<h2>PRI ปรับกลยุทธ์ เล็งเห็นโอกาสการตกแต่งอสังหาฯ โต พร้อมชู ‘วายด์ อินทิเรีย (Wyde interior)’ รุกตลาด B2B ให้บริการออกแบบและตกแต่งภายในทุกรูปแบบอย่างครบวงจร อาทิ อาคารสำนักงาน โรงแรม ร้านค้า คาเฟ่ โครงการบ้านจัดสรร ครอบคลุมทั้งหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชน ชูจุดแข็งทีมงานมืออาชีพ มากประสบการณ์กว่า 10 ปี เข้าใจเทรนด์และพฤติกรรมการใช้ชีวิต พร้อมยกระดับบริการแบบ One Stop Service</h2> &nbsp; &nbsp;&nbsp;สุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรชั้นนำของประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าขยายธุรกิจและส่งมอบบริการในทุกภาคส่วนตามแผน Elevate Your Living Experience ตั้งแต่กลุ่มธุรกิจต้นน้ำ บริการก่อนเข้าอยู่อาศัย (Pre-Living Services), กลุ่มกลางน้ำ บริการการจัดการเพื่อการอยู่อาศัย (Living Services) และกลุ่มปลายน้ำ บริการหลังการขายที่อยู่อาศัย (Living &amp; Earning Services) &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยสุรินทร์เน้นย้ำกลุ่มบริการหลังการขาย ด้านบริการออกแบบและตกแต่งภายใน ที่บริษัทมองเห็นว่า ปัจจุบันเทรนด์การตกแต่งคอนโดมิเนียม และบ้านพักอาศัยมีความต้องการสูงทั้งในแบบอยู่อาศัยเอง-ปล่อยเช่า ขณะเดียวกันในกลุ่มคอนโดฯ และบ้านที่มีอายุกว่า 10 ปี ก็มีความต้องการบริการตกแต่งภายใน หรือบริการรีโนเวทเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปีอีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น ได้ขยายบริการการออกแบบและตกแต่งภายในซึ่งดำเนินงานโดย บริษัท วายด์ อินทีเรีย จำกัด ผู้ให้บริการด้านการออกแบบและตกแต่งภายในแบบครบวงจร และอยู่ในกลุ่ม Living &amp; Earning Services ของบริษัท เพื่อตอบโจทย์บริการในที่อยู่อาศัยทั้งกลุ่มตลาดผู้พัฒนาโครงการ กลุ่มลูกค้ารายย่อย และกลุ่มเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยในทุกระดับราคา ทุกเซ็กเมนท์ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การออกแบบและตกแต่งภายในสะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์และตัวตนของแบรนด์มากขึ้น โดยเฉพาะโครงการเชิงพาณิชย์ที่ให้ความสำคัญกับฟังก์ชันการทำงาน สร้างประสบการณ์ร่วมของลูกค้ากับแบรนด์ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ดึงดูดลูกค้า และสอดคล้องกับเป้าหมายของกิจการ​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/Fx9oLNa7JkhCPzJ95kcX.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="Fx9oLNa7JkhCPzJ95kcX.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"><figcaption><div>สุรินทร์ สหชาติโภคานันท์</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“จากความต้องการดังกล่าวเราจึงมองเห็นถึงโอกาสการเติบโตของตลาดการออกแบบภายใน และการตกแต่ง ด้วยทางเลือกที่สามารถนำเสนอโซลูชันการออกแบบตามความต้องการ และแรงบันดาลใจของลูกค้า โดยนักออกแบบและสถาปนิกมืออาชีพที่มีประสบการณ์การกว่า 10 ปี เพื่อผสานองค์ประกอบต่างๆ และสร้างบรรยากาศที่น่าดึงดูดซึ่งสะท้อนกับเอกลักษณ์ขององค์กรอย่างสูงสุด” สุรินทร์ กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ลักษณา แสงมณี ผู้บริหารสายงานการขายงานตกแต่ง เผยว่า กลุ่มวายด์ อินทีเรีย มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ พร้อมที่จะบุกเจาะตลาดทุกเซ็กเมนต์ทั้งตลาดปรับปรุง ซ่อมแซม หรือ Renovate, ธุรกิจ B2B หลากหลายหน่วยงาน ทั้งงานโครงการเอกชน ราชการ และรัฐวิสาหกิจ รวมถึงกลุ่มตลาด B2C โดยได้ตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยเฉพาะการวางแผนขยายงานสู่ธุรกิจ B2B มากขึ้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มธุรกิจที่มีความหลากหลาย ทั้งโครงการเอกชน ราชการ รัฐวิสาหกิจ รวมถึงโครงการอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม และโรงพยาบาล ที่ต้องการการออกแบบและตกแต่งภายในที่มีสไตล์เฉพาะทาง และแสดงถึงความเป็นตัวตนของแบรนด์มากขึ้น เน้นโครงการเชิงพาณิชย์ที่ให้ความสำคัญกับฟังก์ชันการทำงาน การสร้างประสบการณ์ร่วมของลูกค้ากับแบรนด์ ตลอดจนผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในภูมิภาค รวมถึงการเข้าไปรับงาน ห้างค้าปลีก คอมมูนิตี้มอลล์ และศูนย์ดูแลสุขภาพต่างๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทได้ให้บริการในโครงการคอนโดฯมาแล้วมากกว่า 4,500 ยูนิต และบ้านแนวราบมากกว่า 450 ยูนิต รวมทั้งยังมีพันธมิตรธุรกิจแบบ B2B มากกว่า 125 โครงการ&nbsp;โดยปัจจุบันมีงานการออกแบบโครงการโรงแรมในหัวเมืองท่องเที่ยวทั้ง เชียงใหม่ และภูเก็ต ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจาคาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ในช่วงปลายปี 2567 นี้&nbsp;ขณะที่งานด้านบริการแบบ B2C บริษัทได้จัดแพ็คเกจสำเร็จรูปที่ลูกค้านิยมตกแต่ง เช่น มุมทีวี เตียงนอน ตู้เสื้อผ้า โดยมี Wyde Collection มากกว่า 200 รายการให้ลูกค้าเลือกและหลากหลายสไตล์ เช่น Modern Muji Luxury เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“จากประสบการณ์ของทีมงานทำให้สามารถจับ painpoint ของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความกังวลใจเกี่ยวกับบริษัทผู้รับเหมาในเรื่องต่างๆ เช่น งานไม่ตรงตามแบบ การส่งมอบงานไม่ตรงเวลา งานบริการหลังการขายที่ล่าช้า ขณะที่ลูกค้าไม่ค่อยมีเวลาในการตรวจสอบ และต้องการความสะดวกสบายมากที่สุด บริษัทจึงได้เข้าไปแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ลูกค้า โดยการนำเสนอบริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบและเลือกวัสดุ โดยมีการเปรียบเทียบวัสดุที่ใช้ให้ลูกค้าได้เห็นก่อนเริ่มตกแต่ง มีการทำรายงานแจ้งความคืบหน้าลูกค้าตลอดเวลาระหว่างขึ้นงาน และมีทีมงานที่คอยดูแลบริการหลังการขายโดยเฉพาะ เพื่อความสบายใจ ไร้กังวล ปราศจากความยุ่งยากซับซ้อน” ลักษณากล่าว​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/CnZe1N5sYnD4s2UAai1C.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="CnZe1N5sYnD4s2UAai1C.