<h2>ท่ามกลางความต้องการโลหะสำหรับใช้ในงานไฟฟ้า เช่น ทองแดงและนิกเกิลที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของเจ้าพ่อเหมืองแร่ Robert Friedland ทะยาน 17% มาอยู่ที่ 2.7 พันล้านเหรียญ </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Robert Friedland&nbsp;วัย 73 ปี คือเศรษฐีผู้มั่งคั่งอันดับ 16 ของสิงคโปร์&nbsp;เขาคือ&nbsp;ผู้ก่อตั้ง Ivanhoe Mines&nbsp;ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Toronto และ Ivanhoe Electric ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ New York เขาเป็นชาวอเมริกันแต่กลายเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในสิงคโปร์มายาวนาน และยังรับหน้าที่บริหารการลงทุนในสำนักงานครอบครัวด้วย &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในรอบปีที่ผ่านมาบริษัททั้งสองแห่งต่างมีราคาหุ้นเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มการผลิต โดยมีเป้าหมายที่จะตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนและผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อปีที่แล้ว Ivanhoe Mines ขยายกำลังการผลิตของเหมืองทองแดง Kamoa-Kakula ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก 3 เท่าตัว จนมีกำลังการผลิตกว่า 330,000 ตัน และสามารถทำกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 434 ล้านเหรียญเมื่อปี 2022 จาก 45 ล้านเหรียญในปีก่อนหน้า โดยมีเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตเป็นปีละกว่า 620,000 ตันภายในปีหน้าด้วยความร่วมมือกับ Zijin Mining ของจีนและรัฐบาลคองโก​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/kSC6FVgmv4hcLHVjarmJ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="kSC6FVgmv4hcLHVjarmJ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Friedland ทำรายได้มหาศาลจากนิกเกิลแคนาดา นอกจากนี้ ยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการค้นพบทองแดงจำนวนมากในมองโกเลียและคองโก ในปี 2022 Friedland นำ Ivanhoe Electric บริษัทสำรวจทองแดง นิกเกิล และโลหะอื่นๆ ที่หลายคนมองว่าเป็นรากฐานของเศรษฐกิจสีเขียวนั้นเข้าจดทะเบียนในตลาดทรัพย์ และเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Maaden บริษัทเหมืองแร่ของรัฐซาอุดีอาระเบียเข้าซื้อหุ้น Ivanhoe Electric ไป 9.9% ในราคา 127.1 ล้านเหรียญ โดยบริษัททั้งสองแห่งมีแผนที่จะร่วมกันพัฒนาโครงการเหมืองแร่ในซาอุดีอาระเบีย ปัจจุบันเขามีอายุ - J. B. &nbsp; เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/world/asia/vikrom-kromadit-2023-heroes-of-philanthropy" alt="“วิกรม กรมดิษฐ์” ติดทำเนียบมหาเศรษฐีใจบุญแห่งปี 2023">“วิกรม กรมดิษฐ์” ติดทำเนียบมหาเศรษฐีใจบุญแห่งปี 2023</a>​​<a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/e05f13b4-8402-40df-acea-d1073274e800" alt="คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2566 ในรูปแบบ e-magazine">คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2566 ในรูปแบบ e-magazine</a>

"เศรษฐีสิงคโปร์อันดับ 16 " เจ้าพ่อเหมืองแร่ Robert Friedland 

<h2>แม้ว่า Kwee Liong Tek ประธานคณะกรรมการ Pontiac Land จะผูกพันกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจบริการแบบมีหน้าร้านมายาวนาน แต่เวลานี้เขากำลังเดิมพันครั้งใหม่กับธุรกิจชำระเงินออนไลน์และเทคโนโลยีบล็อกเชน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“มันคืออนาคต ผมเชื่อว่าอย่างนั้น AI และฟินเทคจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกและการบริหารธุรกิจของหลายๆ คน” Kwee วัย 76 ปีกล่าวในการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา Kwee นำการระดมทุนรอบก่อนซีรี่ส์ A จำนวน 16.5 ล้านเหรียญให้กับ Dtcpay น้องใหม่แห่งธุรกิจชำระเงินออนไลน์ของสิงคโปร์ ซึ่งจะนำไปใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และขยายกิจการสู่ตลาดโลก เริ่มจากสำนักงานแห่งใหม่ในฮ่องกงและอีกแห่งที่ดูไบในปี 2024&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Kwee ยังเป็นนักลงทุนรายสำคัญใน ChainUp ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์เทคโนโลยีบล็อกเชนในประเทศบ้านเกิด แม้ว่าเขาจะไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนเงินลงทุน แต่เพียงเข้ามามีส่วนร่วมก็สามารถดึงดูดผู้มีเกียรติมากมายเข้าสู่คณะกรรมการ ChainUp ซึ่งในเวลานี้มีทั้ง Ooi Sang Kuang อดีตประธานกรรมการ OCBC Bank (ในฐานะประธานคณะกรรมการที่ไม่ใช่ผู้บริหาร) Jean-Marc Poullet อดีตหุ้นส่วนอาวุโสของ McKinsey &amp; Company และ David Tung อดีตกรรมการผู้จัดการ Carlyle Group&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Kwee พร้อมด้วยพี่น้องอีก 3 คน ครองอันดับ 10 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 6.3 พันล้านเหรียญ โดยพิจารณาจากการเป็นเจ้าของบริษัทเอกชน Pontiac Land ซึ่ง Henry (เศรษฐีพ่อค้าสิ่งทอจากอินโดนีเซียที่ย้ายมาอยู่สิงคโปร์เมื่อปี 1961) บิดาผู้ล่วงลับ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1961 &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน Pontiac Land เป็นเจ้าของทรัพย์สินที่มีชื่อเสียงหลายรายการไม่ว่าจะเป็น Millenia Singapore (ที่มีทั้งโรงแรม Ritz-Carlton และโรงแรม Conrad Centennial) และแบรนด์โรงแรมหรูอย่าง Capella ที่ซื้อกิจการมาจากผู้บริหารกิจการโรงแรมในตำนาน Horst Schulze เมื่อปี 2017&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในเดือนมีนาคมพี่น้องตระกูล Kwee เปิดตัว Capella Sydney โรงแรมหรูขนาด 192 ห้องตั้งอยู่ในอาคารหินทรายที่มีชื่อในประวัติศาสตร์ 2 หลังในย่านศูนย์กลางธุรกิจของ Sydney&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ถัดไปคือ โรงแรม Capella แห่งใหม่ที่รอเปิดตัวที่ Taipei ในปี 2024 ต่อด้วยโรงแรมอีก 6 แห่งในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน ซาอุดีอาระเบีย และมัลดีฟส์ในปี 2027 ในเวลานี้โครงการขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อพิจารณาจากขนาดที่ดินคือ Fari Islands โครงการพัฒนารีสอร์ตมูลค่า 400 ล้านเหรียญในมัลดีฟส์ ในความรับผิดชอบของ Evan บุตรชาย ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อปี 2021 ​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a target="_blank" href="https://www.forbesthailand.com/world/asia/eduardo-saverin-cofounder-meta-richest-singapore" alt="Eduardo Saverin ผู้ร่วมก่อตั้ง Meta ขึ้นแท่นอันดับ 1 เศรษฐีสิงคโปร์">Eduardo Saverin ผู้ร่วมก่อตั้ง Meta ขึ้นแท่นอันดับ 1 เศรษฐีสิงคโปร์</a>​ <a target="_blank" href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/e05f13b4-8402-40df-acea-d1073274e800" alt="คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 566 ในรูปแบบ e-magazine&nbsp;พิเศษ! ฉบับนี้แถมฟรี Forbes Life">คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2566 ในรูปแบบ e-magazine&nbsp;พิเศษ! ฉบับนี้แถมฟรี Forbes Life</a><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/Er7HraheAfv3FQKxy2FJ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="Er7HraheAfv3FQKxy2FJ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-percentage="auto,auto" data-rotatex="" data-rotatey="" style="" data-index="0" origin-size="320,420"></figure></div>

