<h2>The 1 Insight เผยผู้บริโภคไทยเปลี่ยนพฤติกรรม หันมาเลือกซื้ออย่างมีสติ ก้าวสู่ยุค Mindful Consumption อย่างชัดเจน ใช้จ่ายไม่ใช่เพราะถูกที่สุด แต่เพราะ “คุ้มค่าที่สุด” ต่อชีวิตในแบบของตัวเอง Gen Y–Gen Z เลือกแบรนด์ที่สะท้อนตัวตนและตัวตนต้องมีความหมาย ขณะที่ Gen X–Baby Boomers พร้อมลงทุนกับสุขภาพเชิงป้องกันเพื่ออายุยืนยาว </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;The 1 Insight เผยผลวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคไทย หันมาเลือกใช้จ่ายอย่างมีสติมากขึ้น สะท้อนชัดว่า ปัจจุบัน พฤติกรรมผู้บริโภคไทยได้ก้าวเข้าสู่ยุค Mindful Consumption อย่างจริงจัง ยุคที่การใช้จ่ายไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยราคาเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่เป็นการใช้จ่ายเพื่อคุณค่าที่ได้รับ (Value-Oriented Spending) และเลือกสินค้าเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Health &amp; Wellness–Driven Choices) ซึ่งกลายเป็นสองเหตุผลหลักในการตัดสินใจซื้อของคนทุกช่วงวัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนของการใช้จ่ายเพื่อคุณค่าที่ได้รับ (Value-Oriented Spending) แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคกำลังนิยาม “ความคุ้มค่า” ใหม่ จากเดิมที่มองราคาหรือส่วนลด เป็นการมองหาสิ่งที่ตอบโจทย์ชีวิตในตอนนี้ ทำให้แต่ละช่วงวัยมีนิยามคุณค่าที่แตกต่างกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กลุ่ม Gen Y และ Z ให้ความสำคัญกับการค้นพบแบรนด์ใหม่ แบรนด์เฉพาะกลุ่ม และสินค้าที่สะท้อนตัวตน สะท้อนผ่านการเติบโตของแบรนด์แฟชั่นของไทยและเกาหลีรุ่นใหม่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วน กลุ่มครอบครัวที่มีลูก มีการเติบโตในส่วนของการใช้จ่ายเพื่อการเรียนเสริมทักษะ และของเล่นเพื่อการเรียนรู้ เพราะคุณค่าที่แท้จริงคือการลงทุนให้ลูก พร้อมถึงมองหา Family Solution คือการรวมหลากหลายหมวดสินค้าสำหรับทั้งพ่อ แม่ ลูก ไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น การศึกษา แฟชั่น บิวตี้ ร้านอาหาร ไปจนถึงสถานที่ออกกำลังกาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่กลุ่ม Gen X และ Baby Boomers ที่เพิ่มการใช้จ่ายเพื่อสุขภาพเชิงป้องกันเพื่อนำไปสู่การมีอายุยืนยาว (Longevity) หมวดยอดนิยมที่มีการเติบโต ได้แก่ สปาเพื่อสุขภาพ ฟิตเนส และวิตามินและอาหารเสริม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของคุณค่าที่ได้รับคือ “สิ่งที่ได้เพิ่มจากการซื้อ” ไม่ว่าจะเป็นคะแนนสะสม บริการพิเศษ หรือประสบการณ์เหนือระดับ โดยในการใช้จ่ายแต่ละครั้ง ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะคิดอย่างละเอียดและมีสติ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุดอย่างแท้จริง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยพฤติกรรมการใช้จ่าย ชี้ชัดถึงความสำคัญของปัจจัยนี้ เช่น การสะสมคะแนนบัตรเครดิตเพื่อแลกใช้เป็นส่วนลดในการช้อปหรือไมล์สายการบิน การเลือกซื้อเครื่องดื่มที่ร้านประจำ เนื่องจากสามารถสะสมคะแนนและนำมาแลกเป็นสิทธิประโยชน์ได้ภายหลัง หรือการเป็นสมาชิกของ Loyalty Program ทำให้ได้รับสิทธิพิเศษและบริการที่เหนือกว่าในทุกการซื้อ ทั้งหมดนี้ สะท้อนว่าความคุ้มค่าแบบใหม่คือ ความคุ้มค่าจากประสบการณ์และสิทธิประโยชน์ด้วย ไม่ใช่แค่จากราคาเท่านั้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนในมุมของสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี Health &amp; Wellness–Driven Choices ซึ่งพบการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และปัจจุบันได้กลายเป็นเหตุผลหลักอีกด้านของการใช้จ่ายยุค Mindful Consumption ผู้บริโภคทุกวัยกำลังให้น้ำหนักกับ “สุขภาพดี” เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อใดๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เห็นได้จากยอดซื้อสินค้า healthy food &amp; beverages ที่เติบโต 2 เท่า, หมวดวิตามินและอาหารเสริมมีการเติบโตสูงกว่า 5 เท่า ส่วนหมวด activewear และสินค้าเพื่อการออกกำลังกาย สินค้าขายดีโดดเด่น 3 อันดับ ได้แก่ รองเท้าวิ่ง ชุดออกกำลังกาย เครื่องออกกำลังกาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนหมวดความงามและสุขภาพเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 3 อันดับยอดนิยม ได้แก่ Skincare, Beauty Spa และ Fitness นอกจากนี้ การซื้อประกันสุขภาพยังเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าอีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อพิจารณาทั้งสองแรงขับร่วมกันจะพบว่า Mindful Consumption ไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์สั้นๆ แต่เป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคไทยอย่างแท้จริง แนวโน้มต่อจากนี้ คนไทยเลือกใช้จ่ายกับสินค้าและบริการที่ให้ “คุณค่าที่แท้จริงต่อชีวิต” ซึ่งต่างกันไปในแต่ละกลุ่ม พร้อมเพิ่มความสำคัญให้ “สุขภาพและสวัสดิภาพของตนเองและคนที่รัก” มากขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และกำลังจะกลายเป็นปัจจัยหลักที่กำหนด loyalty และแรงขับของการใช้จ่ายในยุคถัดไป ภาพ: The 1 Insight เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/wingstop-thailand-prakarn-raiva" alt="S&amp;P ลุยตลาดไก่ทอด! เปิดตัว Wingstop แบรนด์ดังจากอเมริกา ตั้งทายาท ‘เนม-ปราการ’ บริหาร คาดปีหน้ายอดขาย 100 ล้าน">S&amp;P ลุยตลาดไก่ทอด! เปิดตัว Wingstop แบรนด์ดังจากอเมริกา ตั้งทายาท ‘เนม-ปราการ’ บริหาร คาดปีหน้ายอดขาย 100 ล้าน</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