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนงาน Renovate ที่บริษัทได้ขยายเพิ่มเข้ามา เพราะมองเห็นเทรนด์ของตลาด Renovate ที่เพิ่มขึ้นทุกปี โดยได้นำอินไซด์ของลูกค้าที่เคยเจอ เช่น ขาดที่ปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ต้องติดต่อกับผู้รับเหมาหลายเจ้า เกิดความล่าช้าในการทำงาน จัดสรรงบประมาณผิดพลาด จนทำให้เกิดงบประมาณบานปลาย และค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่คาดคิด ด้วยการบริการแบบ One stop Service โดยมีการประสานงานทุกส่วนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ หรือตั้งแต่ต้นทางจนจบ ทั้งการวางแผนดำเนินงาน งานออกแบบ งานติดต่อโครงการ การเข้าทำงาน ตลอดจนการส่งมอบงาน เนื่องจากมีทีมที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญ รวมถึงผู้รับเหมาที่ไว้ใจได้และมีมาตรฐาน ทำงานตามขอบเขตเวลาที่ชัดเจน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทตั้งเป้าที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญและผู้ช่วยให้ทุกเรื่องยากของงาน Renovate ให้เป็นเรื่องง่ายที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และถือเป็นโอกาสที่ดีในการรุกตลาด Renovate โดยสามารถประเมินได้จากภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยทั้งบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียมทั่วประเทศที่มีอายุ 10 ปีขึ้นไปมีมากกว่า 23.4 ล้านยูนิต คิดเป็นมูลค่ากว่า 234,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 400,000 ยูนิต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แนวทางดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ที่สะท้อนให้เห็นภาพรวมตลาดยังมีดีมานด์จากกลุ่มลูกค้าที่สร้างบ้านเอง โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านอายุ 5-10 ปีขึ้นไป เริ่มมีปัญหาภายในตัวบ้านที่ต้องปรับปรุงซ่อมแซม รวมถึงกลุ่มครอบครัวที่ขยายใหญ่ขึ้นจึงต้องการต่อเติมบ้านเพิ่ม ส่งผลให้ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านหลายรายมองเห็นถึงโอกาสในการขยายธุรกิจ Renovate ในครั้งนี้ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/property/asset-wise-group-title-opens-4-new-projects-in-phuket" alt="‘อสังหาภูเก็ต’ บูมต่อ โดยเฉพาะตลาดลักชู ‘เครือแอสเสทไวส์’ เปิด 4 โครงการใหม่มูลค่ารวม 15,500 ล้านบาท">‘อสังหาภูเก็ต’ บูมต่อ โดยเฉพาะตลาดลักชู ‘เครือแอสเสทไวส์’ เปิด 4 โครงการใหม่มูลค่ารวม 15,500 ล้านบาท</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

PRI ปรับกลยุทธ์รับเทรนด์ออกแบบ-ตกแต่งอสังหาฯ โต ให้บริการครบวงจรรุกตลาด B2B

<h2>PRI เปิดตัว ‘น้องพรีโม่’ หุ่นยนต์อัจฉริยะส่งของและทำความสะอาด รุ่นใหม่สำหรับธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เสริมประสิทธิภาพงานบริการภายในคอนโด เพื่อตอบโจทย์ประสบการณ์การใช้ชีวิตที่สะดวกยิ่งกว่า</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น ผู้ให้บริการเกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่แบบครบวงจร เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจภายใต้แนวคิด ‘Elevate Your Living Experience เสริมแกร่งงานบริการภายในคอนโด’ นำเทคโนโลยีหุ่นยนต์อัจฉริยะส่งของ และทำความสะอาดเข้ามาเสริมศักยภาพการให้บริการ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและประสบการณ์ของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI เปิดเผยว่า การนำหุ่นยนต์อัจฉริยะส่งของ และทำความสะอาด หรือ ‘น้องพรีโม่’ เข้ามาใช้เพื่อให้บริการภายในคอนโดในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ ในการยกระดับงานบริการด้วยระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ โดยหุ่นยนต์จะเข้ามาช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในส่วนต่างๆ ทั้งงานส่งพัสดุ ส่งอาหาร และทำความสะอาด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์เข้ามาเป็นการเสริมการบริการเพื่อยกระดับประสิทธิภาพและความสะดวกสบายให้กับลูกค้า โดยเทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่ถูกนำมาใช้ในครั้งนี้ได้รับการพัฒนาอย่างทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการในยุคดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/ho1MmtGvzNzMYbzEC3Ut.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ho1MmtGvzNzMYbzEC3Ut.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;น้องพรีโม่นั้นมี 2 โมเดล ได้แก่ น้องพรีโม่ส่งของ ซึ่งสุรินทร์อธิบายว่า “จุดเด่นของ น้องพรีโม่ส่งของ นั้นคือ มีช่องเก็บของที่สามารถปรับได้หลากหลาย มีการฆ่าเชื้อด้วยแสง UV 99.9% และสามารถปรับระดับความเร็วในระดับเทียบเท่ากับการเดินหรือเดินเร็วของคนได้ ซึ่งมั่นใจได้ว่าลูกบ้านจะได้รับพัสดุหรืออาหารอย่างปลอดภัยและรวดเร็ว”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และ น้องพรีโม่ทำความสะอาด ซึ่ง “สามารถกวาด ขัด ดูดฝุ่น และถูพื้นได้ในเครื่องเดียว และยังสามารถปรับระบบให้เหมาะกับสภาพพื้นผิวได้ทุกพื้นผิว สามารถตรวจสอบสถานะการทำงานได้ตลอดเวลา และสามารถทำงานได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องพึ่งพาผู้ดูแลอีกด้วย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อิงครัต ไตรทรัพย์ Service Innovation บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า น้องพรีโม่หุ่นยนต์อัจฉริยะ ยังช่วยเพิ่มความแม่นยำความรวดเร็วในการทำงาน และสามารถทำงานในพื้นที่เข้าถึงยาก รวมทั้งสามารถใช้ลิฟต์ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งโดยสารลิฟต์ร่วมกับคนได้อย่างปลอดภัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์มาใช้ในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ยกระดับเทคโนโลยีของบริษัทฯ และสร้างความพึงพอใจ รวมถึงเติมเต็มการใช้ชีวิตให้กับลูกบ้านที่อาศัยภายในคอนโดฯระดับสูงสุด ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมบริการ หุ่นยนต์ไม่เพียงแค่ช่วยลดภาระของพนักงาน แต่ยังช่วยให้เราสามารถให้บริการที่มีคุณภาพสูงขึ้นและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น" สุรินทร์เสริม พร้อมทั้งให้ความมั่นใจว่า การเปิดตัวน้องพรีโม่ในครั้งนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งของบริษัทฯ ในการก้าวสู่อนาคตของธุรกิจบริการที่ทันสมัย และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาบริการที่ดีที่สุดเพื่อลูกค้า​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/s1Kmqpv8aaL5o5nkAi1V.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="s1Kmqpv8aaL5o5nkAi1V.