เปิดมุมมอง 3 เชฟมิชลิน เมื่อ ‘วัตถุดิบท้องถิ่น’ คือหัวใจ พาอาหารไทยสู่ความเป็นเลิศ

<h2>วิกฤต “โควิด-19” นับเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารให้ต้องกลับมาทบทวนโมเดลธุรกิจ เช่นเดียวกับ ‘เชฟ’ จำนวนมากที่ลุกขึ้นมาใช้ TikTok สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับตนเอง </h2>
<figure><img class="wp-image-59340" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/123289999_lwf_1259-2.jpg" alt="Thara Moise" width="720" height="405" /><figcaption> Thara Moise (@chefmoise_)</figcaption></figure>

ครั้น Thara Moise ได้รับคำสั่งให้พักงานจากร้านอาหารแห่งหนึ่ง เธอจึงตัดสินใจเริ่มต้นอาชีพใหม่ในฐานะเชฟส่วนตัว ที่พร้อมให้บริการจัดงานอีเวนต์ต่างๆ 

Moise รู้ดีว่าเธอต้องพยายามทำให้ตัวเองเป็นที่รู้จักมากขึ้นในกลุ่มลูกค้า ภายใต้กลยุทธ์ที่ว่า “ฉันต้องทำให้ตัวเอง ‘ดังระเบิด’ บนโซเชียลมีเดีย” 

นับแต่นั้นมาเชฟวัย 29 ปีจาก Philadelphia จึงเริ่มอัปโหลดวิดีโอการทำอาหารและสูตรอาหารของเธอไปยังบัญชี TikTok ของเธอ (<a href="https://www.tiktok.com/@chefmoise_">@chefmoise_</a>) จนตอนนี้มีผู้ติดตามมากกว่า 558,000 คน ขณะที่วิดีโอของเธอได้รับการกดถูกใจมากกว่า 13 ล้านครั้ง

“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะมีผู้ติดตามถึง 500,000 คนในระยะเวลาเพียง 2 ปี” Moise ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ต้องการอย่างมากในฐานะผู้ให้บริการจัดเลี้ยงส่วนตัวกล่าว

ปัจจุบัน นอกจาก Moise จะมีงานจัดเลี้ยงส่วนตัว 12 ถึง 14 งานต่อเดือนแล้ว เธอยังได้รายได้ประมาณ 100 เหรียญสหรัฐฯ (78 ปอนด์) ทุกๆ  4 สัปดาห์ในฐานะ “คอนเทนต์ครีเอเตอร์” จาก TikTok เช่นกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่ทางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต้องการสนับสนุนเหล่าสมาชิกที่มียอดการเข้าชมวิดีโอเป็นจำนวนมาก 

ในทำนองเดียวกัน Brandon Skier เชฟจาก Los Angeles ซึ่งตอนนี้มีผู้ติดตาม 1.9 ล้านคนและมียอดไลค์บน TikTok 34.5 ล้านครั้ง จาวิดีโอบทเรียนการทำอาหารประจำของเขาที่บัญชี <a href="https://www.tiktok.com/@sad_papi">@sad_papi</a> หลังตัดสินใจลาออกจากงานในครัวที่ร้านอาหารเมื่อเกิดวิกฤตโรคระบาดครั้งใหญ่ และผันตัวเองมาอยู่บนโลกโซเชียล

<figure><img class="wp-image-59341" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/123347391_smaller1.png.jpg" alt="Brandon Skier" width="720" height="553" /><figcaption> Brandon Skier (@sad_papi)</figcaption></figure>

“ผมเคยมีเส้นทางที่เคยวาดฝันไว้ การไต่เต้าสู่การเป็นรองเชฟ และในที่สุดก็ได้เป็นหัวหน้าพ่อครัว แต่ยิ่งผมก้าวถอยหลังจากอุตสาหกรรมร้านอาหาร [เนื่องจากโควิด] ผมก็ยิ่งรู้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย และต่อให้คุณทำงานในร้านอาหารระดับไฟน์ไดนิ่ง คุณก็ยังต้องมาแต่เช้าตรู่และอยู่จนถึงร้านปิดอยู่ดี”

“ถึงแม้ว่าคุณจะไปถึงที่ร้านตอน 9 โมงเช้า คุณก็จะต้องทำงานจนถึงตี 02.30 น. จนกว่าโต๊ะสุดท้ายจะลุกออกไปอยู่ดี แล้วก็ทำเงินได้เพียง 1,000 เหรียญทุก 2 สัปดาห์”

ขณะที่ทุกวันนี้เขาสามารถสร้างรายได้มากกว่าเดิม เพียงแค่นั่งอยู่ที่บ้าน อัดวิดีโอและอัปโหลดลงบน TikTok ซึ่งเขาเผยว่า TikTok จ่ายเงินให้เขาประมาณ 300 เหรียญต่อเดือน ควบคู่ไปกับเงินอีกหลายร้อยเหรียญจากการโพสต์วิดีโอบน Instagram และ Youtube 

นอกจากนี้ Skier ยังมีโอกาสเซ็นสัญญากับบริษัทผลิตภัณฑ์อาหารรายอื่นๆ ที่ต้องการให้เขาทำวิดีโอและพัฒนาสูตรอาหารสำหรับบริษัทเหล่านี้เป็นการเฉพาะอีกด้วย

“ผมคิดว่าการระบาดใหญ่ได้เปิดประตูให้กับผู้คนจำนวนมาก และผมเชื่อว่ามีหลายคนที่มีความคิดเหมือนผม”

<figure><img class="wp-image-59342" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/123347395_karen11.jpg" alt="Karen Rosenbloom " width="720" height="405" /><figcaption> Karen Rosenbloom (@karens_cooking)</figcaption></figure>

ด้านเชฟ Karen Rosenbloom มีวิดีโอจำนวนหนึ่งที่ได้รับความนิยมบน Tiktok รวมถึงวิดีโอที่แสดงให้เห็นว่าเธอทำแซนด์วิชแฮมชีสสุดหรูที่มีผู้ชมแล้วกว่า 4.5 ล้านครั้ง

