ และประธานกรรมการบริหาร แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส ที่มาแบ่งปันมุมมองเรื่องพลังงานและอนาคตของประเทศไทย ภายใต้หัวข้อ Future Thailand: Energizing Society&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สารัชถ์เริ่มต้นด้วยการย้อนอดีตถึงอุตสาหกรรมพลังงานไทย ที่ในอดีตเคยพึ่งพาถ่านหินเป็นหลักเพราะมีราคาถูก แต่การต่อต้านจากประชาชนและกฎระเบียบที่เข้มงวดทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่ ‘ก๊าซธรรมชาติ’ ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของไทยมานาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“พลังงานในอดีต เราใช้ถ่านหินเยอะเพราะมันถูก แต่แรงต่อต้านจากสังคมทำให้ต้องเปลี่ยนไปพึ่งพาก๊าซธรรมชาติแทน ซึ่งช่วงแรกก๊าซก็มีราคาถูก มาจากอ่าวไทยและเมียนมาเป็นหลัก แต่เมื่อเทคโนโลยีพัฒนา เราเริ่มนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากทั่วโลกผ่านเรือขนส่งที่ทำให้ก๊าซเหลวกลายเป็นก๊าซใหม่ใช้ได้”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ไทยยังมีข้อจำกัดเรื่องทรัพยากรพลังงาน ทำให้ต้องมองหาทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งต้นทุน ความมั่นคง และสิ่งแวดล้อม นั่นคือการเปลี่ยนไปสู่พลังงานสะอาด [ พลังงานสะอาด: อนาคตของไทย ]&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สารัชถ์เน้นย้ำว่าพลังงานสะอาดอย่างโซลาร์และลมกำลังเป็นที่ต้องการมากขึ้นทั่วโลก จากเดิมที่ต้นทุนสูงถึง 10-20 บาทต่อหน่วย วันนี้ลดลงเหลือเพียง 2-3 บาท ทำให้ไทยต้องเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับพลังงานทางเลือก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“วันนี้โลกต้องการพลังงานสะอาดมากขึ้น นอกจากต้องราคาถูกแล้ว ยังต้องเป็นพลังงานที่มั่นคงด้วย ประเทศไทยต้องก้าวตามให้ทัน”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/XQBuZED9GTSwj5fiFNnu.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="XQBuZED9GTSwj5fiFNnu.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> [ ดาต้าเซ็นเตอร์: หัวใจเศรษฐกิจยุคใหม่ ]&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สารัชถ์เริ่มต้นในช่วงถัดมา หลังจากมีคำถามว่าทำไมเขาถึงขยับขยายจากธุรกิจพลังงานมาสู่ธุรกิจคมนาคม และธุรกิจเงินดิจิทัล ซึ่งเขาบอกว่าเป็นการ “พยายามตามเทรนด์ของโลก พยายามหาธุรกิจใหม่ที่ก้าวไปสู่อนาคต เพราะอดีตเป็นแค่ประสบการณ์ที่สอนเรา”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ธุรกิจที่เกี่ยวกับดาต้าจะเติบโตอย่างมหาศาล เพราะโลกจะขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ผมมองว่าไทยควรเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดาต้าเซ็นเตอร์ให้มากขึ้น”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สารัชถ์เล่าว่าในช่วงโควิด บริษัทของเขาใช้โอกาสนี้ลงทุนซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเยอรมนีและอเมริกา เพื่อเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ และนำมาปรับใช้กับประเทศไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ในอดีตเราคงไม่สามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ แต่วันนี้เรามีโอกาส และเราต้องคว้ามันไว้” [ คริปโตเคอร์เรนซี: โอกาสใหม่ของไทย ]&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกหนึ่งเทรนด์สำคัญที่ซีอีโอแห่งกัลฟ์กล่าวถึงคือ คริปโตเคอร์เรนซี โดยเขามองว่าหากประเทศไทยเปิดรับเทคโนโลยีนี้อย่างเหมาะสม จะสามารถดึงดูดเงินลงทุนและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผมไม่ได้มาชวนให้ซื้อบิตคอยน์นะครับ แต่เราต้องเข้าใจมัน ถ้าประเทศไทยไม่เข้าไปเกี่ยวข้องเลย เราอาจจะพลาดโอกาสครั้งใหญ่”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สารัชถ์เล่าว่าเขาเองก็เคยลังเลเรื่องคริปโต แต่เมื่อเห็นประเทศต่างๆ เริ่มศึกษาและพัฒนา ‘Stablecoin’ ทำให้เขาเริ่มลงทุนและจับมือกับพันธมิตรต่างชาติ เปิดแพลตฟอร์ม Exchange ในไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“คริปโตไม่ใช่แค่เรื่องการซื้อขาย แต่เกี่ยวข้องกับอนาคตของฟินเทคและบล็อกเชน หากเราทำให้ภูเก็ตเป็น ‘Crypto Sandbox’ ได้จริง ไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางฟินเทคของเอเชีย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ เขายังกล่าวถึงความเป็นไปได้ในการใช้บล็อกเชนช่วยลดต้นทุนธุรกรรมทางการเงิน และการใช้คริปโตในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ คนเหล่านี้ใช้คริปโตอยู่แล้ว หากไทยสามารถพัฒนาโครงสร้างรองรับได้ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวมหาศาล”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/BkMZXa6pyrUV41WdX4BJ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="BkMZXa6pyrUV41WdX4BJ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> [ สร้างอนาคตไทยให้แข็งแกร่ง ]&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ช่วงท้าย สารัชถ์กล่าวถึงความสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจไทย โดยเน้นว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการวางแผนระยะยาว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราจะเป็นประเทศที่ถูกลืมในเอเชีย ถ้าไม่ปรับตัว ทุกวันนี้จีดีพีเราโตแค่ 2-3% ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามโต 6-7% เราต้องถามตัวเองว่า เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป หรือจะสร้างอนาคตใหม่ให้ประเทศ ทุกอย่างมีทั้งคนสนับสนุนและคัดค้าน สุดท้ายต้องดูว่าอะไรมีประโยชน์กับประเทศมากกว่า”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เขายังฝากข้อคิด ถึงนิสิตจุฬาฯ ในฐานะที่เขาเองก็จบการศึกษาจากรั้วจามจุรีเช่นกัน ว่า การเรียนมหาวิทยาลัยไม่ใช่แค่เรื่องตำรา แต่คือการสร้างเครือข่ายและเรียนรู้จากประสบการณ์จริง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เรียนหนักหน่อย เรียนให้จบก็พอ ไม่ต้องมีเกียรตินิยมก็ได้ ใช้ชีวิตมหาวิทยาลัยให้คุ้ม เพราะเป็นการเรียนรู้ชีวิตอย่างหนึ่ง มหาวิทยาลัยเป็นช่วงเวลาสำคัญ ใช้เวลาให้คุ้มค่า เรียนรู้ ทำกิจกรรม และสร้างความสัมพันธ์ เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในอนาคต”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปิดท้ายด้วยมุมมองที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง “อย่ามองปัญหาเป็นเรื่องใหญ่เกินไป ทุกอย่างแก้ได้ ขอแค่มีความคิดเชิงบวกและมองไปข้างหน้า”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;‘สารัชถ์ รัตนาวะดี’ ทิ้งท้ายบนเวทีด้วยเสียงปรบมือกึกก้อง การเปลี่ยนผ่านของพลังงานไทยกำลังเริ่มต้นขึ้น คำถามคือ เราพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไปหรือยัง? เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/other/dhanin-chearavanont-show-vision-in-chula-thailand-president-summit-2025" alt="สรุปวิชั่น ‘เจ้าสัวธนินท์’ จากเวทีจุฬาฯ เศรษฐกิจไทยยังมีอนาคต แนะรัฐอัดงบหนุนท่องเที่ยว-เกษตร-ชลประทาน ส่วนนักธุรกิจต้องคิดถึงประชาชน">สรุปวิชั่น ‘เจ้าสัวธนินท์’ จากเวทีจุฬาฯ เศรษฐกิจไทยยังมีอนาคต แนะรัฐอัดงบหนุนท่องเที่ยว-เกษตร-ชลประทาน ส่วนนักธุรกิจต้องคิดถึงประชาชน</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“ไทยจะเป็นประเทศที่ถูกลืมในเอเชีย ถ้าไม่ปรับตัว” สารัชถ์ รัตนาวะดี มองอนาคต ศก.ไทย พลังงานสะอาด-คริปโต-ดาต้าเซ็นเตอร์