เศรษฐีสิงคโปร์ Kwee Liong Tek จากอสังหาฯ ก้าวสู่โลกดิจิทัล

<h2>อันดับ 1 ของเศรษฐีผู้มีความมั่งคั่งมากที่สุดของสิงคโปร์ได้เปลี่ยนไปแล้ว โดย Eduardo Saverin ผู้ร่วมก่อตั้ง Meta ขึ้นแท่นครองอันดับ 1 หลังมูลค่าหุ้นของบริษัทที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินของเขาทวีคูณมากขึ้นตามไปด้วย </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มูลค่าที่เพิ่มขึ้นของหุ้น Meta ทำให้ Eduardo Saverin ผู้ร่วมก่อตั้ง Meta ผงาดขึ้นมาเป็นเศรษฐีพันล้านครองอันดับ 1 ในทำเนียบของสิงคโปร์ โดยที่มูลค่าทรัพย์สินรวมของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 1.77 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศสิงคโปร์ยังคงติดอันดับต้นๆ ของทำเนียบผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในสิงคโปร์ โดย Eduardo Saverin ผู้ร่วมก่อตั้ง Meta Platforms (เดิมคือ Facebook) ชาวบราซิลซึ่งมีถิ่นพำนักในสิงคโปร์มานานกว่า 10 ปีแล้วได้ก้าวขึ้นมาเป็นคนร่ำรวยที่สุดอันดับ 1 โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.6 หมื่นล้านเหรียญ มูลค่าทรัพย์สินของเขาในแง่เม็ดเงินเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้นถึง 6.4 พันล้านเหรียญ เนื่องจากราคาหุ้น Meta ซึ่งเพิ่งคลอด Threads มาชนกับ Twitter ไปหมาดๆ พุ่งกระฉูดถึงเกือบ 70% นับจากที่เราทำการประเมินมูลค่าสินทรัพย์มหาเศรษฐีสิงคโปร์รอบที่แล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Saverin ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมของ B Capital Group ธุรกิจเงินร่วมลงทุน (VC) ที่มีสินทรัพย์ภายใต้บริหารถึง 6.3 พันล้านเหรียญ ขึ้นมานั่งแท่นแทนที่ Li Xiting ประธานกรรมการ Shenzhen Mindray Bio-Medical Electronics บริษัทเครื่องมือแพทย์ซึ่งครองอันดับ 1 ในทำเนียบติดต่อกันมา 2 ปี ก่อนที่จะหลุดไปอยู่อันดับ 3 ในปีนี้ เนื่องจากหุ้นในกลุ่มการดูแลสุขภาพถูกกระทบจากการที่จีนดำเนินนโยบายกวาดล้างคอร์รัปชันในธุรกิจยา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การสลับตำแหน่งของมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ในปีนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเหลือ 3.6% ในปีที่แล้ว และคาดว่าจะแผ่วลงไปอีกเหลือเพียง 0.5%-1.5% ในปีนี้ เนื่องจากการส่งออกซบเซาและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง อย่างไรก็ตามแม้ว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มชะลอตัวลง แต่มูลค่าสินทรัพย์รวมของ 50 คนที่ร่ำรวยที่สุดในสิงคโปร์ยังคงเพิ่มขึ้น 8% เป็น 1.77 แสนล้านเหรียญRobert และ Philip Ng สองพี่น้องขาใหญ่วงการอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของ Far East Organization ยังเหนียวแน่นอยู่ที่อันดับ 2 เหมือนเดิม โดยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิลดลงเล็กน้อยเหลือ 1.48 หมื่นล้านเหรียญ ในขณะที่ Kwek Leng Beng เศรษฐีพันล้านอีกรายจากแวดวงอสังหาริมทรัพย์ก็เกาะแน่นอยู่ที่อันดับ 5 โดยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้น 18% เป็น 1.1 หมื่นล้านเหรียญที่มากเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้หลังจากที่สถานการณ์โรคระบาดผ่านพ้นไป City Developments ของ Kwek ก็กลับมามองหาการซื้อกิจการอสังหาริมทรัพย์ดีๆ ในตลาดโลกอีกครั้ง และเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาก็ได้เข้าไปซื้อ St. Katharine Docks ใจกลาง London ที่ราคา 500 ล้านเหรียญทั้งนี้ กว่าครึ่งของคนร่ำรวยที่สุดในทำเนียบปีนี้ของเรามีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น โดยมี 6 รายที่มูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 พันล้านเหรียญ ซึ่งในจำนวนนี้มี 2 รายที่มาจากตระกูลเศรษฐีเก่าซึ่งทรัพย์สินหลักผูกอยู่กับธุรกิจธนาคาร ได้แก่ ตระกูล Lee ซึ่งถือหุ้นใน OCBC และตระกูล Lien ซึ่งถือหุ้นใน United Overseas Bank โดยมูลค่าทรัพย์สินของสองตระกูลนี้เพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ เพราะเราได้รับข้อมูลใหม่เกี่ยวกับทรัพย์สินที่พวกเขาถือครองอยู่อย่างไรก็ตาม ในปีนี้มี 3 รายจากปีที่แล้วที่หลุดโผไป ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ David Chen อดีตเศรษฐีพันล้านผู้ร่วมก่อตั้ง Sea ที่ทำธุรกิจอี-คอมเมิร์ซและบริษัทผลิตเกม ซึ่งราคาหุ้นร่วงลงไปแรงหลังจากที่ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ออกมาน่าผิดหวัง ส่วนผู้ร่วมก่อตั้ง Sea อีก 2 รายคือ Forrest Li และ Gang Ye ยังติดอยู่ในทำเนียบปีนี้ แต่มูลค่าทรัพย์สินของทั้งสองลดลงมากที่สุดในทำเนียบปีนี้เมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้มูลค่าทรัพย์สินต่ำสุดของรายชื่อในทำเนียบปีนี้ของเราอยู่ที่ 750 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจาก 705 ล้านเหรียญ รายงานโดย Jonathan Burgos, Grace Chung, Gloria Haraito, Anuradha Raghunathan, Yessar Rosendar, Jessica Tan, Giacomo Tognini และ Yue Wang​เรื่อง: NAAZNEEN KARMALI และ JANE HO เรียบเรียง: พิษณุ พรหมจรรยา และ รัน-รัน​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/asia/world/syed-azman-syed-ibrahim-weststar-group" alt="Syed Azman Syed Ibrahim พา Weststar Group บินขึ้นเหนือขอบฟ้า">Syed Azman Syed Ibrahim พา Weststar Group บินขึ้นเหนือขอบฟ้า</a>​​<a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/e05f13b4-8402-40df-acea-d1073274e800" alt="คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2566&nbsp;ในรูปแบบ e-magazine">คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2566&nbsp;ในรูปแบบ e-magazine</a>​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-none" contenteditable="false"><figure style="margin: 0px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/cMB6YdkJ7jd7PPwXSBD7.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-index="0" data-file-name="cMB6YdkJ7jd7PPwXSBD7.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> ​