The 1 Insight เผยผู้บริโภคไทย ใช้จ่ายอย่างมีสติมากขึ้น! Gen Y – Gen Z เลือกสินค้าสะท้อนตัวตน Gen X – เบบี้บูม พร้อมเปย์เพื่อ Longevity

<h2>LINE MAN เผย Positioning จุดยืนใหม่ 'ถูกสุดทุกวัน' แบบไม่ต้องรอ Subscribe พร้อมตอกย้ำภาพผู้นำตลาดฟู้ดเดลิเวอรี ด้วยการทุ่มงบใหญ่ครั้งแรกกว่า 300 ล้านบาท พร้อมปั้น ‘Moon’ คาแรคเตอร์ สู่พรีเซนเตอร์ในชีวิตจริง </h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai กล่าวว่า&nbsp;“ตลาดฟู้ดเดลิเวอรีในไทยปีนี้ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องราว 10% โดยปัจจุบันเรามีผู้ใช้งานกว่า 10 ล้านคนต่อเดือน และยังถือเป็นฟู้ดเดลิเวอรีของไทยเจ้าเดียวที่มีไรเดอร์กว่า 100,000 คน ให้บริการครอบคลุมครบทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ ถือเป็นการขยายการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 50% ด้วยบริการที่กระจายอย่างทัั่วถึงในกว่า 328 อำเภอ อีกทั้งยังเป็นแหล่งรวมอาหารทั้งในรูปแบบเชนขนาดใหญ่ต่อเนื่องไปถึงร้านค้ารายย่อยที่ขายผ่านออนไล์มากถึงกว่า 700,000 ร้าน&nbsp; &nbsp; ทั้งนี้ ในส่วนของไตรมาส 4 LINE MAN คาดว่าจะมียอดขายที่เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 25% โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการของรัฐหลังจากที่มีการโอนจ่ายเงิน Digital Wallet 10,000 บาท ให้แก่กลุ่มเปราะบางผู้มีรายได้น้อยไปแล้ว โดย 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามียอดการใช้จ่ายผ่าน LINE MAN เพิ่มขึ้น หลังจากปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคค่อนข้างระมัดระวัง เน้นเรื่องของการใช้จ่ายผ่านออนไล์ให้คุ้มค่า คุ้มราคามากกว่าเดิม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ทางแบรนด์ยังได้ทุ่มงบใหญ่กว่า 300 ล้านบาทเป็นครั้งแรก พร้อมวางจุดยืนของแบรนด์ใหม่ในรอบหลายปีผ่ภายใต้แนวคิด&nbsp;‘ถูกสุดทุกวัน’&nbsp;เพื่อให้สอดรับกับเทรนด์ของพฤติกรรมผู้บริโภคดังกล่าว ควบคู่ไปกับการเลือกใช้ ‘Moon’&nbsp;คาแรคเตอร์ ให้เป็นพรีเซนเตอร์ในชีวิตจริง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;"ที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ว่าเกิดกระแสมาสคอตสร้างแบรนด์ให้โด่งดังเป็นอย่างมาก อีกทั้งการเลือกใช้ดาราหรือศิลปินคนดังมาเป็นพรีเซนเตอร์โดยที่เขาเป็นตัวแทนของแบรนด์อื่นๆ ด้วยอีกหลายแบรนด์อาจเป็นจุดอ่อนที่ทำให้กลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายจดจำเขาในฐานะพรีเซนเตอร์ของแบรนด์ได้ค่อนข้างยาก ดังนั้นการเลือกใช้ตัวการ์ตูนคาแรคเตอร์ที่หลายคนจดจำได้ผ่านลวดลายบนกระเป๋าส่งอาหารของไรเดอร์ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีและสร้างจุดเด่นได้มากกว่า"&nbsp;ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร&nbsp;LINE MAN Wongnai&nbsp;กล่าว <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/in2Yvw5nBVQgCzE6PN83.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="in2Yvw5nBVQgCzE6PN83.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับโปรโมชั่นต่างๆ ในแคมเปญเพื่อสร้างความดึงดูดใจให้แก่ผู้บริโภคสามารถเลือกจับจ่ายใช้สอยกันได้อย่างคุ้มค่าโดยไม่ต้อง Subscribe ได้แก่-&nbsp;ส่งฟรี 0&nbsp;บาท: ฟรีค่าส่งในทุกการจัดส่ง* &nbsp;-&nbsp;โปรเดือด: ส่วนลดค่าอาหารหลากหลายรูปแบบ* ไม่ว่าจะเป็น ซื้อ 1&nbsp;แถม&nbsp;1,&nbsp;Flash Dealหรือส่วนลดค่าอาหารสูงสุด 60% โดยสังเกตร้านที่เข้าร่วมได้จากสัญลักษณ์ ‘โปรเดือดทุกมื้อเด็ด’&nbsp;ที่หน้าร้านค้า-&nbsp;ลดหลายต่อ: สามารถใช้ส่วนลดต่างๆ ได้พร้อมกันใน 1 ออร์เดอร์*o ต่อที่ 1: โปรโมชันราคาอาหารลดสูงสุด 60%* โดยสังเกตร้านที่เข้าร่วมได้จากสัญลักษณ์ ‘โปรเดือดทุกมื้อเด็ด’ ที่หน้าร้านค้าo ต่อที่ 2: เก็บคูปองส่วนลดค่าอาหารสูงสุด 100 บาท&nbsp;ที่หน้า ‘เก็บโค้ดลดเพิ่ม’ เพื่อใช้เป็นส่วนลด* เมื่อสั่งขั้นต่ำครบตามที่กำหนด โดยสังเกตร้านที่เข้าร่วมได้จากสัญลักษณ์‘เก็บโค้ดลดเพิ่ม’&nbsp;ที่หน้าร้านค้าo ต่อที่ 3: ส่วนลดค่าส่งสูงสุด 20 บาท* เมื่อซื้อครบ 150 บาทขึ้นไป ในระยะ5 กิโลเมตร และ 10 กิโลเมตรในพื้นที่ตามที่กำหนด โดยสังเกตร้านที่เข้าร่วมได้จากสัญลักษณ์ ‘ส่งฟรี ร้านคุ้ม’ จำนวนกว่า 130,000 ร้าน หรือค่าส่งฟรี 0 บาท* เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/first-post-coffee-launched" alt="‘ไปรษณีย์ไทย’ มีร้านกาแฟแล้ว เปิดตัว “POST Cafe สามเสนใน” เดินหน้าก้าวสู่แบรนด์ไลฟ์สไตล์เต็มตัว">‘ไปรษณีย์ไทย’ มีร้านกาแฟแล้ว เปิดตัว “POST Cafe สามเสนใน” เดินหน้าก้าวสู่แบรนด์ไลฟ์สไตล์เต็มตัว</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