แม้จะอายุเพียง 21 ปี แต่ก่อนหน้านี้เธอเคยทำงานในครัวมืออาชีพมาแล้ว 7 แห่ง และในทำนองเดียวกับ Moise Rosenbloom ตัดสินใจเปิดบัญชี Tiktok ในชื่อ <a href="https://www.tiktok.com/@karens_cooking?lang=en">@karens_cooking</a> เพื่อโปรโมตผลงานอาหารของเธอ กระทั่งมีผู้ติดตามมากถึง 124,000 คนและยอดไลค์ 3.8 ล้านครั้ง

“อุตสาหกรรมร้านอาหารเป็นธุรกิจที่ชายเป็นใหญ่” เธอกล่าว "เชฟผู้หญิงจำนวนมากจึงหันไปทำงานเป็นเชฟส่วนตัว เพราะมันทำให้พวกเธอเป็นเจ้านายของตัวเอง มีลูกทีมของตัวเอง และรังสรรค์เมนูด้วยตัวเอง"

“ฉันรู้ว่าถ้าผู้คนสนใจสูตรอาหารที่ฉันพัฒนาบน TikTok พวกเขาก็คงจะสนใจอาชีพของฉันในฐานะเชฟส่วนตัว ซึ่งตอนนั้นยังเป็นงานที่ใหม่อยู่”

Rosenbloom ขอบคุณความสำเร็จของวิดีโอของเธอที่ทำให้ตอนนี้เธอได้รับคำขอมากถึง 20 รายการต่อเดือนจากทั่วสหรัฐฯ ให้ไปทำอาหารสำหรับกิจกรรมส่วนตัว “TikTok จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อมันสามารถสนับสนุนธุรกิจหลักของคุณให้สามารถทำเงินได้จริงๆ”

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ The chefs using TikTok to reinvent their careers เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/glow-recipe-เผยเทคนิคใช้-tiktok-กระตุ้นย.html">Glow Recipe เผยเทคนิคใช้ TikTok กระตุ้นยอดขายทะลุ 100 ล้านเหรียญฯ</a>

เมื่อ TikTok กลายเป็นเครื่องมือทำเงินของ 'เชฟ' ในยุคโควิด-19

https://www.youtube.com/watch?v=D6pIwgOLsF8&amp;feature=youtu.be
หนึ่งในคนไทยที่ติด 30 Under 30 Asia 2019 คือ “เชฟท็อป-พงษ์ชาญ รัสเซล” ผู้ที่ย้ายจากภูเก็ตไปเรียนที่อังกฤษตั้งแต่อายุ 15 ก่อนที่ความรู้สึกสนุกกับงานครัวระหว่างช่วงฝึกงาน จะพาตัวเขาก้าวเดินสู่การทำงานกับเชฟดาวมิชลินใน London ฝึกปรือฝีมือด้วยอาชีพ และมีเป้าหมายกลับเมืองไทยเพื่อเป็นเชฟที่รังสรรค์อาหารฝรั่งด้วยวัตถุดิบโลคอล


<hr />

<a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/22b7345c-e85d-4612-885f-f585f9010e8c">คลิกอ่านเรื่องราวฉบับเต็มของ “พงษ์ชาญ รัสเซล” หนึ่งในคนไทยที่ติด 30 Under 30 Asia 2019 ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกรกฎาคม 2562 ในรูปแบบ e-Magazine</a>

<a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/22b7345c-e85d-4612-885f-f585f9010e8c"><img class="alignnone wp-image-10127" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/cover-750.jpg" alt="" width="303" height="397" /></a>

คุยกับ "เชฟท็อป-พงษ์ชาญ รัสเซล" ใส่ story วัตถุดิบไทยในอาหารฝรั่ง

<h2>Garima Arora คือเชฟหญิงชาวอินเดียคนแรกที่คว้าดาวมิชลิน จาก ร้านอาหาร Gaa ที่เธอได้เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง และเปรียบเสมือนร้านลูกของ Gaggan ร้านดาวมิชลินชื่อดังของกรุงเทพฯ</h2>
Garima Arora นึกถึงการทำรีซอตโต้ตอนอายุ 16 ปีสำหรับปาร์ตี้มื้อค่ำของพ่อเธอที่อะพาร์ตเมนต์ในเมือง Mumbai เธอไม่สามารถหุงข้าวให้แน่นกรุบแบบอัลเดนเต้ได้ และพ่อเธอก็ส่งอาหารนั้นกลับมาที่ครัว

Arora ได้รับบทเรียนมาแล้วอย่างดี และตอนนี้เมื่ออายุ 32 ปี เธอเป็นเชฟหญิงชาวอินเดียคนแรกที่ได้ดาวมิชลินในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว สำหรับ Gaa ร้านอาหารของเธอในกรุงเทพฯ

นับตั้งแต่เปิดร้านในเดือนเมษายน 2017 ร้านอาหาร Gaa กลายเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่มาแรงที่สุดของเมืองหลวง ดึงดูดนักชิมเซเลบริตี้มากมาย เช่น Michael Mann ผู้กำกับฮอลลีวูด และ Sunil Shetty ดาราบอลลีวูด

<figure><img class="size-full wp-image-10433" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/ร้านอาหาร-Gaa-บรรยากาศ.jpg" alt="ร้านอาหาร-Gaa-บรรยากาศ" width="800" height="640" /><figcaption> ภายในร้านที่สว่างโล่งของ Gaa</figcaption></figure>

เว็บไซต์ของ Gaa บรรยายว่า อาหารของทางร้านปรุงจาก “เทคนิคจากทั่วทุกมุมโลก” และใช้วัตถุดิบท้องถิ่นที่หลากหลายของไทย ทางร้านเสิร์ฟอาหารเป็นเซตคอร์สเพียง 10 หรือ 14 จานเท่านั้น ซึ่งเป็นอาหารปกติหรือไม่ก็อาหารมังสวิรัติ โดยเมนูทั่วไปอาจรวมไปถึงโดนัทและไอศกรีมน้ำตาลมะพร้าวเผาออร์แกนิก

อาหารจานโปรดของ Arora คือ ปูราดซอสนมแมคคาเดเมียเย็น “เมื่อคุณกัดเข้าไปในเนื้อปู คุณจะได้รับรสชาติของพริกไทยและน้ำตาลโตนด” Arora กล่าว “มันสื่อถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพยายามทำกันที่นี่ ร้าน Gaa”