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI เป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ชั้นนำของประเทศ มีประสบการณ์กว่า 11 ปี ปัจจุบัน ดำเนินธุรกิจภายใต้ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. กลุ่มธุรกิจต้นน้ำ - บริการก่อนเข้าอยู่อาศัย (Pre-Living Services) ได้แก่ บริการให้คำปรึกษาและควบคุมงานก่อสร้างโครงการอสังหาฯ บริการออกแบบสถาปัตยกรรมงานวิศวกรรมโครงสร้างควบคุมการก่อสร้าง และบริการควบคุมการก่อสร้าง งานวิศวกรรมและการให้คำปรึกษาทางด้านเทคนิค&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. กลุ่มกลางน้ำ - บริการการจัดการเพื่อการอยู่อาศัย (Living Services) ได้แก่ บริการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด บ้านจัดสรร ห้างสรรพสินค้า อาคาร และสำนักงาน, บริการนิติบุคคลอาคารชุดแบบลักชัวรี, การบริหารจัดการ Residential Property และ Service Apartment, บริการซื้อ-ขาย-ปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร, ตัวแทนในการซื้อ-ขาย-เช่าบริการจัดหาผู้ร่วมลงทุน, บริการที่ปรึกษาด้านสื่อการตลาดและประชาสัมพันธ์ให้กับธุรกิจอสังหาฯ, บริการ Personal Assistant ให้แก่ชาวต่างชาติ และบริการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการบริการและการอยู่อาศัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. กลุ่มปลายน้ำ - บริการหลังการขายที่อยู่อาศัย (Living &amp; Earning Services) ได้แก่ บริการออกแบบและตกแต่งภายใน บริการงานจ้าเหมาแบบเบ็ดเสร็จ บริการแม่บ้านทำความสะอาดและบริการงานช่างช่าง บริการจัดการอาคาร และจัดจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านและที่อยู่อาศัย แบบ Lifestyle เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/it/hr/5-popular-genai-courses-in-thailand" alt="Coursera เผย 5 คอร์ส GenAI ยอดนิยมในประเทศไทย">Coursera เผย 5 คอร์ส GenAI ยอดนิยมในประเทศไทย</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ให้ ‘น้องพรีโม่’ ดูแลคอนโด! PRI เปิดตัวหุ่นยนต์อัจฉริยะส่งของและทำความสะอาดได้

<h2>“บริทาเนีย” จับมือ “พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น” ส่งมอบบริการใหม่สุดใส่ใจ “Britania Craft Services” บริการดูแลทุกเรื่องบ้านให้แก่ลูกค้าใหม่ทุกทำเล ทุกแบรนด์บ้านเดี่ยว-บ้านแฝด-ทาวน์โฮมในเครือ ฟรีสูงสุด 3 ปีตั้งแต่วันแรกที่เข้าอยู่อาศัย คิดจาก Customer Insight นำร่องบริการ 3 มิติ ความสะอาด-ความปลอดภัย-ความสะดวก อาทิ บริการทำความสะอาด ช่างซ่อมบำรุง บริการดูแลสวน มอบสิทธิ์ลูกค้าใหม่ที่ซื้อและโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ ก.ย.นี้เป็นต้นไป เล็งขยายบริการใหม่ๆ ต่อเนื่อง หวังเกิด Lifetime Care ดูแลผู้บริโภคตลอดการอยู่อาศัยผ่านแอป Britania Connect</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI ผู้พัฒนาบ้านจัดสรรภายใต้แนวคิด “CRAFT a life you love” ดีที่สุดคือใช้ชีวิตในแบบที่รัก เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมกับบริษัท พรี​โม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI ผู้นำธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่แบบครบวงจร เปิดตัวบริการใหม่สุดพิเศษแห่งปี “Britania Craft Services”บริการดูแลทุกเรื่องบ้าน สุดพิถีพิถัน โดยทีมงานมืออาชีพ เพื่อมอบความสะดวกให้กับผู้ซื้อบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ทุกหลัง ทุกแบรนด์ในเครือ ได้แก่ เบลกราเวีย (Belgravia) แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) บริทาเนีย (Britania) และไบรตัน (Brighton) ทุกทำเล โดยไม่มีค่าใช้จ่ายสูงสุด 3 ปี ตอกย้ำแนวคิด Crafted Experience ยกระดับมาตรฐานบริการหลังการขาย มากกว่าบ้าน มุ่งสู่การเป็นแบรนด์บ้านจัดสรรระดับท็อปในใจผู้บริโภค​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/4BUsFTwMa2aEht72U8No.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="4BUsFTwMa2aEht72U8No.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="0" origin-size="1349,1382"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย “Britania Craft Services”ได้คัดสรรบริการสุดคราฟท์เพื่อแก้ Pain point ให้กับลูกค้า ที่สะท้อนความต้องการที่แท้จริงของผู้อยู่อาศัย เพื่อส่งมอบดูแลการใช้ชีวิตของคนทุกเจเนอเรชันครบทั้ง 3 มิติ ประกอบด้วย&nbsp; &nbsp; &nbsp; 1. บริการด้านความสะอาด (Hygiene Service) ดูแลทุกพื้นที่เพื่อสุขอนามัยที่ดีของทุกคนในครอบครัว ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพ อาทิ บริการทำความสะอาด บริการอบโอโซนฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย เชื้อรา ไรฝุ่นที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ บริการล้างแอร์โดยทีมช่างมืออาชีพ&nbsp; &nbsp; &nbsp; 2. บริการด้านความปลอดภัย (Safety Service) อยู่อย่างมั่นใจ ปลอดภัยทุกเวลา ด้วยบริการตรวจเช็กระบบไฟฟ้า หลอดไฟ ระบบสายไฟจุดต่อต่างๆ และบริการตรวจเช็กระบบประปา ก๊อกน้ำ ท่อน้ำ และการทำงานของปั๊มน้ำ&nbsp; &nbsp; &nbsp; 3. บริการด้านความสะดวกสบาย (Convenience Service) สร้างความสะดวกสบายและบรรยากาศที่ดีให้กับที่อยู่อาศัย โดยไม่ต้องดูแลเองให้ยุ่งยาก อาทิ บริการดูแลสวน ทั้งใส่ปุ๋ยพรวนดิน ตัดหญ้า และตกแต่งพุ่มไม้ให้คงความสวยงามร่มรื่นได้ทุกวัน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/q38YmGu84ZiL1eqFKRRL.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="q38YmGu84ZiL1eqFKRRL.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="1920,1280"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สุรินทร์กล่าวเพิ่มเติมว่า บริทาเนียมุ่งมั่นก้าวสู่การเป็นแบรนด์บ้านจัดสรรระดับท็อปในใจผู้บริโภค (Top of Mind Brand) บริษัทจึงใส่ใจในทุกรายละเอียด วิเคราะห์ Customer Insight ปิด Pain point นำเสนอบริการที่ตรงใจให้ลูกค้า สะดวกสบายและไร้กังวลกับสารพัดงานบ้าน กับบริการ “Britania Craft Services” บริการช่วยทำความสะอาดบ้าน ทำสวน และซ่อมบำรุง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าได้มีเวลาใช้ชีวิตในแบบที่รักมากยิ่งขึ้นกับครอบครัว บริษัทเดินหน้าทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า ให้ความสำคัญกับลูกค้าในทุกเซ็กเมนท์อย่างลึกซึ้ง พร้อมปลูกฝังCraft Mindset ในทีมงานบริทาเนียทุกคนที่ผ่านการอบรบฝึกฝนอย่างชำนาญ เพื่อถ่ายทอดความพิถีพิถันลงไปในทุกบริการ สร้าง Crafted Experience อันดีเยี่ยมให้แก่ผู้บริโภคตั้งแต่ก่อนจนถึงหลังเข้าอยู่อาศัย เชื่อมความรู้สึกผูกพันระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์ให้เข้าถึงกันมากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การตัดสินใจซื้อบ้านสักหลังเปรียบเสมือนความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคมอบให้กับเรา เราจึงมุ่งมั่นตอบแทนความไว้ใจนั้นด้วยการส่งมอบความสุขผ่านการดูแลให้กับลูกบ้านตลอดการอยู่อาศัย หรือมี Lifetime Care ภายในโครงการบริทาเนียไม่ได้แค่มองการส่งมอบบ้านที่มีคุณภาพ แต่คิดไปถึงชีวิตหลังการเข้าอยู่อาศัยของลูกบ้านที่จะอยู่ด้วยกันไปอีกหลายปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เราจึงพยายามเชื่อมโยงทุกความต้องการและออกแบบแพ็กเกจการให้บริการที่ตรงใจลูกบ้านและใช้งานได้จริง เราเชื่อว่า Britania Craft Services จะเป็นอีกหนึ่งมิติใหม่ที่ช่วยเติมเต็มคุณค่าและคุณภาพชีวิตของลูกบ้านบริทาเนียให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น และจะเดินหน้าส่งมอบบริการที่ตอบโจทย์ Lifetime Service เพิ่มเติม ผ่านแอป Britania Connect” สุรินทร์ กล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/09/ekzZerJPmAWbRsMt1B48.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="ekzZerJPmAWbRsMt1B48.