<h2>เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 หลักสูตรปริญญาโทด้านการจัดการแบรนด์และการตลาด ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้จัดการออนไลน์ ได้จัดงานประกาศผลมูลค่าแบรนด์องค์กรแห่งปี ASEAN and Thailand’s Top Corporate Brands 2024 ตลอดจนมอบรางวัลสุดยอดแบรนด์องค์กรและรางวัลหอเกียรติยศ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นับเป็นปีที่ 15 ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการเผยแพร่ผลงานวิจัยการประเมินมูลค่าแบรนด์องค์กร โดยคณะผู้วิจัยได้ใช้เครื่องมือ CBS Valuation เพื่อวัดมูลค่าแบรนด์องค์กรต่างๆ ซึ่งแม้ว่าในปี 2567 สภาพแวดล้อมด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และเทคโนโลยีได้มีการเปลี่ยนแปลงและสร้างผลกระทบในวงกว้าง แต่คณะผู้วิจัยได้ทำการประเมินมูลค่าแบรนด์องค์กรของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ของไทยและของประเทศใน ASEAN 6 ประเทศ&nbsp; &nbsp; คณะผู้วิจัยได้นำตัวเลขจากงบการเงินของบริษัทที่ผ่านเกณฑ์มาคำนวณมูลค่า โดยสูตร CBS Valuation ที่พัฒนาขึ้นจากการบูรณาการแนวคิดสามด้าน คือ การตลาด การเงิน และการบัญชี และใช้ค่าเฉลี่ย 3 ปีของตัวเลขทางการเงินของบริษัทนั้นในแต่ละหมวดธุรกิจ ทำให้ได้ผลลัพธ์มูลค่าแบรนด์องค์กรเป็นตัวเลขทางการเงิน&nbsp; &nbsp; สำหรับปี 2567 มีบริษัทที่ได้รับ รางวัลหอเกียรติยศ Thailand’s Top Corporate Brand Hall of Fame 2024 ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับบริษัทที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุดติดต่อกัน 5 ปี 1 บริษัท คือ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ Thailand’s Top Corporate Brands 2024&nbsp;หรือ&nbsp;บริษัทที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุด&nbsp;มีบริษัทที่ได้รับรางวัลจำนวน 15 บริษัท ได้แก่​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/Gi5Ro3V6zcQVxdPMkAXc.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="Gi5Ro3V6zcQVxdPMkAXc.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="2000,2500" style="width: 720px; height: auto;" data-index="0"></figure></div> &nbsp; &nbsp; ในส่วนของ&nbsp;ASEAN’s Top Corporate Brands 2024 หรือ รางวัลสุดยอดแบรนด์องค์กรของประเทศในอาเซียนประจำปี 2567 มีทั้งหมด 6 บริษัท จาก 6 ประเทศ ดังนี้&nbsp; &nbsp; 1. Pt Bayan Resources Tbk จากอินโดนีเซีย มูลค่าแบรนด์ 31,445 ล้านเหรียญสหรัฐฯ&nbsp; &nbsp; 2. CelcomDigi จากมาเลเซีย มูลค่าแบรนด์ 10,401&nbsp;ล้านเหรียญสหรัฐฯ&nbsp; &nbsp; 3. SM Investments Corporation จากฟิลิปปินส์&nbsp;มูลค่าแบรนด์ 11,559&nbsp;ล้านเหรียญสหรัฐฯ&nbsp; &nbsp; 4. DBS Group Holdings&nbsp;จากสิงคโปร์&nbsp;มูลค่าแบรนด์ 24,725&nbsp;ล้านเหรียญสหรัฐฯ&nbsp; &nbsp; 5. Delta Electronics (Thailand) Public Company Limited จากไทย มูลค่าแบรนด์ 20,294&nbsp;ล้านเหรียญสหรัฐฯ&nbsp; &nbsp; 6. Joint Stock Commercial Bank for Foreign Trade of Vietnam&nbsp;จากเวียดนาม&nbsp;มูลค่าแบรนด์ 10,799&nbsp;ล้านเหรียญสหรัฐฯ&nbsp; &nbsp; โดยบริษัทที่ได้รับรางวัล&nbsp;ASEAN’s Top Corporate Brand Hall of Fame 2024 หรือ รางวัลหอเกียรติยศแห่งอาเซียน ประจำปี 2567 หลังเคยได้รับรางวัลมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุดติดต่อกันมาแล้วถึง 5 ปี คือ PT Bank Central Asia Tbk จากอินโดนีเซีย แหล่งที่มา:&nbsp;<a href="https://www.chula.ac.th/news/215352/" alt="จุฬาฯ มอบรางวัล ASEAN and Thailand’s Top Corporate Brands ปีที่ 15 แก่องค์กรที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุดประจำปี 2567">จุฬาฯ มอบรางวัล ASEAN and Thailand’s Top Corporate Brands ปีที่ 15 แก่องค์กรที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุดประจำปี 2567</a>​ภาพ:&nbsp;จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอินโฟกราฟิก: Forbes Thailand เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/kbank-plan-2568-feb-2025" alt="กสิกรไทยเปิดแผนธุรกิจปี 2568 ตั้งเป้าสินเชื่อทรงตัว-คุมหนี้เสียต่ำ 3.25% เร่งใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพ">กสิกรไทยเปิดแผนธุรกิจปี 2568 ตั้งเป้าสินเชื่อทรงตัว-คุมหนี้เสียต่ำ 3.25% เร่งใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