LINE MAN ทุ่มงบใหญ่กว่า 300 ล้าน ชูจุดยืน 'ถูกสุดทุกวัน' พร้อมปั้น 'Moon' คาแรคเตอร์ เป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์

สรุปพฤติกรรม คนวัยเกษียณ ทำการตลาดเจาะกลุ่มสูงวัย ต้องรู้อะไรบ้าง

<h2>เอ็นไวโร (ไทยแลนด์) เผย Metaverse เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค สู่ชีวิตในโลกทิพย์ แนะธุรกิจปรับแผนรับมือ 4 เทรนด์ ช็อกวงการการตลาด เผยผู้คนอยากอยู่ในโลกทิพย์มากกว่าโลกจริง</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-57309" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/01/สรินพร-จิวานันต์_0101.jpg" alt="" width="600" height="450" />

สรินพร จิวานันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นไวโร (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัทวิจัยในเครือบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า การเปิดตัวของ Metaverse จะมาเปลี่ยนไลฟสไตล์ของคนรุ่นใหม่ ชนิดช็อกวงการการตลาด โดยจากการสำรวจผู้บริโภคในประเทศ จำนวน 1000 คน กรุงเทพ (79%) และต่างจังหวัด (21%) เพศหญิง 64% ชาย 26% LGBTQ 10% พบ 4 เทรนด์ที่ทำให้ธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้ทันความต้องการของผู้บริโภค ดังนี้

เทรนด์ 1 : โลกทิพย์ (อยากอยู่บนโลกปลอมมากกว่าโลกจริง) Seem - Real Universe

ผลการสำรวจ พบว่า ผู้บริโภคร้อยละ 56 ยังกังวลเรื่องโควิดที่ไม่รู้จักจบสิ้น การใส่หน้ากากตามที่สาธารณะ สะท้อนให้รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย ความกลัว และไม่น่าอยู่ คนส่วนใหญ่มีความหวังอยากเห็นสังคมที่น่าอยู่กว่านี้ โดยกว่าร้อยละ 80 อยากเห็นสังคมที่สวยงาม ไร้โรค ไร้มลพิษ แต่เมื่อมันเกิดในโลกจริงไม่ได้ จึงขอย้ายไปอยู่โลกทิพย์ดีกว่า โดยผู้บริโภคกว่าร้อยละ 76 สนใจจะเข้าไปอยู่บนโลกทิพย์ที่ไม่ใช่โลกจริงอย่าง Metaverse

โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z และ กลุ่ม LGBTQ+ ที่กว่าร้อยละ 90 รอคอยการมาของโลกทิพย์ ขณะที่ร้อยละ 80 มองว่า โลกทิพย์ สามารถสร้างฝัน สร้างโลกจิตนาการขึ้นมาใหม่เอง และสามารถเป็นอีกคนที่เราฝันอยากเป็นได้ ซึ่งไม่สามารถทำได้ในโลกจริง

โลกทิพย์จึงเป็นอีกโลกที่ผู้บริโภครู้สึกอยู่ได้อย่างปลอดภัย สามารถปลดปล่อยจากภาวะความเครียดที่เจอในโลกจริงทุกวันนี้ที่เต็มไปด้วยความดราม่า เรื่องหดหู่ และกฎระเบียบ ประเพณีเดิม ๆ ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะหลอมรวมโลกบนสังคมออนไลน์เข้าเป็นหนึ่งเดียวโดยมีวัฒนธรรมใหม่ๆ ร่วมกัน