เมนูประจำตัวเธอได้รับแรงบันดาลใจมาจากขนมริมทางของอินเดียชื่อ bhutta: ข้าวโพดอ่อนย่าง ปรุงรสด้วยเกลือดำ พริก และมะนาว แล้วเสิร์ฟพร้อมนมข้าวโพดด้านข้างสำหรับจุ่มขนม

<figure><img class="size-full wp-image-10432" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/ร้านอาหาร-Gaa-เมนูขนุน.jpg" alt="ร้านอาหาร-Gaa-เมนูขนุน" width="640" height="800" /><figcaption> ขนุนดิบ โรตี และผักดอง</figcaption></figure>

อีกจานโปรดมีชื่อเพียงว่า “ขนุน” และประกอบด้วยทั้งส่วนเนื้อแบบสุกและแบบดิบของผลไม้เมืองร้อนลูกใหญ่ชนิดนี้ ผลไม้ที่ยังไม่สุกเสิร์ฟพร้อมผักดองและขนมปังอินเดียซึ่งทำจากขนุนสุก

สำหรับแรงบันดาลใจนั้น Arora ออกเดินทางทุกๆ 2 เดือนไปยังภาคเหนือของไทยเพื่อเสาะหาวัตถุดิบใหม่ๆ ในบรรดาการค้นพบที่ไม่ธรรมดาคือ “เซียนท้อ” (หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ม่อนไข่” คล้ายคลึงกับอะโวคาโด), ฮอวอ (สมุนไพรรสชาติเหมือนเลมอนเวอร์บีน่า) และรากผักสลัด (ผักที่ดูเหมือนชะเอมเทศ)

&nbsp;
<h2>จากนักข่าวสู่วงการเชฟ</h2>
Arora สืบทอดความรักการทำอาหารและความทะเยอทะยานแบบผู้ประกอบการมาจากพ่อแม่ของเธอ ทั้งคู่เป็นเจ้าของธุรกิจ ดำเนินกิจการบริษัทบริหารจัดการอีเวนต์ Arora นึกถึงความทรงจำวัยเด็กได้ว่าเมื่อใดก็ตามที่พ่อเธอกลับมาบ้านจากการเดินทางติดต่อธุรกิจ เขาก็จะไปขลุกอยู่ในห้องครัว ตวัดมือทำอาหารจานใหม่ๆ “เขาจะมีความสุข ยิ้มแย้ม ทำอาหารและสนุกสนาน” เธอกล่าว “ฉันเริ่มคิดว่า ‘นี่อาจเป็นบางอย่างที่ฉันอาจทำ’”

เชฟหญิงนั้นเคยมุ่งศึกษาทางด้านวารสารศาสตร์ในตอนแรก เธอเรียนด้านสื่อสารมวลชนที่ Jai Hind College ในเมือง Mumbai จากนั้นไปทำงานเป็นนักข่าวระยะสั้นๆ ที่หนังสือพิมพ์ Indian Express ในเมือง Mumbai แม้ว่าเธอรักการทำอาหาร แต่ก็ไม่ได้เป็นวิชาชีพที่ได้รับการนับถือเท่าสื่อสารมวลชน

<figure><img class="size-full wp-image-10434" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/ร้านอาหาร-Gaa-ใบพลูชุบช็อกโกแลต.jpg" alt="ร้านอาหาร-Gaa-ใบพลูชุบช็อกโกแลต" width="533" height="800" /><figcaption> ใบพลูชุบช็อกโกแลต เมนูที่ Arora รังสรรค์</figcaption></figure>

ในปี 2008 เธอตัดสินใจลองเสี่ยง ทิ้งงานด้านสื่อสารมวลชน และย้ายไปยัง Paris เพื่อเข้าเรียนในโรงเรียนทำอาหารระดับตำนาน Le Cordon Bleu จากที่นั่น เธอมีหน้าที่การงานแวดล้อมด้วยบรรดาคนดัง ซึ่งได้ร่วมงานกับเหล่าสุดยอดเชฟบางราย หลังเรียนจบในปี 2010 เธอได้ทำงานกับเชฟเซเลบริตี้ Gordon Ramsay ในเมือง Dubai ที่ร้าน Verre (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Table 9)

การทำงานภายใต้การควบคุมดูแลแบบหยาบๆ ห้วนๆ อันโด่งดังของ Ramsay เป็นการเริ่มต้นอันหนักหนาสาหัส เธอกล่าวว่า “ฉันอายุ 20 ต้นๆ และมีความรู้สึกถึงอีโก้มหาศาลและสิทธิในการทำสิ่งที่ต้องการ” เธอนึกถึง “ฉันได้เรียนรู้บทเรียนเรื่องความอ่อนน้อมถ่อมตน”
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/global/%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%9f%e0%b8%84%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%87-gordon-ramsay-%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%aa%e0%b8%ab%e0%b8%a3.html">เชฟคนดัง Gordon Ramsay รับดีลร่วมลงทุน โหมเปิดร้านอาหาร 100 สาขาทั่วสหรัฐฯ</a></li>
</ul>
ต่อมาได้ทำงานที่ร้าน Noma ในเมือง Copenhagen เป็นเวลา 3 ปี ซึ่งเป็นร้านอาหารระดับดาวมิชลิน 2 ดาว ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นร้านอาหารยอดเยี่ยมที่สุดในโลกโดย William Reed Business Media บริษัทสื่อในอังกฤษผู้จัดทำ The World’s 50 Best Restaurants

เชฟเซเลบริตี้ René Redzepi ของร้าน ได้สอนเธอว่า การทำอาหารสามารถเป็น “การออกกำลังไหวพริบ” ตามที่เธอนิยามไว้ “คุณเริ่มตั้งคำถาม ฉันจะไปหาสมุนไพรนี้ที่ไหน ทำไมฉันใช้สมุนไพรนี้ แล้วฉันจะใช้มันกับอาหารจานนี้อย่างไร” เธอกล่าว

<figure><img class="size-full wp-image-10435" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/ร้านอาหาร-Gaa-ซุปกระเจี๊ยบ.jpg" alt="ร้านอาหาร-Gaa-ซุปกระเจี๊ยบ" width="533" height="800" /><figcaption> ซุปเย็นใส่ฝรั่งแดง กระเจี๊ยบ และมัลเบอร์รี่หมัก</figcaption></figure>

