<h2>จนหรือรวย คนไทยก็ซื้อแบรนด์เนมหรู เพื่อบอกสถานะสังคม สร้างบารมี หรือให้รางวัลตัวเองได้ Brandname Money (แบรนด์เนม มันนี่) เตรียมจับมือร่วมทุนสถาบันการเงินพร้อมระดมทุนจากตลาดฯ ลุยให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อตั้งแต่หลักพันถึงหลักล้าน คาด 3 ปี พอร์ตสินเชื่อแตะ 1 พันล้านบาท</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ท่ามกลางสงครามการค้า ภาวะเศรษฐกิจซบเซา มูลค่าตลาดการซื้อขายสินค้าแบรนด์เนม Luxury ในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างยุโรป หรืออเมริกา อาจจะชะลอตัวลง แต่ประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างไทยพบว่าคนยังซื้อแบรนด์เนม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และในปี 2567-2571 ถูกคาดการณ์ว่า ความต้องการแบรนด์เนมอาจจะมีการขยายตัวถึง 5.62% ต่อปี จากที่มีมูลค่าการซื้อขายสินค้ามือหนึ่งสูงถึง 4,640 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี หรือเป็นมูลค่ากว่า 157,000 ล้านบาท และมูลค่าแบรนด์เนมมือสองอีกกว่า 40,000 ล้านบาท รวมเป็นกว่า 2 แสนล้านบาท แซงประเทศสิงคโปร์ที่ตลาดมีมูลค่าอยู่ที่ 4,060 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ไทยขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งของตลาดสินค้าแบรนด์เนมในอาเซียนตั้งแต่ปีที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปพน มนัสภากร เจ้าของบริษัทอะไหล่รถยนต์ผู้มี passion เรื่องการสะสมนาฬิกาแบรนด์เนมมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ภายหลังเขาได้รับนาฬิกา Tag Heuer เป็นรางวัลจากคุณพ่อเป็นเรือนแรก เมื่อได้ทำงานมีเงินเดือนเป็นของตนเอง ปพนก็เริ่มเข้าสู่วงการสะสมและซื้อมาขายไปกระเป๋าและนาฬิกาแบรนด์เนมเต็มตัว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราผ่อนทีวี รถยนต์ เครื่องซักผ้าได้ แต่ทำไมไม่มีสถาบันการเงินมาบริการผ่อนของแบรนด์เนมบ้าง ทั้งที่ของพวกนี้มันซื้อไว้เป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนได้ หาคำตอบให้ตัวเองอยู่นาน และเห็นว่า การสะสมแบรนด์เนม สามารถสร้างรายได้ ในที่สุดผมก็โดดเข้าสู่วงการบริการสินเชื่อเช่าซื้อและขายฝากแบรนด์เนม” ปพณบอก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัท แบรนด์เนม มันนี่ จำกัด (Brandname Money) ถูกตั้งขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาทในเดือนมิถุนายน ปี 2567​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/Y5b425awk5TuApJK2Ry2.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="Y5b425awk5TuApJK2Ry2.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,404"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แบรนด์เนม มันนี่ ให้บริการสินเชื่อเพื่อซื้อสินค้าแบรนด์เนมใน 3 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบแรก คือ สินเชื่อแบบ ผ่อนไป ใช้ไป ให้ลูกค้าได้ครอบครองแบรนด์เนมที่ต้องการได้ทันทีหลังได้รับอนุมัติ ไม่ต้องรอ ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต เพียงดาวน์เริ่มต้น 30% ของราคาสินค้า พร้อมดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 0.99% ต่อเดือน ผ่อนสบายๆ ได้นานสูงสุด 24 เดือน อนุมัติไวภายใน 3 วัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแบ่งชำระค่าใช้จ่าย และมีรายได้ประจำ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/47yVSo397y6MMJamxRgy.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="47yVSo397y6MMJamxRgy.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="720,405"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รูปแบบที่ 2 เป็นสินเชื่อแบบผ่อนจบ รับของ เป็นสินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่ต้องการเป็นเจ้าของแบรนด์เนม โดยไม่ต้องมีภาระผูกพันทางการเงินมากนัก เพียงดาวน์เริ่มต้น 30% ของราคาสินค้ากับบริษัท และสามารถรับสินค้าไปใช้ได้ทันทีที่ผ่อนกับบริษัทจนครบกำหนดสูงสุด 10 เดือน บริษัทคิดดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.25% ต่อเดือน และอนุมัติภายใน 1 ชั่วโมง โดยไม่ต้องเช็กเครดิตบูโร สินเชื่อแบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการความยุ่งยากในการตรวจเช็กเครดิตในการเป็นเจ้าของแบรนด์เนม​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/meMWgjP9Ky1W2bvZoaxX.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="meMWgjP9Ky1W2bvZoaxX.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2" origin-size="720,404"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนบริการรูปแบบที่ 3 เป็นการให้บริการขายฝากนาฬิกา กระเป๋า และจิวเวลรี่แบรนด์เนม เปิดโอกาสให้ผู้คนนำสินทรัพย์ที่มีคุณค่าเหล่านี้มาแปลงเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน โดยไม่ต้องเสีย “ของรัก” ไป​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/otvVGBkAosER5LtjKVdf.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="otvVGBkAosER5LtjKVdf.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3" origin-size="720,402"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปพน ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจบริการสินเชื่อ เช่าซื้อ ขายฝากแบรนด์เนม อาทิ กระเป๋า นาฬิกา เครื่องประดับ มาตั้งแต่กลางปี 2567 จนถึงปัจจุบันได้ปล่อยสินเชื่อไปแล้ว ประมาณ 100 ล้านบาทแล้ว โดยเป็นสินเชื่อขายฝากกว่า 80 ล้านบาท เนื่องจากคนขาดสภาพคล่อง ต้องการเอาเงินไปหมุนในธุรกิจ และใช้เพื่อรักษาคนในครอบครัว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อ หรือผ่อนไปใช้ไป ประมาณ 15 ล้านบาท และผ่อนจบ รับของอีก 4-5 ล้านบาท โดยคาดว่าสิ้นปีนี้มูลค่าพอร์ตสินเชื่อจะจบปีที่ 300 ล้านบาท และเป้าหมายภายใน 3 ปีนี้ คือปี 2571 จะเพิ่มพอร์ตสินเชื่อเป็น 1,000 ล้านบาท ปัจจุบันลูกค้าของแบรนด์เนม มันนี่ มีทั้งชายหญิงอย่างละเท่าๆ กัน อายุระหว่าง 25-45 ปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“คนไทยรุ่นใหม่นิยมใช้สินค้าแบรนด์เนมมากขึ้น เพื่อเป็นรางวัลให้ตัวเอง สร้างบารมี และยังเป็นการสร้าง ภาพลักษณ์บ่งบอกตัวตนในสังคม แสดงถึงความมีรสนิยม ขณะที่บางส่วนมองว่าเป็นการลงทุนระยะยาว และแบรนด์หรูระดับโลกที่นิยมใช้ดารา นักร้องหรือไอดอลของไทยเป็นพรีเซนเตอร์และแบรนด์แอมบาสเดอร์มากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การเข้ามาเปิดช็อปและคาเฟ่ที่มีเพียงไม่กี่ประเทศในโลกในเมืองไทย ทำให้เห็นอนาคตของตลาดสินค้าลักชัวรี่ เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น จะมีความต้องการซื้อสินค้าแบรนด์เนมมากขึ้น ทำให้เป็นผลดีกับสินเชื่อเพื่อซื้อแบรนด์เนมมากขึ้น แต่ยุคที่เศรษฐกิจชะลอตัวหรือฝืดเคือง สินเชื่อขายฝากก็มีโอกาสเติบโตขึ้นได้ เพราะมีลูกค้านำทรัพย์สินแบรนด์เนมของตัวเองมาแปลงเป็นเงินสดเพื่อให้มีสภาพคล่องทางการเงิน โดยใช้บริการสินเชื่อขายฝาก เช่นในภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ ธุรกิจเราจึงเติบโตได้ทั้งในสภาวะเศรษฐกิจดีหรือไม่ดี” ปพนกล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/taNVS5HLLuAmhHQomjpN.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="taNVS5HLLuAmhHQomjpN.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="4" origin-size="480,720"><figcaption><div>ปพน มนัสภากร</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดังนั้น บริษัทจึงมีแผนที่จะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ MAI เพื่อระดมเงินทุน 100-200 ล้านบาท ในอีก 5 ปี เพื่อมาขยายธุรกิจที่คาดว่าจะมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน Brandname Money มีพันธมิตร ที่เป็นร้านขายสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำมากกว่า 40 ร้าน และยังรับสมัครร้านค้าที่ต้องการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อแบรนด์เนมผ่อนได้ โดยทางแบรนด์เนม มันนี่ จะดูแลเรื่องสินเชื่อให้ลูกค้าของร้าน โดยร้านค้าจะได้รับเงินค่าสินค้าเต็มจำนวน และให้ลูกค้ามาผ่อนสินค้ากับแบรนด์เนม มันนี่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ปัจจุบันผมมีการเจรจากับสถาบันการเงิน และนักลงทุนหลายกลุ่ม เพื่อร่วมหุ้นทำให้ธุรกิจนี้แข็งแกร่งมากขึ้น ผมอยากทำให้เห็นว่า คนที่ไม่ได้รวย และฝันจะมีนาฬิกา กระเป๋า หรือจิวเวลรี่แบรนด์เนมดังๆ สักแบรนด์ไว้ในครอบครองไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อ” ปพนบอก ภาพ: แบรนด์เนม มันนี่กราฟิกโดย: ธัญวดี นิรุตติศาสตร์ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/central-phuket-expand-luxury-zone" alt="‘ภูเก็ต’ กำลังเป็นเมืองลักชู แบรนด์หรูลุยขยายพื้นที่-เปิดช็อปเพิ่ม ‘เซ็นทรัล ภูเก็ต’ เตรียมขยายโซนหรูเพิ่ม 4 เท่าในปี 2026">‘ภูเก็ต’ กำลังเป็นเมืองลักชู แบรนด์หรูลุยขยายพื้นที่-เปิดช็อปเพิ่ม ‘เซ็นทรัล ภูเก็ต’ เตรียมขยายโซนหรูเพิ่ม 4 เท่าในปี 2026</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