Eduardo Saverin ผู้ร่วมก่อตั้ง Meta ขึ้นแท่นอันดับ 1 เศรษฐีสิงคโปร์

การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีสิงคโปร์ ประจำปี 2023

<h2>Kwek Leng Beng มหาเศรษฐีอันดับ 5 ของสิงคโปร์ กว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์เก็บเข้าพอร์ตอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดตัดสินใจเข้าซื้อท่าเรือ St. Katharine ส่งผลให้บริษัทถึอครองสินทรัพย์ในย่านใจกลางกรุงลอนดอนมูลค่าสูงถึง 1 พันล้านปอนด์</h2><h2> </h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัท City Developments Ltd. (CDL) ภายใต้การบริหารของมหาเศรษฐีสิงคโปร์ Kwek Leng Beng&nbsp;ออกแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า ได้ดำเนินการเข้าซื้อท่าเรือ St. Katharine ที่มีชื่อเสียงทางประวัติศาสตร์ย่านใจกลางกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในราคา 395 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็นเงินราว 468 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ผ่านการแนะนำโดย Blackstone บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านบริหารการลงทุนในธุรกิจ private equity ของสหรัฐฯ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;St. Katharine คือท่าเรือที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1828&nbsp;บนพื้นที่ขนาด 23 เอเคอร์ ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งเหนือของแม่น้ำเทมส์&nbsp;ถือเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบ Mixed-use&nbsp;ที่เอื้อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์และยังให้สิทธิแบบซื้อขายขาดโดยผู้ซื้อจะได้ถือครองกรรมสิทธิ์อย่างเต็มตัว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ท่าเรือดังกล่าวประกอบด้วยพื้นที่สํานักงานมากกว่า 500,000 ตารางฟุต (46,450 ตารางเมตร) ที่อยู่อาศัย 400 ยูนิต พร้อมท่าจอดเรือและท่าเทียบเรือยอชท์ที่จุได้มากถึง 185 ลํา บรรยากาศที่พักมีวิวเหนือ Tower of London ล้อมรอบไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และสิ่งอํานวยความสะดวกเหมาะแก่การเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/03/5KD9bEBpEkBftrURQ2gQ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="5KD9bEBpEkBftrURQ2gQ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​&nbsp; &nbsp;&nbsp;Sherman Kwek ซีอีโอของ CDL Group กล่าวในแถลงการณ์ว่า การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้แก่บริษัทในเรื่องของรายได้ที่มาจากค่าเช่าที่ต่างๆ ภายในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้ อาคารสํานักงานที่ตั้งอยู่ภายในท่าเรือ St. Katharine มีอัตราการเช่าพื้นที่และพักอาศัยสูงถึง 90% อีกทั้งค่าเฉลี่ยโดยรวมของสัญญาเช่าที่เหลืออยู่ยังมีระยะยาวกว่า 8 ปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;"ความไม่แน่นอนจากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันของอังกฤษส่งผลให้เรามีโอกาสเชิงกลยุทธ์ในการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่สำคัญเพื่อขยายพอร์ตโฟลิโอของบริษัทให้เติบโตยิ่งขึ้น" ลูกชายคนโตของ Kwek Leng Beng ประธานกรรมการบริหารบริษัท CDL กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ หลังการเข้าซื้อกิจการท่าเรือเข้ามาอยู่ในพอร์ตบริษัทส่งผลให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากสิงคโปร์มีสินทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางกรุงลอนดอนล่าสุดสูงถึง 1 พันล้านปอนด์ โดยรวมถึงอาคารสํานักงานระดับเกรดเออย่าง Aldgate House และ 125 Old Broad Street ซึ่งมีครอบครองอยู่ในพอร์ตแล้วก่อนหน้านี้ด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ทาง CDL ยังวางแผนที่จะผลักดันสินทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่มีอยู่ในอังกฤษเข้าไปในกองทุนทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ แต่ทว่าการเสนอขายหุ้น IPO นั้นคงต้องเลื่อนออกไปก่อนท่ามกลางความผันผวนของตลาดที่สูงขึ้นรวมถึงความไม่แน่นอนจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งจากคุณสมบัติที่โดดเด่นของสินทรัพย์ดังกล่าวจะช่วยเสริมกลยุทธ์ด้านการจัดการกองทุนของบริษัทได้เป็นอย่างดีทั้งในแพลตฟอร์มที่จดทะเบียนหรือไม่จดก็ตามในอนาคตตามช่วงเวลาที่เหมาะสม Kingston Kwek ลูกชายคนเล็กของ Leng Beng กล่าว<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/03/FjL7kdt7FjDFVGy5PZ2g.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="FjL7kdt7FjDFVGy5PZ2g.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div>​&nbsp; &nbsp; สำหรับ Kwek Leng Beng นอกเหนือจากการเป็นประธานกรรมการบริหารบริษัท CDL แล้ว ยังคงดำรงตำแหน่งเป็นประธานของบริษัท Hong Leong Group ซึ่งก่อตั้งโดยพ่อของเขานับตั้งแต่ปี 1941&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ Quek Leng Chan ซึ่งเป็นกับญาติเขาและดูแลบริหารกิจการ Hong Leong Group ในมาเลเซียนั้น ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาเศรษฐีเช่นกัน&nbsp;&nbsp; &nbsp; ปัจจุบัน Kwek Leng Beng ในวัย 82 ปี ได้รับการจัดอันดับโดย Forbes ผ่านการตีพิมพ์ในเดือนกันยายนปี 2022 ที่ผ่านมา&nbsp;ให้อยู่ในรายชื่อ 50 มหาเศรษฐีสิงคโปร์ผู้มีความมั่งคั่งเป็นอันดับ 5 ซึ่งเขาและครอบครัวได้ถือครองสินทรัพย์เป็นมูลค่าราว 9.3 พันล้านเหรียญ&nbsp; ​แปลจากบทความ Billionaire Kwek Leng Beng’s CDL Buys London’s Iconic St. Katharine Docks For $468 Million ซึ่งเผยแพร่บน Forbes.com อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/asia/tony-fernandes-%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88-airasia-%E0%B8%AA%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99-%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9F%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%94" alt="Tony Fernandes บอสใหญ่ AirAsia สยายปีกบินทั่วอาเซียน ท่ามกลางการฟื้นตัวหลังโรคระบาด" style="font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">Tony Fernandes บอสใหญ่ AirAsia สยายปีกบินทั่วอาเซียน ท่ามกลางการฟื้นตัวหลังโรคระบาด</a>​ <hr class="__se__solid">​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