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2" origin-size="1920,1280"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จตุพร วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส​ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI ผู้นำธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่แบบครบวงจร กล่าวว่า บริษัทได้นำทุกประสบการณ์ความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมากว่า 12 ปีในด้านการให้บริการอสังหาริมทรัพย์ที่ครอบคลุมตั้งแต่ก่อนจนถึงหลังเข้าอยู่อาศัย ซึ่งปัจจุบันได้รับความไว้วางใจจากลูกบ้านกว่า 40,000 ครอบครัวมาพัฒนาต่อยอดจนเกิดเป็น Britania Craft Services บริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อรองรับความต้องการด้านการอยู่อาศัย โดยมีทีมงานมืออาชีพเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกบ้านบริทาเนีย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราระดมทีมงานที่เชี่ยวชาญหลากหลายด้าน อาทิ ทีมวิศวกรรม ทีมพนักงานทำความสะอาด ทีมจัดสวน ที่ผ่านการอบรมโดยได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล ISO9001:2015 และมุ่งสู่การให้บริการอย่างยั่งยืนโดยยึดหลัก Sustainability เพื่อให้มั่นใจได้ว่า เราพร้อมจะทำหน้าที่เป็น Happy Maker ผู้สร้างความสุขที่สร้างความสะดวกสบายในที่พักอาศัยให้กับลูกบ้านบริทาเนียทุกครอบครัว” จตุพร กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับบริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เป็นผู้พัฒนาบ้านจัดสรรภายใต้คอนเซปต์ CRAFT a life you love ดีที่สุดคือใช้ชีวิตในแบบที่รัก พัฒนาทั้งบ้านเดี่ยว บ้านซีรีส์ใหม่ ทาวน์โฮม ครอบคลุมผู้บริโภคทุกเซ็กเมนท์ ภายใต้ 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ 1.เบลกราเวีย (Belgravia) บ้านเดี่ยวลักชัวรี ระดับราคา 20-50 ล้านบาท 2.แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดระดับ High-End ราคา 8-20 ล้านบาท 3.บริทาเนีย (Britania) บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ระดับ Mid-end ราคา 4-8 ล้านบาท และ 4.ไบรตัน (Brighton) บ้านแฝด และทาวน์โฮม ระดับเริ่มต้น (Entry) ราคา 2.5-4 ล้านบาท โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2566 พัฒนาโครงการมาแล้วทั้งสิ้น 34 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการสะสม 41,456 ล้านบาท &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/71208" alt="Booking.com จับมือ ททท. เปิดตัว “Thai Foodie Map” คู่มือเดินทางและแผนที่อาหารถิ่นทั่วไทย">Booking.com จับมือ ททท. เปิดตัว “Thai Foodie Map” คู่มือเดินทางและแผนที่อาหารถิ่นทั่วไทย</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

“บริทาเนีย” เปิดตัว “Britania Craft Services” ดูแลทุกเรื่องบ้านให้แก่ลูกค้าใหม่ทุกทำเล 

<h2>พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น หรือ PRI ปลื้มผลประกอบการไตรมาส 2ปี 2566 เติบโตก้าวกระโดดในทุกกลุ่มธุรกิจ โชว์กวาดรายได้สูงถึง 446 ล้านบาท เติบโต 124% คว้ากำไรสุทธิ 92 ล้าน เพิ่มขึ้น 77% ประกาศพร้อมเร่งเดินหน้าขยายอาณาจักร Super Living Service ต่อเนื่อง ตอกย้ำผู้นำธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่แบบครบวงจร มั่นใจรายได้ทั้งปี 1,300 ล้านบาทตามเป้า </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จตุพร วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส​ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI&nbsp; ผู้นำธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่แบบครบวงจร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 2 ของปี 2566 (1 เม.ย.-30 มิ.ย.66) บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 446 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 (%YoY) และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 (%YoY) รวมถึงบริษัทมีภาพรวมรายได้ในครึ่งแรกของปี 2566 (1 ม.ค.-30 มิ.ย.66) อยู่ที่ 842 ล้านบาท&nbsp; คิดเป็น 65% ของเป้ารายได้รวมทั้งปี 1,300 ล้านบาท &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;”เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2565 เรามีฐานลูกค้าที่มากขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ ตั้งแต่กลุ่มธุรกิจต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ ทำให้บริษัทมีรายได้ที่เป็น Recurring Income ที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้ขยายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการให้บริการอสังหาริมทรัพย์ ต่อเนื่องจากปี 2565 ถึงต้นปี 2566 ให้มีธุรกิจครบวงจรมากยิ่งขึ้น ตามแผนงานการสร้าง Super Living Service และผลักดันให้ผลประกอบการของบริษัทในครึ่งปีแรกเติบโตอย่างแข็งแกร่ง” จตุพร กล่าว &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในด้านการพิจารณาเข้าซื้อกิจการ (M&amp;A) เพื่อขยายขอบเขตธุรกิจบริการใหม่ๆ ให้ครบวงจรมากขึ้นนั้น บริษัทย่อยของ PRI หรือ บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ ได้เข้าซื้อ บริษัท โปรเจคส์เอเชีย จำกัด ในช่วงปลายไตรมาส 2 ปี 2566 ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวกับ ที่ปรึกษาควบคุมโครงการก่อสร้างและสิ่งปลูกสร้างทุกชนิด ให้คำปรึกษาด้านวิศวกรรมด้านเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง งานควบคุมการออกแบบ งานควบคุมคุณภาพ รวมถึงงานบริหารต้นทุนโครงการ ต่อยอดธุรกิจเดิมในปัจจุบันและทำให้กลุ่ม PRI มีฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้บริษัท สามารถรับรู้รายได้บริการเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 ปี 2566 เป็นต้นไป โดย PRI ยังคงพิจารณาการเข้าซื้อกิจการทั้งที่เกี่ยวข้องธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มบริการครบวงจรมากขึ้นและหนุนผลประกอบการเติบโตตามแผน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จตุพร กล่าวอีกว่า จากผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกปี 2566 ที่สามารถสร้างรายได้รวมถึง 65% ของเป้ารายได้รวมทั้งปี แสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์การสร้างการเติบโตแบบ Super Living Service เป็นกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์การเติบโต ดังนั้นในช่วงครึ่งหลังปี 2566 บริษัทจะยังคงเดินหน้าตามกลยุทธ์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ทำให้เชื่อมั่นว่ารายได้ปี 2566 จะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 1,300 ล้านบาทอย่างแน่นอน พร้อมกันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติเห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญจ่ายปันผลสำหรับกำไรสะสมและผลการดำเนินงานของบริษัทงวด 1 ม.