จนหรือรวย คนไทยก็ซื้อแบรนด์เนม! ‘แบรนด์เนม มันนี่’ ลุยสินเชื่อเช่าซื้อของหรู คาด 3 ปี พอร์ตแตะ 1 พันล้าน

<h2>แม้ปี 2024 จะเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับธุรกิจสินค้าลักชัวรี่ Hermes กลับมีรายได้ตลอดปีถึง 15,170 ล้านยูโร เติบโตขึ้น 15% จากปี 2023 บริษัทฯ จึงประกาศแจกเงินโบนัสตอบแทนความตั้งใจทำงานแก่พนักงานคนละ 4,500 ยูโร</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป พาให้ตลาดสินค้าลักชัวรี่หดตัวลง 2% และมีแบรนด์ลักชัวรี่เพียง 1 ใน 3 ของทั้งหมดทั่วโลกเท่านั้นที่ยังเติบโตได้ในปี 2024 ที่ผ่านมา โดยยอดขาย ณ ไตรมาส 4 ของสองยักษ์ใหญ่ LVMH ตกลง 2% และ Kering ตกลง 12% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ Hermes แม้อัตราการเติบโตของยอดขายในไตรมาส 3 ของปี 2024 จะอยู่ที่ 11% ลดลงจากไตรมาส 2 ที่ 13% แต่ผลประกอบการไตรมาส 4 ของ Hermes กลับพลิกมาสวยงามเกินคาดที่ 3,962 ล้านยูโร หรือราว 140,000 ล้านบาท เติบโตมากถึง 18%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนรายได้รวมตลอดปี 2024 ของ Hermes อยู่ที่ 15,170 ล้านยูโร หรือราว 530,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 15%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ในปี 2024 ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ผลประกอบการอันมั่นคงเป็นเสมือนเครื่องพิสูจน์ความแข็งแกร่งที่โมเดลธุรกิจของ Hermes มี ไปจนถึงความตื่นตัวของทีมงานของเรา ซึ่งผมรู้สึกของคุณจากใจ” Axel Dumas ประธานกรรมการบริหาร Hermes กล่าวในแถลงการณ์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Hermes ไม่เพียงขอบคุณพนักงานผ่านถ้อยคำเท่านั้น แต่ยังมีประกาศมอบเงินโบนัสมูลค่า 4,500 ยูโร (ราว 158,000 บาท) แก่พนักงานทั้งหมดทั่วโลกที่ตั้งใจอุทิศตัวทำงานตลอดปี 2024&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สื่อ Business Insider รายงานว่าบริษัทลักชัวรี่สัญชาติฝรั่งเศสรายนี้ให้เงินโบนัสพนักงานติดต่อกันมาอย่างน้อย 5 ปีแล้ว โดยในปีล่าสุดก็มีการให้เงินโบนัสแก่พนักงานถึง 4,000 ยูโร (ราว 140,000 บาท) โตแกร่งทั่วโลก เครื่องหนังยังได้รับความนิยม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ Dumas เผยว่า ตลอดปี 2024 ที่ผ่านมา ผลประกอบการของ Hermes ในเอเชียซึ่งรวมถึงจีน มีรายได้ทั้งหมด 8,085 ล้านยูโร ส่วนปี 2025 เขามองว่าตลาดจีนยังคงมีความซับซ้อน แต่เมื่อมองภาพรวมก็ยังเห็นสัญญาณบวก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยุโรปซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของ Hermes เติบโต 16.7% มาอยู่ที่ 3,594 ล้านยูโร และสำหรับตลาดอันดับ 3 อย่างอเมริกา เติบโต 15.5% มาอยู่ที่ 2,865 ล้านยูโร อานิสงส์จากการเปิดร้านใหม่ในเมืองพรินซ์ตันเมื่อเดือนพฤศจิกายนและเปิดอีกร้านหลังปิดรีโนเวตในเมืองแอตแลนตาเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้ยอดขายไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนภูมิภาคตะวันออกกลางและตลาดอื่นๆ อาจคิดเป็นสัดส่วนเพียงไม่ถึง 5% ของรายได้ทั้งปี แต่ยอดขายกลับเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในปี 2024 ที่ผ่านมา ซึ่ง Dumas กล่าวว่าจะมีการทำการตลาดในภูมิภาคเหล่านี้ให้มากขึ้น โดยเน้นไปยังร้านของแบรนด์ในเมืองดูไบและเมืองอาบูดาบี&nbsp; &nbsp; นอกจากนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า Hermes มีความโดดเด่นเรื่องกระเป๋าและเครื่องหนัง ซึ่งแน่นอนว่าหมวดหมู่สินค้าของแบรนด์ที่ทำรายได้มากที่สุดในปีที่ผ่านมาก็คือเครื่องหนัง โดยมีมูลค่า 6,457 ล้านยูโร เติบโต 18.3% รองลงมาคือเสื้อผ้าสำเร็จรูปและเครื่องประดับที่สร้างรายได้ถึง 4,405 ล้านยูโร เติบโต 15.4% ส่วนหมวดหมู่ผ้าไหมและสิ่งทอนั้นเติบโตน้อยที่สุดที่ 3.8% โดยสร้างรายได้ไปทั้งหมด 950 ล้านยูโร ณ สิ้นปี 2024 หมายเหตุ - อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินยูโรเป็นเงินบาท ณ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2025 แหล่งที่มา:​<a href="https://www.forbes.com/sites/pamdanziger/2025/02/17/herms-advances-15-in-2024-and-will-reward-all-employees-a-4700-bonus/" alt="Hermes Advances 15% In 2024 And Will Reward All Employees A $4,700 Bonus">Hermes Advances 15% In 2024 And Will Reward All Employees A $4,700 Bonus</a>​ ​<a href="https://fortune.com/2025/02/17/hermes-bonus-revenue-sharing-social-policies-birkin-kelly-bags/" alt="Hermes gives staff a near-$5,000 bonus amid luxury boost">Hermes gives staff a near-$5,000 bonus amid luxury boost</a>​ ​<a href="https://www.entrepreneur.com/business-news/hermes-is-giving-employees-nearly-5000-in-bonuses/487243" alt="Hermes Is Giving All Employees a Bonus Worth About Half a Birkin Bag">Hermes Is Giving All Employees a Bonus Worth About Half a Birkin Bag</a>​ ​<a href="https://assets-finance.hermes.com/s3fs-public/node/pdf_file/2025-02/1739475049/hermes_20250214_pr_2024fullyearresults_va.pdf?VersionId=qQriZY_1BlBwpp2OmhmriU1k0MRVbUjd" alt="Hermes Outstanding results in 2024">Hermes Outstanding results in 2024</a>​ ภาพ: AFP เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/travel/benefits-of-the-white-lotus-koh-samui-accommodation-searches-increase-by-12-percent" alt="อานิสงส์ The White Lotus ซีซั่น 3 อโกด้าเผย ‘เกาะสมุย’ สุดฮอต ยอดค้นหาที่พักเพิ่มขึ้น 12%">อานิสงส์ The White Lotus ซีซั่น 3 อโกด้าเผย ‘เกาะสมุย’ สุดฮอต ยอดค้นหาที่พักเพิ่มขึ้น 12%</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ปีนี้ก็ยังฉ่ำ! Hermes ประกาศ แจกโบนัส 4,500 ยูโรให้พนักงาน หลังรายได้ Q4/2024 โตแรง 18%