ในปี 2015 Arora ย้ายมากรุงเทพฯ เพื่อทำงานเป็นรองเชฟใหญ่ให้ Gaggan Anand เชฟซูเปอร์สตาร์ของอินเดีย ที่ร้านอาหารชื่อเดียวกับเขา Gaggan ซึ่งได้รับการจัดอันดับโดย William Reed ให้เป็นสุดยอดร้านอาหารของเอเชียจากปี 2014-2018

ขณะนั้น Anand กำลังวางแผนเปิดร้านอาหารใหม่ใน Mumbai และ Arora อยู่ในรายชื่อหัวหน้าเชฟ แต่การระดมทุนเพื่อทำธุรกิจดังกล่าวล้มเหลว Anand และผู้ลงทุนบางรายของเขาจึงถาม Arora ว่าเธอสนใจเปิดร้านอาหารของตัวเองถัดลงไปตามถนนจาก Gaggan หรือไม่

ผลลัพธ์คือ Gaa มี Arora ถือหุ้น 20% ที่เหลืออีก 80% แบ่งส่วนการถือเท่าๆ กันโดย Anand และผู้ลงทุนของ Gaggan อีก 3 ราย ประกอบด้วยช่างตัดเสื้อในกรุงเทพฯ 2 ราย และบุคลากรด้านไอทีอีก 1 ราย “พวกเขาไม่เข้ามายุ่งกับฉัน และปล่อยให้ฉันดูแลด้วยตัวเอง” เธอกล่าว ร้านอาหารตั้งตามชื่อเธอเช่นกัน นั่นคือ Gaa จากตัวอักษร 2 ตัวแรกของชื่อต้นของ Arora และตัวอักษรแรกของนามสกุลเธอ ผู้ลงทุนมีเหตุผลน้อยนิดที่จะเข้ามาแทรกแซง Arora กล่าวว่า Gaa มาถึงจุดคุ้มทุนแล้ว

<figure><img class="size-full wp-image-10436" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/ร้านอาหาร-Gaa-Garima-Arora.jpg" alt="" width="800" height="533" /><figcaption> Garima สนุกกับการใช้เวลาในห้องครัว</figcaption></figure>

การเปลี่ยนผ่านอันยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเธอจากเชฟไปสู่ผู้ทำธุรกิจ ร้านอาหารคือการเรียนรู้ว่าพนักงานมาก่อน “คุณรับผิดชอบคนอื่นๆ อีก 30 คน” เธอกล่าว สมาชิกคนครัวของ Arora ทั้ง 12 คน ประกอบด้วยเชฟจาก 8 ประเทศ ที่รวมถึงโบลิเวียและฟิลิปปินส์ แม้มีความหลากหลาย แต่เธอก็ประสบความสำเร็จในการสร้างทีมอันแน่นแฟ้นเช่นนี้ ซึ่งพวกเขาออกกำลังกายแบบเข้มข้นด้วยกัน เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งบางครั้งก็ทำในห้องครัว

เธอกล่าวว่าตอนนี้เธอจัดการหลีกเลี่ยงการใช้อำนาจกดขี่ข่มเหง และดราม่าของเชฟเซเลบริตี้ ที่เธอเคยสัมผัสมาที่อื่น (คำใบ้: Ramsay) มีการเปิดเพลงบรรเลงในห้องครัวแทนเพื่อบรรเทาอารมณ์หงุดหงิด เธอกล่าวว่าความเสียใจเพียงอย่างเดียวของเธอคือการดูแลร้านอาหารซึ่งหมายถึง การใช้เวลาน้อยลงในครัว

เนื่องจาก ร้านอาหาร Gaa เปิด 7 วันต่อสัปดาห์ Arora จึงใช้เวลาที่ตื่นอยู่ทั้งหมดที่นั่น “คุณทำอาหารอันงดงามทั้งหมดนี่” เธอกล่าว “แต่คุณไม่เคยมีเวลาเพลิดเพลินกับมันเลย”

&nbsp;

เรื่อง: Anuradha Raghunathan
เรียบเรียง: ชูแอตต์

<hr />

<a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/1969cee6-51e1-4127-a766-351d15a867b8">คลิกอ่านบทความที่น่าสนใจอื่นๆ ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ มิถุนายน 2562 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/1969cee6-51e1-4127-a766-351d15a867b8"><img class="lazy alignnone wp-image-8479 lazy-loaded" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/cover-june.jpg" sizes="(max-width: 314px) 100vw, 314px" srcset="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/cover-june.jpg 730w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/cover-june-230x300.jpg 230w" alt="" width="314" height="410" data-lazy-type="image" data-lazy-src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/cover-june.jpg" data-lazy-srcset="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/cover-june.jpg 730w, https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/cover-june-230x300.jpg 230w" data-lazy-sizes="(max-width: 314px) 100vw, 314px" /></a>

Garima Arora ดาวรุ่งแห่ง 'ร้านอาหาร Gaa'

<h2 class="p3">น้ำขึ้นให้รีบตัก! เชฟคนดัง Gordon Ramsay แห่งรายการ MasterChef ดีลร่วมทุนกับ Lion Capital เทเม็ดเงิน 100 ล้านเหรียญเตรียมเปิดเชนร้านอาหาร 100 สาขาทั่วสหรัฐอเมริกา</h2>
แปลและเรียบเรียงจาก <a href="https://www.forbes.com/sites/chloesorvino/2019/06/26/gordon-ramsay-plots-100-us-restaurants-with-new-private-equity-deal/#17a5cb957b84">Gordon Ramsay Plots 100 U.S. Restaurants With New Private Equity Deal</a> โดย Chloe Sorvino ตีพิมพ์ครั้งแรกที่ Forbes.com
ในวันที่ขายดีของร้านอาหารสไตล์ pub and grill ของ เชฟคนดัง Gordon Ramsay ที่โรงแรม Caesars Palace เมือง Las Vegas ร้านอาหารแห่งนี้สามารถทำเงินได้วันละ 20,000 เหรียญจากเมนูฟิชแอนด์ชิปส์ พื้นที่ร้านขนาด 1,200 ตารางฟุตต้อนรับแขกวันละประมาณ​ 1,300 คน
โดย Ramsay ก่อตั้งร้านอาหารแห่งแรกในย่าน The Strip เมื่อปี 2012 จากนั้นจึงเปิดสาขาที่ Atlantic City และทั้ง 2 สาขาสามารถขายเมนูฟิชแอนด์ชิปส์ไปแล้วกว่า 3 แสนจาน “ร้านสามารถครองใจประเทศนี้ได้อย่างรวดเร็ว ผมเห็นได้จากคิวต่อแถวด้านนอกร้าน” Ramsay กล่าวกับ Forbes
ขณะที่ร้านสเต๊กของเขาซึ่งเปิดตัวเมื่อ 7 ปีก่อนที่โรงแรม Caesars’ Paris Las Vegas ก็ขยายสาขาไปยัง Atlantic City และ Baltimore ดึงดูดลูกค้าด้วยเมนู Beef Wellingtons (เมนูนี้ขายไปแล้วกว่า 2.5 แสนจานตั้งแต่ปี 2012) และเมนู Sticky Toffee Puddings (ขายไปมากกว่า 2 แสนจาน)