ค.-30 มิ.ย.2566 ในอัตรา 0.394 บาทต่อหุ้น โดยขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 28 สิงหาคม 2566 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่&nbsp; 29 สิงหาคม 2566 และกำหนดจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 12 กันยายน 2566 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ PRI เป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรชั้นนำของประเทศ มีประสบการณ์กว่า 11 ปี ปัจจุบัน ดำเนินธุรกิจภายใต้ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจต้นน้ำ – บริการก่อนเข้าอยู่อาศัย (Pre-Living Services) อาทิ บริการที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง บริการออกแบบด้านสถาปัตยกรรม งานโครงสร้าง งานโยธา และงานระบบ บริการจัดฝึกอบรมและพัฒนาทักษะบุคลากร 2.กลุ่มกลางน้ำ - บริการการจัดการเพื่อการอยู่อาศัย (Living Services) อาทิ บริการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด บ้านจัดสรร ห้างสรรพสินค้า อาคาร และสำนักงาน บริการอพาร์ตเมนท์แบบพรีเมียม บริการซื้อ-ขาย-ปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร และ 3.กลุ่มปลายน้ำ - บริการหลังการขายที่อยู่อาศัย (Living &amp; Earning Services) อาทิ บริการแม่บ้านและช่าง บริการออกแบบและตกแต่งภายใน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/70961" alt="ไทยประกันชีวิต อวดกำไร 6 เดือนแรกสูงถึง 5,640 ล้านบาท" style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">ไทยประกันชีวิต อวดกำไร 6 เดือนแรกสูงถึง 5,640 ล้านบาท</a>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

 PRI โชว์ผลงานประจำไตรมาส 2 ปี 66 กวาดรายได้ 446 ล้าน กำไรสุทธิ 92 ล้าน มั่นใจรายได้ตามเป้า 1,300 ล้าน

<h2>“พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น” หรือ PRI ส่งบริษัทย่อย “Passion Realtor” ร่วมทุน 2 เอเจนท์ดัง ประสบการณ์นายหน้าอสังหาฯระดับอินเตอร์กว่า 10 ปี “Throne Property” และ “Novany Asset” ตั้งบริษัทใหม่ “Passion Asset 360” หวังขยายโอกาสยกทัพที่อยู่อาศัยไทยเจาะฐานลูกค้าจีน ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย และเมียนมา พร้อมเพิ่มโอกาสขยายบริการหลังการขายครบวงจรสำหรับชาวต่างชาติ ครึ่งปีหลังตะลุยนำคอนโดคุณภาพหลากแบรนด์-หลากเซ็กเมนท์ บุกขายต่างประเทศ </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จตุพร วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรี​โม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI&nbsp; ผู้ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า จากความต้องการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยและเพื่อทำธุรกิจในประเทศไทยของชาวต่างชาติที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยวและภาคการลงทุน บริษัทจึงได้ส่ง บริษัท แพสชั่น เรียลเตอร์ จำกัด (Passion Realtor) บริษัทย่อยในเครือ จับมือกับ บริษัท โธรน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (Throne Property Co., Ltd.) และ บริษัท โนวนี แอสเสท จำกัด (Novany Asset) 2 บริษัทโบรกเกอร์ตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่มีประสบการณ์ด้านการขายอสังหาริมทรัพย์ไทยให้แก่ชาวต่างชาติกว่า 10 ปี จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ “แพสชั่น แอสเสท 360” (Passion Asset 360) เพื่อดำเนินธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์สำหรับชาวต่างชาติ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การได้ร่วมงานกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในตลาดต่างชาติอย่าง Throne Property และ Novany Asset จะช่วยเสริมแกร่งให้บริษัทใน 3 ด้าน ได้แก่ 1.ช่วยขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมตลาดต่างต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดจีน ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย และเมียนมา 2.ช่วยเพิ่มโอกาสขยายบริการหลังการขายแบบครบวงจร ให้แก่ชาวต่างชาติ ทั้งกลุ่มที่พักอาศัยเอง และกลุ่มที่ลงทุนเพื่อการปล่อยเช่า 3.ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างแบรนด์ให้ Passion Realtor และสร้างรายได้ในระดับสากล การขยายบริการของเราให้กลายเป็น “Super Living Services” จะช่วยให้เราพร้อมตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างรอบด้าน และสร้างโอกาสเติบโตให้เราอย่างยั่งยืน” นางสาวจตุพร กล่าว &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จตุพร วิไลแก้ว&nbsp;กล่าวเสริมว่า เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเรื่องการเป็นตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการซื้อ ขาย เช่า โครงการคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ที่ดิน และการทำบิสสิเนส แมทชิ่ง (Business Matching) เป็นหลักอยู่แล้ว การที่บริษัทได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่มีฐานในต่างประเทศ และมีเครือข่ายลูกค้าที่เป็นนักลงทุนจากหลากหลายสัญชาติ จะช่วยในการต่อยอดการขายให้สามารถครอบคลุมทั้งลูกค้าชาวไทย และลูกค้า/นักลงทุนชาวต่างชาติ และยังเป็นโอกาสที่ดีในการขยายศักยภาพของบริการจาก PRI ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องบริการหลังการขาย และการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบมืออาชีพ บริษัทมั่นใจว่า แพสชั่น แอสเสท 360 จะเป็นกองทัพที่แข็งแกร่งในการขยายพอร์ทให้กับ PRI ได้แน่นอน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังจากการจัดตั้ง แพสชั่น แอสเสท 360 แล้ว ทางทีมผู้บริหารมีเป้าหมายนำเสนอโครงการคอนโดมิเนียมทำเลศักยภาพหลากหลายเซ็กเมนท์ให้กับนักลงทุนชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย และเมียนมา ซึ่งทางทีมพันธมิตรผู้ร่วมทุนมีความเข้าใจในไลฟ์สไตล์และรูปแบบการใช้ชีวิตของกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี <div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/wKn3Yx4uZgmC9M4Npkpn.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="wKn3Yx4uZgmC9M4Npkpn.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="1280,853"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน ฟู ยู เฉิน (Tank) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โธรน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (Throne Property Co., Ltd.) กล่าวว่า บริษัทยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ PRI และ แพสชั่น เรียลเตอร์ หนึ่งในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับประเทศ ที่มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับคุณภาพในมือจำนวนมาก เมื่อผนวกกับประสบการณ์การทำงานกว่า 10 ปี และเอเจนท์ระดับมืออาชีพ ที่มีความพร้อมทำตลาด B2B และ B2C รวมถึงงานบริการแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น การดูแลการขายอสังหาฯ การปล่อยเช่า การดูแลจัดการอสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงงานบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า จึงทำให้มั่นใจได้ว่า “แพสชั่น แอสเสท 360” จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มองหาผู้ให้บริการแบบครบวงจรได้เป็นอย่างดี&nbsp; <div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/08/86SSNeZ99ToPSkucixE1.