<h2>“ไทยกำลังเป็นเดสติเนชั่นแฟชั่นลักชัวรีอันดับ 1 ของในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” คือคำกล่าวที่ไม่ได้ไกลเกินความจริงสักเท่าไหร่นัก หลังแบรนด์แฟชั่นหรูระดับไฮเอนด์ต่างขยายกิจการในไทยมากขึ้น ทั้งขยายพื้นที่ร้านเดิม เพิ่มคาเฟ่ รวมถึงเปิดบูติกช็อปขนาดใหญ่ในไทย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุดกับแบรนด์ Dior ที่กำลังสร้างร้านบูติกคอนเซ็ปต์ใหม่ซึ่งมีชื่อว่า ‘Dior Gold House’ ตั้งอยู่ในย่านเพลินจิต อยู่ระหว่างเซ็นทรัลชิดลม และเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 ธันวาคม 2567 นี้ เพื่อจัดแสดงผลงานอันแสนสร้างสรรค์ของแบรนด์ ควบคู่ไปกับผลงานของศิลปินในท้องถิ่น นอกจากนี้จะมีคาเฟ่ที่มีขนมหวานจากเชฟมิชลินสตาร์อย่าง Mauro Colagreco ด้วย​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/q24JjGotutktyu7a43qv.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="q24JjGotutktyu7a43qv.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,480"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รูปแบบของบูติกนี้เป็นอาคารสีเหลืองทองอร่าม ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนที่มีแมกไม้นานาพรรณ สะท้อนให้เห็นถึงความรักอันลึกซึ้งของ Christian Dior ที่มีต่อธรรมชาติและการสำรวจสิ่งใหม่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริเวณ Façade ของร้านได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมของร้านแฟล็กชิปสโตร์อันเก่าแก่ของแบรนด์ที่ตั้งอยู่ในกรุงปารีส และยังคล้ายคลึงกับร้านป๊อปอัปขนาดใหญ่พิเศษของแบรนด์ในกรุงโซลที่เปิดตัวในปี 2022 ด้วย​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/maFUzCNXA9UZqkyRFQpm.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="maFUzCNXA9UZqkyRFQpm.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="720,480"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โครงสร้างชั่วคราวนี้จะคงอยู่ที่เดิมเป็นเวลาสองปี โดยจะมีการพัฒนาไปตามฤดูกาลและคอลเลกชั่นที่ออกแบบโดย Maria Grazia Chiuri และ Kim Jones ซึ่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของชุดสตรีและชุดบุรุษ ตามลำดับ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/iBRErVcP92TVSUdXYhR6.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="iBRErVcP92TVSUdXYhR6.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2" origin-size="720,480"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ก่อนหน้า Dior นั้น ที่สร้างความฮือฮาให้กับคนไทยอย่างมาก คือการทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท เปิด “LV The Place Louis Vuitton” ที่เกษรอัมรินทร์ ซึ่งมาครบทั้งรีเทล คาเฟ่ และนิทรรศการ เป็นแห่งที่ 3 ของโลก ตอกย้ำความสำคัญของตลาดลักชัวรีไทยมากที่สุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ก่อนหน้านี้เซ็นทรัลพัฒนาเผยข้อมูลว่าตลาดลักชัวรีไทยที่มีมูลค่ากว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และจะเติบโตเฉลี่ย 6.15% ต่อปี จนถึงปี 2028 ซึ่งสูงกว่าตลาดในสิงคโปร์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“สินค้าลักชัวรีที่เติบโตมากในไทยมาจากความต้องการในประเทศ และอิทธิพลของโซเชียลมีเดีย แม้ตลาดสินค้าหรูทั่วโลกชะลอตัว แต่ไทยกลับเติบโตอย่างแข็งแกร่ง วัดได้จากเม็ดเงินโฆษณาแบรนด์หรูต่างๆ ที่ Target ในไทย โตถึง 214% ในครึ่งปีแรกของปี 2567 สูงที่สุดในเอเชีย ทำให้แบรนด์หรูระดับโลกหลายแบรนด์เริ่มหันมาใช้ KOLs ไทยในฐานะ Brand Ambassador เพราะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะกับกลุ่ม Young Gen” ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่บูติกช็อปของ Dior นั้น จะมีความร่วมมือกับเซ็นทรัลชิดลมซึ่งอยู่ติดกันในหลายด้าน โดย ณัฐธีรา บุญศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล บอกว่าจะร่วมกันในแง่เรื่องที่จอดรถ รวมถึงแลกเปลี่ยนฐานลูกค้าเพื่อช่วยกันและกัน เป็นต้น เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/thailand-luxury-market-rises-overtaking-singapore-for-the-first-time" alt="ตลาด ‘ลักชัวรีแฟชั่น’ เมืองไทยผงาด เตรียมโค่นแชมป์สิงคโปร์ครั้งแรก แบรนด์หรูแห่เปิดช็อปเพิ่ม ห้างขยายพื้นที่">ตลาด ‘ลักชัวรีแฟชั่น’ เมืองไทยผงาด เตรียมโค่นแชมป์สิงคโปร์ครั้งแรก แบรนด์หรูแห่เปิดช็อปเพิ่ม ห้างขยายพื้นที่</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ยลโฉมภายนอก ‘Dior Gold House’ บูติกสีทองอร่ามของ Dior กลางกรุง ก่อนเปิดจริง 8 ธ.ค. 2567 นี้