<figure><img class="" src="https://specials-images.forbesimg.com/imageserve/5d1389d8142c500008c7510e/960x0.jpg?fit=scale" alt="The restaurant concept, Gordon Ramsay Steak, launched in 2012 inside Caesar Entertainment's Paris Las Vegas Hotel &amp; Casino on the Las Vegas Strip." width="800" height="595" /><figcaption> ร้านอาหาร Gordon Ramsay Steak ในโรงแรมและคาสิโน Caesar Entertainment's Paris Las Vegas ก่อตั้งเมื่อปี 2012 (PHOTO CREDIT: Gordon Ramsay Steak)</figcaption></figure>

&nbsp;
<h2>5 แบรนด์ 100 สาขาใหม่ทั่วสหรัฐฯ</h2>
ดีมานด์ที่ท่วมท้นนี้จำเป็นต้องจับจังหวะให้ได้อย่างรวดเร็ว เป็นเหตุผลที่ทำให้ Ramsay เริ่มมองหาพาร์ทเนอร์เพื่อช่วยเขาขยายสาขาของแบรนด์ร้านอาหารนี้เมื่อราว 1 ปีก่อน “ผมไม่พร้อมที่จะถีบจักรยานคันนี้ขึ้นเขาด้วยตัวเอง ถ้าทำอย่างนั้นละก็ คงต้องใช้เวลาอีก 15 ปีกว่าจะสำเร็จ” Ramsay กล่าว “มาทำให้สำเร็จเดี๋ยวนี้เลยดีกว่า”
นำมาสู่การเซ็นสัญญาระหว่าง Ramsay กับ Lion Capital บริษัทไพรเวทอิควิตี้ที่มีสำนักงานใน London และ Los Angeles ผู้บริหารที่ช่วยขยายสาขาให้ร้าน Wagamama ร้านอาหารที่ขายก๋วยเตี๋ยวสไตล์เอเชีย รวมไปถึงร้านแบรนด์อื่นๆ เช่น Kettle Chips, Jimmy Cho 
ดีลนี้ทำให้ Lion และเชฟคนดังต่างถือหุ้น 50% เท่าๆ กันในร้านอาหาร Gordon Ramsay ทุกสาขาในทวีปอเมริกาเหนือ เชฟ Ramsay ปฏิเสธที่จะเปิดเผยมูลค่าการลงทุนครั้งนี้ แต่ดีลนี้มีเงื่อนไขให้ Lion ต้องลงทุนมูลค่า 100 ล้านเหรียญในช่วง 5 ปีจากนี้เพื่อสร้างอาณาจักรร้าน Gordon Ramsay ทั่วสหรัฐอเมริกา โดยพวกเขาคาดว่าจะเปิดร้านในทำเลใหม่ๆ อีก 100 สาขาทั่วประเทศภายในปี 2024
“ผมตกหลุมรักประเทศนี้เมื่อ 20 ปีก่อน มันมีความหวังอยู่ที่นี่ ส่วนเป้าหมายของผมในขณะนี้คือการลงหลักปักฐานหนึ่งในแบรนด์อาหารที่น่าตื่นเต้นที่สุดในอเมริกา” Ramsay กล่าว “ด้วยความเป็นคนบ้าการควบคุม ผมจำเป็นต้องมีพาร์ทเนอร์ที่ใช่ร่วมทางไปด้วยกัน มีหลายบริษัทมากที่ไม่ชอบอำนาจควบคุมในลักษณะนั้น สำหรับผม ความสัมพันธ์กับพันธมิตรจึงสำคัญอย่างยิ่ง”
ขณะนี้ Ramsay เป็นเจ้าของกิจการร้านอาหารอยู่แล้ว 8 แห่งใน Las Vegas, Atlantic City และ Baltimore โดยเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับ Caesars Entertainment ในจำนวนนี้เป็นร้านอาหารคอนเซปท์ 5 แห่งที่ Las Vegas ส่วนอีก 3 แห่งที่เหลือเป็นร้านอาหารแบรนด์ที่จะกลายเป็นร้านเชนสโตร์ที่ขยายสาขาภายใต้ดีลลงทุนครั้งใหม่ ได้แก่ Gordon Ramsay Steak, Gordon Ramsay Pub &amp; Grill และ Gordon Ramsay Fish &amp; Chips
นอกจากนี้ ดีลเจวีนี้จะดึงแบรนด์ใหม่อีก 2 แบรนด์ของเขามาเปิดในสหรัฐฯ คือ Gordon Ramsay Street Pizza และ Gordon Ramsay Bread Street Kitchen ซึ่งเขาบอกว่าร้านนี้จะเป็น “ร้าน Cheesecake Factory ที่ทันสมัย” ทั้งนี้ ร้าน Bread Street Kitchen นั้นประสบความสำเร็จอยู่แล้วในหลายเมือง คือ London, ฮ่องกง, Dubai และสิงคโปร์