มหาเศรษฐีสิงคโปร์อันดับ 5 ซื้อท่าเรือดังในลอนดอน 468 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 

ไฮไลท์ "มหาเศรษฐีสิงคโปร์" ประจำปี 2022 ที่น่าจับตามอง ตอนที่ 2

ไฮไลท์ "มหาเศรษฐีสิงคโปร์" ประจำปี 2022 ที่น่าจับตามอง ตอนที่ 1

<h2>สิงคโปร์ดินแดนที่เปรียบดังสรวงสวรรค์ทางการเงิน แม้ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาจะเข้ากระทบดินแดนแห่งนี้ยังคงดึงดูดผู้มั่งคั่งเสมอมา</h2>
ชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อยังคงเดินทางเข้าประเทศและเป็นตัวเร่งให้ราคาขายและเช่าของธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มสูงขึ้น และตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาที่สิงคโปร์ได้ยกเลิกมาตรการเข้าประเทศที่เข้มงวดอันเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งให้ราคาของโรงแรมและที่พักปรับตัวสูงตามลำดับ

แม้ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะเป็นไปในเชิงบวก แต่วิกฤตเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นและสถานการณ์ของวงการเทคโนโลยีทั่วโลกทำให้มูลค่าความมั่งคั่งของ 50 มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดมากกว่าหนึ่งในห้าลดลง ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินรวมของการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีสิงคโปร์ ประจำปี 2022 ลดลงจากการจัดอันดับในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.64 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ

ความมั่งคั่งของมหาเศรษฐี 5 อันดับแรกได้สะท้อนความมั่งคั่งที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์โควิดในสิงคโปร์ในหลายแง่มุม โดยมูลค่าความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีสิงคโปร์อันดับ 1  Li Xiting ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ Shenzhen Mindray Bio-Medical Electronics ลดลงเกือบหนึ่งในสามจากการจัดอันดับเมื่อปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.56 หมื่นล้านเหรียญฯ อันเนื่องจากราคาหุ้นและยอดขายที่ไม่กระเตื้องของบริษัทผู้ผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ของเขา

จากกำลังซื้อที่อยู่อาศัยที่ฟื้นตัวของผู้บริโภคได้ส่งให้พี่น้อง Robert and Philip Ng แห่งวงการผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์สิงคโปร์ ขึ้นสู่มหาเศรษฐีอันดับ 2 ด้วยมูลค่า 1.52 หมื่นล้านเหรียญ สำหรับมหาเศรษฐีอันดับ 3 ได้แก่ Goh Cheng Liang วัย 95 ปี ผู้ก่อตั้ง Japan’s Nippon Paint Holdings และยังเป็นมหาเศรษฐีซึ่งอายุมากที่สุดจากการจัดอันดับในครั้งนี้ แม้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของเขาลดลงมากถึงร้อยละ 30

จากเหตุการณ์การเทขายหุ้นของ facebook มากกว่าครึ่งที่ผ่านมา ทำให้อันดับจของ Eduardo Saverin ผู้ร่วมก่อตั้ง facebook (ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อแพลตฟอร์มเป็น Meta ในปัจจุบัน) หล่นลงมาสองอันดับและอยู่ที่อันดับ 4 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิที่ 9.6 พันล้านเหรียญ

จากหุ้นที่ร้อนแรงของบริษัทเกม SEA ภายหลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ในนิวยอร์กเมื่อปีที่ผ่านมา SEA กลับประสบปัญหาขาดทุนที่เพิ่มขึ้นในบริษัทด้าน อี-คอมเมิร์ซในเครือทำให้มูลค่าทรัพย์สินของทั้งสามผู้ก่อตั้ง Forrest Li, Gang Ye และ David Chen ลดลงมากกว่าร้อยละ 70

โดยอันดับของ Li หล่นมาที่อันดับ 11 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 4.2 พันล้านเหรียญ ในขณะที่มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกลุ่ม SEA ที่ลดลงมากที่สุด แต่ทรัพย์สินสุทธิของมหาเศรษฐีมากกว่าครึ่งในการจัดอันดับครั้งนี้ลดต่ำลงเช่นกัน

สำหรับการจัดอันดับในปีนี้ Min-Liang Tan ผู้ก่อตั้ง Razer ได้รับอานิสงส์จากบริษัทด้านอุปกรณ์เกมของเขาทำให้เขาติดในอันดับ 43 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 955 ล้านเหรียญ ขณะที่กลุ่มธุรกิจบริการที่ฟื้นตัวได้ส่งให้ Michael Kum แห่ง M&amp;L Hospitality กลับเข้ามาในการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีสิงคโปร์อีกครั้งหลังจากห่างหายไปหลายปี

ในปีนี้มี 2 มหาเศรษฐีหน้าใหม่ซึ่งธุรกิจของพวกเขามีธุรกิจในหลากหลายประเทศ ได้แก่ Leo Koguan มหาเศรษฐีมาเลเซีย ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการ IT provider SHI International และเขายังเป็นผู้ถือใหญ่อันดับ 3 ของ Tesla

สำหรับ Koguan นั้นถือสัญชาติอเมริกันและปัจจุบันพำนักในสิงคโปร์ เขาติดในการจัดอันดับมหาเศรษฐีอันดับ 7 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 7.6 พันล้านเหรียญ ด้านมหาเศรษฐีหน้าใหม่อีกราย Laurent Junique ผู้ก่อตั้ง TDCX ผู้ให้บริการด้านคอลเซ็นเตอร์ ที่นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กเมื่อปีที่ผ่านมา โดยเขาติดอันดับ 47 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 825 ล้านเหรียญ