เปิดแผน 5 ปี ปั้น ‘เซ็นทรัล ภูเก็ต’ สู่มิกซ์ยูสคอมเพล็กซ์

<h1>PP Group ผู้นำเข้าและจำหน่ายสินค้าแฟชั่น Luxury แบรนด์ฮิตในหมู่คนไทย โดยเฉพาะแบรนด์เครื่องหนังสุดคลาสสิกอย่าง Longchamp พร้อมเร่งเครื่องสู่การขายแบบยุคดิจิทัลแบบเต็มตัว</h1>
<img class="alignnone wp-image-52842 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/Longchamp_1002.jpg" alt="PP Group" width="600" height="399" />

สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อหลายอุตสาหกรรม แต่ตลาดสินค้า ​Luxury นั้นกลับสวนกระแส เติบโตราวๆ ร้อยละ 10-20ในครึ่งปีแรก PP Group ได้ตระหนักและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ดังกล่าวมากขึ้น

สุวดี พึ่งบุญพระ ประธานกรรมการ และโอฬาร ปุ้ยพันธวงศ์ รองประธานกรรมการ PP Group จึงรื้อแผนธุรกิจปรับช่องทางการขายให้เข้ากับพฤติกรรมชาวไทยมากขึ้น 

ไม่ว่าจะเป็นการนำ Longchamp เข้าสู่ช่องทางการขายแบบ Omnichannel เต็มรูปแบบ การยกระดับระบบ e-Commerce รวมไปถึง Social Commerce สำหรับแฟนๆ Longchamp และแบรนด์อื่นๆ ในเครือให้ช้อปกันสะดวกมากขึ้น รวมไปถึงพัฒนาโมเดลธุรกิจ Outlet เพื่อกลุ่มลูกค้าที่อยากช้อปแบบสบายกระเป๋า

โดยการพัฒนาช่องทางการขายของแบรนด์ Longchamp ให้เป็น Omnichannel โดยพัฒนาทุกๆ touchpoint นอกจากจะช่วยให้ลูกค้าได้ประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ครบครันมากขึ้น ยังช่วยให้เกิด Brand Experience เมื่อลูกค้าเข้ามาที่หน้าร้าน ไม่ว่าจะเพื่อรับสินค้าที่สั่งทางช่องทางออนไลน์ หรือเพื่อมาดูกระเป๋าที่กำลังเล็งเอาไว้ด้วย

นอกจากนี้ ช่องทาง e-Commerce และ Social Commerce ก็เป็นอีกช่องทางที่จะมองข้ามไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการพัฒนาการขายผ่านบนหน้าเว็บไซต์ ppgroupthailand.com และ Line OA ให้กลุ่มลูกค้าใหม่ ที่เป็นคนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น 

รวมถึงการพัฒนา CRM เพื่อสนับสนุนแบรนด์ต่างๆ ที่อาจจะนำมาขายบนแพลตฟอร์มทั้งสองนี้นอกจาก Longchamp และ Maison Kitsune 

"กลุ่มลูกค้าเราเปลี่ยนไป เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ผู้บริโภคส่วนมากอายุ 40 ปีขึ้นไป มีหน้าที่การงานที่ค่อนข้างดี แต่ใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ลูกค้าส่วนมากเป็นคน gen z มีความเป็นตัวของตัวเองสูง มีคาแรคเตอร์ และมองว่าตัวเองประสบความสำเร็จได้เร็ว จึงกล้าซื้อ" สุวดี พึ่งบุญพระ ประธานกรรมการ PP Group กล่าว

ในส่วนของโมเดลธุรกิจแบบ Outlet นั่น Longchamp Outlet ที่ Siam Premium Outlets เป็น 1 ใน 2 Outlet ใน South East Asia และได้รับการตอบรับดีมากเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยประมาน 4-5 ใน 10 ของลูกค้าที่เดินเข้าร้าน ก็ต้องมีของติดไม้ติดมือออกมาด้วย และมุ่งพัฒนาให้ลูกค้าที่เลือกช้อปที่ Outlet ได้ประสบการณ์สุดพิเศษเหมือนกับที่ Official Store ให้มากที่สุด

<img class="alignnone wp-image-52843 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/Longchamp-_1001.jpg" alt="PP Group" width="350" height="517" />

นอกจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปใช้ช่องทางออนไลน์มากขึ้นแล้ว ตลาดผู้บริโภคสินค้า ​Luxury ก็เปลี่ยนไปมาก โดยเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Gen-Z มากขึ้น โดยกลุ่มลูกค้านี้ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมากทีเดียว

ทางแบรนด์จึงได้ปล่อยคอลเล็กชั่น Le Pliage® Green ภายใต้ Le Pliage® Collection ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการผลิต และผลิตมาจากวัสดุรีไซเคิลทั้งใบ โดยทาง Jean Cassegrain ผู้ก่อตั้งและ CEO คนปัจจุบัน ประกาศจุดยืนและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้กระเป๋ารุ่นฮิตสุดคุ้นตาอย่าง Le Pliage® ทุก collection ให้หันมาใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย

ทัตชญา บุษยากิตติกร - รายงาน

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/other/%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b8%84%e0%b8%a1%e0%b8%af-%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%ad%e0%b8%87-%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%b6%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b9%84%e0%b8%9f.html">“นิคมฯ ปิ่นทอง” นับหนึ่งไฟลิ่งเข้าตลาดฯ</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

PP Group พร้อมผลัก Longchamp เข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มแรง

<h2>Buy Hold Sell: ซื้อ ถือ หรือขาย จาก 3 กูรู ผู้เชี่ยวชาญทั้งในด้านรถบรรทุกรุ่นโบราณ, ไวน์ชั้นเลิศ และอสังหาริมทรัพย์ทำเลทอง</h2>
&nbsp;
<h2>Trucks</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-50317" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/cut-002A-Ken_Gross.jpg" alt="" width="300" height="414" />