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="86SSNeZ99ToPSkucixE1.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="1280,853"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เค่อเจีย เตียว (Mr.Kejia Diao) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โนวนี แอสเสท จำกัด (Novany Asset) กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนที่ได้รับการแต่งตั้งจากทาง Thailand Elite ให้เป็น Authorized Dealer ในการขายบัตร Thailand Elite Visa ให้ลูกค้าต่างชาติ ทำให้เห็นแนวโน้มการเติบโตของกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า จีน ไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย และเมียนมา ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และมีความต้องการอสังหาริมทรัพย์ไทย เนื่องจากยังคงมีราคาที่จับต้องได้ ในทำเลศักยภาพ มีอัตราการเติบโของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และในช่วงโควิด ก็มีระบบการจัดการสาธารณสุขที่ดี เหมาะที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อเป็นที่พักอาศัยหรือเพื่อการลงทุน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI เป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรชั้นนำของประเทศ มีประสบการณ์กว่า 11 ปี ปัจจุบัน ดำเนินธุรกิจภายใต้ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;1. กลุ่มธุรกิจต้นน้ำ บริการก่อนเข้าอยู่อาศัย (Pre-Living Services) อาทิ บริการที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง บริการออกแบบด้านสถาปัตยกรรม งานโครงสร้าง งานโยธา และงานระบบ บริการจัดฝึกอบรมและพัฒนาทักษะบุคลากร&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;2. กลุ่มกลางน้ำ บริการการจัดการเพื่อการอยู่อาศัย (Living Services) อาทิ บริการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด บ้านจัดสรร ห้างสรรพสินค้า อาคาร และสำนักงาน บริการอพาร์ตเมนท์แบบพรีเมียม บริการซื้อ-ขาย-ปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร และ&nbsp;&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;3. กลุ่มปลายน้ำ บริการหลังการขายที่อยู่อาศัย (Living &amp; Earning Services) อาทิ บริการแม่บ้านและช่าง บริการออกแบบและตกแต่งภายใน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/70900" alt="“วี.วี. พร๊อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป” ตอกย้ำความแรง หลังกระแสเปิดรอบจองคอนโดฯ &quot;วี คอนโด ไพร์ม ลาดกระบัง&quot; ดีเกินคาด">“วี.วี. พร๊อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป” ตอกย้ำความแรง หลังกระแสเปิดรอบจองคอนโดฯ "วี คอนโด ไพร์ม ลาดกระบัง" ดีเกินคาด</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

PRI ผนึกเอเจนท์ดัง ตั้ง “Passion Asset 360” ขยายธุรกิจนายหน้าอสังหาฯ เจาะต่างชาติ

&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น” หรือ PRI เร่งขยายอาณาจักร Super Living Service ส่งบริษัทย่อย “ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์” เขย่าวงการอสังหาฯ เข้าถือหุ้น “โปรเจคส์เอเชีย” บิ๊กที่ปรึกษาทางวิศวกรรม และจัดการงานพัฒนาอสังหาฯครบวงจร หวังเสริมแกร่งธุรกิจบริหารงานก่อสร้าง เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ขยายฐานลูกค้าสู่การคุมงานโรงแรม ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ อาคารสำนักงานเกรด A พร้อมรับรู้รายได้ทันทีจากธุรกิจในมือ ดันธุรกิจโตแบบก้าวกระโดดและยั่งยืน <div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/8q8PxkAfg88XL8dUqL8B.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="8q8PxkAfg88XL8dUqL8B.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="1920,1280"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จตุพร วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PRI ผู้นำธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่แบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตในทุกมิติ ภายใต้แนวคิด “Super Living Service” ทั้งกลุ่มต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ อย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุด บริษัทได้ดำเนินการให้ บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จำกัด หรือ UPM บริษัทในเครือ ซึ่งให้บริการบริหารงานก่อสร้างโครงการ เข้าซื้อกิจการ บริษัท โปรเจคส์เอเชีย จำกัด ธุรกิจที่ปรึกษาทางวิศวกรรม รวมถึงงานบริหารและควบคุมงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเคยมีผลงานดูแลงานขนาดใหญ่ระดับประเทศทั้งที่อยู่อาศัย โรงแรม อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า อาทิ 185 ราชดำริ, โรงแรมดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ, โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัล ลาดพร้าว, อาคารปาร์ค เวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์, อาคาร FYI Center, ไอคอนสยาม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“โปรเจคส์เอเชีย จะเข้ามาช่วยเติมฐานธุรกิจในกลุ่มต้นน้ำของเครือ PRI ใน 2 ด้าน ได้แก่&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.ด้านการขยายฐานลูกค้า ช่วยให้ UPM เข้าถึงฐานลูกค้ารายใหญ่ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เช่น โรงแรม อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้าได้มากขึ้น จากเดิมที่บริษัทมีฐานอยู่ในฝั่งที่อยู่อาศัยเป็นหลัก และ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.ด้านองค์ความรู้และบุคลากร ช่วยให้บริษัทได้รับองค์ความรู้ ตลอดจนบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เข้ามาร่วมงานเพิ่มเติมทันที” นางสาวจตุพร กล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/fY9cHwnbY94Cah4sPZjh.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="fY9cHwnbY94Cah4sPZjh.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="1920,1280"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผศ.ดร.