<figure><img class="" src="https://www.gordonramsayrestaurants.com/assets/Uploads/_resampled/CroppedFocusedImage1920108050-50-2-Restaurant-Interior.jpg" alt="2 Restaurant Interior" width="800" height="493" /><figcaption> ร้านอาหาร Gordon Ramsay Bread Street Kitchen ใน London (PHOTO CREDIT: Bread Street Kitchen)</figcaption></figure>
“อาจจะดูเหมือนเป็นการโหมลงทุน แต่เราไม่ได้จะเปิดร้านอาหารแบรนด์เดียวกัน 80-90 แห่ง เราจะทำแบรนด์ที่มีหลายเลเยอร์แยกย่อยลงไป นี่เป็นส่วนที่ผมทำงานอย่างหนัก เราจะแตกทัพและยึดครอง”
สำหรับร้านอาหาร 15 แห่งของเขาใน London จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการลงทุนของ Lion ทั้งนี้ ข่าวการลงทุนของ Ramsay ในสหรัฐฯ​ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ Jamie Oliver เชฟชาวอังกฤษประกาศว่าจะปิดสาขาร้านอาหาร 22 แห่งใน 25 แห่งของเขาในสหราชอาณาจักร
“ตลาดที่นั่นเกิดภาวะอิ่มตัวอย่างมาก และคุณต้องระมัดระวังมากกับการขยายสาขาเยอะขนาดนั้น สถานการณ์ที่เขาต้องเจอนั้นช่างโชคร้าย แต่นั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้าคุณมีรถพ่วงขนาดยักษ์ที่ควบคุมไม่ได้ เป็นสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับการควบคุมมันอยู่เสมอ” Ramsay กล่าว “ผมคอยนั่งดูอย่างอดทน และเรียนรู้จากความผิดพลาดของผู้อื่น”
ทั้งนี้ Ramsay เป็นเชฟที่ติดอันดับในทำเนียบ Celeb 100 ของ Forbes มาแล้วถึง 6 ครั้ง โดยในปี 2018 เขาทำเงินได้ 62 ล้านเหรียญ ส่วนใหญ่มาจากการเป็นโปรดิวเซอร์และทำรายการ MasterChef, Hell’s Kitchen, MasterChef Jr. และ 24 Hours to Hell and Back ให้กับสถานีโทรทัศน์ Fox
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/world/celeb-100-%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94-10-%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%84%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b9%80%e0%b8%87%e0%b8%b4.html">CELEB 100 : เปิด 10 อันดับคนดังทำเงินสูงสุด ปี 2018 จากการจัดอันดับโดย Forbes</a></li>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/people/%e0%b8%9e%e0%b8%b4%e0%b8%8a%e0%b8%8d%e0%b8%b2-%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%97%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%98%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%a1-%e0%b9%80%e0%b8%8a%e0%b8%9f%e0%b8%ab%e0%b8%8d%e0%b8%b4%e0%b8%87%e0%b8%ad.html">พิชญา อุทารธรรม เชฟหญิงอนาคตไกล การันตีรางวัลระดับโลก-ปรุงทุกเมนูด้วยแรงบันดาลใจ</a></li>
</ul>

เชฟคนดัง Gordon Ramsay รับดีลร่วมลงทุน โหมเปิดร้านอาหาร 100 สาขาทั่วสหรัฐฯ

<h2>ชีวาศรมฯ เชิญเชฟ Keisuke Matsushima ฉลองเปิด ห้องอาหารดิเอเมอรอล ที่ได้รับการปรับโฉมและเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561</h2>
ชีวาศรมรีสอร์ท ต้อนรับเชฟ Keisuke Matsushima เชฟชาวญี่ปุ่นชื่อดังผู้เชี่ยวชาญอาหารนานาชาติ และเคยได้รับรางวัลเป็นเครื่องการันตี อาทิ Chevalier of the L’Ordre des Arts et des Lettres (Order of Arts and Letters) และรางวัล L’Ordre du Merite Agricole (Order of Agricultural Merit) เป็นต้น นอกจากนี้เขายังดำรงตาแหน่งเชฟใหญ่และเจ้าของร้าน Keisuke Matsushima ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และที่เมืองนิส ประเทศฝรั่งเศส

สืบเนื่องมาจากความสาเร็จในการร่วมมือกันระหว่างเชฟ Keisuke Matsushima และเชฟไพศาล ชีวินศิริวัฒน์ ผู้อำนวยการด้านอาหารและเครื่องดื่มจากชีวาศรมฯ ในครั้งแรกเมื่อปี 2554

<img class="alignnone size-full wp-image-3597" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/Chef-Keisuke-event-9.png" alt="" width="638" height="425" />

โดยปีนั้นชีวาศรมฯ ได้แลกเปลี่ยนความสามารถในการรังสรรค์เมนูระหว่างสองเชฟ โดยเชฟไพศาลได้เข้าไปปรุงอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ร้านของเชฟ Matsushima และ เชฟ Matsushima ก็มาเยือนชีวาศรมฯ เพื่อสร้างสรรค์เมนูพิเศษสำหรับแขกของรีสอร์ทเช่นกัน อีกทั้งในเดือนกันยายน ปี 2561 ที่ผ่านมา ด้านเชฟกัญญารัตน์ ถนอมแสง เชฟใหญ่จากชีวาศรมฯ ก็ได้รับเกียรติไปทานอาหารที่ร้าน Keisuke Matsushima ที่โตเกียวอีกครั้ง

การมาเยือนของเชฟ Matsushima ครั้งนี้ถือเป็นการมาเยือนรีสอร์ทเป็นครั้งที่สองเพื่อต้อนรับการกลับมาของห้องอาหารดิเอเมอรอล ซึ่งนอกจากเมนูอาหารอันหลากหลายที่เชฟสร้างสรรค์ขึ้นนั้น เชฟยังเปิดโอกาสให้แขกผู้เข้าพักชมการแสดงฝีมือการปรุงอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียนอันเป็นที่โด่งดังของเชฟในคลาสสอนทาอาหาร โดยใช้เมนูจากร้าน Keisuke Matsushima ของเชฟเองอีกด้วย

รายการอาหารของแต่ละวันมีดังนี้
<ul>
 	<li>8 ธันวาคม บาร์บิคิวบุฟเฟต์
ปลาน้ำดอกไม้ย่าง ถั่วและเห็ดพอร์ชินีตุ๋น กับซอสซาบายอน</li>
</ul>
&nbsp;