Ken Gross

นักเขียน ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ และอดีตผู้อำนวยการ Petersen Automotive Museum

&nbsp;

– ซื้อ –

<img class="alignnone wp-image-50321" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/cut-044-truck-buy-1965_Jp_Gladiator.jpg" alt="" width="300" height="321" />

1962-69, Jeep Gladiator J3000

4x4 Gladiator ในยุคแรกๆ เป็นทรงตรง ทนทาน แล่นบดพื้นหินได้อย่างแข็งแกร่ง ลืม J-Series ยุคที่ 2 (1970-87) ไปได้เลย และมาตามหา Thriftside Longbox รถบรรทุกรุ่นโบราณที่มีกระบะหลังยาวเป็นพิเศษ ด้านข้างเป็นมุมแหลมสนนราคา 20,000 เหรียญสหรัฐฯ

&nbsp;

– ถือ –

<img class="alignnone wp-image-50322" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/cut-045-truck-hold-1946-Dodge-Power-Wagon-Wrecker.jpg" alt="" width="300" height="321" />

1946-68, Dodge Power Wagon

จากรถบรรทุกทหารปรับมาเป็นรุ่นพลเรือนสำหรับใช้วิ่งบนท้องถนน แต่ยังคงความแข็งแรงระดับถอนตอไม้เล่นได้ทั้งวันเสนอราคาอยู่ที่ 50,000-70,000 เหรียญ และมีผู้สนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

&nbsp;

– ขาย –

<img class="alignnone wp-image-50323" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/cut-046-truck-sell-chevrolet-advanced-design-thriftmaster-by-Alamy.jpg" alt="" width="300" height="321" />

1947-55, Chevrolet Advanced Design Thriftmaster

สไตล์เหนือกาลเวลาไม่ช่วยอะไร เพราะรถบรรทุกกลุ่มนี้ยังด้อยเรื่องสมรรถนะ (ยกเว้นจะเปลี่ยนเป็น NAPCO 4x4 ที่หายากและแสนแพง) หากสนิมยังไม่เกาะน่าจะขายได้ที่ 30,000-40,000 เหรียญ

&nbsp;

&nbsp;
<h2>Sparkling Wine</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-50328" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/cut-003A-Victoria_James-1.jpg" alt="" width="300" height="412" />

Victoria James

นักเขียน Sommelier และผู้อำนวยการฝ่ายเครื่องดื่มและหุ้นส่วนที่ Cote ใน Manhattan

&nbsp;

– ซื้อ –

Margaine Spécial Club Blanc de Blancs

ชมรมคนผลิตแชมเปญแห่งนี้ ประกอบไปด้วยผู้ผลิตอันดับต้นๆ ของฝรั่งเศส ไวน์จาก Villers-Marmery หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้มีราคา 105 เหรียญ ซื้อไว้เตรียมเปิดฉลองในอีก 20 ปีข้างหน้าก็ยังได้

&nbsp;

– ถือ –

Nyetimber’s 1086 Prestige Cuvée

นี่คือไวน์จากอังกฤษที่เพาะปลูกบนดินที่คล้ายดินสำหรับแชมเปญ และกำลังเป็นคู่แข่งไวน์จากฝรั่งเศส ขณะที่อากาศทางตอนเหนือเริ่มอบอุ่น สำหรับดาวดวงใหม่ขวดนี้ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 250 เหรียญและราคามีแต่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ

&nbsp;

– ขาย –

Peter Lauer’s 1992 Réserve Riesling Sekt Nature

แคตนิปสำหรับ Sommelier แท้ๆ หากคุณมีไวน์ชั้นดีจากเยอรมนีขวดนี้เก็บไว้คงเลือกยากเหลือเกินว่าจะดื่มขณะกำลังได้ที่หรือขายในราคา 90 เหรียญดี

&nbsp;

&nbsp;
<h2>Real Estate</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-50330" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/BUY-HOLD-SELL-3-.jpg" alt="" width="300" height="414" />

Bradley Nelson

ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด Sotheby’s International Realty

&nbsp;

– ซื้อ –

<img class="alignnone size-full wp-image-50331" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/cut-050-real-estate-buy-3c-Roof.jpg" alt="" width="300" height="211" />

New York or London Pieds-à-Terre

โควิด-19 ผลักดันให้ผู้คนอพยพไปนอกเมืองมากขึ้น ส่งผลให้อสังหาริมทรัพย์มีราคาถูกลงในปีที่ผ่านมา แต่เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวตลาดก็เริ่มกลับมาร้อนแรง อะพาร์ตเมนต์ในโครงการพัฒนาใหม่ๆ เช่น อะพาร์ตเมนต์ราคา 2 ล้านเหรียญใน Dumbo ย่านริมน้ำในเมือง Brooklyn แห่งนี้จัดว่าเป็นสุดยอดตัวเลือกการลงทุนเช่นกัน

&nbsp;

– ถือ –

<img class="alignnone size-full wp-image-50332" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/cut-051-real-estate-hold-Lisbon-Portugal-SIR.jpg" alt="" width="300" height="199" />

ทำเลเด็ดในโปรตุเกส 

Lisbon และ Porto คือ Nashville และ Austin แห่งยุโรปดีๆ นั่นเอง Google เปิดตัวร้านค้าใน Lisbon ไปแล้ว และคาดว่าบริษัทอื่นๆ จะตามมา บรรดาผู้ซื้อจากฝั่งเทคโนโลยีจะเป็นแรงขับเคลื่อนมูลค่าอสังหาริมทรัพย์

&nbsp;

– ขาย –

<img class="alignnone size-full wp-image-50333" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/09/cut-052-real-estate-sell-vaca-condo.jpg" alt="" width="300" height="200" />

คอนโดมิเนียมตากอากาศสำหรับครอบครัว

นโยบายทำงานที่บ้านทำให้บ้านพักตากอากาศยังคงขายได้ตลอดทั้งปี เตรียมบอกลาบ้านพักร้อนที่ไม่ได้ใช้งานมานานได้เลย เพราะหากโชคดีคุณอาจจะมีอะไรคล้ายๆ กับคอนโดมิเนียมปี 2002 ที่ Naples แห่งนี้ เสนอราคาที่ 9.5 ล้านเหรียญ

&nbsp;

เรื่อง: BUY, HOLD, SELL โดย: CHRISTIAN KREZNAR เรียบเรียง: รัน-รัน
ภาพ: CHRIS LYONS, SHAH: SAM KERR

อ่านเพิ่มเติม:
<ul id="crumbs">
 	<li><a style="color: #008000;" href="https://forbesthailand.com/world/america/jay-adair-%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%a9%e0%b8%90%e0%b8%b5%e0%b8%9b%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%96-copart.html">JAY ADAIR มหาเศรษฐีป่าช้ารถ “COPART”</a></li>
 	<li><a style="color: #008000;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/airasia-%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%92%e0%b8%99%e0%b8%b2-super-app-%e0%b8%8a%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%a2%e0%b8%9c%e0%b8%a5%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%97%e0%b8%9a%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81.html">AIRASIA พัฒนา SUPER APP ชดเชยผลกระทบจากธุรกิจการบิน</a></li>
 	<li><a style="color: #008000;" href="https://forbesthailand.com/leaderboard/global-leaderboard/buy-hold-sell-%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%81%e0%b8%b9%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b8%82%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%b0%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%94%e0%b8%84%e0%b8%a5%e0%b8%b2.html">BUY HOLD SELL: ซื้อ ถือ หรือ ขาย จากกูรูด้านของสะสมสุดคลาสสิก</a></li>
</ul>