อรุณ ศิริจานุสรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ UPM ผู้ให้บริการบริหารงานก่อสร้างโครงการ ในเครือ PRI กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจต้นน้ำ - บริการก่อนเข้าอยู่อาศัย (Pre-Living Services) ที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในปี 2565 เมื่อเทียบกับกลุ่มธุรกิจอื่นของ PRI โดยมีอัตราการเติบโตถึง 3 เท่าจากปี 2564 ทำให้บริษัทมองหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อให้สามารถเสริมแกร่งการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การเข้าถือหุ้นครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและขยายธุรกิจด้านที่ปรึกษาทางวิศวกรรม รวมถึงบริหารและควบคุมงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ รองรับลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของโปรเจคส์เอเชีย จะทำให้เราสามารถรับรู้รายได้จากการให้บริการได้ทันที ช่วยผลักดันให้บริษัทก้าวสู่การเป็น Super Living Service ที่สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน” ผศ. ดร.อรุณ กล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/qEdxqJhCthyumgRdqqF7.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="qEdxqJhCthyumgRdqqF7.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2" origin-size="1920,1280"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน ไบรอัน จอห์น ซิมมอนด์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริษัท โปรเจคส์เอเชีย จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีความยินดีและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับการได้ร่วมธุรกิจกันในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยที่นำความแข็งแกร่งด้านงานที่ปรึกษาทางวิศวกรรม รวมถึงงานบริหารและควบคุมงานก่อสร้างโครงการของบริษัท มาผนวกรวมกับความโดดเด่นด้านงานบริการออกแบบสถาปัตยกรรม ของ UPM เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต เพราะธุรกิจกลุ่มต้นน้ำเป็นกลุ่มธุรกิจที่ต้องการผู้ที่มีประสบการณ์และความชำนาญอย่างแท้จริง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/CDYoz2PG5Q6QufzW1B1y.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="CDYoz2PG5Q6QufzW1B1y.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3" origin-size="1280,834"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“จากประสบการณ์อันยาวนานกว่า 33 ปีของโปรเจคส์เอเชีย ในธุรกิจที่ปรึกษา รวมถึงบริหารและควบคุมงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ระดับประเทศมากมาย จึงเชื่อมั่นได้ว่าบริษัทจะสามารถเป็นอีกหนึ่งพลังขับเคลื่อนให้ UPM และ PRI เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน” นายไบรอัน กล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/b23pa9fxwjofm15p1Kqp.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="b23pa9fxwjofm15p1Kqp.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="4" origin-size="1280,1003"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ PRI เป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรชั้นนำของประเทศ มีประสบการณ์กว่า 11 ปี ปัจจุบัน ดำเนินธุรกิจภายใต้ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. กลุ่มธุรกิจต้นน้ำ-บริการก่อนเข้าอยู่อาศัย (Pre-Living Services) อาทิ บริการที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง บริการออกแบบด้านสถาปัตยกรรม งานโครงสร้าง งานโยธา และงานระบบ บริการจัดฝึกอบรมและพัฒนาทักษะบุคลากร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. กลุ่มกลางน้ำ-บริการการจัดการเพื่อการอยู่อาศัย (Living Services) อาทิ บริการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด บ้านจัดสรร ห้างสรรพสินค้า อาคาร และสำนักงาน บริการอพาร์ตเมนท์แบบพรีเมียม บริการซื้อ-ขาย-ปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร และ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. กลุ่มปลายน้ำ-บริการหลังการขายที่อยู่อาศัย (Living &amp; Earning Services) อาทิ บริการแม่บ้านและช่าง บริการออกแบบและตกแต่งภายใน ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/06/39FnoiNWhkyuxuBiAfVe.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="39FnoiNWhkyuxuBiAfVe.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="5" origin-size="1280,853"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/70376" alt="&quot;มิชลิน แอร์ เอ็กซ์ สกาย ไลท์&quot; นวัตกรรมล้ำหน้า พลิกโฉมวงการตลาดยางล้อเครื่องบิน">"มิชลิน แอร์ เอ็กซ์ สกาย ไลท์" นวัตกรรมล้ำหน้า พลิกโฉมวงการตลาดยางล้อเครื่องบิน</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

“พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น” เข้าถือหุ้น “โปรเจคส์เอเชีย”  บุกธุรกิจที่ปรึกษาทางวิศวกรรมแบบครบวงจร ก้าวสู่การเป็น Super Living Service

<h2>​​ </h2>พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น หรือ PRI ประเมิน 5 เมกะเทรนด์โลกแห่งความเปลี่ยนแปลง พร้อมประกาศทิศทางธุรกิจปี 2566 ขยายอาณาจักรเพิ่มเซ็กเมนต์ใหม่-คลอดธุรกิจใหม่-บุกต่างจังหวัด ตั้งเป้าปี 2566 บริหารนิติบุคคลและบริหารงานขายรวมกันทะลุ 150 โครงการ พร้อมกวาดรายได้ทั้งปี 1,300 ล้านบาท เติบโตจากปี 2564 เกือบ 3 เท่า &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จตุพร วิไลแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI ผู้นำธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่แบบครบวงจร เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ทั่วโลก มีเมกะเทรนด์ที่อาจเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับบริการอสังหาริมทรัพย์ใน 5 ด้านหลัก ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.การเปลี่ยนแปลงมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ (Shifting Economic Power) การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกขยับมาเป็นทางเอเชียมากขึ้น ไทยเป็นประเทศเป้าหมายทั้งการลงทุนและการท่องเที่ยวของเหล่ามหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดซื้อ-ขาย-เช่าอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ปัญหาใหญ่ของโลกนำมาสู่การใช้พลังงานสะอาดเพิ่มขึ้นทั่วโลก ส่งผลให้มีความต้องการ EV Charger ตลอดจนโซลาร์เซลล์ในที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น นิติบุคคลโครงการอาจต้องมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนผ่านในกลุ่มโครงการดั้งเดิม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี (Technological Breakthrough) เทคโนโลยีเข้ามากลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และมีบทบาทต่อธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตมากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4.