15 บริษัท ที่มีมูลค่าแบรนด์มากที่สุดในไทย ประจำปี 2567 จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สรุปวิชั่น ‘เจ้าสัวธนินท์’ จากเวทีจุฬาฯ เศรษฐกิจไทยยังมีอนาคต แนะรัฐอัดงบหนุนท่องเที่ยว-เกษตร-ชลประทาน ส่วนนักธุรกิจต้องคิดถึงประชาชน

<h2>จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วม World Economic Forum ประกาศ The Future of Jobs 2025 ชี้ทักษะแห่งอนาคต พร้อมแนะกลยุทธ์สร้างมนุษย์แห่งอนาคต (Future Human) สำหรับประเทศไทย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย&nbsp;แถลงข้อมูลรายงาน Future of Jobs 2025 ซึ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นตัวแทนหนึ่งเดียวในประเทศไทยร่วมกับ&nbsp;World Economic Forum&nbsp;ในการเสนอแนวทางเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานในระหว่างปี พ.ศ. 2568 - 2573&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รายงานนี้อ้างอิงจากการสำรวจ 1,000 บริษัท ครอบคลุมพนักงาน 14 ล้านคน ใน 22 อุตสาหกรรม จาก 55 ประเทศทั่วโลก โดยมีผลการวิเคราะห์ที่สำคัญดังนี้&nbsp; &nbsp; • ตำแหน่งงานใหม่ 170 ล้านตำแหน่ง จะเกิดขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• 92 ล้านตำแหน่งงาน จะหายไป เนื่องจากระบบอัตโนมัติและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• การเติบโตสุทธิของการจ้างงานคิดเป็น 7% หรือเท่ากับ 78 ล้านตำแหน่งงานทั่วโลก​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/BhwJPdZCcNpZHTCKfM8j.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="BhwJPdZCcNpZHTCKfM8j.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="768,1086" style="width: 720px; height: auto;" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนของปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานในปี 2573 สามารถเรียงลำดับความสำคัญ ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี - AI หุ่นยนต์ และนวัตกรรมด้านพลังงานเป็นปัจจัยหลักที่เปลี่ยนแปลงบทบาทงานและทักษะ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. การเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม - ารลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกระตุ้นความต้องการวิศวกรสิ่งแวดล้อมและพลังงานหมุนเวียน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. ความผันผวนทางเศรษฐกิจ - ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจเป็นความท้าทายสำคัญ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4. การเปลี่ยนแปลงด้านประชากร - ประชากรสูงอายุในประเทศรายได้สูงและแรงงานขยายตัวในประเทศรายได้ต่ำปรับเปลี่ยนตลาดแรงงาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;5. การแบ่งแยกทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ - ข้อจำกัดทางการค้าและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลต่อรูปแบบธุรกิจ&nbsp; &nbsp; นอกเหนือจากนี้ คาดว่าภายในปี พ.