<hr />

<a href="https://bit.ly/2Tv7p0e">คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2564 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="lazy alignnone wp-image-47783 lazy-loaded" src="https://i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/187523743_2849070525308019_3482005041219392688_n.jpg" sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/187523743_2849070525308019_3482005041219392688_n.jpg 750w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/187523743_2849070525308019_3482005041219392688_n-229x300.jpg 229w" alt="" width="300" height="394" data-lazy-type="image" data-lazy-src="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/187523743_2849070525308019_3482005041219392688_n.jpg" data-lazy-srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/187523743_2849070525308019_3482005041219392688_n.jpg 750w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/07/187523743_2849070525308019_3482005041219392688_n-229x300.jpg 229w" data-lazy-sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" />

Buy Hold Sell: ซื้อ ถือ หรือ ขาย กับการลงทุนใน “สินค้า Luxury” แบบฉบับกูรู

<h2>ครบรอบ 1 ปี สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ (Siam Premium Outlets Bangkok) ฝ่าวิกฤตโควิด 19 พร้อมปรับกลยุทธ์โฟกัสลูกค้าชาวไทย พร้อมเร่งพัฒนาโมเดลธุรกิจออนไลน์ (S-Commerce)</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-47341" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/001-ไมเคิ้ล-ถัง-กรรมการผู้จัดการ-สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต-กรุงเทพ.jpg" alt="" width="600" height="399" />

ไมเคิ้ล ถัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน จำกัด ผู้ดูแลโครงการ
สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ เผยว่า “ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้พัฒนาธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ ร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อพัฒนาโครงการ “สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ” ในประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางของการช้อปปิ้ง รองรับนักช้อปชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ต้องเผชิญความท้าทายอย่างมาก เนื่องจากการขับเคลื่อนธุรกิจเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เมื่อต้องรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

แม้ปัจจัยแวดล้อมภายนอกเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ สร้างอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ แต่ถือเป็นปีที่บริษัทได้เรียนรู้ ปรับตัว วางแนวทางการทำงาน สร้างสรรค์กลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อผลักดันธุรกิจให้ยังเดินหน้าต่อได้ ภายใต้ข้อจำกัดนานัปการ อาทิ การเร่งพัฒนาโมเดลธุรกิจออนไลน์ (S-Commerce) เพื่อตอบสนองพฤติกรรมนักช้อปในการซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา

การโฟกัสทำตลาดกับลูกค้าคนไทย ทดแทนนักท่องเที่ยวที่หายไปจากผลกระทบของโรคโควิด-19 โดยมีการเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยด้านสุขอนามัยทั้งการตรวจวัดอุณหภูมิของลูกค้าก่อนเข้าใช้บริการ สนับสนุนให้พนักงานได้รับวัคซีน
โควิด-19 และการคัดกรองพนักงานจากบริษัทคู่ค้าที่เข้ามาทำงานในพื้นที่อย่างเข้มข้น เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจเมื่อมาช้อปปิ้ง

ปรับตัวฝ่าวิกฤตโควิด ดึงดูดผู้ใช้บริการกว่า 2 ล้านคน

สำหรับ 1 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น แต่การปรับตัวของสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ทำให้สามารถสร้างผลงานได้อย่างน่าพอใจ โดยเปิดร้านค้าแบรนด์ชั้นนำรวมเป็น 125 ร้านดัง คิดเป็นร้อยละ 91 ของพื้นที่ (ข้อมูลถึงมิถุนายน 2564) สามารถดึงดูดผู้บริโภคให้เข้ามาใช้บริการกว่า 2 ล้านคน โดยมีสัดส่วนเป็นผู้หญิงร้อยละ 65 และผู้ชายร้อยละ 35 ครอบคลุมทุกกลุ่มอายุ ทั้งเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน ผู้สูงวัย ตอกย้ำความแข็งแกร่งและศักยภาพในการดึงดูดนักช้อปและชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย รวมทั้งยังเป็นแหล่งช้อปปิ้งแบรนด์ดังระดับโลกที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการสำหรับทุกคนในครอบครัว โดยคาดว่าในครึ่งปีหลังนี้ สามารถดึงดูดผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการได้อีกมากกว่าล้านคน

ขณะที่ยอดการใช้จ่ายของลูกค้าที่เข้ามาช้อปปิ้งภายในสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ เฉลี่ยอยู่ที่ 1,400 – 1,500 บาทต่อคน ซึ่งค่อนข้างน่าพอใจและเหนือความคาดหมาย เนื่องจากสถานการณ์ของโรคระบาดที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทมุ่งมั่นทำตลาดเจาะผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อภายในประเทศ ในทางกลับกันหากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการ คาดว่ายอดการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนจะเพิ่มสูงขึ้นมาก

<img class="alignnone size-full wp-image-47342" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/บราวน์-แอนด์-โค-Browne-_-Co.-แบรนด์เสื้อผ้าสไตล์สมาร์ทแคชชวลของสุภาพบุรุษ.jpg" alt="" width="600" height="399" />

เดินหน้านำเสนอสินค้าและบริการระดับโลกตลอดปี 2564

ปี 2564 นี้เป็นอีกปีที่ท้าทาย เพราะสถานการณ์โรคระบาดยังอยู่กับคนไทยและคนทั้งโลก ทำให้นักท่องเที่ยวยังไม่สามารถเดินทางได้ ส่วนประเทศไทยมีการคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวจะขยายตัวในระดับต่ำที่ร้อยละ 1-2 และการฟื้นตัวจะเริ่มดีขึ้นปีหน้า นักท่องเที่ยวจะกลับมาเติบโตที่ร้อยละ 10-15

กระทั่งปี 2566-2567 จึงจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ต้องวางกลยุทธ์การตลาด เพื่อรองรับผู้ใช้บริการทั้งที่เข้ามาจับจ่ายที่ศูนย์และสั่งซื้อผ่านบริการออนไลน์ต่างๆ โดยจัดโปรโมชั่นเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนไทยเป็นหลักร้อยละ 95 และชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทยร้อยละ 5

ไมเคิ้ล ถัง กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในโอกาสที่สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ เปิดให้บริการมาครบ 1 ปีเต็ม เรายังคงเดินหน้านำเสนอสินค้าและบริการระดับโลกมาตอบสนองผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งปี 2564 นี้ ลูกค้าจะเห็นความตื่นตาตื่นใจกับสินค้าแบรนด์เนมหลากหลายหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์แฟชั่นสุดหรู ไลฟ์สไตล์แบรนด์ สินค้าแฟชั่น สินค้าเด็ก ที่จะเข้ามาเปิดให้บริการเพิ่มเติม