“สอดคล้องกับที่นักจิตวิทยา ได้ทำการศึกษาว่าการใช้ร่างอวทาร์ทดแทนตัวตนจริง สามารถเปลี่ยนความคิด และ พฤติกรรมได้ในโลกจริง เช่น การใช้ร่างอวทาร์ที่สูง จะทำให้เราเกิดความรู้สึกมั่นใจในโลกจริง การใช้ร่างอวทาร์ที่งดงาม มีเสน่ห์ ทำให้เราเป็นคนที่เข้าสังคมได้เก่งขึ้นในโลกจริง

การใช้ร่างอวทาร์ที่แข็งแรง ทำให้เรามีพฤติกรรมการกิน และการออกกำลังที่ดีขึ้น ดังนั้นพฤติกรรมผู้บริโภคจะยิ่งซับซ้อนขึ้น รสนิยมในการบริโภคสินค้า และพฤติกรรมในโลกจริงเปลี่ยนไป การจะศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคไม่เพียงแต่ต้องศึกษาทั้งตัวจริงที่อยู่บนโลกจริง แต่ยังต้องศึกษาตัวตนในร่างอวตารอีกด้วย” สรินพร กล่าว

<img class="alignnone size-full wp-image-57306" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/01/1642655479715.jpg" alt="" width="651" height="369" />

เทรนด์ 2 : อิ่มทิพย์ Seem - Real Recreation

สรินพร กล่าวว่า ทุกวันนี้ผู้บริโภคได้ซึมซับการใช้ชีวิตไปกับโลก Digital มากกว่า Physical โดยใช้เวลาว่างเพลิดเพลินไปกับโลกดิจิทัล เช่น เล่น Facebook Instagram TikTok และ Youtube ประมาณร้อยละ  70 โดยเฉพาะช่วง Work from home ซึ่งมากกว่าบนโลก Physical เช่น เดินห้าง ทำสวน ที่ใช้เวลาประมาณร้อยละ 30 ทำให้คุ้นชินกับการผ่อนคลายจิตใจแบบที่ไม่ได้ออกไปข้างนอก

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเด็กรุ่นใหม่ชอบเล่นเกมส์ ทุกวันนี้มีจำนวนเกมส์เมอร์ถึง 2,500 ล้านคน ซึ่งโดยจิตวิทยาแล้ว สามารถทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้เช่นกัน และกว่า 60% ที่คิดว่าโลกทิพย์จะสามารถสร้างประสบการณ์ของชีวิตที่เราอยากทำ และทำกิจกรรมท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัย เช่น โดดบันจี้จัมพ์ ที่ไม่กล้าทำในชีวิตจริง

อย่างในเดือนเมษายน 2020 ที่ผ่านมา มีคนดูคอนเสิร์ตที่เป็น Virtual ของ Travis Scott จำนวนมากถึง 27 ล้านคน มากกว่าจำนวนคนที่ไปดูคอนเสิร์ต Woodstock  ถึง 67 เท่า ดังนั้นการ หาประสบการณ์รูปแบบใหม่ในโลกทิพย์อาจจะกระทบการท่องเที่ยว หรือธุรกิจค้าปลีก บริการต่าง ๆ แม้กระทั่งอาหาร ต่อไปนี้ผู้บริโภคสามารถรู้สึกเติมเต็ม อิ่มทิพย์ได้โดยไม่ต้องลุกไปไหน

เทรนด์ 3 : สวยทิพย์ Seem - Real  Beauty

Seam - Real Beauty เป็นเทรนด์ที่มาแรง เพราะคนรุ่นใหม่มีแนวโน้มจะใช้ชีวิตบนโลกทิพย์มากขึ้น และความสวย หล่อ จากการทำศัลยกรรมอาจไม่นิยมอีกต่อไป ในเมื่อสามารถสร้างร่างทิพย์ที่งดงามอย่างที่อยากเป็น โดยร้อยละ 57 ของผู้บริโภค กล่าวว่า สามารถใช้แอพแต่งให้สวยในโลกทิพย์ได้ โดยสนใจใช้แอปฯ มากกว่าการทำศัลยกรรม

เพราะมีแนวโน้มการออกข้างนอกไปเจอตัวเป็นๆ น้อยลง ซึ่งจะเปลี่ยนนิยามความงามในรูปแบบใหม่ไปเลย ถือเป็นเทรนด์ที่สั่นสะเทือนวงการแฟชั่น ความงาม อย่างแน่นอน โดยจะส่งผลเชื่อมโยงมายังรสนิยมบนโลกจริง เช่น เทรนด์การแต่งหน้า แต่งตัว แบบอวตาร