9 – 10 ธันวาคม อาหารมื้อค่า 4 คอร์ส ที่ห้องอาหารดิเอเมอรอล
<ul>
 	<li>9 ธันวาคม
หอยนางรมสดจากฝรั่งเศส ซอสต้นหอม
ปลาน้าดอกไม้ย่าง ถั่วและเห็ดพอร์ชินีตุ๋น กับซอสซาบายอน
ซี่โครงแกะกับสตูว์ผักแบบฝรั่งเศสและซอสโหระพา
ซุปผักมินิสโตรเน่กับเชอร์เบทนมขมิ้นและบาวารัวส์มะม่วง</li>
</ul>
&nbsp;

<figure><img class="wp-image-3598 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/Grilled-Barracuda-served-with-bean-stew-and-Porchini-mushroom-sabayon.png" alt="ปลาน้าดอกไม้ย่าง ถั่วและเห็ดพอร์ชินีตุ๋น กับซอสซาบายอน" width="638" height="425" /><figcaption> ปลาน้าดอกไม้ย่าง ถั่วและเห็ดพอร์ชินีตุ๋น กับซอสซาบายอน</figcaption></figure>

<figure><img class="wp-image-3599 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/French-Oysters-served-with-spring-onion-coulis.png" alt="หอยนางรมสดจากฝรั่งเศส ซอสต้นหอม" width="638" height="425" /><figcaption> หอยนางรมสดจากฝรั่งเศส ซอสต้นหอม</figcaption></figure>

<figure><img class="wp-image-3596 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/Chilled-Minestrone-with-mango-bavarois-and-golden-milk-sorbet.png" alt="ซุปผักมินิสโตรเน่กับเชอร์เบทนมขมิ้นและบาวารัวส์มะม่วง" width="638" height="425" /><figcaption> ซุปผักมินิสโตรเน่กับเชอร์เบทนมขมิ้นและบาวารัวส์มะม่วง</figcaption></figure>
<ul>
 	<li>10 ธันวาคม
ทาร์ทากุ้งกับซุปครีมกุ้งมังกร เยลลี่ขิงและไข่ปลาคาเวียร์
หอยเชล์ย่างกับอาร์ติโชค
มิลล์เฟยเนื้อสันใน วาซาบิและเทมปุระ
ช็อคโกแลตมูส โรยถั่วเฮเซลนัทครัมเบิ้ล ไอศครีมกาแฟ เยลลี่กาแฟและคุ้กกี้โกโก้</li>
</ul>
<ul>
 	<li>11 ธันวาคม จัดคลาสสอนทาอาหารให้กับแขกผู้เข้าพักที่ชีวาศรมฯ ในมื้อกลางวัน
สตูว์ผักแบบฝรั่งเศส
ไก่อบสูตรไม่ใส่เกลือ
หอยเชล์ย่างกับอาร์ติโชค</li>
</ul>
<img class="alignnone wp-image-3602 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/Chef-Keisuke-event-7.png" alt="ชีวาศรมฯ" width="638" height="425" />

การกลับมาครั้งนี้ของเชฟ Keisuke Matsushima ได้รับการตอบรับที่ดีจากแขกผู้เข้าพักกับชีวาศรมรีสอร์ทฯเป็นอย่างมาก ซึ่งถือเป็นการต้อนรับการกลับมาของห้องอาหารดิเอเมอรอลได้อย่างน่าประทับใจ

ชีวาศรมฯ เชิญเชฟ Keisuke ฉลองเปิด ห้องอาหารดิเอเมอรอล

<div>
<h2 class="ace-copy-paste-skip-this-tag">Tables Grill ร้านอาหารอายุ 9 ปีในโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ เพิ่งจะยกเครื่องเปลี่ยนสไตล์ร้านอาหารและ Chef de Cuisine คนใหม่มาเป็นร้านสไตล์ฝรั่งเศส เสนอเมนูฟูลคอร์สพร้อมตัวเลือกชีสจาก Barnard Antony และไวน์หายาก</h2>
</div>
ร้านอาหาร Tables Grill บนชั้น 1 โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กำลังเตรียมงานในครัวและจัดตกแต่งโต๊ะปูผ้าปูสีขาวใต้แสงเทียน บรรยากาศโดยรวมตกแต่งด้วยไม้สีน้ำตาลอบอุ่นและแสงไฟสีส้ม

ปัจจุบัน Tables Grill ได้เชฟ Hans Zahner เชฟชาวฝรั่งเศสที่ย้ายมาจากห้องอาหาร Sir Elly โรงแรม The Peninsula Shanghai ประเทศจีน มาประจำตำแหน่ง Chef de Cuisine ร้านจึงเปลี่ยนเมนูอาหารทั้งหมดเป็นสไตล์ฝรั่งเศส

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/f640070879804e8ca585bc96ac5b1b9c.jpg" alt="" />

Zahner กล่าวกับ Forbes Thailand ว่าเขาเลือกย้ายมาประจำประเทศไทยเพราะการมาถึงของมิชลิน สตาร์ที่เริ่มให้ดาวมิชลินกับร้านอาหารในกรุงเทพฯ เมื่อปีที่แล้ว นับเป็นความท้าทายใหม่ที่ทำให้เขาต้องการมาร่วมงานในไทย

สำหรับสไตล์อาหาร Zahner ยังคงความถนัดในสไตล์อาหารฝรั่งเศสที่ใช้วัตถุดิบชั้นดี เขาได้ยกเมนูจากประเทศจีนมาที่ Tables Grill โดยปรับเปลี่ยนบางเมนูให้มีความเป็นไทยขึ้น เช่น เมนูซุปปูยักษ์อลาสก้า และวัตถุดิบบางส่วนมีการปรับมาใช้ของไทย เช่น พืชผักส่วนใหญ่จะมาจากโครงการหลวงทางภาคเหนือ ส่วนวัตถุดิบอื่นๆ มาจากหลากหลายแหล่งทั่วโลก

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/6c19d43497f459504138e4e305bb4eb7.jpg" alt="" width="638" height="597" /><figcaption> Hans Zahner เชฟแห่งร้าน Tables Grill</figcaption></figure>