ในปี 2564 นี้ มีร้านดังที่ทยอยเปิด ได้แก่ รีบอค (Reebok) สินค้าหลากหลายที่ตอบโจทย์ทุกการออกกำลังกาย, แบรนด์เสื้อผ้าสไตล์สมาร์ทแคชชวลของสุภาพบุรุษ บราวน์ แอนด์ โค (Browne &amp; Co.),
แบรนด์แฟชั่นสุภาพบุรุษ ยู บาย อุงกาโร (U by Ungaro) และ ปิแอร์ การ์แดง (Pierre Cardin), แบรนด์ชุดนอนผ้าเยื่อไม้ไผ่แท้ วินเทล (Vintel), แบรนด์ชุดนอน ชุดอยู่บ้าน ลิขสิทธิ์แท้ โจศิรินส์ (Josilins), ร้านของเล่นเด็ก ๆ สำหรับคุณหนู อัลฟ่าคิด (Alphakid) และแบรนด์ดังที่จะเปิดเพิ่มครึ่งปีหลัง ได้แก่ แบรนด์กระเป๋าถือแบรนด์ดังจากฝรั่งเศส ลองฌองป์ (Longchamp) ซึ่งจะเปิด Exclusive Outlet แห่งแรกที่ สยามพรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ในเดือนสิงหาคมนี้ รวมถึงร้านรองเท้าแบรนด์ยอดนิยมอย่าง เอคโค่ (Ecco)

นอกจากนี้ เพื่อสร้างสีสันให้แก่การช้อปปิ้ง เรายังมีร้าน ป๊อป อัพ สโตร์ (pop-up store) ที่หมุนเวียนมาเปิด เพื่อสร้างความหลากหลายให้แก่ศูนย์ฯ และลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ เช่น เสื้อผ้าแบรนด์สำหรับวัยรุ่นวัยทำงานอย่าง โพเมโล (Pomelo) เปิดร้าน ป๊อป อัพ สโตร์ (pop-up store) โดยใช้พื้นที่กว่า 500 ตรม., ลัช (Lush) ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติแบรนด์ดังจากอังกฤษ ซึ่งเปิดให้บริการเป็นที่แรกที่สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ทั้งนี้ยังมีแบรนด์รองเท้าอย่าง ไนน์ เวสท์ (Nine West), สตีฟ แมดเด้น (Steve Madden) แอร์วอร์ค (Airwalk) และเฟอร์นิเจอร์นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา โยกิโบ (Yogibo)

นอกจากนี้ กลยุทธ์การบุกตลาด สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ได้ปรับตัวให้สอดคล้องวิถีปกติใหม่หรือ New Normal จึงพัฒนาแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์อย่างต่อเนื่อง นำสินค้าและบริการตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกแพลตฟอร์ม ทั้งเว็บไซต์ของสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพที่ www.siampremiumoutlets.com โซเชียลคอมเมิร์ซผ่าน Facebook: facebook.com/SiamPremiumOutletsBangkok, อินสตาแกรม : Instagram.com/siampremiumoutletsbangkok และบริการ CHAT&amp;SHOP บนไลน์ออฟฟิเชี่ยล : @siampremiumoutlets ซึ่งคาดว่าบริการนี้จะสามารถช่วยให้ร้านค้าต่างๆ สามารถเพิ่มยอดขายได้เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10-30

ทั้งนี้การฉลองครบรอบ 1 ปี สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ได้ผนึกพันธมิตรเพื่อจัดแคมเปญและโปรโมชั่นเอาใจนักช้อปที่เดินทางมาช้อปปิ้ง กับแคมเปญ “FIRST ANNIVERSARY” อีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/other/pomelo-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-prism-%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%88%E0%B8%97%E0%B8%A2.html">Pomelo เปิดตัวบริการ Prism. ตอบโจทย์แบรนด์สินค้าแฟชั่นด้วยโซลูชันการตลาด</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

สยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ครบรอบ 1 ปี ปรับกลยุทธ์ตอบโจทย์ลูกค้าคนไทย

<h2>“MOTIF” โชว์รูมนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ระดับลักชัวรี่จากทั่วโลก พร้อมตั้งเป้าดันยอดให้โตต่อเนื่องในปี 2564 แง้มหมัดเด็ดฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโควิด 19 ดึงมืออาชีพ เสริมทัพความลักชัวรี่ด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์ “Dutch Design”</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-41904" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/MOTIF_003.jpg" alt="" width="600" height="400" />

อัครรัฐ วรรณรัตน์ Managing Director ของ MOTIF เผยถึงความสำเร็จของแบรนด์และการสร้างผลกำไรได้โตสวนกระแสเศรษฐกิจ ประกอบด้วยหลายปัจจัย พร้อมตั้งเป้ายอดเติบโตต่อเนื่องในปี 2564

การเติบโตของ MOTIF มีอย่างต่อเนื่อง ที่เห็นได้ชัดในปี 2559 ยอดเราโตขึ้นถึงร้อย 30 ต่อมาปี 2560 ก็ขึ้นอีกร้อยละ 30 ซึ่งยอดก็ถือว่าขึ้นเรื่อยๆ และแม้ว่าในปี 2561-2562 ร้านสาขาที่เอราวัณจะปิดตัวลง เพราะหมดสัญญา ร้านหายไป 1 สาขาแต่ยอดเราก็ยังโตขึ้นถึงร้อยละ 10  ส่วนในปี 2562 ต่อเนื่อง 2563 ภาพรวมโตขึ้นร้อยละ 10-15 แต่อย่างที่ทราบกันว่าเป็นปีที่เริ่มมีสถานการณ์โควิด19 เลยทำให้เหมือนเวลาหายไป 2 เดือน ซึ่งก็ถือว่ายังอยู่ในโหมดที่โตเราก็โอเค

สำหรับในปี 2564 เราตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ราวร้อยละ 20-30 เพราะจากประสบการณ์การบริหารงานอย่างมืออาชีพ เรามีการตั้งรับที่ดีขึ้นลูกค้าเองก็มีการตั้งรับที่ดีขึ้น ทำให้เกิดการปรับตัวในการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ทั้งผู้ซื้อผู้ขาย

<img class="alignnone size-full wp-image-41905" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/MOTIF_004.jpg" alt="" width="600" height="400" />

ปัจจัยในการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ MOTIF ก็เกิดจากการจัดการ Stock Management ซึ่งถือเป็นคีย์ใหญ่ที่ทำให้เราประสบความสำเร็จ กลยุทธการจัดการนี้เกิดจากถ้าเรามีของแบบที่ลูกค้าต้องการในจำนวนที่เหมาะสม ก็สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ในเรื่องของเวลาและไม่มี stock คงค้างมากเกินไป

ยกตัวอย่างก่อนจะเกิดสถานการณ์โควิด 19 ต้องใช้เวลารอการสั่งถึง 3 เดือน ต่อมากลายเป็น 4 เดือน พอเจอโควิด19 กลายเป็น 6 เดือน การรอสินค้าสั่งใหม่ยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ของเริ่มช้าเราก็เริ่มปรับเรื่อง Stock Management มาเรื่อยๆ

อัครรัฐ ยังเผยถึงกลยุทธทางการตลาดในปี 2564 เพิ่มเติมว่า “ในปี 2564 ผลพวงของโควิด 19 ทำให้เราได้สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า ด้วยการเปิดตลาดเฟอร์นิเจอร์กับเนเธอร์แลนด์ ซึ่งจริงๆ ใน 5 ปีที่ผ่านมา “Dutch Design” เป็นงานดีไซน์ที่โตมากและราคาไม่ได้ถูกไปกว่าของอิตาลีเลย