นอกจากนี้ แนวโน้มนี้อาจทำให้คนรุ่นใหม่ย้ายการจับจ่ายไปใช้บนโลกทิพย์ ที่ช่วยเติมเต็มความฝัน และ เติมเต็มความรู้สึกดี ๆ ทางจิตวิญญาณที่หาไม่ได้ในโลกจริง โดยนิตยสาร Forbes รายงานว่าการใช้จ่ายซื้อไอเทมต่าง ๆ สูงขึ้นถึง 50% เป็น 1.2 หมื่นล้านเหรียญ ในช่วงปี 2019 - 2020

เทรนด์ 4 : รักทิพย์ Seem - Real  Relation

สรินพร กล่าวว่า การต้องกักตัวอยู่กับบ้านในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ร้อยละ 51 ของผู้บริโภคอยากเจอเพื่อนใหม่ๆ  แบบไม่จำกัด เชื้อชาติ ศาสนา และภาษาในโลกทิพย์ การมีความสัมพันธ์แบบ Virtual ทำให้เราสามารถมีปฎิสัมพันธ์กันเหมือนประสบการณ์จริง โดยสามารถเชื่อมโยงกับสิ่งรอบตัวได้โดยไม่ต้องออกไปเจอกันตัวเป็นๆ

“ต่อไปนี้เราสามารถมีความสัมพันธ์แบบที่เราต้องการได้ตามใจฝัน  ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา นิสัย และรูปแบบการคบหา เสมือนกระโดดเข้าไปเป็นพระเอก นางเอกในหนัง โดยไม่ต้องมาเจอสารพัดปัญหาที่ทำให้ความสัมพันธ์ทุกวันนี้ย่ำแย่”

ทั้งนี้ หลักฐานจากการสแกนสมองด้วย fMRI เพื่อเปรียบเทียบระหว่างปฎิสัมพันธ์บนโลกจริงและโลกเสมือน พบว่า มีความซับซ้อนมาก อย่างไรก็ดี การทดลองส่วนใหญ่พบว่าปฎิสัมพันธ์บนโลกทิพย์ที่สร้างประสบการณ์ได้เสมือนจริง สามารถกระตุ้นเซลล์ประสาท ไม่ต่างจากปฎิสัมพันธ์แบบตัวเป็นๆ

ดังนั้นรูปแบบความรักที่เปลี่ยนไป ทำให้ผู้คนอาจจะเห็นคนโสดมากขึ้น ความต้องการมีครอบครัวที่น้อยลง ปัญหาโรคติดต่อน้อยลง และหวังว่าปัญหาสุขภาพจิตใจ โรคซึมเศร้าอาจจะดีขึ้น

“การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น พฤติกรรมผู้บริโภคจะยิ่งมีความซับซ้อนขึ้นไปอีก เหมือนสมัยกับการเข้ามาของอีคอมเมิร์ซ ที่ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมผู้บริโภคชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ มารอลุ้นกันค่ะว่าต่อจากนี้โลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร” สรินพรกล่าวทิ้งท้าย

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/other/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%A5%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B9%8C-%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%89-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81.html">“อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้” กางแผนบุกตลาดร้านสะดวกซัก ตั้งเป้ายอดขายพันล้านบาท</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

&nbsp;

4 เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค ยุค Metaverse

“What you do today will determine your future” — Catherine Pulsifer
ผมว่าคำกล่าวข้างต้นเป็นกุญแจไขความลับของอนาคต ดังนั้นหากจะถามว่า แล้วแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคในอนาคตจะเป็นอย่างไร เราก็ต้องกลับมาดูว่าวันนี้มันมีอะไรเกิดขึ้นแล้วบ้าง

Can’t live without mobile
ทุกวันนี้มือถือกลายเป็นทุกอย่างในชีวิตเราไม่ว่าจะเป็นแหล่งเก็บข้อมูล หาข้อมูล เครื่องมือสื่อสารทั้งภาพ เสียง และข้อมูล ที่สำคัญเป็นเครื่องมือติดต่อกับสังคมออนไลน์ที่ทุกวันนี้แทบจะกลายมาเป็นโลกหลักในการใช้ชีวิตของหลายคน นอกจากนี้มือถือยังเป็นเครื่องมือทำธุรกรรมทางการเงินอีกด้วย แบบนี้แล้ว นักธุรกิจและนักการตลาดไม่ต้องคิดอะไรมากแล้วครับ ทำยังไงก็ได้ให้ผลิตภัณฑ์ของคุณมาเจอกับลูกค้าของคุณบนมือถือให้ได้