สำหรับมหาเศรษฐีหลุดจากอันดับเมื่อปีที่ผ่านมาได้แก่ Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้งศูนย์แลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซี Binance โดยเขายังเป็นหนึ่งในกลุ่มมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในสิงคโปร์ที่ย้ายไปอยู่ที่ดูไบ สำหรับมหาเศรษฐีที่หลุดอันดับอีกรายได้แก่ Anthony Tan ผู้ร่วมก่อตั้ง Grab Holdings ที่มูลค่าหุ้นของซูเปอร์แอปฯ แห่งนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง

สำหรับมูลค่าทรัพย์สินต่ำสุดในการติดอันดับในรายชื่อ 50 มหาเศรษฐีสิงคโปร์ในปีนี้อยู่ที่ 705 ล้านเหรียญ ลดลงจากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่ำสุดในปีที่แล้วที่ 735 ล้านเหรียญ ทั้งนี้ 10 อันดับแรก จากการจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีสิงคโปร์ ประจำปี 2022 มีรายชื่อดังต่อไปนี้

อันดับหนึ่ง: Li Xiting มูลค่าทรัพย์สิน 1.56 หมื่นล้านเหรียญ
อันดับสอง: พี่น้องตระกูล Ng มูลค่าทรัพย์สิน 1.52 หมื่นล้านเหรียญ
อันดับสาม: Goh Cheng Liang มูลค่าทรัพย์สิน 1.3 หมื่นล้านเหรียญ
อันดับสี่: Eduardo Saverin มูลค่าทรัพย์สิน 9.6 พันล้านเหรียญ
อันดับห้า: Kwek Leng Beng และครอบครัว มูลค่าทรัพย์สิน 9.3 พันล้านเหรียญ
อันดับหก: Zhang Yong และ Shu Ping มูลค่าทรัพย์สิน 7.7 พันล้านเหรียญ
อันดับเจ็ด: Leo Koguan มูลค่าทรัพย์สิน 7.6 พันล้านเหรียญ
อันดับแปด: ตระกูล Khoo มูลค่าทรัพย์สิน 6.9 พันล้านเหรียญ
อันดับเก้า: Wee Cho Yaw มูลค่าทรัพย์สิน 6.8 พันล้านเหรียญ
อันดับสิบ: พี่น้องตระกูล Kwee มูลค่าทรัพย์สิน 5.8 พันล้านเหรียญ

การจัดอันดับนี้ใช้ข้อมูลทางการเงินและการถือครองหุ้น ที่ได้รับมาจากทางครอบครัวและปัจเจกบุคคล ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ นักวิเคราะห์ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และหน่วยงานกำกับดูแลหลายแห่ง รวมถึงทรัพย์สินของครอบครัวและทรัพย์สินที่ถือครองโดยสมาชิกครอบครัวในหลายรุ่น ทั้งนี้ มูลค่าทรัพย์สินในบริษัทมหาชนคำนวณจากราคาหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 19 สิงหาคม ส่วนทรัพย์สินในบริษัทที่ถือครองส่วนตัวประเมินค่าโดยเปรียบเทียบกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเดียวกันที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น

แปลและเรียบเรียงจาก <a href="https://www.forbes.com/sites/naazneenkarmali/2022/09/07/singapores-50-richest-2022-buffeted-by-global-headwinds-and-a-tech-rout-collective-wealth-drops-by-a-fifth/?sh=79430d69307c">Singapore’s 50 Richest 2022: Buffeted By Global Headwinds And A Tech Rout, Collective Wealth Drops By A Fifth เผยแพร่บน forbes.com</a>

<hr />
<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>
&nbsp;

การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีสิงคโปร์ ประจำปี 2022

Chew Gek Khim นักสร้างมูลค่าแห่ง Straits Trading

<h2>Peter Lim มหาเศรษฐีพันล้านชาวสิงคโปร์ ผนึกกำลัง Wellington College จัดตั้งโรงเรียนนานาชาติในอินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ตอบสนองความต้องการด้านการศึกษาที่เพิ่มขึ้นในหมู่ชนชั้นกลางชาวเอเชีย และชาวต่างชาติที่ย้ายถิ่นฐานมาพำนักในภูมิภาคนี้</h2>
<img class="alignnone wp-image-59433" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/03/230222_wellingtonschool_wellingtonschool.jpg" alt="Peter Lim Wellington College" width="720" height="480" />

ด้าน <a href="https://www.wellingtoncollege.org.uk">Wellington College</a> เป็นโรงเรียนในสหราชอาณาจักรซึ่งก่อตั้งโดยสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียในปี 1859 และได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในโรงเรียนชั้นนำ 10 แห่งของโลกที่จัดการเรียนการสอนภายใต้หลักสูตร International Baccalaureate Programme หรือ IB ที่ถูกออกแบบเพื่อการเรียนรู้ข้ามประเทศ และใช้กันอย่างแพร่หลายมากกว่า 156 ประเทศทั่วโลก

ปัจจุบัน Wellington College มีการขยายธุรกิจไปทั่วเอเชีย อาทิ แคมปัสในประเทศจีนและในไทย และกำลังจะเปิดอีกแห่งหนึ่งในอินเดียภายในปี 2023 ที่จะถึงนี้

“ภูมิภาคนี้มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และมีความต้องการสถาบันการศึกษาในรูปแบบของโรงเรียนนานาชาติอย่าง Wellington ที่พร้อมมอบประสบการณ์ทางวิชาการรอบด้านและโอกาสที่ไม่มีใครเทียบเทียม” Scott Bryan ผู้อำนวยการระดับนานาชาติจาก Wellington College International กล่าวในแถลงการณ์

ล่าสุด เมื่อวันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ 2022 WCI Regional Management ของ Peter Lim ได้ลงนามในข้อตกลงใบอนุญาตเพื่อจัดตั้งโรงเรียนนานาชาติสำหรับเด็กอายุ 3 ถึง 18 ปีใน 3 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

โดยที่โรงเรียนแต่ละแห่งจะสามารถรองรับนักเรียน ตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาลไปจนถึงมัธยมศึกษาได้มากถึง 2,000 คน

“เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นพันธมิตรกับ Wellington College ในการมอบโอกาสให้ชาวต่างชาติและผู้ปกครองในเอเชียให้ได้รับการศึกษาภายใต้หลักสูตรที่ดีที่สุดแก่บุตรหลานของตนที่แคมปัสในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” Lim กล่าว 

“Wellington College นับเป็นตัวเลือกในอุดมคติของใครหลายๆ คน โดยเราเชื่อว่าคุณค่าของความกล้าหาญ ความเคารพ ความซื่อสัตย์ ความมีน้ำใจ และความรับผิดชอบของผู้คนในสถาบันแห่งนี้สอดคล้องอย่างยิ่งกับอุดมการณ์ของคนเอเชีย”