เมนูแนะนำของทางร้านจะเป็นเมนูฟูลคอร์สสำหรับมื้อเย็น มีให้เลือกทั้งแบบคอร์ส 5 จาน หรือคอร์ส 7 จาน เสริมด้วยตัวเลือกชีสตบท้ายมื้ออาหารก่อนเข้าสู่ช่วงของหวาน โดยวันนี้ Forbes Thailand ขอเลือกคอร์สแบบ 5 จานมานำเสนอโฉมใหม่ของร้าน Tables Grill

&nbsp;

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/3d63a6e408b75cbf4a116f15490a6f92.jpg" alt="" />

David Herve Boudeuse Oyster หอยนางรมจากฟาร์มในฝรั่งเศสคำโตชิ้นนุ่ม มีซอสที่ช่วยตัดรสเค็มและกลิ่นคาวของหอยนางรมเป็นเจลลี่ที่ทำจากตะไคร้และแอปเปิ้ลรสเปรี้ยวเล็กน้อย พร้อมกับบีทรูทพูเรกรอบๆ ช่วยเสริม texture ในปากตัดกับความนุ่มของหอย ตัวหอยเสิร์ฟมาบนจานสีขาวและเกลือสีฟ้าสดสื่อถึงท้องทะเลที่อาหารจานนี้เติบโตมา เป็นจานแรกที่เรียกความสนใจในมื้ออาหารได้อย่างดี

&nbsp;

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/ecca2200f855d3dae6961e5dc262471e.jpg" alt="" />

Brittany Royal Sea Bass ปลากะพงจาก Brittany ประเทศฝรั่งเศส ตัวเนื้อปลาบดจะค่อนข้างยุ่ยและมีรสเค็ม เสิร์ฟมาพร้อมกับไข่ปลาคาเวียร์สีดำด้านบนและน้ำมันมะกอกด้านล่างพร้อมเจลลี่แครอท ตัวเจลลี่จะมีรสออกหวานเพื่อมาตัดกับรสเค็มของปลา

&nbsp;

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/b3fe0420046931f8ad893ecf89da3d38.jpg" alt="" />

Alaskan King Crab เป็นเมนูที่เชฟ Zahner ปรับสูตรให้มีความเป็นไทยเข้ามาผสม ลักษณะคล้ายกับซุปข้นที่มีโฟมหนาอยู่ด้านบน ตัวซุปมีเนื้อปูยักษ์อลาสก้าในแกงแดงของไทยแต่ลดความเผ็ดลงเพื่อให้ชาวต่างชาติรับประทานง่ายและเป็นกลิ่นเนยที่หอมหวลเข้ามาแทนที่กลิ่นแกง ด้านบนโฟมมีเครื่องเทศโรย ทำให้ต้องรับประทานขณะที่ยังร้อนๆ เพื่อรับกลิ่นเครื่องเทศ

&nbsp;

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/ad10464414bf1b66643d3af84cc36c36.jpg" alt="" />

Roasted Australian Lamb เนื้อลูกแกะส่วนสันในย่างมาแบบมีเดียมแรร์กำลังดี ตัวเนื้อนุ่มหนึบและกลิ่นไม่สาบมากและให้รสเค็มพอดี ส่วนที่เซอร์ไพรส์คือแครอทมิลเฟย แครอทสไลด์บางซ้อนเป็นชั้นมีรสหวานและนุ่มมาก ควรรับประทานเนื้อกับแครอทพร้อมกันในคำเดียวจะได้รสชาติที่ผสมกลมกล่อม การจัดจานเมนูนี้ยังน่ารับประทานด้วยซอสยี่หร่าสีส้มที่ทาลงบนพื้นจานสีขาว และแครอทหั่นเต๋าเล็กๆ น่ารัก

&nbsp;

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/b896e021d92188ad6ce3d7668c8abd9b.jpg" alt="" />

Lemon and Rhubarb ไอศกรีมซอร์เบรูบาร์บเสิร์ฟคู่กับครีมเลมอนและซอสราสเบอร์รี่ รองด้านล่างด้วยครัมเบิลถั่วเฮเซลนัท ความเปรี้ยวสดชื่นของไอศกรีมรูบาร์บและครีมเลมอนตัดรสเนื้อที่ทิ้งค้างในปากจากจานก่อนหน้าได้เป็นอย่างดี

&nbsp;

ภาพรวมของฟูลคอร์สมื้อนี้เป็นอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยที่ใส่กลิ่นอายไทยเล็กน้อย รสชาติพื้นฐานจะออกทางรสอ่อนๆ เน้นชูรสวัตถุดิบหลักจำพวกเนื้อสัตว์ โดยระหว่างคอร์สก่อนที่จะถึงเมนูของหวาน สามารถเลือกเพิ่มชุดตัวเลือกชีสจาก Bernard Antony ที่จะเสิร์ฟมาบนเขียงไม้ขนาดยาวให้ได้ลองชิมชีสนำเข้าหลายประเภท เป็นตัวเลือกที่คนรักชีสไม่ควรพลาด

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/b9d10ba4f31213228a48d8fa6fa7fed2.jpg" alt="" />
Artisan Cheese Selection

นอกจากนี้ ร้าน Tables Grill ยังมีไวน์จำนวนมากให้เลือกสรร และร้านจะจับคู่ไวน์กับอาหารในคอร์สให้ด้วย โดย Sylvain Meme ผู้จัดการร้านบอกกับเราว่าทางร้านมีไวน์ขวดไฮไลต์เป็นไวน์หวาน Les Jardins de Babylone Jurancon ปี 2011 ซึ่งมีจำหน่ายที่ Tables Grill แห่งเดียวในกรุงเทพฯ

&nbsp;

ชื่อร้าน: Tables Grill
สไตล์: ฝรั่งเศส
พิกัด: ชั้น 1 โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ ถนนราชดำริ
วัน/เวลาทำการ: มื้อเย็น ทุกวัน 18.00-22.00น.
ราคา: ฟูลคอร์ส 5 จาน 2,900 บาท (Cheese Selection +420 บาท)

&nbsp;

<iframe src="https://www.youtube.com/embed/uzF9tMp2tCc" width="560" height="315" frameborder="0" allowfullscreen="allowfullscreen" data-mce-fragment="1"></iframe>

ภาพนิ่ง: กิตตินันท์ สังข์นิยม
วิดีโอ: ฐานิธ จันทร์สว่าง

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events