TV มีไว้เป็นอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
ผมเป็นคนหนึ่งที่ดูทีวีน้อยลงมาก นับตั้งแต่ระบบสื่อสารบ้านเรา (3G-4G) รวดเร็วขึ้นมาก ทำให้สามารถบริโภคข้อมูล หนัง เพลง ผ่านเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นได้สะดวกรวดเร็ว ทั้งยังเลือกดูคอนเทนท์ที่เราสนใจ ตรงกับไลฟ์สไตล์ของเราได้ โดยไม่รู้สึกเหมือนโดนยัดเยียด นักการตลาด  นักโฆษณา และเจ้าของผลิตภัณฑ์ยุคใหม่จึงควรจะต้องปรับตัวแบบ 360 องศา เพื่อที่จะเข้าถึงผู้บริโภคด้วยวิธีการและช่องทางใหม่ๆ แทนที่จะเน้นการสื่อสารผ่านทีวีเป็นหลัก

พฤติกรรมขอคำแนะนำผ่านโลกออนไลน์
จะซื้อ Apple Watch ดีไหม?  อยากกินอาหารญี่ปุ่นแถวทองหล่อ มีร้านไหนแนะนำ? และอีกหลายๆ อย่างที่คนสมัยนี้นิยมหาคำตอบผ่านโลกออนไลน์ ไม่ใช่แค่ Google หรือ Pantip แต่รวมไปถึง ผ่านกลุ่มไลน์ ผ่านเว็บไซต์หรือแอพฯ ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมามากมาย เพราะ “ผู้บริโภคต้องการตัวช่วยในการตัดสินใจซื้อ”ข้อมูลพื้นฐานที่เจ้าของสินค้าให้มาไม่สามารถช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ แต่ผู้บริโภคต้องการคนที่เคยใช้สินค้าหรือเคยมีประสบการณ์ตรงมาแล้ว มาให้ข้อมูลอีกด้านเพื่อประกอบการตัดสินใจ และหากเป็นคนที่มีชื่อเสียงมาพูด ยิ่งทำให้มีน้ำหนักมากขึ้น

Sharing is caring
คล้ายกับพฤติกรรมข้างต้น แต่แตกต่างกันในมิติของการเป็นผู้ให้ข้อมูลแทน โดยมีข้อมูลอยู่ 2 ประเภท ประเภทแรกเป็นข้อมูลที่สร้างขึ้นมาเอง เช่น การแชร์รูปอาหารที่เพิ่งไปกินมา การแชร์รูปภาพสถานที่ที่ไปเที่ยวมา กับอีกด้านคือข้อมูลที่รับมาอีกที ซึ่งหากถูกใจก็จะแชร์ทันที ดังจะเห็นได้ว่าหากเจ้าของสินค้าทำหนังโฆษณาที่เข้าถึงความรู้สึกของผู้บริโภคได้ดี กระแสการแชร์ต่อๆ กันไปก็จะแรงขึ้น ซึ่งบางครั้งได้ผลดีมากกว่าโฆษณาทีวีด้วยซ้ำ เจ้าของสินค้าเองจึงควรต้องหาทางเข้าถึงเหล่าบรรดา influencer เหล่านี้ให้ได้

นอกจากนี้พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ยังข้องเกี่ยวกับการ รักษ์โลก รักษ์สุขภาพ และ การพัฒนา Mobile Payment ที่ทำให้ผู้บริโภคเป็นตัดสินใจซื้อสินค้าได้ทุกเวลา

<img class="img-responsive" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/thagoon.png" alt="" />
ฐากร ปิยะพันธ์
กรรมการผู้จัดการใหญ่ กรุงศรี คอนซูมเมอร์

&nbsp;

<hr />

<a href="http://goo.gl/6fV29E">อ่านฉบับเต็ม "พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่และแนวโน้มในอนาคต" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ FEBRUARY 2016 ในรูปแบบ E-Magaizne</a>
<a href="http://goo.gl/6fV29E"><img class="img-responsive" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/2016%2002%20-%20FEB/cover---feb.jpg" alt="" width="391" height="511" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events