ทั้งนี้ Forbes ประมาณการว่า Lim มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ครองอันดับที่ 15 ในทำเนียบมหาเศรษฐีสิงคโปร์  ซึ่งหลังจากถอนเงินจาก Wilmar บริษัทน้ำมันปาล์มรายใหญ่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว อดีตนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์รายนี้ก็เดินหน้าลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การดูแลสุขภาพ และการกีฬา กระทั่งเข้าซื้อสโมสรฟุตบอล Valencia ของสเปนและเชนโรงพยาบาล <a style="color: #008000;" href="https://www.thomsonmedical.com/about-thomson-medical-group/">Thomson Medical Group</a> ในสิงคโปร์

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Billionaire Peter Lim, Wellington College To Set Up International Schools In Southeast Asia เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/sponsored-content/kings-college-bkk.html">King’s College International School Bangkok มุ่งปลูกฝังความรู้และคุณค่า บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ใหม่ให้มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่</a>

Peter Lim จับมือ Wellington College จัดตั้งโรงเรียนนานาชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีสิงคโปร์ ประจำปี 2021

<h2>Fragrance Group ธุรกิจของ Koh Wee Meng ยังคงขยายสาขาโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ไปยังต่างประเทศ</h2>
ปีที่แล้ว Koh Wee Meng ได้ตัดสินใจขายโรงแรมราคาประหยัด 23 แห่งในสิงคโปร์ ที่ทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีขึ้นมา “ผมเหนื่อยมาก” Koh วัย 56 ปีกล่าว “ผมคิดว่าจะเกษียณแล้ว ผมทำธุรกิจนี้มาตลอด 26 ปีที่ผ่านมา และถ้าจะมีใครอยากได้โรงแรมและให้ราคาที่ใช่ ผมจะเป็นพันธมิตรกับเขา”

ถึงกระนั้น Koh ยังไม่ได้ยอมรับข้อเสนอใดสำหรับโรงแรมที่ Savills บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ประเมินราคาไว้ที่ราว 1.4 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ Koh เริ่มต้นธุรกิจโรงแรมในช่วงกลางทศวรรษที่ 90 โดยสร้างโรงแรม Fragrance แห่งแรกในย่านโคมแดง อันพลุกพล่านของสิงคโปร์เมื่ออายุได้ 33 ทุกวันนี้ ทรัพย์สินส่วนใหญ่ของเขายังผูกอยู่กับหุ้นร้อยละ 86 ใน Fragrance Group ของเขา รวมถึงโรงแรมหลายแห่งที่ไม่ได้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์

Koh รั้งอันดับ 32 ในอันดับมหาเศรษฐีของสิงคโปร์ หลังจากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของเขาลดลงร้อยละ 7 เมื่อราคาหุ้นของ Fragrance Group ดิ่งลงร้อยละ 14 ในปีที่ผ่านมา อันเป็นผลจากความวิตกว่ายอดขายอสังหาริมทรัพย์จะตกต่ำเนื่องจากรัฐบาลสิงคโปร์ออกมาตรการเพิ่มเติมในการลดความร้อนแรงของตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศที่ผ่านมา กลุ่ม Fragrance มีโครงการที่พักอาศัยในสิงคโปร์น้อยลง และหันไปเพิ่มการลงทุนในต่างประเทศ หลังจากบุกตลาดออสเตรเลียเป็นครั้งแรกเมื่อ 5 ปีก่อน ตอนนี้ Fragrance กำลังสร้างโรงแรมและโครงการที่อยู่อาศัยรวม 6 แห่งใน Melbourne, Perth และ Tasmania

อย่างไรก็ตาม Koh เผยว่า ความตั้งใจหลักของเขาคือซื้อ (มากกว่าสร้าง) โรงแรมในสหราชอาณาจักร ในช่วงที่ค่าเงินปอนด์อ่อนตัวหลังจากสหราชอาณาจักรลงประชามติออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป เขาใช้เวลาร่วมเดือนในปี 2016 และ 2017 นั่งรถไฟกลับไปกลับมาในอังกฤษเพื่อตามหาโรงแรมระดับกลางราคาถูก “เงินปอนด์ถูกมาก” เขาเท้าความ

<img class="alignnone size-full wp-image-22863" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/10/Imperial-Hotel-Blackpool.jpg" alt="" width="880" height="430" data-wp-editing="1" />

ตั้งแต่นั้นมา Fragrance ใช้เงินไปกว่า 60 ล้านปอนด์ (หรือ 75 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) และโดยมากเป็นการชำระเงินสด เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ 11 แห่งใน Bath, Blackpool, Devon, Liverpool และ Manchester หนึ่งในบรรดากิจการที่ Fragrance เข้าซื้อล่าสุดคือ Imperial Hotel อายุ 152 ปี ใน Blackpool ซึ่งบริษัทซื้อมาในราคา 12.8 ล้านปอนด์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2017 Imperial Hotel เคยต้อนรับแขกเหรื่อที่มีชื่อเสียง อาทิ Charles Dickens ซึ่งเข้าพักที่โรงแรมในปี 1869 ระหว่างหยุดพักจากการออกทัวร์อำลา ในปี 2018 รายได้ของ Fragrance โดดขึ้นร้อยละ 65 จากปีก่อนหน้า ไปอยู่ที่ 326 ล้านเหรียญสิงคโปร์ โดยได้แรงหนุนจากยอดขายอสังหาริมทรัพย์ใน Melbourne และสิงคโปร์ รวมถึงรายได้จากโรงแรมในอังกฤษและ Tasmania

รายงานโดย Jessica Tan
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/world/asia/10-%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%9a-%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%a9%e0%b8%90%e0%b8%b5%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b9%82%e0%b8%9b.html">อ่านเพิ่มเติม 10 อันดับมหาเศรษฐีสิงคโปร์ ประจำปี 2019</a></li>
</ul>

<hr />

<a href="https://bit.ly/2kmIPNv">คลิกอ่านฉบับเต็ม “การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีสิงคโปร์ ประจำปี 2019” ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกันยายน 2562 ได้ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="https://bit.ly/2kmIPNv"><img class="lazy alignnone wp-image-15976 lazy-loaded" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/COVER-76-SEPTEMBER-.jpg" sizes="(max-width: 250px) 100vw, 250px" srcset="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/COVER-76-SEPTEMBER-.jpg 750w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/COVER-76-SEPTEMBER--229x300.jpg 229w" alt="" width="250" height="328" data-lazy-type="image" data-lazy-src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/COVER-76-SEPTEMBER-.jpg" data-lazy-srcset="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/COVER-76-SEPTEMBER-.jpg 750w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/COVER-76-SEPTEMBER--229x300.jpg 229w" data-lazy-sizes="(max-width: 250px) 100vw, 250px" /></a>