ศ. 2573 สองในห้าของทักษะที่มีอยู่จะถูกเปลี่ยนแปลง โดยทักษะที่สำคัญที่คนไทยต้องมี คือ ทักษะด้าน AI และ Big Data ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ ทักษะการคิดอย่างสร้างสรรค์ ทักษะด้านเครือข่ายและความปลอดภัยทางข้อมูล ในขณะที่ระดับโลกเน้นทักษะด้าน AI และ Big Data ทักษะด้านเครือข่ายและความปลอดภัยทางข้อมูล ความฉลาดในการใช้งานเทคโนโลยี และทักษะการคิดอย่างสร้างสรรค์ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/Pa7Yf5WGFJR6ckg91Ufa.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,900px" data-align="center" data-file-name="Pa7Yf5WGFJR6ckg91Ufa.jpg" data-file-size="0" origin-size="819,1024" data-origin="819px,1024px" style="width: 720px; height: 900px; transform: rotate(0deg);" data-index="1"></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เพื่อให้แรงงานและองค์กรต่างๆ ในประเทศไทยมีศักยภาพสู่การแข่งขันบนเวทีโลกในอนาคต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแนะนำกลยุทธ์สำคัญ 5 ประการ ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. สร้างการเปลี่ยนแปลงแบบ Holistic Skill Change - ยกเครื่องการ Upskill ของบุคลากรในมิติ ไม่ใช่ทักษะใดทักษะหนึ่งเท่านั้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. สร้างองค์กรให้เป็น Future-Ready Organization - ที่ต้องมีระบบการพัฒนาทักษะอนาคตของบุคลากร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. Human Replacement - งานที่ซ้ำซากให้เลิกใช้คน และทดแทนด้วยระบบ Automation&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4. Enhancing Dynamic Work Role - มีการส่งเสริมให้ไม่ยึดติดกับบทบาทการทำงานในแบบเดิมๆ แต่มีการปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;5. ผสานเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้เข้ากับการทำงาน - เชื่อมโยงเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อสร้างนวัตกรรมที่เพิ่มคุณค่าและความสามารถในการแข่งขัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร ยังกล่าวด้วยว่า “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก้าวสู่การเป็น ‘The University of AI’ มหาวิทยาลัยแห่งนี้มุ่งสร้าง ‘คนพันธุ์ใหม่’ หรือ ‘Future Human’ ที่ไม่ได้เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญในการใช้งาน AI (Artificial Intelligence) แต่ยังเปี่ยมด้วยทักษะที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง II (Instinctual Intelligence) หรือ ‘ปัญญาสัญชาตญาณ’ ซึ่งสร้างสรรค์ปัญญาที่ไม่อาจประดิษฐ์ขึ้นได้ ที่สำคัญ ‘คนพันธุ์ใหม่’ จะต้องไม่ได้มีเพียงสมองที่ชาญฉลาด แต่ต้องมีหัวใจที่ดีงาม ที่จะเปลี่ยนความสามารถทางเทคโนโลยีให้เป็นพลังที่สร้างคุณค่าแก่ทั้งตนเองและสังคม” เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/global/hr/fast-retailing-raises-monthly-salary-for-new-employees-10-percent" alt="บริษัทแม่ Uniqlo ประกาศขึ้นเงินเดือนพร้อมแจกโบนัสฉ่ำ ตั้งเป้าดึงดูดเด็กจบใหม่เก่งๆ เข้าทำงาน">บริษัทแม่ Uniqlo ประกาศขึ้นเงินเดือนพร้อมแจกโบนัสฉ่ำ ตั้งเป้าดึงดูดเด็กจบใหม่เก่งๆ เข้าทำงาน</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