การเปลี่ยนแปลงทางสังคม (Social Change) ทั่วโลกก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ความต้องการการบริการสำหรับผู้สูงวัยจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ&nbsp;&nbsp;&nbsp; 5.การเป็นเมืองอย่างรวดเร็ว (Rapid Urbanization) ประชากรย้ายถิ่นฐานไปยังหัวเมืองต่างๆ มากขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการบริการที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ขยายไปตามพื้นที่ใหม่ๆ มากขึ้น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/01/yfw8KZ7CGc3YaBCkaJgJ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="yfw8KZ7CGc3YaBCkaJgJ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="650,433" style="" data-index="0"></figure></div> <h3>ตั้งเป้าตอบโจทย์ผู้บริโภคตลอดช่วงชีวิต </h3> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในปี 2566 บริษัทจึงมีแผนการเติบโตภายใต้แนวคิด “Super Living Service” ขยายขอบเขตธุรกิจบริการใหม่ๆ ทั้งกลุ่มต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ในหลากหลายมิติ ได้แก่ 1.การเพิ่มบริการในเซ็กเมนต์ใหม่ เช่น การขยายบริการบางกลุ่มธุรกิจจากเซ็กเมนต์ทั่วไป สู่เซ็กเมนต์ระดับลักชัวรี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.การเปิดตัวธุรกิจใหม่ มุ่งเน้นธุรกิจที่จะช่วยเติมเต็มความครบวงจรของงานบริการ และธุรกิจที่สอดคล้องกับทิศทางเมกะเทรนด์โลก และ 3.การบุกตลาดต่างจังหวัด วางแผนส่งบริษัทย่อยบุกให้บริการในพื้นที่ทั้ง 4 ภูมิภาคหลักของประเทศ ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคอีสานที่ จ.ขอนแก่น และเขาใหญ่ ภาคกลางตอนล่างและภาคใต้ที่ หัวหิน และ จ.ภูเก็ต และภาคตะวันออก ที่ จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“Pain Point หลักของผู้บริโภคต่องานบริการในที่อยู่อาศัย คือเรื่องความกระจัดกระจาย ผู้บริโภคต้องใช้เวลามหาศาลในการไปเสาะหาผู้ให้บริการหลายๆ เจ้า บางบริการต้องออกไปต่อคิวรอรับบริการข้างนอก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วิสัยทัศน์ของพรีโม จึงเป็นการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ผ่านการ Expanding, Growing แล้ว Connecting รวบรวมบริการทุกอย่างให้เป็น Super Living Service มีทุกบริการครบจบในที่เดียว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พร้อมดูแลทั้งลูกค้าโครงการ ลูกค้ารายย่อย ทุกเจเนอเรชั่น ทุกจังหวะชีวิต ก้าวสู่การเป็น Happy Maker ผู้สร้างความสุขที่สร้างความสะดวกสบายในที่พักอาศัย ประหยัดเวลาซึ่งเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ของผู้บริโภค” จตุพรกล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/01/Y7dnGfk1rPeAoC46BjZz.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="Y7dnGfk1rPeAoC46BjZz.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="650,433" style="" data-index="1"></figure></div> <h3>ขยายอาณาจักร Super Living Service </h3> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การขยายอาณาจักร Super Living Service ของบริษัท จะมีทั้งการสร้างการเติบโตด้วยตัวเอง (Organic Growth) และการเติบโตทางลัด (Inorganic Growth) ผ่านการจับมือร่วมทุนกับพันธมิตร (Joint Venture) กับผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจนั้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตลอดจนการพิจารณาซื้อกิจการ (M&amp;A) ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนั้นอยู่แล้ว เพื่อสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยยกทัพบริษัทในเครือ มองหาพันธมิตรที่จะเข้ามาเติมเต็มความครบวงจรภายในปีนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp; โดยช่วงไตรมาส 2/2566 บริษัทจะเริ่มนำร่องบุกต่างจังหวัดนอกพื้นที่ EEC เป็นครั้งแรก ที่จังหวัดภูเก็ต โดยทยอยส่งบริษัทย่อยในปัจจุบันทั้ง 8 บริษัท เข้าไปดำเนินธุรกิจ ได้แก่ 1.บริษัท พรีโม แมเนจเม้นท์ จำกัด และ 2.บริษัท คราวน์ เรสซิเดนซ์ จำกัด ให้บริการบริหารนิติบุคคล ดูแลคุณภาพชีวิตลูกค้าทั้งระดับทั่วไปและระดับลักชัวรี เช่น โครงการวิลลาาในพื้นที่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.บริษัท แพสชั่น เรียลเตอร์ จำกัด ให้บริการนายหน้าซื้อ-ขาย-ปล่อยเช่า และพัฒนาโครงการ 4.บริษัท อูโน่ เซอร์วิส จำกัด ดูแลบริการงานด้านความสะอาด 5.บริษัท ยูไนเต็ด โปรเจคต์ แมเนจเมนท์ จำกัด ให้บริการบริหารงานก่อสร้างโครงการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;6.บริษัท ยูพีเอ็ม ดีไซน์ สตูดิโอ จำกัด ให้บริการออกแบบสถาปัตยกรรมทั้งภายในและภายนอกอาคารแก่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 7.บริษัท วายด์ อินทีเรีย จำกัด ให้บริการตกแต่งภายในครบวงจร และ 8.บริษัท แฮมป์ตัน โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ แมเนจเมนท์ จำกัด ดำเนินงานบริหารจัดการสินทรัพย์ (Asset Management) ช่วยบริหารจัดการผู้เช่าหรือผู้เข้าพัก สร้างรายได้หรือผลตอบแทนให้เป็นไปตามเป้าหมายของเจ้าของโรงแรมหรือที่พักอาศัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ทุกธุรกิจของเรา ทั้งธุรกิจดั้งเดิมและธุรกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้บริโภคตั้งแต่ตอนยังโสด ตอนแต่งงาน ตอนมีครอบครัว ตอนทายาทเริ่มเติบโต เราจะเป็น Happy Maker ที่มีบริการตอบโจทย์ผู้บริโภคตลอดช่วงชีวิต หรือ Lifetime” จตุพร กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังจากนี้ บริษัทยังมีแผนพิจารณาการขยายธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง มุ่งเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภครายย่อยเป็นหลัก อาทิ ธุรกิจร้านสะดวกซัก (Wash &amp; Dry) รวมถึงรักษาระดับการเติบโตในกลุ่มธุรกิจทั้ง 8 ที่ให้บริการอยู่แล้วในปัจจุบัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย ณ สิ้นปี 2566 ตั้งเป้าจะมีโครงการที่เข้าไปบริหารนิติบุคคลและโครงการที่เข้าไปบริหารงานขายรวมกันมากกว่า 150 โครงการ ขณะเดียวกัน ตั้งเป้ารายได้ทั้งปี 2566 ไว้ที่ 1,300 ล้านบาท เติบโตจากปี 2564 ถึงราว 173.06% หรือเกือบ 3 เท่าตัว อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/cardx-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%87-smes-%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD-1-000-%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97" alt="CardX จับมือ บสย. เสริมแกร่ง SMEs ด้วยวงเงินสินเชื่อ 1,000 ล้านบาท">CardX จับมือ บสย. เสริมแกร่ง SMEs ด้วยวงเงินสินเชื่อ 1,000 ล้านบาท</a>​<hr class="__se__solid">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events