Fragrance Group สบโอกาสซื้อกิจการโรงแรมในยุโรป

<h2 class="p1">หนึ่งปีหลังจากเขาเริ่มเข้ามาติดในทำเนียบคนรวยที่สุดของสิงคโปร์เป็นครั้งแรก Forrest Li ยังคงโดดเด่นในฐานะมหาเศรษฐีเกมออนไลน์คนเดียวในโผของปีนี้</h2>
Forrest Li โดดขึ้น 21 อันดับ ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 21 ด้วยทรัพย์สินสุทธิมากขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว จาก 738 ล้านเหรียญเป็น 1.57 พันล้านเหรียญ หลังจากเราวัดมูลค่าทรัพย์สินของเขาครั้งสุดท้ายเมื่อกรกฎาคม 2018
Li ถือหุ้น 15.5 % ใน Sea ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ หุ้นของกลุ่มทะยานขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์หลังจากกลุ่มแจ้งยอดขายซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ราว 1 พันล้านเหรียญในปี 2018 และทำกำไรในไตรมาส 4 เหนือกว่าความคาดหมาย ราคาหุ้นยังขึ้นต่อในปี 2019 และเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่านับตั้งแต่เดือนมกราคม จนราคาอยู่ที่ประมาณ 34.50 เหรียญ
บริษัทวิเคราะห์ข้อมูล App Annie กล่าวว่า สิ่งที่อยู่เบื้องหลังราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นอย่างน่าทึ่งคือเกมแนว battle royale (เกมที่ผู้เล่นต่อสู้กันเพื่อเอาชีวิตรอด) ชื่อ Free Fire ของ Sea ซึ่งมียอดดาวน์โหลดเป็นอันดับ 4 ในปีที่แล้วทั้งในร้านของ Apple และ Google รวมกัน โดยปัจจุบัน Free Fire คุยอวดว่า มีผู้เล่นลงทะเบียนถึง 350 ล้านคน และในขณะเดียวกัน Shopee ซึ่งเป็นธุรกิจอี-คอมเมิร์ซของ Sea ที่ทำยอดขายให้กลุ่มมากกว่า 25% ก็มีจำนวนผู้ซื้อที่ประจำเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในปีที่แล้วจนเกือบถึง 50 ล้านคน
ผลประกอบการของ Sea แข็งแกร่งพอจะส่งให้ Gang Ye ผู้ร่วมก่อตั้ง Sea ซึ่งถือหุ้นในบริษัทไม่ถึง 9% เข้ามาอยู่ในทำเนียบการจัดอันดับของเราด้วยทรัพย์สินสุทธิประมาณ 900 ล้านเหรียญ ทั้งสองร่วมกันก่อตั้ง Sea ในปี 2009 ซึ่งในตอนนั้นใช้ชื่อว่า Garena และภายในไม่ถึงปีโอกาสครั้งใหญ่ก็มาถึงเมื่อพวกเขาได้เป็นหุ้นส่วนกับบริษัทพัฒนาเกมในสหรัฐฯ ชื่อ Riot Games (ซึ่งอยู่เบื้องหลังเกม League of Legends ที่ขายให้ Tencent ของจีนไปเมื่อปี 2011)
แม้จะประสบความสำเร็จหลายอย่าง แต่ Sea ก็ยังไม่ทำกำไร และผลขาดทุนก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับยอดขาย โดยผลขาดทุนสุทธิปี 2018 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 70% เป็น 961 ล้านเหรียญ
โฆษกของบริษัทกล่าวว่า สาเหตุหลักของการขาดทุนมาจากการลงทุนใน Shopee ซึ่งยังขยายกิจการอยู่นับตั้งแต่เปิดตัวมาได้ 3 ปีครึ่ง แต่รายงานฉบับเดือนพฤษภาคมของ Piper Jaffray กล่าวว่า จีดีพีที่เพิ่มขึ้นและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้น่าจะช่วยสร้างการเติบโตให้ Sea ต่อไปได้อย่างแข็งแกร่ง และผลกำไรยังมีแนวโน้มสดใสอีกด้วย -- Grace Chung
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/world/asia/10-%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%9a-%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%a9%e0%b8%90%e0%b8%b5%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b9%82%e0%b8%9b.html">10 อันดับ “มหาเศรษฐีสิงคโปร์” ประจำปี 2019</a></li>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/world/asia/daryl-ng-%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%a0%e0%b8%b9%e0%b8%a1%e0%b8%b4-%e0%b8%a1%e0%b8%b8%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%b9%e0%b9%88%e0%b8%94%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%b4%e0%b8%97.html">Daryl Ng หาชัยภูมิ มุ่งสู่ดิจิทัล</a></li>
</ul>
&nbsp;
ภาพ: Nicky Loh/Bloomberg


<hr />

<a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/b10a4bd1-2701-4112-b9eb-5353382560ea">คลิกอ่านเรื่องราวของ 50 อันดับเศรษฐีสิงคโปร์ ประจำปี 2019 ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกันยายน 2562 ได้ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-15976" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/09/COVER-76-SEPTEMBER-.jpg" alt="" width="300" height="394" />

Forrest Li เศรษฐีสิงคโปร์ผู้เข้าร่วมชมรมพันล้าน

<h2>จาก 50 มหาเศรษฐีสิงคโปร์ประจำปี 2018 เราได้นำ 5 อันดับมหาเศรษฐีสิงคโปร์ที่ลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในกอง REIT นอกประเทศ การลงทุนในอุตสาหกรรมเกม พลังงาน และสุขภาพ นับเป็นช่วงเวลาที่ดีของพวกเขาในการลงทุนและการสานสัมพันธ์กับนักลงทุนต่างชาติ ในขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจของสิงคโปร์จะชะลอตัวไปบ้างก็ตาม</h2>
<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/0e961b89260935515be6637afeb784f9.jpg" alt="" />
อันดับที่12
PETER LIM
อายุ: 65 ปี
มูลค่าทรัพย์สิน: 2.45 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: Thomson Medical Group

Lim จัดการทำข้อตกลงในปี 2017 เพื่อถ่ายโอนสินทรัพย์ด้านบริการสุขภาพในสิงคโปร์และมาเลเซียไปยังบริษัทมหาชนชื่อ Rowsley ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น Thomson Medical Group อดีตนายหน้าซื้อขายหุ้นผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องการลงทุนแบบชาญฉลาด ซึ่งครอบครองหุ้นเกือบ 90% ของ Thomson ได้รับการแสดงความยินดีบนโฆษณาครึ่งหน้าในหนังสือพิมพ์ Straits Times ของสิงคโปร์ จากผู้ที่ไม่ใช่ใครอื่นคือดาราฟุตบอล Cristiano Ronaldo Lim (ซ้ายมือส่วนขวามือคือ Cherie ผู้เป็นภรรยา) คือแฟนกีฬาตัวยง และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์รูปของ Ronaldo รวมถึง Valencia สโมสรฟุตบอลสัญชาติสเปน