จุฬาฯ เผยรายงาน The Future of Jobs แนะ AI และ Big Data คือทักษะแห่งอนาคต ที่จำเป็นสำหรับประเทศไทย

ถอดรหัส "คิดและทำอย่างผู้นำที่แท้จริง  ศ.ดร. วิเลิศ ภูริวัชร"  พิสูจน์ได้ด้วยการพามหาวิทยาลัยไทยทะยานสู่ระดับโลก สร้างคนด้วยการศึกษา ควบคู่จิตวิญญาณเพื่อสังคม

เปิดวิสัยทัศน์พลิกโลกการศึกษาของ ศ.ดร. วิเลิศ ภูริวัชร พิชิตพันธกิจด้วยกลยุทธ์การพัฒนารอบทิศ

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญ Waste This Way : ร่วมกันรักษ์โลกให้ถูกทาง เพื่อส่งเสริมการจัดการขยะอย่างครบวงจร ในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 74 โดยการสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาขยะ พร้อมนำแนวคิด Circular Living ที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่ามาปรับใช้ในการจัดกิจกรรม และสื่อสารไปยังนิสิตนักศึกษาจากทั้งสองมหาวิทยาลัย เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการเป็นพลังเล็กๆ ขยายผลไปยังสังคมในวงกว้างต่อไป

<img class="alignnone size-full wp-image-25482" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/รูปแทรก3Waste-this-Way.jpg" alt="" width="720" height="480" />

<img class="alignnone size-full wp-image-25483" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/รูปแทรก1Waste-this-Way.jpg" alt="" width="720" height="480" />

โดยหลังจบงาน จะมีการคำนวณ CO2 เทียบเท่า ที่สามารถลดได้จากการจัดงาน โดยมี ผศ.ดร.ชัยพร ภู่ประเสริฐ รองอธิการบดี กำกับดูแลด้านพัฒนานิสิตและนิสิตเก่าสัมพันธ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ผศ.ดร. ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหาร ศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GC ดร. ชญาน์ จันทวสุ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารความยั่งยืน และภาพลักษณ์องค์กร GC ร่วมแสดงพลังและความร่วมมือผ่านงานแถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญ Waste This Way : ร่วมกันรักษ์โลกให้ถูกทาง เพื่อส่งเสริมการจัดการขยะอย่างครบวงจรในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 74  เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2562 ณ ลานดิสคัฟเวอรี่ พลาซ่า กรุงเทพฯ

<img class="alignnone size-full wp-image-25484" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/12/รูปแทรก2Waste-this-Way.jpg" alt="" width="720" height="480" />

แคมเปญ Waste This Way ส่งเสริมให้สังคมใส่ใจกับการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านคอนเซ็ปต์ “ลด เปลี่ยน แยก” ซึ่งจะนำมาปรับใช้ในกิจกรรมทุกส่วนของงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ครั้งนี้ โดย ..
<ol>
 	<li>ลด...ลดขยะด้วยการลดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่จำเป็นตั้งแต่ต้นทาง</li>
 	<li>เปลี่ยน...เปลี่ยนไปใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในกรณีที่ไม่สามารถลดใช้ได้</li>
 	<li>แยก...แยกขยะเพื่อนำไปจัดการต่อได้อย่างเหมาะสม ในกรณีที่ไม่สามารถลดใช้หรือเปลี่ยนวัสดุได้</li>
</ol>
&nbsp;

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events