ที่สำคัญเขามองว่า เขาเป็นหนึ่งในผลงานออกแบบที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์มากที่สุด ทุกคนในประเทศเขาใช้ของดีไซน์ ซึ่งเขาเรียกดีไซน์ของเขาว่า “Dutch Design” ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ชัดเจน เราก็เลยเปิดตลาดกับเขาด้วย 5 แบรนด์ดังของ Ducth Design ซึ่งได้ติดต่อไว้ในช่วงโควิด19 ปีที่แล้ว ของมีเริ่มมาถึงบ้างแล้วเมื่อปลายปี 2563 คาดว่าสิ้นเดือนนี้น่าจะทยอยมาครบทุกแบรนด์ และจะได้เปิดตัวคอนเซ็ปต์ “Dutch Design” พร้อมกัน

<img class="alignnone size-full wp-image-41906" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/MOTIF_005.jpg" alt="" width="400" height="600" />

ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์โฮมออฟฟิศก็ยังคงเดินหน้าตอบโจทย์ของลูกค้าอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยเราขยายไลน์คอลเล็กชั่นในส่วนของโฮมออฟฟิศให้มีความหลากหลายมากขึ้น เนื่องจากเทรนด์ work from home ยังคงมาแรงมากในปี 2021 นี้และมีแนวโน้มที่จะโตขึ้นเรื่อยๆ ในอีก 5 ปีข้างหน้า และอีกคอนเซ็ปต์ที่เราโฟกัสมากในปี 2021 คือ Fashion For Home

“สำหรับคอนเซปต์ fashion for home ก็จะมี Paul Smith for Anglepoise Lamp, Fendi Casa, Versace Home และ Missoni Home เรามี 4 แบรนด์ ที่เป็นแฟชั่นแบรนด์  ก็เลยจะรวมเป็นคอนเซ็ปต์ fashion for home

ซึ่งทั้ง 4 แบรนด์มีกลุ่มสินค้า home accessory เยอะลูกค้าสามารถซื้อไปตกแต่ง เพิ่มสีสันกับฟังก์ชันให้พื้นที่ได้ เรามองว่า home accessory เป็นกลุ่มสินค้าที่ทำรายได้สูงให้กับ MOTIF และยังเป็นกลุ่มสินค้าที่มีแนวโน้มการเติบโตสร้างยอดขายสูงสุด”

โดยในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา home accessory เป็นกลุ่มสินค้าในโมทีฟ ที่มีเปอร์เซ็นต์การเติบโตของยอดขายสูงสุดอีกด้วย

ไม่เพียงแต่นำเข้า “Dutch Design” มาเปิดประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้า นายอัครรัฐ เผยว่า ปีนี้ MOTIF ยังจัดหนักเสริมทัพการตลาดด้านออนไลน์เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ช้อปสะดวกยิ่งขึ้น

“รูปแบบการขายทางออนไลน์ เราจะรุกมากขึ้น ตอนนี้เรามีทีม Consult มาคอยดูแลเรื่อง Social Media โดยเฉพาะ ก็ต้องยอมรับว่า Social Media เป็นการทำตลาดในสื่อออนไลน์ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น Instagram, Facebook, Youtube, Line@, หรือแม้แต่ Pinterest เราก็ค่อยๆ ปรับไปทั้งหมด

ที่ผ่านมาเราคิดว่าปิดดีลออนไลน์เป็นสิ่งที่ยาก เพราะการตัดสินใจซื้อเฟอร์นิเจอร์ ต้องมีการได้ทดลอง จับ สัมผัส เกิดขึ้น ฉะนั้นระบบออนไลน์ของเราจึงทำป็นสไตล์ Omni Channel เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึงสินค้ามากที่สุด ซึ่งก็ต้องดูแนวโน้ม ว่าเขาสนใจในสินค้าเราจากรูป หรืออะไร สำหรับรูปเราก็พยายามให้รายละเอียดมากเท่าที่จะมากได้

<img class="alignnone size-full wp-image-41907" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/MOTIF_006.jpg" alt="" width="600" height="400" />

เรามีทีมงานที่ support ลูกค้าตลอดเวลา อย่างเช่น ลูกค้าต้องการรูปในมุมไหนเยอะๆ ก็สามารถถ่ายให้ได้เลย ช่วยให้เขา make decision ได้ง่ายขึ้น  และเราก็ยังมีเซอร์วิสที่ต่อยอดจากที่เคยมีอยู่แล้ว คือการนำของไปให้ลูกค้าดูที่บ้าน อยากดูอะไร ยกไปให้ดูที่บ้านได้เลย หรือในช่วง โควิด 19 ไม่สะดวกให้พนักงานยกของไปให้ดูที่บ้าน ก็อาจจะนัดไปดูนอกสถานที่หรือตึกที่เรามีอยู่ก็สามารถทำได้

นอกจากนี้เรายังมีการโปรโมท home accessory ชิ้นเล็กมากขึ้น ประกอบกับในช่วงก่อนโควิด 19 เราได้เซ็นสัญญากับเมืองนอกไปแล้ว ว่าเราจะเปิดตัวคอลเล็กชั่นของ Missoni Home และ Versace Home ซึ่งของก็มาในช่วงโควิด19 พอดี เราจึงตัดสินใจเปิดตัวผ่านช่องทางออนไลน์ ก็ได้รับความสนใจลูกค้าเข้ามาเลือกซื้อเยอะ

หรือแม้กระทั้งว่า ลูกค้าบางท่านมีแก๊งค์ก๊วนที่ซื้อของกับทางร้านเราอยู่แล้ว พอจะซื้อของให้เพื่อน ก็จะมาบอกทางเราว่าเพื่อนคนนั้นซื้อของอะไรที่ร้านเราไปบ้าง แล้วให้เราเป็นตัวแทนเลือกของที่เข้ากับชุดที่ซื้อไปแล้วพร้อมส่งให้ก็มี นับเป็นความสำเร็จหนึ่งของการทำ Branding นั่นคือเราอยากให้ลูกค้าภูมิใจที่ใช้ของเรา ซื้อของร้าน MOTIF แล้วบอกต่อเพื่อนว่าซื้อของร้าน MOTIF อย่างภาคภูมิใจ”

ที่สำคัญในปีนี้ MOTIF ยังต่อยอดความสำเร็จ ด้วยการสร้างปรากฎการณ์การรับรู้ใหม่ให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเนรมิตมุมต่างๆ ภายในโชว์รูมให้มีกลุ่มสินค้า home accessory อยู่ในทุกมุม พร้อมจัดหมวดหมู่สินค้าให้เลือกง่ายขึ้น เพื่อประหยัดเวลาช้อป

รวมถึงใส่ใจในมาตรการรักษาความสะอาดตลอดเวลา ไม่ว่าลูกค้าจะมาเลือกซื้อสินค้าเพื่อนำไปตกแต่งบ้าน หรือ มอบเป็นของขวัญ มองไปมุมไหนก็คงประทับใจ และอยากจับจองไปหมด เพราะ MOTIF ตอบโจทย์ครบจบความสุขในที่เดียว

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99-imax-%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7.html">หุ้น IMAX สร้างสถิติปรับตัวสูงขึ้นช่วงเทศกาลตรุษจีน 2021</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events