แม้โครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างสิงคโปร์และมาเลเซียเผชิญโชคชะตาอันไม่แน่นอน แต่ Thomson ยังตั้งเป้าว่า แผนการยิ่งใหญ่มูลค่า 1.2 พันล้านเหรียญเพื่อสร้างเมืองแห่งบริการสุขภาพในเมือง Johor ที่อยู่ใกล้เคียง ยังคงดำเนินการต่อไป
<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/5a40b432238b680728dba018775f8c32.jpg" alt="" />
อันดับที่ 32 ติดอันดับเป็นครั้งแรก
Gordon Tang (ซ้าย)
มูลค่าทรัพย์สิน: 1 พันล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: SingHaiyi Holdings

Tang ผู้อาศัยถาวรของสิงคโปร์ซึ่งเป็นชาวจีนโดยกำเนิด เข้าสู่อันดับ Top 50 เป็นครั้งแรก หุ้นของเขาประกอบด้วยหุ้นที่มีอำนาจในการควบคุมกิจการใน SingHaiyi Group บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นซึ่งเขาบริหารงานจนถึงปี 2013 แล้วจึงมอบให้ Celine ภรรยาของเขาดูแลต่อ

ขณะนี้ Tang ซึ่งเป็นกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร ทุ่มความสนใจให้กับการพัฒนาเขตชุมชนในเมือง Shantou ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน หุ้นส่วนธุรกิจของ Tang และประธานของ SingHaiyi คือ Neil Bush (ขวามือ) น้องชายของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ George W. Bush (ในปี 2015 Tang บริจาคเงิน 1.3 ล้านเหรียญให้กับ Jeb Bush พี่ชายของ Neil สำหรับแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016) Tang และภรรยายังครอบครองหุ้นคุณค่าในกองทุนทรัสต์อสังหาริมทรัพย์ Suntec REIT, Cromwell European REIT และ OUE Commercial REIT

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/6f11e5377fb6595d39c0c45f07f2012c.jpg" alt="" />
อันดับที่ 34
Muhammed Aziz Khan
อายุ: 63 ปี
มูลค่าทรัพย์สิน: 910 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: Summit Group

Khan ซึ่งเป็นชาวบังกลาเทศโดยกำเนิด คือผู้อาศัยถาวรของสิงคโปร์นับตั้งแต่ปี 1988 และประธานบริษัท Summit Group กำลังรอยื่นจดทะเบียนบริษัทพลังงานของเขาชื่อ Summit Power Internationalในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์

Summit คือผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในภาคเอกชนของบังกลาเทศ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก International Finance Corp มีโรงงานนับสิบแห่งที่มีกำลังการผลิตรวมกัน 1,508 เมกะวัตต์ บริษัทยังมีโครงการใหม่มูลค่า 3 พันล้านเหรียญ ร่วมกับ GE และ Mitsubishi ของญี่ปุ่น เพื่อสร้างโรงไฟฟ้ารวมถึงคลังก๊าซและน้ำมันหลายแห่งในบังกลาเทศ

Summit Power ซึ่งตั้งอยู่ที่สิงคโปร์และเลื่อนการขาย IPO ออกไปเมื่อไม่นานนี้เนื่องจากความไม่แน่นอนในตลาดบริหารโดย Ayesha บุตรสาวของ Khan ที่จบการศึกษาด้านธุรกิจจาก Columbia University

Khan เป็นบุตรชายของเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งมีธุรกิจก่อสร้างเขาได้ก่อตั้ง Summit ขึ้นในปี 1985 และขยายกิจการสู่ธุรกิจปุ๋ยและธุรกิจเทรดดิ้ง ก่อนปักหลักที่ด้านโครงสร้างพื้นฐานความสนใจด้านอื่นๆ ของ Summit ยังประกอบด้วย ท่าเรือใยแก้วนำแสง และอสังหาริมทรัพย์

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/e3b7b1cc5525b165769d61ebacde2016.jpg" alt="" />
ลำดับที่ 38 
JOHN LIM
อายุ: 62 ปี
มูลค่าทรัพย์สิน: 780 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: ARA

ผู้ร่วมก่อตั้ง ARA Asset Management มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นกว่า 1 ใน 3 จากข้อมูลการเงินใหม่ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทที่เพิ่งผ่านการแปรรูปไปเป็นกิจการของเอกชนของเขา สินทรัพย์ภายใต้การจัดการของบริษัทและหน่วยอื่นๆ ในเครือเพิ่มมูลค่ากว่าสองเท่าเป็น 5.8 หมื่นล้านเหรียญ ในปี 2017 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเข้าซื้อกิจการ Lim ซึ่งถือหุ้น ARA เกือบ 1 ใน 3 ขยายพอร์ตการลงทุนด้วยการซื้อหุ้นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น Kenedix และ Cromwell Property Group จากออสเตรเลียซึ่งมีสินทรัพย์อยู่ในยุโรป เป็นเงิน 575 ล้านเหรียญ ARA ยังเดินหน้าลงทุนเพิ่มเติมในจีนผ่านกิจการร่วมค้ากับ AVIC ทรัสต์เพื่อการลงทุนในจีน ขณะนี้ ARA บริหารจัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) 21 แห่ง และกองทุนอสังหาริมทรัพย์เอกชนอีกกว่า 70 แห่ง ใน 20 ประเทศ

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/c595af4437a629112c7364f84c75e619.jpg" alt="" />
อันดับที่ 42 ติดอันดับเป็นครั้งแรก
Forrest Li
อายุ: 40 ปี
มูลค่าทรัพย์สิน: 738 ล้านเหรียญ
แหล่งที่มา: Sea

ชาวเมือง Tianjin ผู้นี้จบจาก Stanford University แล้วมาก่อตั้งและบริหารงานบริษัทเกมออนไลน์ชื่อ Sea ซึ่งเขายังมีหุ้นในอี-คอมเมิร์ซ (Shopee) และอี-เพย์เมนต์ (AirPay) ด้วยเช่นกัน Li เข้าสู่รายชื่อ 50 อันดับแรกหลังยื่นจดทะเบียน Sea (เดิมชื่อ Gerena) ที่ตลาดหุ้น New York ในเดือนตุลาคม Sea ได้รับการสนับสนุนจาก Tencent ที่ถือหุ้น 35% ส่วนนักลงทุนรายอื่นๆ ใน Sea ยังประกอบด้วยมหาเศรษฐีพันล้าน Kuok Khoon Hong แห่งบริษัท Wilmar และ General Atlantic บริษัทลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ Sea (มูลค่าตลาด) 5.3 พันล้านเหรียญ ซึ่งหุ้นมีราคาซื้อขายใกล้เคียงกับราคา IPO ยังไม่สร้างผลกำไรในขณะนี้

<hr />

<a href="http://bit.ly/2vFS9h0">คลิกอ่าน การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดแห่งสิงคโปร์ ประจำปี 2018 ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับเดือนสิงหาคม 2561</a>
<a href="http://bit.ly/2vFS9h0"><img class="" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/3e29361bc2662e0897d1598a25fe6216.jpg" alt="" width="224" height="294" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events